Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๓๐] ๑๐. โกสิยชาตกวณฺณนา
[130] 10. Kosiyajātakavaṇṇanā
ยถา วาจา จ ภุญฺชสฺสูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ สาวตฺถิยํ มาตุคามํ อารพฺภ กเถสิฯ สา กิเรกสฺส สทฺธาสมฺปนฺนสฺส อุปาสกพฺราหฺมณสฺส พฺราหฺมณี ทุสฺสีลา ปาปธมฺมา รตฺติํ อติจริตฺวา ทิวา กิญฺจิ กมฺมํ อกตฺวา คิลานาลยํ ทเสฺสตฺวา นิตฺถุนมานา นิปชฺชติฯ อถ นํ พฺราหฺมโณ ‘‘กิํ เต ภเทฺท อผาสุก’’นฺติ ปุจฺฉิฯ ‘‘วาตา เม วิชฺฌนฺตี’’ติฯ ‘‘อถ กิํ ลทฺธุํ วฎฺฎตี’’ติ? ‘‘สินิทฺธมธุรานิ ปณีตปณีตานิ ยาคุภตฺตเตลาทีนี’’ติฯ พฺราหฺมโณ ยํ ยํ สา อิจฺฉติ, ตํ ตํ อาหริตฺวา เทติ, ทาโส วิย สพฺพกิจฺจานิ กโรติฯ สา ปน พฺราหฺมณสฺส เคหํ ปวิฎฺฐกาเล นิปชฺชติ, พหิ นิกฺขนฺตกาเล ชาเรหิ สทฺธิํ วีตินาเมติฯ
Yathāvācā ca bhuñjassūti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ sāvatthiyaṃ mātugāmaṃ ārabbha kathesi. Sā kirekassa saddhāsampannassa upāsakabrāhmaṇassa brāhmaṇī dussīlā pāpadhammā rattiṃ aticaritvā divā kiñci kammaṃ akatvā gilānālayaṃ dassetvā nitthunamānā nipajjati. Atha naṃ brāhmaṇo ‘‘kiṃ te bhadde aphāsuka’’nti pucchi. ‘‘Vātā me vijjhantī’’ti. ‘‘Atha kiṃ laddhuṃ vaṭṭatī’’ti? ‘‘Siniddhamadhurāni paṇītapaṇītāni yāgubhattatelādīnī’’ti. Brāhmaṇo yaṃ yaṃ sā icchati, taṃ taṃ āharitvā deti, dāso viya sabbakiccāni karoti. Sā pana brāhmaṇassa gehaṃ paviṭṭhakāle nipajjati, bahi nikkhantakāle jārehi saddhiṃ vītināmeti.
อถ พฺราหฺมโณ ‘‘อิมิสฺสา สรีเร วิชฺฌนวาตานํ ปริยโนฺต น ปญฺญายตี’’ติ เอกทิวสํ คนฺธมาลาทีนิ อาทาย เชตวนํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิตฺวา ‘‘กิํ, พฺราหฺมณ, น ปญฺญายสี’’ติ วุเตฺต ‘‘ภเนฺต, พฺราหฺมณิยา กิร เม สรีเร วาตา วิชฺฌนฺติ, สฺวาหํ ตสฺสา สปฺปิเตลาทีนิ เจว ปณีตปณีตโภชนานิ จ ปริเยสามิ, สรีรมสฺสา ฆนํ วิปฺปสนฺนจฺฉวิวณฺณํ ชาตํ, วาตโรคสฺส ปน ปริยโนฺต น ปญฺญายติฯ อหํ ตํ ปฎิชคฺคโนฺตว อิธาคมนสฺส โอกาสํ น ลภามี’’ติ อาหฯ สตฺถา พฺราหฺมณิยา ปาปภาวํ ญตฺวา ‘‘พฺราหฺมณ, ‘เอวํ นิปนฺนสฺส มาตุคามสฺส โรเค อวูปสมเนฺต อิทญฺจิทญฺจ เภสชฺชํ กาตุํ วฎฺฎตี’ติ ปุเพฺพปิ เต ปณฺฑิเตหิ กถิตํ, ภวสเงฺขปคตตฺตา ปน น สลฺลเกฺขสี’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Atha brāhmaṇo ‘‘imissā sarīre vijjhanavātānaṃ pariyanto na paññāyatī’’ti ekadivasaṃ gandhamālādīni ādāya jetavanaṃ gantvā satthāraṃ pūjetvā vanditvā ekamantaṃ nisīditvā ‘‘kiṃ, brāhmaṇa, na paññāyasī’’ti vutte ‘‘bhante, brāhmaṇiyā kira me sarīre vātā vijjhanti, svāhaṃ tassā sappitelādīni ceva paṇītapaṇītabhojanāni ca pariyesāmi, sarīramassā ghanaṃ vippasannacchavivaṇṇaṃ jātaṃ, vātarogassa pana pariyanto na paññāyati. Ahaṃ taṃ paṭijaggantova idhāgamanassa okāsaṃ na labhāmī’’ti āha. Satthā brāhmaṇiyā pāpabhāvaṃ ñatvā ‘‘brāhmaṇa, ‘evaṃ nipannassa mātugāmassa roge avūpasamante idañcidañca bhesajjaṃ kātuṃ vaṭṭatī’ti pubbepi te paṇḍitehi kathitaṃ, bhavasaṅkhepagatattā pana na sallakkhesī’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต พฺราหฺมณมหาสาลกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตกฺกสิลายํ สพฺพสิปฺปานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสิยํ ทิสาปาโมโกฺข อาจริโย อโหสิฯ เอกสตราชธานีสุ ขตฺติยกุมารา จ พฺราหฺมณกุมารา จ เยภุเยฺยน ตเสฺสว สนฺติเก สิปฺปํ อุคฺคณฺหนฺติฯ อเถโก ชนปทวาสี พฺราหฺมณมาณโว โพธิสตฺตสฺส สนฺติเก ตโย เวเท อฎฺฐารส จ วิชฺชาฎฺฐานานิ อุคฺคณฺหิตฺวา พาราณสิยํเยว กุฎุมฺพํ สณฺฐเปตฺวา ทิวเส ทิวเส ทฺวตฺติกฺขตฺตุํ โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อาคจฺฉติ ฯ ตสฺส พฺราหฺมณี ทุสฺสีลา อโหสิ ปาปธมฺมาติ สพฺพํ ปจฺจุปฺปนฺนวตฺถุสทิสเมวฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto brāhmaṇamahāsālakule nibbattitvā vayappatto takkasilāyaṃ sabbasippāni uggaṇhitvā bārāṇasiyaṃ disāpāmokkho ācariyo ahosi. Ekasatarājadhānīsu khattiyakumārā ca brāhmaṇakumārā ca yebhuyyena tasseva santike sippaṃ uggaṇhanti. Atheko janapadavāsī brāhmaṇamāṇavo bodhisattassa santike tayo vede aṭṭhārasa ca vijjāṭṭhānāni uggaṇhitvā bārāṇasiyaṃyeva kuṭumbaṃ saṇṭhapetvā divase divase dvattikkhattuṃ bodhisattassa santikaṃ āgacchati . Tassa brāhmaṇī dussīlā ahosi pāpadhammāti sabbaṃ paccuppannavatthusadisameva.
โพธิสโตฺต ปน ‘‘อิมินา การเณน โอวาทคหณาย โอกาสํ น ลภามี’’ติ วุเตฺต ‘‘สา มาณวิกา อิมํ วเญฺจตฺวา นิปชฺชตี’’ติ ญตฺวา ‘‘ตสฺสา โรคานุจฺฉวิกํ เภสชฺชํ อาจิกฺขิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อาห ‘‘ตาต, ตฺวํ อิโต ปฎฺฐาย ตสฺสา สปฺปิขีรรสาทีนิ มา อทาสิ, โคมุเตฺต ปน ปญฺจปณฺณานิ ผลาทีนิ จ ปกฺขิปิตฺวา โกเฎฺฎตฺวา นวตมฺพโลหภาชเน ปกฺขิปิตฺวา โลหคนฺธํ คาหาเปตฺวา รชฺชุํ วา โยตฺตํ วา รุกฺขํ วา ลตํ วา คเหตฺวา ‘อิทํ เต โรคสฺส อนุจฺฉวิกเภสชฺชํ, อิทํ วา ปิว, อุฎฺฐาย วา ตยา ภุตฺตภตฺตสฺส อนุจฺฉวิกํ กมฺมํ กโรหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถํ วเทยฺยาสิฯ ‘‘สเจ เภสชฺชํ น ปิวติ, อถ นํ รชฺชุยา วา โยเตฺตน วา รุเกฺขน วา ลตาย วา กติจิ ปหาเร ปหริตฺวา เกเสสุ คเหตฺวา อากฑฺฒิตฺวา กปฺปเรน โปเถยฺยาสิ, สา ตงฺขณเญฺญว อุฎฺฐาย กมฺมํ กริสฺสตี’’ติฯ โส ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา วุตฺตนิยาเมเนว เภสชฺชํ กตฺวา ‘‘ภเทฺท, อิมํ เภสชฺชํ ปิวา’’ติ อาหฯ ‘‘เกน เต อิทํ อาจิกฺขิต’’นฺติ? ‘‘อาจริเยน, ภเทฺท’’ติฯ ‘‘อปเนหิ ตํ, น ปิวิสฺสามี’’ติฯ มาณโว ‘‘น ตฺวํ อตฺตโน รุจิยา ปิวิสฺสสี’’ติ รชฺชุํ คเหตฺวา ‘‘อตฺตโน โรคสฺส อนุจฺฉวิกํ เภสชฺชํ วา ปิว, ยาคุภตฺตานุจฺฉวิกํ กมฺมํ วา กโรหี’’ติ วตฺวา อิมํ คาถมาห –
Bodhisatto pana ‘‘iminā kāraṇena ovādagahaṇāya okāsaṃ na labhāmī’’ti vutte ‘‘sā māṇavikā imaṃ vañcetvā nipajjatī’’ti ñatvā ‘‘tassā rogānucchavikaṃ bhesajjaṃ ācikkhissāmī’’ti cintetvā āha ‘‘tāta, tvaṃ ito paṭṭhāya tassā sappikhīrarasādīni mā adāsi, gomutte pana pañcapaṇṇāni phalādīni ca pakkhipitvā koṭṭetvā navatambalohabhājane pakkhipitvā lohagandhaṃ gāhāpetvā rajjuṃ vā yottaṃ vā rukkhaṃ vā lataṃ vā gahetvā ‘idaṃ te rogassa anucchavikabhesajjaṃ, idaṃ vā piva, uṭṭhāya vā tayā bhuttabhattassa anucchavikaṃ kammaṃ karohī’’ti vatvā imaṃ gāthaṃ vadeyyāsi. ‘‘Sace bhesajjaṃ na pivati, atha naṃ rajjuyā vā yottena vā rukkhena vā latāya vā katici pahāre paharitvā kesesu gahetvā ākaḍḍhitvā kapparena potheyyāsi, sā taṅkhaṇaññeva uṭṭhāya kammaṃ karissatī’’ti. So ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā vuttaniyāmeneva bhesajjaṃ katvā ‘‘bhadde, imaṃ bhesajjaṃ pivā’’ti āha. ‘‘Kena te idaṃ ācikkhita’’nti? ‘‘Ācariyena, bhadde’’ti. ‘‘Apanehi taṃ, na pivissāmī’’ti. Māṇavo ‘‘na tvaṃ attano ruciyā pivissasī’’ti rajjuṃ gahetvā ‘‘attano rogassa anucchavikaṃ bhesajjaṃ vā piva, yāgubhattānucchavikaṃ kammaṃ vā karohī’’ti vatvā imaṃ gāthamāha –
๑๓๐.
130.
‘‘ยถาวาจา จ ภุญฺชสฺสุ, ยถาภุตฺตญฺจ พฺยาหร;
‘‘Yathāvācā ca bhuñjassu, yathābhuttañca byāhara;
อุภยํ เต น สเมติ, วาจา ภุตฺตญฺจ โกสิเย’’ติฯ
Ubhayaṃ te na sameti, vācā bhuttañca kosiye’’ti.
ตตฺถ ยถาวาจา จ ภุญฺชสฺสูติ ยถา เต วาจา, ตถา ภุญฺชสฺสุ, ‘‘วาตา เม วิชฺฌนฺตี’’ติ วาจาย อนุจฺฉวิกเมว กตฺวา ภุญฺชสฺสูติ อโตฺถฯ ‘‘ยถาวาจํ วา’’ติปิ ปาโฐ ยุชฺชติ, ‘‘ยถาวาจายา’’ติปิ ปฐนฺติ, สพฺพตฺถ อยเมว อโตฺถฯ ยถาภุตฺตญฺจ พฺยาหราติ ยํ ยถา เต ภุตฺตํ, ตสฺส อนุจฺฉวิกเมว พฺยาหร, ‘‘อโรคมฺหี’’ติ วตฺวา เคเห กตฺตพฺพํ กโรสีติ อโตฺถฯ ‘‘ยถาภูตญฺจา’’ติปิ ปาโฐ, อถ วา อโรคมฺหีติ ยถาภูตเมว วตฺวา กมฺมํ กโรหีติ อโตฺถฯ อุภยํ เต น สเมติ, วาจาภุตฺตญฺจ โกสิเยติ ยา จ เต อยํ วาจา ‘‘วาตา มํ วิชฺฌนฺตี’’ติ ยญฺจ เต อิทํ ปณีตโภชนํ ภุตฺตํ, อิทํ อุภยมฺปิ ตุยฺหํ น สเมติ, ตสฺมา อุฎฺฐาย กมฺมํ กโรหิฯ ‘‘โกสิเย’’ติ ตํ โคเตฺตนาลปติฯ
Tattha yathāvācā ca bhuñjassūti yathā te vācā, tathā bhuñjassu, ‘‘vātā me vijjhantī’’ti vācāya anucchavikameva katvā bhuñjassūti attho. ‘‘Yathāvācaṃ vā’’tipi pāṭho yujjati, ‘‘yathāvācāyā’’tipi paṭhanti, sabbattha ayameva attho. Yathābhuttañca byāharāti yaṃ yathā te bhuttaṃ, tassa anucchavikameva byāhara, ‘‘arogamhī’’ti vatvā gehe kattabbaṃ karosīti attho. ‘‘Yathābhūtañcā’’tipi pāṭho, atha vā arogamhīti yathābhūtameva vatvā kammaṃ karohīti attho. Ubhayaṃ te na sameti, vācābhuttañca kosiyeti yā ca te ayaṃ vācā ‘‘vātā maṃ vijjhantī’’ti yañca te idaṃ paṇītabhojanaṃ bhuttaṃ, idaṃ ubhayampi tuyhaṃ na sameti, tasmā uṭṭhāya kammaṃ karohi. ‘‘Kosiye’’ti taṃ gottenālapati.
เอวํ วุเตฺต โกสิยพฺราหฺมณธีตา ‘‘อาจริเยน อุสฺสุกฺกํ อาปนฺนกาลโต ปฎฺฐาย น สกฺกา มยา เอส วเญฺจตุํ, อุฎฺฐาย กมฺมํ กริสฺสามี’’ติ อุฎฺฐาย กมฺมํ อกาสิฯ ‘‘อาจริเยน เม ทุสฺสีลภาโว ญาโต, อิทานิ น สกฺกา อิโต ปฎฺฐาย ปุน เอวรูปํ กาตุ’’นฺติ อาจริเย คารเวน ปาปกมฺมโตปิ วิรมิตฺวา สีลวตี อโหสิฯ สาปิ พฺราหฺมณี ‘‘สมฺมาสมฺพุเทฺธน กิรมฺหิ ญาตา’’ติ สตฺถริปิ คารเวน น ปุน อนาจารํ อกาสิฯ
Evaṃ vutte kosiyabrāhmaṇadhītā ‘‘ācariyena ussukkaṃ āpannakālato paṭṭhāya na sakkā mayā esa vañcetuṃ, uṭṭhāya kammaṃ karissāmī’’ti uṭṭhāya kammaṃ akāsi. ‘‘Ācariyena me dussīlabhāvo ñāto, idāni na sakkā ito paṭṭhāya puna evarūpaṃ kātu’’nti ācariye gāravena pāpakammatopi viramitvā sīlavatī ahosi. Sāpi brāhmaṇī ‘‘sammāsambuddhena kiramhi ñātā’’ti sattharipi gāravena na puna anācāraṃ akāsi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ชยมฺปติกา อิทานิ ชยมฺปติกาว, อาจริโย ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā jayampatikā idāni jayampatikāva, ācariyo pana ahameva ahosi’’nti.
โกสิยชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Kosiyajātakavaṇṇanā dasamā.
กุสนาฬิวโคฺค เตรสโมฯ
Kusanāḷivaggo terasamo.
ตสฺสุทฺทานํ –
Tassuddānaṃ –
กุสนาฬิ จ ทุเมฺมธํ, นงฺคลีสมฺพกฎาหํ;
Kusanāḷi ca dummedhaṃ, naṅgalīsambakaṭāhaṃ;
อสิลกฺขณกลณฺฑุกํ, พิฬารคฺคิกโกสิยนฺติฯ
Asilakkhaṇakalaṇḍukaṃ, biḷāraggikakosiyanti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๓๐. โกสิยชาตกํ • 130. Kosiyajātakaṃ