Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๑๐. กีฎาคิริสุตฺตวณฺณนา

    10. Kīṭāgirisuttavaṇṇanā

    ๑๗๔. ปญฺจ อานิสํเสติ อปฺปาพาธตาทิเก ปญฺจ คุเณฯ ตตฺถ อกฺขิโรคกุจฺฉิโรคาทีนํ อภาโว อปฺปาพาธตาฯ สรีเร เตสํ กุปฺปนทุกฺขสฺส อภาโว อปฺปาตงฺกํฯ สรีรสฺส อุฎฺฐานสุขตา ลหุฎฺฐานํฯ พลํ นาม กายพลํฯ ผาสุวิหาโร อิริยาปถสุขตาฯ อนุปกฺขนฺทานีติ ทุจฺจชนวเสน สตฺตานํ อนุปวิฎฺฐานิฯ สญฺชานิสฺสถาติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, ตสฺมา อิติ เอวํ อานิสํสนฺติ อโตฺถฯ

    174.Pañcaānisaṃseti appābādhatādike pañca guṇe. Tattha akkhirogakucchirogādīnaṃ abhāvo appābādhatā. Sarīre tesaṃ kuppanadukkhassa abhāvo appātaṅkaṃ. Sarīrassa uṭṭhānasukhatā lahuṭṭhānaṃ. Balaṃ nāma kāyabalaṃ. Phāsuvihāro iriyāpathasukhatā. Anupakkhandānīti duccajanavasena sattānaṃ anupaviṭṭhāni. Sañjānissathāti ettha iti-saddo ādiattho, tasmā iti evaṃ ānisaṃsanti attho.

    ๑๗๕. อาวาเส นิยุตฺตาติ อาวาสิกา ตสฺส อนติวตฺตนโตฯ เตนาห ‘‘นิพทฺธวาสิโน’’ติ, นิยตวาสิโนติ อโตฺถฯ ตนฺนิพนฺธาติ นิพนฺธํ วุจฺจติ พฺยาปาโร, ตตฺถ พนฺธา ปสุตา อุสฺสุกาติ ตนฺนิพนฺธาฯ กถํ เต ตตฺถ นิพนฺธาติ อาห ‘‘อกตํ เสนาสน’’นฺติอาทิฯ อุปฺปชฺชนเกน กาเลน ปตฺตพฺพํ กาลิกํ โส ปน กาโล อนาคโต เอว โหตีติ อาห ‘‘อนาคเต กาเล ปตฺตพฺพ’’นฺติฯ

    175. Āvāse niyuttāti āvāsikā tassa anativattanato. Tenāha ‘‘nibaddhavāsino’’ti, niyatavāsinoti attho. Tannibandhāti nibandhaṃ vuccati byāpāro, tattha bandhā pasutā ussukāti tannibandhā. Kathaṃ te tattha nibandhāti āha ‘‘akataṃ senāsana’’ntiādi. Uppajjanakena kālena pattabbaṃ kālikaṃ so pana kālo anāgato eva hotīti āha ‘‘anāgate kāle pattabba’’nti.

    ๑๗๘. เอตฺตกา เวทนา เสวิตพฺพาติ อฎฺฐารสปิ เนกฺขมฺมนิสฺสิตา เวทนา เสวิตพฺพา, เคหสฺสิตา น เสวิตฺพฺพา

    178.Ettakā vedanā sevitabbāti aṭṭhārasapi nekkhammanissitā vedanā sevitabbā, gehassitā na sevitbbā.

    ๑๘๑. ตํ กตํ โสฬสวิธสฺสปิ กิจฺจสฺส นิฎฺฐิตตฺตาฯ อนุโลมิกานีติ อุตุสุขภาเวน อนุรูปานิฯ เตนาห ‘‘กมฺมฎฺฐานสปฺปายานี’’ติฯ สมานํ กุรุมานาติ โอมตฺตตํ อธิมตฺตตญฺจ ปหาย สมกิจฺจตํ สมฺปาเทนฺตาฯ

    181.Taṃ kataṃ soḷasavidhassapi kiccassa niṭṭhitattā. Anulomikānīti utusukhabhāvena anurūpāni. Tenāha ‘‘kammaṭṭhānasappāyānī’’ti. Samānaṃ kurumānāti omattataṃ adhimattatañca pahāya samakiccataṃ sampādentā.

    ๑๘๒. เต เทฺว โหนฺตีติ เต อาทิโต วุตฺตา เทฺวฯ

    182.Te dve hontīti te ādito vuttā dve.

    อุภโต (อ. นิ. ฎี. ๓.๗.๑๔) อุภยถา อุโภหิ ภาเคหิ วิมุโตฺตติ อุภโตภาควิมุโตฺต เอกเทสสรูเปกเสสนเยนฯ ตถา หิ วุตฺตํ อภิธมฺมฎฺฐกถายํ (ปุ. ป. อฎฺฐ. ๒๔) ‘‘ทฺวีหิ ภาเคหิ เทฺว วาเร วิมุโตฺตติ อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติฯ ตตฺถ เกจิ ตาว เถรา – ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมเกฺขน, มเคฺคน สมุเจฺฉทวิโมเกฺขน วิมุโตฺตติ อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ วทนฺติฯ อเญฺญ เถรา – ‘‘อยํ อุภโตภาควิมุโตฺต รูปโต มุจฺจิตฺวา นามํ นิสฺสาย ฐิโต ปุน ตโต มุจฺจนโต นามนิสฺสิตโก’’ติ วตฺวา ตสฺส จ สาธกํ –

    Ubhato (a. ni. ṭī. 3.7.14) ubhayathā ubhohi bhāgehi vimuttoti ubhatobhāgavimutto ekadesasarūpekasesanayena. Tathā hi vuttaṃ abhidhammaṭṭhakathāyaṃ (pu. pa. aṭṭha. 24) ‘‘dvīhi bhāgehi dve vāre vimuttoti ubhatobhāgavimutto’’ti. Tattha keci tāva therā – ‘‘samāpattiyā vikkhambhanavimokkhena, maggena samucchedavimokkhena vimuttoti ubhatobhāgavimutto’’ti vadanti. Aññe therā – ‘‘ayaṃ ubhatobhāgavimutto rūpato muccitvā nāmaṃ nissāya ṭhito puna tato muccanato nāmanissitako’’ti vatvā tassa ca sādhakaṃ –

    ‘‘อจฺจิ ยถา วาตเวเคน ขิตฺตา, (อุปสิวาติ ภควา,)

    ‘‘Acci yathā vātavegena khittā, (upasivāti bhagavā,)

    อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺขํ;

    Atthaṃ paleti na upeti saṅkhaṃ;

    เอวํ มุนิ นามกายา วิมุโตฺต,

    Evaṃ muni nāmakāyā vimutto,

    อตฺถํ ปเลติ น อุเปติ สงฺข’’นฺติฯ (สุ. นิ. ๑๐๘๐; จูฬนิ. อุปสีวมาณวปุจฺฉา ๑๑; อุปสีวมาณวปุจฺฉานิเทฺทส ๔๓) –

    Atthaṃ paleti na upeti saṅkha’’nti. (su. ni. 1080; cūḷani. upasīvamāṇavapucchā 11; upasīvamāṇavapucchāniddesa 43) –

    อิมํ สุตฺตปทํ วตฺวา ‘‘นามกายโต จ รูปกายโต จ สุวิมุตฺตตฺตา อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ วทนฺติฯ สุเตฺต หิ อากิญฺจญฺญายตนลาภิโน อุปสิวพฺราหฺมณสฺส ภควตา นามกายา วิมุโตฺตติ อุภโตภาควิมุโตฺตติ อกฺขาโตติฯ อปเร ปน ‘‘สมาปตฺติยา วิกฺขมฺภนวิโมเกฺขน เอกวารํ วิมุโตฺต, มเคฺคน สมุเจฺฉทวิโมเกฺขน เอกวารํ วิมุโตฺตติ เอวํ อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ วทนฺติฯ เอตฺถ ปฐมวาเท ทฺวีหิ ภาเคหิ วิมุโตฺตติ อุภโตภาควิมุโตฺตฯ ทุติยวาเท อุภโตภาคโต วิมุโตฺตติ อุภโตภาควิมุโตฺตฯ ตติยวาเท ปน ทฺวีหิ ภาเคหิ เทฺว วาเร วิมุโตฺตติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ กิเลเสหิ วิมุโตฺต กิเลสา วา วิกฺขมฺภนสมุเจฺฉเทหิ กายทฺวยโต วิมุตฺตา อสฺสาติ อยมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เตนาห ‘‘ทฺวีหิ ภาเคหี’’ติอาทิฯ

    Imaṃ suttapadaṃ vatvā ‘‘nāmakāyato ca rūpakāyato ca suvimuttattā ubhatobhāgavimutto’’ti vadanti. Sutte hi ākiñcaññāyatanalābhino upasivabrāhmaṇassa bhagavatā nāmakāyā vimuttoti ubhatobhāgavimuttoti akkhātoti. Apare pana ‘‘samāpattiyā vikkhambhanavimokkhena ekavāraṃ vimutto, maggena samucchedavimokkhena ekavāraṃ vimuttoti evaṃ ubhatobhāgavimutto’’ti vadanti. Ettha paṭhamavāde dvīhi bhāgehi vimuttoti ubhatobhāgavimutto. Dutiyavāde ubhatobhāgato vimuttoti ubhatobhāgavimutto. Tatiyavāde pana dvīhi bhāgehi dve vāre vimuttoti ayametesaṃ viseso. Kilesehi vimutto kilesā vā vikkhambhanasamucchedehi kāyadvayato vimuttā assāti ayamattho daṭṭhabbo. Tenāha ‘‘dvīhi bhāgehī’’tiādi.

    โสติ อุภโตภาควิมุโตฺตฯ กามเญฺจตฺถ รูปาวจรจตุตฺถชฺฌานมฺปิ อรูปาวจรชฺฌานํ วิย ทุวงฺคิกํ อาเนญฺชปฺปตฺตนฺติ วุจฺจติฯ ตํ ปน ปทฎฺฐานํ กตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺต อุภโตภาควิมุโตฺต นาม น โหติ รูปกายโต อวิมุตฺตตฺตาฯ ตญฺหิ กิเลสกายโตว วิมุตฺตํ, น รูปกายโต, ตสฺมา ตโต วุฎฺฐาย อรหตฺตํ ปโตฺต อุภโตภาควิมุโตฺต น โหตีติ อาห – ‘‘จตุนฺนํ อรูป…เป.… ปญฺจวิโธ โหตี’’ติฯ ‘‘รูปี รูปานิ ปสฺสตี’’ติอาทิเก นิโรธสมาปตฺติอเนฺต อฎฺฐ วิโมเกฺข วตฺวา – ‘‘ยโต จ โข, อานนฺท, ภิกฺขุ อิเม อฎฺฐ วิโมเกฺข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ, ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺติ, อยํ วุจฺจติ, อานนฺท, ภิกฺขุ อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ ยทิปิ มหานิทาเน (ที. นิ. ๒.๑๒๙-๑๓๐) วุตฺตํ, ตํ ปน อุภโตภาควิมุตฺตเสฎฺฐวเสน วุตฺตนฺติ อิธ สพฺพอุภโตภาควิมุตฺตสงฺคหณตฺถํ ‘‘ปญฺจวิโธ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ปาฬิ ปเนตฺถ…เป.… อภิธเมฺม อฎฺฐวิโมกฺขลาภิโน วเสน อาคตา’’ติ อาหฯ อิธาปิ หิ กีฎาคิริสุเตฺต ‘‘อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ ปุคฺคโล…เป.… อุภโตภาควิมุโตฺต’’ติ อรูปสมาปตฺติวเสน จตฺตาโร อุภโตภาควิมุตฺตา, เสโฎฺฐ จ วุโตฺต วุตฺตลกฺขณูปปตฺติโตฯ ยถาวุเตฺตสุ หิ ปญฺจสุ ปุริมา จตฺตาโร นิโรธํ น สมาปชฺชนฺตีติ ปริยาเยน อุภโตภาควิมุตฺตา นามฯ อฎฺฐสมาปตฺติลาภี อนาคามี ตํ สมาปชฺชิตฺวา ตโต วุฎฺฐาย วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺตติ นิปฺปริยาเยน อุภโตภาควิมุตฺตเสโฎฺฐ นามฯ

    Soti ubhatobhāgavimutto. Kāmañcettha rūpāvacaracatutthajjhānampi arūpāvacarajjhānaṃ viya duvaṅgikaṃ āneñjappattanti vuccati. Taṃ pana padaṭṭhānaṃ katvā arahattaṃ patto ubhatobhāgavimutto nāma na hoti rūpakāyato avimuttattā. Tañhi kilesakāyatova vimuttaṃ, na rūpakāyato, tasmā tato vuṭṭhāya arahattaṃ patto ubhatobhāgavimutto na hotīti āha – ‘‘catunnaṃ arūpa…pe… pañcavidho hotī’’ti. ‘‘Rūpī rūpāni passatī’’tiādike nirodhasamāpattiante aṭṭha vimokkhe vatvā – ‘‘yato ca kho, ānanda, bhikkhu ime aṭṭha vimokkhe kāyena phusitvā viharati, paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā honti, ayaṃ vuccati, ānanda, bhikkhu ubhatobhāgavimutto’’ti yadipi mahānidāne (dī. ni. 2.129-130) vuttaṃ, taṃ pana ubhatobhāgavimuttaseṭṭhavasena vuttanti idha sabbaubhatobhāgavimuttasaṅgahaṇatthaṃ ‘‘pañcavidho hotī’’ti vatvā ‘‘pāḷi panettha…pe… abhidhamme aṭṭhavimokkhalābhino vasena āgatā’’ti āha. Idhāpi hi kīṭāgirisutte ‘‘idha, bhikkhave, ekacco puggalo…pe… ubhatobhāgavimutto’’ti arūpasamāpattivasena cattāro ubhatobhāgavimuttā, seṭṭho ca vutto vuttalakkhaṇūpapattito. Yathāvuttesu hi pañcasu purimā cattāro nirodhaṃ na samāpajjantīti pariyāyena ubhatobhāgavimuttā nāma. Aṭṭhasamāpattilābhī anāgāmī taṃ samāpajjitvā tato vuṭṭhāya vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pattoti nippariyāyena ubhatobhāgavimuttaseṭṭho nāma.

    กตโม จ ปุคฺคโลติอาทีสุ กตโมติ ปุจฺฉาวจนํ, ปุคฺคโลติ อสาธารณโต ปุจฺฉิตพฺพวจนํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ สาสเนฯ เอกโจฺจติ เอโก ฯ อฎฺฐ วิโมเกฺข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตีติ อฎฺฐ สมาปตฺติโย สหชาตนามกาเยน ปฎิลภิตฺวา วิหรติฯ ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ วิปสฺสนาปญฺญาย สงฺขารคตํ, มคฺคปญฺญาย จตฺตาริ สจฺจานิ ปสฺสิตฺวา จตฺตาโรปิ อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Katamo ca puggalotiādīsu katamoti pucchāvacanaṃ, puggaloti asādhāraṇato pucchitabbavacanaṃ. Idhāti imasmiṃ sāsane. Ekaccoti eko . Aṭṭha vimokkhe kāyena phusitvā viharatīti aṭṭha samāpattiyo sahajātanāmakāyena paṭilabhitvā viharati. Paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā hontīti vipassanāpaññāya saṅkhāragataṃ, maggapaññāya cattāri saccāni passitvā cattāropi āsavā parikkhīṇā hontīti evamattho daṭṭhabbo.

    ปญฺญาวิมุโตฺตติ วิเสสโต ปญฺญาย เอว วิมุโตฺต, น ตสฺสา ปติฎฺฐานภูเตน อฎฺฐวิโมกฺขสงฺขาเตน สาติสเยน สมาธินาติ ปญฺญาวิมุโตฺตฯ โย อริโย อนธิคตอฎฺฐวิโมเกฺขน สพฺพโส อาสเวหิ วิมุโตฺต, ตเสฺสตํ อธิวจนํฯ อธิคเตปิ หิ รูปชฺฌานวิโมเกฺข น โส สาติสยสมาธินิสฺสิโตติ น ตสฺส วเสน อุภโตภาควิมุโตฺต โหตีติ วุโตฺตวายมโตฺถฯ อรูปชฺฌาเนสุ ปน เอกสฺมิมฺปิ สติ อุภโตภาควิมุโตฺตเยว นาม โหติฯ เตน หิ อฎฺฐวิโมเกฺขกเทเสน ตํนามทานสมเตฺถน อฎฺฐวิโมกฺขลาภีเตฺวว วุจฺจติฯ สมุทาเย หิ ปวโตฺต โวหาโร อวยเวปิ ทิสฺสติ ยถา ‘‘สตฺติสโย’’ติฯ ปาฬีติ อภิธมฺมปาฬิฯ เอตฺถาติ เอติสฺสํ ปญฺญาวิมุตฺติกถายํฯ อฎฺฐวิโมกฺขปฎิเกฺขปวเสเนวาติ อวธารเณน อิธาปิ ปฎิเกฺขปวเสเนว อาคตภาวํ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘กาเยน ผุสิตฺวา วิหรตี’’ติฯ

    Paññāvimuttoti visesato paññāya eva vimutto, na tassā patiṭṭhānabhūtena aṭṭhavimokkhasaṅkhātena sātisayena samādhināti paññāvimutto. Yo ariyo anadhigataaṭṭhavimokkhena sabbaso āsavehi vimutto, tassetaṃ adhivacanaṃ. Adhigatepi hi rūpajjhānavimokkhe na so sātisayasamādhinissitoti na tassa vasena ubhatobhāgavimutto hotīti vuttovāyamattho. Arūpajjhānesu pana ekasmimpi sati ubhatobhāgavimuttoyeva nāma hoti. Tena hi aṭṭhavimokkhekadesena taṃnāmadānasamatthena aṭṭhavimokkhalābhītveva vuccati. Samudāye hi pavatto vohāro avayavepi dissati yathā ‘‘sattisayo’’ti. Pāḷīti abhidhammapāḷi. Etthāti etissaṃ paññāvimuttikathāyaṃ. Aṭṭhavimokkhapaṭikkhepavasenevāti avadhāraṇena idhāpi paṭikkhepavaseneva āgatabhāvaṃ dasseti. Tenāha ‘‘kāyena phusitvā viharatī’’ti.

    ผุฎฺฐนฺตํ สจฺฉิกโรตีติ ผุฎฺฐานํ อโนฺต ผุฎฺฐโนฺต, ผุฎฺฐานํ อรูปชฺฌานานํ อนนฺตโร กาโลติ อธิปฺปาโยฯ อจฺจนฺตสํโยเค เจตํ อุปโยควจนํ, ผุฎฺฐานนฺตรกาลเมว สจฺฉิกโรติ สจฺฉิกาตโพฺพปาเยนาติ วุตฺตํ โหติฯ ภาวนปุํสกํ วา เอตํ ‘‘เอกมนฺตํ นิสีที’’ติอาทีสุ (ปารา. ๒) วิยฯ โย หิ อรูปชฺฌาเนน รูปกายโต นามกาเยกเทสโต จ วิกฺขมฺภนวิโมเกฺขน วิมุโตฺต, เตน นิโรธสงฺขาโต วิโมโกฺข อาโลจิโต ปกาสิโต วิย โหติ, น ปน กาเยน สจฺฉิกโต, นิโรธํ ปน อารมฺมณํ กตฺวา เอกเจฺจสุ อาสเวสุ เขปิเตสุ เตน โส สจฺฉิกโต โหติ, ตสฺมา โส สจฺฉิกาตพฺพํ นิโรธํ ยถาอาโลจิตํ นามกาเยน สจฺฉิกโรตีติ ‘‘กายสกฺขี’’ติ วุจฺจติ, น ตุ ‘‘วิมุโตฺต’’ติ เอกจฺจานํ อาสวานํ อปริกฺขีณตฺตาฯ เตนาห – ‘‘ฌานผสฺสํ ปฐมํ ผุสติ, ปจฺฉา นิโรธํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตี’’ติฯ อยํ จตุนฺนํ อรูปสมาปตฺตีนํ เอเกกโต วุฎฺฐาย สงฺขาเร สมฺมสิตฺวา กายสกฺขิภาวํ ปตฺตานํ จตุนฺนํ, นิโรธา วุฎฺฐาย อคฺคมคฺคปฺปตฺตอนาคามิโน จ วเสน อุภโตภาควิมุโตฺต วิย ปญฺจวิโธ นาม โหติฯ เตน วุตฺตํ อภิธมฺมฎีกายํ ‘‘กายสกฺขิมฺหิปิ เอเสว นโย’’ติฯ

    Phuṭṭhantaṃ sacchikarotīti phuṭṭhānaṃ anto phuṭṭhanto, phuṭṭhānaṃ arūpajjhānānaṃ anantaro kāloti adhippāyo. Accantasaṃyoge cetaṃ upayogavacanaṃ, phuṭṭhānantarakālameva sacchikaroti sacchikātabbopāyenāti vuttaṃ hoti. Bhāvanapuṃsakaṃ vā etaṃ ‘‘ekamantaṃ nisīdī’’tiādīsu (pārā. 2) viya. Yo hi arūpajjhānena rūpakāyato nāmakāyekadesato ca vikkhambhanavimokkhena vimutto, tena nirodhasaṅkhāto vimokkho ālocito pakāsito viya hoti, na pana kāyena sacchikato, nirodhaṃ pana ārammaṇaṃ katvā ekaccesu āsavesu khepitesu tena so sacchikato hoti, tasmā so sacchikātabbaṃ nirodhaṃ yathāālocitaṃ nāmakāyena sacchikarotīti ‘‘kāyasakkhī’’ti vuccati, na tu ‘‘vimutto’’ti ekaccānaṃ āsavānaṃ aparikkhīṇattā. Tenāha – ‘‘jhānaphassaṃ paṭhamaṃ phusati, pacchā nirodhaṃ nibbānaṃ sacchikarotī’’ti. Ayaṃ catunnaṃ arūpasamāpattīnaṃ ekekato vuṭṭhāya saṅkhāre sammasitvā kāyasakkhibhāvaṃ pattānaṃ catunnaṃ, nirodhā vuṭṭhāya aggamaggappattaanāgāmino ca vasena ubhatobhāgavimutto viya pañcavidho nāma hoti. Tena vuttaṃ abhidhammaṭīkāyaṃ ‘‘kāyasakkhimhipi eseva nayo’’ti.

    ทิฎฺฐนฺตํ ปโตฺตติ ทสฺสนสงฺขาตสฺส โสตาปตฺติมคฺคญาณสฺส อนนฺตรํ ปโตฺตติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘ทิฎฺฐตฺตา ปโตฺต’’ติปิ ปาโฐฯ เอเตน จตุสจฺจทสฺสนสงฺขาตาย ทิฎฺฐิยา นิโรธสฺส ปตฺตตํ ทีเปติฯ เตนาห ‘‘ทุกฺขา สงฺขารา, สุโข นิโรโธติ ญาตํ โหตี’’ติฯ ตตฺถ ปญฺญายาติ มคฺคปญฺญายฯ ปฐมผลฎฺฐโต ยาว อคฺคมคฺคฎฺฐา, ตาว ทิฎฺฐิปฺปโตฺตฯ เตนาห ‘‘โสปิ กายสกฺขิ วิย ฉพฺพิโธ โหตี’’ติฯ ยถา ปน ปญฺญาวิมุโตฺต ปญฺจวิโธ วุโตฺต, เอวํ อยมฺปิ สุกฺขวิปสฺสโก, จตูหิ รูปชฺฌาเนหิ วุฎฺฐาย ทิฎฺฐิปฺปตฺตภาวปฺปตฺตา จตฺตาโร จาติ ปญฺจวิโธ โหตีติ เวทิตโพฺพฯ สทฺธาวิมุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ อิทํ ทุกฺขนฺติ เอตฺตกํ ทุกฺขํ, น อิโต อุทฺธํ ทุกฺขนฺติฯ ยถาภูตํ ปชานาตีติ ฐเปตฺวา ตณฺหํ อุปาทานกฺขนฺธปญฺจกํ ทุกฺขสจฺจนฺติ ยาถาวโต ปชานาติฯ ยสฺมา ปน ตณฺหา ทุกฺขํ ชเนติ นิพฺพเตฺตติ, ตโต ตํ ทุกฺขํ สมุเทติ, ตสฺมา นํ ‘‘อยํ ทุกฺขสมุทโย’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติ ยสฺมา ปน อิทํ ทุกฺขํ สมุทโย จ นิพฺพานํ ปตฺวา นิรุชฺฌติ อปฺปวตฺติํ คจฺฉติ, ตสฺมา ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรโธ’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ อริโย ปน อฎฺฐงฺคิโก มโคฺค ตํ ทุกฺขนิโรธํ คจฺฉติ, เตน ‘‘อยํ ทุกฺขนิโรธคามินิปฎิปทา’’ติ ยถาภูตํ ปชานาติฯ เอตฺตาวตา นานกฺขเณ สจฺจววตฺถานํ ทสฺสิตํฯ อิทานิ ตํ เอกกฺขเณ ทเสฺสตุํ ‘‘ตถาคตปฺปเวทิตา’’ติอาทิ วุตฺตํ, ตสฺสโตฺถ อาคมิสฺสติฯ

    Diṭṭhantaṃ pattoti dassanasaṅkhātassa sotāpattimaggañāṇassa anantaraṃ pattoti vuttaṃ hoti. ‘‘Diṭṭhattā patto’’tipi pāṭho. Etena catusaccadassanasaṅkhātāya diṭṭhiyā nirodhassa pattataṃ dīpeti. Tenāha ‘‘dukkhā saṅkhārā, sukho nirodhoti ñātaṃ hotī’’ti. Tattha paññāyāti maggapaññāya. Paṭhamaphalaṭṭhato yāva aggamaggaṭṭhā, tāva diṭṭhippatto. Tenāha ‘‘sopi kāyasakkhi viya chabbidho hotī’’ti. Yathā pana paññāvimutto pañcavidho vutto, evaṃ ayampi sukkhavipassako, catūhi rūpajjhānehi vuṭṭhāya diṭṭhippattabhāvappattā cattāro cāti pañcavidho hotīti veditabbo. Saddhāvimuttepi eseva nayo. Idaṃ dukkhanti ettakaṃ dukkhaṃ, na ito uddhaṃ dukkhanti. Yathābhūtaṃ pajānātīti ṭhapetvā taṇhaṃ upādānakkhandhapañcakaṃ dukkhasaccanti yāthāvato pajānāti. Yasmā pana taṇhā dukkhaṃ janeti nibbatteti, tato taṃ dukkhaṃ samudeti, tasmā naṃ ‘‘ayaṃ dukkhasamudayo’’ti yathābhūtaṃ pajānāti yasmā pana idaṃ dukkhaṃ samudayo ca nibbānaṃ patvā nirujjhati appavattiṃ gacchati, tasmā ‘‘ayaṃ dukkhanirodho’’ti yathābhūtaṃ pajānāti. Ariyo pana aṭṭhaṅgiko maggo taṃ dukkhanirodhaṃ gacchati, tena ‘‘ayaṃ dukkhanirodhagāminipaṭipadā’’ti yathābhūtaṃ pajānāti. Ettāvatā nānakkhaṇe saccavavatthānaṃ dassitaṃ. Idāni taṃ ekakkhaṇe dassetuṃ ‘‘tathāgatappaveditā’’tiādi vuttaṃ, tassattho āgamissati.

    สทฺธาย วิมุโตฺตติ เอเตน สพฺพถา อวิมุตฺตสฺสปิ สทฺธามเตฺตน วิมุตฺตภาโว ทีปิโต โหติฯ สทฺธาวิมุโตฺตติ วา สทฺธาย อธิมุโตฺตติ อโตฺถฯ วุตฺตนเยเนวาติ ‘‘โสตาปตฺติผล’’นฺติอาทินา วุตฺตนเยนฯ สทฺทหนฺตสฺสาติ ‘‘เอกํสโต อยํ ปฎิปทา กิเลสกฺขยํ อาวหติ สมฺมาสมฺพุเทฺธน ภาสิตตฺตา’’ติ เอวํ สทฺทหนฺตสฺสฯ ยสฺมา ปนสฺส อนิจฺจานุปสฺสนาทีหิ นิจฺจสญฺญาปหานวเสน ภาวนาย ปุเพฺพนาปรํ วิเสสํ ปสฺสโต ตตฺถ ตตฺถ ปจฺจกฺขตาปิ อตฺถิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘สทฺทหนฺตสฺส วิยา’’ติฯ เสสปททฺวยํ ตเสฺสว เววจนํฯ เอตฺถ จ ปุพฺพภาคมคฺคภาวนาติ วจเนน อาคมนียปฎิปทานานเตฺตน สทฺธาวิมุตฺตทิฎฺฐิปฺปตฺตานํ ปญฺญานานตฺตํ โหตีติ ทสฺสิตํฯ อภิธมฺมฎฺฐกถายมฺปิ (ปุ. ป. อฎฺฐ. ๒๘) ‘‘เนสํ กิเลสปฺปหาเน นานตฺตํ นตฺถิ, ปญฺญาย นานตฺตํ อตฺถิเยวา’’ติ วตฺวา – ‘‘อาคมนียนานเตฺตเนว สทฺธาวิมุโตฺต ทิฎฺฐิปฺปตฺตํ น ปาปุณาตีติ สนฺนิฎฺฐานํ กต’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Saddhāya vimuttoti etena sabbathā avimuttassapi saddhāmattena vimuttabhāvo dīpito hoti. Saddhāvimuttoti vā saddhāya adhimuttoti attho. Vuttanayenevāti ‘‘sotāpattiphala’’ntiādinā vuttanayena. Saddahantassāti ‘‘ekaṃsato ayaṃ paṭipadā kilesakkhayaṃ āvahati sammāsambuddhena bhāsitattā’’ti evaṃ saddahantassa. Yasmā panassa aniccānupassanādīhi niccasaññāpahānavasena bhāvanāya pubbenāparaṃ visesaṃ passato tattha tattha paccakkhatāpi atthi, tasmā vuttaṃ ‘‘saddahantassa viyā’’ti. Sesapadadvayaṃ tasseva vevacanaṃ. Ettha ca pubbabhāgamaggabhāvanāti vacanena āgamanīyapaṭipadānānattena saddhāvimuttadiṭṭhippattānaṃ paññānānattaṃ hotīti dassitaṃ. Abhidhammaṭṭhakathāyampi (pu. pa. aṭṭha. 28) ‘‘nesaṃ kilesappahāne nānattaṃ natthi, paññāya nānattaṃ atthiyevā’’ti vatvā – ‘‘āgamanīyanānatteneva saddhāvimutto diṭṭhippattaṃ na pāpuṇātīti sanniṭṭhānaṃ kata’’nti vuttaṃ.

    ปญฺญาสงฺขาตํ ธมฺมํ อธิมตฺตตาย ปุพฺพงฺคมํ หุตฺวา ปวตฺตํ อนุสฺสรตีติ ธมฺมานุสารีฯ เตนาห ‘‘ธโมฺม’’ติอาทิฯ สทฺธํ อนุสฺสรติ สทฺธาปุพฺพงฺคมํ มคฺคํ ภาเวตีติ อิมมตฺถํ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อติทิสติฯ ปญฺญํ วาเหตีติ ปญฺญาวาหี, ปญฺญํ สาติสยํ ปวเตฺตตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘ปญฺญาปุพฺพงฺคมํ อริยมคฺคํ ภาเวตี’’ติฯ สทฺธาวาหินฺติ เอตฺถ วุตฺตนเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อุภโตภาควิมุตฺตาทิกถาติ อุภโตภาควิมุตฺตาทีสุ อาคมนโต ปฎฺฐาย วตฺตพฺพกถาฯ เอเตสนฺติ ยถาวุตฺตานํ อุภโตภาควิมุตฺตาทีนํฯ อิธาติ อิมสฺมิํ กีฎาคิริสุเตฺตฯ นนุ จ อฎฺฐสมาปตฺติลาภิวเสน อุภโตภาควิมุโตฺต กายสกฺขีอาทโย จ อภิธเมฺม อาคตา, กถมิธ อรูปชฺฌานลาภีวเสเนว อุทฺธฎาติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ยสฺมา’’ติอาทิฯ

    Paññāsaṅkhātaṃ dhammaṃ adhimattatāya pubbaṅgamaṃ hutvā pavattaṃ anussaratīti dhammānusārī. Tenāha ‘‘dhammo’’tiādi. Saddhaṃ anussarati saddhāpubbaṅgamaṃ maggaṃ bhāvetīti imamatthaṃ ‘‘eseva nayo’’ti atidisati. Paññaṃ vāhetīti paññāvāhī, paññaṃ sātisayaṃ pavattetīti attho. Tenāha ‘‘paññāpubbaṅgamaṃ ariyamaggaṃ bhāvetī’’ti. Saddhāvāhinti ettha vuttanayena attho veditabbo. Ubhatobhāgavimuttādikathāti ubhatobhāgavimuttādīsu āgamanato paṭṭhāya vattabbakathā. Etesanti yathāvuttānaṃ ubhatobhāgavimuttādīnaṃ. Idhāti imasmiṃ kīṭāgirisutte. Nanu ca aṭṭhasamāpattilābhivasena ubhatobhāgavimutto kāyasakkhīādayo ca abhidhamme āgatā, kathamidha arūpajjhānalābhīvaseneva uddhaṭāti codanaṃ sandhāyāha ‘‘yasmā’’tiādi.

    ผุสิตฺวา ปตฺวาฯ ปญฺญาย จสฺส ทิสฺวา อาสวา ปริกฺขีณา โหนฺตีติ น อาสวา ปญฺญาย ปสฺสียนฺติ, ทสฺสนการณา ปญฺญาย ปริกฺขีณา ‘‘ทิสฺวา ปญฺญาย ปริกฺขีณา’’ติ วุตฺตาฯ ทสฺสนายตฺตปริกฺขยตฺตา เอว หิ ทสฺสนํ อาสวานํ ขยสฺส ปุริมกิริยา โหตีติฯ ตถาคเตน ปเวทิตาติ โพธิมเณฺฑ นิสีทิตฺวา ตถาคเตน ปฎิวิทฺธา วิทิตา ปจฺฉา ปเรสํ ปากฎีกตาฯ ‘‘จตุสจฺจธมฺมา’’ติ วตฺวา ตทโนฺตคธตฺตา สีลาทีนํ ‘‘อิมสฺมิํ ฐาเน สีลํ กถิต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อเตฺถนาติ อวิปฺปฎิสาราทิปโยชเนน ตสฺมิํ ตสฺมิํ ปีติอาทิเกน อเตฺถนฯ การเณนาติ สปฺปุริสูปนิสฺสยาทินา การเณน ตสฺมิํ ตสฺมิํ สมาธิอาทิปทฎฺฐานตาย สีลาทิ การเณฯ จิณฺณจริตตฺตาติ สทฺธาจิณฺณภาเวน สโมฺพธาวหภาเวฯ ตตฺถ ตตฺถ วิจริตา วิเสเสน จริตา, เตสุ เตน ปญฺญา สุฎฺฐุ จราปิตาติ อโตฺถฯ ปติฎฺฐิตา โหติ มเคฺคน อาคตตฺตาฯ มตฺตาย ปริตฺตปฺปมาเณนฯ โอโลกนํ ขมนฺติ, ปญฺญาย คเหตพฺพตํ อุเปนฺติฯ

    Phusitvā patvā. Paññāya cassa disvā āsavā parikkhīṇā hontīti na āsavā paññāya passīyanti, dassanakāraṇā paññāya parikkhīṇā ‘‘disvā paññāya parikkhīṇā’’ti vuttā. Dassanāyattaparikkhayattā eva hi dassanaṃ āsavānaṃ khayassa purimakiriyā hotīti. Tathāgatena paveditāti bodhimaṇḍe nisīditvā tathāgatena paṭividdhā viditā pacchā paresaṃ pākaṭīkatā. ‘‘Catusaccadhammā’’ti vatvā tadantogadhattā sīlādīnaṃ ‘‘imasmiṃ ṭhāne sīlaṃ kathita’’ntiādi vuttaṃ. Atthenāti avippaṭisārādipayojanena tasmiṃ tasmiṃ pītiādikena atthena. Kāraṇenāti sappurisūpanissayādinā kāraṇena tasmiṃ tasmiṃ samādhiādipadaṭṭhānatāya sīlādi kāraṇe. Ciṇṇacaritattāti saddhāciṇṇabhāvena sambodhāvahabhāve. Tattha tattha vicaritā visesena caritā, tesu tena paññā suṭṭhu carāpitāti attho. Patiṭṭhitā hoti maggena āgatattā. Mattāya parittappamāṇena. Olokanaṃ khamanti, paññāya gahetabbataṃ upenti.

    ตโยติ กายสกฺขิทิฎฺฐิปฺปตฺตสทฺธาวิมุตฺตาฯ ยถาฐิโตว ปาฬิอโตฺถ, น ตตฺถ กิญฺจิ นิทฺธาเรตฺวา วตฺตพฺพํ อตฺถีติ สุตฺตนฺตปริยาเยน อวุตฺตํ วทติฯ ตสฺส มคฺคสฺสาติ โสตาปตฺติมคฺคสฺส ยํ กาตพฺพํ, ตสฺส อธิคตตฺตาฯ อุปริ ปน ติณฺณํ มคฺคานํ อตฺถาย เสวมานา อนุโลมเสนาสนํ, ภชมานา กลฺยาณมิเตฺต, สมนฺนานยมานา อินฺทฺริยานิ อนุปุเพฺพน ภาวนามคฺคปฺปฎิปาฎิยา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสนฺติ มคฺคสฺส อเนกจิตฺตกฺขณิกตายาติ อยเมตฺถ สุตฺตปเทเส ปาฬิยา อโตฺถฯ

    Tayoti kāyasakkhidiṭṭhippattasaddhāvimuttā. Yathāṭhitova pāḷiattho, na tattha kiñci niddhāretvā vattabbaṃ atthīti suttantapariyāyena avuttaṃ vadati. Tassa maggassāti sotāpattimaggassa yaṃ kātabbaṃ, tassa adhigatattā. Upari pana tiṇṇaṃ maggānaṃ atthāya sevamānā anulomasenāsanaṃ, bhajamānā kalyāṇamitte, samannānayamānā indriyāni anupubbena bhāvanāmaggappaṭipāṭiyā arahattaṃ pāpuṇissanti maggassa anekacittakkhaṇikatāyāti ayamettha suttapadese pāḷiyā attho.

    อิมเมว ปาฬิํ คเหตฺวาติ ‘‘กตโม จ ปุคฺคโล สทฺธานุสารี’’ติ มคฺคเฎฺฐ ปุคฺคเล วตฺวา ‘‘อิมสฺส โข อหํ, ภิกฺขเว’’ติอาทินา เตสํ วเสน อนุโลมเสนาสนเสวนาทีนํ วุตฺตตฺตา อิมเมว ยถาวุตฺตํ ปาฬิปเทสํ คเหตฺวา ‘‘โลกุตฺตรธโมฺม พหุจิตฺตกฺขณิโก’’ติ วทติฯ โส วตฺตโพฺพติ โส วิตณฺฑวาที เอวํ วตฺตโพฺพฯ ยทิ มคฺคฎฺฐปุคฺคเล วตฺวา อนุโลมิกเสนาสนเสวนาทิ ปาฬิยํ วุตฺตนฺติ มคฺคสมงฺคิโน เอว หุตฺวา เต ตถา ปฎิปชฺชนฺติ, เอวํ สเนฺต เสนาสนปฎิสํยุตฺตรูปาทิวิปสฺสนคฺคหณสฺมิํ ตว มเตน มคฺคสมงฺคิโน เอว อาปเชฺชยฺยุํ, น เจตํ เอวํ โหติ, ตสฺมา สุตฺตํ เม ลทฺธนฺติ ยํ กิญฺจิ มา กเถหีติ วาเรตโพฺพฯ เตนาห ‘‘ยทิ อเญฺญน จิเตฺตนา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เอวํ สเนฺตติ นานาจิเตฺตเนว เสนาสนปฎิเสวนาทิเก สติฯ ตตฺถ ปาฬิยํ ยทิ โลกุตฺตรธมฺมสมงฺคิโน เอว ปญฺจวิญฺญาณสมงฺคิกาเลปิ โลกุตฺตรสมงฺคิตํ สเจ สมฺปฎิจฺฉสิ, สตฺถารา สทฺธิํ ปฎิวิรุชฺฌสิ สุตฺตวิโรธทีปนโตฯ เตนาห ‘‘สตฺถารา หี’’ติอาทิฯ ธมฺมวิจารณา นาม ตุยฺหํ อวิสโย, ตสฺมา ยาคุํ ปิวาหีติ อุโยฺยเชตโพฺพ

    Imamevapāḷiṃ gahetvāti ‘‘katamo ca puggalo saddhānusārī’’ti maggaṭṭhe puggale vatvā ‘‘imassa kho ahaṃ, bhikkhave’’tiādinā tesaṃ vasena anulomasenāsanasevanādīnaṃ vuttattā imameva yathāvuttaṃ pāḷipadesaṃ gahetvā ‘‘lokuttaradhammo bahucittakkhaṇiko’’ti vadati. So vattabboti so vitaṇḍavādī evaṃ vattabbo. Yadi maggaṭṭhapuggale vatvā anulomikasenāsanasevanādi pāḷiyaṃ vuttanti maggasamaṅgino eva hutvā te tathā paṭipajjanti, evaṃ sante senāsanapaṭisaṃyuttarūpādivipassanaggahaṇasmiṃ tava matena maggasamaṅgino eva āpajjeyyuṃ, na cetaṃ evaṃ hoti, tasmā suttaṃ me laddhanti yaṃ kiñci mā kathehīti vāretabbo. Tenāha ‘‘yadi aññena cittenā’’tiādi. Tattha evaṃ santeti nānācitteneva senāsanapaṭisevanādike sati. Tattha pāḷiyaṃ yadi lokuttaradhammasamaṅgino eva pañcaviññāṇasamaṅgikālepi lokuttarasamaṅgitaṃ sace sampaṭicchasi, satthārā saddhiṃ paṭivirujjhasi suttavirodhadīpanato. Tenāha ‘‘satthārā hī’’tiādi. Dhammavicāraṇā nāma tuyhaṃ avisayo, tasmā yāguṃ pivāhīti uyyojetabbo.

    ๑๘๓. อาทิเกเนวาติ ปฐเมเนวฯ อนุปุพฺพสิกฺขาติ อนุปุเพฺพเนว ปวตฺตสิกฺขายฯ เตนาห ‘‘กรณเตฺถ ปจฺจตฺตวจน’’นฺติฯ สทฺธา ชาตา เอตสฺสาติ สทฺธาชาโต, อคฺยาหิตาติปเกฺขเปน ชาต-สทฺทสฺส ปจฺฉาวจนํ ฯ เอวเมตนฺติ อธิมุจฺจนํ โอกปฺปนิยสทฺธาฯ สนฺติเก นิสีทติ อุปฎฺฐานวเสนฯ สาธุกํ กตฺวา ธาเรตีติ ยถาสุตํ ธมฺมํ วาจุคฺคตกรณวเสน ตํ ปคุณํ กตฺวา สารวเสน ธาเรติฯ ฉโนฺท ชายตีติ ธเมฺมสุ นิชฺฌานกฺขเมสุ อิเม ธเมฺม ภาวนาปญฺญาย ปจฺจกฺขโต อุสฺสามีติ กตฺตุกมฺยตากุสลจฺฉโนฺท ชายติฯ อุสฺสหตีติ ฉโนฺท อุปฺปาทมเตฺต อฎฺฐตฺวา ตโต ภาวนารมฺภวเสน อุสฺสหติฯ ตุลยติติ สมฺมสนวเสน สงฺขาเรฯ ตีรณวิปสฺสนาย ตุลยโนฺตติ ตีรณปริญฺญาย ชานิตฺวา อุปริ ปหานปริญฺญาย วเสน ปริตุลยโนฺต ปฎิชานโนฺตฯ มคฺคปธานํ ปทหตีติ มคฺคลกฺขณํ ปธานิกํ มคฺคํ ปทหติฯ เปสิตจิโตฺตติ นิพฺพานํ ปติ เปสิตจิโตฺตฯ นามกาเยนาติ มคฺคปฺปฎิปาฎิยา ตํตํมคฺคสมฺปยุตฺตนามกาเยนฯ น ปน กิญฺจิ อาหาติ ทูรตาย สมานํ น กิญฺจิ วจนํ ภควา อาห เต ทฬฺหตรํ นิคฺคณฺหิตุํฯ

    183.Ādikenevāti paṭhameneva. Anupubbasikkhāti anupubbeneva pavattasikkhāya. Tenāha ‘‘karaṇatthe paccattavacana’’nti. Saddhā jātā etassāti saddhājāto, agyāhitātipakkhepena jāta-saddassa pacchāvacanaṃ . Evametanti adhimuccanaṃ okappaniyasaddhā. Santike nisīdati upaṭṭhānavasena. Sādhukaṃ katvā dhāretīti yathāsutaṃ dhammaṃ vācuggatakaraṇavasena taṃ paguṇaṃ katvā sāravasena dhāreti. Chando jāyatīti dhammesu nijjhānakkhamesu ime dhamme bhāvanāpaññāya paccakkhato ussāmīti kattukamyatākusalacchando jāyati. Ussahatīti chando uppādamatte aṭṭhatvā tato bhāvanārambhavasena ussahati. Tulayatiti sammasanavasena saṅkhāre. Tīraṇavipassanāya tulayantoti tīraṇapariññāya jānitvā upari pahānapariññāya vasena paritulayanto paṭijānanto. Maggapadhānaṃ padahatīti maggalakkhaṇaṃ padhānikaṃ maggaṃ padahati. Pesitacittoti nibbānaṃ pati pesitacitto. Nāmakāyenāti maggappaṭipāṭiyā taṃtaṃmaggasampayuttanāmakāyena. Na pana kiñci āhāti dūratāya samānaṃ na kiñci vacanaṃ bhagavā āha te daḷhataraṃ niggaṇhituṃ.

    ๑๘๔. ปเณน โวหาเรน พฺยากรณํ ปณวิยา, ปณวิยา อภาเวน โอปณวิยา, น อุเปตีติ น ยุชฺชติฯ นฺติ อิทํ อิธ อธิเปฺปตํ ปโณ ปณวิยํ ทเสฺสตุํฯ ตยิทํ สพฺพํ ภควา ‘‘มยํ โข, อาวุโส, สายเญฺจว ภุญฺชามา’’ติ อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ วุตฺตํ สิกฺขาย อวตฺตนภาวทีปนวจนํ สนฺธาย วทติฯ

    184. Paṇena vohārena byākaraṇaṃ paṇaviyā, paṇaviyā abhāvena opaṇaviyā, na upetīti na yujjati. Tanti idaṃ idha adhippetaṃ paṇo paṇaviyaṃ dassetuṃ. Tayidaṃ sabbaṃ bhagavā ‘‘mayaṃ kho, āvuso, sāyañceva bhuñjāmā’’ti assajipunabbasukehi vuttaṃ sikkhāya avattanabhāvadīpanavacanaṃ sandhāya vadati.

    อุกฺขิปิตฺวาติ สีเสน คเหตฺวา วิย สมาทายฯ อนุธโมฺมติ อนุรูโป สภาโว, สาวกภาวสฺส อนุจฺฉวิกา ปฎิปตฺติฯ โรหนียนฺติ วิรุฬฺหิภาวํฯ สินิยฺหติ เอตฺถ, เอเตน วาติ สิเนโห, การณํฯ ตํ เอตฺถ อตฺถีติ สิเนหวนฺตํ, ปาทกนฺติ อโตฺถฯ ตโจ เอกํ องฺคนฺติ ตโจ วีรปกฺขภาเว เอกมงฺคํฯ ปธานํ อนุยุญฺชนฺตสฺส หิ ตเจ ปลุชฺชมาเนปิ ตํนิมิตฺตํ อโวสานํ อนาปชฺชนกเสฺสว วีริยสฺส เอกํ องฺคํ เอกํ การณํฯ เอวํ เสเสสุ วตฺตพฺพํฯ เตนาห – ‘‘อรหตฺตํ อปฺปตฺวา น วุฎฺฐหิสฺสามีติ เอวํ ปฎิปชฺชตี’’ติฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Ukkhipitvāti sīsena gahetvā viya samādāya. Anudhammoti anurūpo sabhāvo, sāvakabhāvassa anucchavikā paṭipatti. Rohanīyanti viruḷhibhāvaṃ. Siniyhati ettha, etena vāti sineho, kāraṇaṃ. Taṃ ettha atthīti sinehavantaṃ, pādakanti attho. Taco ekaṃ aṅganti taco vīrapakkhabhāve ekamaṅgaṃ. Padhānaṃ anuyuñjantassa hi tace palujjamānepi taṃnimittaṃ avosānaṃ anāpajjanakasseva vīriyassa ekaṃ aṅgaṃ ekaṃ kāraṇaṃ. Evaṃ sesesu vattabbaṃ. Tenāha – ‘‘arahattaṃ appatvā na vuṭṭhahissāmīti evaṃ paṭipajjatī’’ti. Sesaṃ suviññeyyameva.

    กีฎาคิริสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Kīṭāgirisuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.

    นิฎฺฐิตา จ ภิกฺขุวคฺควณฺณนาฯ

    Niṭṭhitā ca bhikkhuvaggavaṇṇanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๑๐. กีฎาคิริสุตฺตํ • 10. Kīṭāgirisuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. กีฎาคิริสุตฺตวณฺณนา • 10. Kīṭāgirisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact