Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๘. โกสมฺพิยสุตฺตํ
8. Kosambiyasuttaṃ
๔๙๑. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน โกสมฺพิยํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติฯ เต น เจว อญฺญมญฺญํ สญฺญาเปนฺติ น จ สญฺญตฺติํ อุเปนฺติ, น จ อญฺญมญฺญํ นิชฺฌาเปนฺติ, น จ นิชฺฌตฺติํ อุเปนฺติฯ อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิธ, ภเนฺต, โกสมฺพิยํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติ, เต น เจว อญฺญมญฺญํ สญฺญาเปนฺติ, น จ สญฺญตฺติํ อุเปนฺติ, น จ อญฺญมญฺญํ นิชฺฌาเปนฺติ, น จ นิชฺฌตฺติํ อุเปนฺตี’’ติฯ
491. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā kosambiyaṃ viharati ghositārāme. Tena kho pana samayena kosambiyaṃ bhikkhū bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharanti. Te na ceva aññamaññaṃ saññāpenti na ca saññattiṃ upenti, na ca aññamaññaṃ nijjhāpenti, na ca nijjhattiṃ upenti. Atha kho aññataro bhikkhu yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho so bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘idha, bhante, kosambiyaṃ bhikkhū bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharanti, te na ceva aññamaññaṃ saññāpenti, na ca saññattiṃ upenti, na ca aññamaññaṃ nijjhāpenti, na ca nijjhattiṃ upentī’’ti.
อถ โข ภควา อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสิ – ‘‘เอหิ ตฺวํ, ภิกฺขุ, มม วจเนน เต ภิกฺขู อามเนฺตหิ – ‘สตฺถา โว อายสฺมเนฺต อามเนฺตตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ , ภเนฺต’’ติ โข โส ภิกฺขุ ภควโต ปฎิสฺสุตฺวา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ – ‘‘สตฺถา อายสฺมเนฺต อามเนฺตตี’’ติฯ ‘‘เอวมาวุโส’’ติ โข เต ภิกฺขู ตสฺส ภิกฺขุโน ปฎิสฺสุตฺวา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสิเนฺน โข เต ภิกฺขู ภควา เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร ตุเมฺห, ภิกฺขเว, ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรถ, เต น เจว อญฺญมญฺญํ สญฺญาเปถ, น จ สญฺญตฺติํ อุเปถ, น จ อญฺญมญฺญํ นิชฺฌาเปถ, น จ นิชฺฌตฺติํ อุเปถา’’ติ? ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญถ, ภิกฺขเว, ยสฺมิํ ตุเมฺห สมเย ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรถ, อปิ นุ ตุมฺหากํ ตสฺมิํ สมเย เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ วจีกมฺมํ…เป.… เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, ภเนฺต’’ฯ ‘‘อิติ กิร, ภิกฺขเว, ยสฺมิํ ตุเมฺห สมเย ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรถ, เนว ตุมฺหากํ ตสฺมิํ สมเย เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จ, น เมตฺตํ วจีกมฺมํ…เป.… น เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จฯ อถ กิญฺจรหิ ตุเมฺห, โมฆปุริสา, กิํ ชานนฺตา กิํ ปสฺสนฺตา ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรถ, เต น เจว อญฺญมญฺญํ สญฺญาเปถ, น จ สญฺญตฺติํ อุเปถ, น จ อญฺญมญฺญํ นิชฺฌาเปถ, น จ นิชฺฌตฺติํ อุเปถ ? ตญฺหิ ตุมฺหากํ, โมฆปุริสา, ภวิสฺสติ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายา’’ติฯ
Atha kho bhagavā aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesi – ‘‘ehi tvaṃ, bhikkhu, mama vacanena te bhikkhū āmantehi – ‘satthā vo āyasmante āmantetī’’’ti. ‘‘Evaṃ , bhante’’ti kho so bhikkhu bhagavato paṭissutvā yena te bhikkhū tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā te bhikkhū etadavoca – ‘‘satthā āyasmante āmantetī’’ti. ‘‘Evamāvuso’’ti kho te bhikkhū tassa bhikkhuno paṭissutvā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinne kho te bhikkhū bhagavā etadavoca – ‘‘saccaṃ kira tumhe, bhikkhave, bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharatha, te na ceva aññamaññaṃ saññāpetha, na ca saññattiṃ upetha, na ca aññamaññaṃ nijjhāpetha, na ca nijjhattiṃ upethā’’ti? ‘‘Evaṃ, bhante’’. ‘‘Taṃ kiṃ maññatha, bhikkhave, yasmiṃ tumhe samaye bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharatha, api nu tumhākaṃ tasmiṃ samaye mettaṃ kāyakammaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti sabrahmacārīsu āvi ceva raho ca, mettaṃ vacīkammaṃ…pe… mettaṃ manokammaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti sabrahmacārīsu āvi ceva raho cā’’ti? ‘‘No hetaṃ, bhante’’. ‘‘Iti kira, bhikkhave, yasmiṃ tumhe samaye bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharatha, neva tumhākaṃ tasmiṃ samaye mettaṃ kāyakammaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti sabrahmacārīsu āvi ceva raho ca, na mettaṃ vacīkammaṃ…pe… na mettaṃ manokammaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti sabrahmacārīsu āvi ceva raho ca. Atha kiñcarahi tumhe, moghapurisā, kiṃ jānantā kiṃ passantā bhaṇḍanajātā kalahajātā vivādāpannā aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudantā viharatha, te na ceva aññamaññaṃ saññāpetha, na ca saññattiṃ upetha, na ca aññamaññaṃ nijjhāpetha, na ca nijjhattiṃ upetha ? Tañhi tumhākaṃ, moghapurisā, bhavissati dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyā’’ti.
๔๙๒. อถ โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ฉยิเม, ภิกฺขเว, ธมฺมา สารณียา ปิยกรณา ครุกรณา สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตนฺติฯ กตเม ฉ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
492. Atha kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘chayime, bhikkhave, dhammā sāraṇīyā piyakaraṇā garukaraṇā saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattanti. Katame cha? Idha, bhikkhave, bhikkhuno mettaṃ kāyakammaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti sabrahmacārīsu āvi ceva raho ca. Ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกิภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhuno mettaṃ vacīkammaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti sabrahmacārīsu āvi ceva raho ca. Ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekibhāvāya saṃvattati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุโน เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฎฺฐิตํ โหติ สพฺรหฺมจารีสุ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhuno mettaṃ manokammaṃ paccupaṭṭhitaṃ hoti sabrahmacārīsu āvi ceva raho ca. Ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ เย เต ลาภา ธมฺมิกา ธมฺมลทฺธา อนฺตมโส ปตฺตปริยาปนฺนมตฺตมฺปิ, ตถารูเปหิ ลาเภหิ อปฺปฎิวิภตฺตโภคี โหติ สีลวเนฺตหิ สพฺรหฺมจารีหิ สาธารณโภคีฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu ye te lābhā dhammikā dhammaladdhā antamaso pattapariyāpannamattampi, tathārūpehi lābhehi appaṭivibhattabhogī hoti sīlavantehi sabrahmacārīhi sādhāraṇabhogī. Ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยานิ ตานิ สีลานิ อขณฺฑานิ อจฺฉิทฺทานิ อสพลานิ อกมฺมาสานิ ภุชิสฺสานิ วิญฺญุปฺปสตฺถานิ อปรามฎฺฐานิ สมาธิสํวตฺตนิกานิ ตถารูเปสุ สีเลสุ สีลสามญฺญคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu yāni tāni sīlāni akhaṇḍāni acchiddāni asabalāni akammāsāni bhujissāni viññuppasatthāni aparāmaṭṭhāni samādhisaṃvattanikāni tathārūpesu sīlesu sīlasāmaññagato viharati sabrahmacārīhi āvi ceva raho ca. Ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ยายํ ทิฎฺฐิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย ตถารูปาย ทิฎฺฐิยา ทิฎฺฐิสามญฺญคโต วิหรติ สพฺรหฺมจารีหิ อาวิ เจว รโห จฯ อยมฺปิ ธโมฺม สารณีโย ปิยกรโณ ครุกรโณ สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตติฯ
‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, bhikkhu yāyaṃ diṭṭhi ariyā niyyānikā niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāya tathārūpāya diṭṭhiyā diṭṭhisāmaññagato viharati sabrahmacārīhi āvi ceva raho ca. Ayampi dhammo sāraṇīyo piyakaraṇo garukaraṇo saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattati.
‘‘อิเม โข, ภิกฺขเว, ฉ สารณียา ธมฺมา ปิยกรณา ครุกรณา สงฺคหาย อวิวาทาย สามคฺคิยา เอกีภาวาย สํวตฺตนฺติฯ อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, ฉนฺนํ สารณียานํ ธมฺมานํ เอตํ อคฺคํ เอตํ สงฺคาหิกํ 1 เอตํ สงฺฆาฎนิกํ – ยทิทํ ยายํ ทิฎฺฐิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, กูฎาคารสฺส เอตํ อคฺคํ เอตํ สงฺคาหิกํ เอตํ สงฺฆาฎนิกํ ยทิทํ กูฎํ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว , อิเมสํ ฉนฺนํ สารณียานํ ธมฺมานํ เอตํ อคฺคํ เอตํ สงฺคาหิกํ เอตํ สงฺฆาฎนิกํ ยทิทํ ยายํ ทิฎฺฐิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยายฯ
‘‘Ime kho, bhikkhave, cha sāraṇīyā dhammā piyakaraṇā garukaraṇā saṅgahāya avivādāya sāmaggiyā ekībhāvāya saṃvattanti. Imesaṃ kho, bhikkhave, channaṃ sāraṇīyānaṃ dhammānaṃ etaṃ aggaṃ etaṃ saṅgāhikaṃ 2 etaṃ saṅghāṭanikaṃ – yadidaṃ yāyaṃ diṭṭhi ariyā niyyānikā niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāya. Seyyathāpi, bhikkhave, kūṭāgārassa etaṃ aggaṃ etaṃ saṅgāhikaṃ etaṃ saṅghāṭanikaṃ yadidaṃ kūṭaṃ; evameva kho, bhikkhave , imesaṃ channaṃ sāraṇīyānaṃ dhammānaṃ etaṃ aggaṃ etaṃ saṅgāhikaṃ etaṃ saṅghāṭanikaṃ yadidaṃ yāyaṃ diṭṭhi ariyā niyyānikā niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāya.
๔๙๓. ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, ยายํ ทิฎฺฐิ อริยา นิยฺยานิกา นิยฺยาติ ตกฺกรสฺส สมฺมา ทุกฺขกฺขยาย? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อรญฺญคโต วา รุกฺขมูลคโต วา สุญฺญาคารคโต วา อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อตฺถิ นุ โข เม ตํ ปริยุฎฺฐานํ อชฺฌตฺตํ อปฺปหีนํ, เยนาหํ ปริยุฎฺฐาเนน ปริยุฎฺฐิตจิโตฺต ยถาภูตํ นปฺปชาเนยฺยํ น ปเสฺสยฺย’นฺติ? สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กามราคปริยุฎฺฐิโต โหติ, ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตว โหติฯ สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ พฺยาปาทปริยุฎฺฐิโต โหติ, ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตว โหติฯ สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ถีนมิทฺธปริยุฎฺฐิโต โหติ, ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตว โหติฯ สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปริยุฎฺฐิโต โหติ, ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตว โหติฯ สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ วิจิกิจฺฉาปริยุฎฺฐิโต โหติ, ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตว โหติฯ สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อิธโลกจินฺตาย ปสุโต โหติ, ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตว โหติฯ สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ปรโลกจินฺตาย ปสุโต โหติ, ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตว โหติฯ สเจ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ ภณฺฑนชาโต กลหชาโต วิวาทาปโนฺน อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทโนฺต วิหรติ, ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตว โหติ ฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘นตฺถิ โข เม ตํ ปริยุฎฺฐานํ อชฺฌตฺตํ อปฺปหีนํ, เยนาหํ ปริยุฎฺฐาเนน ปริยุฎฺฐิตจิโตฺต ยถาภูตํ นปฺปชาเนยฺยํ น ปเสฺสยฺยํฯ สุปฺปณิหิตํ เม มานสํ สจฺจานํ โพธายา’ติฯ อิทมสฺส ปฐมํ ญาณํ อธิคตํ โหติ อริยํ โลกุตฺตรํ อสาธารณํ ปุถุชฺชเนหิฯ
493. ‘‘Kathañca, bhikkhave, yāyaṃ diṭṭhi ariyā niyyānikā niyyāti takkarassa sammā dukkhakkhayāya? Idha, bhikkhave, bhikkhu araññagato vā rukkhamūlagato vā suññāgāragato vā iti paṭisañcikkhati – ‘atthi nu kho me taṃ pariyuṭṭhānaṃ ajjhattaṃ appahīnaṃ, yenāhaṃ pariyuṭṭhānena pariyuṭṭhitacitto yathābhūtaṃ nappajāneyyaṃ na passeyya’nti? Sace, bhikkhave, bhikkhu kāmarāgapariyuṭṭhito hoti, pariyuṭṭhitacittova hoti. Sace, bhikkhave, bhikkhu byāpādapariyuṭṭhito hoti, pariyuṭṭhitacittova hoti. Sace, bhikkhave, bhikkhu thīnamiddhapariyuṭṭhito hoti, pariyuṭṭhitacittova hoti. Sace, bhikkhave, bhikkhu uddhaccakukkuccapariyuṭṭhito hoti, pariyuṭṭhitacittova hoti. Sace, bhikkhave, bhikkhu vicikicchāpariyuṭṭhito hoti, pariyuṭṭhitacittova hoti. Sace, bhikkhave, bhikkhu idhalokacintāya pasuto hoti, pariyuṭṭhitacittova hoti. Sace, bhikkhave, bhikkhu paralokacintāya pasuto hoti, pariyuṭṭhitacittova hoti. Sace, bhikkhave, bhikkhu bhaṇḍanajāto kalahajāto vivādāpanno aññamaññaṃ mukhasattīhi vitudanto viharati, pariyuṭṭhitacittova hoti . So evaṃ pajānāti – ‘natthi kho me taṃ pariyuṭṭhānaṃ ajjhattaṃ appahīnaṃ, yenāhaṃ pariyuṭṭhānena pariyuṭṭhitacitto yathābhūtaṃ nappajāneyyaṃ na passeyyaṃ. Suppaṇihitaṃ me mānasaṃ saccānaṃ bodhāyā’ti. Idamassa paṭhamaṃ ñāṇaṃ adhigataṃ hoti ariyaṃ lokuttaraṃ asādhāraṇaṃ puthujjanehi.
๔๙๔. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘อิมํ นุ โข อหํ ทิฎฺฐิํ อาเสวโนฺต ภาเวโนฺต พหุลีกโรโนฺต ลภามิ ปจฺจตฺตํ สมถํ, ลภามิ ปจฺจตฺตํ นิพฺพุติ’นฺติ? โส เอวํ ปชานาติ – ‘อิมํ โข อหํ ทิฎฺฐิํ อาเสวโนฺต ภาเวโนฺต พหุลีกโรโนฺต ลภามิ ปจฺจตฺตํ สมถํ, ลภามิ ปจฺจตฺตํ นิพฺพุติ’นฺติฯ อิทมสฺส ทุติยํ ญาณํ อธิคตํ โหติ อริยํ โลกุตฺตรํ อสาธารณํ ปุถุชฺชเนหิฯ
494. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘imaṃ nu kho ahaṃ diṭṭhiṃ āsevanto bhāvento bahulīkaronto labhāmi paccattaṃ samathaṃ, labhāmi paccattaṃ nibbuti’nti? So evaṃ pajānāti – ‘imaṃ kho ahaṃ diṭṭhiṃ āsevanto bhāvento bahulīkaronto labhāmi paccattaṃ samathaṃ, labhāmi paccattaṃ nibbuti’nti. Idamassa dutiyaṃ ñāṇaṃ adhigataṃ hoti ariyaṃ lokuttaraṃ asādhāraṇaṃ puthujjanehi.
๔๙๕. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘ยถา รูปายาหํ ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต, อตฺถิ นุ โข อิโต พหิทฺธา อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ตถารูปาย ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต’ติ? โส เอวํ ปชานาติ – ‘ยถารูปายาหํ ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต, นตฺถิ อิโต พหิทฺธา อโญฺญ สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา ตถารูปาย ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต’ติฯ อิทมสฺส ตติยํ ญาณํ อธิคตํ โหติ อริยํ โลกุตฺตรํ อสาธารณํ ปุถุชฺชเนหิฯ
495. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yathā rūpāyāhaṃ diṭṭhiyā samannāgato, atthi nu kho ito bahiddhā añño samaṇo vā brāhmaṇo vā tathārūpāya diṭṭhiyā samannāgato’ti? So evaṃ pajānāti – ‘yathārūpāyāhaṃ diṭṭhiyā samannāgato, natthi ito bahiddhā añño samaṇo vā brāhmaṇo vā tathārūpāya diṭṭhiyā samannāgato’ti. Idamassa tatiyaṃ ñāṇaṃ adhigataṃ hoti ariyaṃ lokuttaraṃ asādhāraṇaṃ puthujjanehi.
๔๙๖. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘ยถารูปาย ธมฺมตาย ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สมนฺนาคโต, อหมฺปิ ตถารูปาย ธมฺมตาย สมนฺนาคโต’ติฯ กถํรูปาย จ, ภิกฺขเว, ธมฺมตาย ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สมนฺนาคโต? ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ทิฎฺฐิสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส – ‘กิญฺจาปิ ตถารูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ, ยถารูปาย อาปตฺติยา วุฎฺฐานํ ปญฺญายติ, อถ โข นํ ขิปฺปเมว สตฺถริ วา วิญฺญูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ เทเสติ วิวรติ อุตฺตานีกโรติ; เทเสตฺวา วิวริตฺวา อุตฺตานีกตฺวา อายติํ สํวรํ อาปชฺชติ’ฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, ทหโร กุมาโร มโนฺท อุตฺตานเสยฺยโก หเตฺถน วา ปาเทน วา องฺคารํ อกฺกมิตฺวา ขิปฺปเมว ปฎิสํหรติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว, ธมฺมตา เอสา ทิฎฺฐิสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส – ‘กิญฺจาปิ ตถารูปิํ อาปตฺติํ อาปชฺชติ ยถารูปาย อาปตฺติยา วุฎฺฐานํ ปญฺญายติ, อถ โข นํ ขิปฺปเมว สตฺถริ วา วิญฺญูสุ วา สพฺรหฺมจารีสุ เทเสติ วิวรติ อุตฺตานีกโรติ; เทเสตฺวา วิวริตฺวา อุตฺตานีกตฺวา อายติํ สํวรํ อาปชฺชติ’ฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘ยถารูปาย ธมฺมตาย ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สมนฺนาคโต, อหมฺปิ ตถารูปาย ธมฺมตาย สมนฺนาคโต’ติฯ อิทมสฺส จตุตฺถํ ญาณํ อธิคตํ โหติ อริยํ โลกุตฺตรํ อสาธารณํ ปุถุชฺชเนหิฯ
496. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yathārūpāya dhammatāya diṭṭhisampanno puggalo samannāgato, ahampi tathārūpāya dhammatāya samannāgato’ti. Kathaṃrūpāya ca, bhikkhave, dhammatāya diṭṭhisampanno puggalo samannāgato? Dhammatā esā, bhikkhave, diṭṭhisampannassa puggalassa – ‘kiñcāpi tathārūpiṃ āpattiṃ āpajjati, yathārūpāya āpattiyā vuṭṭhānaṃ paññāyati, atha kho naṃ khippameva satthari vā viññūsu vā sabrahmacārīsu deseti vivarati uttānīkaroti; desetvā vivaritvā uttānīkatvā āyatiṃ saṃvaraṃ āpajjati’. Seyyathāpi, bhikkhave, daharo kumāro mando uttānaseyyako hatthena vā pādena vā aṅgāraṃ akkamitvā khippameva paṭisaṃharati; evameva kho, bhikkhave, dhammatā esā diṭṭhisampannassa puggalassa – ‘kiñcāpi tathārūpiṃ āpattiṃ āpajjati yathārūpāya āpattiyā vuṭṭhānaṃ paññāyati, atha kho naṃ khippameva satthari vā viññūsu vā sabrahmacārīsu deseti vivarati uttānīkaroti; desetvā vivaritvā uttānīkatvā āyatiṃ saṃvaraṃ āpajjati’. So evaṃ pajānāti – ‘yathārūpāya dhammatāya diṭṭhisampanno puggalo samannāgato, ahampi tathārūpāya dhammatāya samannāgato’ti. Idamassa catutthaṃ ñāṇaṃ adhigataṃ hoti ariyaṃ lokuttaraṃ asādhāraṇaṃ puthujjanehi.
๔๙๗. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘ยถารูปาย ธมฺมตาย ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สมนฺนาคโต, อหมฺปิ ตถารูปาย ธมฺมตาย สมนฺนาคโต’ติฯ กถํรูปาย จ, ภิกฺขเว, ธมฺมตาย ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สมนฺนาคโต? ธมฺมตา เอสา, ภิกฺขเว, ทิฎฺฐิสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส – ‘กิญฺจาปิ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กิํกรณียานิ ตตฺถ อุสฺสุกฺกํ อาปโนฺน โหติ, อถ ขฺวาสฺส ติพฺพาเปกฺขา โหติ อธิสีลสิกฺขาย อธิจิตฺตสิกฺขาย อธิปญฺญาสิกฺขาย’ฯ เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, คาวี ตรุณวจฺฉา ถมฺพญฺจ อาลุมฺปติ วจฺฉกญฺจ อปจินติ; เอวเมว โข, ภิกฺขเว , ธมฺมตา เอสา ทิฎฺฐิสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส – ‘กิญฺจาปิ ยานิ ตานิ สพฺรหฺมจารีนํ อุจฺจาวจานิ กิํกรณียานิ ตตฺถ อุสฺสุกฺกํ อาปโนฺน โหติ, อถ ขฺวาสฺส ติพฺพาเปกฺขา โหติ อธิสีลสิกฺขาย อธิจิตฺตสิกฺขาย อธิปญฺญาสิกฺขาย’ฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘ยถารูปาย ธมฺมตาย ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สมนฺนาคโต, อหมฺปิ ตถารูปาย ธมฺมตาย สมนฺนาคโต’ติฯ อิทมสฺส ปญฺจมํ ญาณํ อธิคตํ โหติ อริยํ โลกุตฺตรํ อสาธารณํ ปุถุชฺชเนหิฯ
497. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yathārūpāya dhammatāya diṭṭhisampanno puggalo samannāgato, ahampi tathārūpāya dhammatāya samannāgato’ti. Kathaṃrūpāya ca, bhikkhave, dhammatāya diṭṭhisampanno puggalo samannāgato? Dhammatā esā, bhikkhave, diṭṭhisampannassa puggalassa – ‘kiñcāpi yāni tāni sabrahmacārīnaṃ uccāvacāni kiṃkaraṇīyāni tattha ussukkaṃ āpanno hoti, atha khvāssa tibbāpekkhā hoti adhisīlasikkhāya adhicittasikkhāya adhipaññāsikkhāya’. Seyyathāpi, bhikkhave, gāvī taruṇavacchā thambañca ālumpati vacchakañca apacinati; evameva kho, bhikkhave , dhammatā esā diṭṭhisampannassa puggalassa – ‘kiñcāpi yāni tāni sabrahmacārīnaṃ uccāvacāni kiṃkaraṇīyāni tattha ussukkaṃ āpanno hoti, atha khvāssa tibbāpekkhā hoti adhisīlasikkhāya adhicittasikkhāya adhipaññāsikkhāya’. So evaṃ pajānāti – ‘yathārūpāya dhammatāya diṭṭhisampanno puggalo samannāgato, ahampi tathārūpāya dhammatāya samannāgato’ti. Idamassa pañcamaṃ ñāṇaṃ adhigataṃ hoti ariyaṃ lokuttaraṃ asādhāraṇaṃ puthujjanehi.
๔๙๘. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘ยถารูปาย พลตาย ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สมนฺนาคโต, อหมฺปิ ตถารูปาย พลตาย สมนฺนาคโต’ติฯ กถํรูปาย จ, ภิกฺขเว, พลตาย ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สมนฺนาคโต? พลตา เอสา, ภิกฺขเว, ทิฎฺฐิสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส ยํ ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย เทสิยมาเน อฎฺฐิํกตฺวา มนสิกตฺวา สพฺพเจตสา 3 สมนฺนาหริตฺวา โอหิตโสโต ธมฺมํ สุณาติฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘ยถารูปาย พลตาย ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สมนฺนาคโต, อหมฺปิ ตถารูปาย พลตาย สมนฺนาคโต’ติฯ อิทมสฺส ฉฎฺฐํ ญาณํ อธิคตํ โหติ อริยํ โลกุตฺตรํ อสาธารณํ ปุถุชฺชเนหิฯ
498. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yathārūpāya balatāya diṭṭhisampanno puggalo samannāgato, ahampi tathārūpāya balatāya samannāgato’ti. Kathaṃrūpāya ca, bhikkhave, balatāya diṭṭhisampanno puggalo samannāgato? Balatā esā, bhikkhave, diṭṭhisampannassa puggalassa yaṃ tathāgatappavedite dhammavinaye desiyamāne aṭṭhiṃkatvā manasikatvā sabbacetasā 4 samannāharitvā ohitasoto dhammaṃ suṇāti. So evaṃ pajānāti – ‘yathārūpāya balatāya diṭṭhisampanno puggalo samannāgato, ahampi tathārūpāya balatāya samannāgato’ti. Idamassa chaṭṭhaṃ ñāṇaṃ adhigataṃ hoti ariyaṃ lokuttaraṃ asādhāraṇaṃ puthujjanehi.
๔๙๙. ‘‘ปุน จปรํ, ภิกฺขเว, อริยสาวโก อิติ ปฎิสญฺจิกฺขติ – ‘ยถารูปาย พลตาย ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สมนฺนาคโต, อหมฺปิ ตถารูปาย พลตาย สมนฺนาคโต’ติฯ กถํรูปาย จ, ภิกฺขเว, พลตาย ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สมนฺนาคโต? พลตา เอสา, ภิกฺขเว, ทิฎฺฐิสมฺปนฺนสฺส ปุคฺคลสฺส ยํ ตถาคตปฺปเวทิเต ธมฺมวินเย เทสิยมาเน ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺชํฯ โส เอวํ ปชานาติ – ‘ยถารูปาย พลตาย ทิฎฺฐิสมฺปโนฺน ปุคฺคโล สมนฺนาคโต, อหมฺปิ ตถารูปาย พลตาย สมนฺนาคโต’ติฯ อิทมสฺส สตฺตมํ ญาณํ อธิคตํ โหติ อริยํ โลกุตฺตรํ อสาธารณํ ปุถุชฺชเนหิฯ
499. ‘‘Puna caparaṃ, bhikkhave, ariyasāvako iti paṭisañcikkhati – ‘yathārūpāya balatāya diṭṭhisampanno puggalo samannāgato, ahampi tathārūpāya balatāya samannāgato’ti. Kathaṃrūpāya ca, bhikkhave, balatāya diṭṭhisampanno puggalo samannāgato? Balatā esā, bhikkhave, diṭṭhisampannassa puggalassa yaṃ tathāgatappavedite dhammavinaye desiyamāne labhati atthavedaṃ, labhati dhammavedaṃ, labhati dhammūpasaṃhitaṃ pāmojjaṃ. So evaṃ pajānāti – ‘yathārūpāya balatāya diṭṭhisampanno puggalo samannāgato, ahampi tathārūpāya balatāya samannāgato’ti. Idamassa sattamaṃ ñāṇaṃ adhigataṃ hoti ariyaṃ lokuttaraṃ asādhāraṇaṃ puthujjanehi.
๕๐๐. ‘‘เอวํ สตฺตงฺคสมนฺนาคตสฺส โข, ภิกฺขเว, อริยสาวกสฺส ธมฺมตา สุสมนฺนิฎฺฐา โหติ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยายฯ เอวํ สตฺตงฺคสมนฺนาคโต โข, ภิกฺขเว, อริยสาวโก โสตาปตฺติผลสมนฺนาคโต โหตี’’ติฯ
500. ‘‘Evaṃ sattaṅgasamannāgatassa kho, bhikkhave, ariyasāvakassa dhammatā susamanniṭṭhā hoti sotāpattiphalasacchikiriyāya. Evaṃ sattaṅgasamannāgato kho, bhikkhave, ariyasāvako sotāpattiphalasamannāgato hotī’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
โกสมฺพิยสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ อฎฺฐมํฯ
Kosambiyasuttaṃ niṭṭhitaṃ aṭṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. โกสมฺพิยสุตฺตวณฺณนา • 8. Kosambiyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๘. โกสมฺพิยสุตฺตวณฺณนา • 8. Kosambiyasuttavaṇṇanā