Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๒๖] ๖. โกสิยชาตกวณฺณนา
[226] 6. Kosiyajātakavaṇṇanā
กาเล นิกฺขมนา สาธูติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต โกสลราชานํ อารพฺภ กเถสิฯ โกสลราชา ปจฺจนฺตวูปสมนตฺถาย อกาเล นิกฺขมิฯ วตฺถุ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ
Kālenikkhamanā sādhūti idaṃ satthā jetavane viharanto kosalarājānaṃ ārabbha kathesi. Kosalarājā paccantavūpasamanatthāya akāle nikkhami. Vatthu heṭṭhā vuttanayameva.
สตฺถา ปน อตีตํ อาหริตฺวา อาห – ‘‘มหาราช, อตีเต พาราณสิราชา อกาเล นิกฺขมิตฺวา อุยฺยาเน ขนฺธาวารํ นิเวสยิฯ ตสฺมิํ กาเล เอโก อุลูกสกุโณ เวฬุคุมฺพํ ปวิสิตฺวา นิลียิฯ กากเสนา อาคนฺตฺวา ‘นิกฺขนฺตเมว ตํ คณฺหิสฺสามา’’’ติ ปริวาเรสิฯ โส สูริยตฺถงฺคมนํ อโนโลเกตฺวา อกาเลเยว นิกฺขมิตฺวา ปลายิตุํ อารภิฯ อถ นํ กากา ปริวาเรตฺวา ตุเณฺฑหิ โกเฎฺฎนฺตา ปริปาเตสุํฯ ราชา โพธิสตฺตํ อามเนฺตตฺวา ‘‘กิํ นุ โข, ปณฺฑิต, อิเม กากา โกสิยํ ปริปาเตนฺตี’’ติ ปุจฺฉิฯ โพธิสโตฺต ‘‘อกาเล, มหาราช, อตฺตโน วสนฎฺฐานา นิกฺขมนฺตา เอวรูปํ ทุกฺขํ ปฎิลภนฺติเยว, ตสฺมา อกาเล อตฺตโน วสนฎฺฐานา นิกฺขมิตุํ น วฎฺฎตี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสโนฺต อิมํ คาถาทฺวยมาห –
Satthā pana atītaṃ āharitvā āha – ‘‘mahārāja, atīte bārāṇasirājā akāle nikkhamitvā uyyāne khandhāvāraṃ nivesayi. Tasmiṃ kāle eko ulūkasakuṇo veḷugumbaṃ pavisitvā nilīyi. Kākasenā āgantvā ‘nikkhantameva taṃ gaṇhissāmā’’’ti parivāresi. So sūriyatthaṅgamanaṃ anoloketvā akāleyeva nikkhamitvā palāyituṃ ārabhi. Atha naṃ kākā parivāretvā tuṇḍehi koṭṭentā paripātesuṃ. Rājā bodhisattaṃ āmantetvā ‘‘kiṃ nu kho, paṇḍita, ime kākā kosiyaṃ paripātentī’’ti pucchi. Bodhisatto ‘‘akāle, mahārāja, attano vasanaṭṭhānā nikkhamantā evarūpaṃ dukkhaṃ paṭilabhantiyeva, tasmā akāle attano vasanaṭṭhānā nikkhamituṃ na vaṭṭatī’’ti imamatthaṃ pakāsento imaṃ gāthādvayamāha –
๑๕๑.
151.
‘‘กาเล นิกฺขมนา สาธุ, นากาเล สาธุ นิกฺขโม;
‘‘Kāle nikkhamanā sādhu, nākāle sādhu nikkhamo;
อกาเลน หิ นิกฺขมฺม, เอกกมฺปิ พหุชฺชโน;
Akālena hi nikkhamma, ekakampi bahujjano;
น กิญฺจิ อตฺถํ โชเตติ, ธงฺกเสนาว โกสิยํฯ
Na kiñci atthaṃ joteti, dhaṅkasenāva kosiyaṃ.
๑๕๒.
152.
‘‘ธีโร จ วิธิวิธานญฺญู, ปเรสํ วิวรานุคู;
‘‘Dhīro ca vidhividhānaññū, paresaṃ vivarānugū;
สพฺพามิเตฺต วสีกตฺวา, โกสิโยว สุขี สิยา’’ติฯ
Sabbāmitte vasīkatvā, kosiyova sukhī siyā’’ti.
ตตฺถ กาเล นิกฺขมนา สาธูติ, มหาราช, นิกฺขมนา นาม นิกฺขมนํ วา ปรกฺกมนํ วา ยุตฺตปยุตฺตกาเล สาธุฯ นากาเล สาธุ นิกฺขโมติ อกาเล ปน อตฺตโน วสนฎฺฐานโต อญฺญตฺถ คนฺตุํ นิกฺขโม นาม นิกฺขมนํ วา ปรกฺกมนํ วา น สาธุฯ ‘‘อกาเลน หี’’ติอาทีสุ จตูสุ ปเทสุ ปฐเมน สทฺธิํ ตติยํ, ทุติเยน จตุตฺถํ โยเชตฺวา เอวํ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อตฺตโน วสนฎฺฐานโต หิ โกจิ ปุริโส อกาเลน นิกฺขมิตฺวา วา ปรกฺกมิตฺวา วา น กิญฺจิ อตฺถํ โชเตติ, อตฺตโน อปฺปมตฺตกมฺปิ วุฑฺฒิํ อุปฺปาเทตุํ น สโกฺกติ, อถ โข เอกกมฺปิ พหุชฺชโน พหุปิ โส ปจฺจตฺถิกชโน เอตํ อกาเล นิกฺขมนฺตํ วา ปรกฺกมนฺตํ วา เอกกํ ปริวาเรตฺวา มหาวินาสํ ปาเปติฯ ตตฺรายํ อุปมา – ธงฺกเสนาว โกสิยํ, ยถา อยํ ธงฺกเสนา อิมํ อกาเล นิกฺขมนฺตญฺจ ปรกฺกมนฺตญฺจ โกสิยํ ตุเณฺฑหิ วิตุทนฺติ มหาวินาสํ ปาเปนฺติ, ตถา ตสฺมา ติรจฺฉานคเต อาทิํ กตฺวา เกนจิ อกาเล อตฺตโน วสนฎฺฐานโต น นิกฺขมิตพฺพํ น ปรกฺกมิตพฺพนฺติฯ
Tattha kāle nikkhamanā sādhūti, mahārāja, nikkhamanā nāma nikkhamanaṃ vā parakkamanaṃ vā yuttapayuttakāle sādhu. Nākāle sādhu nikkhamoti akāle pana attano vasanaṭṭhānato aññattha gantuṃ nikkhamo nāma nikkhamanaṃ vā parakkamanaṃ vā na sādhu. ‘‘Akālena hī’’tiādīsu catūsu padesu paṭhamena saddhiṃ tatiyaṃ, dutiyena catutthaṃ yojetvā evaṃ attho veditabbo. Attano vasanaṭṭhānato hi koci puriso akālena nikkhamitvā vā parakkamitvā vā na kiñciatthaṃ joteti, attano appamattakampi vuḍḍhiṃ uppādetuṃ na sakkoti, atha kho ekakampi bahujjano bahupi so paccatthikajano etaṃ akāle nikkhamantaṃ vā parakkamantaṃ vā ekakaṃ parivāretvā mahāvināsaṃ pāpeti. Tatrāyaṃ upamā – dhaṅkasenāva kosiyaṃ, yathā ayaṃ dhaṅkasenā imaṃ akāle nikkhamantañca parakkamantañca kosiyaṃ tuṇḍehi vitudanti mahāvināsaṃ pāpenti, tathā tasmā tiracchānagate ādiṃ katvā kenaci akāle attano vasanaṭṭhānato na nikkhamitabbaṃ na parakkamitabbanti.
ทุติยคาถาย ธีโรติ ปณฺฑิโตฯ วิธีติ โปราณกปณฺฑิเตหิ ฐปิตปเวณีฯ วิธานนฺติ โกฎฺฐาโส วา สํวิทหนํ วาฯ วิวรานุคูติ วิวรํ อนุคจฺฉโนฺต ชานโนฺตฯ สพฺพามิเตฺตติ สเพฺพ อมิเตฺตฯ วสีกตฺวาติ อตฺตโน วเส กตฺวาฯ โกสิโยวาติ อิมมฺหา พาลโกสิยา อโญฺญ ปณฺฑิตโกสิโย วิยฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – โย จ โข ปณฺฑิโต ‘‘อิมสฺมิํ กาเล นิกฺขมิตพฺพํ ปรกฺกมิตพฺพํ, อิมสฺมิํ น นิกฺขมิตพฺพํ น ปรกฺกมิตพฺพ’’นฺติ โปราณกปณฺฑิเตหิ ฐปิตสฺส ปเวณิสงฺขาตสฺส วิธิโน โกฎฺฐาสสงฺขาตํ วิธานํ วา ตสฺส วา วิธิโน วิธานํ สํวิทหนํ อนุฎฺฐานํ ชานาติ, โส วิธิวิธานญฺญู ปเรสํ อตฺตโน ปจฺจามิตฺตานํ วิวรํ ญตฺวา ยถา นาม ปณฺฑิโต โกสิโย รตฺติสงฺขาเต อตฺตโน กาเล นิกฺขมิตฺวา จ ปรกฺกมิตฺวา จ ตตฺถ ตตฺถ สยิตานเญฺญว กากานํ สีสานิ ฉินฺทมาโน เต สเพฺพ อมิเตฺต วสีกตฺวา สุขี สิยา, เอวํ ธีโรปิ กาเล นิกฺขมิตฺวา ปรกฺกมิตฺวา อตฺตโน ปจฺจามิเตฺต วสีกตฺวา สุขี นิทฺทุโกฺข ภเวยฺยาติฯ ราชา โพธิสตฺตสฺส วจนํ สุตฺวา นิวตฺติฯ
Dutiyagāthāya dhīroti paṇḍito. Vidhīti porāṇakapaṇḍitehi ṭhapitapaveṇī. Vidhānanti koṭṭhāso vā saṃvidahanaṃ vā. Vivarānugūti vivaraṃ anugacchanto jānanto. Sabbāmitteti sabbe amitte. Vasīkatvāti attano vase katvā. Kosiyovāti imamhā bālakosiyā añño paṇḍitakosiyo viya. Idaṃ vuttaṃ hoti – yo ca kho paṇḍito ‘‘imasmiṃ kāle nikkhamitabbaṃ parakkamitabbaṃ, imasmiṃ na nikkhamitabbaṃ na parakkamitabba’’nti porāṇakapaṇḍitehi ṭhapitassa paveṇisaṅkhātassa vidhino koṭṭhāsasaṅkhātaṃ vidhānaṃ vā tassa vā vidhino vidhānaṃ saṃvidahanaṃ anuṭṭhānaṃ jānāti, so vidhividhānaññū paresaṃ attano paccāmittānaṃ vivaraṃ ñatvā yathā nāma paṇḍito kosiyo rattisaṅkhāte attano kāle nikkhamitvā ca parakkamitvā ca tattha tattha sayitānaññeva kākānaṃ sīsāni chindamāno te sabbe amitte vasīkatvā sukhī siyā, evaṃ dhīropi kāle nikkhamitvā parakkamitvā attano paccāmitte vasīkatvā sukhī niddukkho bhaveyyāti. Rājā bodhisattassa vacanaṃ sutvā nivatti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, ปณฺฑิตามโจฺจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā ānando ahosi, paṇḍitāmacco pana ahameva ahosi’’nti.
โกสิยชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ
Kosiyajātakavaṇṇanā chaṭṭhā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๒๖. โกสิยชาตกํ • 226. Kosiyajātakaṃ