Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๖. โกกนุทสุตฺตํ
6. Kokanudasuttaṃ
๙๖. ‘‘เอกํ สมยํ อายสฺมา อานโนฺท ราชคเห วิหรติ ตโปทาราเมฯ อถ โข อายสฺมา อานโนฺท รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย เยน ตโปทา เตนุปสงฺกมิ คตฺตานิ ปริสิญฺจิตุํฯ ตโปทาย 1 คตฺตานิ ปริสิญฺจิตฺวา ปจฺจุตฺตริตฺวา เอกจีวโร อฎฺฐาสิ คตฺตานิ ปุพฺพาปยมาโน ฯ โกกนุโทปิ โข ปริพฺพาชโก รตฺติยา ปจฺจูสสมยํ ปจฺจุฎฺฐาย เยน ตโปทา เตนุปสงฺกมิ คตฺตานิ ปริสิญฺจิตุํฯ
96. ‘‘Ekaṃ samayaṃ āyasmā ānando rājagahe viharati tapodārāme. Atha kho āyasmā ānando rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya yena tapodā tenupasaṅkami gattāni parisiñcituṃ. Tapodāya 2 gattāni parisiñcitvā paccuttaritvā ekacīvaro aṭṭhāsi gattāni pubbāpayamāno . Kokanudopi kho paribbājako rattiyā paccūsasamayaṃ paccuṭṭhāya yena tapodā tenupasaṅkami gattāni parisiñcituṃ.
อทฺทสา โข โกกนุโท ปริพฺพาชโก อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ – ‘‘เกฺวตฺถ 3, อาวุโส’’ติ? ‘‘อหมาวุโส, ภิกฺขู’’ติฯ
Addasā kho kokanudo paribbājako āyasmantaṃ ānandaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca – ‘‘kvettha 4, āvuso’’ti? ‘‘Ahamāvuso, bhikkhū’’ti.
‘‘กตเมสํ, อาวุโส, ภิกฺขูน’’นฺติ? ‘‘สมณานํ, อาวุโส, สกฺยปุตฺติยาน’’นฺติฯ
‘‘Katamesaṃ, āvuso, bhikkhūna’’nti? ‘‘Samaṇānaṃ, āvuso, sakyaputtiyāna’’nti.
‘‘ปุเจฺฉยฺยาม มยํ อายสฺมนฺตํ กิญฺจิเทว เทสํ, สเจ อายสฺมา โอกาสํ กโรติ ปญฺหสฺส เวยฺยากรณายา’’ติฯ ‘‘ปุจฺฉาวุโส, สุตฺวา เวทิสฺสามา’’ติฯ
‘‘Puccheyyāma mayaṃ āyasmantaṃ kiñcideva desaṃ, sace āyasmā okāsaṃ karoti pañhassa veyyākaraṇāyā’’ti. ‘‘Pucchāvuso, sutvā vedissāmā’’ti.
‘‘กิํ นุ โข, โภ, ‘สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ – เอวํทิฎฺฐิ 5 ภว’’นฺติ ? ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, เอวํทิฎฺฐิ – ‘สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
‘‘Kiṃ nu kho, bho, ‘sassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti – evaṃdiṭṭhi 6 bhava’’nti ? ‘‘Na kho ahaṃ, āvuso, evaṃdiṭṭhi – ‘sassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.
‘‘กิํ ปน, โภ, ‘อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภว’’นฺติ? ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, เอวํทิฎฺฐิ – ‘อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
‘‘Kiṃ pana, bho, ‘asassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti – evaṃdiṭṭhi bhava’’nti? ‘‘Na kho ahaṃ, āvuso, evaṃdiṭṭhi – ‘asassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.
‘‘กิํ นุ โข, โภ, อนฺตวา โลโก…เป.… อนนฺตวา โลโก… ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ… อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรํ… โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา… น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา… โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา… เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภว’’นฺติ? ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, เอวํทิฎฺฐิ – ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’’’นฺติฯ
‘‘Kiṃ nu kho, bho, antavā loko…pe… anantavā loko… taṃ jīvaṃ taṃ sarīraṃ… aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīraṃ… hoti tathāgato paraṃ maraṇā… na hoti tathāgato paraṃ maraṇā… hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā… neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhava’’nti? ‘‘Na kho ahaṃ, āvuso, evaṃdiṭṭhi – ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’’’nti.
‘‘เตน หิ ภวํ น ชานาติ, น ปสฺสตี’’ติ? ‘‘น โข อหํ, อาวุโส, น ชานามิ น ปสฺสามิฯ ชานามหํ, อาวุโส, ปสฺสามี’’ติ ฯ
‘‘Tena hi bhavaṃ na jānāti, na passatī’’ti? ‘‘Na kho ahaṃ, āvuso, na jānāmi na passāmi. Jānāmahaṃ, āvuso, passāmī’’ti .
‘‘‘กิํ นุ โข, โภ, สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภว’นฺติ, อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน – ‘น โข อหํ, อาวุโส, เอวํทิฎฺฐิ – สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิฯ
‘‘‘Kiṃ nu kho, bho, sassato loko, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhava’nti, iti puṭṭho samāno – ‘na kho ahaṃ, āvuso, evaṃdiṭṭhi – sassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi.
‘‘‘กิํ ปน, โภ, อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภว’นฺติ, อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน – ‘น โข อหํ, อาวุโส, เอวํทิฎฺฐิ – อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิฯ
‘‘‘Kiṃ pana, bho, asassato loko, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhava’nti, iti puṭṭho samāno – ‘na kho ahaṃ, āvuso, evaṃdiṭṭhi – asassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi.
‘‘กิํ นุ โข, โภ, อนฺตวา โลโก…เป.… อนนฺตวา โลโก… ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ… อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรํ… โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา… น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา… โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา… เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญนฺติ – เอวํทิฎฺฐิ ภวนฺติ, อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน – ‘น โข อหํ, อาวุโส , เอวํทิฎฺฐิ – เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ วเทสิฯ
‘‘Kiṃ nu kho, bho, antavā loko…pe… anantavā loko… taṃ jīvaṃ taṃ sarīraṃ… aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīraṃ… hoti tathāgato paraṃ maraṇā… na hoti tathāgato paraṃ maraṇā… hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā… neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamaññanti – evaṃdiṭṭhi bhavanti, iti puṭṭho samāno – ‘na kho ahaṃ, āvuso , evaṃdiṭṭhi – neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti vadesi.
‘‘‘เตน หิ ภวํ น ชานาติ น ปสฺสตี’ติ, อิติ ปุโฎฺฐ สมาโน – ‘น โข อหํ, อาวุโส, น ชานามิ น ปสฺสามิฯ ชานามหํ, อาวุโส, ปสฺสามี’ติ วเทสิฯ ยถา กถํ ปนาวุโส, อิมสฺส ภาสิตสฺส อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพ’’ติ?
‘‘‘Tena hi bhavaṃ na jānāti na passatī’ti, iti puṭṭho samāno – ‘na kho ahaṃ, āvuso, na jānāmi na passāmi. Jānāmahaṃ, āvuso, passāmī’ti vadesi. Yathā kathaṃ panāvuso, imassa bhāsitassa attho daṭṭhabbo’’ti?
‘‘‘สสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ โข, อาวุโส, ทิฎฺฐิคตเมตํฯ ‘อสสฺสโต โลโก, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ โข, อาวุโส, ทิฎฺฐิคตเมตํฯ อนฺตวา โลโก…เป.… อนนฺตวา โลโก… ตํ ชีวํ ตํ สรีรํ… อญฺญํ ชีวํ อญฺญํ สรีรํ… โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา… น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา… โหติ จ น จ โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา… ‘เนว โหติ น น โหติ ตถาคโต ปรํ มรณา, อิทเมว สจฺจํ โมฆมญฺญ’นฺติ โข, อาวุโส, ทิฎฺฐิคตเมตํฯ
‘‘‘Sassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti kho, āvuso, diṭṭhigatametaṃ. ‘Asassato loko, idameva saccaṃ moghamañña’nti kho, āvuso, diṭṭhigatametaṃ. Antavā loko…pe… anantavā loko… taṃ jīvaṃ taṃ sarīraṃ… aññaṃ jīvaṃ aññaṃ sarīraṃ… hoti tathāgato paraṃ maraṇā… na hoti tathāgato paraṃ maraṇā… hoti ca na ca hoti tathāgato paraṃ maraṇā… ‘neva hoti na na hoti tathāgato paraṃ maraṇā, idameva saccaṃ moghamañña’nti kho, āvuso, diṭṭhigatametaṃ.
‘‘โก นาโม อายสฺมา, กถญฺจ ปนายสฺมนฺตํ สพฺรหฺมจารี ชานนฺตี’’ติ? ‘‘‘อานโนฺท’ติ โข เม, อาวุโส, นามํฯ ‘อานโนฺท’ติ จ ปน มํ สพฺรหฺมจารี ชานนฺตี’’ติฯ ‘‘มหาจริเยน วต กิร, โภ, สทฺธิํ มนฺตยมานา น ชานิมฺห – ‘อายสฺมา อานโนฺท’ติฯ สเจ หิ มยํ ชาเนยฺยาม – ‘อยํ อายสฺมา อานโนฺท’ติ, เอตฺตกมฺปิ โน นปฺปฎิภาเยยฺย 11ฯ ขมตุ จ เม อายสฺมา อานโนฺท’’ติฯ ฉฎฺฐํฯ
‘‘Ko nāmo āyasmā, kathañca panāyasmantaṃ sabrahmacārī jānantī’’ti? ‘‘‘Ānando’ti kho me, āvuso, nāmaṃ. ‘Ānando’ti ca pana maṃ sabrahmacārī jānantī’’ti. ‘‘Mahācariyena vata kira, bho, saddhiṃ mantayamānā na jānimha – ‘āyasmā ānando’ti. Sace hi mayaṃ jāneyyāma – ‘ayaṃ āyasmā ānando’ti, ettakampi no nappaṭibhāyeyya 12. Khamatu ca me āyasmā ānando’’ti. Chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. โกกนุทสุตฺตวณฺณนา • 6. Kokanudasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๖-๘. โกกนุทสุตฺตาทิวณฺณนา • 6-8. Kokanudasuttādivaṇṇanā