Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๘๙] ๙. กุหกชาตกวณฺณนา

    [89] 9. Kuhakajātakavaṇṇanā

    วาจาว กิร เต อาสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ กุหกภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ กุหกวตฺถุ อุทฺทาลกชาตเก อาวิ ภวิสฺสติฯ

    Vācāvakira te āsīti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ kuhakabhikkhuṃ ārabbha kathesi. Kuhakavatthu uddālakajātake āvi bhavissati.

    อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต เอกํ คามกํ อุปนิสฺสาย เอโก กูฎชฎิโล กุหกตาปโส วสติฯ เอโก กุฎุมฺพิโก ตสฺส อรเญฺญ ปณฺณสาลํ กาเรตฺวา ตตฺถ นํ วาเสโนฺต อตฺตโน เคเห ปณีตาหาเรน ปฎิชคฺคติฯ โส ตํ กูฎชฎิลํ ‘‘สีลวา เอโส’’ติ สทฺทหิตฺวา โจรภเยน สุวณฺณนิกฺขสตํ ตสฺส ปณฺณสาลํ เนตฺวา ภูมิคตํ กตฺวา ‘‘อิทํ โอโลเกยฺยาสิ, ภเนฺต’’ติ อาหฯ อถ นํ ตาปโส ‘‘ปพฺพชิตานํ นาม, อาวุโส, เอวรูปํ กเถตุํ, น วฎฺฎติ, อมฺหากํ ปน ปรสนฺตเก โลโภ นาม นตฺถี’’ติ อาหฯ โส ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ ตสฺส วจนํ สทฺทหิตฺวา ปกฺกามิฯ ทุฎฺฐตาปโส ‘‘สกฺกา เอตฺตเกน ชีวิตุ’’นฺติ กติปาหํ อติกฺกมิตฺวา ตํ สุวณฺณํ คเหตฺวา อนฺตรามเคฺค เอกสฺมิํ ฐาเน ฐเปตฺวา อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลายเมว วสิตฺวา ปุนทิวเส ตสฺส เคเห ภตฺตกิจฺจํ กตฺวา เอวมาห ‘‘อาวุโส, มยํ ตุเมฺห นิสฺสาย จิรํ วสิมฺห, อติจิรํ เอกสฺมิํ ฐาเน วสนฺตานํ มนุเสฺสหิ สทฺธิํ สํสโคฺค โหติ, สํสโคฺค จ นาม ปพฺพชิตานํ มลํ, ตสฺมา คจฺฉามห’’นฺติ วตฺวา เตน ปุนปฺปุนํ ยาจิยมาโนปิ นิวตฺติตุํ น อิจฺฉิฯ อถ นํ โส ‘‘เอวํ สเนฺต คจฺฉถ, ภเนฺต’’ติ ยาว คามทฺวารํ อนุคนฺตฺวา นิวตฺติฯ ตาปโสปิ โถกํ คนฺตฺวาว ‘‘อิมํ กุฎุมฺพิกํ มยา วเญฺจตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ชฎานํ อนฺตเร ติณํ ฐเปตฺวา ปฎินิวตฺติฯ กุฎุมฺพิโก ‘‘กิํ, ภเนฺต, นิวตฺติตฺถา’’ติ ปุจฺฉิฯ อาวุโส ตุมฺหากํ เคหจฺฉทนโต เม ชฎาสุ เอกติณํ ลคฺคํ, อทินฺนาทานญฺจ นาม ปพฺพชิตานํ น วฎฺฎติ, ตํ อาทาย อาคโตมฺหีติฯ กุฎุมฺพิโก ‘‘ฉเฑฺฑตฺวา คจฺฉถ, ภเนฺต’’ติ วตฺวา ‘‘ติณสลากมฺปิ นาม ปรสนฺตกํ น คณฺหาติ, อโห กุกฺกุจฺจโก เม อโยฺย’’ติ ปสีทิตฺวา วนฺทิตฺวา อุโยฺยเชสิฯ

    Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente ekaṃ gāmakaṃ upanissāya eko kūṭajaṭilo kuhakatāpaso vasati. Eko kuṭumbiko tassa araññe paṇṇasālaṃ kāretvā tattha naṃ vāsento attano gehe paṇītāhārena paṭijaggati. So taṃ kūṭajaṭilaṃ ‘‘sīlavā eso’’ti saddahitvā corabhayena suvaṇṇanikkhasataṃ tassa paṇṇasālaṃ netvā bhūmigataṃ katvā ‘‘idaṃ olokeyyāsi, bhante’’ti āha. Atha naṃ tāpaso ‘‘pabbajitānaṃ nāma, āvuso, evarūpaṃ kathetuṃ, na vaṭṭati, amhākaṃ pana parasantake lobho nāma natthī’’ti āha. So ‘‘sādhu, bhante’’ti tassa vacanaṃ saddahitvā pakkāmi. Duṭṭhatāpaso ‘‘sakkā ettakena jīvitu’’nti katipāhaṃ atikkamitvā taṃ suvaṇṇaṃ gahetvā antarāmagge ekasmiṃ ṭhāne ṭhapetvā āgantvā paṇṇasālāyameva vasitvā punadivase tassa gehe bhattakiccaṃ katvā evamāha ‘‘āvuso, mayaṃ tumhe nissāya ciraṃ vasimha, aticiraṃ ekasmiṃ ṭhāne vasantānaṃ manussehi saddhiṃ saṃsaggo hoti, saṃsaggo ca nāma pabbajitānaṃ malaṃ, tasmā gacchāmaha’’nti vatvā tena punappunaṃ yāciyamānopi nivattituṃ na icchi. Atha naṃ so ‘‘evaṃ sante gacchatha, bhante’’ti yāva gāmadvāraṃ anugantvā nivatti. Tāpasopi thokaṃ gantvāva ‘‘imaṃ kuṭumbikaṃ mayā vañcetuṃ vaṭṭatī’’ti cintetvā jaṭānaṃ antare tiṇaṃ ṭhapetvā paṭinivatti. Kuṭumbiko ‘‘kiṃ, bhante, nivattitthā’’ti pucchi. Āvuso tumhākaṃ gehacchadanato me jaṭāsu ekatiṇaṃ laggaṃ, adinnādānañca nāma pabbajitānaṃ na vaṭṭati, taṃ ādāya āgatomhīti. Kuṭumbiko ‘‘chaḍḍetvā gacchatha, bhante’’ti vatvā ‘‘tiṇasalākampi nāma parasantakaṃ na gaṇhāti, aho kukkuccako me ayyo’’ti pasīditvā vanditvā uyyojesi.

    ตทา ปน โพธิสเตฺตน ภณฺฑตฺถาย ปจฺจนฺตํ คจฺฉเนฺตน ตสฺมิํ นิเวสเน นิวาโส คหิโต โหติฯ โส ตาปสสฺส วจนํ สุตฺวาว ‘‘อทฺธา อิมินา ทุฎฺฐตาปเสน อิมสฺส กิญฺจิ คหิตํ ภวิสฺสตี’’ติ กุฎุมฺพิกํ ปุจฺฉิ ‘‘อตฺถิ ปน เต, สมฺม, กิญฺจิ เอตสฺส ตาปสสฺส สนฺติเก นิกฺขิตฺต’’นฺติ? ‘‘อตฺถิ, สมฺม, สุวณฺณนิกฺขสต’’นฺติฯ ‘‘เตน หิ คจฺฉ, ตํ อุปธาเรหี’’ติ ฯ โส ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา ตํ อทิสฺวา เวเคนาคนฺตฺวา ‘‘นตฺถิ, สมฺมา’’ติ อาหฯ ‘‘น เต สุวณฺณํ อเญฺญน คหิตํ, เตเนว กุหกตาปเสน คหิตํ, เอหิ, ตํ อนุพนฺธิตฺวา คณฺหามา’’ติ เวเคน คนฺตฺวา กูฎตาปสํ คณฺหิตฺวา หเตฺถหิ จ ปาเทหิ จ โปเถตฺวา สุวณฺณํ อาหราเปตฺวา คณฺหิํสุฯ โพธิสโตฺต สุวณฺณํ ทิสฺวา ‘‘นิกฺขสตํ หรมาโน อสชฺชิตฺวา ติณมเตฺต สโตฺตสี’’ติ วตฺวา ตํ ครหโนฺต อิมํ คาถมาห –

    Tadā pana bodhisattena bhaṇḍatthāya paccantaṃ gacchantena tasmiṃ nivesane nivāso gahito hoti. So tāpasassa vacanaṃ sutvāva ‘‘addhā iminā duṭṭhatāpasena imassa kiñci gahitaṃ bhavissatī’’ti kuṭumbikaṃ pucchi ‘‘atthi pana te, samma, kiñci etassa tāpasassa santike nikkhitta’’nti? ‘‘Atthi, samma, suvaṇṇanikkhasata’’nti. ‘‘Tena hi gaccha, taṃ upadhārehī’’ti . So paṇṇasālaṃ gantvā taṃ adisvā vegenāgantvā ‘‘natthi, sammā’’ti āha. ‘‘Na te suvaṇṇaṃ aññena gahitaṃ, teneva kuhakatāpasena gahitaṃ, ehi, taṃ anubandhitvā gaṇhāmā’’ti vegena gantvā kūṭatāpasaṃ gaṇhitvā hatthehi ca pādehi ca pothetvā suvaṇṇaṃ āharāpetvā gaṇhiṃsu. Bodhisatto suvaṇṇaṃ disvā ‘‘nikkhasataṃ haramāno asajjitvā tiṇamatte sattosī’’ti vatvā taṃ garahanto imaṃ gāthamāha –

    ๘๙.

    89.

    ‘‘วาจาว กิร เต อาสิ, สณฺหา สขิลภาณิโน;

    ‘‘Vācāva kira te āsi, saṇhā sakhilabhāṇino;

    ติณมเตฺต อสชฺชิโตฺถ, โน จ นิกฺขสตํ หร’’นฺติฯ

    Tiṇamatte asajjittho, no ca nikkhasataṃ hara’’nti.

    ตตฺถ วาจาว กิร เต อาสิ, สณฺหา สขิลภาณิโนติ ‘‘ปพฺพชิตานํ ติณมตฺตมฺปิ อทินฺนํ อาทาตุํ น วฎฺฎตี’’ติ เอวํ สขิลํ มุทุวจนํ วทนฺตสฺส วาจา เอว กิร เต สณฺหา อาสิ, วจนมตฺตเมว มฎฺฐํ อโหสีติ อโตฺถฯ ติณมเตฺต อสชฺชิโตฺถติ กูฎชฎิล เอกิสฺสา ติณสลากาย กุกฺกุจฺจํ กุรุมาโน ตฺวํ สโตฺต อาสโตฺต ลโคฺค อโหสิฯ โน จ นิกฺขสตํ หรนฺติ อิมํ ปน นิกฺขสตํ หรโนฺต อสโตฺต นิลฺลโคฺคว ชาโตสีติฯ

    Tattha vācāva kira te āsi, saṇhā sakhilabhāṇinoti ‘‘pabbajitānaṃ tiṇamattampi adinnaṃ ādātuṃ na vaṭṭatī’’ti evaṃ sakhilaṃ muduvacanaṃ vadantassa vācā eva kira te saṇhā āsi, vacanamattameva maṭṭhaṃ ahosīti attho. Tiṇamatte asajjitthoti kūṭajaṭila ekissā tiṇasalākāya kukkuccaṃ kurumāno tvaṃ satto āsatto laggo ahosi. No ca nikkhasataṃ haranti imaṃ pana nikkhasataṃ haranto asatto nillaggova jātosīti.

    เอวํ โพธิสโตฺต ตํ ครหิตฺวา ‘‘มา ปุน, กูฎชฎิล, เอวรูปมกาสี’’ติ โอวาทํ ทตฺวา ยถากมฺมํ คโตฯ

    Evaṃ bodhisatto taṃ garahitvā ‘‘mā puna, kūṭajaṭila, evarūpamakāsī’’ti ovādaṃ datvā yathākammaṃ gato.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนเวส ภิกฺขุ กุหโก, ปุเพฺพปิ กุหโกเยวา’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฎตาปโส กุหกภิกฺขุ อโหสิ, ปณฺฑิตปุริโส ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘na, bhikkhave, idānevesa bhikkhu kuhako, pubbepi kuhakoyevā’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kūṭatāpaso kuhakabhikkhu ahosi, paṇḍitapuriso pana ahameva ahosi’’nti.

    กุหกชาตกวณฺณนา นวมาฯ

    Kuhakajātakavaṇṇanā navamā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๘๙. กุหกชาตกํ • 89. Kuhakajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact