Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / พุทฺธวํส-อฎฺฐกถา • Buddhavaṃsa-aṭṭhakathā |
๒๕. โกณาคมนพุทฺธวํสวณฺณนา
25. Koṇāgamanabuddhavaṃsavaṇṇanā
กกุสนฺธสฺส ปน ภควโต อปรภาเค ตสฺส สาสเน จ อนฺตรหิเต สเตฺตสุ ติํสวสฺสสหสฺสายุเกสุ ชาเตสุ ปรหิตโกณาคมโน โกณาคมโน นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิฯ อถ วา กนกาคมนโต โกณาคมโน นาม สตฺถา โลเก อุทปาทิฯ ตตฺถ ก-การสฺส โกอาเทสํ กตฺวา น-การสฺส ณาเทสํ กตฺวา เอกสฺส ก-การสฺส โลปํ กตฺวา นิรุตฺตินเยน กนกสฺส กนกาทิอาภรณสฺส อาคมนํ ปวสฺสนํ ยสฺส ภควโต อุปฺปนฺนกาเล โส โกณาคมโน นามฯ เอตฺถ ปน อายุ อนุปุเพฺพน ปริหีนสทิสํ กตํ, น เอวํ ปริหีนํ, ปุน วฑฺฒิตฺวา ปริหีนนฺติ เวทิตพฺพํฯ กถํ? อิมสฺมิํเยว กเปฺป กกุสโนฺธ ภควา จตฺตาลีสวสฺสสหสฺสายุกกาเล นิพฺพโตฺต, ตํ ปน อายุ ปริหายมานํ ทสวสฺสกาลํ ปตฺวา ปุน อสเงฺขฺยยฺยํ ปตฺวา ตโต ปริหายมานํ ติํสวสฺสสหสฺสายุกกาเล ฐิตํ, ตทา โกณาคมโน ภควา โลเก อุปฺปโนฺนติ เวทิตโพฺพฯ
Kakusandhassa pana bhagavato aparabhāge tassa sāsane ca antarahite sattesu tiṃsavassasahassāyukesu jātesu parahitakoṇāgamano koṇāgamano nāma satthā loke udapādi. Atha vā kanakāgamanato koṇāgamano nāma satthā loke udapādi. Tattha ka-kārassa koādesaṃ katvā na-kārassa ṇādesaṃ katvā ekassa ka-kārassa lopaṃ katvā niruttinayena kanakassa kanakādiābharaṇassa āgamanaṃ pavassanaṃ yassa bhagavato uppannakāle so koṇāgamano nāma. Ettha pana āyu anupubbena parihīnasadisaṃ kataṃ, na evaṃ parihīnaṃ, puna vaḍḍhitvā parihīnanti veditabbaṃ. Kathaṃ? Imasmiṃyeva kappe kakusandho bhagavā cattālīsavassasahassāyukakāle nibbatto, taṃ pana āyu parihāyamānaṃ dasavassakālaṃ patvā puna asaṅkhyeyyaṃ patvā tato parihāyamānaṃ tiṃsavassasahassāyukakāle ṭhitaṃ, tadā koṇāgamano bhagavā loke uppannoti veditabbo.
โสปิ ปารมิโย ปูเรตฺวา ตุสิตปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตโต จวิตฺวา โสภวตีนคเร ยญฺญทตฺตสฺส พฺราหฺมณสฺส ภริยาย รูปาทีหิ คุเณหิ อนุตฺตราย อุตฺตราย นาม พฺราหฺมณิยา กุจฺฉิสฺมิํ ปฎิสนฺธิํ คเหตฺวา ทสนฺนํ มาสานํ อจฺจเยน สุภวตีอุยฺยาเน มาตุกุจฺฉิโต นิกฺขมิฯ ชายมาเน ปน ตสฺมิํ สกลชมฺพุทีเป เทโว กนกวสฺสํ วสฺสิฯ เตนสฺส กนกาคมนการณตฺตา ‘‘กนกาคมโน’’ติ นามมกํสุฯ ตํ ปนสฺส นามํ อนุกฺกเมน ปริณมมานํ โกณาคมโน’’ติ ชาตํฯ โส ปน ตีณิ วสฺสสหสฺสานิ อคารํ อชฺฌาวสิฯ ตุสิต-สนฺตุสิต-สนฺตุฎฺฐนามกา ปนสฺส ตโย ปาสาทา อเหสุํฯ รุจิคตฺตาพฺราหฺมณีปมุขานิ โสฬส อิตฺถิสหสฺสานิ อเหสุํฯ
Sopi pāramiyo pūretvā tusitapure nibbattitvā tato cavitvā sobhavatīnagare yaññadattassa brāhmaṇassa bhariyāya rūpādīhi guṇehi anuttarāya uttarāya nāma brāhmaṇiyā kucchismiṃ paṭisandhiṃ gahetvā dasannaṃ māsānaṃ accayena subhavatīuyyāne mātukucchito nikkhami. Jāyamāne pana tasmiṃ sakalajambudīpe devo kanakavassaṃ vassi. Tenassa kanakāgamanakāraṇattā ‘‘kanakāgamano’’ti nāmamakaṃsu. Taṃ panassa nāmaṃ anukkamena pariṇamamānaṃ koṇāgamano’’ti jātaṃ. So pana tīṇi vassasahassāni agāraṃ ajjhāvasi. Tusita-santusita-santuṭṭhanāmakā panassa tayo pāsādā ahesuṃ. Rucigattābrāhmaṇīpamukhāni soḷasa itthisahassāni ahesuṃ.
โส จตฺตาริ นิมิตฺตานิ ทิสฺวา รุจิคตฺตาย พฺราหฺมณิยา สตฺถวาเห นาม ปุเตฺต อุปฺปเนฺน หตฺถิกฺขนฺธวรคโต หตฺถิยาเนน มหาภินิกฺขมนํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ ตํ ติํสปุริสสหสฺสานิ อนุปพฺพชิํสุฯ โส เตหิ ปริวุโต ฉ มาเส ปธานจริยํ จริตฺวา วิสาขปุณฺณมายํ อคฺคิโสนพฺราหฺมณสฺส ธีตาย อคฺคิโสนพฺราหฺมณกุมาริยา ทินฺนํ มธุปายาสํ ปริภุญฺชิตฺวา ขทิรวเน ทิวาวิหารํ กตฺวา สายนฺหสมเย ชฎาตินฺทุเกน นาม ยวปาเลน ทินฺนา อฎฺฐ ติณมุฎฺฐิโย คเหตฺวา อุทุมฺพรโพธิํ ปุณฺฑรีเก วุตฺตปฺปมาณํ ผลวิภูติสมฺปนฺนํ ทกฺขิณโต อุปคนฺตฺวา วีสติหตฺถวิตฺถตํ ติณสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา มารพลํ วิทฺธํเสตฺวา ทสพลญาณานิ ปฎิลภิตฺวา – ‘‘อเนกชาติสํสารํ…เป.… ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา’’ติ อุทานํ อุทาเนตฺวา สตฺตสตฺตาหํ วีตินาเมตฺวา อตฺตนา สห ปพฺพชิตานํ ติํสภิกฺขุสหสฺสานํ อุปนิสฺสยสมฺปตฺติํ ทิสฺวา คคนปเถน คนฺตฺวา สุทสฺสนนครสมีเป อิสิปตเน มิคทาเย โอตริตฺวา เตสํ มชฺฌคโต ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตสิ, ตทา ติํสโกฎิสหสฺสานํ ปฐมาภิสมโย อโหสิฯ
So cattāri nimittāni disvā rucigattāya brāhmaṇiyā satthavāhe nāma putte uppanne hatthikkhandhavaragato hatthiyānena mahābhinikkhamanaṃ nikkhamitvā pabbaji. Taṃ tiṃsapurisasahassāni anupabbajiṃsu. So tehi parivuto cha māse padhānacariyaṃ caritvā visākhapuṇṇamāyaṃ aggisonabrāhmaṇassa dhītāya aggisonabrāhmaṇakumāriyā dinnaṃ madhupāyāsaṃ paribhuñjitvā khadiravane divāvihāraṃ katvā sāyanhasamaye jaṭātindukena nāma yavapālena dinnā aṭṭha tiṇamuṭṭhiyo gahetvā udumbarabodhiṃ puṇḍarīke vuttappamāṇaṃ phalavibhūtisampannaṃ dakkhiṇato upagantvā vīsatihatthavitthataṃ tiṇasantharaṃ santharitvā pallaṅkaṃ ābhujitvā mārabalaṃ viddhaṃsetvā dasabalañāṇāni paṭilabhitvā – ‘‘anekajātisaṃsāraṃ…pe… taṇhānaṃ khayamajjhagā’’ti udānaṃ udānetvā sattasattāhaṃ vītināmetvā attanā saha pabbajitānaṃ tiṃsabhikkhusahassānaṃ upanissayasampattiṃ disvā gaganapathena gantvā sudassananagarasamīpe isipatane migadāye otaritvā tesaṃ majjhagato dhammacakkaṃ pavattesi, tadā tiṃsakoṭisahassānaṃ paṭhamābhisamayo ahosi.
ปุน สุนฺทรนครทฺวาเร มหาสาลรุกฺขมูเล ยมกปาฎิหาริยํ กตฺวา วีสติโกฎิสหสฺสานํ ธมฺมามตํ ปาเยสิ, โส ทุติโย อภิสมโย อโหสิฯ อตฺตโน มาตรํ อุตฺตรํ ปมุขํ กตฺวา ทสสุ จกฺกวาฬสหเสฺสสุ เทวตานํ สมาคตานํ อภิธมฺมปิฎกํ เทเสเนฺต ภควติ ทสนฺนํ โกฎิสหสฺสานํ ตติโย อภิสมโย อโหสิฯ เตน วุตฺตํ –
Puna sundaranagaradvāre mahāsālarukkhamūle yamakapāṭihāriyaṃ katvā vīsatikoṭisahassānaṃ dhammāmataṃ pāyesi, so dutiyo abhisamayo ahosi. Attano mātaraṃ uttaraṃ pamukhaṃ katvā dasasu cakkavāḷasahassesu devatānaṃ samāgatānaṃ abhidhammapiṭakaṃ desente bhagavati dasannaṃ koṭisahassānaṃ tatiyo abhisamayo ahosi. Tena vuttaṃ –
๑.
1.
‘‘กกุสนฺธสฺส อปเรน, สมฺพุโทฺธ ทฺวิปทุตฺตโม;
‘‘Kakusandhassa aparena, sambuddho dvipaduttamo;
โกณาคมโน นาม ชิโน, โลกเชโฎฺฐ นราสโภฯ
Koṇāgamano nāma jino, lokajeṭṭho narāsabho.
๒.
2.
‘‘ทส ธเมฺม ปูรยิตฺวาน, กนฺตารํ สมติกฺกมิ;
‘‘Dasa dhamme pūrayitvāna, kantāraṃ samatikkami;
ปวาหิย มลํ สพฺพํ, ปโตฺต สโมฺพธิมุตฺตมํฯ
Pavāhiya malaṃ sabbaṃ, patto sambodhimuttamaṃ.
๓.
3.
‘‘ธมฺมจกฺกํ ปวเตฺตเนฺต, โกณาคมนนายเก;
‘‘Dhammacakkaṃ pavattente, koṇāgamananāyake;
ติํสโกฎิสหสฺสานํ, ปฐมาภิสมโย อหุฯ
Tiṃsakoṭisahassānaṃ, paṭhamābhisamayo ahu.
๔.
4.
‘‘ปาฎิหีรํ กโรเนฺต จ, ปรวาทปฺปมทฺทเน;
‘‘Pāṭihīraṃ karonte ca, paravādappamaddane;
วีสติโกฎิสหสฺสานํ, ทุติยาภิสมโย อหุฯ
Vīsatikoṭisahassānaṃ, dutiyābhisamayo ahu.
๕.
5.
‘‘ตโต วิกุพฺพนํ กตฺวา, ชิโน เทวปุรํ คโต;
‘‘Tato vikubbanaṃ katvā, jino devapuraṃ gato;
วสเต ตตฺถ สมฺพุโทฺธ, สิลาย ปณฺฑุกมฺพเลฯ
Vasate tattha sambuddho, silāya paṇḍukambale.
๖.
6.
‘‘ปกรเณ สตฺต เทเสโนฺต, วสฺสํ วสติ โส มุนิ;
‘‘Pakaraṇe satta desento, vassaṃ vasati so muni;
ทสโกฎิสหสฺสานํ, ตติยาภิสมโย อหู’’ติฯ
Dasakoṭisahassānaṃ, tatiyābhisamayo ahū’’ti.
ตตฺถ ทส ธเมฺม ปูรยิตฺวานาติ ทส ปารมิธเมฺม ปูรยิตฺวาฯ กนฺตารํ สมติกฺกมีติ ชาติกนฺตารํ สมติกฺกมิฯ ปวาหิยาติ ปวาเหตฺวาฯ มลํ สพฺพนฺติ ราคาทิมลตฺตยํฯ ปาฎิหีรํ กโรเนฺต จ, ปรวาทปฺปมทฺทเนติ ปรวาทิวาทปฺปมทฺทเน, ภควติ ปาฎิหาริยํ กโรเนฺตติ อโตฺถฯ วิกุพฺพนนฺติ วิกุพฺพนิทฺธิํ, สุนฺทรนครทฺวาเร ยมกปาฎิหาริยํ กตฺวา เทวปุรํ คโต ตตฺถ ปณฺฑุกมฺพลสิลายํ วสิฯ กถํ วสีติ? ปกรเณ สตฺต เทเสโนฺตติ ตตฺถ เทวานํ สตฺตปฺปกรณสงฺขาตํ อภิธมฺมปิฎกํ เทเสโนฺต วสิฯ เอวํ ตตฺถ อภิธมฺมํ เทเสเนฺต ภควติ ทสโกฎิสหสฺสานํ เทวานํ อภิสมโย อโหสีติ อโตฺถฯ
Tattha dasa dhamme pūrayitvānāti dasa pāramidhamme pūrayitvā. Kantāraṃ samatikkamīti jātikantāraṃ samatikkami. Pavāhiyāti pavāhetvā. Malaṃ sabbanti rāgādimalattayaṃ. Pāṭihīraṃ karonte ca, paravādappamaddaneti paravādivādappamaddane, bhagavati pāṭihāriyaṃ karonteti attho. Vikubbananti vikubbaniddhiṃ, sundaranagaradvāre yamakapāṭihāriyaṃ katvā devapuraṃ gato tattha paṇḍukambalasilāyaṃ vasi. Kathaṃ vasīti? Pakaraṇe satta desentoti tattha devānaṃ sattappakaraṇasaṅkhātaṃ abhidhammapiṭakaṃ desento vasi. Evaṃ tattha abhidhammaṃ desente bhagavati dasakoṭisahassānaṃ devānaṃ abhisamayo ahosīti attho.
ปริสุทฺธปารมิปูรณาคมนสฺส โกณาคมนสฺสปิ เอโก สาวกสนฺนิปาโต อโหสิฯ สุรินฺทวตีนคเร สุรินฺทวตุยฺยาเน วิหรโนฺต ภิยฺยสสฺส ราชปุตฺตสฺส จ อุตฺตรสฺส จ ราชปุตฺตสฺส ทฺวินฺนมฺปิ ติํสสหสฺสปริวารานํ ธมฺมํ เทเสตฺวา สเพฺพว เต เอหิภิกฺขุปพฺพชฺชาย ปพฺพาเชตฺวา เตสํ มชฺฌคโต มาฆปุณฺณมายํ ปาติโมกฺขํ อุทฺทิสิฯ เตน วุตฺตํ –
Parisuddhapāramipūraṇāgamanassa koṇāgamanassapi eko sāvakasannipāto ahosi. Surindavatīnagare surindavatuyyāne viharanto bhiyyasassa rājaputtassa ca uttarassa ca rājaputtassa dvinnampi tiṃsasahassaparivārānaṃ dhammaṃ desetvā sabbeva te ehibhikkhupabbajjāya pabbājetvā tesaṃ majjhagato māghapuṇṇamāyaṃ pātimokkhaṃ uddisi. Tena vuttaṃ –
๗.
7.
‘‘ตสฺสาปิ เทวเทวสฺส, เอโก อาสิ สมาคโม;
‘‘Tassāpi devadevassa, eko āsi samāgamo;
ขีณาสวานํ วิมลานํ, สนฺตจิตฺตาน ตาทินํฯ
Khīṇāsavānaṃ vimalānaṃ, santacittāna tādinaṃ.
๘.
8.
‘‘ติํสภิกฺขุสหสฺสานํ, ตทา อาสิ สมาคโม;
‘‘Tiṃsabhikkhusahassānaṃ, tadā āsi samāgamo;
โอฆานมติกฺกนฺตานํ, ภิชฺชิตานญฺจ มจฺจุยา’’ติฯ
Oghānamatikkantānaṃ, bhijjitānañca maccuyā’’ti.
ตตฺถ โอฆานนฺติ กาโมฆาทีนํ, จตุนฺนโมฆานเมตํ อธิวจนํฯ ยสฺส ปน เต สํวิชฺชนฺติ, ตํ วฎฺฎสฺมิํ โอหนนฺติ โอสีทาเปนฺตีติ โอฆา, เตสํ โอฆานํ, อุปโยคเตฺถ สามิวจนํ ทฎฺฐพฺพํฯ จตุพฺพิเธ โอเฆ อติกฺกนฺตานนฺติ อโตฺถฯ ภิชฺชิตานนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ มจฺจุยาติ มจฺจุโนฯ
Tattha oghānanti kāmoghādīnaṃ, catunnamoghānametaṃ adhivacanaṃ. Yassa pana te saṃvijjanti, taṃ vaṭṭasmiṃ ohananti osīdāpentīti oghā, tesaṃ oghānaṃ, upayogatthe sāmivacanaṃ daṭṭhabbaṃ. Catubbidhe oghe atikkantānanti attho. Bhijjitānanti etthāpi eseva nayo. Maccuyāti maccuno.
ตทา อมฺหากํ โพธิสโตฺต มิถิลนคเร ปพฺพโต นาม ราชา อโหสิ, ตทา ‘‘สรณคตสพฺพปาณาคมนํ โกณาคมนํ มิถิลนครมนุปฺปตฺต’’นฺติ สุตฺวา สปริวาโร ราชา ปจฺจุคฺคนฺตฺวา วนฺทิตฺวา ทสพลํ นิมเนฺตตฺวา มหาทานํ ทตฺวา ตตฺถ ภควนฺตํ วสฺสาวาสตฺถาย ยาจิตฺวา เตมาสํ สสาวกสงฺฆํ สตฺถารํ อุปฎฺฐหิตฺวา ปตฺตุณฺณจีนปฎฺฎกมฺพลโกเสยฺยทุกูลกปฺปาสิกาทีนิ มหคฺฆานิ เจว สุขุมวตฺถานิ จ สุวณฺณปาทุกา เจว อญฺญญฺจ พหุปริกฺขารมทาสิฯ โสปิ นํ ภควา พฺยากาสิ – ‘‘อิมสฺมิํเยว ภทฺทกเปฺป อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสตี’’ติ ฯ อถ โส มหาปุริโส ตสฺส ภควโต พฺยากรณํ สุตฺวา มหารชฺชํ ปริจฺจชิตฺวา ตเสฺสว ภควโต สนฺติเก ปพฺพชิฯ เตน วุตฺตํ –
Tadā amhākaṃ bodhisatto mithilanagare pabbato nāma rājā ahosi, tadā ‘‘saraṇagatasabbapāṇāgamanaṃ koṇāgamanaṃ mithilanagaramanuppatta’’nti sutvā saparivāro rājā paccuggantvā vanditvā dasabalaṃ nimantetvā mahādānaṃ datvā tattha bhagavantaṃ vassāvāsatthāya yācitvā temāsaṃ sasāvakasaṅghaṃ satthāraṃ upaṭṭhahitvā pattuṇṇacīnapaṭṭakambalakoseyyadukūlakappāsikādīni mahagghāni ceva sukhumavatthāni ca suvaṇṇapādukā ceva aññañca bahuparikkhāramadāsi. Sopi naṃ bhagavā byākāsi – ‘‘imasmiṃyeva bhaddakappe ayaṃ buddho bhavissatī’’ti . Atha so mahāpuriso tassa bhagavato byākaraṇaṃ sutvā mahārajjaṃ pariccajitvā tasseva bhagavato santike pabbaji. Tena vuttaṃ –
๙.
9.
‘‘อหํ เตน สมเยน, ปพฺพโต นาม ขตฺติโย;
‘‘Ahaṃ tena samayena, pabbato nāma khattiyo;
มิตฺตามเจฺจหิ สมฺปโนฺน, อนนฺตพลวาหโนฯ
Mittāmaccehi sampanno, anantabalavāhano.
๑๐.
10.
‘‘สมฺพุทฺธทสฺสนํ คนฺตฺวา, สุตฺวา ธมฺมมนุตฺตรํ;
‘‘Sambuddhadassanaṃ gantvā, sutvā dhammamanuttaraṃ;
นิมเนฺตตฺวา สชินสงฺฆํ, ทานํ ทตฺวา ยทิจฺฉกํฯ
Nimantetvā sajinasaṅghaṃ, dānaṃ datvā yadicchakaṃ.
๑๑.
11.
‘‘ปตฺตุณฺณํ จีนปฎฺฎญฺจ, โกเสยฺยํ กมฺพลมฺปิ จ;
‘‘Pattuṇṇaṃ cīnapaṭṭañca, koseyyaṃ kambalampi ca;
สุวณฺณปาทุกเญฺจว, อทาสิํ สตฺถุสาวเกฯ
Suvaṇṇapādukañceva, adāsiṃ satthusāvake.
๑๒.
12.
‘‘โสปิ มํ พุโทฺธ พฺยากาสิ, สงฺฆมเชฺฌ นิสีทิย;
‘‘Sopi maṃ buddho byākāsi, saṅghamajjhe nisīdiya;
อิมมฺหิ ภทฺทเก กเปฺป, อยํ พุโทฺธ ภวิสฺสติฯ
Imamhi bhaddake kappe, ayaṃ buddho bhavissati.
๑๓.
13.
‘‘อหุ กปิลวฺหยา รมฺมา…เป.… เหสฺสาม สมฺมุขา อิมํฯ
‘‘Ahu kapilavhayā rammā…pe… hessāma sammukhā imaṃ.
๑๔.
14.
‘‘ตสฺสาปิ วจนํ สุตฺวา, ภิโยฺย จิตฺตํ ปสาทยิํ;
‘‘Tassāpi vacanaṃ sutvā, bhiyyo cittaṃ pasādayiṃ;
อุตฺตริํ วตมธิฎฺฐาสิํ ทสปารมิปูริยาฯ
Uttariṃ vatamadhiṭṭhāsiṃ dasapāramipūriyā.
๑๕.
15.
‘‘สพฺพญฺญุตํ คเวสโนฺต, ทานํ ทตฺวา นรุตฺตเม;
‘‘Sabbaññutaṃ gavesanto, dānaṃ datvā naruttame;
โอหายาหํ มหารชฺชํ, ปพฺพชิํ ชินสนฺติเก’’ติฯ
Ohāyāhaṃ mahārajjaṃ, pabbajiṃ jinasantike’’ti.
ตตฺถ อนนฺตพลวาหโนติ พหุกํ อนนฺตํ มยฺหํ พลํ อสฺสหตฺถิอาทิกํ วาหนญฺจาติ อโตฺถฯ สมฺพุทฺธทสฺสนนฺติ สมฺพุทฺธทสฺสนตฺถายฯ ยทิจฺฉกนฺติ ยาวทิจฺฉกํ พุทฺธปฺปมุขํ สงฺฆํ จตุพฺพิเธน อาหาเรน ‘‘อลมล’’นฺติ ปวาราเปตฺวา, หเตฺถน ปิทหาเปตฺวาติ อโตฺถฯ สตฺถุสาวเกติ สตฺถุโน เจว สาวกานญฺจ อทาสิํฯ นรุตฺตเมติ นรุตฺตมสฺสฯ โอหายาติ ปหาย ปริจฺจชิตฺวาฯ
Tattha anantabalavāhanoti bahukaṃ anantaṃ mayhaṃ balaṃ assahatthiādikaṃ vāhanañcāti attho. Sambuddhadassananti sambuddhadassanatthāya. Yadicchakanti yāvadicchakaṃ buddhappamukhaṃ saṅghaṃ catubbidhena āhārena ‘‘alamala’’nti pavārāpetvā, hatthena pidahāpetvāti attho. Satthusāvaketi satthuno ceva sāvakānañca adāsiṃ. Naruttameti naruttamassa. Ohāyāti pahāya pariccajitvā.
ตสฺส ปน โกณาคมนสฺส ภควโต โสภวตี นาม นครํ อโหสิ, ยญฺญทโตฺต นาม พฺราหฺมโณ ปิตา, อุตฺตรา นาม พฺราหฺมณี มาตา, ภิยฺยโส จ อุตฺตโร จาติ เทฺว อคฺคสาวกา, โสตฺถิโช นามุปฎฺฐาโก, สมุทฺทา จ อุตฺตรา จ เทฺว อคฺคสาวิกา, อุทุมฺพรรุโกฺข โพธิ, สรีรํ ติํสหตฺถุเพฺพธํ อโหสิ, ติํสวสฺสสหสฺสานิ อายุ, ภริยา ปนสฺส รุจิคตฺตา นาม พฺราหฺมณี, สตฺถวาโห นาม ปุโตฺต, หตฺถิยาเนน นิกฺขมิฯ เตน วุตฺตํ –
Tassa pana koṇāgamanassa bhagavato sobhavatī nāma nagaraṃ ahosi, yaññadatto nāma brāhmaṇo pitā, uttarā nāma brāhmaṇī mātā, bhiyyaso ca uttaro cāti dve aggasāvakā, sotthijo nāmupaṭṭhāko, samuddā ca uttarā ca dve aggasāvikā, udumbararukkho bodhi, sarīraṃ tiṃsahatthubbedhaṃ ahosi, tiṃsavassasahassāni āyu, bhariyā panassa rucigattā nāma brāhmaṇī, satthavāho nāma putto, hatthiyānena nikkhami. Tena vuttaṃ –
๑๖.
16.
‘‘นครํ โสภวตี นาม, โสโภ นามาสิ ขตฺติโย;
‘‘Nagaraṃ sobhavatī nāma, sobho nāmāsi khattiyo;
วสเต ตตฺถ นคเร, สมฺพุทฺธสฺส มหากุลํฯ
Vasate tattha nagare, sambuddhassa mahākulaṃ.
๑๗.
17.
‘‘พฺราหฺมโณ ยญฺญทโตฺต จ, อาสิ พุทฺธสฺส โส ปิตา;
‘‘Brāhmaṇo yaññadatto ca, āsi buddhassa so pitā;
อุตฺตรา นาม ชนิกา, โกณาคมนสฺส สตฺถุโน;
Uttarā nāma janikā, koṇāgamanassa satthuno;
๒๒.
22.
‘‘ภิยฺยโส อุตฺตโร นาม, อเหสุํ อคฺคสาวกา;
‘‘Bhiyyaso uttaro nāma, ahesuṃ aggasāvakā;
โสตฺถิโช นามุปฎฺฐาโก, โกณาคมนสฺส สตฺถุโนฯ
Sotthijo nāmupaṭṭhāko, koṇāgamanassa satthuno.
๒๓.
23.
‘‘สมุทฺทา อุตฺตรา เจว, อเหสุํ อคฺคสาวิกา;
‘‘Samuddā uttarā ceva, ahesuṃ aggasāvikā;
โพธิ ตสฺส ภควโต, อุทุมฺพโรติ ปวุจฺจติฯ
Bodhi tassa bhagavato, udumbaroti pavuccati.
๒๕.
25.
‘‘อุจฺจตฺตเนน โส พุโทฺธ, ติํสหตฺถสมุคฺคโต;
‘‘Uccattanena so buddho, tiṃsahatthasamuggato;
อุกฺกามุเข ยถา กมฺพุ, เอวํ รํสีหิ มณฺฑิโตฯ
Ukkāmukhe yathā kambu, evaṃ raṃsīhi maṇḍito.
๒๖.
26.
‘‘ติํสวสฺสสหสฺสานิ, อายุ พุทฺธสฺส ตาวเท;
‘‘Tiṃsavassasahassāni, āyu buddhassa tāvade;
ตาวตา ติฎฺฐมาโน โส, ตาเรสิ ชนตํ พหุํฯ
Tāvatā tiṭṭhamāno so, tāresi janataṃ bahuṃ.
๒๗.
27.
‘‘ธมฺมเจติํ สมุเสฺสตฺวา, ธมฺมทุสฺสวิภูสิตํ;
‘‘Dhammacetiṃ samussetvā, dhammadussavibhūsitaṃ;
ธมฺมปุปฺผคุฬํ กตฺวา, นิพฺพุโต โส สสาวโกฯ
Dhammapupphaguḷaṃ katvā, nibbuto so sasāvako.
๒๘.
28.
‘‘มหาวิลาโส ตสฺส ชโน, สิริธมฺมปฺปกาสโน;
‘‘Mahāvilāso tassa jano, siridhammappakāsano;
สพฺพํ ตมนฺตรหิตํ, นนุ ริตฺตา สพฺพสงฺขารา’’ติฯ
Sabbaṃ tamantarahitaṃ, nanu rittā sabbasaṅkhārā’’ti.
ตตฺถ อุกฺกามุเขติ กมฺมารุทฺธเนฯ ยถา กมฺพูติ สุวณฺณนิกฺขํ วิยฯ เอวํ รํสีหิ มณฺฑิโตติ เอวํ รสฺมีหิ ปฎิมณฺฑิโต สมลงฺกโตฯ ธมฺมเจติํ สมุเสฺสตฺวาติ สตฺตตฺติํสโพธิปกฺขิยธมฺมมยํ เจติยํ ปติฎฺฐาเปตฺวาฯ ธมฺมทุสฺสวิภูสิตนฺติ จตุสจฺจธมฺมปฎากวิภูสิตํฯ ธมฺมปุปฺผคุฬํ กตฺวาติ ธมฺมมยปุปฺผมาลาคุฬํ กตฺวาฯ มหาชนสฺส วิปสฺสนาเจติยงฺคเณ ฐิตสฺส นมสฺสนตฺถาย ธมฺมเจติยํ ปติฎฺฐาเปตฺวา สสาวกสโงฺฆ สตฺถา ปรินิพฺพายีติ อโตฺถฯ มหาวิลาโสติ มหาอิทฺธิวิลาสปฺปโตฺตฯ ตสฺสาติ ตสฺส ภควโตฯ ชโนติ สาวกชโนฯ สิริธมฺมปฺปกาสโนติ โลกุตฺตรธมฺมปฺปกาสโน โส ภควา จ สพฺพํ ตมนฺตรหิตนฺติ อโตฺถฯ
Tattha ukkāmukheti kammāruddhane. Yathā kambūti suvaṇṇanikkhaṃ viya. Evaṃ raṃsīhi maṇḍitoti evaṃ rasmīhi paṭimaṇḍito samalaṅkato. Dhammacetiṃ samussetvāti sattattiṃsabodhipakkhiyadhammamayaṃ cetiyaṃ patiṭṭhāpetvā. Dhammadussavibhūsitanti catusaccadhammapaṭākavibhūsitaṃ. Dhammapupphaguḷaṃ katvāti dhammamayapupphamālāguḷaṃ katvā. Mahājanassa vipassanācetiyaṅgaṇe ṭhitassa namassanatthāya dhammacetiyaṃ patiṭṭhāpetvā sasāvakasaṅgho satthā parinibbāyīti attho. Mahāvilāsoti mahāiddhivilāsappatto. Tassāti tassa bhagavato. Janoti sāvakajano. Siridhammappakāsanoti lokuttaradhammappakāsano so bhagavā ca sabbaṃ tamantarahitanti attho.
‘‘สุเขน โกณาคมโน คตาสโว, วิกามปาณาคมโน มเหสี;
‘‘Sukhena koṇāgamano gatāsavo, vikāmapāṇāgamano mahesī;
วเน วิเวเก สิรินามเธเยฺย, วิสุทฺธวํสาคมโน วสิตฺถ’’ฯ
Vane viveke sirināmadheyye, visuddhavaṃsāgamano vasittha’’.
เสสคาถาสุ สพฺพตฺถ ปากฎเมวาติฯ
Sesagāthāsu sabbattha pākaṭamevāti.
โกณาคมนพุทฺธวํสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Koṇāgamanabuddhavaṃsavaṇṇanā niṭṭhitā.
นิฎฺฐิโต เตวีสติโม พุทฺธวํโสฯ
Niṭṭhito tevīsatimo buddhavaṃso.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / พุทฺธวํสปาฬิ • Buddhavaṃsapāḷi / ๒๕. โกณาคมนพุทฺธวํโส • 25. Koṇāgamanabuddhavaṃso