Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๑๐. โกกาลิกสุตฺตํ
10. Kokālikasuttaṃ
๑๘๑. สาวตฺถินิทานํ ฯ อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โกกาลิโก ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ปาปิจฺฉา, ภเนฺต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภควา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘มา เหวํ, โกกาลิก, อวจ; มา เหวํ, โกกาลิก, อวจฯ ปสาเทหิ, โกกาลิก, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํฯ เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิญฺจาปิ เม, ภเนฺต, ภควา สทฺธายิโก ปจฺจยิโก; อถ โข ปาปิจฺฉาว ภเนฺต, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข ภควา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘มา เหวํ, โกกาลิก, อวจ; มา เหวํ, โกกาลิก, อวจฯ ปสาเทหิ, โกกาลิก, สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํฯ เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติฯ ตติยมฺปิ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กิญฺจาปิ…เป.… อิจฺฉานํ วสํ คตา’’ติฯ ตติยมฺปิ โข ภควา โกกาลิกํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘มา เหวํ…เป.… เปสลา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา’’ติฯ
181. Sāvatthinidānaṃ . Atha kho kokāliko bhikkhu yena bhagavā tenupasaṅkami ; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho kokāliko bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘pāpicchā, bhante, sāriputtamoggallānā pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gatā’’ti. Evaṃ vutte, bhagavā kokālikaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘mā hevaṃ, kokālika, avaca; mā hevaṃ, kokālika, avaca. Pasādehi, kokālika, sāriputtamoggallānesu cittaṃ. Pesalā sāriputtamoggallānā’’ti. Dutiyampi kho kokāliko bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kiñcāpi me, bhante, bhagavā saddhāyiko paccayiko; atha kho pāpicchāva bhante, sāriputtamoggallānā pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gatā’’ti. Dutiyampi kho bhagavā kokālikaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘mā hevaṃ, kokālika, avaca; mā hevaṃ, kokālika, avaca. Pasādehi, kokālika, sāriputtamoggallānesu cittaṃ. Pesalā sāriputtamoggallānā’’ti. Tatiyampi kho kokāliko bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kiñcāpi…pe… icchānaṃ vasaṃ gatā’’ti. Tatiyampi kho bhagavā kokālikaṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘mā hevaṃ…pe… pesalā sāriputtamoggallānā’’ti.
อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อจิรปกฺกนฺตสฺส จ โกกาลิกสฺส ภิกฺขุโน สาสปมตฺตีหิ ปีฬกาหิ 1 สโพฺพ กาโย ผุโฎ อโหสิฯ สาสปมตฺติโย หุตฺวา มุคฺคมตฺติโย อเหสุํ, มุคฺคมตฺติโย หุตฺวา กลายมตฺติโย อเหสุํ, กลายมตฺติโย หุตฺวา โกลฎฺฐิมตฺติโย อเหสุํ, โกลฎฺฐิมตฺติโย หุตฺวา โกลมตฺติโย อเหสุํ, โกลมตฺติโย หุตฺวา อามลกมตฺติโย อเหสุํ, อามลกมตฺติโย หุตฺวา เพลุวสลาฎุกมตฺติโย อเหสุํ, เพลุวสลาฎุกมตฺติโย หุตฺวา พิลฺลมตฺติโย อเหสุํ, พิลฺลมตฺติโย หุตฺวา ปภิชฺชิํสุฯ ปุพฺพญฺจ โลหิตญฺจ ปคฺฆริํสุฯ อถ โข โกกาลิโก ภิกฺขุ เตเนว อาพาเธน กาลมกาสิ ฯ กาลงฺกโต จ โกกาลิโก ภิกฺขุ ปทุมํ นิรยํ อุปปชฺชิ สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวาฯ
Atha kho kokāliko bhikkhu uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Acirapakkantassa ca kokālikassa bhikkhuno sāsapamattīhi pīḷakāhi 2 sabbo kāyo phuṭo ahosi. Sāsapamattiyo hutvā muggamattiyo ahesuṃ, muggamattiyo hutvā kalāyamattiyo ahesuṃ, kalāyamattiyo hutvā kolaṭṭhimattiyo ahesuṃ, kolaṭṭhimattiyo hutvā kolamattiyo ahesuṃ, kolamattiyo hutvā āmalakamattiyo ahesuṃ, āmalakamattiyo hutvā beluvasalāṭukamattiyo ahesuṃ, beluvasalāṭukamattiyo hutvā billamattiyo ahesuṃ, billamattiyo hutvā pabhijjiṃsu. Pubbañca lohitañca pagghariṃsu. Atha kho kokāliko bhikkhu teneva ābādhena kālamakāsi . Kālaṅkato ca kokāliko bhikkhu padumaṃ nirayaṃ upapajji sāriputtamoggallānesu cittaṃ āghātetvā.
อถ โข พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวโณฺณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข พฺรหฺมา สหมฺปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘โกกาลิโก, ภเนฺต, ภิกฺขุ กาลงฺกโตฯ กาลงฺกโต จ, ภเนฺต, โกกาลิโก ภิกฺขุ ปทุมํ นิรยํ อุปปโนฺน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’’ติฯ อิทมโวจ พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายีติฯ
Atha kho brahmā sahampati abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇo kevalakappaṃ jetavanaṃ obhāsetvā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho brahmā sahampati bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kokāliko, bhante, bhikkhu kālaṅkato. Kālaṅkato ca, bhante, kokāliko bhikkhu padumaṃ nirayaṃ upapanno sāriputtamoggallānesu cittaṃ āghātetvā’’ti. Idamavoca brahmā sahampati, idaṃ vatvā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā tatthevantaradhāyīti.
อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘อิมํ, ภิกฺขเว, รตฺติํ พฺรหฺมา สหมฺปติ อภิกฺกนฺตาย รตฺติยา อภิกฺกนฺตวโณฺณ เกวลกปฺปํ เชตวนํ โอภาเสตฺวา เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข, ภิกฺขเว, พฺรหฺมา สหมฺปติ มํ เอตทโวจ – ‘โกกาลิโก, ภเนฺต, ภิกฺขุ กาลงฺกโตฯ กาลงฺกโต จ, ภเนฺต, โกกาลิโก ภิกฺขุ ปทุมํ นิรยํ อุปปโนฺน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’ติฯ อิทมโวจ, ภิกฺขเว , พฺรหฺมา สหมฺปติ, อิทํ วตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ตเตฺถวนฺตรธายี’’ติฯ
Atha kho bhagavā tassā rattiyā accayena bhikkhū āmantesi – ‘‘imaṃ, bhikkhave, rattiṃ brahmā sahampati abhikkantāya rattiyā abhikkantavaṇṇo kevalakappaṃ jetavanaṃ obhāsetvā yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhito kho, bhikkhave, brahmā sahampati maṃ etadavoca – ‘kokāliko, bhante, bhikkhu kālaṅkato. Kālaṅkato ca, bhante, kokāliko bhikkhu padumaṃ nirayaṃ upapanno sāriputtamoggallānesu cittaṃ āghātetvā’ti. Idamavoca, bhikkhave , brahmā sahampati, idaṃ vatvā maṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā tatthevantaradhāyī’’ti.
เอวํ วุเตฺต, อญฺญตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘กีวทีฆํ นุ โข, ภเนฺต, ปทุเม นิรเย อายุปฺปมาณ’’นฺติ? ‘‘ทีฆํ โข, ภิกฺขุ, ปทุเม นิรเย อายุปฺปมาณํฯ ตํ น สุกรํ สงฺขาตุํ – เอตฺตกานิ วสฺสานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ วสฺสสตานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ วสฺสสหสฺสานิ อิติ วา, เอตฺตกานิ วสฺสสตสหสฺสานิ อิติ วา’’ติฯ ‘‘สกฺกา ปน, ภเนฺต, อุปมํ กาตุ’’นฺติ? ‘‘สกฺกา , ภิกฺขู’’ติ ภควา อโวจ –
Evaṃ vutte, aññataro bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘kīvadīghaṃ nu kho, bhante, padume niraye āyuppamāṇa’’nti? ‘‘Dīghaṃ kho, bhikkhu, padume niraye āyuppamāṇaṃ. Taṃ na sukaraṃ saṅkhātuṃ – ettakāni vassāni iti vā, ettakāni vassasatāni iti vā, ettakāni vassasahassāni iti vā, ettakāni vassasatasahassāni iti vā’’ti. ‘‘Sakkā pana, bhante, upamaṃ kātu’’nti? ‘‘Sakkā , bhikkhū’’ti bhagavā avoca –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ วีสติขาริโก โกสลโก ติลวาโหฯ ตโต ปุริโส วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส อจฺจเยน เอกเมกํ ติลํ อุทฺธเรยฺย; ขิปฺปตรํ โข โส, ภิกฺขุ, วีสติขาริโก โกสลโก ติลวาโห อิมินา อุปกฺกเมน ปริกฺขยํ ปริยาทานํ คเจฺฉยฺย, น เตฺวว เอโก อพฺพุโท นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก นิรพฺพุทนิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ นิรพฺพุทา นิรยา, เอวเมโก อพโพ นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อพพา นิรยา, เอวเมโก อฎโฎ นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อฎฎา นิรยา, เอวเมโก อหโห นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อหหา นิรยา, เอวเมโก กุมุโท นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ กุมุทา นิรยา, เอวเมโก โสคนฺธิโก นิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ โสคนฺธิกา นิรยา, เอวเมโก อุปฺปลนิรโยฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขุ, วีสติ อุปฺปลา นิรยา, เอวเมโก ปุณฺฑริโก นิรโยฯ เสยฺยถาปิ , ภิกฺขุ, วีสติ ปุณฺฑริกา นิรยา, เอวเมโก ปทุโม นิรโยฯ ปทุเม ปน, ภิกฺขุ, นิรเย โกกาลิโก ภิกฺขุ อุปปโนฺน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนสุ จิตฺตํ อาฆาเตตฺวา’’ติฯ อิทมโวจ ภควา, อิทํ วตฺวาน สุคโต อถาปรํ เอตทโวจ สตฺถา –
‘‘Seyyathāpi, bhikkhu vīsatikhāriko kosalako tilavāho. Tato puriso vassasatassa vassasatassa accayena ekamekaṃ tilaṃ uddhareyya; khippataraṃ kho so, bhikkhu, vīsatikhāriko kosalako tilavāho iminā upakkamena parikkhayaṃ pariyādānaṃ gaccheyya, na tveva eko abbudo nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati abbudā nirayā, evameko nirabbudanirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati nirabbudā nirayā, evameko ababo nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati ababā nirayā, evameko aṭaṭo nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati aṭaṭā nirayā, evameko ahaho nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati ahahā nirayā, evameko kumudo nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati kumudā nirayā, evameko sogandhiko nirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati sogandhikā nirayā, evameko uppalanirayo. Seyyathāpi, bhikkhu, vīsati uppalā nirayā, evameko puṇḍariko nirayo. Seyyathāpi , bhikkhu, vīsati puṇḍarikā nirayā, evameko padumo nirayo. Padume pana, bhikkhu, niraye kokāliko bhikkhu upapanno sāriputtamoggallānesu cittaṃ āghātetvā’’ti. Idamavoca bhagavā, idaṃ vatvāna sugato athāparaṃ etadavoca satthā –
‘‘ปุริสสฺส หิ ชาตสฺส,
‘‘Purisassa hi jātassa,
กุฐารี ชายเต มุเข;
Kuṭhārī jāyate mukhe;
ยาย ฉินฺทติ อตฺตานํ,
Yāya chindati attānaṃ,
พาโล ทุพฺภาสิตํ ภณํฯ
Bālo dubbhāsitaṃ bhaṇaṃ.
‘‘โย นินฺทิยํ ปสํสติ,
‘‘Yo nindiyaṃ pasaṃsati,
ตํ วา นินฺทติ โย ปสํสิโย;
Taṃ vā nindati yo pasaṃsiyo;
วิจินาติ มุเขน โส กลิํ,
Vicināti mukhena so kaliṃ,
กลินา เตน สุขํ น วินฺทติฯ
Kalinā tena sukhaṃ na vindati.
‘‘อปฺปมตฺตโก อยํ กลิ,
‘‘Appamattako ayaṃ kali,
โย อเกฺขสุ ธนปราชโย;
Yo akkhesu dhanaparājayo;
สพฺพสฺสาปิ สหาปิ อตฺตนา,
Sabbassāpi sahāpi attanā,
อยเมว มหนฺตโร กลิ;
Ayameva mahantaro kali;
โย สุคเตสุ มนํ ปโทสเยฯ
Yo sugatesu manaṃ padosaye.
‘‘สตํ สหสฺสานํ นิรพฺพุทานํ,
‘‘Sataṃ sahassānaṃ nirabbudānaṃ,
ฉตฺติํสติ ปญฺจ จ อพฺพุทานิ;
Chattiṃsati pañca ca abbudāni;
ยมริยครหี นิรยํ อุเปติ,
Yamariyagarahī nirayaṃ upeti,
วาจํ มนญฺจ ปณิธาย ปาปก’’นฺติฯ
Vācaṃ manañca paṇidhāya pāpaka’’nti.
ปฐโม วโคฺคฯ
Paṭhamo vaggo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
อายาจนํ คารโว พฺรหฺมเทโว,
Āyācanaṃ gāravo brahmadevo,
พโก จ พฺรหฺมา อปรา จ ทิฎฺฐิ;
Bako ca brahmā aparā ca diṭṭhi;
ปมาทโกกาลิกติสฺสโก จ,
Pamādakokālikatissako ca,
ตุรู จ พฺรหฺมา อปโร จ โกกาลิโกติฯ
Turū ca brahmā aparo ca kokālikoti.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๑๐. โกกาลิกสุตฺตวณฺณนา • 10. Kokālikasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. โกกาลิกสุตฺตวณฺณนา • 10. Kokālikasuttavaṇṇanā