Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๘. โกสมฺพิยสุตฺตวณฺณนา

    8. Kosambiyasuttavaṇṇanā

    ๔๙๑. ตสฺมาติ ยสฺมา โกสมฺพรุกฺขวตี, ตสฺมา นครํ โกสมฺพีติสงฺขมคมาสิฯ กุสมฺพสฺส วา อิสิโน นิวาสภูมิ โกสมฺพี, ตสฺสาวิทูเร ภวตฺตา นครํ โกสมฺพี

    491.Tasmāti yasmā kosambarukkhavatī, tasmā nagaraṃ kosambītisaṅkhamagamāsi. Kusambassa vā isino nivāsabhūmi kosambī, tassāvidūre bhavattā nagaraṃ kosambī.

    โฆสิตเสฎฺฐินา การิเต อาราเมติ เอตฺถ โก โฆสิตเสฎฺฐิ, กถญฺจาเนน อาราโม การิโตติ อโนฺตลีนาย โจทนาย วิสฺสชฺชเน สมุทาคมโต ปฎฺฐาย โฆสิตเสฎฺฐิํ ทเสฺสตุํ ‘‘อทฺทิลรฎฺฐํ นาม อโหสี’’ติอาทิ อารทฺธํฯ เกทารปริจฺฉินฺนนฺติ ตตฺถ ตตฺถ เกทารภูมิยา ปริจฺฉินฺนํฯ คจฺฉโนฺตติ เกทารปาฬิยา คจฺฉโนฺตฯ ปหูตปายสนฺติ ปหูตตรํ ปายสํ, ตํ ปน ครุ สินิทฺธํ อนฺตรามเคฺค อปฺปาหารตาย มนฺทคหณิโก สมาโน ชีราเปตุํ นาสกฺขิฯ เตนาห ‘‘ชีราเปตุํ อสโกฺกโนฺต’’ติอาทิฯ ยสวติ รูปวติ กุลฆเร นิพฺพตฺติฯ โฆสิตเสฎฺฐิ นาม ชาโตติ เอวเมตฺถ สเงฺขเปเนว โฆสิตเสฎฺฐิวตฺถุํ กเถติ, วิตฺถาโร ปน ธมฺมปทวตฺถุมฺหิ (ธ. ป. อฎฺฐ. ๑.สามาวตีวตฺถุ) วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ

    Ghositaseṭṭhinākārite ārāmeti ettha ko ghositaseṭṭhi, kathañcānena ārāmo kāritoti antolīnāya codanāya vissajjane samudāgamato paṭṭhāya ghositaseṭṭhiṃ dassetuṃ ‘‘addilaraṭṭhaṃ nāma ahosī’’tiādi āraddhaṃ. Kedāraparicchinnanti tattha tattha kedārabhūmiyā paricchinnaṃ. Gacchantoti kedārapāḷiyā gacchanto. Pahūtapāyasanti pahūtataraṃ pāyasaṃ, taṃ pana garu siniddhaṃ antarāmagge appāhāratāya mandagahaṇiko samāno jīrāpetuṃ nāsakkhi. Tenāha ‘‘jīrāpetuṃ asakkonto’’tiādi. Yasavati rūpavati kulaghare nibbatti. Ghositaseṭṭhi nāma jātoti evamettha saṅkhepeneva ghositaseṭṭhivatthuṃ katheti, vitthāro pana dhammapadavatthumhi (dha. pa. aṭṭha. 1.sāmāvatīvatthu) vuttanayeneva veditabbo.

    อุปสํกปฺปนวเสนาติ อุปสงฺกปฺปนนิยาเมนฯ อาหารปริกฺขีณกายสฺสาติ อาหารนิมิตฺตปริกฺขีณกายสฺส, อาหารกฺขเยน ปริกฺขีณกายสฺสาติ อโตฺถฯ สุญฺญาคาเรติ ชนวิวิเตฺต ผาสุกฎฺฐาเนฯ

    Upasaṃkappanavasenāti upasaṅkappananiyāmena. Āhāraparikkhīṇakāyassāti āhāranimittaparikkhīṇakāyassa, āhārakkhayena parikkhīṇakāyassāti attho. Suññāgāreti janavivitte phāsukaṭṭhāne.

    กลหสฺส ปุพฺพภาโค ภณฺฑนํ นามาติ กลหสฺส เหตุภูตา ปริภาสา ตํสทิสี จ อนิฎฺฐกิริยา ภณฺฑนํ นามฯ หตฺถปรามาสาทิวเสนาติ กุชฺฌิตฺวา อญฺญมญฺญสฺส หเตฺถ คเหตฺวา ปรามสนอจฺจนฺตพนฺธนาทิวเสนฯ ‘‘อยํ ธโมฺม’’ติอาทินา วิรุทฺธวาทภูตํ อาปนฺนาติ วิวาทาปนฺนาฯ เตนาห ‘‘วิรุทฺธภูต’’นฺติอาทิฯ มุขสนฺนิสฺสิตตาย วาจา อิธ ‘‘มุข’’นฺติ อธิเปฺปตาติ อาห ‘‘มุขสตฺตีหีติ วาจาสตฺตีหี’’ติฯ สญฺญตฺตินฺติ สญฺญาปนํ ‘‘อยํ ธโมฺม, อยํ วินโย’’ติ สญฺญาเปตพฺพตํฯ นิชฺฌตฺตินฺติ ยาถาวโต ตสฺส นิชฺฌานํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สญฺญตฺติเววจนเมเวต’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Kalahassa pubbabhāgo bhaṇḍanaṃ nāmāti kalahassa hetubhūtā paribhāsā taṃsadisī ca aniṭṭhakiriyā bhaṇḍanaṃ nāma. Hatthaparāmāsādivasenāti kujjhitvā aññamaññassa hatthe gahetvā parāmasanaaccantabandhanādivasena. ‘‘Ayaṃ dhammo’’tiādinā viruddhavādabhūtaṃ āpannāti vivādāpannā. Tenāha ‘‘viruddhabhūta’’ntiādi. Mukhasannissitatāya vācā idha ‘‘mukha’’nti adhippetāti āha ‘‘mukhasattīhīti vācāsattīhī’’ti. Saññattinti saññāpanaṃ ‘‘ayaṃ dhammo, ayaṃ vinayo’’ti saññāpetabbataṃ. Nijjhattinti yāthāvato tassa nijjhānaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘saññattivevacanameveta’’nti vuttaṃ.

    สเจ โหติ เทเสสฺสามีติ สุพฺพจตาย สิกฺขากามตาย จ อาปตฺติํ ปสฺสิฯ นตฺถิ เต อาปตฺตีติ อนาปตฺติปโกฺขปิ เอตฺถ สมฺภวตีติ อธิปฺปาเยนาหฯ สา ปนาปตฺติ เอวฯ เตนาห – ‘‘ตสฺสา อาปตฺติยา อนาปตฺติทิฎฺฐิ อโหสี’’ติฯ

    Sace hoti desessāmīti subbacatāya sikkhākāmatāya ca āpattiṃ passi. Natthi te āpattīti anāpattipakkhopi ettha sambhavatīti adhippāyenāha. Sā panāpatti eva. Tenāha – ‘‘tassā āpattiyā anāpattidiṭṭhi ahosī’’ti.

    ๔๙๒. กลหภณฺฑนวเสนาติ กลหภณฺฑนสฺส นิมิตฺตวเสนฯ ยถานุสนฺธินาว คตนฺติ กลหภณฺฑนานํ สารณียธมฺมปฎิปกฺขตฺตา ตทุปสมาวหา เหฎฺฐาเทสนาย อนุรูปาว อุปริเทสนาติ ยถานุสนฺธินาว อุปริสุตฺตเทสนา ปวตฺตาฯ สริตพฺพยุตฺตาติ อนุสฺสรณารหาฯ สพฺรหฺมจารีนนฺติ สหธมฺมิกานํฯ ปิยํ ปิยายิตพฺพํ กโรนฺตีติ ปิยกรณาฯ ครุํ ครุฎฺฐานิยํ กโรนฺตีติ ครุกรณาฯ สงฺคหณตฺถายาติ สงฺคหวตฺถุวิเสสภาวโต สพฺรหฺมจารีนํ สงฺคณฺหนาย สํวตฺตนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ อวิวาทนตฺถายาติ สงฺคหวตฺถุภาวโต เอว น วิวาทนายฯ สติ จ อวิวาทนเหตุภูตสงฺคาหณเตฺต เตสํ วเสน สพฺรหฺมจารีนํ สมคฺคภาโว เภทาภาโว สิโทฺธเยวาติ อาห ‘‘สามคฺคิยา’’ติอาทิฯ มิชฺชติ สินิยฺหติ เอตายาติ เมตฺตา, มิตฺตภาโว, เมตฺตา เอตสฺส อตฺถีติ เมตฺตํ, กายกมฺมํฯ ตํ ปน ยสฺมา เมตฺตาสหคตจิตฺตสมุฎฺฐานํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘เมตฺตจิเตฺตน กตฺตพฺพํ กายกมฺม’’นฺติฯ อิมานิ เมตฺตกายกมฺมาทีนิ ภิกฺขูนํ วเสน อาคตานิ ปาเฐ ภิกฺขูหิ ปจฺจุปฎฺฐเปตพฺพตาวจนโตฯ ภิกฺขุคฺคหเณเนว เจตฺถ เสสสหธมฺมิกานมฺปิ คหณํ ทฎฺฐพฺพํฯ ภิกฺขุโน สพฺพมฺปิ อนวชฺชกายกมฺมํ อาภิสมาจาริกกมฺมโนฺตคธเมวาติ อาห – ‘‘เมตฺตจิเตฺตน…เป.… กายกมฺมํ นามา’’ติฯ วตฺตวเสน ปวตฺติยมานา เจติยโพธีนํ วนฺทนา เมตฺตาสทิสีติ กตฺวา ตทตฺถาย คมนํ เมตฺตํ กายกมฺมนฺติ วุตฺตํฯ อาทิ-สเทฺทน เจติยโพธิภิกฺขูสุ วุตฺตาวเสสอปจายนาทิํ เมตฺตาวเสน ปวตฺตํ กายิกํ กิริยํ สงฺคณฺหาติฯ

    492.Kalahabhaṇḍanavasenāti kalahabhaṇḍanassa nimittavasena. Yathānusandhināva gatanti kalahabhaṇḍanānaṃ sāraṇīyadhammapaṭipakkhattā tadupasamāvahā heṭṭhādesanāya anurūpāva uparidesanāti yathānusandhināva uparisuttadesanā pavattā. Saritabbayuttāti anussaraṇārahā. Sabrahmacārīnanti sahadhammikānaṃ. Piyaṃ piyāyitabbaṃ karontīti piyakaraṇā. Garuṃ garuṭṭhāniyaṃ karontīti garukaraṇā. Saṅgahaṇatthāyāti saṅgahavatthuvisesabhāvato sabrahmacārīnaṃ saṅgaṇhanāya saṃvattantīti sambandho. Avivādanatthāyāti saṅgahavatthubhāvato eva na vivādanāya. Sati ca avivādanahetubhūtasaṅgāhaṇatte tesaṃ vasena sabrahmacārīnaṃ samaggabhāvo bhedābhāvo siddhoyevāti āha ‘‘sāmaggiyā’’tiādi. Mijjati siniyhati etāyāti mettā, mittabhāvo, mettā etassa atthīti mettaṃ, kāyakammaṃ. Taṃ pana yasmā mettāsahagatacittasamuṭṭhānaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘mettacittena kattabbaṃ kāyakamma’’nti. Imāni mettakāyakammādīni bhikkhūnaṃ vasena āgatāni pāṭhe bhikkhūhi paccupaṭṭhapetabbatāvacanato. Bhikkhuggahaṇeneva cettha sesasahadhammikānampi gahaṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Bhikkhuno sabbampi anavajjakāyakammaṃ ābhisamācārikakammantogadhamevāti āha – ‘‘mettacittena…pe… kāyakammaṃ nāmā’’ti. Vattavasena pavattiyamānā cetiyabodhīnaṃ vandanā mettāsadisīti katvā tadatthāya gamanaṃ mettaṃ kāyakammanti vuttaṃ. Ādi-saddena cetiyabodhibhikkhūsu vuttāvasesaapacāyanādiṃ mettāvasena pavattaṃ kāyikaṃ kiriyaṃ saṅgaṇhāti.

    เตปิฎกมฺปิ พุทฺธวจนํ กถิยมานนฺติ อธิปฺปาโยฯ ตีณิ สุจริตานิ กายวจีมโนสุจริตานิฯ จินฺตนนฺติ อิมินา เอวํ จินฺตนมตฺตมฺปิ เมตฺตํ มโนกมฺมํ, ปเคว วิธิปฎิปนฺนา ภาวนาติ ทเสฺสติฯ

    Tepiṭakampi buddhavacanaṃ kathiyamānanti adhippāyo. Tīṇi sucaritāni kāyavacīmanosucaritāni. Cintananti iminā evaṃ cintanamattampi mettaṃ manokammaṃ, pageva vidhipaṭipannā bhāvanāti dasseti.

    สหายภาวูปคมนํ เตสํ ปุรโตฯ เตสุ กโรเนฺตสุเยว หิ สหายภาวูปคมนํ สมฺมุขา กายกมฺมํ นาม โหติฯ เกวลํ ‘‘เทโว’’ติ อวตฺวา คุเณหิ ถิรภาวโชตนํ เทวเตฺถโรติ วจนํ ปคฺคยฺห วจนํฯ มมตฺตโพธนํ วจนํ มมายนวจนํฯ เอกนฺตติโรกฺขกสฺส มโนกมฺมสฺส สมฺมุขตา นาม วิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปนวเสเนว โหติ, ตญฺจ โข โลเก กายกมฺมนฺติ ปากฎํ ปญฺญาตํ หตฺถวิการาทิํ อนามสิตฺวา เอว ทเสฺสโนฺต ‘‘นยนานิ อุมฺมีเลตฺวา’’ติ อาหฯ ตถา หิ วจีเภทวเสน ปวตฺติ น คหิตาฯ

    Sahāyabhāvūpagamanaṃ tesaṃ purato. Tesu karontesuyeva hi sahāyabhāvūpagamanaṃ sammukhā kāyakammaṃ nāma hoti. Kevalaṃ ‘‘devo’’ti avatvā guṇehi thirabhāvajotanaṃ devattheroti vacanaṃ paggayha vacanaṃ. Mamattabodhanaṃ vacanaṃ mamāyanavacanaṃ. Ekantatirokkhakassa manokammassa sammukhatā nāma viññattisamuṭṭhāpanavaseneva hoti, tañca kho loke kāyakammanti pākaṭaṃ paññātaṃ hatthavikārādiṃ anāmasitvā eva dassento ‘‘nayanāni ummīletvā’’ti āha. Tathā hi vacībhedavasena pavatti na gahitā.

    ลทฺธปจฺจยา ลพฺภนฺตีติ ลาภา, ปริสุทฺธาคมนา ปจฺจยาฯ น สมฺมา คยฺหมานาปิ น ธมฺมลทฺธา นาม น โหนฺตีติ ตปฺปฎิเสธนตฺถํ ปาฬิยํ ‘‘ธมฺมลทฺธา’’ติ วุตฺตํฯ เทยฺยํ ทกฺขิเณยฺยญฺจ อปฺปฎิวิภตฺตํ กตฺวา ภุญฺชตีติ อปฺปฎิวิภตฺตโภคีฯ เตนาห ‘‘เทฺว ปฎิวิภตฺตานิ นามา’’ติอาทิฯ จิเตฺตน วิภชนนฺติ เอเตน – ‘‘จิตฺตุปฺปาทมเตฺตนปิ วิภชนํ ปฎิวิภตฺตํ นาม, ปเคว ปโยคโต’’ติ ทเสฺสติฯ

    Laddhapaccayā labbhantīti lābhā, parisuddhāgamanā paccayā. Na sammā gayhamānāpi na dhammaladdhā nāma na hontīti tappaṭisedhanatthaṃ pāḷiyaṃ ‘‘dhammaladdhā’’ti vuttaṃ. Deyyaṃ dakkhiṇeyyañca appaṭivibhattaṃ katvā bhuñjatīti appaṭivibhattabhogī. Tenāha ‘‘dve paṭivibhattāni nāmā’’tiādi. Cittena vibhajananti etena – ‘‘cittuppādamattenapi vibhajanaṃ paṭivibhattaṃ nāma, pageva payogato’’ti dasseti.

    ปฎิคฺคณฺหโนฺตว…เป.… ปสฺสตีติ อิมินา อาคมนโต ปฎฺฐาย สาธารณพุทฺธิํ อุปฎฺฐาเปติฯ เอวํ หิสฺส สาธารณโภคิตา สุกรา, สารณียธโมฺม จสฺส สุปูโร โหติฯ วตฺตนฺติ สารณียธมฺมปูรณวตฺตํฯ

    Paṭiggaṇhantova…pe… passatīti iminā āgamanato paṭṭhāya sādhāraṇabuddhiṃ upaṭṭhāpeti. Evaṃ hissa sādhāraṇabhogitā sukarā, sāraṇīyadhammo cassa supūro hoti. Vattanti sāraṇīyadhammapūraṇavattaṃ.

    ทาตพฺพนฺติ อวสฺสํ ทาตพฺพํฯ อตฺตโน ปลิโพธวเสน สปลิโพธเสฺสว ปูเรตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา โอทิสฺสกทานมฺปิสฺส น สพฺพตฺถ วาริตนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘เตน ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อทาตุมฺปีติ ปิ-สเทฺทน ทุสฺสีลสฺสปิ อตฺถิกสฺส สติ สมฺภเว ทาตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ ทานญฺหิ นาม กสฺสจิ น นิวาริตํฯ

    Dātabbanti avassaṃ dātabbaṃ. Attano palibodhavasena sapalibodhasseva pūretuṃ asakkuṇeyyattā odissakadānampissa na sabbattha vāritanti dassetuṃ ‘‘tena panā’’tiādi vuttaṃ. Adātumpīti pi-saddena dussīlassapi atthikassa sati sambhave dātabbanti dasseti. Dānañhi nāma kassaci na nivāritaṃ.

    มหาคิริคาโม นาม นาคทีปปเสฺส เอโก คาโมฯ สารณียธโมฺม เม, ภเนฺต, ปูริโต…เป.… ปตฺตคตํ น ขียตีติ อาห เตสํ กุกฺกุจฺจวิโนทนตฺถํฯ ตํ สุตฺวา เตปิ เถรา ‘‘สารณียธมฺมปูรโก อย’’นฺติ อพฺภญฺญํสุฯ ทหรกาเล เอว กิเรส สารณียธมฺมปูรโก อโหสิ, ตสฺสา จ ปฎิปตฺติยา อวญฺฌภาววิภาวนตฺถํ ‘‘เอเต มยฺหํ ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ อาหฯ

    Mahāgirigāmo nāma nāgadīpapasse eko gāmo. Sāraṇīyadhammo me, bhante, pūrito…pe… pattagataṃ na khīyatīti āha tesaṃ kukkuccavinodanatthaṃ. Taṃ sutvā tepi therā ‘‘sāraṇīyadhammapūrako aya’’nti abbhaññaṃsu. Daharakāle eva kiresa sāraṇīyadhammapūrako ahosi, tassā ca paṭipattiyā avañjhabhāvavibhāvanatthaṃ ‘‘ete mayhaṃ pāpuṇissantī’’ti āha.

    อหํ สารณียธมฺมปูริกา, มม ปตฺตปริยาปเนฺนนปิ สพฺพาปิมา ภิกฺขุนิโย ยาเปสฺสนฺตีติ อาห ‘‘มา ตุเมฺห เตสํ คตภาวํ จินฺตยิตฺถา’’ติฯ

    Ahaṃ sāraṇīyadhammapūrikā, mama pattapariyāpannenapi sabbāpimā bhikkhuniyo yāpessantīti āha ‘‘mā tumhe tesaṃ gatabhāvaṃ cintayitthā’’ti.

    สตฺตสุ อาปตฺติกฺขเนฺธสุ อาทิมฺหิ วา อเนฺต วา, เวมเชฺฌติ จ อิทํ อุเทฺทสาคตปาฬิวเสน วุตฺตํฯ น หิ อโญฺญ โกจิ อาปตฺติกฺขนฺธานํ อนุกฺกโม อตฺถิฯ ปริยเนฺต ฉินฺนสาฎโก วิยาติ วตฺถเนฺต, ทสเนฺต วา ฉินฺนวตฺถํ วิยฯ ขณฺฑนฺติ ขณฺฑวนฺตํ, ขณฺฑิตํ วาฯ ฉิทฺทนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโย ฯ วิสภาควเณฺณน อุปฑฺฒํ, ตติยภาคํ วา สมฺภินฺนวณฺณํ สพลํ, วิสภาควเณฺณเหว ปน พินฺทูหิ อนฺตรนฺตรา วิมิสฺสํ กมฺมาสํ, อยํ อิเมสํ วิเสโสฯ ตณฺหาทาสพฺยโต โมจนวจเนเนว เตสํ สีลานํ วิวฎฺฎุปนิสฺสยตมาหฯ ภุชิสฺสภาวกรณโตติ อิมินา ภุชิสฺสกรานิ ภุชิสฺสานีติ อุตฺตรปทโลเปนายํ นิเทฺทโสติ ทเสฺสติฯ อวิญฺญูนํ อปฺปมาณตาย ‘‘วิญฺญุปฺปสตฺถานี’’ติ วุตฺตํฯ ตณฺหาทิฎฺฐีหิ อปรามฎฺฐตฺตาติ – ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว วา ภวิสฺสามิ เทวญฺญตโร วา’’ติ ตณฺหาปรามาเสน – ‘‘อิมินาหํ สีเลน เทโว หุตฺวา ตตฺถ นิโจฺจ ธุโว สสฺสโต ภวิสฺสามี’’ติ ทิฎฺฐิปรามาเสน จ อปรามฎฺฐตฺตาฯ ปรามฎฺฐุนฺติ โจเทตุํฯ สีลํ นาม อวิปฺปฎิสาราทิปารมฺปริเยน ยาวเทว สมาธิสมฺปาทนตฺถนฺติ อาห ‘‘สมาธิสํวตฺตกานี’’ติฯ สมานภาโว สามญฺญํ, ปริปุณฺณจตุปาริสุทฺธิภาเวน มเชฺฌ ภินฺนสุวณฺณสฺส วิย เภทาภาวโต สีเลน สามญฺญํ สีลสามญฺญํ, ตํ คโต อุปคโตติ สีลสามญฺญคโตฯ เตนาห ‘‘สมานภาวูปคตสีโล’’ติฯ

    Sattasu āpattikkhandhesu ādimhi vā ante vā, vemajjheti ca idaṃ uddesāgatapāḷivasena vuttaṃ. Na hi añño koci āpattikkhandhānaṃ anukkamo atthi. Pariyante chinnasāṭako viyāti vatthante, dasante vā chinnavatthaṃ viya. Khaṇḍanti khaṇḍavantaṃ, khaṇḍitaṃ vā. Chiddanti etthāpi eseva nayo . Visabhāgavaṇṇena upaḍḍhaṃ, tatiyabhāgaṃ vā sambhinnavaṇṇaṃ sabalaṃ, visabhāgavaṇṇeheva pana bindūhi antarantarā vimissaṃ kammāsaṃ, ayaṃ imesaṃ viseso. Taṇhādāsabyato mocanavacaneneva tesaṃ sīlānaṃ vivaṭṭupanissayatamāha. Bhujissabhāvakaraṇatoti iminā bhujissakarāni bhujissānīti uttarapadalopenāyaṃ niddesoti dasseti. Aviññūnaṃ appamāṇatāya ‘‘viññuppasatthānī’’ti vuttaṃ. Taṇhādiṭṭhīhi aparāmaṭṭhattāti – ‘‘imināhaṃ sīlena devo vā bhavissāmi devaññataro vā’’ti taṇhāparāmāsena – ‘‘imināhaṃ sīlena devo hutvā tattha nicco dhuvo sassato bhavissāmī’’ti diṭṭhiparāmāsena ca aparāmaṭṭhattā. Parāmaṭṭhunti codetuṃ. Sīlaṃ nāma avippaṭisārādipārampariyena yāvadeva samādhisampādanatthanti āha ‘‘samādhisaṃvattakānī’’ti. Samānabhāvo sāmaññaṃ, paripuṇṇacatupārisuddhibhāvena majjhe bhinnasuvaṇṇassa viya bhedābhāvato sīlena sāmaññaṃ sīlasāmaññaṃ, taṃ gato upagatoti sīlasāmaññagato. Tenāha ‘‘samānabhāvūpagatasīlo’’ti.

    ยายํ ทิฎฺฐีติ ยา อยํ ทิฎฺฐิ มยฺหเญฺจว ตุมฺหากญฺจ ปจฺจกฺขภูตาฯ จตุสจฺจทสฺสนเฎฺฐน ทิฎฺฐิ, ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา, สเพฺพ สงฺขารา ทุกฺขา, สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตา’’ติ, ‘‘สมฺมาสมฺพุโทฺธ ภควา, สฺวาขาโต ภควตา ธโมฺม, สุปฺปฎิปโนฺน สโงฺฆ’’ติ จ ทิฎฺฐิยา สามญฺญํ สมานทิฎฺฐิภาวํฯ อคฺคํ อิตเรสํ สารณียธมฺมานํ ปธานภาวโตฯ เอตสฺมิํ สติ สุขสิทฺธิโต เตสํ สงฺคาหิกํ, ตโต เอว เตสํ สงฺฆาฎนิกํ โคปานสิโย อปริปตเนฺต กตฺวา สงฺคณฺหาติ ธาเรตีติ สงฺคาหิกํฯ สงฺฆาฎนฺติ อคฺคภาเวน สงฺฆาฎภาวํฯ สงฺฆาฎนํ เอเตสํ อตฺถีติ สงฺฆาฎนิกํ, สงฺฆาฎนิยนฺติ วา ปาโฐ, สงฺฆาฎเน นิยุตฺตนฺติ วา สงฺฆาฎนิกํ, ก-การสฺส ย-การํ กตฺวา สงฺฆาฎนิยํฯ สามญฺญโต เอว คหิตตฺตา นปุํสกนิเทฺทโสฯ

    Yāyaṃ diṭṭhīti yā ayaṃ diṭṭhi mayhañceva tumhākañca paccakkhabhūtā. Catusaccadassanaṭṭhena diṭṭhi, ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā, sabbe saṅkhārā dukkhā, sabbe dhammā anattā’’ti, ‘‘sammāsambuddho bhagavā, svākhāto bhagavatā dhammo, suppaṭipanno saṅgho’’ti ca diṭṭhiyā sāmaññaṃ samānadiṭṭhibhāvaṃ. Aggaṃ itaresaṃ sāraṇīyadhammānaṃ padhānabhāvato. Etasmiṃ sati sukhasiddhito tesaṃ saṅgāhikaṃ, tato eva tesaṃ saṅghāṭanikaṃ gopānasiyo aparipatante katvā saṅgaṇhāti dhāretīti saṅgāhikaṃ. Saṅghāṭanti aggabhāvena saṅghāṭabhāvaṃ. Saṅghāṭanaṃ etesaṃ atthīti saṅghāṭanikaṃ, saṅghāṭaniyanti vā pāṭho, saṅghāṭane niyuttanti vā saṅghāṭanikaṃ, ka-kārassa ya-kāraṃ katvā saṅghāṭaniyaṃ. Sāmaññato eva gahitattā napuṃsakaniddeso.

    ๔๙๓. ปฐมมคฺคสมฺมาทิฎฺฐิปิ เอวํสภาวา, อญฺญมคฺคสมฺมาทิฎฺฐีสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถีติ อาห ‘‘ยายํ โสตาปตฺติมคฺคทิฎฺฐี’’ติฯ เอตฺตาวตาปีติ เอตฺตเกนปิ ราคาทีสุ เอเกเกน ปริยุฎฺฐิตจิตฺตตายปิ ปริยุฎฺฐิตจิโตฺตเยว นาม โหติ, ปเคว ทฺวีหิ, พหูหิ วา ปริยุฎฺฐิตจิตฺตตายฯ สพฺพตฺถาติ สเพฺพสุ อฎฺฐสุปิ วาเรสุฯ สุฎฺฐุ ฐปิตนฺติ ยถา มคฺคภาวนา อุปริ สจฺจาภิสโมฺพโธ โหติ, เอวํ สมฺมา ฐปิตํฯ เตนาห ‘‘สจฺจานํ โพธายา’’ติฯ ตํ ญาณนฺติ ‘‘นตฺถิ โข เม ตํ ปริยุฎฺฐาน’’นฺติอาทินา ปวตฺตํ ปจฺจเวกฺขณญาณํฯ อริยานํ โหตีติ อริยานเมว โหติฯ เตสญฺหิ เอกเทสโตปิ ปหีนํ วตฺตพฺพตํ อรหติฯ เตนาห ‘‘น ปุถุชฺชนาน’’นฺติฯ อริยนฺติ วุตฺตํ ‘‘อริเยสุ ชาต’’นฺติ กตฺวาฯ โลกุตฺตรเหตุกตาย โลกุตฺตรนฺติ วุตฺตํฯ เตเนวาห ‘‘เยสํ ปนา’’ติอาทิฯ ตถา หิสฺส ปุถุชฺชเนหิ อสาธารณตาฯ เตนาห ‘‘ปุถุชฺชนานํ ปน อภาวโต’’ติฯ สพฺพวาเรสูติ สเพฺพสุ อิตเรสุ ฉสุ วาเรสุฯ

    493. Paṭhamamaggasammādiṭṭhipi evaṃsabhāvā, aññamaggasammādiṭṭhīsu vattabbameva natthīti āha ‘‘yāyaṃ sotāpattimaggadiṭṭhī’’ti. Ettāvatāpīti ettakenapi rāgādīsu ekekena pariyuṭṭhitacittatāyapi pariyuṭṭhitacittoyeva nāma hoti, pageva dvīhi, bahūhi vā pariyuṭṭhitacittatāya. Sabbatthāti sabbesu aṭṭhasupi vāresu. Suṭṭhu ṭhapitanti yathā maggabhāvanā upari saccābhisambodho hoti, evaṃ sammā ṭhapitaṃ. Tenāha ‘‘saccānaṃ bodhāyā’’ti. Taṃ ñāṇanti ‘‘natthi kho me taṃ pariyuṭṭhāna’’ntiādinā pavattaṃ paccavekkhaṇañāṇaṃ. Ariyānaṃ hotīti ariyānameva hoti. Tesañhi ekadesatopi pahīnaṃ vattabbataṃ arahati. Tenāha ‘‘na puthujjanāna’’nti. Ariyanti vuttaṃ ‘‘ariyesu jāta’’nti katvā. Lokuttarahetukatāya lokuttaranti vuttaṃ. Tenevāha ‘‘yesaṃ panā’’tiādi. Tathā hissa puthujjanehi asādhāraṇatā. Tenāha ‘‘puthujjanānaṃ pana abhāvato’’ti. Sabbavāresūti sabbesu itaresu chasu vāresu.

    ๔๙๔. ปจฺจตฺตนฺติ ปาฎิเยกฺกํ อตฺตนิ มม จิเตฺตเยวฯ เตนาห ‘‘อตฺตโน จิเตฺต’’ติฯ ‘‘ปจฺจตฺตํ อตฺตโน จิเตฺต นิพฺพุติํ กิเลสวูปสมํ ลภามี’’ติ อิมมตฺถํ ‘‘เอเสว นโย’’ติ อิมินา อติทิสติฯ

    494.Paccattanti pāṭiyekkaṃ attani mama citteyeva. Tenāha ‘‘attano citte’’ti. ‘‘Paccattaṃ attano citte nibbutiṃ kilesavūpasamaṃ labhāmī’’ti imamatthaṃ ‘‘eseva nayo’’ti iminā atidisati.

    ๔๙๕. ตถารูปาย ทิฎฺฐิยาติ อิทํ ‘‘ยถารูปาย ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต’’ติ อิมสฺส อตฺถสฺส ปจฺจามสนนฺติ อาห ‘‘ตถารูปาย ทิฎฺฐิยาติ เอวรูปาย โสตาปตฺติมคฺคทิฎฺฐิยา’’ติฯ

    495.Tathārūpāya diṭṭhiyāti idaṃ ‘‘yathārūpāya diṭṭhiyā samannāgato’’ti imassa atthassa paccāmasananti āha ‘‘tathārūpāya diṭṭhiyāti evarūpāya sotāpattimaggadiṭṭhiyā’’ti.

    ๔๙๖. สภาเวนาติ นิยตปญฺจสิกฺขาปทตาทิสภาเวนฯ สงฺฆกมฺมวเสนาติ มานตฺตจริยาทิสงฺฆกมฺมวเสนฯ ทหโรติ พาโลฯ กุมาโรติ ทารโกฯ ยสฺมา ทหโร ‘‘กุมาโร’’ติ จ ‘‘ยุวา’’ติ จ วุจฺจติ, ตสฺมา มโนฺทติ วุตฺตํฯ มนฺทินฺทฺริยตาย หิ มโนฺทฯ เตนาห ‘‘จกฺขุโสตาทีนํ มนฺทตายา’’ติฯ เอวมฺปิ ยุวาวตฺถาปิ เกจิ มนฺทินฺทฺริยา โหนฺตีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘อุตฺตานเสยฺยโก’’ติ วุตฺตํฯ ยทิ อุตฺตานเสยฺยโก, กถมสฺส องฺคารกฺกมนนฺติ? ยถา ตถา องฺคารสฺส ผุสนํ อิธ ‘‘อกฺกมน’’นฺติ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘อิโต จิโต จา’’ติอาทิฯ มนุสฺสานนฺติ มหลฺลกมนุสฺสานํฯ น สีฆํ หโตฺถ ฌายติ กถินหตฺถตายฯ ขิปฺปํ ปฎิสํหรติ มุทุตลุณสรีรตายฯ อธิวาเสติ กิญฺจิ ปโยชนํ อเปกฺขิตฺวาฯ

    496.Sabhāvenāti niyatapañcasikkhāpadatādisabhāvena. Saṅghakammavasenāti mānattacariyādisaṅghakammavasena. Daharoti bālo. Kumāroti dārako. Yasmā daharo ‘‘kumāro’’ti ca ‘‘yuvā’’ti ca vuccati, tasmā mandoti vuttaṃ. Mandindriyatāya hi mando. Tenāha ‘‘cakkhusotādīnaṃ mandatāyā’’ti. Evampi yuvāvatthāpi keci mandindriyā hontīti tannivattanatthaṃ ‘‘uttānaseyyako’’ti vuttaṃ. Yadi uttānaseyyako, kathamassa aṅgārakkamananti? Yathā tathā aṅgārassa phusanaṃ idha ‘‘akkamana’’nti adhippetanti āha ‘‘ito cito cā’’tiādi. Manussānanti mahallakamanussānaṃ. Na sīghaṃ hattho jhāyati kathinahatthatāya. Khippaṃ paṭisaṃharati mudutaluṇasarīratāya. Adhivāseti kiñci payojanaṃ apekkhitvā.

    ๔๙๗. อุจฺจาวจานีติ มหนฺตานิ เจว ขุทฺทกานิ จฯ ตเตฺถวาติ สุธากมฺมาทิมฺหิเยวฯ กสาวปจนํ สุธาทิสงฺขรณตฺถํ, อุทกานยนํ โธวนาทิอตฺถํ, หลิทฺทิวณฺณธาตุเลปนตฺถํ กุจฺฉกรณํฯ พหลปตฺถโนติ ทฬฺหฉโนฺทฯ วจฺฉกนฺติ นิพฺพตฺตเธนุปควจฺฉํฯ อปจินาตีติ อปวินฺทติ, อาโลเกตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อปโลเกตี’’ติฯ ตนฺนิโนฺน โหตีติ อธิสีลสิกฺขาทินิโนฺนว โหติ อุจฺจาวจานมฺปิ กิํกรณียานํ จาริตฺตสีลสฺส ปูรณวเสเนว กรณโต, โยนิโสมนสิการวเสเนว จ เตสํ ปฎิปชฺชนโตฯ เถรสฺส สนฺติเก อฎฺฐาสิ โยนิโสมนสิการาภาวโต ‘‘ตํ ตํ สมุลฺลปิสฺสามี’’ติฯ

    497.Uccāvacānīti mahantāni ceva khuddakāni ca. Tatthevāti sudhākammādimhiyeva. Kasāvapacanaṃ sudhādisaṅkharaṇatthaṃ, udakānayanaṃ dhovanādiatthaṃ, haliddivaṇṇadhātulepanatthaṃ kucchakaraṇaṃ. Bahalapatthanoti daḷhachando. Vacchakanti nibbattadhenupagavacchaṃ. Apacinātīti apavindati, āloketīti attho. Tenāha ‘‘apaloketī’’ti. Tanninno hotīti adhisīlasikkhādininnova hoti uccāvacānampi kiṃkaraṇīyānaṃ cārittasīlassa pūraṇavaseneva karaṇato, yonisomanasikāravaseneva ca tesaṃ paṭipajjanato. Therassa santike aṭṭhāsi yonisomanasikārābhāvato ‘‘taṃ taṃ samullapissāmī’’ti.

    ๔๙๘. พลํ เอว พลตาติ อาห ‘‘พเลน สมนฺนาคโต’’ติฯ อตฺถิกภาวํ กตฺวาติ เตน ธเมฺมน สวิเสสํ อตฺถิกภาวํ อุปฺปาเทตฺวาฯ สกลจิเตฺตนาติ เทสนายอาทิมฺหิ มเชฺฌ ปริโยสาเนติ สพฺพเตฺถว ปวตฺตตาย สกเลน อนวเสเสน จิเตฺตนฯ

    498. Balaṃ eva balatāti āha ‘‘balena samannāgato’’ti. Atthikabhāvaṃ katvāti tena dhammena savisesaṃ atthikabhāvaṃ uppādetvā. Sakalacittenāti desanāyaādimhi majjhe pariyosāneti sabbattheva pavattatāya sakalena anavasesena cittena.

    ๕๐๐. สภาโวติ อริยสาวกสฺส ปุถุชฺชเนหิ อสาธารณตาย อาเวณิโก สภาโวฯ สุฎฺฐุ สมเนฺนสิโตติ สมฺมเทว อุปปริกฺขิโตฯ โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยายาติ โสตาปตฺติผลสฺส สจฺฉิกรเณน, สจฺฉิกตภาเวนาติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘โสตาปตฺติผลสจฺฉิกตญาเณนา’’ติฯ ปฐมมคฺคผลสฺส ปจฺจเวกฺขณญาณวิเสสา เหเต ปวตฺติอาการภินฺนาฯ เตเนวาห ‘‘สตฺตหิ มหาปจฺจเวกฺขณญาเณหี’’ติฯ อยํ ตาว อาจริยานํ สมานกถาติ ‘‘อิทมสฺส ปฐมํ ญาณ’’นฺติอาทินา วุตฺตานิ ปจฺจเวกฺขณญาณานิ, น มคฺคญาณานีติ เอวํ ปวตฺตา ปรมฺปราคตา ปุพฺพาจริยานํ สมานา สาธารณา อิมิสฺสา ปาฬิยา อฎฺฐกถา อตฺถวณฺณนาฯ ตตฺถ การณมาห ‘‘โลกุตฺตรมโคฺค หิ พหุจิตฺตกฺขณิโก นาม นตฺถี’’ติฯ ยทิ โส พหุจิตฺตกฺขณิโก สิยา นานาภิสมโย, ตถา สติ สํโยชนตฺตยาทีนํ เอกเทสปฺปหานํ ปาปุณาตีติ อริยมคฺคสฺส อนนฺตรผลตฺตา เอกเทสโสตาปนฺนตาทิภาโว อาปชฺชติ, ผลานํ วา อเนกภาโว, สพฺพเมตํ อยุตฺตนฺติ ตสฺมา เอกจิตฺตกฺขณิโกว อริยมโคฺคฯ

    500.Sabhāvoti ariyasāvakassa puthujjanehi asādhāraṇatāya āveṇiko sabhāvo. Suṭṭhu samannesitoti sammadeva upaparikkhito. Sotāpattiphalasacchikiriyāyāti sotāpattiphalassa sacchikaraṇena, sacchikatabhāvenāti attho. Tenāha ‘‘sotāpattiphalasacchikatañāṇenā’’ti. Paṭhamamaggaphalassa paccavekkhaṇañāṇavisesā hete pavattiākārabhinnā. Tenevāha ‘‘sattahi mahāpaccavekkhaṇañāṇehī’’ti. Ayaṃ tāva ācariyānaṃ samānakathāti ‘‘idamassa paṭhamaṃ ñāṇa’’ntiādinā vuttāni paccavekkhaṇañāṇāni, na maggañāṇānīti evaṃ pavattā paramparāgatā pubbācariyānaṃ samānā sādhāraṇā imissā pāḷiyā aṭṭhakathā atthavaṇṇanā. Tattha kāraṇamāha ‘‘lokuttaramaggo hi bahucittakkhaṇiko nāma natthī’’ti. Yadi so bahucittakkhaṇiko siyā nānābhisamayo, tathā sati saṃyojanattayādīnaṃ ekadesappahānaṃ pāpuṇātīti ariyamaggassa anantaraphalattā ekadesasotāpannatādibhāvo āpajjati, phalānaṃ vā anekabhāvo, sabbametaṃ ayuttanti tasmā ekacittakkhaṇikova ariyamaggo.

    ยํ ปน สุตฺตปทํ นิสฺสาย วิตณฺฑวาที อริยมคฺคสฺส เอกจิตฺตกฺขณิกตํ ปฎิกฺขิปติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘สตฺต วสฺสานีติ หิ วจนโต’’ติ อาหฯ กิเลสา ปน ลหุ…เป.… ฉิชฺชนฺตีติ วทเนฺตน หิ ขิปฺปํ ตาว กิเลสปฺปหานํ, ทนฺธปวตฺติกา มคฺคภาวนาติ ปฎิญฺญาตํ โหติฯ ตตฺถ สเจ มคฺคสฺส ภาวนาย อารทฺธมตฺตาย กิเลสา ปหียนฺติ, เสสา มคฺคภาวนา นิรตฺถกา สิยา, อถ ปจฺฉา กิเลสปฺปหานํ, กิเลสา ปน ลหุ ฉิชฺชนฺตีติ อิทํ มิจฺฉา, ‘‘โสตาปตฺติผลสจฺฉิกิริยายา’’ติ วกฺขตีติฯ ตโต สุตฺตปฎิชานนโตฯ มคฺคํ อภาเวตฺวาติ อริยมคฺคํ ปริปุณฺณํ กตฺวา อภาเวตฺวาฯ อตฺถรสํ วิทิตฺวาติ สุตฺตสฺส อวิปรีโต อโตฺถ เอว อตฺถรโส, ตํ ยาถาวโต ญตฺวาฯ เอวํ วิตณฺฑวาทิวาทํ ภินฺทิตฺวา วุตฺตเมวตฺถํ นิคเมตุํ ‘‘อิมานิ สตฺต ญาณานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    Yaṃ pana suttapadaṃ nissāya vitaṇḍavādī ariyamaggassa ekacittakkhaṇikataṃ paṭikkhipati, taṃ dassento ‘‘satta vassānīti hi vacanato’’ti āha. Kilesā pana lahu…pe… chijjantīti vadantena hi khippaṃ tāva kilesappahānaṃ, dandhapavattikā maggabhāvanāti paṭiññātaṃ hoti. Tattha sace maggassa bhāvanāya āraddhamattāya kilesā pahīyanti, sesā maggabhāvanā niratthakā siyā, atha pacchā kilesappahānaṃ, kilesā pana lahu chijjantīti idaṃ micchā, ‘‘sotāpattiphalasacchikiriyāyā’’ti vakkhatīti. Tato suttapaṭijānanato. Maggaṃ abhāvetvāti ariyamaggaṃ paripuṇṇaṃ katvā abhāvetvā. Attharasaṃ viditvāti suttassa aviparīto attho eva attharaso, taṃ yāthāvato ñatvā. Evaṃ vitaṇḍavādivādaṃ bhinditvā vuttamevatthaṃ nigametuṃ ‘‘imāni satta ñāṇānī’’tiādi vuttaṃ. Sesaṃ suviññeyyameva.

    โกสมฺพิยสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Kosambiyasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. โกสมฺพิยสุตฺตํ • 8. Kosambiyasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. โกสมฺพิยสุตฺตวณฺณนา • 8. Kosambiyasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact