Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) |
๙. โกณฺฑญฺญสุตฺตวณฺณนา
9. Koṇḍaññasuttavaṇṇanā
๒๑๗. นวเม อญฺญาสิโกณฺฑโญฺญติ ปฐมํ ธมฺมสฺส อญฺญาตตฺตา เอวํ คหิตนาโม เถโรฯ สุจิรเสฺสวาติ กีวจิรสฺส? ทฺวาทสนฺนํ สํวจฺฉรานํฯ เอตฺตกํ กาลํ กตฺถ วิหาสีติฯ ฉทฺทนฺตภวเน มนฺทากินิโปกฺขรณิยา ตีเร ปเจฺจกพุทฺธานํ วสนฎฺฐาเนฯ กสฺมา? วิหารครุตายฯ โส หิ ปญฺญวา มหาสาวโกฯ ยเถว ภควโต, เอวมสฺส ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ เทวมนุสฺสานํ อพฺภนฺตเร คุณา ปตฺถฎาวฯ เทวมนุสฺสา ตถาคตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา คนฺธมาลาทีหิ ปูชํ กตฺวา ‘‘อคฺคธมฺมํ ปฎิวิทฺธสาวโก’’ติ อนนฺตรํ เถรํ อุปสงฺกมิตฺวา ปูเชนฺติฯ สนฺติกํ อาคตานญฺจ นาม ตถารูปา ธมฺมกถา วา ปฎิสนฺถาโร วา กาตโพฺพ โหติฯ เถโร จ วิหารครุโก, เตนสฺส โส ปปโญฺจ วิย อุปฎฺฐาติฯ อิติ วิหารครุตาย ตตฺถ คนฺตฺวา วิหาสิฯ
217. Navame aññāsikoṇḍaññoti paṭhamaṃ dhammassa aññātattā evaṃ gahitanāmo thero. Sucirassevāti kīvacirassa? Dvādasannaṃ saṃvaccharānaṃ. Ettakaṃ kālaṃ kattha vihāsīti. Chaddantabhavane mandākinipokkharaṇiyā tīre paccekabuddhānaṃ vasanaṭṭhāne. Kasmā? Vihāragarutāya. So hi paññavā mahāsāvako. Yatheva bhagavato, evamassa dasasahassacakkavāḷe devamanussānaṃ abbhantare guṇā patthaṭāva. Devamanussā tathāgatassa santikaṃ gantvā gandhamālādīhi pūjaṃ katvā ‘‘aggadhammaṃ paṭividdhasāvako’’ti anantaraṃ theraṃ upasaṅkamitvā pūjenti. Santikaṃ āgatānañca nāma tathārūpā dhammakathā vā paṭisanthāro vā kātabbo hoti. Thero ca vihāragaruko, tenassa so papañco viya upaṭṭhāti. Iti vihāragarutāya tattha gantvā vihāsi.
อปรมฺปิ การณํ – ภิกฺขาจารเวลายํ ตาว สพฺพสาวกา วสฺสเคฺคน คจฺฉนฺติฯ ธมฺมเทสนากาเล ปน มชฺฌฎฺฐาเน อลงฺกตพุทฺธาสนมฺหิ สตฺถริ นิสิเนฺน ทกฺขิณหตฺถปเสฺส ธมฺมเสนาปติ, วามหตฺถปเสฺส มหาโมคฺคลฺลานเตฺถโร นิสีทติ, เตสํ ปิฎฺฐิภาเค อญฺญาสิโกณฺฑญฺญเตฺถรสฺส อาสนํ ปญฺญาเปนฺติฯ เสสา ภิกฺขู ตํ ปริวาเรตฺวา นิสีทนฺติฯ เทฺว อคฺคสาวกา อคฺคธมฺมปฎิวิทฺธตฺตา จ มหลฺลกตฺตา จ เถเร สคารวา เถรํ มหาพฺรหฺมํ วิย อคฺคิกฺขนฺธํ วิย อาสีวิสํ วิย จ มญฺญมานา ธุราสเน นิสีทนฺตา โอตฺตปฺปนฺติ หรายนฺติฯ เถโร จิเนฺตสิ – ‘‘อิเมหิ ธุราสนตฺถาย กปฺปสตสหสฺสาธิกํ อสเงฺขฺยยฺยํ ปารมิโย ปูริตา, เต อิทานิ ธุราสเน นิสีทนฺตา มม โอตฺตปฺปนฺติ หรายนฺติ, ผาสุวิหารํ เนสํ กริสฺสามี’’ติฯ โส ปติรูเป กาเล ตถาคตํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘อิจฺฉามหํ, ภเนฺต, ชนปเท วสิตุ’’นฺติ อาห, สตฺถา อนุชานิฯ
Aparampi kāraṇaṃ – bhikkhācāravelāyaṃ tāva sabbasāvakā vassaggena gacchanti. Dhammadesanākāle pana majjhaṭṭhāne alaṅkatabuddhāsanamhi satthari nisinne dakkhiṇahatthapasse dhammasenāpati, vāmahatthapasse mahāmoggallānatthero nisīdati, tesaṃ piṭṭhibhāge aññāsikoṇḍaññattherassa āsanaṃ paññāpenti. Sesā bhikkhū taṃ parivāretvā nisīdanti. Dve aggasāvakā aggadhammapaṭividdhattā ca mahallakattā ca there sagāravā theraṃ mahābrahmaṃ viya aggikkhandhaṃ viya āsīvisaṃ viya ca maññamānā dhurāsane nisīdantā ottappanti harāyanti. Thero cintesi – ‘‘imehi dhurāsanatthāya kappasatasahassādhikaṃ asaṅkhyeyyaṃ pāramiyo pūritā, te idāni dhurāsane nisīdantā mama ottappanti harāyanti, phāsuvihāraṃ nesaṃ karissāmī’’ti. So patirūpe kāle tathāgataṃ upasaṅkamitvā ‘‘icchāmahaṃ, bhante, janapade vasitu’’nti āha, satthā anujāni.
เถโร เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ฉทฺทนฺตภวเน มนฺทากินิตีรํ คโตฯ ปุเพฺพ ปเจฺจกพุทฺธานํ ปาริจริยาย กตปริจยา อฎฺฐสหสฺสา หตฺถินาคา เถรํ ทิสฺวาว ‘‘อมฺหากํ ปุญฺญเกฺขตฺตํ อาคต’’นฺติ นเขหิ จงฺกมนํ นิตฺติณํ กตฺวา อาวรณสาขา หริตฺวา เถรสฺส วสนฎฺฐานํ ปฎิชคฺคิตฺวา วตฺตํ กตฺวา สเพฺพ สนฺนิปติตฺวา มนฺตยิํสุ – ‘‘สเจ หิ มยํ ‘อยํ เถรสฺส กตฺตพฺพํ กริสฺสติ, อยํ กริสฺสตี’ติ ปฎิปชฺชิสฺสาม, เถโร พหุญาติกคามํ คโต วิย ยถาโธเตเนว ปเตฺตน คมิสฺสติ, วาเรน นํ ปฎิชคฺคิสฺสาม, เอกสฺส ปน วาเร ปเตฺต เสเสหิปิ นปฺปมชฺชิตพฺพ’’นฺติ วารํ ฐปยิํสุฯ วาริกนาโค ปาโตว เถรสฺส มุโขทกญฺจ ทนฺตกฎฺฐญฺจ ฐเปติ, วตฺตํ กโรติฯ
Thero senāsanaṃ saṃsāmetvā pattacīvaramādāya chaddantabhavane mandākinitīraṃ gato. Pubbe paccekabuddhānaṃ pāricariyāya kataparicayā aṭṭhasahassā hatthināgā theraṃ disvāva ‘‘amhākaṃ puññakkhettaṃ āgata’’nti nakhehi caṅkamanaṃ nittiṇaṃ katvā āvaraṇasākhā haritvā therassa vasanaṭṭhānaṃ paṭijaggitvā vattaṃ katvā sabbe sannipatitvā mantayiṃsu – ‘‘sace hi mayaṃ ‘ayaṃ therassa kattabbaṃ karissati, ayaṃ karissatī’ti paṭipajjissāma, thero bahuñātikagāmaṃ gato viya yathādhoteneva pattena gamissati, vārena naṃ paṭijaggissāma, ekassa pana vāre patte sesehipi nappamajjitabba’’nti vāraṃ ṭhapayiṃsu. Vārikanāgo pātova therassa mukhodakañca dantakaṭṭhañca ṭhapeti, vattaṃ karoti.
มนฺทากินิโปกฺขรณี นาม เจสา ปณฺณาสโยชนา โหติฯ ตสฺสา ปญฺจวีสติโยชนมเตฺต ฐาเน เสวาโล วา ปณกํ วา นตฺถิ, ผลิกวณฺณํ อุทกเมว โหติฯ ตโต ปรํ ปน กฎิปฺปมาเณ อุทเก อฑฺฒโยชนวิตฺถตํ เสสปทุมวนํ ปณฺณาสโยชนํ สรํ ปริกฺขิปิตฺวา ฐิตํฯ ตทนนฺตรํ ตาว มหนฺตเมว รตฺตปทุมวนํ, ตทนนฺตรํ รตฺตกุมุทวนํ, ตทนนฺตรํ เสตกุมุทวนํ, ตทนนฺตรํ นีลุปฺปลวนํ, ตทนนฺตรํ รตฺตุปฺปลวนํ, ตทนนฺตรํ สุคนฺธรตฺตสาลิวนํ, ตทนนฺตรํ เอฬาลุกลาพุกุมฺภณฺฑาทีนิ มธุรรสานิ วลฺลิผลานิ, ตทนนฺตรํ อฑฺฒโยชนวิตฺถารเมว อุจฺฉุวนํ, ตตฺถ ปูครุกฺขกฺขนฺธปฺปมาณา อุจฺฉู, ตทนนฺตรํ กทลิวนํ, ยโต ทุเว ปกฺกานิ ขาทนฺตา กิลมนฺติ, ตทนนฺตรํ จาฎิปฺปมาณผลํ ปนสวนํ, ตทนนฺตรํ ชมฺพุวนํ, ตทนนฺตรํ อมฺพวนํ, ตทนนฺตรํ กปิตฺถวนนฺติฯ สเงฺขปโต ตสฺมิํ ทเห ขาทิตพฺพยุตฺตกํ ผลํ นาม นตฺถีติ น วตฺตพฺพํฯ กุสุมานํ ปุปฺผนสมเย วาโต เรณุวฎฺฎิํ อุฎฺฐาเปตฺวา ปทุมินิปเตฺตสุ ฐเปติ, ตตฺถ อุทกผุสิตานิ ปตนฺติฯ ตโต อาทิจฺจปาเกน ปจฺจิตฺวา ปกฺกปโยฆนิกา วิย ติฎฺฐติ, เอตํ โปกฺขรมธุ นาม , ตํ เถรสฺส อาหริตฺวา เทนฺติฯ มุฬาลํ นงฺคลสีสมตฺตํ โหติ, ตมฺปิ อาหริตฺวา เทนฺติฯ ภิสํ มหาเภริโปกฺขรปฺปมาณํ โหติ, ตสฺส เอกสฺมิํ ปเพฺพ ปาทฆฎกปฺปมาณํ ขีรํ โหติ, ตํ อาหริตฺวา เทนฺติฯ โปกฺขรฎฺฐีนิ มธุสกฺขราย โยเชตฺวา เทนฺติฯ อุจฺฉุํ ปาสาณปิเฎฺฐ ฐเปตฺวา ปาเทน อกฺกมนฺติฯ ตโต รโส ปคฺฆริตฺวา โสณฺฑิอาวาเฎ ปูเรตฺวา, อาทิจฺจปาเกน ปจฺจิตฺวา ขีรปาสาณปิโณฺฑ วิย ติฎฺฐติ, ตํ อาหริตฺวา เทนฺติฯ ปนสกทลิอมฺพปกฺกาทีสุ กถาว นตฺถิฯ
Mandākinipokkharaṇī nāma cesā paṇṇāsayojanā hoti. Tassā pañcavīsatiyojanamatte ṭhāne sevālo vā paṇakaṃ vā natthi, phalikavaṇṇaṃ udakameva hoti. Tato paraṃ pana kaṭippamāṇe udake aḍḍhayojanavitthataṃ sesapadumavanaṃ paṇṇāsayojanaṃ saraṃ parikkhipitvā ṭhitaṃ. Tadanantaraṃ tāva mahantameva rattapadumavanaṃ, tadanantaraṃ rattakumudavanaṃ, tadanantaraṃ setakumudavanaṃ, tadanantaraṃ nīluppalavanaṃ, tadanantaraṃ rattuppalavanaṃ, tadanantaraṃ sugandharattasālivanaṃ, tadanantaraṃ eḷālukalābukumbhaṇḍādīni madhurarasāni valliphalāni, tadanantaraṃ aḍḍhayojanavitthārameva ucchuvanaṃ, tattha pūgarukkhakkhandhappamāṇā ucchū, tadanantaraṃ kadalivanaṃ, yato duve pakkāni khādantā kilamanti, tadanantaraṃ cāṭippamāṇaphalaṃ panasavanaṃ, tadanantaraṃ jambuvanaṃ, tadanantaraṃ ambavanaṃ, tadanantaraṃ kapitthavananti. Saṅkhepato tasmiṃ dahe khāditabbayuttakaṃ phalaṃ nāma natthīti na vattabbaṃ. Kusumānaṃ pupphanasamaye vāto reṇuvaṭṭiṃ uṭṭhāpetvā paduminipattesu ṭhapeti, tattha udakaphusitāni patanti. Tato ādiccapākena paccitvā pakkapayoghanikā viya tiṭṭhati, etaṃ pokkharamadhu nāma , taṃ therassa āharitvā denti. Muḷālaṃ naṅgalasīsamattaṃ hoti, tampi āharitvā denti. Bhisaṃ mahābheripokkharappamāṇaṃ hoti, tassa ekasmiṃ pabbe pādaghaṭakappamāṇaṃ khīraṃ hoti, taṃ āharitvā denti. Pokkharaṭṭhīni madhusakkharāya yojetvā denti. Ucchuṃ pāsāṇapiṭṭhe ṭhapetvā pādena akkamanti. Tato raso paggharitvā soṇḍiāvāṭe pūretvā, ādiccapākena paccitvā khīrapāsāṇapiṇḍo viya tiṭṭhati, taṃ āharitvā denti. Panasakadaliambapakkādīsu kathāva natthi.
เกลาสปพฺพเต นาคทโตฺต นาม เทวปุโตฺต วสติฯ เถโร กาเลน กาลํ ตสฺส วิมานทฺวารํ คจฺฉติฯ โส นวสปฺปิโปกฺขรมธุจุณฺณยุตฺตสฺส นิรุทกปายาสสฺส ปตฺตํ ปูเรตฺวา เทติฯ โส กิร กสฺสปพุทฺธกาเล วีสติวสฺสสหสฺสานิ สุคนฺธสปฺปินา ขีรสลากํ อทาสิฯ เตนเสฺสตํ โภชนํ อุปฺปชฺชติฯ เอวํ เถโร ทฺวาทส วสฺสานิ วสิตฺวา อตฺตโน อายุสงฺขารํ โอโลเกโนฺต ปริกฺขีณภาวํ ญตฺวา ‘‘กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา – ‘‘หตฺถินาเคหิ มํ ทฺวาทส วสฺสานิ อุปฎฺฐหเนฺตหิ ทุกฺกรํ กตํ, สตฺถารํ อนุชานาเปตฺวา เอเตสํเยว สนฺติเก ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ อากาเสน ภควโต สนฺติกํ อคมาสิฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สุจิรเสฺสว เยน ภควา เตนุปสงฺกมี’’ติฯ
Kelāsapabbate nāgadatto nāma devaputto vasati. Thero kālena kālaṃ tassa vimānadvāraṃ gacchati. So navasappipokkharamadhucuṇṇayuttassa nirudakapāyāsassa pattaṃ pūretvā deti. So kira kassapabuddhakāle vīsativassasahassāni sugandhasappinā khīrasalākaṃ adāsi. Tenassetaṃ bhojanaṃ uppajjati. Evaṃ thero dvādasa vassāni vasitvā attano āyusaṅkhāraṃ olokento parikkhīṇabhāvaṃ ñatvā ‘‘kattha parinibbāyissāmī’’ti cintetvā – ‘‘hatthināgehi maṃ dvādasa vassāni upaṭṭhahantehi dukkaraṃ kataṃ, satthāraṃ anujānāpetvā etesaṃyeva santike parinibbāyissāmī’’ti ākāsena bhagavato santikaṃ agamāsi. Tena vuttaṃ ‘‘sucirasseva yena bhagavā tenupasaṅkamī’’ti.
นามญฺจาติ กสฺมา นามํ สาเวติ? เถรญฺหิ เกจิ สญฺชานนฺติ, เกจิ น สญฺชานนฺติฯ ตตฺถ เถโร จิเนฺตสิ – ‘‘เย มํ อชานนฺตา ‘โก เอส ปณฺฑรสีโส โอภโคฺค โคปานสิวโงฺก มหลฺลโก สตฺถารา สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กโรตี’ติ จิตฺตํ ปทูเสสฺสนฺติ, เต อปายปูรกา ภวิสฺสนฺติฯ เย ปน มํ ชานนฺตา – ‘ทสสหสฺสจกฺกวาเฬ สตฺถา วิย ปญฺญาโต ปากโฎ มหาสาวโก’ติ จิตฺตํ ปสาเทสฺสนฺติ, เต สคฺคูปคา ภวิสฺสนฺตี’’ติ, สตฺตานํ อปายมคฺคํ ปิทหิตฺวา สคฺคมคฺคํ วิวรโนฺต นามํ สาเวติฯ
Nāmañcāti kasmā nāmaṃ sāveti? Therañhi keci sañjānanti, keci na sañjānanti. Tattha thero cintesi – ‘‘ye maṃ ajānantā ‘ko esa paṇḍarasīso obhaggo gopānasivaṅko mahallako satthārā saddhiṃ paṭisanthāraṃ karotī’ti cittaṃ padūsessanti, te apāyapūrakā bhavissanti. Ye pana maṃ jānantā – ‘dasasahassacakkavāḷe satthā viya paññāto pākaṭo mahāsāvako’ti cittaṃ pasādessanti, te saggūpagā bhavissantī’’ti, sattānaṃ apāyamaggaṃ pidahitvā saggamaggaṃ vivaranto nāmaṃ sāveti.
พุทฺธานุพุโทฺธติ ปฐมํ สตฺถา จตฺตาริ สจฺจานิ พุชฺฌิ, ปจฺฉา เถโร, ตสฺมา พุทฺธานุพุโทฺธติ, วุจฺจติฯ ติพฺพนิกฺกโมติ พาฬฺหวีริโยฯ วิเวกานนฺติ ติณฺณํ วิเวกานํฯ เตวิโชฺช, เจโตปริยายโกวิโทติ ฉสุ อภิญฺญาสุ จตโสฺส วทติฯ อิตรา เทฺว กิญฺจาปิ น วุตฺตา, เถโร ปน ฉฬภิโญฺญวฯ อิมิสฺสา จ คาถาย ปริโยสาเน ปริสา สนฺนิสีทิฯ ปริสาย สนฺนิสินฺนภาวํ ญตฺวา เถโร สตฺถารา สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กตฺวา ‘‘ปริกฺขีณา เม, ภเนฺต, อายุสงฺขารา, ปรินิพฺพายิสฺสามี’’ติ, ปรินิพฺพานกาลํ อนุชานาเปสิ ฯ กตฺถ ปรินิพฺพายิสฺสสิ โกณฺฑญฺญาติ? อุปฎฺฐาเกหิ เม, ภเนฺต, หตฺถินาเคหิ ทุกฺกรํ กตํ, เตสํ สนฺติเกติฯ สตฺถา อนุชานิฯ
Buddhānubuddhoti paṭhamaṃ satthā cattāri saccāni bujjhi, pacchā thero, tasmā buddhānubuddhoti, vuccati. Tibbanikkamoti bāḷhavīriyo. Vivekānanti tiṇṇaṃ vivekānaṃ. Tevijjo, cetopariyāyakovidoti chasu abhiññāsu catasso vadati. Itarā dve kiñcāpi na vuttā, thero pana chaḷabhiññova. Imissā ca gāthāya pariyosāne parisā sannisīdi. Parisāya sannisinnabhāvaṃ ñatvā thero satthārā saddhiṃ paṭisanthāraṃ katvā ‘‘parikkhīṇā me, bhante, āyusaṅkhārā, parinibbāyissāmī’’ti, parinibbānakālaṃ anujānāpesi . Kattha parinibbāyissasi koṇḍaññāti? Upaṭṭhākehi me, bhante, hatthināgehi dukkaraṃ kataṃ, tesaṃ santiketi. Satthā anujāni.
เถโร ทสพลํ ปทกฺขิณํ กตฺวา – ‘‘ปุพฺพํ ตํ เม, ภเนฺต, ปฐมทสฺสนํ, อิทํ ปจฺฉิมทสฺสน’’นฺติ ปริเทวเนฺต มหาชเน สตฺถารํ วนฺทิตฺวา นิกฺขมิตฺวา, ทฺวารโกฎฺฐเก ฐิโต – ‘‘มา โสจิตฺถ, มา ปริเทวิตฺถ, พุทฺธา วา โหนฺตุ พุทฺธสาวกา วา, อุปฺปนฺนา สงฺขารา อภิชฺชนกา นาม นตฺถี’’ติ มหาชนํ โอวทิตฺวา ปสฺสนฺตเสฺสว มหาชนสฺส เวหาสํ อพฺภุคฺคมฺม มนฺทากินิตีเร โอตริตฺวา โปกฺขรณิยํ นฺหตฺวา นิวตฺถนิวาสโน กตุตฺตราสโงฺค เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ผลสมาปตฺติยา ตโย ยาเม วีตินาเมตฺวา พลวปจฺจูสสมเย ปรินิพฺพายิฯ เถรสฺส สหปรินิพฺพานา หิมวติ สพฺพรุกฺขา ปุเปฺผหิ จ ผเลหิ จ โอนตวินตา อเหสุํฯ วาริกนาโค เถรสฺส ปรินิพฺพุตภาวํ อชานโนฺต ปาโตว มุโขทกทนฺตกฎฺฐานิ อุปฎฺฐเปตฺวา วตฺตํ กตฺวา ขาทนียผลานิ อาหริตฺวา จงฺกมนโกฎิยํ อฎฺฐาสิฯ โส ยาว สูริยุคฺคมนา เถรสฺส นิกฺขมนํ อปสฺสโนฺต ‘‘กิํ นุ โข เอตํ? ปุเพฺพ อโยฺย ปาโตว จงฺกมติ, มุขํ โธวติฯ อชฺช ปน ปณฺณสาลโตปิ น นิกฺขมตี’’ติ กุฎิทฺวารํ กเมฺปตฺวา โอโลเกโนฺต เถรํ นิสินฺนกเมว ทิสฺวา หตฺถํ ปสาเรตฺวา ปรามสิตฺวา อสฺสาสปสฺสาเส ปริเยสโนฺต เตสํ อปฺปวตฺติภาวํ ญตฺวา – ‘‘ปรินิพฺพุโต เถโร’’ติ โสณฺฑํ มุเข ปกฺขิปิตฺวา มหารวํ วิรวิฯ สกลหิมวโนฺต เอกนินฺนาโท อโหสิฯ อฎฺฐนาคสหสฺสานิ สนฺนิปติตฺวา เถรํ เชฎฺฐกนาคสฺส กุเมฺภ นิสีทาเปตฺวา สุปุปฺผิตรุกฺขสาขา คเหตฺวา ปริวาเรตฺวา สกลหิมวนฺตํ อนุวิจริตฺวา สกฎฺฐานเมว อาคตาฯ
Thero dasabalaṃ padakkhiṇaṃ katvā – ‘‘pubbaṃ taṃ me, bhante, paṭhamadassanaṃ, idaṃ pacchimadassana’’nti paridevante mahājane satthāraṃ vanditvā nikkhamitvā, dvārakoṭṭhake ṭhito – ‘‘mā socittha, mā paridevittha, buddhā vā hontu buddhasāvakā vā, uppannā saṅkhārā abhijjanakā nāma natthī’’ti mahājanaṃ ovaditvā passantasseva mahājanassa vehāsaṃ abbhuggamma mandākinitīre otaritvā pokkharaṇiyaṃ nhatvā nivatthanivāsano katuttarāsaṅgo senāsanaṃ saṃsāmetvā phalasamāpattiyā tayo yāme vītināmetvā balavapaccūsasamaye parinibbāyi. Therassa sahaparinibbānā himavati sabbarukkhā pupphehi ca phalehi ca onatavinatā ahesuṃ. Vārikanāgo therassa parinibbutabhāvaṃ ajānanto pātova mukhodakadantakaṭṭhāni upaṭṭhapetvā vattaṃ katvā khādanīyaphalāni āharitvā caṅkamanakoṭiyaṃ aṭṭhāsi. So yāva sūriyuggamanā therassa nikkhamanaṃ apassanto ‘‘kiṃ nu kho etaṃ? Pubbe ayyo pātova caṅkamati, mukhaṃ dhovati. Ajja pana paṇṇasālatopi na nikkhamatī’’ti kuṭidvāraṃ kampetvā olokento theraṃ nisinnakameva disvā hatthaṃ pasāretvā parāmasitvā assāsapassāse pariyesanto tesaṃ appavattibhāvaṃ ñatvā – ‘‘parinibbuto thero’’ti soṇḍaṃ mukhe pakkhipitvā mahāravaṃ viravi. Sakalahimavanto ekaninnādo ahosi. Aṭṭhanāgasahassāni sannipatitvā theraṃ jeṭṭhakanāgassa kumbhe nisīdāpetvā supupphitarukkhasākhā gahetvā parivāretvā sakalahimavantaṃ anuvicaritvā sakaṭṭhānameva āgatā.
สโกฺก วิสฺสกมฺมํ อามเนฺตสิ – ‘‘ตาต, อมฺหากํ เชฎฺฐภาตา ปรินิพฺพุโต, สกฺการํ กริสฺสาม, นวโยชนิกํ สพฺพรตนมยํ กูฎาคารํ มาเปหี’’ติฯ โส ตถา กตฺวา เถรํ ตตฺถ นิปชฺชาเปตฺวา หตฺถินาคานํ อทาสิฯ เต กูฎาคารํ อุกฺขิปิตฺวา ติโยชนสหสฺสํ หิมวนฺตํ ปุนปฺปุนํ อาวิชฺฌิํสุ ฯ เตสํ หตฺถโต อากาสฎฺฐกา เทวา คเหตฺวา สาธุกีฬิตํ กีฬิํสุฯ ตโต วสฺสวลาหกา สีตวลาหกา อุณฺหวลาหกา จาตุมหาราชิกา ตาวติํสาติ เอเตนุปาเยน ยาว พฺรหฺมโลกา กูฎาคารํ อคมาสิ, ปุน พฺรหฺมาโน เทวานนฺติ อนุปุเพฺพน หตฺถินาคานํเยว กูฎาคารํ อทํสุฯ เอเกกา เทวตา จตุรงฺคุลมตฺตํ จนฺทนฆฎิกํ อาหริ, จิตโก นวโยชนิโก อโหสิฯ กูฎาคารํ จิตกํ อาโรปยิํสุฯ ปญฺจ ภิกฺขุสตานิ อากาเสนาคนฺตฺวา สพฺพรตฺติํ สชฺฌายมกํสุฯ อนุรุทฺธเตฺถโร ธมฺมํ กเถสิ, พหูนํ เทวตานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิฯ ปุนทิวเส อรุณุคฺคมนเวลายเมว จิตกํ นิพฺพาเปตฺวา สุมนมกุฬวณฺณานํ ธาตูนํ ปริสาวนํ ปูเรตฺวา ภควติ นิกฺขมิตฺวา เวฬุวนวิหารโกฎฺฐกํ สมฺปเตฺต อาหริตฺวา สตฺถุ หเตฺถ ฐปยิํสุฯ สตฺถา ธาตุปริสาวนํ คเหตฺวา ปถวิยา หตฺถํ ปสาเรสิ, มหาปถวิํ ภินฺทิตฺวา รชตพุพฺพุฬสทิสํ เจติยํ นิกฺขมิฯ สตฺถา สหเตฺถน เจติเย ธาตุโย นิเธสิฯ อชฺชาปิ กิร ตํ เจติยํ ธรติเยวาติฯ นวมํฯ
Sakko vissakammaṃ āmantesi – ‘‘tāta, amhākaṃ jeṭṭhabhātā parinibbuto, sakkāraṃ karissāma, navayojanikaṃ sabbaratanamayaṃ kūṭāgāraṃ māpehī’’ti. So tathā katvā theraṃ tattha nipajjāpetvā hatthināgānaṃ adāsi. Te kūṭāgāraṃ ukkhipitvā tiyojanasahassaṃ himavantaṃ punappunaṃ āvijjhiṃsu . Tesaṃ hatthato ākāsaṭṭhakā devā gahetvā sādhukīḷitaṃ kīḷiṃsu. Tato vassavalāhakā sītavalāhakā uṇhavalāhakā cātumahārājikā tāvatiṃsāti etenupāyena yāva brahmalokā kūṭāgāraṃ agamāsi, puna brahmāno devānanti anupubbena hatthināgānaṃyeva kūṭāgāraṃ adaṃsu. Ekekā devatā caturaṅgulamattaṃ candanaghaṭikaṃ āhari, citako navayojaniko ahosi. Kūṭāgāraṃ citakaṃ āropayiṃsu. Pañca bhikkhusatāni ākāsenāgantvā sabbarattiṃ sajjhāyamakaṃsu. Anuruddhatthero dhammaṃ kathesi, bahūnaṃ devatānaṃ dhammābhisamayo ahosi. Punadivase aruṇuggamanavelāyameva citakaṃ nibbāpetvā sumanamakuḷavaṇṇānaṃ dhātūnaṃ parisāvanaṃ pūretvā bhagavati nikkhamitvā veḷuvanavihārakoṭṭhakaṃ sampatte āharitvā satthu hatthe ṭhapayiṃsu. Satthā dhātuparisāvanaṃ gahetvā pathaviyā hatthaṃ pasāresi, mahāpathaviṃ bhinditvā rajatabubbuḷasadisaṃ cetiyaṃ nikkhami. Satthā sahatthena cetiye dhātuyo nidhesi. Ajjāpi kira taṃ cetiyaṃ dharatiyevāti. Navamaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya / ๙. โกณฺฑญฺญสุตฺตํ • 9. Koṇḍaññasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๙. โกณฺฑญฺญสุตฺตวณฺณนา • 9. Koṇḍaññasuttavaṇṇanā