Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กถาวตฺถุปาฬิ • Kathāvatthupāḷi

    ๒. ทุติยวโคฺค

    2. Dutiyavaggo

    (๑๗) ๘. กุกฺกุฬกถา

    (17) 8. Kukkuḷakathā

    ๓๓๘. สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬาติ? อามนฺตาฯ นนุ อตฺถิ สุขา เวทนา, กายิกํ สุขํ, เจตสิกํ สุขํ , ทิพฺพํ สุขํ, มานุสกํ สุขํ, ลาภสุขํ, สกฺการสุขํ, ยานสุขํ, สยนสุขํ, อิสฺสริยสุขํ, อาธิปจฺจสุขํ, คิหิสุขํ, สามญฺญสุขํ, สาสวํ สุขํ, อนาสวํ สุขํ, อุปธิสุขํ, นิรูปธิสุขํ, สามิสํ สุขํ, นิรามิสํ สุขํ, สปฺปีติกํ สุขํ, นิปฺปีติกํ สุขํ, ฌานสุขํ, วิมุตฺติสุขํ, กามสุขํ, เนกฺขมฺมสุขํ, วิเวกสุขํ, อุปสมสุขํ, สโมฺพธสุขนฺติ? อามนฺตาฯ หญฺจิ อตฺถิ สุขา เวทนา…เป.… สโมฺพธสุขํ, โน จ วต เร วตฺตเพฺพ – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬา’’ติฯ

    338. Sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷāti? Āmantā. Nanu atthi sukhā vedanā, kāyikaṃ sukhaṃ, cetasikaṃ sukhaṃ , dibbaṃ sukhaṃ, mānusakaṃ sukhaṃ, lābhasukhaṃ, sakkārasukhaṃ, yānasukhaṃ, sayanasukhaṃ, issariyasukhaṃ, ādhipaccasukhaṃ, gihisukhaṃ, sāmaññasukhaṃ, sāsavaṃ sukhaṃ, anāsavaṃ sukhaṃ, upadhisukhaṃ, nirūpadhisukhaṃ, sāmisaṃ sukhaṃ, nirāmisaṃ sukhaṃ, sappītikaṃ sukhaṃ, nippītikaṃ sukhaṃ, jhānasukhaṃ, vimuttisukhaṃ, kāmasukhaṃ, nekkhammasukhaṃ, vivekasukhaṃ, upasamasukhaṃ, sambodhasukhanti? Āmantā. Hañci atthi sukhā vedanā…pe… sambodhasukhaṃ, no ca vata re vattabbe – ‘‘sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷā’’ti.

    สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬาติ? อามนฺตาฯ สเพฺพ สงฺขารา ทุกฺขา เวทนา กายิกํ ทุกฺขํ เจตสิกํ ทุกฺขํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสอุปายาสาติ? น เหวํ วตฺตเพฺพฯ

    Sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷāti? Āmantā. Sabbe saṅkhārā dukkhā vedanā kāyikaṃ dukkhaṃ cetasikaṃ dukkhaṃ sokaparidevadukkhadomanassaupāyāsāti? Na hevaṃ vattabbe.

    น วตฺตพฺพํ – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬา’’ติ? อามนฺตาฯ นนุ วุตฺตํ ภควตา – ‘‘สพฺพํ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตํ! กิญฺจ, ภิกฺขเว, สพฺพํ อาทิตฺตํ? จกฺขุํ, ภิกฺขเว, อาทิตฺตํ, รูปา อาทิตฺตา, จกฺขุวิญฺญาณํ อาทิตฺตํ, จกฺขุสมฺผโสฺส อาทิโตฺต; ยมิทํ 1 จกฺขุสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, ตมฺปิ อาทิตฺตํฯ เกน อาทิตฺตํ? ‘ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา อาทิตฺตํ, ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ อาทิตฺต’นฺติ วทามิฯ โสตํ อาทิตฺตํ, สทฺทา อาทิตฺตา…เป.… ฆานํ อาทิตฺตํ, คนฺธา อาทิตฺตา…เป.… ชิวฺหา อาทิตฺตา, รสา อาทิตฺตา…เป.… กาโย อาทิโตฺต, โผฎฺฐพฺพา อาทิตฺตา…เป.… มโน อาทิโตฺต, ธมฺมา อาทิตฺตา, มโนวิญฺญาณํ อาทิตฺตํ, มโนสมฺผโสฺส อาทิโตฺต; ยมิทํ มโนสมฺผสฺสปจฺจยา อุปฺปชฺชติ เวทยิตํ สุขํ วา ทุกฺขํ วา อทุกฺขมสุขํ วา, ตมฺปิ อาทิตฺตํฯ เกน อาทิตฺตํ? ‘ราคคฺคินา โทสคฺคินา โมหคฺคินา อาทิตฺตํ, ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ อาทิตฺต’นฺติ วทามี’’ติ 2ฯ อเตฺถว สุตฺตโนฺตติ? อามนฺตาฯ เตน หิ วตฺตพฺพํ 3 – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬา’’ติฯ

    Na vattabbaṃ – ‘‘sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷā’’ti? Āmantā. Nanu vuttaṃ bhagavatā – ‘‘sabbaṃ, bhikkhave, ādittaṃ! Kiñca, bhikkhave, sabbaṃ ādittaṃ? Cakkhuṃ, bhikkhave, ādittaṃ, rūpā ādittā, cakkhuviññāṇaṃ ādittaṃ, cakkhusamphasso āditto; yamidaṃ 4 cakkhusamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā, tampi ādittaṃ. Kena ādittaṃ? ‘Rāgagginā dosagginā mohagginā ādittaṃ, jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi āditta’nti vadāmi. Sotaṃ ādittaṃ, saddā ādittā…pe… ghānaṃ ādittaṃ, gandhā ādittā…pe… jivhā ādittā, rasā ādittā…pe… kāyo āditto, phoṭṭhabbā ādittā…pe… mano āditto, dhammā ādittā, manoviññāṇaṃ ādittaṃ, manosamphasso āditto; yamidaṃ manosamphassapaccayā uppajjati vedayitaṃ sukhaṃ vā dukkhaṃ vā adukkhamasukhaṃ vā, tampi ādittaṃ. Kena ādittaṃ? ‘Rāgagginā dosagginā mohagginā ādittaṃ, jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi āditta’nti vadāmī’’ti 5. Attheva suttantoti? Āmantā. Tena hi vattabbaṃ 6 – ‘‘sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷā’’ti.

    สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬาติ? อามนฺตาฯ นนุ วุตฺตํ ภควตา – ‘‘ปญฺจิเม, ภิกฺขเว, กามคุณา! กตเม ปญฺจ? จกฺขุวิเญฺญยฺยา รูปา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียา, โสตวิเญฺญยฺยา สทฺทา…เป.… ฆานวิเญฺญยฺยา คนฺธา… ชิวฺหาวิเญฺญยฺยา รสา… กายวิเญฺญยฺยา โผฎฺฐพฺพา อิฎฺฐา กนฺตา มนาปา ปิยรูปา กามูปสํหิตา รชนียาฯ อิเม โข, ภิกฺขเว, ปญฺจ กามคุณา’’ติ 7ฯ อเตฺถว สุตฺตโนฺตติ? อามนฺตาฯ เตน หิ น วตฺตพฺพํ – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬา’’ติฯ

    Sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷāti? Āmantā. Nanu vuttaṃ bhagavatā – ‘‘pañcime, bhikkhave, kāmaguṇā! Katame pañca? Cakkhuviññeyyā rūpā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā, sotaviññeyyā saddā…pe… ghānaviññeyyā gandhā… jivhāviññeyyā rasā… kāyaviññeyyā phoṭṭhabbā iṭṭhā kantā manāpā piyarūpā kāmūpasaṃhitā rajanīyā. Ime kho, bhikkhave, pañca kāmaguṇā’’ti 8. Attheva suttantoti? Āmantā. Tena hi na vattabbaṃ – ‘‘sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷā’’ti.

    น วตฺตพฺพํ – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬา’’ติ? อามนฺตาฯ นนุ วุตฺตํ ภควตา – ‘‘ลาภา โว, ภิกฺขเว, สุลทฺธํ โว, ภิกฺขเว, ขโณ โว ปฎิลโทฺธ 9 พฺรหฺมจริยวาสาย! ทิฎฺฐา มยา, ภิกฺขเว, ฉ ผสฺสายตนิกา นาม นิรยาฯ ตตฺถ ยํ กิญฺจิ จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ, อนิฎฺฐรูปเญฺญว ปสฺสติ โน อิฎฺฐรูปํ, อกนฺตรูปเญฺญว ปสฺสติ โน กนฺตรูปํ, อมนาปรูปเญฺญว ปสฺสติ โน มนาปรูปํฯ ยํ กิญฺจิ โสเตน สทฺทํ สุณาติ…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายติ… ชิวฺหาย รสํ สายติ… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสติ… มนสา ธมฺมํ วิชานาติ, อนิฎฺฐรูปเญฺญว วิชานาติ โน อิฎฺฐรูปํ, อกนฺตรูปเญฺญว วิชานาติ โน กนฺตรูปํ, อมนาปรูปเญฺญว วิชานาติ โน มนาปรูป’’นฺติ 10ฯ อเตฺถว สุตฺตโนฺตติ? อามนฺตาฯ เตน หิ วตฺตพฺพํ 11 – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬา’’ติฯ

    Na vattabbaṃ – ‘‘sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷā’’ti? Āmantā. Nanu vuttaṃ bhagavatā – ‘‘lābhā vo, bhikkhave, suladdhaṃ vo, bhikkhave, khaṇo vo paṭiladdho 12 brahmacariyavāsāya! Diṭṭhā mayā, bhikkhave, cha phassāyatanikā nāma nirayā. Tattha yaṃ kiñci cakkhunā rūpaṃ passati, aniṭṭharūpaññeva passati no iṭṭharūpaṃ, akantarūpaññeva passati no kantarūpaṃ, amanāparūpaññeva passati no manāparūpaṃ. Yaṃ kiñci sotena saddaṃ suṇāti…pe… ghānena gandhaṃ ghāyati… jivhāya rasaṃ sāyati… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusati… manasā dhammaṃ vijānāti, aniṭṭharūpaññeva vijānāti no iṭṭharūpaṃ, akantarūpaññeva vijānāti no kantarūpaṃ, amanāparūpaññeva vijānāti no manāparūpa’’nti 13. Attheva suttantoti? Āmantā. Tena hi vattabbaṃ 14 – ‘‘sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷā’’ti.

    สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬาติ? อามนฺตาฯ นนุ วุตฺตํ ภควตา – ‘‘ลาภา โว, ภิกฺขเว, สุลทฺธํ โว, ภิกฺขเว, ขโณ โว ปฎิลโทฺธ พฺรหฺมจริยวาสาย! ทิฎฺฐา มยา, ภิกฺขเว, ฉ ผสฺสายตนิกา นาม สคฺคาฯ ตตฺถ ยํ กิญฺจิ จกฺขุนา รูปํ ปสฺสติ, อิฎฺฐรูปเญฺญว ปสฺสติ โน อนิฎฺฐรูปํ, กนฺตรูปเญฺญว ปสฺสติ โน อกนฺตรูปํ, มนาปรูปเญฺญว ปสฺสติ โน อมนาปรูปํฯ ยํ กิญฺจิ โสเตน สทฺทํ สุณาติ…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายติ… ชิวฺหาย รสํ สายติ… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสติ… มนสา ธมฺมํ วิชานาติ, อิฎฺฐรูปเญฺญว วิชานาติ โน อนิฎฺฐรูปํ, กนฺตรูปเญฺญว วิชานาติ โน อกนฺตรูปํ, มนาปรูปเญฺญว วิชานาติ โน อมนาปรูป’’นฺติ 15ฯ อเตฺถว สุตฺตโนฺตติ? อามนฺตาฯ เตน หิ น วตฺตพฺพํ – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬา’’ติฯ

    Sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷāti? Āmantā. Nanu vuttaṃ bhagavatā – ‘‘lābhā vo, bhikkhave, suladdhaṃ vo, bhikkhave, khaṇo vo paṭiladdho brahmacariyavāsāya! Diṭṭhā mayā, bhikkhave, cha phassāyatanikā nāma saggā. Tattha yaṃ kiñci cakkhunā rūpaṃ passati, iṭṭharūpaññeva passati no aniṭṭharūpaṃ, kantarūpaññeva passati no akantarūpaṃ, manāparūpaññeva passati no amanāparūpaṃ. Yaṃ kiñci sotena saddaṃ suṇāti…pe… ghānena gandhaṃ ghāyati… jivhāya rasaṃ sāyati… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusati… manasā dhammaṃ vijānāti, iṭṭharūpaññeva vijānāti no aniṭṭharūpaṃ, kantarūpaññeva vijānāti no akantarūpaṃ, manāparūpaññeva vijānāti no amanāparūpa’’nti 16. Attheva suttantoti? Āmantā. Tena hi na vattabbaṃ – ‘‘sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷā’’ti.

    น วตฺตพฺพํ – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬา’’ติ? อามนฺตาฯ นนุ ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ 17,’’ วุตฺตํ ภควตา, ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา’’ติ 18? อามนฺตาฯ หญฺจิ ‘‘ยทนิจฺจํ ตํ ทุกฺขํ,’’ วุตฺตํ ภควตา, ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา,’’ เตน วต เร วตฺตเพฺพ – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬา’’ติฯ

    Na vattabbaṃ – ‘‘sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷā’’ti? Āmantā. Nanu ‘‘yadaniccaṃ taṃ dukkhaṃ 19,’’ vuttaṃ bhagavatā, ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā’’ti 20? Āmantā. Hañci ‘‘yadaniccaṃ taṃ dukkhaṃ,’’ vuttaṃ bhagavatā, ‘‘sabbe saṅkhārā aniccā,’’ tena vata re vattabbe – ‘‘sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷā’’ti.

    สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬาติ? อามนฺตาฯ ทานํ อนิฎฺฐผลํ อกนฺตผลํ อมนุญฺญผลํ เสจนกผลํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปากนฺติ? น เหวํ วตฺตเพฺพฯ

    Sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷāti? Āmantā. Dānaṃ aniṭṭhaphalaṃ akantaphalaṃ amanuññaphalaṃ secanakaphalaṃ dukkhudrayaṃ dukkhavipākanti? Na hevaṃ vattabbe.

    สีลํ…เป.… อุโปสโถ…เป.… ภาวนา…เป.… พฺรหฺมจริยํ อนิฎฺฐผลํ อกนฺตผลํ อมนุญฺญผลํ เสจนกผลํ ทุกฺขุทฺรยํ ทุกฺขวิปากนฺติ? น เหวํ วตฺตเพฺพฯ

    Sīlaṃ…pe… uposatho…pe… bhāvanā…pe… brahmacariyaṃ aniṭṭhaphalaṃ akantaphalaṃ amanuññaphalaṃ secanakaphalaṃ dukkhudrayaṃ dukkhavipākanti? Na hevaṃ vattabbe.

    นนุ ทานํ อิฎฺฐผลํ กนฺตผลํ มนุญฺญผลํ อเสจนกผลํ สุขุทฺรยํ สุขวิปากนฺติ ? อามนฺตาฯ หญฺจิ ทานํ อิฎฺฐผลํ กนฺตผลํ มนุญฺญผลํ อเสจนกผลํ สุขุทฺรยํ สุขวิปากํ, โน จ วต เร วตฺตเพฺพ – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬา’’ติฯ

    Nanu dānaṃ iṭṭhaphalaṃ kantaphalaṃ manuññaphalaṃ asecanakaphalaṃ sukhudrayaṃ sukhavipākanti ? Āmantā. Hañci dānaṃ iṭṭhaphalaṃ kantaphalaṃ manuññaphalaṃ asecanakaphalaṃ sukhudrayaṃ sukhavipākaṃ, no ca vata re vattabbe – ‘‘sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷā’’ti.

    นนุ สีลํ… อุโปสโถ… ภาวนา… พฺรหฺมจริยํ อิฎฺฐผลํ กนฺตผลํ มนุญฺญผลํ อเสจนกผลํ สุขุทฺรยํ สุขวิปากนฺติ? อามนฺตาฯ หญฺจิ พฺรหฺมจริยํ อิฎฺฐผลํ กนฺตผลํ มนุญฺญผลํ อเสจนกผลํ สุขุทฺรยํ สุขวิปากนฺติ, โน จ วต เร วตฺตเพฺพ – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬา’’ติฯ

    Nanu sīlaṃ… uposatho… bhāvanā… brahmacariyaṃ iṭṭhaphalaṃ kantaphalaṃ manuññaphalaṃ asecanakaphalaṃ sukhudrayaṃ sukhavipākanti? Āmantā. Hañci brahmacariyaṃ iṭṭhaphalaṃ kantaphalaṃ manuññaphalaṃ asecanakaphalaṃ sukhudrayaṃ sukhavipākanti, no ca vata re vattabbe – ‘‘sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷā’’ti.

    สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬาติ? อามนฺตาฯ นนุ วุตฺตํ ภควตา –

    Sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷāti? Āmantā. Nanu vuttaṃ bhagavatā –

    ‘‘สุโข วิเวโก ตุฎฺฐสฺส, สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต;

    ‘‘Sukho viveko tuṭṭhassa, sutadhammassa passato;

    อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลเก, ปาณภูเตสุ สํยโมฯ

    Abyāpajjaṃ sukhaṃ loke, pāṇabhūtesu saṃyamo.

    ‘‘สุขา วิราคตา โลเก, กามานํ สมติกฺกโม;

    ‘‘Sukhā virāgatā loke, kāmānaṃ samatikkamo;

    อสฺมิมานสฺส โย วินโย, เอตํ เว ปรมํ สุขํ 21

    Asmimānassa yo vinayo, etaṃ ve paramaṃ sukhaṃ 22.

    ‘‘ตํ สุเขน สุขํ ปตฺตํ, อจฺจนฺตสุขเมว ตํ;

    ‘‘Taṃ sukhena sukhaṃ pattaṃ, accantasukhameva taṃ;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, เอตํ เว ปรมํ สุข’’นฺติฯ

    Tisso vijjā anuppattā, etaṃ ve paramaṃ sukha’’nti.

    อเตฺถว สุตฺตโนฺตติ? อามนฺตาฯ เตน หิ น วตฺตพฺพํ – ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อโนธิํ กตฺวา กุกฺกุฬา’’ติฯ

    Attheva suttantoti? Āmantā. Tena hi na vattabbaṃ – ‘‘sabbe saṅkhārā anodhiṃ katvā kukkuḷā’’ti.

    กุกฺกุฬกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Kukkuḷakathā niṭṭhitā.







    Footnotes:
    1. ยมฺปิทํ (สํ. นิ. ๔.๒๘)
    2. มหาว. ๕๔; สํ. นิ. ๔.๒๘
    3. เตน หิ (สี. สฺยา.), เตน หิ น วตฺตพฺพํ (ก.)
    4. yampidaṃ (saṃ. ni. 4.28)
    5. mahāva. 54; saṃ. ni. 4.28
    6. tena hi (sī. syā.), tena hi na vattabbaṃ (ka.)
    7. ม. นิ. ๑.๑๖๖; สํ. นิ. ๔.๒๖๘
    8. ma. ni. 1.166; saṃ. ni. 4.268
    9. ปฎิวิโทฺธ (พหูสุ)
    10. สํ. นิ. ๔.๑๓๕
    11. เตน หิ น วตฺตพฺพํ (สฺยา. ก.)
    12. paṭividdho (bahūsu)
    13. saṃ. ni. 4.135
    14. tena hi na vattabbaṃ (syā. ka.)
    15. สํ. นิ. ๔.๑๓๕
    16. saṃ. ni. 4.135
    17. สํ. นิ. ๓.๑๕
    18. ธ. ป. ๒๗๗; ม. นิ. ๑.๓๕๖
    19. saṃ. ni. 3.15
    20. dha. pa. 277; ma. ni. 1.356
    21. มหาว. ๕; อุทา. ๑๑ อุทาเน จ
    22. mahāva. 5; udā. 11 udāne ca



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ปญฺจปกรณ-อฎฺฐกถา • Pañcapakaraṇa-aṭṭhakathā / ๘. กุกฺกุฬกถาวณฺณนา • 8. Kukkuḷakathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact