Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๑๐. โกกาลิกสุตฺตวณฺณนา
10. Kokālikasuttavaṇṇanā
๑๘๑. ทสเม โกกาลิโก ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมีติ, โก อยํ โกกาลิโก, กสฺมา จ อุปสงฺกมิ? อยํ กิร โกกาลิกรเฎฺฐ โกกาลิกนคเร โกกาลิกเสฎฺฐิสฺส ปุโตฺต ปพฺพชิตฺวา ปิตรา การาปิเต วิหาเร ปฎิวสติ จูฬโกกาลิโกติ นาเมน, น เทวทตฺตสฺส สิโสฺสฯ โส หิ พฺราหฺมณปุโตฺต มหาโกกาลิโก นามฯ ภควติ ปน สาวตฺถิยํ วิหรเนฺต เทฺว อคฺคสาวกา ปญฺจมเตฺตหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ ชนปทจาริกํ จรมานา อุปกฎฺฐาย วสฺสูปนายิกาย วิเวกาวาสํ วสิตุกามา เต ภิกฺขู อุโยฺยเชตฺวา อตฺตโน ปตฺตจีวรมาทาย ตสฺมิํ ชนปเท ตํ นครํ ปตฺวา ตํ วิหารํ อคมํสุฯ ตตฺถ เนสํ โกกาลิโก วตฺตํ ทเสฺสสิฯ เต เตน สทฺธิํ สโมฺมทิตฺวา, ‘‘อาวุโส, มยํ อิธ เตมาสํ วสิสฺสาม, มา กสฺสจิ อาโรเจหี’’ติ ปฎิญฺญํ คเหตฺวา วสิํสุฯ วสิตฺวา ปวารณาทิวเส ปวาเรตฺวา, ‘‘คจฺฉาม มยํ, อาวุโส’’ติ โกกาลิกํ อาปุจฺฉิํสุฯ โกกาลิโก ‘‘อเชฺชกทิวสํ, อาวุโส, วสิตฺวา เสฺว คมิสฺสถา’’ติ วตฺวา ทุติยทิวเส นครํ ปวิสิตฺวา มนุเสฺส อามเนฺตสิ – ‘‘อาวุโส, ตุเมฺห อคฺคสาวเก อิธาคนฺตฺวา วสมาเนปิ น ชานาถ, น เน โกจิ ปจฺจเยนาปิ นิมเนฺตตี’’ติฯ นครวาสิโน, ‘‘กหํ, ภเนฺต, เถรา, กสฺมา โน น อาโรจยิตฺถา’’ติ? กิํ อาวุโส อาโรจิเตน, กิํ น ปสฺสถ เทฺว ภิกฺขู เถราสเน นิสีทเนฺต, เอเต อคฺคสาวกาติฯ เต ขิปฺปํ สนฺนิปติตฺวา สปฺปิผาณิตาทีนิ เจว จีวรทุสฺสานิ จ สํหริํสุฯ
181. Dasame kokāliko bhikkhu yena bhagavā tenupasaṅkamīti, ko ayaṃ kokāliko, kasmā ca upasaṅkami? Ayaṃ kira kokālikaraṭṭhe kokālikanagare kokālikaseṭṭhissa putto pabbajitvā pitarā kārāpite vihāre paṭivasati cūḷakokālikoti nāmena, na devadattassa sisso. So hi brāhmaṇaputto mahākokāliko nāma. Bhagavati pana sāvatthiyaṃ viharante dve aggasāvakā pañcamattehi bhikkhusatehi saddhiṃ janapadacārikaṃ caramānā upakaṭṭhāya vassūpanāyikāya vivekāvāsaṃ vasitukāmā te bhikkhū uyyojetvā attano pattacīvaramādāya tasmiṃ janapade taṃ nagaraṃ patvā taṃ vihāraṃ agamaṃsu. Tattha nesaṃ kokāliko vattaṃ dassesi. Te tena saddhiṃ sammoditvā, ‘‘āvuso, mayaṃ idha temāsaṃ vasissāma, mā kassaci ārocehī’’ti paṭiññaṃ gahetvā vasiṃsu. Vasitvā pavāraṇādivase pavāretvā, ‘‘gacchāma mayaṃ, āvuso’’ti kokālikaṃ āpucchiṃsu. Kokāliko ‘‘ajjekadivasaṃ, āvuso, vasitvā sve gamissathā’’ti vatvā dutiyadivase nagaraṃ pavisitvā manusse āmantesi – ‘‘āvuso, tumhe aggasāvake idhāgantvā vasamānepi na jānātha, na ne koci paccayenāpi nimantetī’’ti. Nagaravāsino, ‘‘kahaṃ, bhante, therā, kasmā no na ārocayitthā’’ti? Kiṃ āvuso ārocitena, kiṃ na passatha dve bhikkhū therāsane nisīdante, ete aggasāvakāti. Te khippaṃ sannipatitvā sappiphāṇitādīni ceva cīvaradussāni ca saṃhariṃsu.
โกกาลิโก จิเนฺตสิ – ‘‘ปรมปฺปิจฺฉา อคฺคสาวกา ปยุตฺตวาจาย อุปฺปนฺนํ ลาภํ น สาทิยิสฺสนฺติ , อสาทิยนฺตา ‘อาวาสิกสฺส เทถา’ติ วกฺขนฺตี’’ติฯ ตํ ตํ ลาภํ คาหาเปตฺวา เถรานํ สนฺติกํ อคมาสิฯ เถรา ทิสฺวาว ‘‘อิเม ปจฺจยา เนว อมฺหากํ, น โกกาลิกสฺส กปฺปนฺตี’’ติ ปฎิกฺขิปิตฺวา ปกฺกมิํสุฯ โกกาลิโก ‘‘กถํ หิ นาม อตฺตนา อคณฺหนฺตา มยฺหมฺปิ อทาเปตฺวา ปกฺกมิสฺสนฺตี’’ติ? อาฆาตํ อุปฺปาเทสิฯ เตปิ ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ภควนฺตํ วนฺทิตฺวา ปุน อตฺตโน ปริสํ อาทาย ชนปทจาริกํ จรนฺตา อนุปุเพฺพน ตสฺมิํ รเฎฺฐ ตเมว นครํ ปจฺจาคมิํสุฯ นาครา เถเร สญฺชานิตฺวา สห ปริกฺขาเรหิ ทานํ สชฺชิตฺวา นครมเชฺฌ มณฺฑปํ กตฺวา ทานํ อทํสุ, เถรานญฺจ ปริกฺขาเร อุปนาเมสุํฯ เถรา ภิกฺขุสงฺฆสฺส นิยฺยาทยิํสุฯ ตํ ทิสฺวา โกกาลิโก จิเนฺตสิ – ‘‘อิเม ปุเพฺพ อปฺปิจฺฉา อเหสุํ, อิทานิ ปาปิจฺฉา ชาตา, ปุเพฺพปิ อปฺปิจฺฉสนฺตุฎฺฐปวิวิตฺตสทิสา มเญฺญ’’ติ เถเร อุปสงฺกมิตฺวา, ‘‘อาวุโส, ตุเมฺห ปุเพฺพ อปฺปิจฺฉา วิย, อิทานิ ปน ปาปภิกฺขู ชาตา’’ติ วตฺวา ‘‘มูลฎฺฐาเนเยว เนสํ ปติฎฺฐํ ภินฺทิสฺสามี’’ติ ตรมานรูโป นิกฺขมิตฺวา สาวตฺถิํ คนฺตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิฯ อยเมว โกกาลิโก อิมินา จ การเณน อุปสงฺกมีติ เวทิตโพฺพฯ
Kokāliko cintesi – ‘‘paramappicchā aggasāvakā payuttavācāya uppannaṃ lābhaṃ na sādiyissanti , asādiyantā ‘āvāsikassa dethā’ti vakkhantī’’ti. Taṃ taṃ lābhaṃ gāhāpetvā therānaṃ santikaṃ agamāsi. Therā disvāva ‘‘ime paccayā neva amhākaṃ, na kokālikassa kappantī’’ti paṭikkhipitvā pakkamiṃsu. Kokāliko ‘‘kathaṃ hi nāma attanā agaṇhantā mayhampi adāpetvā pakkamissantī’’ti? Āghātaṃ uppādesi. Tepi bhagavato santikaṃ gantvā bhagavantaṃ vanditvā puna attano parisaṃ ādāya janapadacārikaṃ carantā anupubbena tasmiṃ raṭṭhe tameva nagaraṃ paccāgamiṃsu. Nāgarā there sañjānitvā saha parikkhārehi dānaṃ sajjitvā nagaramajjhe maṇḍapaṃ katvā dānaṃ adaṃsu, therānañca parikkhāre upanāmesuṃ. Therā bhikkhusaṅghassa niyyādayiṃsu. Taṃ disvā kokāliko cintesi – ‘‘ime pubbe appicchā ahesuṃ, idāni pāpicchā jātā, pubbepi appicchasantuṭṭhapavivittasadisā maññe’’ti there upasaṅkamitvā, ‘‘āvuso, tumhe pubbe appicchā viya, idāni pana pāpabhikkhū jātā’’ti vatvā ‘‘mūlaṭṭhāneyeva nesaṃ patiṭṭhaṃ bhindissāmī’’ti taramānarūpo nikkhamitvā sāvatthiṃ gantvā yena bhagavā tenupasaṅkami. Ayameva kokāliko iminā ca kāraṇena upasaṅkamīti veditabbo.
ภควา ตํ ตุริตตุริตํ อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาว อาวเชฺชโนฺต อญฺญาสิ – ‘‘อยํ อคฺคสาวเก อโกฺกสิตุกาโม อาคโต’’ติฯ ‘‘สกฺกา นุ โข ปฎิเสเธตุ’’นฺติ จ อาวเชฺชโนฺต, ‘‘น สกฺกา ปฎิเสเธตุํ, เถเรสุ อปรชฺฌิตฺวา กาลงฺกโต เอกํเสน ปทุมนิรเย นิพฺพตฺติสฺสตี’’ติ ทิสฺวา, ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเนปิ นาม ครหนฺตํ สุตฺวา น นิเสเธตี’’ติ วาทโมจนตฺถํ อริยูปวาทสฺส จ มหาสาวชฺชภาวทสฺสนตฺถํ มา เหวนฺติ ติกฺขตฺตุํ ปฎิเสเธสิฯ ตตฺถ มา เหวนฺติ มา เอวํ อภณิฯ สทฺธายิโกติ สทฺธาย อากโร ปสาทาวโห สทฺธาตพฺพวจโน วาฯ ปจฺจยิโกติ ปตฺติยายิตพฺพวจโนฯ
Bhagavā taṃ turitaturitaṃ āgacchantaṃ disvāva āvajjento aññāsi – ‘‘ayaṃ aggasāvake akkositukāmo āgato’’ti. ‘‘Sakkā nu kho paṭisedhetu’’nti ca āvajjento, ‘‘na sakkā paṭisedhetuṃ, theresu aparajjhitvā kālaṅkato ekaṃsena padumaniraye nibbattissatī’’ti disvā, ‘‘sāriputtamoggallānepi nāma garahantaṃ sutvā na nisedhetī’’ti vādamocanatthaṃ ariyūpavādassa ca mahāsāvajjabhāvadassanatthaṃ mā hevanti tikkhattuṃ paṭisedhesi. Tattha mā hevanti mā evaṃ abhaṇi. Saddhāyikoti saddhāya ākaro pasādāvaho saddhātabbavacano vā. Paccayikoti pattiyāyitabbavacano.
ปกฺกามีติ กมฺมานุภาเวน โจทิยมาโน ปกฺกามิฯ โอกาสกตํ หิ กมฺมํ น สกฺกา ปฎิพาหิตุํ, ตํ ตสฺส ตตฺถ ฐาตุํ น อทาสิฯ อจิรปกฺกนฺตสฺสาติ ปกฺกนฺตสฺส สโต น จิเรเนวฯ สโพฺพ กาโย ผุโฎ อโหสีติ เกสคฺคมตฺตมฺปิ โอกาสํ อาวเชฺชตฺวา สกลสรีรํ อฎฺฐีนิ ภินฺทิตฺวา อุคฺคตาหิ ปีฬกาหิ อโชฺฌตฺถฎํ อโหสิฯ ยสฺมา ปน พุทฺธานุภาเวน ตถารูปํ กมฺมํ พุทฺธานํ สมฺมุขีภาเว วิปากํ น เทติ, ทสฺสนูปจาเร วิชหิตมเตฺต เทติ, ตสฺมา ตสฺส อจิรปกฺกนฺตสฺส ปีฬกา อุฎฺฐหิํสุฯ กลายมตฺติโยติ จณกมตฺติโยฯ เพลุวสลาฎุกมตฺติโยติ ตรุณเพลุวมตฺติโยฯ (พิลฺลมตฺติโยติ มหาเพลุวมตฺติโยฯ) ปภิชฺชิํสูติ ภิชฺชิํสุฯ ตาสุ ภินฺนาสุ สกลสรีรํ ปนสปกฺกํ วิย อโหสิฯ โส ปเกฺกน คเตฺตน เชตวนทฺวารโกฎฺฐเก วิสคิลิโต มโจฺฉ วิย กทลิปเตฺตสุ สยิฯ อถ ธมฺมสวนตฺถํ อาคตาคตา มนุสฺสา – ‘‘ธิ โกกาลิก, ธิ โกกาลิก, อยุตฺตมกาสิ, อตฺตโนเยว มุขํ นิสฺสาย อนยพฺยสนํ ปโตฺต’’ติ อาหํสุฯ เตสํ สุตฺวา อารกฺขเทวตา ธิ-การํ อกํสุฯ อารกฺขกเทวตานํ อากาสเทวตาติ อิมินา อุปาเยน ยาว อกนิฎฺฐภวนา เอกธิกาโร อุทปาทิฯ อถสฺส อุปชฺฌาโย อาคนฺตฺวา โอวาทํ อคณฺหนฺตํ ญตฺวา ครหิตฺวา ปกฺกามิฯ
Pakkāmīti kammānubhāvena codiyamāno pakkāmi. Okāsakataṃ hi kammaṃ na sakkā paṭibāhituṃ, taṃ tassa tattha ṭhātuṃ na adāsi. Acirapakkantassāti pakkantassa sato na cireneva. Sabbo kāyo phuṭoahosīti kesaggamattampi okāsaṃ āvajjetvā sakalasarīraṃ aṭṭhīni bhinditvā uggatāhi pīḷakāhi ajjhotthaṭaṃ ahosi. Yasmā pana buddhānubhāvena tathārūpaṃ kammaṃ buddhānaṃ sammukhībhāve vipākaṃ na deti, dassanūpacāre vijahitamatte deti, tasmā tassa acirapakkantassa pīḷakā uṭṭhahiṃsu. Kalāyamattiyoti caṇakamattiyo. Beluvasalāṭukamattiyoti taruṇabeluvamattiyo. (Billamattiyoti mahābeluvamattiyo.) Pabhijjiṃsūti bhijjiṃsu. Tāsu bhinnāsu sakalasarīraṃ panasapakkaṃ viya ahosi. So pakkena gattena jetavanadvārakoṭṭhake visagilito maccho viya kadalipattesu sayi. Atha dhammasavanatthaṃ āgatāgatā manussā – ‘‘dhi kokālika, dhi kokālika, ayuttamakāsi, attanoyeva mukhaṃ nissāya anayabyasanaṃ patto’’ti āhaṃsu. Tesaṃ sutvā ārakkhadevatā dhi-kāraṃ akaṃsu. Ārakkhakadevatānaṃ ākāsadevatāti iminā upāyena yāva akaniṭṭhabhavanā ekadhikāro udapādi. Athassa upajjhāyo āgantvā ovādaṃ agaṇhantaṃ ñatvā garahitvā pakkāmi.
กาลมกาสีติ อุปชฺฌาเย ปกฺกเนฺต กาลมกาสิฯ ปทุมํ นิรยนฺติ ปาฎิเยโกฺก ปทุมนิรโย นาม นตฺถิ, อวีจิมหานิรยมฺหิเยว ปน ปทุมคณนาย ปจฺจิตเพฺพ เอกสฺมิํ ฐาเน นิพฺพตฺติฯ
Kālamakāsīti upajjhāye pakkante kālamakāsi. Padumaṃ nirayanti pāṭiyekko padumanirayo nāma natthi, avīcimahānirayamhiyeva pana padumagaṇanāya paccitabbe ekasmiṃ ṭhāne nibbatti.
วีสติขาริโกติ มาคธเกน ปเตฺถน จตฺตาโร ปตฺถา โกสลรเฎฺฐ เอกปโตฺถ โหติ, เตน ปเตฺถน จตฺตาโร ปตฺถา อาฬฺหกํ, จตฺตาริ อาฬฺหกานิ โทณํ, จตุโทณา มานิกา, จตุมานิกา ขารี, ตาย ขาริยา วีสติขาริโกฯ ติลวาโหติ มาคธกานํ สุขุมติลานํ ติลสกฎํฯ อพฺพุโท นิรโยติ อพฺพุโท นาม ปาฎิเยโกฺก นิรโย นตฺถิฯ อวีจิมฺหิเยว ปน อพฺพุทคณนาย ปจฺจิตพฺพฎฺฐานเสฺสตํ นามํฯ นิรพฺพุทาทีสุปิ เอเสว นโยฯ
Vīsatikhārikoti māgadhakena patthena cattāro patthā kosalaraṭṭhe ekapattho hoti, tena patthena cattāro patthā āḷhakaṃ, cattāri āḷhakāni doṇaṃ, catudoṇā mānikā, catumānikā khārī, tāya khāriyā vīsatikhāriko. Tilavāhoti māgadhakānaṃ sukhumatilānaṃ tilasakaṭaṃ. Abbudo nirayoti abbudo nāma pāṭiyekko nirayo natthi. Avīcimhiyeva pana abbudagaṇanāya paccitabbaṭṭhānassetaṃ nāmaṃ. Nirabbudādīsupi eseva nayo.
วสฺสคณนาปิ ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพา – ยเถว หิ สตํ สตสหสฺสานิ โกฎิ โหติ, เอวํ สตํ สตสหสฺสโกฎิโย ปโกฎิ นาม โหติ, สตํ สตสหสฺสปโกฎิโย โกฎิปโกฎิ นาม, สตํ สตสหสฺสโกฎิปโกฎิโย นหุตํ, สตํ สตสหสฺสนหุตานิ นินฺนหุตํ, สตํ สตสหสฺสนินฺนหุตานิ เอกํ อพฺพุทํ, ตโต วีสติคุณํ นิรพฺพุทํฯ เอเสว นโย สพฺพตฺถาติฯ ทสมํฯ
Vassagaṇanāpi panettha evaṃ veditabbā – yatheva hi sataṃ satasahassāni koṭi hoti, evaṃ sataṃ satasahassakoṭiyo pakoṭi nāma hoti, sataṃ satasahassapakoṭiyo koṭipakoṭi nāma, sataṃ satasahassakoṭipakoṭiyo nahutaṃ, sataṃ satasahassanahutāni ninnahutaṃ, sataṃ satasahassaninnahutāni ekaṃ abbudaṃ, tato vīsatiguṇaṃ nirabbudaṃ. Eseva nayo sabbatthāti. Dasamaṃ.
ปฐโม วโคฺคฯ
Paṭhamo vaggo.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๑๐. โกกาลิกสุตฺตํ • 10. Kokālikasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๑๐. โกกาลิกสุตฺตวณฺณนา • 10. Kokālikasuttavaṇṇanā