Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๗. กุกฺกุรวติกสุตฺตวณฺณนา
7. Kukkuravatikasuttavaṇṇanā
๗๘. เอวํ เม สุตนฺติ กุกฺกุรวติกสุตฺตํฯ ตตฺถ โกลิเยสูติ เอวํนามเก ชนปเทฯ โส หิ เอโกปิ โกลนคเร ปติฎฺฐิตานํ โกลิยานํ ราชกุมารานํ นิวาสฎฺฐานตฺตา เอวํ วุจฺจติฯ ตสฺมิํ โกลิเยสุ ชนปเทฯ หลิทฺทวสนนฺติ ตสฺส กิร นิคมสฺส มาปิตกาเล ปีตกวตฺถนิวตฺถา มนุสฺสา นกฺขตฺตํ กีฬิํสุฯ เต นกฺขตฺตกีฬาวสาเน นิคมสฺส นามํ อาโรเปนฺตา หลิทฺทวสนนฺติ นามํ อกํสุฯ ตํ โคจรคามํ กตฺวา วิหรตีติ อโตฺถฯ วิหาโร ปเนตฺถ กิญฺจาปิ น นิยามิโต, ตถาปิ พุทฺธานํ อนุจฺฉวิเก เสนาสเนเยว วิหาสีติ เวทิตโพฺพฯ โควติโกติ สมาทินฺนโควโต, สีเส สิงฺคานิ ฐเปตฺวา นงฺคุฎฺฐํ พนฺธิตฺวา คาวีหิ สทฺธิํ ติณานิ ขาทโนฺต วิย จรติฯ อเจโลติ นโคฺค นิเจฺจโลฯ เสนิโยติ ตสฺส นามํฯ
78.Evaṃme sutanti kukkuravatikasuttaṃ. Tattha koliyesūti evaṃnāmake janapade. So hi ekopi kolanagare patiṭṭhitānaṃ koliyānaṃ rājakumārānaṃ nivāsaṭṭhānattā evaṃ vuccati. Tasmiṃ koliyesu janapade. Haliddavasananti tassa kira nigamassa māpitakāle pītakavatthanivatthā manussā nakkhattaṃ kīḷiṃsu. Te nakkhattakīḷāvasāne nigamassa nāmaṃ āropentā haliddavasananti nāmaṃ akaṃsu. Taṃ gocaragāmaṃ katvā viharatīti attho. Vihāro panettha kiñcāpi na niyāmito, tathāpi buddhānaṃ anucchavike senāsaneyeva vihāsīti veditabbo. Govatikoti samādinnagovato, sīse siṅgāni ṭhapetvā naṅguṭṭhaṃ bandhitvā gāvīhi saddhiṃ tiṇāni khādanto viya carati. Aceloti naggo niccelo. Seniyoti tassa nāmaṃ.
กุกฺกุรวติโกติ สมาทินฺนกุกฺกุรวโต, สพฺพํ สุนขกิริยํ กโรติฯ อุโภเปเต สหปํสุกีฬิกา สหายกาฯ กุกฺกุโรว ปลิกุชฺชิตฺวาติ สุนโข นาม สามิกสฺส สนฺติเก นิสีทโนฺต ทฺวีหิ ปาเทหิ ภูมิยํ วิเลขิตฺวา กุกฺกุรกูชิตํ กูชโนฺต นิสีทติ, อยมฺปิ ‘‘กุกฺกุรกิริยํ กริสฺสามี’’ติ ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิตฺวา ทฺวีหิ หเตฺถหิ ภูมิยํ วิเลขิตฺวา สีสํ วิธุนโนฺต ‘ภู ภู’ติ กตฺวา หตฺถปาเท สมิญฺชิตฺวา สุนโข วิย นิสีทิฯ ฉมานิกฺขิตฺตนฺติ ภูมิยํ ฐปิตํฯ สมตฺตํ สมาทินฺนนฺติ ปริปุณฺณํ กตฺวา คหิตํฯ กา คตีติ กา นิปฺผตฺติฯ โก อภิสมฺปราโยติ อภิสมฺปรายมฺหิ กตฺถ นิพฺพตฺติฯ อลนฺติ ตสฺส อปฺปิยํ ภวิสฺสตีติ ยาวตติยํ ปฎิพาหติฯ กุกฺกุรวตนฺติ กุกฺกุรวตสมาทานํฯ
Kukkuravatikoti samādinnakukkuravato, sabbaṃ sunakhakiriyaṃ karoti. Ubhopete sahapaṃsukīḷikā sahāyakā. Kukkurova palikujjitvāti sunakho nāma sāmikassa santike nisīdanto dvīhi pādehi bhūmiyaṃ vilekhitvā kukkurakūjitaṃ kūjanto nisīdati, ayampi ‘‘kukkurakiriyaṃ karissāmī’’ti bhagavatā saddhiṃ sammoditvā dvīhi hatthehi bhūmiyaṃ vilekhitvā sīsaṃ vidhunanto ‘bhū bhū’ti katvā hatthapāde samiñjitvā sunakho viya nisīdi. Chamānikkhittanti bhūmiyaṃ ṭhapitaṃ. Samattaṃ samādinnanti paripuṇṇaṃ katvā gahitaṃ. Kā gatīti kā nipphatti. Ko abhisamparāyoti abhisamparāyamhi kattha nibbatti. Alanti tassa appiyaṃ bhavissatīti yāvatatiyaṃ paṭibāhati. Kukkuravatanti kukkuravatasamādānaṃ.
๗๙. ภาเวตีติ วเฑฺฒติฯ ปริปุณฺณนฺติ อนูนํฯ อโพฺพกิณฺณนฺติ นิรนฺตรํฯ กุกฺกุรสีลนฺติ กุกฺกุราจารํฯ กุกฺกุรจิตฺตนฺติ ‘‘อชฺช ปฎฺฐาย กุกฺกุเรหิ กาตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ เอวํ อุปฺปนฺนจิตฺตํฯ กุกฺกุรากปฺปนฺติ กุกฺกุรานํ คมนากาโร อตฺถิ, ติฎฺฐนากาโร อตฺถิ, นิสีทนากาโร อตฺถิ, สยนากาโร อตฺถิ, อุจฺจารปสฺสาวกรณากาโร อตฺถิ, อเญฺญ กุกฺกุเร ทิสฺวา ทเนฺต วิวริตฺวา คมนากาโร อตฺถิ, อยํ กุกฺกุรากโปฺป นาม, ตํ ภาเวตีติ อโตฺถ ฯ อิมินาหํ สีเลนาติอาทีสุ อหํ อิมินา อาจาเรน วา วตสมาทาเนน วา ทุกฺกรตปจรเณน วา เมถุนวิรติพฺรหฺมจริเยน วาติ อโตฺถฯ เทโวติ สกฺกสุยามาทีสุ อญฺญตโรฯ เทวญฺญตโรติ เตสํ ทุติยตติยฎฺฐานาทีสุ อญฺญตรเทโวฯ มิจฺฉาทิฎฺฐีติ อเทวโลกคามิมคฺคเมว เทวโลกคามิมโคฺคติ คเหตฺวา อุปฺปนฺนตาย สา อสฺส มิจฺฉาทิฎฺฐิ นาม โหติฯ อญฺญตรํ คติํ วทามีติ ตสฺส หิ นิรยโต วา ติรจฺฉานโยนิโต วา อญฺญา คติ นตฺถิ, ตสฺมา เอวมาหฯ สมฺปชฺชมานนฺติ ทิฎฺฐิยา อสมฺมิสฺสํ หุตฺวา นิปชฺชมานํฯ
79.Bhāvetīti vaḍḍheti. Paripuṇṇanti anūnaṃ. Abbokiṇṇanti nirantaraṃ. Kukkurasīlanti kukkurācāraṃ. Kukkuracittanti ‘‘ajja paṭṭhāya kukkurehi kātabbaṃ karissāmī’’ti evaṃ uppannacittaṃ. Kukkurākappanti kukkurānaṃ gamanākāro atthi, tiṭṭhanākāro atthi, nisīdanākāro atthi, sayanākāro atthi, uccārapassāvakaraṇākāro atthi, aññe kukkure disvā dante vivaritvā gamanākāro atthi, ayaṃ kukkurākappo nāma, taṃ bhāvetīti attho . Imināhaṃ sīlenātiādīsu ahaṃ iminā ācārena vā vatasamādānena vā dukkaratapacaraṇena vā methunaviratibrahmacariyena vāti attho. Devoti sakkasuyāmādīsu aññataro. Devaññataroti tesaṃ dutiyatatiyaṭṭhānādīsu aññataradevo. Micchādiṭṭhīti adevalokagāmimaggameva devalokagāmimaggoti gahetvā uppannatāya sā assa micchādiṭṭhi nāma hoti. Aññataraṃ gatiṃ vadāmīti tassa hi nirayato vā tiracchānayonito vā aññā gati natthi, tasmā evamāha. Sampajjamānanti diṭṭhiyā asammissaṃ hutvā nipajjamānaṃ.
นาหํ, ภเนฺต, เอตํ โรทามิ, ยํ มํ ภควา เอวมาหาติ ยํ มํ, ภเนฺต, ภควา เอวมาห, อหเมตํ ภควโต พฺยากรณํ น โรทามิ น ปริเทวามิ, น อนุตฺถุนามีติ อโตฺถฯ เอวํ สกมฺมกวเสเนตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพ, น อสฺสุมุญฺจนมเตฺตนฯ
Nāhaṃ, bhante, etaṃ rodāmi, yaṃ maṃ bhagavā evamāhāti yaṃ maṃ, bhante, bhagavā evamāha, ahametaṃ bhagavato byākaraṇaṃ na rodāmi na paridevāmi, na anutthunāmīti attho. Evaṃ sakammakavasenettha attho veditabbo, na assumuñcanamattena.
‘‘มตํ วา อมฺม โรทนฺติ, โย วา ชีวํ น ทิสฺสติ;
‘‘Mataṃ vā amma rodanti, yo vā jīvaṃ na dissati;
ชีวนฺตํ อมฺม ปสฺสนฺตี, กสฺมา มํ อมฺม โรทสี’’ติฯ (สํ. นิ. ๑.๒๓๙) –
Jīvantaṃ amma passantī, kasmā maṃ amma rodasī’’ti. (saṃ. ni. 1.239) –
อยเญฺจตฺถ ปโยโคฯ อปิจ เม อิทํ, ภเนฺตติ อปิจ โข เม อิทํ, ภเนฺต, กุกฺกุรวตํ ทีฆรตฺตํ สมาทินฺนํ, ตสฺมิํ สมฺปชฺชเนฺตปิ วุทฺธิ นตฺถิ, วิปชฺชเนฺตปิฯ อิติ ‘‘เอตฺตกํ กาลํ มยา กตกมฺมํ โมฆํ ชาต’’นฺติ อตฺตโน วิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขมาโน โรทามิ, ภเนฺตติฯ
Ayañcettha payogo. Apica me idaṃ, bhanteti apica kho me idaṃ, bhante, kukkuravataṃ dīgharattaṃ samādinnaṃ, tasmiṃ sampajjantepi vuddhi natthi, vipajjantepi. Iti ‘‘ettakaṃ kālaṃ mayā katakammaṃ moghaṃ jāta’’nti attano vipattiṃ paccavekkhamāno rodāmi, bhanteti.
๘๐. โควตนฺติอาทีนิ กุกฺกุรวตาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานิฯ ควากปฺปนฺติ โคอากปฺปํฯ เสสํ กุกฺกุรากเปฺป วุตฺตสทิสเมวฯ ยถา ปน ตตฺถ อเญฺญ กุกฺกุเร ทิสฺวา ทเนฺต วิวริตฺวา คมนากาโร, เอวมิธ อเญฺญ คาโว ทิสฺวา กเณฺณ อุกฺขิปิตฺวา คมนากาโร เวทิตโพฺพฯ เสสํ ตาทิสเมวฯ
80.Govatantiādīni kukkuravatādīsu vuttanayeneva veditabbāni. Gavākappanti goākappaṃ. Sesaṃ kukkurākappe vuttasadisameva. Yathā pana tattha aññe kukkure disvā dante vivaritvā gamanākāro, evamidha aññe gāvo disvā kaṇṇe ukkhipitvā gamanākāro veditabbo. Sesaṃ tādisameva.
๘๑. จตฺตาริมานิ ปุณฺณ กมฺมานีติ กสฺมา อิมํ เทสนํ อารภิ? อยญฺหิ เทสนา เอกจฺจกมฺมกิริยวเสน อาคตา, อิมสฺมิญฺจ กมฺมจตุเกฺก กถิเต อิเมสํ กิริยา ปากฎา ภวิสฺสตีติ อิมํ เทสนํ อารภิฯ อปิจ อิมํ กมฺมจตุกฺกเมว เทสิยมานํ อิเม สญฺชานิสฺสนฺติ , ตโต เอโก สรณํ คมิสฺสติ, เอโก ปพฺพชิตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิสฺสตีติ อยเมว เอเตสํ สปฺปายาติ ญตฺวาปิ อิมํ เทสนํ อารภิฯ
81.Cattārimānipuṇṇa kammānīti kasmā imaṃ desanaṃ ārabhi? Ayañhi desanā ekaccakammakiriyavasena āgatā, imasmiñca kammacatukke kathite imesaṃ kiriyā pākaṭā bhavissatīti imaṃ desanaṃ ārabhi. Apica imaṃ kammacatukkameva desiyamānaṃ ime sañjānissanti , tato eko saraṇaṃ gamissati, eko pabbajitvā arahattaṃ pāpuṇissatīti ayameva etesaṃ sappāyāti ñatvāpi imaṃ desanaṃ ārabhi.
ตตฺถ กณฺหนฺติ กาฬกํ ทสอกุสลกมฺมปถกมฺมํฯ กณฺหวิปากนฺติ อปาเย นิพฺพตฺตนโต กาฬกวิปากํฯ สุกฺกนฺติ ปณฺฑรํ ทสกุสลกมฺมปถกมฺมํฯ สุกฺกวิปากนฺติ สเคฺค นิพฺพตฺตนโต ปณฺฑรวิปากํฯ กณฺหสุกฺกนฺติ โวมิสฺสกกมฺมํฯ กณฺหสุกฺกวิปากนฺติ สุขทุกฺขวิปากํฯ มิสฺสกกมฺมญฺหิ กตฺวา อกุสเลน ติรจฺฉานโยนิยํ มงฺคลหตฺถิฎฺฐานาทีสุ อุปฺปโนฺน กุสเลน ปวเตฺต สุขํ เวทิยติฯ กุสเลน ราชกุเลปิ นิพฺพโตฺต อกุสเลน ปวเตฺต ทุกฺขํ เวทิยติฯ อกณฺหํ อสุกฺกนฺติ กมฺมกฺขยกรํ จตุมคฺคเจตนากมฺมํ อธิเปฺปตํฯ ตญฺหิ ยทิ กณฺหํ ภเวยฺย, กณฺหวิปากํ ทเทยฺยฯ ยทิ สุกฺกํ ภเวยฺย, สุกฺกวิปากํ ทเทยฺยฯ อุภยวิปากสฺส ปน อทานโต อกณฺหาสุกฺกวิปากตฺตา ‘‘อกณฺหํ อสุกฺก’’นฺติ วุตฺตํฯ อยํ ตาว อุเทฺทเส อโตฺถฯ
Tattha kaṇhanti kāḷakaṃ dasaakusalakammapathakammaṃ. Kaṇhavipākanti apāye nibbattanato kāḷakavipākaṃ. Sukkanti paṇḍaraṃ dasakusalakammapathakammaṃ. Sukkavipākanti sagge nibbattanato paṇḍaravipākaṃ. Kaṇhasukkanti vomissakakammaṃ. Kaṇhasukkavipākanti sukhadukkhavipākaṃ. Missakakammañhi katvā akusalena tiracchānayoniyaṃ maṅgalahatthiṭṭhānādīsu uppanno kusalena pavatte sukhaṃ vediyati. Kusalena rājakulepi nibbatto akusalena pavatte dukkhaṃ vediyati. Akaṇhaṃ asukkanti kammakkhayakaraṃ catumaggacetanākammaṃ adhippetaṃ. Tañhi yadi kaṇhaṃ bhaveyya, kaṇhavipākaṃ dadeyya. Yadi sukkaṃ bhaveyya, sukkavipākaṃ dadeyya. Ubhayavipākassa pana adānato akaṇhāsukkavipākattā ‘‘akaṇhaṃ asukka’’nti vuttaṃ. Ayaṃ tāva uddese attho.
นิเทฺทเส ปน สพฺยาพชฺฌนฺติ สทุกฺขํฯ กายสงฺขาราทีสุ กายทฺวาเร คหณาทิวเสน โจปนปฺปตฺตา ทฺวาทส อกุสลเจตนา สพฺยาพชฺฌกายสงฺขาโร นามฯ วจีทฺวาเร หนุสโญฺจปนวเสน วจีเภทปวตฺติกา ตาเยว ทฺวาทส วจีสงฺขาโร นามฯ อุภยโจปนํ อปฺปตฺตา รโห จินฺตยนฺตสฺส มโนทฺวาเร ปวตฺตา มโนสงฺขาโร นามฯ อิติ ตีสุปิ ทฺวาเรสุ กายทุจฺจริตาทิเภทา อกุสลเจตนาว สงฺขาราติ เวทิตพฺพาฯ อิมสฺมิญฺหิ สุเตฺต เจตนา ธุรํ, อุปาลิสุเตฺต กมฺมํฯ อภิสงฺขริตฺวาติ สงฺกฑฺฒิตฺวา, ปิณฺฑํ กตฺวาติ อโตฺถฯ สพฺยาพชฺฌํ โลกนฺติ สทุกฺขํ โลกํ อุปปชฺชนฺติฯ สพฺยาพชฺฌา ผสฺสา ผุสนฺตีติ สทุกฺขา วิปากผสฺสา ผุสนฺติฯ เอกนฺตทุกฺขนฺติ นิรนฺตรทุกฺขํฯ ภูตาติ เหตฺวเตฺถ นิสฺสกฺกวจนํ, ภูตกมฺมโต ภูตสฺส สตฺตสฺส อุปฺปตฺติ โหติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถาภูตํ กมฺมํ สตฺตา กโรนฺติ, ตถาภูเตน กเมฺมน กมฺมสภาควเสน เตสํ อุปปตฺติ โหติฯ เตเนวาห ‘‘ยํ กโรติ เตน อุปปชฺชตี’’ติฯ เอตฺถ จ เตนาติ กเมฺมน วิย วุตฺตา, อุปปตฺติ จ นาม วิปาเกน โหติฯ ยสฺมา ปน วิปากสฺส กมฺมํ เหตุ, ตสฺมา เตน มูลเหตุภูเตน กเมฺมน นิพฺพตฺตตีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ ผสฺสา ผุสนฺตีติ เยน กมฺมวิปาเกน นิพฺพโตฺต, ตํกมฺมวิปากผสฺสา ผุสนฺติฯ กมฺมทายาทาติ กมฺมทายชฺชา กมฺมเมว เนสํ ทายชฺชํ สนฺตกนฺติ วทามิฯ
Niddese pana sabyābajjhanti sadukkhaṃ. Kāyasaṅkhārādīsu kāyadvāre gahaṇādivasena copanappattā dvādasa akusalacetanā sabyābajjhakāyasaṅkhāro nāma. Vacīdvāre hanusañcopanavasena vacībhedapavattikā tāyeva dvādasa vacīsaṅkhāro nāma. Ubhayacopanaṃ appattā raho cintayantassa manodvāre pavattā manosaṅkhāro nāma. Iti tīsupi dvāresu kāyaduccaritādibhedā akusalacetanāva saṅkhārāti veditabbā. Imasmiñhi sutte cetanā dhuraṃ, upālisutte kammaṃ. Abhisaṅkharitvāti saṅkaḍḍhitvā, piṇḍaṃ katvāti attho. Sabyābajjhaṃ lokanti sadukkhaṃ lokaṃ upapajjanti. Sabyābajjhā phassā phusantīti sadukkhā vipākaphassā phusanti. Ekantadukkhanti nirantaradukkhaṃ. Bhūtāti hetvatthe nissakkavacanaṃ, bhūtakammato bhūtassa sattassa uppatti hoti. Idaṃ vuttaṃ hoti – yathābhūtaṃ kammaṃ sattā karonti, tathābhūtena kammena kammasabhāgavasena tesaṃ upapatti hoti. Tenevāha ‘‘yaṃ karoti tena upapajjatī’’ti. Ettha ca tenāti kammena viya vuttā, upapatti ca nāma vipākena hoti. Yasmā pana vipākassa kammaṃ hetu, tasmā tena mūlahetubhūtena kammena nibbattatīti ayamettha attho. Phassā phusantīti yena kammavipākena nibbatto, taṃkammavipākaphassā phusanti. Kammadāyādāti kammadāyajjā kammameva nesaṃ dāyajjaṃ santakanti vadāmi.
อพฺยาพชฺฌนฺติ นิทฺทุกฺขํ ฯ อิมสฺมิํ วาเร กายทฺวาเร ปวตฺตา อฎฺฐ กามาวจรกุสลเจตนา กายสงฺขาโร นามฯ ตาเยว วจีทฺวาเร ปวตฺตา วจีสงฺขาโร นามฯ มโนทฺวาเร ปวตฺตา ตาเยว อฎฺฐ, ติโสฺส จ เหฎฺฐิมฌานเจตนา อพฺยาพชฺฌมโนสงฺขาโร นามฯ ฌานเจตนา ตาว โหตุ, กามาวจรา กินฺติ อพฺยาพชฺฌมโนสงฺขาโร นาม ชาตาติฯ กสิณสชฺชนกาเล จ กสิณาเสวนกาเล จ ลพฺภนฺติฯ กามาวจรเจตนา ปฐมชฺฌานเจตนาย ฆฎิตา, จตุตฺถชฺฌานเจตนา ตติยชฺฌานเจตนาย ฆฎิตาฯ อิติ ตีสุปิ ทฺวาเรสุ กายสุจริตาทิเภทา กุสลเจตนาว สงฺขาราติ เวทิตโพฺพฯ ตติยวาโร อุภยมิสฺสกวเสน เวทิตพฺพาฯ
Abyābajjhanti niddukkhaṃ . Imasmiṃ vāre kāyadvāre pavattā aṭṭha kāmāvacarakusalacetanā kāyasaṅkhāro nāma. Tāyeva vacīdvāre pavattā vacīsaṅkhāro nāma. Manodvāre pavattā tāyeva aṭṭha, tisso ca heṭṭhimajhānacetanā abyābajjhamanosaṅkhāro nāma. Jhānacetanā tāva hotu, kāmāvacarā kinti abyābajjhamanosaṅkhāro nāma jātāti. Kasiṇasajjanakāle ca kasiṇāsevanakāle ca labbhanti. Kāmāvacaracetanā paṭhamajjhānacetanāya ghaṭitā, catutthajjhānacetanā tatiyajjhānacetanāya ghaṭitā. Iti tīsupi dvāresu kāyasucaritādibhedā kusalacetanāva saṅkhārāti veditabbo. Tatiyavāro ubhayamissakavasena veditabbā.
เสยฺยถาปิ มนุสฺสาติอาทีสุ มนุสฺสานํ ตาว กาเลน สุขํ กาเลน ทุกฺขํ ปากฎเมว, เทเวสุ ปน ภุมฺมเทวตานํ, วินิปาติเกสุ เวมานิกเปตานํ กาเลน สุขํ กาเลน ทุกฺขํ โหตีติ เวทิตพฺพํฯ หตฺถิอาทีสุ ติรจฺฉาเนสุปิ ลพฺภติเยวฯ
Seyyathāpi manussātiādīsu manussānaṃ tāva kālena sukhaṃ kālena dukkhaṃ pākaṭameva, devesu pana bhummadevatānaṃ, vinipātikesu vemānikapetānaṃ kālena sukhaṃ kālena dukkhaṃ hotīti veditabbaṃ. Hatthiādīsu tiracchānesupi labbhatiyeva.
ตตฺราติ เตสุ ตีสุ กเมฺมสุฯ ตสฺส ปหานาย ยา เจตนาติ ตสฺส ปหานตฺถาย มคฺคเจตนาฯ กมฺมํ ปตฺวาว มคฺคเจตนาย อโญฺญ ปณฺฑรตโร ธโมฺม นาม นตฺถิฯ อิทํ ปน กมฺมจตุกฺกํ ปตฺวา ทฺวาทส อกุสลเจตนา กณฺหา นาม, เตภูมกกุสลเจตนา สุกฺกา นาม, มคฺคเจตนา อกณฺหา อสุกฺกาติ อาคตาฯ
Tatrāti tesu tīsu kammesu. Tassa pahānāya yā cetanāti tassa pahānatthāya maggacetanā. Kammaṃ patvāva maggacetanāya añño paṇḍarataro dhammo nāma natthi. Idaṃ pana kammacatukkaṃ patvā dvādasa akusalacetanā kaṇhā nāma, tebhūmakakusalacetanā sukkā nāma, maggacetanā akaṇhā asukkāti āgatā.
๘๒. ‘‘ลเภยฺยาหํ, ภเนฺต’’ติ อิทํ โส ‘‘จิรํ วต เม อนิยฺยานิกปเกฺข โยเชตฺวา อตฺตา กิลมิโต, ‘สุกฺขนทีตีเร นฺหายิสฺสามี’ติ สมฺปริวเตฺตเนฺตน วิย ถุเส โกเฎฺฎเนฺตน วิย จ น โกจิ อโตฺถ นิปฺผาทิโต, หนฺทาหํ อตฺตานํ โยเค โยเชมี’’ติ จิเนฺตตฺวา อาหฯ อถ ภควา โยเนน ขนฺธเก ติตฺถิยปริวาโส ปญฺญโตฺต, ยํ อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ สามเณรภูมิยํ ฐิโต – ‘‘อหํ, ภเนฺต, อิตฺถนฺนาโม อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อากงฺขามิ อุปสมฺปทํ, สฺวาหํ, ภเนฺต, สงฺฆํ จตฺตาโร มาเส ปริวาสํ ยาจามี’’ติอาทินา (มหาว. ๘๖) นเยน สมาทิยิตฺวา ปริวสติ, ตํ สนฺธาย ‘‘โย โข, เสนิย, อญฺญติตฺถิยปุโพฺพ’’ติอาทิมาหฯ
82.‘‘Labheyyāhaṃ, bhante’’ti idaṃ so ‘‘ciraṃ vata me aniyyānikapakkhe yojetvā attā kilamito, ‘sukkhanadītīre nhāyissāmī’ti samparivattentena viya thuse koṭṭentena viya ca na koci attho nipphādito, handāhaṃ attānaṃ yoge yojemī’’ti cintetvā āha. Atha bhagavā yonena khandhake titthiyaparivāso paññatto, yaṃ aññatitthiyapubbo sāmaṇerabhūmiyaṃ ṭhito – ‘‘ahaṃ, bhante, itthannāmo aññatitthiyapubbo imasmiṃ dhammavinaye ākaṅkhāmi upasampadaṃ, svāhaṃ, bhante, saṅghaṃ cattāro māse parivāsaṃ yācāmī’’tiādinā (mahāva. 86) nayena samādiyitvā parivasati, taṃ sandhāya ‘‘yo kho, seniya, aññatitthiyapubbo’’tiādimāha.
ตตฺถ ปพฺพชฺชนฺติ วจนสิลิฎฺฐตาวเสเนว วุตฺตํฯ อปริวสิตฺวาเยว หิ ปพฺพชฺชํ ลภติฯ อุปสมฺปทตฺถิเกน ปน นาติกาเลน คามปฺปเวสนาทีนิ อฎฺฐ วตฺตานิ ปูเรเนฺตน ปริวสิตพฺพํ ฯ อารทฺธจิตฺตาติ อฎฺฐวตฺตปูรเณน ตุฎฺฐจิตฺตาฯ อยเมตฺถ สเงฺขโปฯ วิตฺถารโต ปเนส ติตฺถิยปริวาโส สมนฺตปาสาทิกาย วินยฎฺฐกถาย ปพฺพชฺชขนฺธกวณฺณนายํ (มหาว. อฎฺฐ. ๘๖) วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพ ฯ อปิจ เมตฺถาติ อปิจ เม เอตฺถฯ ปุคฺคลเวมตฺตตา วิทิตาติ ปุคฺคลนานตฺตํ วิทิตํฯ อยํ ปุคฺคโล ปริวาสารโห, อยํ น ปริวาสารโหติ อิทํ มยฺหํ ปากฎนฺติ ทเสฺสติฯ
Tattha pabbajjanti vacanasiliṭṭhatāvaseneva vuttaṃ. Aparivasitvāyeva hi pabbajjaṃ labhati. Upasampadatthikena pana nātikālena gāmappavesanādīni aṭṭha vattāni pūrentena parivasitabbaṃ . Āraddhacittāti aṭṭhavattapūraṇena tuṭṭhacittā. Ayamettha saṅkhepo. Vitthārato panesa titthiyaparivāso samantapāsādikāya vinayaṭṭhakathāya pabbajjakhandhakavaṇṇanāyaṃ (mahāva. aṭṭha. 86) vuttanayeneva veditabbo . Apica metthāti apica me ettha. Puggalavemattatā viditāti puggalanānattaṃ viditaṃ. Ayaṃ puggalo parivāsāraho, ayaṃ na parivāsārahoti idaṃ mayhaṃ pākaṭanti dasseti.
ตโต เสนิโย จิเนฺตสิ – ‘‘อโห อจฺฉริยํ พุทฺธสาสนํ, ยตฺถ เอวํ ฆํสิตฺวา โกเฎฺฎตฺวา ยุตฺตเมว คณฺหนฺติ, อยุตฺตํ ฉเฑฺฑนฺตี’’ติฯ ตโต สุฎฺฐุตรํ ปพฺพชฺชาย สญฺชาตุสฺสาโห สเจ, ภเนฺตติอาทิมาหฯ อถ ภควา ตสฺส ติพฺพจฺฉนฺทตํ วิทิตฺวา น เสนิโย ปริวาสํ อรหตีติ อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อามเนฺตสิ – ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, ภิกฺขุ, เสนิยํ นฺหาเปตฺวา ปพฺพาเชตฺวา อาเนหี’’ติฯ โส ตถา กตฺวา ตํ ปพฺพาเชตฺวา ภควโต สนฺติกํ อานยิฯ ภควา คเณ นิสีทิตฺวา อุปสมฺปาเทสิฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อลตฺถ โข อเจโล เสนิโย ภควโต สนฺติเก ปพฺพชฺชํ อลตฺถ อุปสมฺปท’’นฺติฯ
Tato seniyo cintesi – ‘‘aho acchariyaṃ buddhasāsanaṃ, yattha evaṃ ghaṃsitvā koṭṭetvā yuttameva gaṇhanti, ayuttaṃ chaḍḍentī’’ti. Tato suṭṭhutaraṃ pabbajjāya sañjātussāho sace, bhantetiādimāha. Atha bhagavā tassa tibbacchandataṃ viditvā na seniyo parivāsaṃ arahatīti aññataraṃ bhikkhuṃ āmantesi – ‘‘gaccha tvaṃ, bhikkhu, seniyaṃ nhāpetvā pabbājetvā ānehī’’ti. So tathā katvā taṃ pabbājetvā bhagavato santikaṃ ānayi. Bhagavā gaṇe nisīditvā upasampādesi. Tena vuttaṃ – ‘‘alattha kho acelo seniyo bhagavato santike pabbajjaṃ alattha upasampada’’nti.
อจิรูปสมฺปโนฺนติ อุปสมฺปโนฺน หุตฺวา นจิรเมวฯ วูปกโฎฺฐติ วตฺถุกามกิเลสกาเมหิ กาเยน จ จิเตฺตน จ วูปกโฎฺฐฯ อปฺปมโตฺตติ กมฺมฎฺฐาเน สติํ อวิชหโนฺตฯ อาตาปีติ กายิกเจตสิกสงฺขาเตน วีริยาตาเปน อาตาปีฯ ปหิตโตฺตติ กาเย จ ชีวิเต จ อนเปกฺขตาย เปสิตโตฺต วิสฺสฎฺฐอตฺตภาโวฯ ยสฺสตฺถายาติ ยสฺส อตฺถายฯ กุลปุตฺตาติ อาจารกุลปุตฺตาฯ สมฺมเทวาติ เหตุนาว การเณเนวฯ ตทนุตฺตรนฺติ ตํ อนุตฺตรํฯ พฺรหฺมจริยปริโยสานนฺติ มคฺคพฺรหฺมจริยปริโยสานภูตํ อรหตฺตผลํฯ ตสฺส หิ อตฺถาย กุลปุตฺตา ปพฺพชนฺติฯ ทิเฎฺฐว ธเมฺมติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเวฯ สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวาติ อตฺตนาเยว ปญฺญาย ปจฺจกฺขํ กตฺวา, อปรปฺปจฺจยํ ญตฺวาติ อโตฺถฯ อุปสมฺปชฺช วิหาสีติ ปาปุณิตฺวา สมฺปาเทตฺวา วิหาสิฯ เอวํ วิหรโนฺตว ขีณา ชาติ…เป.… อพฺภญฺญาสิฯ
Acirūpasampannoti upasampanno hutvā nacirameva. Vūpakaṭṭhoti vatthukāmakilesakāmehi kāyena ca cittena ca vūpakaṭṭho. Appamattoti kammaṭṭhāne satiṃ avijahanto. Ātāpīti kāyikacetasikasaṅkhātena vīriyātāpena ātāpī. Pahitattoti kāye ca jīvite ca anapekkhatāya pesitatto vissaṭṭhaattabhāvo. Yassatthāyāti yassa atthāya. Kulaputtāti ācārakulaputtā. Sammadevāti hetunāva kāraṇeneva. Tadanuttaranti taṃ anuttaraṃ. Brahmacariyapariyosānanti maggabrahmacariyapariyosānabhūtaṃ arahattaphalaṃ. Tassa hi atthāya kulaputtā pabbajanti. Diṭṭheva dhammeti imasmiṃyeva attabhāve. Sayaṃ abhiññā sacchikatvāti attanāyeva paññāya paccakkhaṃ katvā, aparappaccayaṃ ñatvāti attho. Upasampajja vihāsīti pāpuṇitvā sampādetvā vihāsi. Evaṃ viharantova khīṇā jāti…pe… abbhaññāsi.
เอวมสฺส ปจฺจเวกฺขณภูมิํ ทเสฺสตฺวา อรหตฺตนิกูเฎเนว เทสนํ นิฎฺฐาเปตุํ ‘‘อญฺญตโร โข ปนายสฺมา เสนิโย อรหตํ อโหสี’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อญฺญตโรติ เอโกฯ อรหตนฺติ อรหนฺตานํ, ภควโต สาวกานํ อรหนฺตานํ อพฺภนฺตโร อโหสีติ อยเมวตฺถ อธิปฺปาโยฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
Evamassa paccavekkhaṇabhūmiṃ dassetvā arahattanikūṭeneva desanaṃ niṭṭhāpetuṃ ‘‘aññataro kho panāyasmā seniyo arahataṃ ahosī’’ti vuttaṃ. Tattha aññataroti eko. Arahatanti arahantānaṃ, bhagavato sāvakānaṃ arahantānaṃ abbhantaro ahosīti ayamevattha adhippāyo. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
กุกฺกุรวติกสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kukkuravatikasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๗. กุกฺกุรวติกสุตฺตํ • 7. Kukkuravatikasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๗. กุกฺกุรวติกสุตฺตวณฺณนา • 7. Kukkuravatikasuttavaṇṇanā