Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / กงฺขาวิตรณี-อภินว-ฎีกา • Kaṅkhāvitaraṇī-abhinava-ṭīkā |
๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา
13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā
นครสฺสาปิ คามวิเสสตฺตา อิธ คามคฺคหเณเนว นครมฺปิ คหิตนฺติ อาห ‘‘นครมฺปิ คาเม อโนฺตคธเมวา’’ติ, วา-สเทฺทน วา อนุตฺตวิกปฺปเตฺถน คหณนฺติ เอวํ วุตฺตํฯ เอตฺถ จ อปาการปริเกฺขโป สาปโณ นิคโม, สปาการาปณํ นครํ, ตํตํวิปรีโต คาโมติ อิเมสํ ติณฺณํ วิเสโส ทฎฺฐโพฺพฯ กุลานิ ทูเสตีติ ขตฺติยพฺราหฺมณเวสฺสสุทฺทวเสน จตฺตาริ กุลานิ วิการํ อาปาเทติฯ ทูเสโนฺต จ น อสุจิกทฺทมาทีหิ ทูเสติ, อถ โข อตฺตโน ทุปฺปฎิปตฺติยา เตสํ ปสาทํ วินาเสติฯ เตนาห ‘‘ปุปฺผทานาทีหี’’ติอาทิฯ ตตฺถ หริตฺวา วา หราเปตฺวา วา ปโกฺกสิตฺวา วา ปโกฺกสาเปตฺวา วา สยํ วา อุปคตานํ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๔๓๖-๔๓๗) ยสฺส กสฺสจิ อตฺตโน สนฺตกสฺส ปุปฺผสฺส กุลสงฺคหตฺถาย ทานํ ปุปฺผทานํ, ตํ อาทิ เยสํ เต ปุปฺผทานาทโย, เตหิ ปุปฺผทานาทีหิฯ อาทิสเทฺทน (ปารา. ๔๓๗) ผลทานจุณฺณมตฺติกาทนฺตกฎฺฐเวฬุเวชฺชิกาชงฺฆเปสนิกานํ คหณํฯ สทฺธํ วินาเสโนฺตติ ตถา อกโรเนฺตสุ อเญฺญสุ เปสเลสุ ภิกฺขูสุ อปฺปสาทํ อทสฺสนํ คเมโนฺตฯ ปุปฺผทานาทีหิ จ เตหิ กตสงฺคเหหิ อเญฺญ เปสเล ตถา อกโรเนฺต เต มนุสฺสา อิสฺสนฺติ น อลฺลียนฺตีติ โส เตสํ ปสาทํ วินาเสติ นามาติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปาปกา สมาจาราติ พุทฺธปฺปฎิกุฎฺฐตฺตา ลามกา สมาจารา ฯ เต ปน ยสฺมา กุลสงฺคหตฺถํ มาลาวจฺฉโรปนาทโย อิธ อธิเปฺปตา, ตสฺมา ‘‘มาลาวจฺฉโรปนาทโย’’ติ วุตฺตํฯ อารามาทีนมตฺถาย ปน กปฺปิยโวหาราทีหิ โรปาปนาทิกํ วฎฺฎติฯ ตตฺถ มาลาวจฺฉนฺติ ตรุณปุปฺผรุกฺขํฯ ตรุณกา หิ ปุปฺผรุกฺขาปิ ปุปฺผคจฺฉาปิ ‘‘มาลาวจฺฉา’’เตฺวว วุจฺจนฺติ, ตสฺส โรปนํ มาลาวจฺฉโรปนํ, ตํ อาทิ เยสํ เต มาลาวจฺฉโรปนาทโยฯ อาทิสเทฺทน เจตฺถ โรปาปนสิญฺจนสิญฺจาปนโอจินนโอจินาปนคนฺถนคนฺถาปนานํ คหณํฯ
Nagarassāpi gāmavisesattā idha gāmaggahaṇeneva nagarampi gahitanti āha ‘‘nagarampi gāme antogadhamevā’’ti, vā-saddena vā anuttavikappatthena gahaṇanti evaṃ vuttaṃ. Ettha ca apākāraparikkhepo sāpaṇo nigamo, sapākārāpaṇaṃ nagaraṃ, taṃtaṃviparīto gāmoti imesaṃ tiṇṇaṃ viseso daṭṭhabbo. Kulāni dūsetīti khattiyabrāhmaṇavessasuddavasena cattāri kulāni vikāraṃ āpādeti. Dūsento ca na asucikaddamādīhi dūseti, atha kho attano duppaṭipattiyā tesaṃ pasādaṃ vināseti. Tenāha ‘‘pupphadānādīhī’’tiādi. Tattha haritvā vā harāpetvā vā pakkositvā vā pakkosāpetvā vā sayaṃ vā upagatānaṃ (pārā. aṭṭha. 2.436-437) yassa kassaci attano santakassa pupphassa kulasaṅgahatthāya dānaṃ pupphadānaṃ, taṃ ādi yesaṃ te pupphadānādayo, tehi pupphadānādīhi. Ādisaddena (pārā. 437) phaladānacuṇṇamattikādantakaṭṭhaveḷuvejjikājaṅghapesanikānaṃ gahaṇaṃ. Saddhaṃ vināsentoti tathā akarontesu aññesu pesalesu bhikkhūsu appasādaṃ adassanaṃ gamento. Pupphadānādīhi ca tehi katasaṅgahehi aññe pesale tathā akaronte te manussā issanti na allīyantīti so tesaṃ pasādaṃ vināseti nāmāti daṭṭhabbaṃ. Pāpakā samācārāti buddhappaṭikuṭṭhattā lāmakā samācārā . Te pana yasmā kulasaṅgahatthaṃ mālāvaccharopanādayo idha adhippetā, tasmā ‘‘mālāvaccharopanādayo’’ti vuttaṃ. Ārāmādīnamatthāya pana kappiyavohārādīhi ropāpanādikaṃ vaṭṭati. Tattha mālāvacchanti taruṇapuppharukkhaṃ. Taruṇakā hi puppharukkhāpi pupphagacchāpi ‘‘mālāvacchā’’tveva vuccanti, tassa ropanaṃ mālāvaccharopanaṃ, taṃ ādi yesaṃ te mālāvaccharopanādayo. Ādisaddena cettha ropāpanasiñcanasiñcāpanaocinanaocināpanaganthanaganthāpanānaṃ gahaṇaṃ.
มาติกายํ ทิสฺสนฺตีติ เย ปจฺจกฺขโต ปสฺสนฺติ, เตหิ ทิสฺสนฺติฯ สุยฺยนฺตีติ เย ปรโต สุณนฺติ, เตหิ โสตทฺวาเรน สุตฺวา อุปธารียนฺติฯ ทุฎฺฐานีติ ทูสิตานิฯ อลํ เต อิธ วาเสนาติ ตว อิธ วาเสน อลํ, มา อิธ ตว วาโส โหตูติ อโตฺถฯ วารณโตฺถ หิ อิธ อลํ-สโทฺทฯ ปพฺพาชนียกมฺมกโตติ โจเทตฺวา สาเรตฺวา อาปตฺติํ อาโรเปตฺวา ‘‘สุณาตุ เม, ภเนฺต, สโงฺฆ, อิเม อสฺสชิปุนพฺพสุกา’’ติอาทินา (ปารา. ๔๓๔) ปทภาชเน วุตฺตาย ญตฺติจตุตฺถกมฺมวาจาย กตปพฺพาชนียกโมฺมฯ ยสฺมิญฺจ วิหาเร วสตีติ คามโต พหิวิหารมาหฯ เนว ตสฺมิํ คาเม…เป.… จริตุํ ลภตีติ สเจปิ คาโม วา นิคโม วา ทฺวาทสโยชนปรโม โหติ, ติโยชนปรโม จ วิหาโร โหติ, เนว ตสฺมิํ คาเม วา นิคเม วา ปิณฺฑาย จริตุํ ลภติ, น วิหาเร วสิตุํฯ ตสฺมิํ วิหาเร วสเนฺตน สามนฺตคาเมปิ ปิณฺฑาย น จริตพฺพํ, สามนฺตวิหาเรปิ วสเนฺตน ตสฺมิํ คาเม ปิณฺฑาย น จริตพฺพํฯ สามนฺตวิหาเร วสเนฺตน ปน สามนฺตคาเม จริตุํ วฎฺฎติฯ อาปชฺชิตพฺพา อาปตฺติโยติ กุลสงฺคหตฺถํ อตฺตโน สนฺตกทาเน ทุกฺกฎํ, อิสฺสรวตาย สงฺฆสนฺตกทาเน ถุลฺลจฺจยํ, ปสยฺห ทาเน ปาราชิกนฺติ อิมา อาปตฺติโยฯ มาติกายํ ‘‘ปกฺกมตา ยสฺมา’’ติ ปพฺพาชนียกมฺมกตสฺส วตฺตวเสน วุตฺตํฯ อาทิมฺหิ ปน ปพฺพาชนียกมฺมวเสน ทฎฺฐพฺพํฯ อสฺสชิปุนพฺพสุเกติ อสฺสชิเญฺจว ปุนพฺพสุกญฺจฯ
Mātikāyaṃ dissantīti ye paccakkhato passanti, tehi dissanti. Suyyantīti ye parato suṇanti, tehi sotadvārena sutvā upadhārīyanti. Duṭṭhānīti dūsitāni. Alaṃ te idha vāsenāti tava idha vāsena alaṃ, mā idha tava vāso hotūti attho. Vāraṇattho hi idha alaṃ-saddo. Pabbājanīyakammakatoti codetvā sāretvā āpattiṃ āropetvā ‘‘suṇātu me, bhante, saṅgho, ime assajipunabbasukā’’tiādinā (pārā. 434) padabhājane vuttāya ñatticatutthakammavācāya katapabbājanīyakammo. Yasmiñca vihāre vasatīti gāmato bahivihāramāha. Neva tasmiṃ gāme…pe… carituṃ labhatīti sacepi gāmo vā nigamo vā dvādasayojanaparamo hoti, tiyojanaparamo ca vihāro hoti, neva tasmiṃ gāme vā nigame vā piṇḍāya carituṃ labhati, na vihāre vasituṃ. Tasmiṃ vihāre vasantena sāmantagāmepi piṇḍāya na caritabbaṃ, sāmantavihārepi vasantena tasmiṃ gāme piṇḍāya na caritabbaṃ. Sāmantavihāre vasantena pana sāmantagāme carituṃ vaṭṭati. Āpajjitabbā āpattiyoti kulasaṅgahatthaṃ attano santakadāne dukkaṭaṃ, issaravatāya saṅghasantakadāne thullaccayaṃ, pasayha dāne pārājikanti imā āpattiyo. Mātikāyaṃ ‘‘pakkamatā yasmā’’ti pabbājanīyakammakatassa vattavasena vuttaṃ. Ādimhi pana pabbājanīyakammavasena daṭṭhabbaṃ. Assajipunabbasuketi assajiñceva punabbasukañca.
กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.