Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๑๑. โกธนสุตฺตํ

    11. Kodhanasuttaṃ

    ๖๔. ‘‘สตฺติเม , ภิกฺขเว, ธมฺมา สปตฺตกนฺตา สปตฺตกรณา โกธนํ อาคจฺฉนฺติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วาฯ กตเม สตฺต? อิธ, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ ทุพฺพโณฺณ อสฺสา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส วณฺณวตาย นนฺทติฯ โกธโนยํ 1, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต, กิญฺจาปิ โส โหติ สุนฺหาโต สุวิลิโตฺต กปฺปิตเกสมสฺสุ โอทาตวตฺถวสโน 2; อถ โข โส ทุพฺพโณฺณว โหติ โกธาภิภูโตฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปฐโม ธโมฺม สปตฺตกโนฺต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วาฯ

    64. ‘‘Sattime , bhikkhave, dhammā sapattakantā sapattakaraṇā kodhanaṃ āgacchanti itthiṃ vā purisaṃ vā. Katame satta? Idha, bhikkhave, sapatto sapattassa evaṃ icchati – ‘aho vatāyaṃ dubbaṇṇo assā’ti! Taṃ kissa hetu? Na, bhikkhave, sapatto sapattassa vaṇṇavatāya nandati. Kodhanoyaṃ 3, bhikkhave, purisapuggalo kodhābhibhūto kodhapareto, kiñcāpi so hoti sunhāto suvilitto kappitakesamassu odātavatthavasano 4; atha kho so dubbaṇṇova hoti kodhābhibhūto. Ayaṃ, bhikkhave, paṭhamo dhammo sapattakanto sapattakaraṇo kodhanaṃ āgacchati itthiṃ vā purisaṃ vā.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ ทุกฺขํ สเยยฺยา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส สุขเสยฺยาย นนฺทติฯ โกธโนยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต, กิญฺจาปิ โส ปลฺลเงฺก เสติ โคนกตฺถเต ปฎลิกตฺถเต กทลิมิคปวรปจฺจตฺถรเณ สอุตฺตรจฺฉเท อุภโตโลหิตกูปธาเน; อถ โข โส ทุกฺขเญฺญว เสติ โกธาภิภูโตฯ อยํ, ภิกฺขเว, ทุติโย ธโมฺม สปตฺตกโนฺต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, sapatto sapattassa evaṃ icchati – ‘aho vatāyaṃ dukkhaṃ sayeyyā’ti! Taṃ kissa hetu? Na, bhikkhave, sapatto sapattassa sukhaseyyāya nandati. Kodhanoyaṃ, bhikkhave, purisapuggalo kodhābhibhūto kodhapareto, kiñcāpi so pallaṅke seti gonakatthate paṭalikatthate kadalimigapavarapaccattharaṇe sauttaracchade ubhatolohitakūpadhāne; atha kho so dukkhaññeva seti kodhābhibhūto. Ayaṃ, bhikkhave, dutiyo dhammo sapattakanto sapattakaraṇo kodhanaṃ āgacchati itthiṃ vā purisaṃ vā.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ น ปจุรโตฺถ อสฺสา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส ปจุรตฺถตาย นนฺทติ ฯ โกธโนยํ , ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต, อนตฺถมฺปิ คเหตฺวา ‘อโตฺถ เม คหิโต’ติ มญฺญติ , อตฺถมฺปิ คเหตฺวา ‘อนโตฺถ เม คหิโต’ติ มญฺญติฯ ตสฺสิเม ธมฺมา อญฺญมญฺญํ วิปจฺจนีกา คหิตา ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขาย สํวตฺตนฺติ โกธาภิภูตสฺสฯ อยํ, ภิกฺขเว, ตติโย ธโมฺม สปตฺตกโนฺต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, sapatto sapattassa evaṃ icchati – ‘aho vatāyaṃ na pacurattho assā’ti! Taṃ kissa hetu? Na, bhikkhave, sapatto sapattassa pacuratthatāya nandati . Kodhanoyaṃ , bhikkhave, purisapuggalo kodhābhibhūto kodhapareto, anatthampi gahetvā ‘attho me gahito’ti maññati , atthampi gahetvā ‘anattho me gahito’ti maññati. Tassime dhammā aññamaññaṃ vipaccanīkā gahitā dīgharattaṃ ahitāya dukkhāya saṃvattanti kodhābhibhūtassa. Ayaṃ, bhikkhave, tatiyo dhammo sapattakanto sapattakaraṇo kodhanaṃ āgacchati itthiṃ vā purisaṃ vā.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ น โภควา อสฺสา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส โภควตาย นนฺทติฯ โกธนสฺส, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคลสฺส โกธาภิภูตสฺส โกธปเรตสฺส, เยปิสฺส เต โหนฺติ โภคา อุฎฺฐานวีริยาธิคตา พาหาพลปริจิตา เสทาวกฺขิตฺตา ธมฺมิกา ธมฺมลทฺธา, เตปิ ราชาโน ราชโกสํ ปเวเสนฺติ โกธาภิภูตสฺสฯ อยํ, ภิกฺขเว, จตุโตฺถ ธโมฺม สปตฺตกโนฺต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, sapatto sapattassa evaṃ icchati – ‘aho vatāyaṃ na bhogavā assā’ti! Taṃ kissa hetu? Na, bhikkhave, sapatto sapattassa bhogavatāya nandati. Kodhanassa, bhikkhave, purisapuggalassa kodhābhibhūtassa kodhaparetassa, yepissa te honti bhogā uṭṭhānavīriyādhigatā bāhābalaparicitā sedāvakkhittā dhammikā dhammaladdhā, tepi rājāno rājakosaṃ pavesenti kodhābhibhūtassa. Ayaṃ, bhikkhave, catuttho dhammo sapattakanto sapattakaraṇo kodhanaṃ āgacchati itthiṃ vā purisaṃ vā.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ น ยสวา อสฺสา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส ยสวตาย นนฺทติฯ โกธโนยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต, โยปิสฺส โส โหติ ยโส อปฺปมาทาธิคโต, ตมฺหาปิ ธํสติ โกธาภิภูโตฯ อยํ, ภิกฺขเว, ปญฺจโม ธโมฺม สปตฺตกโนฺต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, sapatto sapattassa evaṃ icchati – ‘aho vatāyaṃ na yasavā assā’ti! Taṃ kissa hetu? Na, bhikkhave, sapatto sapattassa yasavatāya nandati. Kodhanoyaṃ, bhikkhave, purisapuggalo kodhābhibhūto kodhapareto, yopissa so hoti yaso appamādādhigato, tamhāpi dhaṃsati kodhābhibhūto. Ayaṃ, bhikkhave, pañcamo dhammo sapattakanto sapattakaraṇo kodhanaṃ āgacchati itthiṃ vā purisaṃ vā.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ น มิตฺตวา อสฺสา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส มิตฺตวตาย นนฺทติฯ โกธนํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคลํ โกธาภิภูตํ โกธปเรตํ, เยปิสฺส เต โหนฺติ มิตฺตามจฺจา ญาติสาโลหิตา, เตปิ อารกา ปริวชฺชนฺติ โกธาภิภูตํฯ อยํ, ภิกฺขเว, ฉโฎฺฐ ธโมฺม สปตฺตกโนฺต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, sapatto sapattassa evaṃ icchati – ‘aho vatāyaṃ na mittavā assā’ti! Taṃ kissa hetu? Na, bhikkhave, sapatto sapattassa mittavatāya nandati. Kodhanaṃ, bhikkhave, purisapuggalaṃ kodhābhibhūtaṃ kodhaparetaṃ, yepissa te honti mittāmaccā ñātisālohitā, tepi ārakā parivajjanti kodhābhibhūtaṃ. Ayaṃ, bhikkhave, chaṭṭho dhammo sapattakanto sapattakaraṇo kodhanaṃ āgacchati itthiṃ vā purisaṃ vā.

    ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส เอวํ อิจฺฉติ – ‘อโห วตายํ กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปเชฺชยฺยา’ติ! ตํ กิสฺส เหตุ? น, ภิกฺขเว, สปโตฺต สปตฺตสฺส สุคติคมเน นนฺทติฯ โกธโนยํ, ภิกฺขเว, ปุริสปุคฺคโล โกธาภิภูโต โกธปเรโต กาเยน ทุจฺจริตํ จรติ, วาจาย ทุจฺจริตํ จรติ, มนสา ทุจฺจริตํ จรติฯ โส กาเยน ทุจฺจริตํ จริตฺวา วาจาย…เป.… กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปชฺชติ โกธาภิภูโตฯ อยํ, ภิกฺขเว, สตฺตโม ธโมฺม สปตฺตกโนฺต สปตฺตกรโณ โกธนํ อาคจฺฉติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วาฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, สตฺต ธมฺมา สปตฺตกนฺตา สปตฺตกรณา โกธนํ อาคจฺฉนฺติ อิตฺถิํ วา ปุริสํ วา’’ติฯ

    ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, sapatto sapattassa evaṃ icchati – ‘aho vatāyaṃ kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjeyyā’ti! Taṃ kissa hetu? Na, bhikkhave, sapatto sapattassa sugatigamane nandati. Kodhanoyaṃ, bhikkhave, purisapuggalo kodhābhibhūto kodhapareto kāyena duccaritaṃ carati, vācāya duccaritaṃ carati, manasā duccaritaṃ carati. So kāyena duccaritaṃ caritvā vācāya…pe… kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapajjati kodhābhibhūto. Ayaṃ, bhikkhave, sattamo dhammo sapattakanto sapattakaraṇo kodhanaṃ āgacchati itthiṃ vā purisaṃ vā. Ime kho, bhikkhave, satta dhammā sapattakantā sapattakaraṇā kodhanaṃ āgacchanti itthiṃ vā purisaṃ vā’’ti.

    ‘‘โกธโน ทุพฺพโณฺณ โหติ, อโถ ทุกฺขมฺปิ เสติ โส;

    ‘‘Kodhano dubbaṇṇo hoti, atho dukkhampi seti so;

    อโถ อตฺถํ คเหตฺวาน, อนตฺถํ อธิปชฺชติ 5

    Atho atthaṃ gahetvāna, anatthaṃ adhipajjati 6.

    ‘‘ตโต กาเยน วาจาย, วธํ กตฺวาน โกธโน;

    ‘‘Tato kāyena vācāya, vadhaṃ katvāna kodhano;

    โกธาภิภูโต ปุริโส, ธนชานิํ นิคจฺฉติฯ

    Kodhābhibhūto puriso, dhanajāniṃ nigacchati.

    ‘‘โกธสมฺมทสมฺมโตฺต , อายสกฺยํ 7 นิคจฺฉติ;

    ‘‘Kodhasammadasammatto , āyasakyaṃ 8 nigacchati;

    ญาติมิตฺตา สุหชฺชา จ, ปริวชฺชนฺติ โกธนํฯ

    Ñātimittā suhajjā ca, parivajjanti kodhanaṃ.

    9 ‘‘อนตฺถชนโน โกโธ, โกโธ จิตฺตปฺปโกปโน;

    10 ‘‘Anatthajanano kodho, kodho cittappakopano;

    ภยมนฺตรโต ชาตํ, ตํ ชโน นาวพุชฺฌติฯ

    Bhayamantarato jātaṃ, taṃ jano nāvabujjhati.

    ‘‘กุโทฺธ อตฺถํ น ชานาติ, กุโทฺธ ธมฺมํ น ปสฺสติ;

    ‘‘Kuddho atthaṃ na jānāti, kuddho dhammaṃ na passati;

    อนฺธตมํ ตทา โหติ, ยํ โกโธ สหเต นรํฯ

    Andhatamaṃ tadā hoti, yaṃ kodho sahate naraṃ.

    ‘‘ยํ กุโทฺธ อุปโรเธติ, สุกรํ วิย ทุกฺกรํ;

    ‘‘Yaṃ kuddho uparodheti, sukaraṃ viya dukkaraṃ;

    ปจฺฉา โส วิคเต โกเธ, อคฺคิทโฑฺฒว ตปฺปติฯ

    Pacchā so vigate kodhe, aggidaḍḍhova tappati.

    ‘‘ทุมฺมงฺกุยํ ปทเสฺสติ 11, ธูมํ ธูมีว ปาวโก;

    ‘‘Dummaṅkuyaṃ padasseti 12, dhūmaṃ dhūmīva pāvako;

    ยโต ปตายติ โกโธ, เยน กุชฺฌนฺติ มานวาฯ

    Yato patāyati kodho, yena kujjhanti mānavā.

    ‘‘นาสฺส หิรี น โอตฺตปฺปํ 13, น วาโจ โหติ คารโว;

    ‘‘Nāssa hirī na ottappaṃ 14, na vāco hoti gāravo;

    โกเธน อภิภูตสฺส, น ทีปํ โหติ กิญฺจนํฯ

    Kodhena abhibhūtassa, na dīpaṃ hoti kiñcanaṃ.

    ‘‘ตปนียานิ กมฺมานิ, ยานิ ธเมฺมหิ อารกา;

    ‘‘Tapanīyāni kammāni, yāni dhammehi ārakā;

    ตานิ อาโรจยิสฺสามิ, ตํ สุณาถ ยถา ตถํฯ

    Tāni ārocayissāmi, taṃ suṇātha yathā tathaṃ.

    ‘‘กุโทฺธ หิ ปิตรํ หนฺติ, หนฺติ กุโทฺธ สมาตรํ;

    ‘‘Kuddho hi pitaraṃ hanti, hanti kuddho samātaraṃ;

    กุโทฺธ หิ พฺราหฺมณํ หนฺติ, หนฺติ กุโทฺธ ปุถุชฺชนํฯ

    Kuddho hi brāhmaṇaṃ hanti, hanti kuddho puthujjanaṃ.

    ‘‘ยาย มาตุ ภโต โปโส, อิมํ โลกํ อเวกฺขติ;

    ‘‘Yāya mātu bhato poso, imaṃ lokaṃ avekkhati;

    ตมฺปิ ปาณททิํ สนฺติํ, หนฺติ กุโทฺธ ปุถุชฺชโนฯ

    Tampi pāṇadadiṃ santiṃ, hanti kuddho puthujjano.

    ‘‘อตฺตูปมา หิ เต สตฺตา, อตฺตา หิ ปรโม 15 ปิโย;

    ‘‘Attūpamā hi te sattā, attā hi paramo 16 piyo;

    หนฺติ กุโทฺธ ปุถุตฺตานํ, นานารูเปสุ มุจฺฉิโตฯ

    Hanti kuddho puthuttānaṃ, nānārūpesu mucchito.

    ‘‘อสินา หนฺติ อตฺตานํ, วิสํ ขาทนฺติ มุจฺฉิตา;

    ‘‘Asinā hanti attānaṃ, visaṃ khādanti mucchitā;

    รชฺชุยา พชฺฌ มียนฺติ, ปพฺพตามปิ กนฺทเรฯ

    Rajjuyā bajjha mīyanti, pabbatāmapi kandare.

    ‘‘ภูนหจฺจานิ 17 กมฺมานิ, อตฺตมารณิยานิ จ;

    ‘‘Bhūnahaccāni 18 kammāni, attamāraṇiyāni ca;

    กโรนฺตา นาวพุชฺฌนฺติ 19, โกธชาโต ปราภโวฯ

    Karontā nāvabujjhanti 20, kodhajāto parābhavo.

    ‘‘อิตายํ โกธรูเปน, มจฺจุปาโส คุหาสโย;

    ‘‘Itāyaṃ kodharūpena, maccupāso guhāsayo;

    ตํ ทเมน สมุจฺฉิเนฺท, ปญฺญาวีริเยน ทิฎฺฐิยาฯ

    Taṃ damena samucchinde, paññāvīriyena diṭṭhiyā.

    ‘‘ยถา เมตํ 21 อกุสลํ, สมุจฺฉิเนฺทถ ปณฺฑิโต;

    ‘‘Yathā metaṃ 22 akusalaṃ, samucchindetha paṇḍito;

    ตเถว ธเมฺม สิเกฺขถ, มา โน ทุมฺมงฺกุยํ อหุฯ

    Tatheva dhamme sikkhetha, mā no dummaṅkuyaṃ ahu.

    ‘‘วีตโกธา อนายาสา, วีตโลภา อนุสฺสุกา 23;

    ‘‘Vītakodhā anāyāsā, vītalobhā anussukā 24;

    ทนฺตา โกธํ ปหนฺตฺวาน, ปรินิพฺพนฺติ อนาสวา’’ติ 25ฯ เอกาทสมํ;

    Dantā kodhaṃ pahantvāna, parinibbanti anāsavā’’ti 26. ekādasamaṃ;

    อพฺยากตวโคฺค ฉโฎฺฐฯ

    Abyākatavaggo chaṭṭho.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    อพฺยากโต ปุริสคติ, ติสฺส สีห อรกฺขิยํ;

    Abyākato purisagati, tissa sīha arakkhiyaṃ;

    กิมิลํ สตฺต ปจลา, เมตฺตา ภริยา โกเธกาทสาติฯ

    Kimilaṃ satta pacalā, mettā bhariyā kodhekādasāti.







    Footnotes:
    1. โกธนายํ (ก.)
    2. โอทาตวสโน (ก.)
    3. kodhanāyaṃ (ka.)
    4. odātavasano (ka.)
    5. อธิคจฺฉติ (สี.), ปฎิปชฺชติ (สฺยา.)
    6. adhigacchati (sī.), paṭipajjati (syā.)
    7. อายสกฺขํ (สฺยา.)
    8. āyasakkhaṃ (syā.)
    9. อิติวุ. ๘๘ อิติวุตฺตเกปิ
    10. itivu. 88 itivuttakepi
    11. สทเสฺสติ (สี.), ปฐมํ ทเสฺสติ (สฺยา.)
    12. sadasseti (sī.), paṭhamaṃ dasseti (syā.)
    13. น อสฺส หิรี โอตฺตปฺปญฺจ (ก.)
    14. na assa hirī ottappañca (ka.)
    15. ปรมํ (สี. สฺยา.)
    16. paramaṃ (sī. syā.)
    17. ภูตหจฺจานิ (สี. สฺยา.)
    18. bhūtahaccāni (sī. syā.)
    19. กโรโนฺต นาวพุชฺฌติ (ก.)
    20. karonto nāvabujjhati (ka.)
    21. เอกเมตํ (สฺยา.), เอกเมตํ (สี.)
    22. ekametaṃ (syā.), ekametaṃ (sī.)
    23. อนิสฺสุกา (สี. สฺยา.) ตทฎฺฐกถาสุ ปน ‘‘อนุสฺสุกา’’ เตฺวว ทิสฺสติ
    24. anissukā (sī. syā.) tadaṭṭhakathāsu pana ‘‘anussukā’’ tveva dissati
    25. ปรินิพฺพิสฺสถนาสวาติ (สฺยา.), ปรินิพฺพิํสุ อนาสวาติ (ก.)
    26. parinibbissathanāsavāti (syā.), parinibbiṃsu anāsavāti (ka.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๑๑. โกธนสุตฺตวณฺณนา • 11. Kodhanasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑๑. โกธนสุตฺตวณฺณนา • 11. Kodhanasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact