Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) |
๗. กุกฺกุรวติกสุตฺตวณฺณนา
7. Kukkuravatikasuttavaṇṇanā
๗๘. โกลิเยสูติ พหุวจนวเสนายํ ปาฬิ อาคตาฯ เอวํนามเก ชนปเทติ อตฺถวจนํ กสฺมา วุตฺตนฺติ อาห ‘‘โส หี’’ติอาทิฯ น นิยมิโตติ ‘‘อสุกมฺหิ นาม วิหาเร’’ติ น นิยเมตฺวา วุโตฺตฯ เสนาสเนเยวาติ อาวาเสเยว, น รุกฺขมูลาทิเกฯ เวสกิริยา ฆาสคฺคหณาทินา สมาทาตพฺพเฎฺฐน โควตํ, ตสฺมิํ นิยุโตฺต โควติโกฯ เตนาห ‘‘สมาทินฺนโควโต’’ติฯ ยํ สนฺธายาหุ เวทเวทิโน – ‘‘คจฺฉํ ภเกฺขติ, ติฎฺฐํ มุเตฺตติ, อุปาหา อุทกํ ธูเปติ, ติณานิ ฉินฺทตี’’ติอาทิฯ อยํ อเจโลติ อเจลกปพฺพชฺชาวเสน อเจโล, ปุริโม ปน โควติโก กุกฺกุรวติโกติ เอตฺถ วุตฺตนยานุสาเรน อโตฺถ วตฺตโพฺพฯ ปลิกุณฺฐิตฺวาติ อุโภ หเตฺถ อุโภ ปาเท จ สมิญฺชิตฺวาฯ ‘‘อุกฺกุฎิโก หุตฺวา’’ติปิ วทนฺติฯ คมนํ นิปฺผชฺชนํ คตีติ อาห – ‘‘กา คตีติ กา นิปฺผตฺตี’’ติฯ นิปฺผตฺติปริโยสานา หิ วิปากธมฺมปฺปวตฺติฯ กตูปจิตกมฺมวเสน อภิสมฺปเรติ เอตฺถาติ อภิสมฺปราโย, ปรโลโกฯ ตตฺถสฺส จ นิปฺผตฺติํ ปุจฺฉตีติ อาห – ‘‘อภิสมฺปรายมฺหิ กตฺถ นิพฺพตฺตี’’ติฯ กุกฺกุรวตสมาทานนฺติ กุกฺกุรภาวสมาทานํ, ‘‘อชฺช ปฎฺฐาย อหํ กุกฺกุโร’’ติ กุกฺกุรภาวาธิฎฺฐานํฯ
78.Koliyesūti bahuvacanavasenāyaṃ pāḷi āgatā. Evaṃnāmake janapadeti atthavacanaṃ kasmā vuttanti āha ‘‘so hī’’tiādi. Na niyamitoti ‘‘asukamhi nāma vihāre’’ti na niyametvā vutto. Senāsaneyevāti āvāseyeva, na rukkhamūlādike. Vesakiriyā ghāsaggahaṇādinā samādātabbaṭṭhena govataṃ, tasmiṃ niyutto govatiko. Tenāha ‘‘samādinnagovato’’ti. Yaṃ sandhāyāhu vedavedino – ‘‘gacchaṃ bhakkheti, tiṭṭhaṃ mutteti, upāhā udakaṃ dhūpeti, tiṇāni chindatī’’tiādi. Ayaṃ aceloti acelakapabbajjāvasena acelo, purimo pana govatiko kukkuravatikoti ettha vuttanayānusārena attho vattabbo. Palikuṇṭhitvāti ubho hatthe ubho pāde ca samiñjitvā. ‘‘Ukkuṭiko hutvā’’tipi vadanti. Gamanaṃ nipphajjanaṃ gatīti āha – ‘‘kāgatīti kā nipphattī’’ti. Nipphattipariyosānā hi vipākadhammappavatti. Katūpacitakammavasena abhisampareti etthāti abhisamparāyo, paraloko. Tatthassa ca nipphattiṃ pucchatīti āha – ‘‘abhisamparāyamhi kattha nibbattī’’ti. Kukkuravatasamādānanti kukkurabhāvasamādānaṃ, ‘‘ajja paṭṭhāya ahaṃ kukkuro’’ti kukkurabhāvādhiṭṭhānaṃ.
๗๙. ปริปุณฺณนฺติ ยตฺตกา กุกฺกุรวิการา, เตหิ ปริปุณฺณํฯ เตนาห ‘‘อนูน’’นฺติฯ อโพฺพกิณฺณนฺติ เตหิ อโวมิสฺสํฯ กุกฺกุราจารนฺติ กุกฺกุรานํ คมนากาโรติอาทิอาจาเรน กุกฺกุรภาวาธิฎฺฐานจิตฺตมาหฯ ตถา ตถา อากเปฺปตพฺพโต อากโปฺป, ปวตฺติอากาโรฯ โส ปเนตฺถ คมนาทิโกติ อาห ‘‘กุกฺกุรานํ คมนากาโร’’ติอาทิฯ อาจาเรนาติ กุกฺกุรสีลาจาเรนฯ วตสมาทาเนนาติ กุกฺกุรวตาธิฎฺฐาเนนฯ กุกฺกุรจริยาทิเยว ทุกฺกรตปจรณํฯ เตน คติวิปริเยสากาเรน ปวตฺตา ลทฺธิฯ อสฺส กุกฺกุรวติกสฺส อญฺญา คติ นตฺถีติ อิตรคติํ ปฎิกฺขิปติ, อิตราสํ ปน สมฺภโว เอว นตฺถีติฯ นิปชฺชมานนฺติ วตสีลาทีนํ สํโคปนวเสน สิชฺฌมานํฯ ยถา สกมฺมกธาตุสทฺทา อตฺถวิเสสวเสน อกมฺมกา โหนฺติ ‘‘วิพุโทฺธ ปุริโส วิพุโทฺธ กมลสโณฺฑ’’ติ, เอวํ อตฺถวิเสสวเสน อกมฺมกาปิ สกมฺมกา โหนฺตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘น ปริเทวามิ น อนุตฺถุนามี’’ติอาทิมาหฯ อนุตฺถุนสโทฺท จ สกมฺมกวเสน ปยุชฺชติ ‘‘ปุราณานิ อนุตฺถุน’’นฺติอาทีสุฯ อยเญฺจตฺถ ปโยโคติ อิมินา คาถายญฺจ อนุตฺถุนนโรทนํ อธิเปฺปตนฺติ ทเสฺสติฯ
79.Paripuṇṇanti yattakā kukkuravikārā, tehi paripuṇṇaṃ. Tenāha ‘‘anūna’’nti. Abbokiṇṇanti tehi avomissaṃ. Kukkurācāranti kukkurānaṃ gamanākārotiādiācārena kukkurabhāvādhiṭṭhānacittamāha. Tathā tathā ākappetabbato ākappo, pavattiākāro. So panettha gamanādikoti āha ‘‘kukkurānaṃ gamanākāro’’tiādi. Ācārenāti kukkurasīlācārena. Vatasamādānenāti kukkuravatādhiṭṭhānena. Kukkuracariyādiyeva dukkaratapacaraṇaṃ. Tena gativipariyesākārena pavattā laddhi. Assa kukkuravatikassa aññā gati natthīti itaragatiṃ paṭikkhipati, itarāsaṃ pana sambhavo eva natthīti. Nipajjamānanti vatasīlādīnaṃ saṃgopanavasena sijjhamānaṃ. Yathā sakammakadhātusaddā atthavisesavasena akammakā honti ‘‘vibuddho puriso vibuddho kamalasaṇḍo’’ti, evaṃ atthavisesavasena akammakāpi sakammakā hontīti dassento ‘‘na paridevāmi na anutthunāmī’’tiādimāha. Anutthunasaddo ca sakammakavasena payujjati ‘‘purāṇāni anutthuna’’ntiādīsu. Ayañcettha payogoti iminā gāthāyañca anutthunanarodanaṃ adhippetanti dasseti.
๘๐. วุตฺตนเยเนวาติ อิมินา โควตนฺติ โควตสมาทานํฯ โคสีลนฺติ ควาจารํฯ โคจิตฺตนฺติ ‘‘อชฺช ปฎฺฐาย โคหิ กาตพฺพํ กริสฺสามี’’ติ อุปฺปนฺนจิตฺตนฺติ อิมมตฺถํ อติทิสติฯ คฺวากเปฺป ปน วตฺตพฺพํ อวสิฎฺฐํ ‘‘กุกฺกุรากเปฺป วุตฺตสทิสเมวา’’ติ อิมินาว อติทิฎฺฐํ, วิสิฎฺฐญฺจ ยถา ปน ตตฺถาติอาทินา วุตฺตเมวฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ กุกฺกุรวตาทีสุ วุตฺตนยเมวฯ
80.Vuttanayenevāti iminā govatanti govatasamādānaṃ. Gosīlanti gavācāraṃ. Gocittanti ‘‘ajja paṭṭhāya gohi kātabbaṃ karissāmī’’ti uppannacittanti imamatthaṃ atidisati. Gvākappe pana vattabbaṃ avasiṭṭhaṃ ‘‘kukkurākappe vuttasadisamevā’’ti imināva atidiṭṭhaṃ, visiṭṭhañca yathā pana tatthātiādinā vuttameva. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ kukkuravatādīsu vuttanayameva.
๘๑. เอกจฺจกมฺมกิริยาวเสนาติ เอกจฺจสฺส อกุสลกมฺมสฺส กุสลกมฺมสฺส กรณปฺปสเงฺคนฯ อิเมสนฺติ โควติกกุกฺกุรวติกานํฯ กิริยาติ โควตภาวนาทิวเสน ปวตฺตา กิริยาฯ ปากฎา ภวิสฺสตีติ ‘‘อิมสฺมิํ กมฺมจตุเกฺก อิทํ นาม กมฺมํ ภชตี’’ติ ปากฎา ภวิสฺสติฯ
81.Ekaccakammakiriyāvasenāti ekaccassa akusalakammassa kusalakammassa karaṇappasaṅgena. Imesanti govatikakukkuravatikānaṃ. Kiriyāti govatabhāvanādivasena pavattā kiriyā. Pākaṭā bhavissatīti ‘‘imasmiṃ kammacatukke idaṃ nāma kammaṃ bhajatī’’ti pākaṭā bhavissati.
กาฬกนฺติ (อ. นิ. ฎี. ๒.๔.๒๓๒) มลีนํ, จิตฺตสฺส อปภสฺสรภาวกรณนฺติ อโตฺถฯ ตํ ปเนตฺถ กมฺมปถสมฺปตฺตเมว อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘ทสอกุสลกมฺมปถ’’นฺติฯ กณฺหนฺติ กณฺหาภิชาติเหตุโต วา กณฺหํฯ เตนาห ‘‘กณฺหวิปาก’’นฺติฯ อปายูปปตฺติ มนุเสฺสสุ จ โทภคฺคิยํ กณฺหวิปาโก, ยถา ตมภาโว วุโตฺต, เอกตฺตนิเทฺทเสน ปน ‘‘อปาเย นิพฺพตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ, นิพฺพตฺตาปนโตติ อโตฺถฯ สุกฺกนฺติ โอทาตํ, จิตฺตสฺส ปภสฺสรภาวกรณนฺติ อโตฺถ, สุกฺกาภิชาติเหตุโต วา สุกฺกํฯ เตนาห ‘‘สุกฺกวิปาก’’นฺติฯ สคฺคูปปตฺติ มนุสฺสโลเก โสภคฺคิยญฺจ สุกฺกวิปาโก, ยถา จ โชติภาโว วุโตฺต, เอกตฺตนิเทฺทเสน ปน ‘‘สเคฺค นิพฺพตฺตนโต’’ติ วุตฺตํ, นิพฺพตฺตาปนโตติ อโตฺถ, โวมิสฺสกกมฺมนฺติ กาเลน กณฺหํ, กาเลน สุกฺกนฺติ เอวํ มิสฺสกวเสน กตกมฺมํฯ ‘‘สุขทุกฺขวิปาก’’นฺติ วตฺวา สุขทุกฺขานํ ปวตฺติอาการํ ทเสฺสตุํ ‘‘มิสฺสกกมฺมญฺหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ กมฺมสฺส กณฺหสุกฺกสมญฺญา กณฺหสุกฺกาภิชาติเหตุตายาติ, อปจฺจยคามิตาย ตทุภยวินิมุตฺตสฺส กมฺมกฺขยกรกมฺมสฺส อิธ สุกฺกปริยาโยปิ น อิจฺฉิโตติ อาห – ‘‘อุภย…เป.… อสุกฺกนฺติ วุตฺต’’นฺติฯ ตตฺถ อุภยวิปากสฺสาติ ยถาธิคตสฺส วิปากสฺสฯ สมฺปตฺติภวปริยาปโนฺน หิ วิปาโก อิธ ‘‘สุกฺกวิปาโก’’ติ อธิเปฺปโต, น อจฺจนฺตปริสุโทฺธฯ
Kāḷakanti (a. ni. ṭī. 2.4.232) malīnaṃ, cittassa apabhassarabhāvakaraṇanti attho. Taṃ panettha kammapathasampattameva adhippetanti āha ‘‘dasaakusalakammapatha’’nti. Kaṇhanti kaṇhābhijātihetuto vā kaṇhaṃ. Tenāha ‘‘kaṇhavipāka’’nti. Apāyūpapatti manussesu ca dobhaggiyaṃ kaṇhavipāko, yathā tamabhāvo vutto, ekattaniddesena pana ‘‘apāye nibbattanato’’ti vuttaṃ, nibbattāpanatoti attho. Sukkanti odātaṃ, cittassa pabhassarabhāvakaraṇanti attho, sukkābhijātihetuto vā sukkaṃ. Tenāha ‘‘sukkavipāka’’nti. Saggūpapatti manussaloke sobhaggiyañca sukkavipāko, yathā ca jotibhāvo vutto, ekattaniddesena pana ‘‘sagge nibbattanato’’ti vuttaṃ, nibbattāpanatoti attho, vomissakakammanti kālena kaṇhaṃ, kālena sukkanti evaṃ missakavasena katakammaṃ. ‘‘Sukhadukkhavipāka’’nti vatvā sukhadukkhānaṃ pavattiākāraṃ dassetuṃ ‘‘missakakammañhī’’tiādi vuttaṃ. Kammassa kaṇhasukkasamaññā kaṇhasukkābhijātihetutāyāti, apaccayagāmitāya tadubhayavinimuttassa kammakkhayakarakammassa idha sukkapariyāyopi na icchitoti āha – ‘‘ubhaya…pe… asukkanti vutta’’nti. Tattha ubhayavipākassāti yathādhigatassa vipākassa. Sampattibhavapariyāpanno hi vipāko idha ‘‘sukkavipāko’’ti adhippeto, na accantaparisuddho.
สทุกฺขนฺติ อตฺตนา อุปฺปาเทตเพฺพน ทุเกฺขน สทุกฺขํ, ทุกฺขสํวตฺตนิกนฺติ อโตฺถฯ ‘‘อิมสฺมิํ สุเตฺต เจตนา ธุรํ, อุปาลิสุเตฺต (ม. นิ. ๒.๕๖) กมฺม’’นฺติ เหฎฺฐา วุตฺตมฺปิ อตฺถํ อิธ สาธยติ วิชานนตฺถํฯ อภิสงฺขริตฺวาติ อายูหิตฺวาฯ ตํ ปน ปจฺจยสมวายสิทฺธิโต สํกฑฺฒนํ ปิณฺฑนํ วิย โหตีติ อาห – ‘‘สงฺกฑฺฒิตฺวา, ปิณฺฑํ กตฺวาติ อโตฺถ’’ติ, สทุกฺขํ โลกนฺติ อปายโลกมาหฯ วิปากผสฺสาติ ผสฺสสีเสน ตตฺถ วิปากปวตฺตมาหฯ ภูตกมฺมโตติ นิพฺพตฺตกมฺมโต อตฺตนา กตูปจิตกมฺมโตฯ ยถาภูตนฺติ ยาทิสํฯ กมฺมสภาควเสนาติ กมฺมสริกฺขกวเสนฯ อุปปตฺติ โหตีติ อปทาทิเภทา อุปปตฺติฯ กเมฺมน วิย วุตฺตาติ ยํ กโรติ, เตน อุปปชฺชตีติ เอกกเมฺมเนว ชายมานา วิย วุตฺตา อปทาทิเภทาฯ อุปปตฺติ จ นาม วิปาเกน โหติ วิปาเก สมฺภวเนฺต เอกํเสน เต อุปปตฺติวิเสสา สมฺภวนฺติฯ ยทิ เอวํ กสฺมา ‘‘เตน อุปปชฺชตี’’ติ อุปปตฺติกมฺมเหตุกา วุตฺตาติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ เยน กมฺมวิปาเกน นิพฺพโตฺตติ เยน กมฺมวิปาเกน วิปจฺจมาเนน อยํ สโตฺต นิพฺพโตฺตติ วุจฺจติฯ ตํกมฺมวิปากผสฺสาติ ตสฺส ตสฺส กมฺมสฺส วิปากภูตา ผสฺสาฯ กเมฺมน ทาตพฺพํ ทายํ ตพฺพิปากํ อาทิยนฺตีติ กมฺมทายาทา, ผสฺสาฯ กมฺมสฺส ทายชฺชตา กมฺมผลสฺส ทายชฺชํ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘กมฺมทายชฺชา’’ติฯ เตนาห ‘‘กมฺมเมว เนสํ ทายชฺชํ สนฺตก’’นฺติฯ
Sadukkhanti attanā uppādetabbena dukkhena sadukkhaṃ, dukkhasaṃvattanikanti attho. ‘‘Imasmiṃ sutte cetanā dhuraṃ, upālisutte (ma. ni. 2.56) kamma’’nti heṭṭhā vuttampi atthaṃ idha sādhayati vijānanatthaṃ. Abhisaṅkharitvāti āyūhitvā. Taṃ pana paccayasamavāyasiddhito saṃkaḍḍhanaṃ piṇḍanaṃ viya hotīti āha – ‘‘saṅkaḍḍhitvā, piṇḍaṃ katvāti attho’’ti, sadukkhaṃ lokanti apāyalokamāha. Vipākaphassāti phassasīsena tattha vipākapavattamāha. Bhūtakammatoti nibbattakammato attanā katūpacitakammato. Yathābhūtanti yādisaṃ. Kammasabhāgavasenāti kammasarikkhakavasena. Upapatti hotīti apadādibhedā upapatti. Kammena viya vuttāti yaṃ karoti, tena upapajjatīti ekakammeneva jāyamānā viya vuttā apadādibhedā. Upapatti ca nāma vipākena hoti vipāke sambhavante ekaṃsena te upapattivisesā sambhavanti. Yadi evaṃ kasmā ‘‘tena upapajjatī’’ti upapattikammahetukā vuttāti āha ‘‘yasmā panā’’tiādi. Yena kammavipākena nibbattoti yena kammavipākena vipaccamānena ayaṃ satto nibbattoti vuccati. Taṃkammavipākaphassāti tassa tassa kammassa vipākabhūtā phassā. Kammena dātabbaṃ dāyaṃ tabbipākaṃ ādiyantīti kammadāyādā, phassā. Kammassa dāyajjatā kammaphalassa dāyajjaṃ, tasmā vuttaṃ ‘‘kammadāyajjā’’ti. Tenāha ‘‘kammameva nesaṃ dāyajjaṃ santaka’’nti.
ติโสฺส จ เหฎฺฐิมชฺฌานเจตนาติ อิทํ อพฺยาพชฺฌเวทนํ เวทิยนเอกนฺตสุขุปฺปตฺติยา เหตุภาวสาธนํฯ ยทิ เอวํ ยถาวุตฺตา ฌานเจตนา ตาว โหตุ เอกนฺตสุขุปฺปตฺติเหตุภาวโตฯ กามาวจรา กินฺตีติ กามาวจรา ปน กุสลเจตนา ตํสภาวาภาวโต กินฺติ เกน ปกาเรน อพฺยาพชฺฌมโนสงฺขาโร นาม ชาโตติ โจเทติ, อิตโร ปน น สพฺพา กามาวจรกุสลเจตนา ตถา คหิตา, อถ โข เอกจฺจา ฌานเจตนานุกูลาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘กสิณสชฺชนกาเล กสิณาเสวนกาเล ลพฺภนฺตี’’ติ อาหฯ ตตฺถ กสิณาเสวนเจตนา คเหตพฺพา, สา อุปจารชฺฌานสฺส สาธิกาฯ เตน กามาวจรเจตนา ปฐมชฺฌานเจตนาย ฆฎิตาติ กสิณสชฺชนเจตนาปิ กทาจิ ตาทิสา โหตีติ คหิตาฯ ปริกมฺมาทิวเสน หิ ปวตฺตา ภาวนามยา กามาวจรกุสลเจตนา ปฐมชฺฌานสฺส อาสนฺนตาย วุตฺตาฯ จตุตฺถชฺฌานเจตนา ตติยชฺฌานเจตนาย ฆฎิตาติ อิทํ เอกตฺตกายเอกตฺตสญฺญีสตฺตาวาสวตาย ตํสริกฺขกา อุเปกฺขาปิ อีทิเสสุ ฐาเนสุ สุขสริกฺขตา, เอวํ สนฺตสภาวตา ญาณสหิตตา จฯ เกจิ ปน จตุตฺถชฺฌานเจตนานุคุณาติ นิทเสฺสนฺตา กสิณสชฺชนกาเล กสิณชฺฌานกาเล กสิณาเสวนกาเล ลพฺภตีติ ตติยชฺฌานเจตนาย อาสนฺนฆฎิตตา วุตฺตาติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, วุตฺตนเยเนว ตาสํ ฆฎิตตา เวทิตพฺพาฯ อุภยมิสฺสกวเสนาติ อุภเยสํ กุสลากุสลสงฺขารานํ สุขทุกฺขานญฺจ มิสฺสกภาววเสนฯ เวมานิกเปตานนฺติ อิทํ พาหุลฺลโต วุตฺตํ, อิตเรสมฺปิ วินิปาติกานํ กาเลน ทุกฺขํ โหติเยวฯ
Tisso ca heṭṭhimajjhānacetanāti idaṃ abyābajjhavedanaṃ vediyanaekantasukhuppattiyā hetubhāvasādhanaṃ. Yadi evaṃ yathāvuttā jhānacetanā tāva hotu ekantasukhuppattihetubhāvato. Kāmāvacarā kintīti kāmāvacarā pana kusalacetanā taṃsabhāvābhāvato kinti kena pakārena abyābajjhamanosaṅkhāro nāma jātoti codeti, itaro pana na sabbā kāmāvacarakusalacetanā tathā gahitā, atha kho ekaccā jhānacetanānukūlāti dassento ‘‘kasiṇasajjanakāle kasiṇāsevanakāle labbhantī’’ti āha. Tattha kasiṇāsevanacetanā gahetabbā, sā upacārajjhānassa sādhikā. Tena kāmāvacaracetanā paṭhamajjhānacetanāya ghaṭitāti kasiṇasajjanacetanāpi kadāci tādisā hotīti gahitā. Parikammādivasena hi pavattā bhāvanāmayā kāmāvacarakusalacetanā paṭhamajjhānassa āsannatāya vuttā. Catutthajjhānacetanā tatiyajjhānacetanāya ghaṭitāti idaṃ ekattakāyaekattasaññīsattāvāsavatāya taṃsarikkhakā upekkhāpi īdisesu ṭhānesu sukhasarikkhatā, evaṃ santasabhāvatā ñāṇasahitatā ca. Keci pana catutthajjhānacetanānuguṇāti nidassentā kasiṇasajjanakāle kasiṇajjhānakāle kasiṇāsevanakāle labbhatīti tatiyajjhānacetanāya āsannaghaṭitatā vuttāti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ, vuttanayeneva tāsaṃ ghaṭitatā veditabbā. Ubhayamissakavasenāti ubhayesaṃ kusalākusalasaṅkhārānaṃ sukhadukkhānañca missakabhāvavasena. Vemānikapetānanti idaṃ bāhullato vuttaṃ, itaresampi vinipātikānaṃ kālena dukkhaṃ hotiyeva.
ตสฺส ปหานายาติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส กมฺมสฺส อนุปฺปตฺติธมฺมตาปาทนายฯ ยา เจตนาติ ยา อปจยคามินิเจตนาฯ กมฺมํ ปตฺวาติ สุขกมฺมนฺติ วุจฺจมาเน มคฺคเจตนาย อโญฺญ ปณฺฑรตโร ธโมฺม นาม นตฺถิ อจฺจนฺตปาริสุทฺธิภาวโตฯ อกณฺหา อสุกฺกาติ อาคตาติ เอตฺถ สุกฺกภาวปฎิเกฺขปการณํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ เตนาห ‘‘อิทํ ปน กมฺมจตุกฺกํ ปตฺวา’’ติอาทิฯ
Tassapahānāyāti tassa yathāvuttassa kammassa anuppattidhammatāpādanāya. Yā cetanāti yā apacayagāminicetanā. Kammaṃ patvāti sukhakammanti vuccamāne maggacetanāya añño paṇḍarataro dhammo nāma natthi accantapārisuddhibhāvato. Akaṇhā asukkāti āgatāti ettha sukkabhāvapaṭikkhepakāraṇaṃ heṭṭhā vuttanayameva. Tenāha ‘‘idaṃ pana kammacatukkaṃ patvā’’tiādi.
๘๒. อนิยฺยานิกปเกฺขติ อเจฬกปพฺพชฺชาย กุกฺกุรวเต จฯ โยเคติ ญายธมฺมปฎิปตฺติยนฺติ อโตฺถฯ โยเนนาติ โย ติตฺถิยปริวาโส เตน ภควตา ปญฺญโตฺตฯ ยํ ติตฺถิยปริวาสํ สมาทิยิตฺวาติ อยเมตฺถ โยชนาฯ ฆํสิตฺวา สุวณฺณํ วิย นิฆํโสปฺปเลฯ โกเฎฺฎตฺวา หเตฺถน วิย กุลาลภาชนํฯ
82.Aniyyānikapakkheti aceḷakapabbajjāya kukkuravate ca. Yogeti ñāyadhammapaṭipattiyanti attho. Yonenāti yo titthiyaparivāso tena bhagavatā paññatto. Yaṃ titthiyaparivāsaṃ samādiyitvāti ayamettha yojanā. Ghaṃsitvā suvaṇṇaṃ viya nighaṃsoppale. Koṭṭetvā hatthena viya kulālabhājanaṃ.
วูปกโฎฺฐติ วิวิโตฺต เอกีภูโตฯ เปสิตโตฺตติ นิพฺพานํ ปติ เปสิตโตฺตฯ กามํ ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ…เป.… วิหาสีติ อิมินาว อรหตฺตนิกูเฎน เทสนา นิฎฺฐาปิตา โหติ, อายสฺมโต ปน เสนิยสฺส ปฎิปตฺติกิตฺตนปรเมตํ อุชุกํ อาปนฺนอรหตฺตภาวทีปนํ, ยทิทํ ‘‘อญฺญตโร โข ปนา’’ติอาทิวจนนฺติ อาห ‘‘อรหตฺตนิกูเฎเนวา’’ติฯ อรหตฺตาธิคโมเยว ตสฺส เตสํ อพฺภนฺตรตาฯ เสสํ สพฺพํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
Vūpakaṭṭhoti vivitto ekībhūto. Pesitattoti nibbānaṃ pati pesitatto. Kāmaṃ tadanuttaraṃ brahmacariyapariyosānaṃ…pe… vihāsīti imināva arahattanikūṭena desanā niṭṭhāpitā hoti, āyasmato pana seniyassa paṭipattikittanaparametaṃ ujukaṃ āpannaarahattabhāvadīpanaṃ, yadidaṃ ‘‘aññataro kho panā’’tiādivacananti āha ‘‘arahattanikūṭenevā’’ti. Arahattādhigamoyeva tassa tesaṃ abbhantaratā. Sesaṃ sabbaṃ suviññeyyameva.
กุกฺกุรวติกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ
Kukkuravatikasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๗. กุกฺกุรวติกสุตฺตํ • 7. Kukkuravatikasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. กุกฺกุรวติกสุตฺตวณฺณนา • 7. Kukkuravatikasuttavaṇṇanā