Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā |
๑๐. โกสมฺพกกฺขนฺธกํ
10. Kosambakakkhandhakaṃ
โกสมฺพกวิวาทกถา
Kosambakavivādakathā
๔๕๑. โกสมฺพกกฺขนฺธเก – ตํ ภิกฺขุํ อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปิํสูติ เอตฺถ อยมนุปุพฺพิกถา – เทฺว กิร ภิกฺขู เอกสฺมิํ อาวาเส วสนฺติ วินยธโร จ สุตฺตนฺติโก จฯ เตสุ สุตฺตนฺติโก ภิกฺขุ เอกทิวสํ วจฺจกุฎิํ ปวิโฎฺฐ อาจมนอุทกาวเสสํ ภาชเน ฐเปตฺวาว นิกฺขมิฯ วินยธโร ปจฺฉา ปวิโฎฺฐ ตํ อุทกํ ทิสฺวา นิกฺขมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ ปุจฺฉิ – ‘‘อาวุโส, ตยา อิทํ อุทกํ ฐปิต’’นฺติ? ‘‘อามาวุโส’’ติฯ ‘‘กิํ ตฺวํ เอตฺถ อาปตฺติภาวํ น ชานาสี’’ติ? ‘‘อาม, น ชานามี’’ติฯ ‘‘โหติ, อาวุโส เอตฺถ อาปตฺตี’’ติ? ‘‘สเจ โหติ, เทสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘สเจ ปน เต, อาวุโส, อสญฺจิจฺจ อสติยา กตํ, นตฺถิ อาปตฺตี’’ติฯ โส ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฎฺฐิ อโหสิฯ
451. Kosambakakkhandhake – taṃ bhikkhuṃ āpattiyā adassane ukkhipiṃsūti ettha ayamanupubbikathā – dve kira bhikkhū ekasmiṃ āvāse vasanti vinayadharo ca suttantiko ca. Tesu suttantiko bhikkhu ekadivasaṃ vaccakuṭiṃ paviṭṭho ācamanaudakāvasesaṃ bhājane ṭhapetvāva nikkhami. Vinayadharo pacchā paviṭṭho taṃ udakaṃ disvā nikkhamitvā taṃ bhikkhuṃ pucchi – ‘‘āvuso, tayā idaṃ udakaṃ ṭhapita’’nti? ‘‘Āmāvuso’’ti. ‘‘Kiṃ tvaṃ ettha āpattibhāvaṃ na jānāsī’’ti? ‘‘Āma, na jānāmī’’ti. ‘‘Hoti, āvuso ettha āpattī’’ti? ‘‘Sace hoti, desissāmī’’ti. ‘‘Sace pana te, āvuso, asañcicca asatiyā kataṃ, natthi āpattī’’ti. So tassā āpattiyā anāpattidiṭṭhi ahosi.
วินยธโรปิ อตฺตโน นิสฺสิตกานํ ‘‘อยํ สุตฺตนฺติโก อาปตฺติํ อาปชฺชมาโนปิ น ชานาตี’’ติ อาโรเจสิฯ เต ตสฺส นิสฺสิตเก ทิสฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย อาปตฺติํ อาปชฺชิตฺวาปิ อาปตฺติภาวํ น ชานาตี’’ติ อาหํสุฯ เต คนฺตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายสฺส อาโรเจสุํฯ โส เอวมาห – ‘‘อยํ วินยธโร ปุเพฺพ อนาปตฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘อิทานิ อาปตฺตี’’ติ วทติฯ มุสาวาที เอโสติฯ เต คนฺตฺวา ‘‘ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย มุสาวาที’’ติ เอวํ อญฺญมญฺญํ กลหํ วฑฺฒยิํสุฯ ตโต วินยธโร โอกาสํ ลภิตฺวา ตสฺส อาปตฺติยา อทสฺสเน อุเกฺขปนียกมฺมํ อกาสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ตํ ภิกฺขุํ อาปตฺติยา อทสฺสเน อุกฺขิปิํสู’’ติฯ
Vinayadharopi attano nissitakānaṃ ‘‘ayaṃ suttantiko āpattiṃ āpajjamānopi na jānātī’’ti ārocesi. Te tassa nissitake disvā ‘‘tumhākaṃ upajjhāyo āpattiṃ āpajjitvāpi āpattibhāvaṃ na jānātī’’ti āhaṃsu. Te gantvā attano upajjhāyassa ārocesuṃ. So evamāha – ‘‘ayaṃ vinayadharo pubbe anāpattī’’ti vatvā ‘‘idāni āpattī’’ti vadati. Musāvādī esoti. Te gantvā ‘‘tumhākaṃ upajjhāyo musāvādī’’ti evaṃ aññamaññaṃ kalahaṃ vaḍḍhayiṃsu. Tato vinayadharo okāsaṃ labhitvā tassa āpattiyā adassane ukkhepanīyakammaṃ akāsi. Tena vuttaṃ – ‘‘taṃ bhikkhuṃ āpattiyā adassane ukkhipiṃsū’’ti.
๔๕๓. ภิโนฺน ภิกฺขุสโงฺฆ ภิโนฺน ภิกฺขุสโงฺฆติ เอตฺถ น ตาว ภิโนฺน; อปิจ โข ยถา เทเว วุเฎฺฐ ‘‘อิทานิ สสฺสํ นิปฺผนฺน’’นฺติ วุจฺจติ, อวสฺสญฺหิ ตํ นิปฺผชฺชิสฺสติ, เอวเมว อิมินา การเณน อายติํ อวสฺสํ ภิชฺชิสฺสติ, โส จ โข กลหวเสน น สงฺฆเภทวเสน, ตสฺมา ‘‘ภิโนฺน’’ติ วุตฺตํฯ สมฺภมอตฺถวเสน เจตฺถ อาเมฑิตํ เวทิตพฺพํฯ
453.Bhinno bhikkhusaṅgho bhinno bhikkhusaṅghoti ettha na tāva bhinno; apica kho yathā deve vuṭṭhe ‘‘idāni sassaṃ nipphanna’’nti vuccati, avassañhi taṃ nipphajjissati, evameva iminā kāraṇena āyatiṃ avassaṃ bhijjissati, so ca kho kalahavasena na saṅghabhedavasena, tasmā ‘‘bhinno’’ti vuttaṃ. Sambhamaatthavasena cettha āmeḍitaṃ veditabbaṃ.
๔๕๔. เอตมตฺถํ ภาสิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามีติ กสฺมา เอวํ ภาสิตฺวา ปกฺกามิ? สเจ หิ ภควา อุเกฺขปเก วา ‘‘อการเณ ตุเมฺหหิ โส ภิกฺขุ อุกฺขิโตฺต’’ติ วเทยฺย, อุกฺขิตฺตานุวตฺตเก วา ‘‘ตุเมฺห อาปตฺติํ อาปนฺนา’’ติ วเทยฺย, ‘‘เอเตสํ ภควา ปโกฺข, เอเตสํ ภควา ปโกฺข’’ติ วตฺวา อาฆาตํ พเนฺธยฺยุํ, ตสฺมา ตนฺติเมว ฐเปตฺวา เอตมตฺถํ ภาสิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ปกฺกามิฯ
454.Etamatthaṃbhāsitvā uṭṭhāyāsanā pakkāmīti kasmā evaṃ bhāsitvā pakkāmi? Sace hi bhagavā ukkhepake vā ‘‘akāraṇe tumhehi so bhikkhu ukkhitto’’ti vadeyya, ukkhittānuvattake vā ‘‘tumhe āpattiṃ āpannā’’ti vadeyya, ‘‘etesaṃ bhagavā pakkho, etesaṃ bhagavā pakkho’’ti vatvā āghātaṃ bandheyyuṃ, tasmā tantimeva ṭhapetvā etamatthaṃ bhāsitvā uṭṭhāyāsanā pakkāmi.
๔๕๕. อตฺตนา วา อตฺตานนฺติ เอตฺถ โย สเงฺฆน อุเกฺขปนียกตานํ อธมฺมวาทีนํ ปเกฺข นิสิโนฺน ‘‘ตุเมฺห กิํ ภณถา’’ติ เตสญฺจ อิตเรสญฺจ ลทฺธิํ สุตฺวา ‘‘อิเม อธมฺมวาทิโน, อิตเร ธมฺมวาทิโน’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทติ, อยํ เตสํ มเชฺฌ นิสิโนฺนว เตสํ นานาสํวาสโก โหติ, กมฺมํ โกเปติ, อิตเรสมฺปิ หตฺถปาสํ อนาคตตฺตา โกเปติฯ เอวํ อตฺตนา วา อตฺตานํ นานาสํวาสกํ กโรติฯ สมานสํวาสกนฺติ เอตฺถาปิ โย อธมฺมวาทีนํ ปเกฺข นิสิโนฺน ‘‘อธมฺมวาทิโน อิเม, อิตเร ธมฺมวาทิโน’’ติ เตสํ มชฺฌํ ปวิสติ, ยตฺถ วา ตตฺถ วา ปน ปเกฺข นิสิโนฺน ‘‘อิเม ธมฺมวาทิโน’’ติ คณฺหาติ, อยํ อตฺตนา วา อตฺตานํ สมานสํวาสกํ กโรตีติ เวทิตโพฺพฯ
455.Attanā vā attānanti ettha yo saṅghena ukkhepanīyakatānaṃ adhammavādīnaṃ pakkhe nisinno ‘‘tumhe kiṃ bhaṇathā’’ti tesañca itaresañca laddhiṃ sutvā ‘‘ime adhammavādino, itare dhammavādino’’ti cittaṃ uppādeti, ayaṃ tesaṃ majjhe nisinnova tesaṃ nānāsaṃvāsako hoti, kammaṃ kopeti, itaresampi hatthapāsaṃ anāgatattā kopeti. Evaṃ attanā vā attānaṃ nānāsaṃvāsakaṃ karoti. Samānasaṃvāsakanti etthāpi yo adhammavādīnaṃ pakkhe nisinno ‘‘adhammavādino ime, itare dhammavādino’’ti tesaṃ majjhaṃ pavisati, yattha vā tattha vā pana pakkhe nisinno ‘‘ime dhammavādino’’ti gaṇhāti, ayaṃ attanā vā attānaṃ samānasaṃvāsakaṃ karotīti veditabbo.
๔๕๖. กายกมฺมํ วจีกมฺมนฺติ เอตฺถ กาเยน ปหรนฺตา กายกมฺมํ อุปทํเสนฺติ, ผรุสํ วทนฺตา วจีกมฺมํ อุปทํเสนฺตีติ เวทิตพฺพาฯ หตฺถปรามาสํ กโรนฺตีติ โกธวเสน หเตฺถหิ อญฺญมญฺญํ ปรามสนํ กโรนฺติฯ อธมฺมิยายมาเนติ อธมฺมิยานิ กิจฺจานิ กุรุมาเนฯ อสโมฺมทิกาวตฺตมานายาติ อสโมฺมทิกาย วตฺตมานายฯ อยเมว วา ปาโฐฯ สโมฺมทนกถาย อวตฺตมานายาติ อโตฺถฯ เอตฺตาวตา น อญฺญมญฺญนฺติ เอตฺถ เทฺว ปนฺติโย กตฺวา อุปจารํ มุญฺจิตฺวา นิสีทิตพฺพํ, ธมฺมิยายมาเน ปน สโมฺมทิกาย วตฺตมานาย อาสนนฺตริกาย นิสีทิตพฺพํ, เอเกกํ อาสนํ อนฺตรํ กตฺวา นิสีทิตพฺพํฯ
456.Kāyakammaṃ vacīkammanti ettha kāyena paharantā kāyakammaṃ upadaṃsenti, pharusaṃ vadantā vacīkammaṃ upadaṃsentīti veditabbā. Hatthaparāmāsaṃ karontīti kodhavasena hatthehi aññamaññaṃ parāmasanaṃ karonti. Adhammiyāyamāneti adhammiyāni kiccāni kurumāne. Asammodikāvattamānāyāti asammodikāya vattamānāya. Ayameva vā pāṭho. Sammodanakathāya avattamānāyāti attho. Ettāvatā na aññamaññanti ettha dve pantiyo katvā upacāraṃ muñcitvā nisīditabbaṃ, dhammiyāyamāne pana sammodikāya vattamānāya āsanantarikāya nisīditabbaṃ, ekekaṃ āsanaṃ antaraṃ katvā nisīditabbaṃ.
๔๕๗-๔๕๘. มา ภณฺฑนนฺติอาทีสุ ‘‘อกตฺถา’’ติ ปาฐเสสํ คเหตฺวา ‘‘มา ภณฺฑนํ อกตฺถา’’ติ เอวมโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อธมฺมวาทีติ อุกฺขิตฺตานุวตฺตเกสุ อญฺญตโรฯ อยํ ปน ภิกฺขุ ภควโต อตฺถกาโม, อยํ กิรสฺส อธิปฺปาโย ‘‘อิเม ภิกฺขู โกธาภิภูตา สตฺถุ วจนํ น คณฺหนฺติ, มา ภควา เอเต โอวทโนฺต กิลมิตฺถา’’ติ ตสฺมา เอวมาหฯ ภควา ปน ‘‘ปจฺฉาปิ สญฺญํ ลภิตฺวา โอรมิสฺสนฺตี’’ติ เตสํ อนุกมฺปาย อตีตวตฺถุํ อาหริตฺวา กเถสิฯ ตตฺถ อนตฺถโตติ อนโตฺถ อโต; เอตสฺมา เม ปุริสา อนโตฺถติ วุตฺตํ โหติฯ อถ วา อนตฺถโตติ อนตฺถโทฯ เสสํ ปากฎเมวฯ
457-458.Mā bhaṇḍanantiādīsu ‘‘akatthā’’ti pāṭhasesaṃ gahetvā ‘‘mā bhaṇḍanaṃ akatthā’’ti evamattho daṭṭhabbo. Adhammavādīti ukkhittānuvattakesu aññataro. Ayaṃ pana bhikkhu bhagavato atthakāmo, ayaṃ kirassa adhippāyo ‘‘ime bhikkhū kodhābhibhūtā satthu vacanaṃ na gaṇhanti, mā bhagavā ete ovadanto kilamitthā’’ti tasmā evamāha. Bhagavā pana ‘‘pacchāpi saññaṃ labhitvā oramissantī’’ti tesaṃ anukampāya atītavatthuṃ āharitvā kathesi. Tattha anatthatoti anattho ato; etasmā me purisā anatthoti vuttaṃ hoti. Atha vā anatthatoti anatthado. Sesaṃ pākaṭameva.
๔๖๔. ปุถุสโทฺทติอาทิคาถาสุ ปน ปุถุ มหา สโทฺท อสฺสาติ ปุถุสโทฺทฯ สมชโนติ สมาโน เอกสทิโส ชโน; สโพฺพ จายํ ภณฺฑนการโกชโน สมนฺตโต สทฺทนิจฺฉารเณน ปุถุสโทฺท เจว สทิโส จาติ วุตฺตํ โหติฯ น พาโล โกจิ มญฺญถาติ ตตฺถ โกจิ เอโกปิ ‘‘อหํ พาโล’’ติ น มญฺญิตฺถ; สเพฺพปิ ปณฺฑิตมานิโนเยวฯ นาญฺญํ ภิโยฺย อมญฺญรุนฺติ โกจิ เอโกปิ ‘‘อหํ พาโล’’ติ จ น มญฺญิตฺถ; ภิโยฺย จ สงฺฆสฺมิํ ภิชฺชมาเน อญฺญมฺปิ เอกํ ‘‘มยฺหํ การณา สโงฺฆ ภิชฺชตี’’ติ อิทํ การณํ น มญฺญิตฺถาติ อโตฺถฯ
464.Puthusaddotiādigāthāsu pana puthu mahā saddo assāti puthusaddo. Samajanoti samāno ekasadiso jano; sabbo cāyaṃ bhaṇḍanakārakojano samantato saddanicchāraṇena puthusaddo ceva sadiso cāti vuttaṃ hoti. Na bālo koci maññathāti tattha koci ekopi ‘‘ahaṃ bālo’’ti na maññittha; sabbepi paṇḍitamāninoyeva. Nāññaṃ bhiyyo amaññarunti koci ekopi ‘‘ahaṃ bālo’’ti ca na maññittha; bhiyyo ca saṅghasmiṃ bhijjamāne aññampi ekaṃ ‘‘mayhaṃ kāraṇā saṅgho bhijjatī’’ti idaṃ kāraṇaṃ na maññitthāti attho.
ปริมุฎฺฐาติ ปริมุฎฺฐสฺสติโนฯ วาจาโคจรภาณิโนติ ราการสฺส รสฺสาเทโส กโต , วาจาโคจรา น สติปฎฺฐานาทิโคจราฯ ภาณิโน จ กถํ ภาณิโน? ยาวิจฺฉนฺติ มุขายามํ ยาว มุขํ ปสาเรตุํ อิจฺฉนฺติ, ตาว ปสาเรตฺวา ภาณิโน, เอโกปิ สงฺฆคารเวน มุขสโงฺกจํ น กโรตีติ อโตฺถฯ เยน นีตาติ เยน กลเหน อิมํ นิลฺลชฺชภาวํ นีตาฯ น ตํ วิทูติ น ตํ ชานนฺติ, ‘‘เอวํ สาทีนโว อย’’นฺติฯ
Parimuṭṭhāti parimuṭṭhassatino. Vācāgocarabhāṇinoti rākārassa rassādeso kato , vācāgocarā na satipaṭṭhānādigocarā. Bhāṇino ca kathaṃ bhāṇino? Yāvicchanti mukhāyāmaṃ yāva mukhaṃ pasāretuṃ icchanti, tāva pasāretvā bhāṇino, ekopi saṅghagāravena mukhasaṅkocaṃ na karotīti attho. Yena nītāti yena kalahena imaṃ nillajjabhāvaṃ nītā. Na taṃ vidūti na taṃ jānanti, ‘‘evaṃ sādīnavo aya’’nti.
เย จ ตํ อุปนยฺหนฺตีติ ตํ ‘‘อโกฺกจฺฉิ มํ, อวธิ ม’’นฺติอาทิกํ อาการํ เย จ อุปนยฺหนฺติฯ สนนฺตโนติ โปราโณฯ
Ye ca taṃ upanayhantīti taṃ ‘‘akkocchi maṃ, avadhi ma’’ntiādikaṃ ākāraṃ ye ca upanayhanti. Sanantanoti porāṇo.
ปเรติ ปณฺฑิเต ฐเปตฺวา ตโต อเญฺญ ภณฺฑนการกา ปเร นามฯ เต เอตฺถ สงฺฆมเชฺฌ กลหํ กโรนฺตา ‘‘มยํ ยมามเส อุปยมาม; สตตํ สมิตํ มจฺจุสนฺติกํ คจฺฉามา’’ติ น ชานนฺติฯ เย จ ตตฺถ วิชานนฺตีติ เย ตตฺถ ปณฺฑิตา ‘‘มยํ มจฺจุสมีปํ คจฺฉามา’’ติ วิชานนฺติฯ ตโต สมฺมนฺติ เมธคาติ เอวญฺหิ เต ชานนฺตา โยนิโสมนสิการํ อุปฺปาเทตฺวา เมธคานํ กลหานํ วูปสมาย ปฎิปชฺชนฺติฯ
Pareti paṇḍite ṭhapetvā tato aññe bhaṇḍanakārakā pare nāma. Te ettha saṅghamajjhe kalahaṃ karontā ‘‘mayaṃ yamāmase upayamāma; satataṃ samitaṃ maccusantikaṃ gacchāmā’’ti na jānanti. Ye ca tattha vijānantīti ye tattha paṇḍitā ‘‘mayaṃ maccusamīpaṃ gacchāmā’’ti vijānanti. Tatosammanti medhagāti evañhi te jānantā yonisomanasikāraṃ uppādetvā medhagānaṃ kalahānaṃ vūpasamāya paṭipajjanti.
อฎฺฐิจฺฉินฺนาติ อยํ คาถา พฺรหฺมทตฺตญฺจ ทีฆาวุกุมารญฺจ สนฺธาย วุตฺตาฯ เตสมฺปิ โหติ สงฺคติ, กสฺมา ตุมฺหากํ น โหติ, เยสํ โว เนว มาตาปิตูนํ อฎฺฐีนิ ฉินฺนานิ, น ปาณา หตา, น ควาสฺสธนานิ หฎานีติฯ
Aṭṭhicchinnāti ayaṃ gāthā brahmadattañca dīghāvukumārañca sandhāya vuttā. Tesampi hoti saṅgati, kasmā tumhākaṃ na hoti, yesaṃ vo neva mātāpitūnaṃ aṭṭhīni chinnāni, na pāṇā hatā, na gavāssadhanāni haṭānīti.
สเจ ลเภถาติอาทิคาถา ปณฺฑิตสหายสฺส จ พาลสหายสฺส จ วณฺณาวณฺณทีปนตฺถํ วุตฺตาฯ อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานีติ ปากฎปริสฺสเย จ ปฎิจฺฉนฺนปริสฺสเย จ อภิภวิตฺวา เตน สทฺธิํ อตฺตมโน สติมา จเรยฺยฯ
Sace labhethātiādigāthā paṇḍitasahāyassa ca bālasahāyassa ca vaṇṇāvaṇṇadīpanatthaṃ vuttā. Abhibhuyya sabbāni parissayānīti pākaṭaparissaye ca paṭicchannaparissaye ca abhibhavitvā tena saddhiṃ attamano satimā careyya.
ราชาว รฎฺฐํ วิชิตนฺติ ยถา อตฺตโน วิชิตํ รฎฺฐํ มหาชนกราชา จ อรินฺทมมหาราชา จ ปหาย เอกกา จริํสุ; เอวํ จเรยฺยาติ อโตฺถฯ มาตงฺครเญฺญว นาโคติ มาตโงฺค อรเญฺญ นาโควฯ มาตโงฺคติ หตฺถี วุจฺจติ; นาโคติ มหนฺตาธิวจนเมตํฯ ยถา หิ มาตุโปสโก มาตงฺคนาโค อรเญฺญ เอโก จริ, น จ ปาปานิ อกาสิฯ ยถา จ ปาลิเลยฺยโก, เอวํ เอโก จเร, น จ ปาปานิ กยิราติ วุตฺตํ โหติฯ
Rājāvaraṭṭhaṃ vijitanti yathā attano vijitaṃ raṭṭhaṃ mahājanakarājā ca arindamamahārājā ca pahāya ekakā cariṃsu; evaṃ careyyāti attho. Mātaṅgaraññeva nāgoti mātaṅgo araññe nāgova. Mātaṅgoti hatthī vuccati; nāgoti mahantādhivacanametaṃ. Yathā hi mātuposako mātaṅganāgo araññe eko cari, na ca pāpāni akāsi. Yathā ca pālileyyako, evaṃ eko care, na ca pāpāni kayirāti vuttaṃ hoti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi
๒๗๑. โกสมฺพกวิวาทกถา • 271. Kosambakavivādakathā
๒๗๒. ทีฆาวุวตฺถุ • 272. Dīghāvuvatthu
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา • Kosambakavivādakathāvaṇṇanā
ทีฆาวุวตฺถุกถาวณฺณนา • Dīghāvuvatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā
โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา • Kosambakavivādakathāvaṇṇanā
ทีฆาวุวตฺถุกถาวณฺณนา • Dīghāvuvatthukathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / โกสมฺพกวิวาทกถาวณฺณนา • Kosambakavivādakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๒๗๑. โกสมฺพกวิวาทกถา • 271. Kosambakavivādakathā