Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā |
โกฎฺฐาสวาโร
Koṭṭhāsavāro
๕๘-๑๒๐. อิทานิ ตสฺมิํ โข ปน สมเย จตฺตาโร ขนฺธา โหนฺตีติ สงฺคหวาโร อารโทฺธฯ โส อุเทฺทสนิเทฺทสปฎินิเทฺทสานํ วเสน ติวิโธ โหติฯ ตตฺถ ‘ตสฺมิํ โข ปน สมเย จตฺตาโร ขนฺธา’ติ เอวมาทิโก อุเทฺทโสฯ กตเม ตสฺมิํ สมเย จตฺตาโร ขนฺธา’ติอาทิโก นิเทฺทโสฯ กตโม ตสฺมิํ สมเย เวทนากฺขโนฺธติอาทิโก ปฎินิเทฺทโสติ เวทิตโพฺพฯ
58-120. Idāni tasmiṃ kho pana samaye cattāro khandhā hontīti saṅgahavāro āraddho. So uddesaniddesapaṭiniddesānaṃ vasena tividho hoti. Tattha ‘tasmiṃ kho pana samaye cattāro khandhā’ti evamādiko uddeso. Katame tasmiṃ samaye cattāro khandhā’tiādiko niddeso. Katamo tasmiṃ samaye vedanākkhandhotiādiko paṭiniddesoti veditabbo.
ตตฺถ อุเทฺทสวาเร จตฺตาโร ขนฺธาติอาทโย เตวีสติ โกฎฺฐาสา โหนฺติฯ เตสํ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพ – ยสฺมิํ สมเย กามาวจรํ ปฐมํ มหากุสลจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, เย ตสฺมิํ สมเย จิตฺตงฺควเสน อุปฺปนฺนา, ฐเปตฺวา เยวาปนเก, ปาฬิอารุฬฺหา อติเรกปณฺณาสธมฺมา, เต สเพฺพปิ สงฺคยฺหมานา ราสเฎฺฐน จตฺตาโรว ขนฺธา โหนฺติ ฯ เหฎฺฐา วุเตฺตน อายตนเฎฺฐน เทฺว อายตนานิ โหนฺติฯ สภาวเฎฺฐน สุญฺญตเฎฺฐน นิสฺสตฺตเฎฺฐน เทฺวว ธาตุโย โหนฺติฯ ปจฺจยสงฺขาเตน อาหารเฎฺฐน ตโยเวตฺถ ธมฺมา อาหารา โหนฺติฯ อวเสสา โน อาหาราฯ
Tattha uddesavāre cattāro khandhātiādayo tevīsati koṭṭhāsā honti. Tesaṃ evamattho veditabbo – yasmiṃ samaye kāmāvacaraṃ paṭhamaṃ mahākusalacittaṃ uppajjati, ye tasmiṃ samaye cittaṅgavasena uppannā, ṭhapetvā yevāpanake, pāḷiāruḷhā atirekapaṇṇāsadhammā, te sabbepi saṅgayhamānā rāsaṭṭhena cattārova khandhā honti . Heṭṭhā vuttena āyatanaṭṭhena dve āyatanāni honti. Sabhāvaṭṭhena suññataṭṭhena nissattaṭṭhena dveva dhātuyo honti. Paccayasaṅkhātena āhāraṭṭhena tayovettha dhammā āhārā honti. Avasesā no āhārā.
‘กิํ ปเนเต อญฺญมญฺญํ วา ตํสมุฎฺฐานรูปสฺส วา ปจฺจยา น โหนฺตี’ติ? ‘โน น โหนฺติฯ อิเม ปน ตถา จ โหนฺติ, อญฺญถา จาติ สมาเนปิ ปจฺจยเตฺต อติเรกปจฺจยา โหนฺติ, ตสฺมา อาหาราติ วุตฺตาฯ กถํ? เอเตสุ หิ ผสฺสาหาโร, เยสํ ธมฺมานํ อวเสสา จิตฺตเจตสิกา ปจฺจยา โหนฺติ, เตสญฺจ ปจฺจโย โหติ, ติโสฺส จ เวทนา อาหรติฯ มโนสเญฺจตนาหาโร เตสญฺจ ปจฺจโย โหติ ตโย จ ภเว อาหรติฯ วิญฺญาณาหาโร เตสญฺจ ปจฺจโย โหติ ปฎิสนฺธินามรูปญฺจ อาหรตี’ติฯ ‘นนุ จ โส วิปาโกว อิทํ ปน กุสลวิญฺญาณ’นฺติ? ‘กิญฺจาปิ กุสลวิญฺญาณํ, ตํสริกฺขตาย ปน วิญฺญาณาหาโร’เตฺวว วุตฺตํฯ อุปตฺถมฺภกเฎฺฐน วา อิเม ตโย อาหาราติ วุตฺตาฯ อิเม หิ สมฺปยุตฺตธมฺมานํ, กพฬีการาหาโร วิย รูปกายสฺส, อุปตฺถมฺภกปจฺจยา โหนฺติฯ เตเนว วุตฺตํ – ‘‘อรูปิโน อาหารา สมฺปยุตฺตกานํ ธมฺมานํ ตํสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ อาหารปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๑.๑.๑๕)ฯ
‘Kiṃ panete aññamaññaṃ vā taṃsamuṭṭhānarūpassa vā paccayā na hontī’ti? ‘No na honti. Ime pana tathā ca honti, aññathā cāti samānepi paccayatte atirekapaccayā honti, tasmā āhārāti vuttā. Kathaṃ? Etesu hi phassāhāro, yesaṃ dhammānaṃ avasesā cittacetasikā paccayā honti, tesañca paccayo hoti, tisso ca vedanā āharati. Manosañcetanāhāro tesañca paccayo hoti tayo ca bhave āharati. Viññāṇāhāro tesañca paccayo hoti paṭisandhināmarūpañca āharatī’ti. ‘Nanu ca so vipākova idaṃ pana kusalaviññāṇa’nti? ‘Kiñcāpi kusalaviññāṇaṃ, taṃsarikkhatāya pana viññāṇāhāro’tveva vuttaṃ. Upatthambhakaṭṭhena vā ime tayo āhārāti vuttā. Ime hi sampayuttadhammānaṃ, kabaḷīkārāhāro viya rūpakāyassa, upatthambhakapaccayā honti. Teneva vuttaṃ – ‘‘arūpino āhārā sampayuttakānaṃ dhammānaṃ taṃsamuṭṭhānānañca rūpānaṃ āhārapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 1.1.15).
อปโร นโย – อชฺฌตฺติกสนฺตติยา วิเสสปจฺจยตฺตา กพฬีการาหาโร จ อิเม จ ตโย ธมฺมา อาหาราติ วุตฺตาฯ วิเสสปจฺจโย หิ กพฬีการาหารภกฺขานํ สตฺตานํ รูปกายสฺส กพฬีกาโร อาหาโร; นามกาเย เวทนาย ผโสฺส, วิญฺญาณสฺส มโนสเญฺจตนา, นามรูปสฺส วิญฺญาณํฯ ยถาห –
Aparo nayo – ajjhattikasantatiyā visesapaccayattā kabaḷīkārāhāro ca ime ca tayo dhammā āhārāti vuttā. Visesapaccayo hi kabaḷīkārāhārabhakkhānaṃ sattānaṃ rūpakāyassa kabaḷīkāro āhāro; nāmakāye vedanāya phasso, viññāṇassa manosañcetanā, nāmarūpassa viññāṇaṃ. Yathāha –
‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, อยํ กาโย อาหารฎฺฐิติโก, อาหารํ ปฎิจฺจ ติฎฺฐติ, อนาหาโร โน ติฎฺฐติ’’ (สํ. นิ. ๕.๑๘๓)ฯ ตถา ผสฺสปจฺจยา เวทนา, สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูปนฺติ (สํ. นิ. ๒.๑)ฯ
‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, ayaṃ kāyo āhāraṭṭhitiko, āhāraṃ paṭicca tiṭṭhati, anāhāro no tiṭṭhati’’ (saṃ. ni. 5.183). Tathā phassapaccayā vedanā, saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpanti (saṃ. ni. 2.1).
อธิปติยเฎฺฐน ปน อเฎฺฐว ธมฺมา อินฺทฺริยานิ โหนฺติ, น อวเสสาฯ เตน วุตฺตํ – อฎฺฐินฺทฺริยานิ โหนฺตีติฯ อุปนิชฺฌายนเฎฺฐน ปเญฺจว ธมฺมา ฌานงฺคานิ โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ปญฺจงฺคิกํ ฌานํ โหตีติฯ
Adhipatiyaṭṭhena pana aṭṭheva dhammā indriyāni honti, na avasesā. Tena vuttaṃ – aṭṭhindriyāni hontīti. Upanijjhāyanaṭṭhena pañceva dhammā jhānaṅgāni honti. Tena vuttaṃ – pañcaṅgikaṃ jhānaṃ hotīti.
นิยฺยานเฎฺฐน จ เหตฺวเฎฺฐน จ ปเญฺจว ธมฺมา มคฺคงฺคานิ โหนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ปญฺจงฺคิโก มโคฺค โหตีติฯ กิญฺจาปิ หิ อฎฺฐงฺคิโก อริยมโคฺค, โลกิยจิเตฺต ปน เอกกฺขเณ ติโสฺส วิรติโย น ลพฺภนฺติ, ตสฺมา ปญฺจงฺคิโกติ วุโตฺตฯ ‘นนุ จ ‘‘ยถาคตมโคฺคติ โข, ภิกฺขุ, อริยเสฺสตํ อฎฺฐงฺคิกสฺส มคฺคสฺส อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๔๕) อิมสฺมิํ สุเตฺต ‘ยเถว โลกุตฺตรมโคฺค อฎฺฐงฺคิโก, ปุพฺพภาควิปสฺสนามโคฺคปิ ตเถว อฎฺฐงฺคิโก’ติ ยถาคตวจเนน อิมสฺสตฺถสฺส ทีปิตตฺตา, โลกิยมเคฺคนาปิ อฎฺฐงฺคิเกน ภวิตพฺพนฺติ? น ภวิตพฺพํ ฯ อยญฺหิ สุตฺตนฺติกเทสนา นาม ปริยายเทสนาฯ เตนาห – ‘‘ปุเพฺพว โข ปนสฺส กายกมฺมํ วจีกมฺมํ อาชีโว สุปริสุโทฺธ โหตี’’ติ (ม. นิ. ๓.๔๓๑)ฯ อยํ ปน นิปฺปริยายเทสนาฯ โลกิยจิตฺตสฺมิญฺหิ ติโสฺส วิรติโย เอกกฺขเณ น ลพฺภนฺติ, ตสฺมา ‘ปญฺจงฺคิโก’ว วุโตฺตติฯ
Niyyānaṭṭhena ca hetvaṭṭhena ca pañceva dhammā maggaṅgāni honti. Tena vuttaṃ – pañcaṅgiko maggo hotīti. Kiñcāpi hi aṭṭhaṅgiko ariyamaggo, lokiyacitte pana ekakkhaṇe tisso viratiyo na labbhanti, tasmā pañcaṅgikoti vutto. ‘Nanu ca ‘‘yathāgatamaggoti kho, bhikkhu, ariyassetaṃ aṭṭhaṅgikassa maggassa adhivacana’’nti (saṃ. ni. 4.245) imasmiṃ sutte ‘yatheva lokuttaramaggo aṭṭhaṅgiko, pubbabhāgavipassanāmaggopi tatheva aṭṭhaṅgiko’ti yathāgatavacanena imassatthassa dīpitattā, lokiyamaggenāpi aṭṭhaṅgikena bhavitabbanti? Na bhavitabbaṃ . Ayañhi suttantikadesanā nāma pariyāyadesanā. Tenāha – ‘‘pubbeva kho panassa kāyakammaṃ vacīkammaṃ ājīvo suparisuddho hotī’’ti (ma. ni. 3.431). Ayaṃ pana nippariyāyadesanā. Lokiyacittasmiñhi tisso viratiyo ekakkhaṇe na labbhanti, tasmā ‘pañcaṅgiko’va vuttoti.
อกมฺปิยเฎฺฐน ปน สเตฺตว ธมฺมา พลานิ โหนฺติฯ มูลเฎฺฐน ตโยว ธมฺมา เหตูฯ ผุสนเฎฺฐน เอโกว ธโมฺม ผโสฺสฯ เวทยิตเฎฺฐน เอโกว ธโมฺม เวทนาฯ สญฺชานนเฎฺฐน เอโกว ธโมฺม สญฺญาฯ เจตยนเฎฺฐน เอโกว ธโมฺม เจตนาฯ จิตฺตวิจิตฺตเฎฺฐน เอโกว ธโมฺม จิตฺตํฯ ราสเฎฺฐน เจว เวทยิตเฎฺฐน จ เอโกว ธโมฺม เวทนากฺขโนฺธฯ ราสเฎฺฐน จ สญฺชานนเฎฺฐน จ เอโกว ธโมฺม สญฺญากฺขโนฺธฯ ราสเฎฺฐน จ อภิสงฺขรณเฎฺฐน จ เอโกว ธโมฺม สงฺขารกฺขโนฺธฯ ราสเฎฺฐน จ จิตฺตวิจิตฺตเฎฺฐน จ เอโกว ธโมฺม วิญฺญาณกฺขโนฺธฯ วิชานนเฎฺฐน เจว เหฎฺฐา วุตฺตอายตนเฎฺฐน จ เอกเมว มนายตนํฯ วิชานนเฎฺฐน จ อธิปติยเฎฺฐน จ เอกเมว มนินฺทฺริยํฯ วิชานนเฎฺฐน จ สภาวสุญฺญตนิสฺสตฺตเฎฺฐน จ เอโกว ธโมฺม มโนวิญฺญาณธาตุ นาม โหติ, น อวเสสาฯ ฐเปตฺวา ปน จิตฺตํ, ยถาวุเตฺตน อเตฺถน อวเสสา สเพฺพปิ ธมฺมา เอกํ ธมฺมายตนเมว, เอกา จ ธมฺมธาตุเยว โหตีติฯ
Akampiyaṭṭhena pana satteva dhammā balāni honti. Mūlaṭṭhena tayova dhammā hetū. Phusanaṭṭhena ekova dhammo phasso. Vedayitaṭṭhena ekova dhammo vedanā. Sañjānanaṭṭhena ekova dhammo saññā. Cetayanaṭṭhena ekova dhammo cetanā. Cittavicittaṭṭhena ekova dhammo cittaṃ. Rāsaṭṭhena ceva vedayitaṭṭhena ca ekova dhammo vedanākkhandho. Rāsaṭṭhena ca sañjānanaṭṭhena ca ekova dhammo saññākkhandho. Rāsaṭṭhena ca abhisaṅkharaṇaṭṭhena ca ekova dhammo saṅkhārakkhandho. Rāsaṭṭhena ca cittavicittaṭṭhena ca ekova dhammo viññāṇakkhandho. Vijānanaṭṭhena ceva heṭṭhā vuttaāyatanaṭṭhena ca ekameva manāyatanaṃ. Vijānanaṭṭhena ca adhipatiyaṭṭhena ca ekameva manindriyaṃ. Vijānanaṭṭhena ca sabhāvasuññatanissattaṭṭhena ca ekova dhammo manoviññāṇadhātu nāma hoti, na avasesā. Ṭhapetvā pana cittaṃ, yathāvuttena atthena avasesā sabbepi dhammā ekaṃ dhammāyatanameva, ekā ca dhammadhātuyeva hotīti.
เย วา ปน ตสฺมิํ สมเยติ อิมินา ปน อปฺปนาวาเรน อิธาปิ เหฎฺฐา วุตฺตา เยวาปนกาว สงฺคหิตาฯ ยถา จ อิธ เอวํ สพฺพตฺถ ฯ อิโต ปรญฺหิ เอตฺตกมฺปิ น วิจารยิสฺสามฯ นิเทฺทสปฎินิเทฺทสวาเรสุ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพติฯ
Ye vā pana tasmiṃ samayeti iminā pana appanāvārena idhāpi heṭṭhā vuttā yevāpanakāva saṅgahitā. Yathā ca idha evaṃ sabbattha . Ito parañhi ettakampi na vicārayissāma. Niddesapaṭiniddesavāresu heṭṭhā vuttanayeneva attho veditabboti.
สงฺคหวาโร นิฎฺฐิโตฯ
Saṅgahavāro niṭṭhito.
โกฎฺฐาสวาโรติปิ เอตเสฺสว นามํฯ
Koṭṭhāsavārotipi etasseva nāmaṃ.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / กามาวจรกุสลํ • Kāmāvacarakusalaṃ
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / โกฎฺฐาสวารวณฺณนา • Koṭṭhāsavāravaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / โกฎฺฐาสวารกถาวณฺณนา • Koṭṭhāsavārakathāvaṇṇanā