Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๔๔๘] ๑๐. กุกฺกุฎชาตกวณฺณนา
[448] 10. Kukkuṭajātakavaṇṇanā
นาสฺมเส กตปาปมฺหีติ อิทํ สตฺถา เวฬุวเน วิหรโนฺต เทวทตฺตสฺส วธาย ปริสกฺกนํ อารพฺภ กเถสิฯ ธมฺมสภายญฺหิ ภิกฺขู เทวทตฺตสฺส อคุณกถํ สมุฎฺฐาเปสุํ ‘‘อาวุโส, เทวทโตฺต ธนุคฺคหาทิปโยชเนน ทสพลสฺส วธตฺถเมว อุปายํ กโรตี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ เอส มยฺหํ วธาย ปริสกฺกิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Nāsmasekatapāpamhīti idaṃ satthā veḷuvane viharanto devadattassa vadhāya parisakkanaṃ ārabbha kathesi. Dhammasabhāyañhi bhikkhū devadattassa aguṇakathaṃ samuṭṭhāpesuṃ ‘‘āvuso, devadatto dhanuggahādipayojanena dasabalassa vadhatthameva upāyaṃ karotī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi esa mayhaṃ vadhāya parisakkiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต โกสมฺพิยํ โกสมฺพโก นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิฯ ตทา โพธิสโตฺต เอกสฺมิํ เวฬุวเน กุกฺกุฎโยนิยํ นิพฺพตฺติตฺวา อเนกสตกุกฺกุฎปริวาโร อรเญฺญ วสติ, ตสฺสาวิทูเร เอโก เสโน วสติ ฯ โส อุปาเยน เอเกกํ กุกฺกุฎํ คเหตฺวา ขาทโนฺต ฐเปตฺวา โพธิสตฺตํ เสเส ขาทิ, โพธิสโตฺต เอกโกว อโหสิฯ โส อปฺปมโตฺต เวลาย โคจรํ คเหตฺวา เวฬุวนํ ปวิสิตฺวา วสติฯ โส เสโน ตํ คณฺหิตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘เอเกน นํ อุปาเยน อุปลาเปตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา ตสฺสาวิทูเร สาขาย นิลียิตฺวา ‘‘สมฺม กุกฺกุฎราช, ตฺวํ มยฺหํ กสฺมา ภายสิ, อหํ ตยา สทฺธิํ วิสฺสาสํ กตฺตุกาโม, อสุกสฺมิํ นาม ปเทเส สมฺปนฺนโคจโร, ตตฺถ อุโภปิ โคจรํ คเหตฺวา อญฺญมญฺญํ ปิยสํวาสํ วสิสฺสามา’’ติ อาหฯ อถ นํ โพธิสโตฺต อาห ‘‘สมฺม, มยฺหํ ตยา สทฺธิํ วิสฺสาโส นาม นตฺถิ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติฯ ‘‘สมฺม, ตฺวํ มยา ปุเพฺพ กตปาปตาย น สทฺทหสิ, อิโต ปฎฺฐาย เอวรูปํ น กริสฺสามี’’ติฯ ‘‘น มยฺหํ ตาทิเสน สหาเยนโตฺถ, คจฺฉ ตฺว’’นฺติฯ อิติ นํ ยาวตติยํ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘เอเตหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ปุคฺคเลน สทฺธิํ วิสฺสาโส นาม กาตุํ น วฎฺฎตี’’ติ วนฆฎํ อุนฺนาเทโนฺต เทวตาสุ สาธุการํ ททมานาสุ ธมฺมกถํ สมุฎฺฐาเปโนฺต –
Atīte kosambiyaṃ kosambako nāma rājā rajjaṃ kāresi. Tadā bodhisatto ekasmiṃ veḷuvane kukkuṭayoniyaṃ nibbattitvā anekasatakukkuṭaparivāro araññe vasati, tassāvidūre eko seno vasati . So upāyena ekekaṃ kukkuṭaṃ gahetvā khādanto ṭhapetvā bodhisattaṃ sese khādi, bodhisatto ekakova ahosi. So appamatto velāya gocaraṃ gahetvā veḷuvanaṃ pavisitvā vasati. So seno taṃ gaṇhituṃ asakkonto ‘‘ekena naṃ upāyena upalāpetvā gaṇhissāmī’’ti cintetvā tassāvidūre sākhāya nilīyitvā ‘‘samma kukkuṭarāja, tvaṃ mayhaṃ kasmā bhāyasi, ahaṃ tayā saddhiṃ vissāsaṃ kattukāmo, asukasmiṃ nāma padese sampannagocaro, tattha ubhopi gocaraṃ gahetvā aññamaññaṃ piyasaṃvāsaṃ vasissāmā’’ti āha. Atha naṃ bodhisatto āha ‘‘samma, mayhaṃ tayā saddhiṃ vissāso nāma natthi, gaccha tva’’nti. ‘‘Samma, tvaṃ mayā pubbe katapāpatāya na saddahasi, ito paṭṭhāya evarūpaṃ na karissāmī’’ti. ‘‘Na mayhaṃ tādisena sahāyenattho, gaccha tva’’nti. Iti naṃ yāvatatiyaṃ paṭikkhipitvā ‘‘etehi aṅgehi samannāgatena puggalena saddhiṃ vissāso nāma kātuṃ na vaṭṭatī’’ti vanaghaṭaṃ unnādento devatāsu sādhukāraṃ dadamānāsu dhammakathaṃ samuṭṭhāpento –
๑๐๔.
104.
‘‘นาสฺมเส กตปาปมฺหิ, นาสฺมเส อลิกวาทิเน;
‘‘Nāsmase katapāpamhi, nāsmase alikavādine;
นาสฺมเส อตฺตตฺถปญฺญมฺหิ, อติสเนฺตปิ นาสฺมเสฯ
Nāsmase attatthapaññamhi, atisantepi nāsmase.
๑๐๕.
105.
‘‘ภวนฺติ เหเก ปุริสา, โคปิปาสิกชาติกา;
‘‘Bhavanti heke purisā, gopipāsikajātikā;
ฆสนฺติ มเญฺญ มิตฺตานิ, วาจาย น จ กมฺมุนาฯ
Ghasanti maññe mittāni, vācāya na ca kammunā.
๑๐๖.
106.
‘‘สุกฺขญฺชลิปคฺคหิตา , วาจาย ปลิคุณฺฐิตา;
‘‘Sukkhañjalipaggahitā , vācāya paliguṇṭhitā;
มนุสฺสเผคฺคู นาสีเท, ยสฺมิํ นตฺถิ กตญฺญุตาฯ
Manussapheggū nāsīde, yasmiṃ natthi kataññutā.
๑๐๗.
107.
‘‘น หิ อญฺญญฺญจิตฺตานํ, อิตฺถีนํ ปุริสาน วา;
‘‘Na hi aññaññacittānaṃ, itthīnaṃ purisāna vā;
นานาวิกตฺวา สํสคฺคํ, ตาทิสมฺปิ จ นาสฺมเสฯ
Nānāvikatvā saṃsaggaṃ, tādisampi ca nāsmase.
๑๐๘.
108.
‘‘อนริยกมฺมโมกฺกนฺตํ, อเถตํ สพฺพฆาตินํ;
‘‘Anariyakammamokkantaṃ, athetaṃ sabbaghātinaṃ;
นิสิตํว ปฎิจฺฉนฺนํ, ตาทิสมฺปิ จ นาสฺมเสฯ
Nisitaṃva paṭicchannaṃ, tādisampi ca nāsmase.
๑๐๙.
109.
‘‘มิตฺตรูเปนิเธกเจฺจ, สาขเลฺยน อเจตสา;
‘‘Mittarūpenidhekacce, sākhalyena acetasā;
วิวิเธหิ อุปายนฺติ, ตาทิสมฺปิ จ นาสฺมเสฯ
Vividhehi upāyanti, tādisampi ca nāsmase.
๑๑๐.
110.
‘‘อามิสํ วา ธนํ วาปิ, ยตฺถ ปสฺสติ ตาทิโส;
‘‘Āmisaṃ vā dhanaṃ vāpi, yattha passati tādiso;
ทุพฺภิํ กโรติ ทุเมฺมโธ, ตญฺจ หนฺตฺวาน คจฺฉตี’’ติฯ – อิมา คาถา อาห;
Dubbhiṃ karoti dummedho, tañca hantvāna gacchatī’’ti. – imā gāthā āha;
ตตฺถ นาสฺมเสติ นาสฺสเสฯ อยเมว วา ปาโฐ, น วิสฺสเสติ วุตฺตํ โหติฯ กตปาปมฺหีติ ปฐมํ กตปาเป ปุคฺคเลฯ อลิกวาทิเนติ มุสาวาทิมฺหิปิ น วิสฺสเสฯ ตสฺส หิ อกตฺตพฺพํ นาม ปาปํ นตฺถิฯ นาสฺมเส อตฺตตฺถปญฺญมฺหีติ อตฺตโน อตฺถาย เอว ยสฺส ปญฺญา เสฺนหวเสน น ภชติ, ธนตฺถิโกว ภชติ, ตสฺมิํ อตฺตตฺถปเญฺญปิ น วิสฺสเสฯ อติสเนฺตติ อโนฺต อุปสเม อวิชฺชมาเนเยว จ พหิ อุปสมทสฺสเนน อติสเนฺต วิย ปฎิจฺฉนฺนกมฺมเนฺตปิ พิลปฎิจฺฉนฺนอาสีวิสสทิเส กุหกปุคฺคเลฯ โคปิปาสิกชาติกาติ คุนฺนํ ปิปาสกชาติกา วิย, ปิปาสิตโคสทิสาติ วุตฺตํ โหติฯ ยถา ปิปาสิตคาโว ติตฺถํ โอตริตฺวา มุขปูรํ อุทกํ ปิวนฺติ, น ปน อุทกสฺส กตฺตพฺพยุตฺตกํ กโรนฺติ, เอวเมว เอกเจฺจ ‘‘อิทญฺจิทญฺจ กริสฺสามา’’ติ มธุรวจเนน มิตฺตานิ ฆสนฺติ, ปิยวจนานุจฺฉวิกํ ปน น กโรนฺติ, ตาทิเสสุ วิสฺสาโส มหโต อนตฺถาย โหตีติ ทีเปติฯ
Tattha nāsmaseti nāssase. Ayameva vā pāṭho, na vissaseti vuttaṃ hoti. Katapāpamhīti paṭhamaṃ katapāpe puggale. Alikavādineti musāvādimhipi na vissase. Tassa hi akattabbaṃ nāma pāpaṃ natthi. Nāsmase attatthapaññamhīti attano atthāya eva yassa paññā snehavasena na bhajati, dhanatthikova bhajati, tasmiṃ attatthapaññepi na vissase. Atisanteti anto upasame avijjamāneyeva ca bahi upasamadassanena atisante viya paṭicchannakammantepi bilapaṭicchannaāsīvisasadise kuhakapuggale. Gopipāsikajātikāti gunnaṃ pipāsakajātikā viya, pipāsitagosadisāti vuttaṃ hoti. Yathā pipāsitagāvo titthaṃ otaritvā mukhapūraṃ udakaṃ pivanti, na pana udakassa kattabbayuttakaṃ karonti, evameva ekacce ‘‘idañcidañca karissāmā’’ti madhuravacanena mittāni ghasanti, piyavacanānucchavikaṃ pana na karonti, tādisesu vissāso mahato anatthāya hotīti dīpeti.
สุกฺขญฺชลิปคฺคหิตาติ ปคฺคหิตตุจฺฉอญฺชลิโนฯ วาจาย ปลิคุณฺฐิตาติ ‘‘อิทํ ทสฺสาม, อิทํ กริสฺสามา’’ติ วจเนน ปฎิจฺฉาทิกาฯ มนุสฺสเผคฺคูติ เอวรูปา อสารกา มนุสฺสา มนุสฺสเผคฺคู นามฯ นาสีเทติ น อาสีเท เอวรูเป น อุปคเจฺฉยฺยฯ ยสฺมิํ นตฺถีติ ยสฺมิญฺจ ปุคฺคเล กตญฺญุตา นตฺถิ, ตมฺปิ นาสีเทติ อโตฺถฯ อญฺญญฺญจิตฺตานนฺติ อเญฺญนเญฺญน จิเตฺตน สมนฺนาคตานํ , ลหุจิตฺตานนฺติ อโตฺถฯ เอวรูปานํ อิตฺถีนํ วา ปุริสานํ วา น วิสฺสเสติ ทีเปติฯ นานาวิกตฺวา สํสคฺคนฺติ โยปิ น สกฺกา อนุปคนฺตฺวา เอตสฺส อนฺตรายํ กาตุนฺติ อนฺตรายกรณตฺถํ นานาการเณหิ สํสคฺคมาวิกตฺวา ทฬฺหํ กริตฺวา ปจฺฉา อนฺตรายํ กโรติ, ตาทิสมฺปิ ปุคฺคลํ นาสฺมเส น วิสฺสเสยฺยาติ ทีเปติฯ
Sukkhañjalipaggahitāti paggahitatucchaañjalino. Vācāya paliguṇṭhitāti ‘‘idaṃ dassāma, idaṃ karissāmā’’ti vacanena paṭicchādikā. Manussapheggūti evarūpā asārakā manussā manussapheggū nāma. Nāsīdeti na āsīde evarūpe na upagaccheyya. Yasmiṃ natthīti yasmiñca puggale kataññutā natthi, tampi nāsīdeti attho. Aññaññacittānanti aññenaññena cittena samannāgatānaṃ , lahucittānanti attho. Evarūpānaṃ itthīnaṃ vā purisānaṃ vā na vissaseti dīpeti. Nānāvikatvā saṃsagganti yopi na sakkā anupagantvā etassa antarāyaṃ kātunti antarāyakaraṇatthaṃ nānākāraṇehi saṃsaggamāvikatvā daḷhaṃ karitvā pacchā antarāyaṃ karoti, tādisampi puggalaṃ nāsmase na vissaseyyāti dīpeti.
อนริยกมฺมโมกฺกนฺตติ อนริยานํ ทุสฺสีลานํ กมฺมํ โอตริตฺวา ฐิตํฯ อเถตนฺติ อถิรํ อปฺปติฎฺฐิตวจนํฯ สพฺพฆาตินนฺติ โอกาสํ ลภิตฺวา สเพฺพสํ อุปฆาตกรํฯ นิสิตํว ปฎิจฺฉนฺนนฺติ โกสิยา วา ปิโลติกาย วา ปฎิจฺฉนฺนํ นิสิตขคฺคมิวฯ ตาทิสมฺปีติ เอวรูปมฺปิ อมิตฺตํ มิตฺตปติรูปกํ น วิสฺสเสยฺยฯ สาขเลฺยนาติ มฎฺฐวจเนนฯ อเจตสาติ อจิตฺตเกนฯ วจนเมว หิ เนสํ มฎฺฐํ, จิตฺตํ ปน ถทฺธํ ผรุสํฯ วิวิเธหีติ วิวิเธหิ อุปาเยหิ โอตาราเปกฺขา อุปคจฺฉนฺติฯ ตาทิสมฺปีติ โย เอเตหิ อมิเตฺตหิ มิตฺตปติรูปเกหิ สทิโส โหติ, ตมฺปิ น วิสฺสเสติ อโตฺถฯ อามิสนฺติ ขาทนียโภชนียํฯ ธนนฺติ มญฺจปฎิปาทกํ อาทิํ กตฺวา อวเสสํฯ ยตฺถ ปสฺสตีติ สหายกเคเห ยสฺมิํ ฐาเน ปสฺสติฯ ทุพฺภิํ กโรตีติ ทุพฺภิจิตฺตํ อุปฺปาเทติ, ตํ ธนํ หรติฯ ตญฺจ หนฺตฺวานาติ ตญฺจ สหายกมฺปิ เฉตฺวา คจฺฉติฯ อิติ อิมา สตฺต คาถา กุกฺกุฎราชา กเถสิฯ
Anariyakammamokkantati anariyānaṃ dussīlānaṃ kammaṃ otaritvā ṭhitaṃ. Athetanti athiraṃ appatiṭṭhitavacanaṃ. Sabbaghātinanti okāsaṃ labhitvā sabbesaṃ upaghātakaraṃ. Nisitaṃvapaṭicchannanti kosiyā vā pilotikāya vā paṭicchannaṃ nisitakhaggamiva. Tādisampīti evarūpampi amittaṃ mittapatirūpakaṃ na vissaseyya. Sākhalyenāti maṭṭhavacanena. Acetasāti acittakena. Vacanameva hi nesaṃ maṭṭhaṃ, cittaṃ pana thaddhaṃ pharusaṃ. Vividhehīti vividhehi upāyehi otārāpekkhā upagacchanti. Tādisampīti yo etehi amittehi mittapatirūpakehi sadiso hoti, tampi na vissaseti attho. Āmisanti khādanīyabhojanīyaṃ. Dhananti mañcapaṭipādakaṃ ādiṃ katvā avasesaṃ. Yattha passatīti sahāyakagehe yasmiṃ ṭhāne passati. Dubbhiṃ karotīti dubbhicittaṃ uppādeti, taṃ dhanaṃ harati. Tañca hantvānāti tañca sahāyakampi chetvā gacchati. Iti imā satta gāthā kukkuṭarājā kathesi.
๑๑๑.
111.
‘‘มิตฺตรูเปน พหโว, ฉนฺนา เสวนฺติ สตฺตโว;
‘‘Mittarūpena bahavo, channā sevanti sattavo;
ชเห กาปุริเส เหเต, กุกฺกุโฎ วิย เสนกํฯ
Jahe kāpurise hete, kukkuṭo viya senakaṃ.
๑๑๒.
112.
‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, น ขิปฺปมนุพุชฺฌติ;
‘‘Yo ca uppatitaṃ atthaṃ, na khippamanubujjhati;
อมิตฺตวสมเนฺวติ, ปจฺฉา จ มนุตปฺปติฯ
Amittavasamanveti, pacchā ca manutappati.
๑๑๓.
113.
‘‘โย จ อุปฺปติตํ อตฺถํ, ขิปฺปเมว นิโพธติ;
‘‘Yo ca uppatitaṃ atthaṃ, khippameva nibodhati;
มุจฺจเต สตฺตุสมฺพาธา, กุกฺกุโฎ วิย เสนกาฯ
Muccate sattusambādhā, kukkuṭo viya senakā.
๑๑๔.
114.
‘‘ตํ ตาทิสํ กูฎมิโวฑฺฑิตํ วเน, อธมฺมิกํ นิจฺจวิธํสการินํ;
‘‘Taṃ tādisaṃ kūṭamivoḍḍitaṃ vane, adhammikaṃ niccavidhaṃsakārinaṃ;
อารา วิวเชฺชยฺย นโร วิจกฺขโณ, เสนํ ยถา กุกฺกุโฎ วํสกานเน’’ติฯ –
Ārā vivajjeyya naro vicakkhaṇo, senaṃ yathā kukkuṭo vaṃsakānane’’ti. –
อิมา จตโสฺส ธมฺมราเชน ภาสิตา อภิสมฺพุทฺธคาถาฯ
Imā catasso dhammarājena bhāsitā abhisambuddhagāthā.
ตตฺถ ชเห กาปุริเส เหเตติ ภิกฺขเว, เอเต กาปุริเส ปณฺฑิโต ชเหยฺยฯ ห-กาโร ปเนตฺถ นิปาตมตฺตํฯ ปจฺฉา จ มนุตปฺปตีติ ปจฺฉา จ อนุตปฺปติฯ กูฎมิโวฑฺฑิตนฺติ วเน มิคานํ พนฺธนตฺถาย กูฎปาสํ วิย โอฑฺฑิตํฯ นิจฺจวิธํสการินนฺติ นิจฺจํ วิทฺธํสนกรํฯ วํสกานเนติ ยถา วํสวเน กุกฺกุโฎ เสนํ วิวเชฺชติ, เอวํ วิจกฺขโณ ปาปมิเตฺต วิวเชฺชยฺยฯ
Tattha jahe kāpurise heteti bhikkhave, ete kāpurise paṇḍito jaheyya. Ha-kāro panettha nipātamattaṃ. Pacchā ca manutappatīti pacchā ca anutappati. Kūṭamivoḍḍitanti vane migānaṃ bandhanatthāya kūṭapāsaṃ viya oḍḍitaṃ. Niccavidhaṃsakārinanti niccaṃ viddhaṃsanakaraṃ. Vaṃsakānaneti yathā vaṃsavane kukkuṭo senaṃ vivajjeti, evaṃ vicakkhaṇo pāpamitte vivajjeyya.
โสปิ ตา คาถา วตฺวา เสนํ อามเนฺตตฺวา ‘‘สเจ อิมสฺมิํ ฐาเน วสิสฺสสิ, ชานิสฺสามิ เต กตฺตพฺพ’’นฺติ ตเชฺชสิฯ เสโน ตโต ปลายิตฺวา อญฺญตฺร คโตฯ
Sopi tā gāthā vatvā senaṃ āmantetvā ‘‘sace imasmiṃ ṭhāne vasissasi, jānissāmi te kattabba’’nti tajjesi. Seno tato palāyitvā aññatra gato.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ‘‘เอวํ ภิกฺขเว เทวทโตฺต ปุเพฺพปิ มยฺหํ วธาย ปริสกฺกี’’ติ วตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา เสโน เทวทโตฺต อโหสิ, กุกฺกุโฎ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā ‘‘evaṃ bhikkhave devadatto pubbepi mayhaṃ vadhāya parisakkī’’ti vatvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā seno devadatto ahosi, kukkuṭo pana ahameva ahosi’’nti.
กุกฺกุฎชาตกวณฺณนา ทสมาฯ
Kukkuṭajātakavaṇṇanā dasamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๔๔๘. กุกฺกุฎชาตกํ • 448. Kukkuṭajātakaṃ