Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๙. โกกาลิกสุตฺตํ

    9. Kokālikasuttaṃ

    ๘๙. 1 อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โกกาลิโก ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปาปิจฺฉา, ภเนฺต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติฯ ‘‘มา เหวํ, โกกาลิก, มา เหวํ, โกกาลิก! ปสาเทหิ, โกกาลิก, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํฯ เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติฯ

    89.2 Atha kho kokāliko bhikkhu yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho kokāliko bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘pāpicchā, bhante, sāriputtamoggallānā, pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gatā’’ti. ‘‘Mā hevaṃ, kokālika, mā hevaṃ, kokālika! Pasādehi, kokālika, sāriputtamoggallānesu cittaṃ. Pesalā sāriputtamoggallānā’’ti.

    ทุติยมฺปิ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิญฺจาปิ เม, ภเนฺต, ภควา สทฺธายิโก ปจฺจยิโก, อถ โข ปาปิจฺฉาว สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติฯ ‘‘มา เหวํ, โกกาลิก, มา เหวํ, โกกาลิก! ปสาเทหิ, โกกาลิก, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํฯ เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติฯ

    Dutiyampi kho kokāliko bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kiñcāpi me, bhante, bhagavā saddhāyiko paccayiko, atha kho pāpicchāva sāriputtamoggallānā, pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gatā’’ti. ‘‘Mā hevaṃ, kokālika, mā hevaṃ, kokālika! Pasādehi, kokālika, sāriputtamoggallānesu cittaṃ. Pesalā sāriputtamoggallānā’’ti.

    ตติยมฺปิ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิญฺจาปิ เม, ภเนฺต, ภควา สทฺธายิโก ปจฺจยิโก, อถ โข ปาปิจฺฉาว สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา, ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติฯ ‘‘มา เหวํ, โกกาลิก, มา เหวํ, โกกาลิก! ปสาเทหิ, โกกาลิก , สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํฯ เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติฯ

    Tatiyampi kho kokāliko bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kiñcāpi me, bhante, bhagavā saddhāyiko paccayiko, atha kho pāpicchāva sāriputtamoggallānā, pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gatā’’ti. ‘‘Mā hevaṃ, kokālika, mā hevaṃ, kokālika! Pasādehi, kokālika , sāriputtamoggallānesu cittaṃ. Pesalā sāriputtamoggallānā’’ti.

    อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อจิรปกฺกนฺตสฺส จ โกกาลิกสฺส ภิกฺขุโน สาสปมตฺตีหิ ปีฬกาหิ สโพฺพ กาโย ผุโฎ อโหสิฯ สาสปมตฺติโย หุตฺวา มุคฺคมตฺติโย อเหสุํ, มุคฺคมตฺติโย หุตฺวา กลายมตฺติโย อเหสุํ, กลายมตฺติโย หุตฺวา โกลฎฺฐิมตฺติโย อเหสุํ, โกลฎฺฐิมตฺติโย หุตฺวา โกลมตฺติโย อเหสุํ, โกลมตฺติโย หุตฺวา อามลกมตฺติโย อเหสุํ, อามลกมตฺติโย หุตฺวา (ติณฺฑุกมตฺติโย อเหสุํ, ติณฺฑุกมตฺติโย หุตฺวา,) 3 เพฬุวสลาฎุกมตฺติโย อเหสุํ, เพฬุวสลาฎุกมตฺติโย หุตฺวา พิลฺลมตฺติโย อเหสุํ, พิลฺลมตฺติโย หุตฺวา ปภิชฺชิํสุ, ปุพฺพญฺจ โลหิตญฺจ ปคฺฆริํสุฯ โส สุทํ กทลิปเตฺตสุ เสติ มโจฺฉว วิสคิลิโตฯ

    Atha kho kokāliko bhikkhu uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Acirapakkantassa ca kokālikassa bhikkhuno sāsapamattīhi pīḷakāhi sabbo kāyo phuṭo ahosi. Sāsapamattiyo hutvā muggamattiyo ahesuṃ, muggamattiyo hutvā kalāyamattiyo ahesuṃ, kalāyamattiyo hutvā kolaṭṭhimattiyo ahesuṃ, kolaṭṭhimattiyo hutvā kolamattiyo ahesuṃ, kolamattiyo hutvā āmalakamattiyo ahesuṃ, āmalakamattiyo hutvā (tiṇḍukamattiyo ahesuṃ, tiṇḍukamattiyo hutvā,) 4 beḷuvasalāṭukamattiyo ahesuṃ, beḷuvasalāṭukamattiyo hutvā billamattiyo ahesuṃ, billamattiyo hutvā pabhijjiṃsu, pubbañca lohitañca pagghariṃsu. So sudaṃ kadalipattesu seti macchova visagilito.

    อถ โข ตุรู ปเจฺจกพฺรหฺมา 5 เยน โกกาลิโก ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เวหาเส ฐตฺวา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘ปสาเทหิ, โกกาลิก, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํฯ เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติฯ ‘‘โกสิ ตฺวํ, อาวุโส’’ติ? ‘‘อหํ ตุรู ปเจฺจกพฺรหฺมา’’ติฯ ‘‘นนุ ตฺวํ, อาวุโส, ภควตา อนาคามี พฺยากโต, อถ กิญฺจรหิ อิธาคโต? ปสฺส ยาวญฺจ เต อิทํ อปรทฺธ’’นฺติฯ

    Atha kho turū paccekabrahmā 6 yena kokāliko bhikkhu tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā vehāse ṭhatvā kokālikaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘pasādehi, kokālika, sāriputtamoggallānesu cittaṃ. Pesalā sāriputtamoggallānā’’ti. ‘‘Kosi tvaṃ, āvuso’’ti? ‘‘Ahaṃ turū paccekabrahmā’’ti. ‘‘Nanu tvaṃ, āvuso, bhagavatā anāgāmī byākato, atha kiñcarahi idhāgato? Passa yāvañca te idaṃ aparaddha’’nti.

    อถ โข ตุรู ปเจฺจกพฺรหฺมา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ คาถาหิ อชฺฌภาสิ –

    Atha kho turū paccekabrahmā kokālikaṃ bhikkhuṃ gāthāhi ajjhabhāsi –

    ‘‘ปุริสสฺส หิ ชาตสฺส, กุฐารี ชายเต มุเข;

    ‘‘Purisassa hi jātassa, kuṭhārī jāyate mukhe;

    ยาย ฉินฺทติ อตฺตานํ, พาโล ทุพฺภาสิตํ ภณํฯ

    Yāya chindati attānaṃ, bālo dubbhāsitaṃ bhaṇaṃ.

    ‘‘โย นินฺทิยํ ปสํสติ, ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย;

    ‘‘Yo nindiyaṃ pasaṃsati, taṃ vā nindati yo pasaṃsiyo;

    วิจินาติ มุเขน โส กลิํ, กลินา เตน สุขํ น วินฺทติฯ

    Vicināti mukhena so kaliṃ, kalinā tena sukhaṃ na vindati.

    ‘‘อปฺปมตฺตโก อยํ กลิ, โย อเกฺขสุ ธนปราชโย;

    ‘‘Appamattako ayaṃ kali, yo akkhesu dhanaparājayo;

    สพฺพสฺสาปิ สหาปิ อตฺตนา, อยเมว มหตฺตโร กลิ;

    Sabbassāpi sahāpi attanā, ayameva mahattaro kali;

    โย สุคเตสุ มนํ ปทูสเยฯ

    Yo sugatesu manaṃ padūsaye.

    ‘‘สตํ สหสฺสานํ นิรพฺพุทานํ, ฉตฺติํสติ ปญฺจ จ อพฺพุทานิ;

    ‘‘Sataṃ sahassānaṃ nirabbudānaṃ, chattiṃsati pañca ca abbudāni;

    ยมริยครหี นิรยํ อุเปติ, วาจํ มนญฺจ ปณิธาย ปาปก’’นฺติฯ

    Yamariyagarahī nirayaṃ upeti, vācaṃ manañca paṇidhāya pāpaka’’nti.

    อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เตเนว อาพาเธน กาลมกาสิฯ กาลงฺกโต จ โกกาลิโก ภิกฺขุ ปทุมํ นิรยํ อุปปชฺชติ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวาฯ

    Atha kho kokāliko bhikkhu teneva ābādhena kālamakāsi. Kālaṅkato ca kokāliko bhikkhu padumaṃ nirayaṃ upapajjati sāriputtamoggallānesu cittaṃ āghātetvā.

    อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวโณฺณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โกกาลิโก, ภเนฺต , ภิกฺขุ กาลงฺกโตฯ กาลงฺกโต จ, ภเนฺต, โกกาลิโก ภิกฺขุ ปทุมํ นิรยํ อุปปโนฺน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’’ติฯ อิทมโวจ พฺรหฺมา สหมฺปติฯ อิทํ วตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายิฯ

    Atha kho brahmā sahampati abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇo kevalakappaṃ jetavanaṃ obhāsetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho brahmā sahampati bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kokāliko, bhante , bhikkhu kālaṅkato. Kālaṅkato ca, bhante, kokāliko bhikkhu padumaṃ nirayaṃ upapanno sāriputtamoggallānesu cittaṃ āghātetvā’’ti. Idamavoca brahmā sahampati. Idaṃ vatvā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā tatthevantaradhāyi.

    อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺติํ พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวโณฺณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหมฺปติ มํ เอตทโวจ – ‘โกกาลิโก, ภเนฺต, ภิกฺขุ กาลงฺกโต; กาลงฺกโต จ, ภเนฺต, โกกาลิโก ภิกฺขุ ปทุมํ นิรยํ อุปปโนฺน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’ติฯ อิทมโวจ, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหมฺปติฯ อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายี’’ติฯ

    Atha kho bhagavā tassā rattiyā accayena bhikkhū āmantesi – ‘‘imaṃ, bhikkhave, rattiṃ brahmā sahampati abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇo kevalakappaṃ jetavanaṃ obhāsetvā yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho, bhikkhave, brahmā sahampati maṃ etadavoca – ‘kokāliko, bhante, bhikkhu kālaṅkato; kālaṅkato ca, bhante, kokāliko bhikkhu padumaṃ nirayaṃ upapanno sāriputtamoggallānesu cittaṃ āghātetvā’ti. Idamavoca, bhikkhave, brahmā sahampati. Idaṃ vatvā maṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā tatthevantaradhāyī’’ti.

    เอวํ วุเตฺต อญฺญตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กีว ทีฆํ นุ โข, ภเนฺต, ปทุเม นิรเย อายุปฺปมาณ’’นฺติ? ‘‘ทีฆํ โข, ภิกฺขุ, ปทุเม นิรเย อายุปฺปมาณํฯ น ตํ สุกรํ สงฺขาตุํ – ‘เอตฺตกานิ วสฺสานีติ วา เอตฺตกานิ วสฺสสตานีติ วา เอตฺตกานิ วสฺสสหสฺสานีติ วา เอตฺตกานิ วสฺสสตสหสฺสานีติ วา’’’ติฯ

    Evaṃ vutte aññataro bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kīva dīghaṃ nu kho, bhante, padume niraye āyuppamāṇa’’nti? ‘‘Dīghaṃ kho, bhikkhu, padume niraye āyuppamāṇaṃ. Na taṃ sukaraṃ saṅkhātuṃ – ‘ettakāni vassānīti vā ettakāni vassasatānīti vā ettakāni vassasahassānīti vā ettakāni vassasatasahassānīti vā’’’ti.

    ‘‘สกฺกา ปน, ภเนฺต, อุปมํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา, ภิกฺขู,’’ติ ภควา อโวจ – ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติขาริโก โกสลโก ติลวาโห ตโต ปุริโส วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน เอกเมกํ ติลํ อุทฺธเรยฺย ฯ ขิปฺปตรํ โข โส, ภิกฺขุ, วีสติขาริโก โกสลโก ติลวาโห อิมินา อุปกฺกเมน ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คเจฺฉยฺย, น เตฺวว เอโก อพฺพุโท นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก นิรพฺพุโท นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ นิรพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก อพโพ นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อพพา นิรยา, เอวเมโก อฎโฎ นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อฎฎา นิรยา, เอวเมโก อหโห นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อหหา นิรยา, เอวเมโก กุมุโท นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ กุมุทา นิรยา, เอวเมโก โสคนฺธิโก นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ โสคนฺธิกา นิรยา, เอวเมโก อุปฺปลโก นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อุปฺปลกา นิรยา, เอวเมโก ปุณฺฑรีโก นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ ปุณฺฑรีกา นิรยา, เอวเมโก ปทุโม นิรโยฯ ปทุมํ โข ปน, ภิกฺขุ, นิรยํ โกกาลิโก ภิกฺขุ อุปปโนฺน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –

    ‘‘Sakkā pana, bhante, upamaṃ kātu’’nti? ‘‘Sakkā, bhikkhū,’’ti bhagavā avoca – ‘‘seyyathāpi, bhikkhu, vīsatikhāriko kosalako tilavāho tato puriso vassasatassa vassasatassa accayena ekamekaṃ tilaṃ uddhareyya . Khippataraṃ kho so, bhikkhu, vīsatikhāriko kosalako tilavāho iminā upakkamena parikkhayaṃ pariyādānaṃ gaccheyya, na tveva eko abbudo nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati abbudā nirayā, evameko nirabbudo nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati nirabbudā nirayā, evameko ababo nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati ababā nirayā, evameko aṭaṭo nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati aṭaṭā nirayā, evameko ahaho nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati ahahā nirayā, evameko kumudo nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati kumudā nirayā, evameko sogandhiko nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati sogandhikā nirayā, evameko uppalako nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati uppalakā nirayā, evameko puṇḍarīko nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati puṇḍarīkā nirayā, evameko padumo nirayo. Padumaṃ kho pana, bhikkhu, nirayaṃ kokāliko bhikkhu upapanno sāriputtamoggallānesu cittaṃ āghātetvā’’ti. Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –

    ‘‘ปุริสสฺส หิ ชาตสฺส, กุฐารี ชายเต มุเข;

    ‘‘Purisassa hi jātassa, kuṭhārī jāyate mukhe;

    ยาย ฉินฺทติ อตฺตานํ, พาโล ทุพฺภาสิตํ ภณํฯ

    Yāya chindati attānaṃ, bālo dubbhāsitaṃ bhaṇaṃ.

    ‘‘โย นินฺทิยํ ปสํสติ, ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย;

    ‘‘Yo nindiyaṃ pasaṃsati, taṃ vā nindati yo pasaṃsiyo;

    วิจินาติ มุเขน โส กลิํ, กลินา เตน สุขํ น วินฺทติฯ

    Vicināti mukhena so kaliṃ, kalinā tena sukhaṃ na vindati.

    ‘‘อปฺปมตฺตโก อยํ กลิ, โย อเกฺขสุ ธนปราชโย;

    ‘‘Appamattako ayaṃ kali, yo akkhesu dhanaparājayo;

    สพฺพสฺสาปิ สหาปิ อตฺตนา, อยเมว มหตฺตโร กลิ;

    Sabbassāpi sahāpi attanā, ayameva mahattaro kali;

    โย สุคเตสุ มนํ ปทูสเยฯ

    Yo sugatesu manaṃ padūsaye.

    ‘‘สตํ สหสฺสานํ นิรพฺพุทานํ, ฉตฺติํสติ ปญฺจ จ อพฺพุทานิ;

    ‘‘Sataṃ sahassānaṃ nirabbudānaṃ, chattiṃsati pañca ca abbudāni;

    ยมริยครหี นิรยํ อุเปติ, วาจํ มนญฺจ ปณิธาย ปาปก’’นฺติฯ นวมํ;

    Yamariyagarahī nirayaṃ upeti, vācaṃ manañca paṇidhāya pāpaka’’nti. navamaṃ;







    Footnotes:
    1. สํ. นิ. ๑.๑๘๑; สุ. นิ. โกกาลิกสุตฺต
    2. saṃ. ni. 1.181; su. ni. kokālikasutta
    3. สํ. นิ. ๑.๑๘๑; สุ. นิ. โกกาลิกสุตฺต นตฺถิ
    4. saṃ. ni. 1.181; su. ni. kokālikasutta natthi
    5. ตุทุปฺปเจฺจกพฺรหฺมา (สี. ปี.), ตุทิ ปเจฺจกพฺรหฺมา (สฺยา.), ตุริ ปเจฺจกพฺรหฺมา (ก.) สํ. นิ. ๑.๑๘๐
    6. tuduppaccekabrahmā (sī. pī.), tudi paccekabrahmā (syā.), turi paccekabrahmā (ka.) saṃ. ni. 1.180



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙. โกกาลิกสุตฺตวณฺณนา • 9. Kokālikasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙-๑๐. โกกาลิกสุตฺตาทิวณฺณนา • 9-10. Kokālikasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact