Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๙๙] ๙. โกมารปุตฺตชาตกวณฺณนา
[299] 9. Komāraputtajātakavaṇṇanā
ปุเร ตุวนฺติ อิทํ สตฺถา ปุพฺพาราเม วิหรโนฺต เกฬิสีเล ภิกฺขู อารพฺภ กเถสิฯ เต กิร ภิกฺขู สตฺถริ อุปริปาสาเท วิหรเนฺต เหฎฺฐาปาสาเท ทิฎฺฐสุตาทีนิ กเถนฺตา กลหญฺจ ปริภาสญฺจ กโรนฺตา นิสีทิํสุฯ สตฺถา มหาโมคฺคลฺลานํ อามเนฺตตฺวา ‘‘เอเต ภิกฺขู สํเวเชหี’’ติ อาหฯ เถโร อากาเส อุปฺปติตฺวา ปาทงฺคุฎฺฐเกน ปาสาทถุปิกํ ปหริตฺวา ยาว อุทกปริยนฺตา ปาสาทํ กเมฺปสิฯ เต ภิกฺขู มรณภยภีตา นิกฺขมิตฺวา พหิ อฎฺฐํสูฯ เตสํ โส เกฬิสีลภาโว ภิกฺขูสุ ปากโฎ ชาโตฯ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, เอกเจฺจ ภิกฺขู เอวรูเป นิยฺยานิกสาสเน ปพฺพชิตฺวา เกฬิสีลา หุตฺวา วิจรนฺติ, ‘อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา’ติ วิปสฺสนาย กมฺมํ น กโรนฺตี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปเต เกฬิสีลกาเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Puretuvanti idaṃ satthā pubbārāme viharanto keḷisīle bhikkhū ārabbha kathesi. Te kira bhikkhū satthari uparipāsāde viharante heṭṭhāpāsāde diṭṭhasutādīni kathentā kalahañca paribhāsañca karontā nisīdiṃsu. Satthā mahāmoggallānaṃ āmantetvā ‘‘ete bhikkhū saṃvejehī’’ti āha. Thero ākāse uppatitvā pādaṅguṭṭhakena pāsādathupikaṃ paharitvā yāva udakapariyantā pāsādaṃ kampesi. Te bhikkhū maraṇabhayabhītā nikkhamitvā bahi aṭṭhaṃsū. Tesaṃ so keḷisīlabhāvo bhikkhūsu pākaṭo jāto. Athekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, ekacce bhikkhū evarūpe niyyānikasāsane pabbajitvā keḷisīlā hutvā vicaranti, ‘aniccaṃ dukkhaṃ anattā’ti vipassanāya kammaṃ na karontī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepete keḷisīlakāyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต เอกสฺมิํ คามเก พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติ, ‘‘โกมารปุโตฺต’’ติ นํ สญฺชานิํสุฯ โส อปรภาเค นิกฺขมิตฺวา อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา หิมวนฺตปเทเส วสิฯ อถเญฺญ เกฬิสีลา ตาปสา หิมวนฺตปเทเส อสฺสมํ มาเปตฺวา วสิํสุ, กสิณปริกมฺมมตฺตมฺปิ เนสํ นตฺถิ, อรญฺญโต ผลาผลานิ อาหริตฺวา ขาทิตฺวา หสมานา นานปฺปการาย เกฬิยา วีตินาเมนฺติฯ เตสํ สนฺติเก เอโก มกฺกโฎ อตฺถิ, โสปิ เกฬิสีลโกว มุขวิการาทีนิ กโรโนฺต ตาปสานํ นานาวิธํ เกฬิํ ทเสฺสติฯ ตาปสา ตตฺถ จิรํ วสิตฺวา โลณมฺพิลเสวนตฺถาย มนุสฺสปถํ อคมํสุฯ เตสํ คตกาลโต ปฎฺฐาย โพธิสโตฺต ตํ ฐานํ คนฺตฺวา วาสํ กเปฺปสิ, มกฺกโฎ เตสํ วิย ตสฺสปิ เกฬิํ ทเสฺสสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto ekasmiṃ gāmake brāhmaṇakule nibbatti, ‘‘komāraputto’’ti naṃ sañjāniṃsu. So aparabhāge nikkhamitvā isipabbajjaṃ pabbajitvā himavantapadese vasi. Athaññe keḷisīlā tāpasā himavantapadese assamaṃ māpetvā vasiṃsu, kasiṇaparikammamattampi nesaṃ natthi, araññato phalāphalāni āharitvā khāditvā hasamānā nānappakārāya keḷiyā vītināmenti. Tesaṃ santike eko makkaṭo atthi, sopi keḷisīlakova mukhavikārādīni karonto tāpasānaṃ nānāvidhaṃ keḷiṃ dasseti. Tāpasā tattha ciraṃ vasitvā loṇambilasevanatthāya manussapathaṃ agamaṃsu. Tesaṃ gatakālato paṭṭhāya bodhisatto taṃ ṭhānaṃ gantvā vāsaṃ kappesi, makkaṭo tesaṃ viya tassapi keḷiṃ dassesi.
โพธิสโตฺต อจฺฉรํ ปหริตฺวา ‘‘สุสิกฺขิตปพฺพชิตานํ สนฺติเก วสเนฺตน นาม อาจารสมฺปเนฺนน กายาทีหิ สุสญฺญเตน ฌาเนสุ ยุเตฺตน ภวิตุํ วฎฺฎตี’’ติ ตสฺส โอวาทํ อทาสิฯ โส ตโต ปฎฺฐาย สีลวา อาจารสมฺปโนฺน อโหสิ, โพธิสโตฺตปิ ตโต อญฺญตฺถ อคมาสิฯ อถ เต ตาปสา โลณมฺพิลํ เสวิตฺวา ตํ ฐานํ อคมํสุฯ มกฺกโฎ ปุเพฺพ วิย เตสํ เกฬิํ น ทเสฺสสิฯ อถ นํ ตาปสา ‘‘ปุเพฺพ, ตฺวํ อาวุโส, อมฺหากํ ปุรโต เกฬิํ อกาสิ, อิทานิ น กโรสิ, กิํการณา’’ติ ปุจฺฉนฺตา ปฐมํ คาถมาหํสุ –
Bodhisatto accharaṃ paharitvā ‘‘susikkhitapabbajitānaṃ santike vasantena nāma ācārasampannena kāyādīhi susaññatena jhānesu yuttena bhavituṃ vaṭṭatī’’ti tassa ovādaṃ adāsi. So tato paṭṭhāya sīlavā ācārasampanno ahosi, bodhisattopi tato aññattha agamāsi. Atha te tāpasā loṇambilaṃ sevitvā taṃ ṭhānaṃ agamaṃsu. Makkaṭo pubbe viya tesaṃ keḷiṃ na dassesi. Atha naṃ tāpasā ‘‘pubbe, tvaṃ āvuso, amhākaṃ purato keḷiṃ akāsi, idāni na karosi, kiṃkāraṇā’’ti pucchantā paṭhamaṃ gāthamāhaṃsu –
๑๔๕.
145.
‘‘ปุเร ตุวํ สีลวตํ สกาเส, โอกฺกนฺติกํ กีฬสิ อสฺสมมฺหิ;
‘‘Pure tuvaṃ sīlavataṃ sakāse, okkantikaṃ kīḷasi assamamhi;
กโรหเร มกฺกฎิยานิ มกฺกฎ, น ตํ มยํ สีลวตํ รมามา’’ติฯ
Karohare makkaṭiyāni makkaṭa, na taṃ mayaṃ sīlavataṃ ramāmā’’ti.
ตตฺถ สีลวตํ สกาเสติ เกฬิสีลานํ อมฺหากํ สนฺติเกฯ โอกฺกนฺติกนฺติ มิโค วิย โอกฺกนฺติตฺวา กีฬสิฯ กโรหเรติ เอตฺถ อเรติ อาลปนํฯ มกฺกฎิยานีติ มุขมกฺกฎิกกีฬาสงฺขาตานิ มุขวิการานิฯ น ตํ มยํ สีลวตํ รมามาติ ยํ ปุเพฺพ ตว เกฬิสีลํ เกฬิวตํ, ตํ มยํ เอตรหิ น รมาม, ตฺวมฺปิ โน น รมาเปสิ, กิํ นุ โข การณนฺติฯ
Tattha sīlavataṃ sakāseti keḷisīlānaṃ amhākaṃ santike. Okkantikanti migo viya okkantitvā kīḷasi. Karohareti ettha areti ālapanaṃ. Makkaṭiyānīti mukhamakkaṭikakīḷāsaṅkhātāni mukhavikārāni. Na taṃ mayaṃ sīlavataṃ ramāmāti yaṃ pubbe tava keḷisīlaṃ keḷivataṃ, taṃ mayaṃ etarahi na ramāma, tvampi no na ramāpesi, kiṃ nu kho kāraṇanti.
ตํ สุตฺวา มกฺกโฎ ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā makkaṭo dutiyaṃ gāthamāha –
๑๔๖.
146.
‘‘สุตา หิ มยฺหํ ปรมา วิสุทฺธิ, โกมารปุตฺตสฺส พหุสฺสุตสฺส;
‘‘Sutā hi mayhaṃ paramā visuddhi, komāraputtassa bahussutassa;
มา ทานิ มํ มญฺญิ ตุวํ ยถา ปุเร, ฌานานุยุโตฺต วิหรามิ อาวุโส’’ติฯ
Mā dāni maṃ maññi tuvaṃ yathā pure, jhānānuyutto viharāmi āvuso’’ti.
ตตฺถ มยฺหนฺติ กรณเตฺถ สมฺปทานํฯ วิสุทฺธีติ ฌานวิสุทฺธิฯ พหุสฺสุตสฺสาติ พหูนํ กสิณปริกมฺมานํ อฎฺฐนฺนญฺจ สมาปตฺตีนํ สุตตฺตา เจว ปฎิวิทฺธตฺตา จ พหุสฺสุตสฺสฯ ตุวนฺติ เตสุ เอกํ ตาปสํ อาลปโนฺต อิทานิ มา มํ ตฺวํ ปุเร วิย สญฺชานิ, นาหํ ปุริมสทิโส, อาจริโย เม ลโทฺธติ ทีเปติฯ
Tattha mayhanti karaṇatthe sampadānaṃ. Visuddhīti jhānavisuddhi. Bahussutassāti bahūnaṃ kasiṇaparikammānaṃ aṭṭhannañca samāpattīnaṃ sutattā ceva paṭividdhattā ca bahussutassa. Tuvanti tesu ekaṃ tāpasaṃ ālapanto idāni mā maṃ tvaṃ pure viya sañjāni, nāhaṃ purimasadiso, ācariyo me laddhoti dīpeti.
ตํ สุตฺวา ตาปสา ตติยํ คาถมาหํสุ –
Taṃ sutvā tāpasā tatiyaṃ gāthamāhaṃsu –
๑๔๗.
147.
‘‘สเจปิ เสลสฺมิ วเปยฺย พีชํ, เทโว จ วเสฺส น หิ ตํ วิรูเฬฺห;
‘‘Sacepi selasmi vapeyya bījaṃ, devo ca vasse na hi taṃ virūḷhe;
สุตา หิ เต สา ปรมา วิสุทฺธิ, อารา ตุวํ มกฺกฎ ฌานภูมิยา’’ติฯ
Sutā hi te sā paramā visuddhi, ārā tuvaṃ makkaṭa jhānabhūmiyā’’ti.
ตสฺสโตฺถ – สเจปิ ปาสาณปิเฎฺฐ ปญฺจวิธํ พีชํ วเปยฺย, เทโว จ สมฺมา วเสฺสยฺย, อเขตฺตตาย ตํ น วิรูเฬฺหยฺย, เอวเมว ตยา ปรมา ฌานวิสุทฺธิ สุตา, ตฺวํ ปน ติรจฺฉานโยนิกตฺตา อารา ฌานภูมิยา ทูเร ฐิโต, น สกฺกา ตยา ฌานํ นิพฺพเตฺตตุนฺติ มกฺกฎํ ครหิํสุฯ
Tassattho – sacepi pāsāṇapiṭṭhe pañcavidhaṃ bījaṃ vapeyya, devo ca sammā vasseyya, akhettatāya taṃ na virūḷheyya, evameva tayā paramā jhānavisuddhi sutā, tvaṃ pana tiracchānayonikattā ārā jhānabhūmiyā dūre ṭhito, na sakkā tayā jhānaṃ nibbattetunti makkaṭaṃ garahiṃsu.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เกฬิสีลา ตาปสา อิเม ภิกฺขู อเหสุํ, โกมารปุโตฺต ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā keḷisīlā tāpasā ime bhikkhū ahesuṃ, komāraputto pana ahameva ahosi’’nti.
โกมารปุตฺตชาตกวณฺณนา นวมาฯ
Komāraputtajātakavaṇṇanā navamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๙๙. โกมารปุตฺตชาตกํ • 299. Komāraputtajātakaṃ