Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga

    ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทํ

    13. Kuladūsakasikkhāpadaṃ

    ๔๓๑. 1 เตน สมเยน พุโทฺธ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ เตน โข ปน สมเยน อสฺสชิปุนพฺพสุกา นาม 2 กีฎาคิริสฺมิํ อาวาสิกา โหนฺติ อลชฺชิโน ปาปภิกฺขูฯ เต 3 เอวรูปํ อนาจารํ อาจรนฺติ – มาลาวจฺฉํ โรเปนฺติปิ โรปาเปนฺติปิ, สิญฺจนฺติปิ สิญฺจาเปนฺติปิ, โอจินนฺติปิ โอจินาเปนฺติปิ, คเนฺถนฺติปิ คนฺถาเปนฺติปิ, เอกโตวณฺฎิกมาลํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, อุภโตวณฺฎิกมาลํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, มญฺชริกํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, วิธูติกํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, วฎํสกํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, อาเวฬํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิ, อุรจฺฉทํ กโรนฺติปิ การาเปนฺติปิฯ เต กุลิตฺถีนํ กุลธีตานํ กุลกุมารีนํ กุลสุณฺหานํ กุลทาสีนํ เอกโตวณฺฎิกมาลํ หรนฺติปิ หราเปนฺติปิ, อุภโตวณฺฎิกมาลํ หรนฺติปิ หราเปนฺติปิ, มญฺชริกํ หรนฺติปิ หราเปนฺติปิ, วิธูติกํ หรนฺติปิ หราเปนฺติปิ, วฎํสกํ หรนฺติปิ หราเปนฺติปิ, อาเวฬํ หรนฺติปิ หราเปนฺติปิ, อุรจฺฉทํ หรนฺติปิ หราเปนฺติปิฯ เต กุลิตฺถีหิ กุลธีตาหิ กุลกุมารีหิ กุลสุณฺหาหิ กุลทาสีหิ สทฺธิํ เอกภาชเนปิ ภุญฺชนฺติ, เอกถาลเกปิ ปิวนฺติ, เอกาสเนปิ นิสีทนฺติ, เอกมเญฺจปิ ตุวเฎฺฎนฺติ, เอกตฺถรณาปิ ตุวเฎฺฎนฺติ, เอกปาวุรณาปิ ตุวเฎฺฎนฺติ, เอกตฺถรณปาวุรณาปิ ตุวเฎฺฎนฺติ, วิกาเลปิ ภุญฺชนฺติ, มชฺชมฺปิ ปิวนฺติ, มาลาคนฺธวิเลปนมฺปิ ธาเรนฺติ, นจฺจนฺติปิ คายนฺติปิ วาเทนฺติปิ ลาเสนฺติปิ, นจฺจนฺติยาปิ นจฺจนฺติ, นจฺจนฺติยาปิ คายนฺติ, นจฺจนฺติยาปิ วาเทนฺติ, นจฺจนฺติยาปิ ลาเสนฺติ, คายนฺติยาปิ นจฺจนฺติ, คายนฺติยาปิ คายนฺติ, คายนฺติยาปิ วาเทนฺติ, คายนฺติยาปิ ลาเสนฺติ, วาเทนฺติยาปิ นจฺจนฺติ, วาเทนฺติยาปิ คายนฺติ, วาเทนฺติยาปิ วาเทนฺติ, วาเทนฺติยาปิ ลาเสนฺติ, ลาเสนฺติยาปิ นจฺจนฺติ, ลาเสนฺติยาปิ คายนฺติ, ลาเสนฺติยาปิ วาเทนฺติ, ลาเสนฺติยาปิ ลาเสนฺติฯ อฎฺฐปเทปิ กีฬนฺติ, ทสปเทปิ กีฬนฺติ, อากาเสปิ กีฬนฺติ, ปริหารปเถปิ กีฬนฺติ, สนฺติกายปิ กีฬนฺติ, ขลิกายปิ กีฬนฺติ, ฆฎิกายปิ กีฬนฺติ, สลากหเตฺถนปิ กีฬนฺติ, อเกฺขนปิ กีฬนฺติ, ปงฺคจีเรนปิ กีฬนฺติ, วงฺกเกนปิ กีฬนฺติ, โมกฺขจิกายปิ กีฬนฺติ, จิงฺคุลเกนปิ กีฬนฺติ, ปตฺตาฬฺหเกนปิ กีฬนฺติ, รถเกนปิ กีฬนฺติ, ธนุเกนปิ กีฬนฺติ, อกฺขริกายปิ กีฬนฺติ, มเนสิกายปิ กีฬนฺติ, ยถาวเชฺชนปิ กีฬนฺติฯ หตฺถิสฺมิมฺปิ สิกฺขนฺติ, อสฺสสฺมิมฺปิ สิกฺขนฺติ, รถสฺมิมฺปิ สิกฺขนฺติ, ธนุสฺมิมฺปิ สิกฺขนฺติ, ถรุสฺมิมฺปิ สิกฺขนฺติ, หตฺถิสฺสปิ ปุรโต ธาวนฺติ, อสฺสสฺสปิ ปุรโต ธาวนฺติ, รถสฺสปิ ปุรโต 4 ธาวนฺติปิ อาธาวนฺติปิ, อุเสฺสเฬนฺติปิ, อโปฺผเฎนฺติปิ, นิพฺพุชฺฌนฺติปิ, มุฎฺฐีหิปิ ยุชฺฌนฺติ, รงฺคมเชฺฌปิ สงฺฆาฎิํ ปตฺถริตฺวา นจฺจกิํ 5 เอวํ วทนฺติ – อิธ, ภคินิ, นจฺจสฺสูติ, นลาฎิกมฺปิ เทนฺติ, วิวิธมฺปิ อนาจารํ อาจรนฺติฯ

    431.6 Tena samayena buddho bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tena kho pana samayena assajipunabbasukā nāma 7 kīṭāgirismiṃ āvāsikā honti alajjino pāpabhikkhū. Te 8 evarūpaṃ anācāraṃ ācaranti – mālāvacchaṃ ropentipi ropāpentipi, siñcantipi siñcāpentipi, ocinantipi ocināpentipi, ganthentipi ganthāpentipi, ekatovaṇṭikamālaṃ karontipi kārāpentipi, ubhatovaṇṭikamālaṃ karontipi kārāpentipi, mañjarikaṃ karontipi kārāpentipi, vidhūtikaṃ karontipi kārāpentipi, vaṭaṃsakaṃ karontipi kārāpentipi, āveḷaṃ karontipi kārāpentipi, uracchadaṃ karontipi kārāpentipi. Te kulitthīnaṃ kuladhītānaṃ kulakumārīnaṃ kulasuṇhānaṃ kuladāsīnaṃ ekatovaṇṭikamālaṃ harantipi harāpentipi, ubhatovaṇṭikamālaṃ harantipi harāpentipi, mañjarikaṃ harantipi harāpentipi, vidhūtikaṃ harantipi harāpentipi, vaṭaṃsakaṃ harantipi harāpentipi, āveḷaṃ harantipi harāpentipi, uracchadaṃ harantipi harāpentipi. Te kulitthīhi kuladhītāhi kulakumārīhi kulasuṇhāhi kuladāsīhi saddhiṃ ekabhājanepi bhuñjanti, ekathālakepi pivanti, ekāsanepi nisīdanti, ekamañcepi tuvaṭṭenti, ekattharaṇāpi tuvaṭṭenti, ekapāvuraṇāpi tuvaṭṭenti, ekattharaṇapāvuraṇāpi tuvaṭṭenti, vikālepi bhuñjanti, majjampi pivanti, mālāgandhavilepanampi dhārenti, naccantipi gāyantipi vādentipi lāsentipi, naccantiyāpi naccanti, naccantiyāpi gāyanti, naccantiyāpi vādenti, naccantiyāpi lāsenti, gāyantiyāpi naccanti, gāyantiyāpi gāyanti, gāyantiyāpi vādenti, gāyantiyāpi lāsenti, vādentiyāpi naccanti, vādentiyāpi gāyanti, vādentiyāpi vādenti, vādentiyāpi lāsenti, lāsentiyāpi naccanti, lāsentiyāpi gāyanti, lāsentiyāpi vādenti, lāsentiyāpi lāsenti. Aṭṭhapadepi kīḷanti, dasapadepi kīḷanti, ākāsepi kīḷanti, parihārapathepi kīḷanti, santikāyapi kīḷanti, khalikāyapi kīḷanti, ghaṭikāyapi kīḷanti, salākahatthenapi kīḷanti, akkhenapi kīḷanti, paṅgacīrenapi kīḷanti, vaṅkakenapi kīḷanti, mokkhacikāyapi kīḷanti, ciṅgulakenapi kīḷanti, pattāḷhakenapi kīḷanti, rathakenapi kīḷanti, dhanukenapi kīḷanti, akkharikāyapi kīḷanti, manesikāyapi kīḷanti, yathāvajjenapi kīḷanti. Hatthismimpi sikkhanti, assasmimpi sikkhanti, rathasmimpi sikkhanti, dhanusmimpi sikkhanti, tharusmimpi sikkhanti, hatthissapi purato dhāvanti, assassapi purato dhāvanti, rathassapi purato 9 dhāvantipi ādhāvantipi, usseḷentipi, apphoṭentipi, nibbujjhantipi, muṭṭhīhipi yujjhanti, raṅgamajjhepi saṅghāṭiṃ pattharitvā naccakiṃ 10 evaṃ vadanti – idha, bhagini, naccassūti, nalāṭikampi denti, vividhampi anācāraṃ ācaranti.

    ๔๓๒. เตน โข ปน สมเยน อญฺญตโร ภิกฺขุ กาสีสุ วสฺสํวุโฎฺฐ สาวตฺถิํ คจฺฉโนฺต ภควนฺตํ ทสฺสนาย, เยน กีฎาคิริ ตทวสริฯ อถ โข โส ภิกฺขุ ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กีฎาคิริํ ปิณฺฑาย ปาวิสิ ปาสาทิเกน อภิกฺกเนฺตน ปฎิกฺกเนฺตน อาโลกิเตน วิโลกิเตน สมิญฺชิเตน ปสาริเตน โอกฺขิตฺตจกฺขุ อิริยาปถสมฺปโนฺนฯ มนุสฺสา ตํ ภิกฺขุํ ปสฺสิตฺวา เอวมาหํสุ – ‘‘กฺวายํ อพลพโล วิย มนฺทมโนฺท วิย ภากุฎิกภากุฎิโก วิย? โก อิมสฺส อุปคตสฺส ปิณฺฑกํ ทสฺสติ? อมฺหากํ ปน อยฺยา อสฺสชิปุนพฺพสุกา สณฺหา สขิลา สุขสมฺภาสา มิหิตปุพฺพงฺคมา เอหิสฺวาคตวาทิโน อพฺภากุฎิกา อุตฺตานมุขา ปุพฺพภาสิโนฯ เตสํ โข นาม ปิโณฺฑ ทาตโพฺพ’’ติฯ

    432. Tena kho pana samayena aññataro bhikkhu kāsīsu vassaṃvuṭṭho sāvatthiṃ gacchanto bhagavantaṃ dassanāya, yena kīṭāgiri tadavasari. Atha kho so bhikkhu pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya kīṭāgiriṃ piṇḍāya pāvisi pāsādikena abhikkantena paṭikkantena ālokitena vilokitena samiñjitena pasāritena okkhittacakkhu iriyāpathasampanno. Manussā taṃ bhikkhuṃ passitvā evamāhaṃsu – ‘‘kvāyaṃ abalabalo viya mandamando viya bhākuṭikabhākuṭiko viya? Ko imassa upagatassa piṇḍakaṃ dassati? Amhākaṃ pana ayyā assajipunabbasukā saṇhā sakhilā sukhasambhāsā mihitapubbaṅgamā ehisvāgatavādino abbhākuṭikā uttānamukhā pubbabhāsino. Tesaṃ kho nāma piṇḍo dātabbo’’ti.

    อทฺทสา โข อญฺญตโร อุปาสโก ตํ ภิกฺขุํ กีฎาคิริสฺมิํ ปิณฺฑาย จรนฺตํฯ ทิสฺวาน เยน โส ภิกฺขุ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ตํ ภิกฺขุํ อภิวาเทตฺวา เอตทโวจ – ‘‘อปิ, ภเนฺต, ปิโณฺฑ ลพฺภตี’’ติ? ‘‘น โข, อาวุโส, ปิโณฺฑ ลพฺภตี’’ติฯ ‘‘เอหิ, ภเนฺต, ฆรํ คมิสฺสามา’’ติฯ อถ โข โส อุปาสโก ตํ ภิกฺขุํ ฆรํ เนตฺวา โภเชตฺวา เอตทโวจ – ‘‘กหํ, ภเนฺต, อโยฺย คมิสฺสตี’’ติ? ‘‘สาวตฺถิํ โข อหํ, อาวุโส, คมิสฺสามิ ภควนฺตํ ทสฺสนายา’’ติฯ ‘‘เตน หิ, ภเนฺต, มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺท, เอวญฺจ วเทหิ – ‘ทุโฎฺฐ, ภเนฺต, กีฎาคิริสฺมิํ อาวาโสฯ อสฺสชิปุนพฺพสุกา นาม กีฎาคิริสฺมิํ อาวาสิกา อลชฺชิโน ปาปภิกฺขูฯ เต เอวรูปํ อนาจารํ อาจรนฺติ – มาลาวจฺฉํ โรเปนฺติปิ โรปาเปนฺติปิ, สิญฺจนฺติปิ สิญฺจาเปนฺติปิ…เป.… วิวิธมฺปิ อนาจารํ อาจรนฺติฯ เยปิ เต, ภเนฺต, มนุสฺสา ปุเพฺพ สทฺธา อเหสุํ ปสนฺนา เตปิ เอตรหิ อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนาฯ ยานิปิ ตานิ สงฺฆสฺส ปุเพฺพ ทานปถานิ ตานิปิ เอตรหิ อุปจฺฉินฺนานิฯ ริญฺจนฺติ เปสลา ภิกฺขู, นิวสนฺติ ปาปภิกฺขูฯ สาธุ, ภเนฺต, ภควา กีฎาคิริํ ภิกฺขู ปหิเณยฺย ยถายํ กีฎาคิริสฺมิํ อาวาโส สณฺฐเหยฺยา’’’ติฯ

    Addasā kho aññataro upāsako taṃ bhikkhuṃ kīṭāgirismiṃ piṇḍāya carantaṃ. Disvāna yena so bhikkhu tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā taṃ bhikkhuṃ abhivādetvā etadavoca – ‘‘api, bhante, piṇḍo labbhatī’’ti? ‘‘Na kho, āvuso, piṇḍo labbhatī’’ti. ‘‘Ehi, bhante, gharaṃ gamissāmā’’ti. Atha kho so upāsako taṃ bhikkhuṃ gharaṃ netvā bhojetvā etadavoca – ‘‘kahaṃ, bhante, ayyo gamissatī’’ti? ‘‘Sāvatthiṃ kho ahaṃ, āvuso, gamissāmi bhagavantaṃ dassanāyā’’ti. ‘‘Tena hi, bhante, mama vacanena bhagavato pāde sirasā vanda, evañca vadehi – ‘duṭṭho, bhante, kīṭāgirismiṃ āvāso. Assajipunabbasukā nāma kīṭāgirismiṃ āvāsikā alajjino pāpabhikkhū. Te evarūpaṃ anācāraṃ ācaranti – mālāvacchaṃ ropentipi ropāpentipi, siñcantipi siñcāpentipi…pe… vividhampi anācāraṃ ācaranti. Yepi te, bhante, manussā pubbe saddhā ahesuṃ pasannā tepi etarahi assaddhā appasannā. Yānipi tāni saṅghassa pubbe dānapathāni tānipi etarahi upacchinnāni. Riñcanti pesalā bhikkhū, nivasanti pāpabhikkhū. Sādhu, bhante, bhagavā kīṭāgiriṃ bhikkhū pahiṇeyya yathāyaṃ kīṭāgirismiṃ āvāso saṇṭhaheyyā’’’ti.

    เอวมาวุโสติ โข โส ภิกฺขุ ตสฺส อุปาสกสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน สาวตฺถิ เตน ปกฺกามิฯ อนุปุเพฺพน เยน สาวตฺถิ เชตวนํ อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราโม เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ อาจิณฺณํ โข ปเนตํ พุทฺธานํ ภควนฺตานํ อาคนฺตุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปฎิสโมฺมทิตุํฯ อถ โข ภควา ตํ ภิกฺขุํ เอตทโวจ – ‘‘กจฺจิ, ภิกฺขุ, ขมนียํ กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิสิ อปฺปกิลมเถน อทฺธานํ อาคโต, กุโต จ ตฺวํ ภิกฺขุ อาคจฺฉสี’’ติ? ‘‘ขมนียํ, ภควา, ยาปนียํ, ภควาฯ อปฺปกิลมเถน จาหํ, ภเนฺต, อทฺธานํ อาคโตฯ อิธาหํ, ภเนฺต, กาสีสุ วสฺสํวุโฎฺฐ สาวตฺถิํ อาคจฺฉโนฺต ภควนฺตํ ทสฺสนาย เยน กีฎาคิริ ตทวสริํฯ อถ ขฺวาหํ, ภเนฺต, ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย กีฎาคิริํ ปิณฺฑาย ปาวิสิํฯ อทฺทสา โข มํ, ภเนฺต, อญฺญตโร อุปาสโก กีฎาคิริสฺมิํ ปิณฺฑาย จรนฺตํฯ ทิสฺวาน เยนาหํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา มํ อภิวาเทตฺวา เอตทโวจ – ‘อปิ, ภเนฺต, ปิโณฺฑ ลพฺภตี’ติ? ‘น โข, อาวุโส, ปิโณฺฑ ลพฺภตี’ติฯ ‘เอหิ, ภเนฺต, ฆรํ คมิสฺสามา’ติฯ อถ โข, ภเนฺต, โส อุปาสโก มํ ฆรํ เนตฺวา โภเชตฺวา เอตทโวจ – ‘กหํ, ภเนฺต, อโยฺย คมิสฺสสี’ติ? ‘สาวตฺถิํ โข อหํ, อาวุโส, คมิสฺสามิ ภควนฺตํ ทสฺสนายา’ติฯ เตน หิ, ภเนฺต, มม วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วนฺท, เอวญฺจ วเทหิ – ‘ทุโฎฺฐ, ภเนฺต, กีฎาคิริสฺมิํ อาวาโส, อสฺสชิปุนพฺพสุกา นาม กีฎาคิริสฺมิํ อาวาสิกา อลชฺชิโน ปาปภิกฺขูฯ เต เอวรูปํ อนาจารํ อาจรนฺติ – มาลาวจฺฉํ โรเปนฺติปิ โรปาเปนฺติปิ, สิญฺจนฺติปิ สิญฺจาเปนฺติปิ…เป.… วิวิธมฺปิ อนาจารํ อาจรนฺติฯ เยปิ เต, ภเนฺต, มนุสฺสา ปุเพฺพ สทฺธา อเหสุํ ปสนฺนา เตปิ เอตรหิ อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา, ยานิปิ ตานิ สงฺฆสฺส ปุเพฺพ ทานปถานิ ตานิปิ เอตรหิ อุปจฺฉินฺนานิ, ริญฺจนฺติ เปสลา ภิกฺขู นิวสนฺติ ปาปภิกฺขูฯ สาธุ, ภเนฺต, ภควา กีฎาคิริํ ภิกฺขู ปหิเณยฺย ยถายํ กีฎาคิริสฺมิํ อาวาโส สณฺฐเหยฺยา’ติฯ ตโต อหํ, ภควา, อาคจฺฉามี’’ติฯ

    Evamāvusoti kho so bhikkhu tassa upāsakassa paṭissutvā yena sāvatthi tena pakkāmi. Anupubbena yena sāvatthi jetavanaṃ anāthapiṇḍikassa ārāmo yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Āciṇṇaṃ kho panetaṃ buddhānaṃ bhagavantānaṃ āgantukehi bhikkhūhi saddhiṃ paṭisammodituṃ. Atha kho bhagavā taṃ bhikkhuṃ etadavoca – ‘‘kacci, bhikkhu, khamanīyaṃ kacci yāpanīyaṃ, kaccisi appakilamathena addhānaṃ āgato, kuto ca tvaṃ bhikkhu āgacchasī’’ti? ‘‘Khamanīyaṃ, bhagavā, yāpanīyaṃ, bhagavā. Appakilamathena cāhaṃ, bhante, addhānaṃ āgato. Idhāhaṃ, bhante, kāsīsu vassaṃvuṭṭho sāvatthiṃ āgacchanto bhagavantaṃ dassanāya yena kīṭāgiri tadavasariṃ. Atha khvāhaṃ, bhante, pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya kīṭāgiriṃ piṇḍāya pāvisiṃ. Addasā kho maṃ, bhante, aññataro upāsako kīṭāgirismiṃ piṇḍāya carantaṃ. Disvāna yenāhaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā maṃ abhivādetvā etadavoca – ‘api, bhante, piṇḍo labbhatī’ti? ‘Na kho, āvuso, piṇḍo labbhatī’ti. ‘Ehi, bhante, gharaṃ gamissāmā’ti. Atha kho, bhante, so upāsako maṃ gharaṃ netvā bhojetvā etadavoca – ‘kahaṃ, bhante, ayyo gamissasī’ti? ‘Sāvatthiṃ kho ahaṃ, āvuso, gamissāmi bhagavantaṃ dassanāyā’ti. Tena hi, bhante, mama vacanena bhagavato pāde sirasā vanda, evañca vadehi – ‘duṭṭho, bhante, kīṭāgirismiṃ āvāso, assajipunabbasukā nāma kīṭāgirismiṃ āvāsikā alajjino pāpabhikkhū. Te evarūpaṃ anācāraṃ ācaranti – mālāvacchaṃ ropentipi ropāpentipi, siñcantipi siñcāpentipi…pe… vividhampi anācāraṃ ācaranti. Yepi te, bhante, manussā pubbe saddhā ahesuṃ pasannā tepi etarahi assaddhā appasannā, yānipi tāni saṅghassa pubbe dānapathāni tānipi etarahi upacchinnāni, riñcanti pesalā bhikkhū nivasanti pāpabhikkhū. Sādhu, bhante, bhagavā kīṭāgiriṃ bhikkhū pahiṇeyya yathāyaṃ kīṭāgirismiṃ āvāso saṇṭhaheyyā’ti. Tato ahaṃ, bhagavā, āgacchāmī’’ti.

    ๔๓๓. อถ โข ภควา เอตสฺมิํ นิทาเน เอตสฺมิํ ปกรเณ ภิกฺขุสงฺฆํ สนฺนิปาตาเปตฺวา ภิกฺขู ปฎิปุจฺฉิ – ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, อสฺสชิปุนพฺพสุกา นาม กีฎาคิริสฺมิํ อาวาสิกา อลชฺชิโน ปาปภิกฺขู เต เอวรูปํ อนาจารํ อาจรนฺติ – มาลาวจฺฉํ โรเปนฺติปิ โรปาเปนฺติปิ, สิญฺจนฺติปิ สิญฺจาเปนฺติปิ …เป.… วิวิธมฺปิ อนาจารํ อาจรนฺติ, เยปิ เต, ภิกฺขเว, มนุสฺสา ปุเพฺพ สทฺธา อเหสุํ ปสนฺนา เตปิ เอตรหิ อสฺสทฺธา อปฺปสนฺนา; ยานิปิ ตานิ สงฺฆสฺส ปุเพฺพ ทานปถานิ ตานิปิ เอตรหิ อุปจฺฉินฺนานิ; ริญฺจนฺติ เปสลา ภิกฺขู นิวสนฺติ ปาปภิกฺขู’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… ‘‘กถญฺหิ นาม เต, ภิกฺขเว, โมฆปุริสา เอวรูปํ อนาจารํ อาจริสฺสนฺติ – มาลาวจฺฉํ โรเปสฺสนฺติปิ โรปาเปสฺสนฺติปิ, สญฺจิสฺสนฺติปิ สิญฺจาเปสฺสนฺติปิ, โอจินิสฺสนฺติปิ โอจินาเปสฺสนฺติปิ, คนฺถิสฺสนฺติปิ คนฺถาเปสฺสนฺติปิ, เอกโตวณฺฎิกมาลํ กริสฺสนฺติปิ การาเปสฺสนฺติปิ, อุภโตวณฺฎิกมาลํ กริสฺสนฺติปิ การาเปสฺสนฺติปิ, มญฺชริกํ กริสฺสนฺติปิ การาเปสฺสนฺติปิ, วิธูติกํ กริสฺสนฺติปิ การาเปสฺสนฺติปิ, วฎํสกํ กริสฺสนฺติปิ การาเปสฺสนฺติปิ, อาเวฬํ กริสฺสนฺติปิ การาเปสฺสนฺติปิ, อุรจฺฉทํ กริสฺสนฺติปิ การาเปสฺสนฺติปิฯ เต กุลิตฺถีนํ กุลธีตานํ กุลกุมารีนํ กุลสุณฺหานํ กุลทาสีนํ เอกโตวณฺฎิกมาลํ หริสฺสนฺติปิ หาราเปสฺสนฺติปิ, อุภโตวณฺฎิกมาลํ หริสฺสนฺติปิ หาราเปสฺสนฺติปิ, มญฺชริกํ หริสฺสนฺติปิ หาราเปสฺสนฺติปิ , วิธูติกํ หริสฺสนฺติปิ หาราเปสฺสนฺติปิ, วฎํสกํ หริสฺสนฺติปิ หาราเปสฺสนฺติปิ, อาเวฬํ หริสฺสนฺติปิ หาราเปสฺสนฺติปิ, อุรจฺฉทํ หริสฺสนฺติปิ หาราเปสฺสนฺติปิฯ เต กุลิตฺถีหิ กุลธีตาหิ กุลกุมารีหิ กุลสุณฺหาหิ กุลทาสีหิ สทฺธิํ เอกภาชเนปิ ภุญฺชิสฺสนฺติ, เอกถาลเกปิ ปิวิสฺสนฺติ, เอกาสเนปิ นิสีทิสฺสนฺติ, เอกมเญฺจปิ ตุวฎฺฎิสฺสนฺติ, เอกตฺถรณาปิ ตุวฎฺฎิสฺสนฺติ, เอกปาวุรณาปิ ตุวฎฺฎิสฺสนฺติ, เอกตฺถรณปาวุรณาปิ ตุวฎฺฎิสฺสนฺติ, วิกาเลปิ ภุญฺชิสฺสนฺติ, มชฺชมฺปิ ปิวิสฺสนฺติ, มาลาคนฺธวิเลปนมฺปิ ธาริสฺสนฺติ, นจฺจิสฺสนฺติปิ คายิสฺสนฺติปิ วาเทสฺสนฺติปิ ลาเสสฺสนฺติปิ, นจฺจนฺติยาปิ นจฺจิสฺสนฺติ นจฺจนฺติยาปิ คายิสฺสนฺติ นจฺจนฺติยาปิ วาเทสฺสนฺติ นจฺจนฺติยาปิ ลาเสสฺสนฺติ, คายนฺติยาปิ นจฺจิสฺสนฺติ คายนฺติยาปิ คายิสฺสนฺติ คายนฺติยาปิ วาเทสฺสนฺติ คายนฺติยาปิ ลาเสสฺสนฺติ, วาเทนฺติยาปิ นจฺจิสฺสนฺติ วาเทนฺติยาปิ คายิสฺสนฺติ วาเทนฺติยาปิ วาเทสฺสนฺติ วาเทนฺติยาปิ ลาเสสฺสนฺติ, ลาเสนฺติยาปิ นจฺจิสฺสนฺติ ลาเสนฺติยาปิ คายิสฺสนฺติ ลาเสนฺติยาปิ วาเทสฺสนฺติ ลาเสนฺติยาปิ ลาเสสฺสนฺติ, อฎฺฐปเทปิ กีฬิสฺสนฺติ ทสปเทปิ กีฬิสฺสนฺติ, อกาเสปิ กีฬิสฺสนฺติ, ปริหารปเถปิ กีฬิสฺสนฺติ, สนฺติกายปิ กีฬิสฺสนฺติ, ขลิกายปิ กีฬิสฺสนฺติ, ฆฎิกายปิ กีฬิสฺสนฺติ, สลากหเตฺถนปิ กีฬิสฺสนฺติ, อเกฺขนปิ กีฬิสฺสนฺติ, ปงฺคจีเรนปิ กีฬิสฺสนฺติ, วงฺกเกนปิ กีฬิสฺสนฺติ, โมกฺขจิกายปิ กีฬิสฺสนฺติ, จิงฺคุลเกนปิ กีฬิสฺสนฺติ, ปตฺตาฬฺหเกนปิ กีฬิสฺสนฺติ, รถเกนปิ กีฬิสฺสนฺติ, ธนุเกนปิ กีฬิสฺสนฺติ, อกฺขริกายปิ กีฬิสฺสนฺติ , มเนสิกายปิ กีฬิสฺสนฺติ, ยถาวเชฺชนปิ กีฬิสฺสนฺติ, หตฺถิสฺมิมฺปิ สิกฺขิสฺสนฺติ, อสฺสสฺมิมฺปิ สิกฺขิสฺสนฺติ, รถสฺมิมฺปิ สิกฺขิสฺสนฺติ, ธนุสฺมิมฺปิ สิกฺขิสฺสนฺติ, ถรุสฺมิมฺปิ สิกฺขิสฺสนฺติ, หตฺถิสฺสปิ ปุรโต ธาวิสฺสนฺติ, อสฺสสฺสปิ ปุรโต ธาวิสฺสนฺติ, รถสฺสปิ ปุรโต 11 ธาวิสฺสนฺติปิ อาธาวิสฺสนฺติปิ, อุเสฺสเฬสฺสนฺติปิ, อโปฺผเฎสฺสนฺติปิ, นิพฺพุชฺฌิสฺสนฺติปิ, มุฎฺฐีหิปิ ยุชฺฌิสฺสนฺติ, รงฺคมเชฺฌปิ สงฺฆาฎิํ ปตฺถริตฺวา นจฺจกิํ เอวํ วกฺขนฺติ ‘‘อิธ ภคินิ นจฺจสฺสู’’ติ นลาฎิกมฺปิ ทสฺสนฺติ, วิวิธมฺปิ อนาจารํ อาจริสฺสนฺติ! เนตํ, ภิกฺขเว, อปฺปสนฺนานํ วา ปสาทาย…เป.… วิครหิตฺวา ธมฺมิํ กถํ กตฺวา สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน อามเนฺตสิ – ‘‘คจฺฉถ ตุเมฺห, สาริปุตฺตา, กีฎาคิริํ คนฺตฺวา อสฺสชิปุนพฺพสุกานํ ภิกฺขูนํ กีฎาคิริสฺมา ปพฺพาชนียกมฺมํ กโรถฯ ตุมฺหากํ เอเต สทฺธิวิหาริกา’’ติฯ

    433. Atha kho bhagavā etasmiṃ nidāne etasmiṃ pakaraṇe bhikkhusaṅghaṃ sannipātāpetvā bhikkhū paṭipucchi – ‘‘saccaṃ kira, bhikkhave, assajipunabbasukā nāma kīṭāgirismiṃ āvāsikā alajjino pāpabhikkhū te evarūpaṃ anācāraṃ ācaranti – mālāvacchaṃ ropentipi ropāpentipi, siñcantipi siñcāpentipi …pe… vividhampi anācāraṃ ācaranti, yepi te, bhikkhave, manussā pubbe saddhā ahesuṃ pasannā tepi etarahi assaddhā appasannā; yānipi tāni saṅghassa pubbe dānapathāni tānipi etarahi upacchinnāni; riñcanti pesalā bhikkhū nivasanti pāpabhikkhū’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… ‘‘kathañhi nāma te, bhikkhave, moghapurisā evarūpaṃ anācāraṃ ācarissanti – mālāvacchaṃ ropessantipi ropāpessantipi, sañcissantipi siñcāpessantipi, ocinissantipi ocināpessantipi, ganthissantipi ganthāpessantipi, ekatovaṇṭikamālaṃ karissantipi kārāpessantipi, ubhatovaṇṭikamālaṃ karissantipi kārāpessantipi, mañjarikaṃ karissantipi kārāpessantipi, vidhūtikaṃ karissantipi kārāpessantipi, vaṭaṃsakaṃ karissantipi kārāpessantipi, āveḷaṃ karissantipi kārāpessantipi, uracchadaṃ karissantipi kārāpessantipi. Te kulitthīnaṃ kuladhītānaṃ kulakumārīnaṃ kulasuṇhānaṃ kuladāsīnaṃ ekatovaṇṭikamālaṃ harissantipi hārāpessantipi, ubhatovaṇṭikamālaṃ harissantipi hārāpessantipi, mañjarikaṃ harissantipi hārāpessantipi , vidhūtikaṃ harissantipi hārāpessantipi, vaṭaṃsakaṃ harissantipi hārāpessantipi, āveḷaṃ harissantipi hārāpessantipi, uracchadaṃ harissantipi hārāpessantipi. Te kulitthīhi kuladhītāhi kulakumārīhi kulasuṇhāhi kuladāsīhi saddhiṃ ekabhājanepi bhuñjissanti, ekathālakepi pivissanti, ekāsanepi nisīdissanti, ekamañcepi tuvaṭṭissanti, ekattharaṇāpi tuvaṭṭissanti, ekapāvuraṇāpi tuvaṭṭissanti, ekattharaṇapāvuraṇāpi tuvaṭṭissanti, vikālepi bhuñjissanti, majjampi pivissanti, mālāgandhavilepanampi dhārissanti, naccissantipi gāyissantipi vādessantipi lāsessantipi, naccantiyāpi naccissanti naccantiyāpi gāyissanti naccantiyāpi vādessanti naccantiyāpi lāsessanti, gāyantiyāpi naccissanti gāyantiyāpi gāyissanti gāyantiyāpi vādessanti gāyantiyāpi lāsessanti, vādentiyāpi naccissanti vādentiyāpi gāyissanti vādentiyāpi vādessanti vādentiyāpi lāsessanti, lāsentiyāpi naccissanti lāsentiyāpi gāyissanti lāsentiyāpi vādessanti lāsentiyāpi lāsessanti, aṭṭhapadepi kīḷissanti dasapadepi kīḷissanti, akāsepi kīḷissanti, parihārapathepi kīḷissanti, santikāyapi kīḷissanti, khalikāyapi kīḷissanti, ghaṭikāyapi kīḷissanti, salākahatthenapi kīḷissanti, akkhenapi kīḷissanti, paṅgacīrenapi kīḷissanti, vaṅkakenapi kīḷissanti, mokkhacikāyapi kīḷissanti, ciṅgulakenapi kīḷissanti, pattāḷhakenapi kīḷissanti, rathakenapi kīḷissanti, dhanukenapi kīḷissanti, akkharikāyapi kīḷissanti , manesikāyapi kīḷissanti, yathāvajjenapi kīḷissanti, hatthismimpi sikkhissanti, assasmimpi sikkhissanti, rathasmimpi sikkhissanti, dhanusmimpi sikkhissanti, tharusmimpi sikkhissanti, hatthissapi purato dhāvissanti, assassapi purato dhāvissanti, rathassapi purato 12 dhāvissantipi ādhāvissantipi, usseḷessantipi, apphoṭessantipi, nibbujjhissantipi, muṭṭhīhipi yujjhissanti, raṅgamajjhepi saṅghāṭiṃ pattharitvā naccakiṃ evaṃ vakkhanti ‘‘idha bhagini naccassū’’ti nalāṭikampi dassanti, vividhampi anācāraṃ ācarissanti! Netaṃ, bhikkhave, appasannānaṃ vā pasādāya…pe… vigarahitvā dhammiṃ kathaṃ katvā sāriputtamoggallāne āmantesi – ‘‘gacchatha tumhe, sāriputtā, kīṭāgiriṃ gantvā assajipunabbasukānaṃ bhikkhūnaṃ kīṭāgirismā pabbājanīyakammaṃ karotha. Tumhākaṃ ete saddhivihārikā’’ti.

    ‘‘กถํ มยํ, ภเนฺต, อสฺสชิปุนพฺพสุกานํ ภิกฺขูนํ กีฎาคิริสฺมา ปพฺพาชนียกมฺมํ กโรม? จณฺฑา เต ภิกฺขู ผรุสา’’ติฯ ‘‘เตน หิ ตุเมฺห, สาริปุตฺตา, พหุเกหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ คจฺฉถา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานา ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ‘‘เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, กาตพฺพํฯ ปฐมํ อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู โจเทตพฺพาฯ โจเทตฺวา สาเรตพฺพาฯ สาเรตฺวา อาปตฺติํ โรเปตพฺพา ฯ อาปตฺติํ โรเปตฺวา พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –

    ‘‘Kathaṃ mayaṃ, bhante, assajipunabbasukānaṃ bhikkhūnaṃ kīṭāgirismā pabbājanīyakammaṃ karoma? Caṇḍā te bhikkhū pharusā’’ti. ‘‘Tena hi tumhe, sāriputtā, bahukehi bhikkhūhi saddhiṃ gacchathā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho sāriputtamoggallānā bhagavato paccassosuṃ. ‘‘Evañca pana, bhikkhave, kātabbaṃ. Paṭhamaṃ assajipunabbasukā bhikkhū codetabbā. Codetvā sāretabbā. Sāretvā āpattiṃ ropetabbā . Āpattiṃ ropetvā byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –

    ๔๓๔. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิเม อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู กุลทูสกา ปาปสมาจาราฯ อิเมสํ ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ กุลานิ จ อิเมหิ ทุฎฺฐานิ ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อสฺสชิปุนพฺพสุกานํ ภิกฺขูนํ กีฎาคิริสฺมา ปพฺพาชนียกมฺมํ กเรยฺย – ‘น อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ ภิกฺขูหิ กีฎาคิริสฺมิํ วตฺถพฺพ’นฺติฯ เอสา ญตฺติฯ

    434. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ime assajipunabbasukā bhikkhū kuladūsakā pāpasamācārā. Imesaṃ pāpakā samācārā dissanti ceva suyyanti ca. Kulāni ca imehi duṭṭhāni dissanti ceva suyyanti ca. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho assajipunabbasukānaṃ bhikkhūnaṃ kīṭāgirismā pabbājanīyakammaṃ kareyya – ‘na assajipunabbasukehi bhikkhūhi kīṭāgirismiṃ vatthabba’nti. Esā ñatti.

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อิเม อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู กุลทูสกา ปาปสมาจาราฯ อิเมสํ ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ กุลานิ จ อิเมหิ ทุฎฺฐานิ ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ สโงฺฆ อสฺสชิปุนพฺพสุกานํ ภิกฺขูนํ กีฎาคิริสฺมา ปพฺพาชนียกมฺมํ กโรติ – ‘น อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ ภิกฺขูหิ กีฎาคิริสฺมิํ วตฺถพฺพ’นฺติฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อสฺสชิปุนพฺพสุกานํ ภิกฺขูนํ กีฎาคิริสฺมา ปพฺพาชนียกมฺมสฺส กรณํ – ‘น อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ ภิกฺขูหิ กีฎาคิริสฺมิํ วตฺถพฺพ’นฺติ, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ime assajipunabbasukā bhikkhū kuladūsakā pāpasamācārā. Imesaṃ pāpakā samācārā dissanti ceva suyyanti ca. Kulāni ca imehi duṭṭhāni dissanti ceva suyyanti ca. Saṅgho assajipunabbasukānaṃ bhikkhūnaṃ kīṭāgirismā pabbājanīyakammaṃ karoti – ‘na assajipunabbasukehi bhikkhūhi kīṭāgirismiṃ vatthabba’nti. Yassāyasmato khamati assajipunabbasukānaṃ bhikkhūnaṃ kīṭāgirismā pabbājanīyakammassa karaṇaṃ – ‘na assajipunabbasukehi bhikkhūhi kīṭāgirismiṃ vatthabba’nti, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.

    ‘‘ทุติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป.… ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ – สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆ…เป.… โส ภาเสยฺยฯ

    ‘‘Dutiyampi etamatthaṃ vadāmi…pe… tatiyampi etamatthaṃ vadāmi – suṇātu me, bhante, saṅgho…pe… so bhāseyya.

    ‘‘กตํ สเงฺฆน อสฺสชิปุนพฺพสุกานํ ภิกฺขูนํ กีฎาคิริสฺมา ปพฺพาชนียกมฺมํ – ‘น อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ ภิกฺขูหิ กีฎาคิริสฺมิํ วตฺถพฺพ’นฺติฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ

    ‘‘Kataṃ saṅghena assajipunabbasukānaṃ bhikkhūnaṃ kīṭāgirismā pabbājanīyakammaṃ – ‘na assajipunabbasukehi bhikkhūhi kīṭāgirismiṃ vatthabba’nti. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.

    ๔๓๕. อถ โข สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานปฺปมุโข ภิกฺขุสโงฺฆ กีฎาคิริํ คนฺตฺวา อสฺสชิปุนพฺพสุกานํ ภิกฺขูนํ กีฎาคิริสฺมา ปพฺพาชนียกมฺมํ อกาสิ – ‘น อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ ภิกฺขูหิ กีฎาคิริสฺมิํ วตฺถพฺพ’นฺติฯ เต สเงฺฆน ปพฺพาชนียกมฺมกตา น สมฺมา วตฺตนฺติ, น โลมํ ปาเตนฺติ, น เนตฺถารํ วตฺตนฺติ, น ภิกฺขู ขมาเปนฺติ, อโกฺกสนฺติ ปริภาสนฺติ ฉนฺทคามิตา โทสคามิตา โมหคามิตา ภยคามิตา ปาเปนฺติ, ปกฺกมนฺติปิ, วิพฺภมนฺติปิฯ เย เต ภิกฺขู อปฺปิจฺฉา…เป.… เต อุชฺฌายนฺติ ขิยฺยนฺติ วิปาเจนฺติ – ‘‘กถญฺหิ นาม อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู สเงฺฆน ปพฺพาชนียกมฺมกตา น สมฺมา วตฺติสฺสนฺติ, น โลมํ ปาเตสฺสนฺติ, น เนตฺถารํ วตฺติสฺสนฺติ, น ภิกฺขู ขมาเปสฺสนฺติ , อโกฺกสิสฺสนฺติ ปริภาสิสฺสนฺติ, ฉนฺทคามิตา โทสคามิตา โมหคามิตา ภยคามิตา ปาเปสฺสนฺติ ปกฺกมิสฺสนฺติปิ วิพฺภมิสฺสนฺติปี’’ติ ! อถ โข เต ภิกฺขู อสฺสชิปุนพฺพสุเก ภิกฺขู อเนกปริยาเยน วิครหิตฺวา ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ…เป.… ‘‘สจฺจํ กิร, ภิกฺขเว, อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู สเงฺฆน ปพฺพาชนียกมฺมกตา น สมฺมา วตฺตนฺติ…เป.… วิพฺภมนฺติปี’’ติ? ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติฯ วิครหิ พุโทฺธ ภควา…เป.… เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, อิมํ สิกฺขาปทํ อุทฺทิเสยฺยาถ –

    435. Atha kho sāriputtamoggallānappamukho bhikkhusaṅgho kīṭāgiriṃ gantvā assajipunabbasukānaṃ bhikkhūnaṃ kīṭāgirismā pabbājanīyakammaṃ akāsi – ‘na assajipunabbasukehi bhikkhūhi kīṭāgirismiṃ vatthabba’nti. Te saṅghena pabbājanīyakammakatā na sammā vattanti, na lomaṃ pātenti, na netthāraṃ vattanti, na bhikkhū khamāpenti, akkosanti paribhāsanti chandagāmitā dosagāmitā mohagāmitā bhayagāmitā pāpenti, pakkamantipi, vibbhamantipi. Ye te bhikkhū appicchā…pe… te ujjhāyanti khiyyanti vipācenti – ‘‘kathañhi nāma assajipunabbasukā bhikkhū saṅghena pabbājanīyakammakatā na sammā vattissanti, na lomaṃ pātessanti, na netthāraṃ vattissanti, na bhikkhū khamāpessanti , akkosissanti paribhāsissanti, chandagāmitā dosagāmitā mohagāmitā bhayagāmitā pāpessanti pakkamissantipi vibbhamissantipī’’ti ! Atha kho te bhikkhū assajipunabbasuke bhikkhū anekapariyāyena vigarahitvā bhagavato etamatthaṃ ārocesuṃ…pe… ‘‘saccaṃ kira, bhikkhave, assajipunabbasukā bhikkhū saṅghena pabbājanīyakammakatā na sammā vattanti…pe… vibbhamantipī’’ti? ‘‘Saccaṃ, bhagavā’’ti. Vigarahi buddho bhagavā…pe… evañca pana, bhikkhave, imaṃ sikkhāpadaṃ uddiseyyātha –

    ๔๓๖. ‘‘ภิกฺขุ ปเนว อญฺญตรํ คามํ วา นิคมํ วา อุปนิสฺสาย วิหรติ กุลทูสโก ปาปสมาจาโรฯ ตสฺส โข ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จ, กุลานิ จ เตน ทุฎฺฐานิ ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย – ‘อายสฺมา โข กุลทูสโก ปาปสมาจาโร, อายสฺมโต โข ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จ, กุลานิ จายสฺมตา ทุฎฺฐานิ ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ ปกฺกมตายสฺมา อิมมฺหา อาวาสาฯ อลํ เต อิธ วาเสนา’ติฯ เอวญฺจ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน เต ภิกฺขู เอวํ วเทยฺย – ‘ฉนฺทคามิโน จ ภิกฺขู โทสคามิโน จ ภิกฺขู โมหคามิโน จ ภิกฺขู ภยคามิโน จ ภิกฺขู ตาทิสิกาย อาปตฺติยา เอกจฺจํ ปพฺพาเชนฺติ เอกจฺจํ น ปพฺพาเชนฺตี’ติ, โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ เอวมสฺส วจนีโย – ‘มายสฺมา เอวํ อวจฯ น จ ภิกฺขู ฉนฺทคามิโนฯ น จ ภิกฺขู โทสคามิโนฯ น จ ภิกฺขู โมหคามิโนฯ น จ ภิกฺขู ภยคามิโนฯ อายสฺมา โข กุลทูสโก ปาปสมาจาโรฯ อายสฺมโต โข ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ กุลานิ จายสฺมตา ทุฎฺฐานิ ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ ปกฺกมตายสฺมา อิมมฺหา อาวาสาฯ อลํ เต อิธ วาเสนา’ติฯ เอวญฺจ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน ตเถว ปคฺคเณฺหยฺย, โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ ยาวตติยํ สมนุภาสิตโพฺพ ตสฺส ปฎินิสฺสคฺคายฯ ยาวตติยเญฺจ สมนุภาสียมาโน ตํ ปฎินิสฺสเชฺชยฺย , อิเจฺจตํ กุสลํ; โน เจ ปฎินิสฺสเชฺชยฺย, สงฺฆาทิเสโส’’ติฯ

    436.‘‘Bhikkhu paneva aññataraṃ gāmaṃ vā nigamaṃ vā upanissāya viharati kuladūsako pāpasamācāro. Tassa kho pāpakā samācārā dissanti ceva suyyanti ca, kulāni ca tena duṭṭhāni dissanti ceva suyyanti ca. So bhikkhu bhikkhūhi evamassa vacanīyo – ‘āyasmā kho kuladūsako pāpasamācāro, āyasmato kho pāpakā samācārā dissanti ceva suyyanti ca, kulāni cāyasmatā duṭṭhāni dissanti ceva suyyanti ca. Pakkamatāyasmā imamhā āvāsā. Alaṃ te idha vāsenā’ti. Evañca so bhikkhu bhikkhūhi vuccamāno te bhikkhū evaṃ vadeyya – ‘chandagāmino ca bhikkhū dosagāmino ca bhikkhū mohagāmino ca bhikkhū bhayagāmino ca bhikkhū tādisikāya āpattiyā ekaccaṃ pabbājenti ekaccaṃ na pabbājentī’ti, so bhikkhu bhikkhūhi evamassa vacanīyo – ‘māyasmā evaṃ avaca. Na ca bhikkhū chandagāmino. Na ca bhikkhū dosagāmino. Na ca bhikkhū mohagāmino. Na ca bhikkhū bhayagāmino. Āyasmā kho kuladūsako pāpasamācāro. Āyasmato kho pāpakā samācārā dissanti ceva suyyanti ca. Kulāni cāyasmatā duṭṭhāni dissanti ceva suyyanti ca. Pakkamatāyasmā imamhā āvāsā. Alaṃ te idha vāsenā’ti. Evañca so bhikkhu bhikkhūhi vuccamāno tatheva paggaṇheyya, so bhikkhu bhikkhūhi yāvatatiyaṃ samanubhāsitabbo tassa paṭinissaggāya. Yāvatatiyañce samanubhāsīyamāno taṃ paṭinissajjeyya , iccetaṃ kusalaṃ; no ce paṭinissajjeyya, saṅghādiseso’’ti.

    ๔๓๗. ภิกฺขุ ปเนว อญฺญตรํ คามํ วา นิคมํ วาติ คาโมปิ นิคโมปิ นครมฺปิ คาโม เจว นิคโม จฯ

    437.Bhikkhu paneva aññataraṃ gāmaṃ vā nigamaṃ vāti gāmopi nigamopi nagarampi gāmo ceva nigamo ca.

    อุปนิสฺสาย วิหรตีติ ตตฺถ ปฎิพทฺธา โหนฺติ จีวรปิณฺฑปาตเสนาสนคิลานปฺปจฺจยเภสชฺชปริกฺขาราฯ

    Upanissāya viharatīti tattha paṭibaddhā honti cīvarapiṇḍapātasenāsanagilānappaccayabhesajjaparikkhārā.

    กุลํ นาม จตฺตาริ กุลานิ – ขตฺติยกุลํ, พฺราหฺมณกุลํ, เวสฺสกุลํ, สุทฺทกุลํฯ

    Kulaṃ nāma cattāri kulāni – khattiyakulaṃ, brāhmaṇakulaṃ, vessakulaṃ, suddakulaṃ.

    กุลทูสโกติ กุลานิ ทูเสติ ปุเปฺผน วา ผเลน วา จุเณฺณน วา มตฺติกาย วา ทนฺตกเฎฺฐน วา เวฬุยา วา 13 เวชฺชิกาย วา ชงฺฆเปสนิเกน วาฯ

    Kuladūsakoti kulāni dūseti pupphena vā phalena vā cuṇṇena vā mattikāya vā dantakaṭṭhena vā veḷuyā vā 14 vejjikāya vā jaṅghapesanikena vā.

    ปาปสมาจาโรติ มาลาวจฺฉํ โรเปติปิ โรปาเปติปิ, สิญฺจติปิ สิญฺจาเปติปิ, โอจินาติปิ โอจินาเปติปิ, คเนฺถติปิ คนฺถาเปติปิฯ

    Pāpasamācāroti mālāvacchaṃ ropetipi ropāpetipi, siñcatipi siñcāpetipi, ocinātipi ocināpetipi, ganthetipi ganthāpetipi.

    ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จาติ เย สํมุขา เต ปสฺสนฺติ, เย ติโรกฺขา เต สุณนฺติฯ

    Dissanti ceva suyyanti cāti ye saṃmukhā te passanti, ye tirokkhā te suṇanti.

    กุลานิ จ เตน ทุฎฺฐานีติ ปุเพฺพ สทฺธา หุตฺวา ตํ อาคมฺม อสฺสทฺธา โหนฺติ, ปสนฺนา หุตฺวา อปฺปสนฺนา โหนฺติฯ

    Kulānica tena duṭṭhānīti pubbe saddhā hutvā taṃ āgamma assaddhā honti, pasannā hutvā appasannā honti.

    ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จาติ เย สํมุขา เต ปสฺสนฺติ, เย ติโรกฺขา เต สุณนฺติฯ

    Dissanti ceva suyyanti cāti ye saṃmukhā te passanti, ye tirokkhā te suṇanti.

    โส ภิกฺขูติ โย โส กุลทูสโก ภิกฺขุฯ

    So bhikkhūti yo so kuladūsako bhikkhu.

    ภิกฺขูหีติ อเญฺญหิ ภิกฺขูหิฯ เย ปสฺสนฺติ เย สุณนฺติฯ เตหิ วตฺตโพฺพ – ‘‘อายสฺมา โข กุลทูสโก ปาปสมาจาโรฯ อายสฺมโต โข ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ กุลานิ จายสฺมตา ทุฎฺฐานิ ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ ปกฺกมตายสฺมา อิมมฺหา อาวาสาฯ อลํ เต อิธ วาเสนา’’ติฯ

    Bhikkhūhīti aññehi bhikkhūhi. Ye passanti ye suṇanti. Tehi vattabbo – ‘‘āyasmā kho kuladūsako pāpasamācāro. Āyasmato kho pāpakā samācārā dissanti ceva suyyanti ca. Kulāni cāyasmatā duṭṭhāni dissanti ceva suyyanti ca. Pakkamatāyasmā imamhā āvāsā. Alaṃ te idha vāsenā’’ti.

    เอวญฺจ โส ภิกฺขุ ภิกฺขูหิ วุจฺจมาโน เต ภิกฺขู เอวํ วเทยฺย – ‘‘ฉนฺทคามิโน จ ภิกฺขู, โทสคามิโน จ ภิกฺขู, โมหคามิโน จ ภิกฺขู, ภยคามิโน จ ภิกฺขูฯ ตาทิสิกาย อาปตฺติยา เอกจฺจํ ปพฺพาเชนฺติ เอกจฺจํ น ปพฺพาเชนฺตี’’ติฯ

    Evañca so bhikkhu bhikkhūhi vuccamāno te bhikkhū evaṃ vadeyya – ‘‘chandagāmino ca bhikkhū, dosagāmino ca bhikkhū, mohagāmino ca bhikkhū, bhayagāmino ca bhikkhū. Tādisikāya āpattiyā ekaccaṃ pabbājenti ekaccaṃ na pabbājentī’’ti.

    โส ภิกฺขูติ โย โส กมฺมกโต ภิกฺขุฯ

    So bhikkhūti yo so kammakato bhikkhu.

    ภิกฺขูหีติ อเญฺญหิ ภิกฺขูหิฯ เย ปสฺสนฺติ เย สุณนฺติ เตหิ วตฺตโพฺพ – ‘‘มายสฺมา เอวํ อวจฯ น จ ภิกฺขู ฉนฺทคามิโน, น จ ภิกฺขู โทสคามิโน, น จ ภิกฺขู โมหคามิโน, น จ ภิกฺขู ภยคามิโนฯ อายสฺมา โข กุลทูสโก ปาปสมาจาโรฯ อายสฺมโต โข ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ กุลานิ จายสฺมตา ทุฎฺฐานิ ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ ปกฺกมตายสฺมา อิมมฺหา อาวาสาฯ อลํ เต อิธ วาเสนา’’ติฯ ทุติยมฺปิ วตฺตโพฺพฯ ตติยมฺปิ วตฺตโพฺพฯ

    Bhikkhūhīti aññehi bhikkhūhi. Ye passanti ye suṇanti tehi vattabbo – ‘‘māyasmā evaṃ avaca. Na ca bhikkhū chandagāmino, na ca bhikkhū dosagāmino, na ca bhikkhū mohagāmino, na ca bhikkhū bhayagāmino. Āyasmā kho kuladūsako pāpasamācāro. Āyasmato kho pāpakā samācārā dissanti ceva suyyanti ca. Kulāni cāyasmatā duṭṭhāni dissanti ceva suyyanti ca. Pakkamatāyasmā imamhā āvāsā. Alaṃ te idha vāsenā’’ti. Dutiyampi vattabbo. Tatiyampi vattabbo.

    สเจ ปฎินิสฺสชฺชติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ปฎินิสฺสชฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ สุตฺวา น วทนฺติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส ภิกฺขุ สงฺฆมชฺฌมฺปิ อากฑฺฒิตฺวา วตฺตโพฺพ – ‘‘มายสฺมา เอวํ อวจฯ น จ ภิกฺขู ฉนฺทคามิโน, น จ ภิกฺขู โทสคามิโน, น จ ภิกฺขู โมหคามิโน, น จ ภิกฺขู ภยคามิโนฯ อายสฺมา โข กุลทูสโก ปาปสมาจาโรฯ อายสฺมโต โข ปาปกา สมาจารา ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ กุลานิ จายสฺมตา ทุฎฺฐานิ ทิสฺสนฺติ เจว สุยฺยนฺติ จฯ ปกฺกมตายสฺมา อิมมฺหา อาวาสาฯ อลํ เต อิธ วาเสนา’’ติฯ ทุติยมฺปิ วตฺตโพฺพฯ ตติยมฺปิ วตฺตโพฺพฯ สเจ ปฎินิสฺสชฺชติ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ปฎินิสฺสชฺชติ, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ โส ภิกฺขุ สมนุภาสิตโพฺพฯ เอวญฺจ ปน, ภิกฺขเว, สมนุภาสิตโพฺพฯ พฺยเตฺตน ภิกฺขุนา ปฎิพเลน สโงฺฆ ญาเปตโพฺพ –

    Sace paṭinissajjati, iccetaṃ kusalaṃ. No ce paṭinissajjati, āpatti dukkaṭassa. Sutvā na vadanti, āpatti dukkaṭassa. So bhikkhu saṅghamajjhampi ākaḍḍhitvā vattabbo – ‘‘māyasmā evaṃ avaca. Na ca bhikkhū chandagāmino, na ca bhikkhū dosagāmino, na ca bhikkhū mohagāmino, na ca bhikkhū bhayagāmino. Āyasmā kho kuladūsako pāpasamācāro. Āyasmato kho pāpakā samācārā dissanti ceva suyyanti ca. Kulāni cāyasmatā duṭṭhāni dissanti ceva suyyanti ca. Pakkamatāyasmā imamhā āvāsā. Alaṃ te idha vāsenā’’ti. Dutiyampi vattabbo. Tatiyampi vattabbo. Sace paṭinissajjati, iccetaṃ kusalaṃ. No ce paṭinissajjati, āpatti dukkaṭassa. So bhikkhu samanubhāsitabbo. Evañca pana, bhikkhave, samanubhāsitabbo. Byattena bhikkhunā paṭibalena saṅgho ñāpetabbo –

    ๔๓๘. ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ สเงฺฆน ปพฺพาชนียกมฺมกโต ภิกฺขู ฉนฺทคามิตา โทสคามิตา โมหคามิตา ภยคามิตา ปาเปติฯ โส ตํ วตฺถุํ น ปฎินิสฺสชฺชติฯ ยทิ สงฺฆสฺส ปตฺตกลฺลํ, สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ สมนุภาเสยฺย ตสฺส วตฺถุสฺส ปฎินิสฺสคฺคายฯ เอสา ญตฺติฯ

    438. ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo bhikkhu saṅghena pabbājanīyakammakato bhikkhū chandagāmitā dosagāmitā mohagāmitā bhayagāmitā pāpeti. So taṃ vatthuṃ na paṭinissajjati. Yadi saṅghassa pattakallaṃ, saṅgho itthannāmaṃ bhikkhuṃ samanubhāseyya tassa vatthussa paṭinissaggāya. Esā ñatti.

    ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆฯ อยํ อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ สเงฺฆน ปพฺพาชนียกมฺมกโต ภิกฺขู ฉนฺทคามิตา โทสคามิตา โมหคามิตา ภยคามิตา ปาเปติฯ โส ตํ วตฺถุํ น ปฎินิสฺสชฺชติฯ สโงฺฆ อิตฺถนฺนามํ ภิกฺขุํ สมนุภาสติ ตสฺส วตฺถุสฺส ปฎินิสฺสคฺคายฯ ยสฺสายสฺมโต ขมติ อิตฺถนฺนามสฺส ภิกฺขุโน สมนุภาสนา ตสฺส วตฺถุสฺส ปฎินิสฺสคฺคาย, โส ตุณฺหสฺส; ยสฺส นกฺขมติ, โส ภาเสยฺยฯ

    ‘‘Suṇātu me, bhante, saṅgho. Ayaṃ itthannāmo bhikkhu saṅghena pabbājanīyakammakato bhikkhū chandagāmitā dosagāmitā mohagāmitā bhayagāmitā pāpeti. So taṃ vatthuṃ na paṭinissajjati. Saṅgho itthannāmaṃ bhikkhuṃ samanubhāsati tassa vatthussa paṭinissaggāya. Yassāyasmato khamati itthannāmassa bhikkhuno samanubhāsanā tassa vatthussa paṭinissaggāya, so tuṇhassa; yassa nakkhamati, so bhāseyya.

    ‘‘ทุติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป.… ตติยมฺปิ เอตมตฺถํ วทามิ…เป.…ฯ

    ‘‘Dutiyampi etamatthaṃ vadāmi…pe… tatiyampi etamatthaṃ vadāmi…pe….

    ‘‘สมนุภโฎฺฐ สเงฺฆน อิตฺถนฺนาโม ภิกฺขุ ตสฺส วตฺถุสฺส ปฎินิสฺสคฺคายฯ ขมติ สงฺฆสฺส, ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามี’’ติฯ

    ‘‘Samanubhaṭṭho saṅghena itthannāmo bhikkhu tassa vatthussa paṭinissaggāya. Khamati saṅghassa, tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmī’’ti.

    ๔๓๙. ญตฺติยา ทุกฺกฎํ, ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจยา, กมฺมวาจาปริโยสาเน อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ สงฺฆาทิเสสํ อชฺฌาปชฺชนฺตสฺส ญตฺติยา ทุกฺกฎํ, ทฺวีหิ กมฺมวาจาหิ ถุลฺลจฺจยา ปฎิปฺปสฺสมฺภนฺติฯ

    439. Ñattiyā dukkaṭaṃ, dvīhi kammavācāhi thullaccayā, kammavācāpariyosāne āpatti saṅghādisesassa. Saṅghādisesaṃ ajjhāpajjantassa ñattiyā dukkaṭaṃ, dvīhi kammavācāhi thullaccayā paṭippassambhanti.

    สงฺฆาทิเสโสติ สโงฺฆว ตสฺสา อาปตฺติยา ปริวาสํ เทติ, มูลาย ปฎิกสฺสติ, มานตฺตํ เทติ, อเพฺภติ; น สมฺพหุลา, น เอกปุคฺคโล ฯ เตน วุจฺจติ – ‘สงฺฆาทิเสโส’ติ, ตเสฺสว อาปตฺตินิกายสฺส นามกมฺมํ อธิวจนํฯ เตนปิ วุจฺจติ สงฺฆาทิเสโสติฯ

    Saṅghādisesoti saṅghova tassā āpattiyā parivāsaṃ deti, mūlāya paṭikassati, mānattaṃ deti, abbheti; na sambahulā, na ekapuggalo . Tena vuccati – ‘saṅghādiseso’ti, tasseva āpattinikāyassa nāmakammaṃ adhivacanaṃ. Tenapi vuccati saṅghādisesoti.

    ๔๔๐. ธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี น ปฎินิสฺสชฺชติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ

    440. Dhammakamme dhammakammasaññī na paṭinissajjati, āpatti saṅghādisesassa.

    ธมฺมกเมฺม เวมติโก น ปฎินิสฺสชฺชติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ

    Dhammakamme vematiko na paṭinissajjati, āpatti saṅghādisesassa.

    ธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี น ปฎินิสฺสชฺชติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสฯ

    Dhammakamme adhammakammasaññī na paṭinissajjati, āpatti saṅghādisesassa.

    อธมฺมกเมฺม ธมฺมกมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Adhammakamme dhammakammasaññī, āpatti dukkaṭassa.

    อธมฺมกเมฺม เวมติโก, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Adhammakamme vematiko, āpatti dukkaṭassa.

    อธมฺมกเมฺม อธมฺมกมฺมสญฺญี, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ

    Adhammakamme adhammakammasaññī, āpatti dukkaṭassa.

    ๔๔๑. อนาปตฺติ อสมนุภาสนฺตสฺส, ปฎินิสฺสชฺชนฺตสฺส, อุมฺมตฺตกสฺส, อาทิกมฺมิกสฺสาติฯ

    441. Anāpatti asamanubhāsantassa, paṭinissajjantassa, ummattakassa, ādikammikassāti.

    กุลทูสกสิกฺขาปทํ นิฎฺฐิตํ เตรสมํฯ

    Kuladūsakasikkhāpadaṃ niṭṭhitaṃ terasamaṃ.

    ๔๔๒. อุทฺทิฎฺฐา โข, อายสฺมโนฺต, เตรส สงฺฆาทิเสสา ธมฺมา, นว ปฐมาปตฺติกา, จตฺตาโร ยาวตติยกาฯ เยสํ ภิกฺขุ อญฺญตรํ วา อญฺญตรํ วา อาปชฺชิตฺวา ยาวตีหํ ชานํ ปฎิจฺฉาเทติ ตาวตีหํ เตน ภิกฺขุนา อกามา ปริวตฺถพฺพํฯ ปริวุตฺถปริวาเสน ภิกฺขุนา อุตฺตริ ฉารตฺตํ ภิกฺขุมานตฺตาย ปฎิปชฺชิตพฺพํฯ จิณฺณมานโตฺต ภิกฺขุ ยตฺถ สิยา วีสติคโณ ภิกฺขุสโงฺฆ ตตฺถ โส ภิกฺขุ อเพฺภตโพฺพฯ เอเกนปิ เจ อูโน วีสติคโณ ภิกฺขุสโงฺฆ ตํ ภิกฺขุํ อเพฺภยฺย, โส จ ภิกฺขุ อนพฺภิโต, เต จ ภิกฺขู คารยฺหา, อยํ ตตฺถ สามีจิฯ ตตฺถายสฺมเนฺต ปุจฺฉามิ – ‘กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา’? ทุติยมฺปิ ปุจฺฉามิ – ‘กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา’? ตติยมฺปิ ปุจฺฉามิ – ‘กจฺจิตฺถ ปริสุทฺธา’? ปริสุเทฺธตฺถายสฺมโนฺตฯ ตสฺมา ตุณฺหี, เอวเมตํ ธารยามีติฯ

    442. Uddiṭṭhā kho, āyasmanto, terasa saṅghādisesā dhammā, nava paṭhamāpattikā, cattāro yāvatatiyakā. Yesaṃ bhikkhu aññataraṃ vā aññataraṃ vā āpajjitvā yāvatīhaṃ jānaṃ paṭicchādeti tāvatīhaṃ tena bhikkhunā akāmā parivatthabbaṃ. Parivutthaparivāsena bhikkhunā uttari chārattaṃ bhikkhumānattāya paṭipajjitabbaṃ. Ciṇṇamānatto bhikkhu yattha siyā vīsatigaṇo bhikkhusaṅgho tattha so bhikkhu abbhetabbo. Ekenapi ce ūno vīsatigaṇo bhikkhusaṅgho taṃ bhikkhuṃ abbheyya, so ca bhikkhu anabbhito, te ca bhikkhū gārayhā, ayaṃ tattha sāmīci. Tatthāyasmante pucchāmi – ‘kaccittha parisuddhā’? Dutiyampi pucchāmi – ‘kaccittha parisuddhā’? Tatiyampi pucchāmi – ‘kaccittha parisuddhā’? Parisuddhetthāyasmanto. Tasmā tuṇhī, evametaṃ dhārayāmīti.

    เตรสกํ นิฎฺฐิตํฯ

    Terasakaṃ niṭṭhitaṃ.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    วิสฺสฎฺฐิ กายสํสคฺคํ, ทุฎฺฐุลฺลํ อตฺตกามญฺจ;

    Vissaṭṭhi kāyasaṃsaggaṃ, duṭṭhullaṃ attakāmañca;

    สญฺจริตฺตํ กุฎี เจว, วิหาโร จ อมูลกํฯ

    Sañcarittaṃ kuṭī ceva, vihāro ca amūlakaṃ.

    กิญฺจิเลสญฺจ เภโท จ, ตเสฺสว อนุวตฺตกา;

    Kiñcilesañca bhedo ca, tasseva anuvattakā;

    ทุพฺพจํ กุลทูสญฺจ, สงฺฆาทิเสสา เตรสาติฯ

    Dubbacaṃ kuladūsañca, saṅghādisesā terasāti.

    สงฺฆาทิเสสกณฺฑํ นิฎฺฐิตํฯ

    Saṅghādisesakaṇḍaṃ niṭṭhitaṃ.







    Footnotes:
    1. อิทํ วตฺถุ จูฬว. ๒๑
    2. นาม ภิกฺขู (ก.)
    3. จูฬว. ๒๙๓
    4. ปุรโต ธาวนฺติ (สฺยา.)
    5. นจฺจนฺติํ (สี. สฺยา.)
    6. idaṃ vatthu cūḷava. 21
    7. nāma bhikkhū (ka.)
    8. cūḷava. 293
    9. purato dhāvanti (syā.)
    10. naccantiṃ (sī. syā.)
    11. ปุรโต ธาวิสฺสนฺติ (สฺยา.)
    12. purato dhāvissanti (syā.)
    13. เวฬุนา วา (สฺยา.)
    14. veḷunā vā (syā.)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā
    ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา • 13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā
    นิคมนวณฺณนา • Nigamanavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā
    ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา • 13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā
    นิคมนวณฺณนา • Nigamanavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา • 13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā
    ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา • 13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā
    นิคมนวณฺณนา • Nigamanavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact