Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา

    13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā

    ๔๓๑. เตรสเม กีฎาคิรีติ ตสฺส นิคมสฺส นามํฯ ตญฺหิ สนฺธาย ปรโต ‘‘น อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ ภิกฺขูหิ กีฎาคิริสฺมิํ วตฺถพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ เตน ปน โยคโต โส ชนปโทปิ ‘‘กีฎาคิริ’’อิเจฺจว สงฺขฺยํ คโตติ อาห ‘‘เอวํนามเก ชนปเท’’ติฯ อาวาเส นิยุตฺตา อาวาสิกา, นิพทฺธวาสิโนฯ เต อกตํ เสนาสนํ กโรนฺติ, ชิณฺณํ ปฎิสงฺขโรนฺติ, กเต อิสฺสรา โหนฺติฯ เตนาห ‘‘โส เยสํ อายโตฺต…เป.… เต อาวาสิกา’’ติ ฯ นิวาโส นิวาสมตฺตํ เอเตสํ อตฺถีติ เนวาสิกาติ อาห ‘‘เย ปน เกวล’’นฺติอาทิฯ เตติ อสฺสชิปุนพฺพสุกาฯ ฉ ชนาติ ปณฺฑุโก โลหิตโก เมตฺติโย ภูมชโก อสฺสชิ ปุนพฺพสุโกติ อิเม ฉ ชนาฯ สมฺมาติ อาลปนวจนเมตํฯ อายมุขภูตาติ อายสฺส มุขภูตาฯ ธุรฎฺฐาเนติ สาวตฺถิยา อวิทูเร ฐาเนฯ วสฺสาเน เหมเนฺต จาติ ทฺวีสุ อุตูสุ วสฺสนโต ‘‘ทฺวีหิ เมเฆหี’’ติ วุตฺตํฯ ทิยฑฺฒภิกฺขุสหสฺสโต คณาจริยานํ ฉนฺนํ ชนานํ อธิกตฺตา ‘‘สมธิก’’นฺติ วุตฺตํ, สาธิกนฺติ อโตฺถฯ -กาโร ปทสนฺธิวเสน อาคโตฯ อกตวตฺถุนฺติ อกตปุพฺพํ อภินววตฺถุํฯ

    431. Terasame kīṭāgirīti tassa nigamassa nāmaṃ. Tañhi sandhāya parato ‘‘na assajipunabbasukehi bhikkhūhi kīṭāgirismiṃ vatthabba’’nti vuttaṃ. Tena pana yogato so janapadopi ‘‘kīṭāgiri’’icceva saṅkhyaṃ gatoti āha ‘‘evaṃnāmake janapade’’ti. Āvāse niyuttā āvāsikā, nibaddhavāsino. Te akataṃ senāsanaṃ karonti, jiṇṇaṃ paṭisaṅkharonti, kate issarā honti. Tenāha ‘‘so yesaṃ āyatto…pe… te āvāsikā’’ti . Nivāso nivāsamattaṃ etesaṃ atthīti nevāsikāti āha ‘‘ye pana kevala’’ntiādi. Teti assajipunabbasukā. Cha janāti paṇḍuko lohitako mettiyo bhūmajako assaji punabbasukoti ime cha janā. Sammāti ālapanavacanametaṃ. Āyamukhabhūtāti āyassa mukhabhūtā. Dhuraṭṭhāneti sāvatthiyā avidūre ṭhāne. Vassāne hemante cāti dvīsu utūsu vassanato ‘‘dvīhi meghehī’’ti vuttaṃ. Diyaḍḍhabhikkhusahassato gaṇācariyānaṃ channaṃ janānaṃ adhikattā ‘‘samadhika’’nti vuttaṃ, sādhikanti attho. Ma-kāro padasandhivasena āgato. Akatavatthunti akatapubbaṃ abhinavavatthuṃ.

    กณิการาทโย ปุปฺผรุกฺขา, ชาติสุมนาทโย ปุปฺผคจฺฉาโกฎฺฎนนฺติ สยํ ฉินฺทนํฯ โกฎฺฎาปนนฺติ ‘‘อิมํ ฉินฺท ภินฺทา’’ติ อเญฺญหิ เฉทาปนํฯ อาฬิยา พนฺธนนฺติ ยถา คจฺฉมูเล อุทกํ สนฺติฎฺฐติ, ตถา สมนฺตโต พนฺธนํฯ อุทกสฺสาติ อกปฺปิยอุทกสฺสฯ กปฺปิยอุทกสิญฺจนนฺติ อิมินาว สิญฺจาปนมฺปิ สงฺคหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ นนุ ‘‘อุทกสฺส เสจนํ เสจาปน’’นฺติ อิมินาว สามญฺญโต กปฺปิยากปฺปิยอุทกสิญฺจนาทิํ สกฺกา สงฺคเหตุํ, ตสฺมา กปฺปิยอุทกสิญฺจนาทิ กสฺมา วิสุํ วุตฺตนฺติ? ‘‘อารามาทิอตฺถํ โรปิเต อกปฺปิยโวหาเรสุปิ กปฺปิยอุทกสิญฺจนาทิ วฎฺฎตี’’ติ วกฺขมานตฺตา อิธาปิ วิภาคํ กตฺวา กปฺปิยอุทกสิญฺจนาทิ วิสุํ ทสฺสิตํฯ หตฺถมุขปาทโธวนนฺหาโนทกสิญฺจนนฺติ อิมินาปิ ปการนฺตเรน กปฺปิยอุทกสิญฺจนเมว ทเสฺสติฯ ‘‘อกปฺปิยโวหาโร’’ติ โกฎฺฎนขณนาทิวเสน สยํ กรณสฺสปิ กถํ สงฺคโหติ? อกปฺปิยนฺติ โวหรียตีติ อกปฺปิยโวหาโรติ อกปฺปิยภูตํ กรณการาปนาทิ สพฺพเมว สงฺคหิตํ, น ปน อกปฺปิยวจนมตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ กปฺปิยโวหาเรปิ เอเสว นโยฯ สุกฺขมาติกาย อุชุกรณนฺติ อิมินา ปุราณปณฺณาทิหรณมฺปิ สงฺคหิตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ กุทาลาทีนิ ภูมิยํ ฐเปตฺวา ฐานโต หเตฺถน คเหตฺวา ฐานเมว ปากฎตรนฺติ ‘‘โอภาโส’’ติ วุตฺตํฯ

    Kaṇikārādayo puppharukkhā, jātisumanādayo pupphagacchā. Koṭṭananti sayaṃ chindanaṃ. Koṭṭāpananti ‘‘imaṃ chinda bhindā’’ti aññehi chedāpanaṃ. Āḷiyā bandhananti yathā gacchamūle udakaṃ santiṭṭhati, tathā samantato bandhanaṃ. Udakassāti akappiyaudakassa. Kappiyaudakasiñcananti imināva siñcāpanampi saṅgahitanti daṭṭhabbaṃ. Nanu ‘‘udakassa secanaṃ secāpana’’nti imināva sāmaññato kappiyākappiyaudakasiñcanādiṃ sakkā saṅgahetuṃ, tasmā kappiyaudakasiñcanādi kasmā visuṃ vuttanti? ‘‘Ārāmādiatthaṃ ropite akappiyavohāresupi kappiyaudakasiñcanādi vaṭṭatī’’ti vakkhamānattā idhāpi vibhāgaṃ katvā kappiyaudakasiñcanādi visuṃ dassitaṃ. Hatthamukhapādadhovananhānodakasiñcananti imināpi pakārantarena kappiyaudakasiñcanameva dasseti. ‘‘Akappiyavohāro’’ti koṭṭanakhaṇanādivasena sayaṃ karaṇassapi kathaṃ saṅgahoti? Akappiyanti voharīyatīti akappiyavohāroti akappiyabhūtaṃ karaṇakārāpanādi sabbameva saṅgahitaṃ, na pana akappiyavacanamattanti daṭṭhabbaṃ. Kappiyavohārepi eseva nayo. Sukkhamātikāya ujukaraṇanti iminā purāṇapaṇṇādiharaṇampi saṅgahitanti daṭṭhabbaṃ. Kudālādīni bhūmiyaṃ ṭhapetvā ṭhānato hatthena gahetvā ṭhānameva pākaṭataranti ‘‘obhāso’’ti vuttaṃ.

    มหาปจฺจริวาทมฺหิ ปติฎฺฐเปตุกาโม ปจฺฉา วทติฯ วนตฺถายาติ อิทํ เกจิ ‘‘วตตฺถายา’’ติ ปฐนฺติ, เตสํ วติอตฺถายาติ อโตฺถฯ อกปฺปิยโวหาเรปิ เอกจฺจํ วฎฺฎตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘น เกวลญฺจ เสส’’นฺติอาทิมาหฯ ยํ กิญฺจิ มาติกนฺติ สุกฺขมาติกํ วา อสุกฺขมาติกํ วาฯ ‘‘กปฺปิยอุทกํ สิญฺจิตุ’’นฺติ อิมินา ‘‘กปฺปิยอุทกํ สิญฺจถาติ วตฺตุมฺปิ วฎฺฎตี’’ติ ทเสฺสติฯ สยํ โรเปตุมฺปิ วฎฺฎตีติ อิมินา ‘‘โรเปหีติ วตฺตุํ วฎฺฎตี’’ติปิ สิทฺธํฯ อญฺญตฺถาย วา กโรนฺตสฺสาติ วตฺถุปูชาทิอตฺถํ กโรนฺตสฺสฯ กสฺมา น อนาปตฺตีติ วตฺถุปูชนตฺถาย คนฺถนาทีสุ กสฺมา น อนาปตฺติฯ อนาปตฺติเยวาติ ปฎิวจนํ ทตฺวา อิทานิ ตเมว อนาปตฺติภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถาหี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถาติ อารามาทิอตฺถาย รุกฺขโรปเนฯ ตถา วตฺถุปูชนตฺถายปิ อนาปตฺติเยวาติ รตนตฺตยปูชนตฺถายปิ กปฺปิยโวหาเรน ปริยายาทีหิ จ คนฺถาปเน อนาปตฺติเยวาติ อโตฺถฯ

    Mahāpaccarivādamhi patiṭṭhapetukāmo pacchā vadati. Vanatthāyāti idaṃ keci ‘‘vatatthāyā’’ti paṭhanti, tesaṃ vatiatthāyāti attho. Akappiyavohārepi ekaccaṃ vaṭṭatīti dassetuṃ ‘‘na kevalañca sesa’’ntiādimāha. Yaṃ kiñci mātikanti sukkhamātikaṃ vā asukkhamātikaṃ vā. ‘‘Kappiyaudakaṃsiñcitu’’nti iminā ‘‘kappiyaudakaṃ siñcathāti vattumpi vaṭṭatī’’ti dasseti. Sayaṃ ropetumpi vaṭṭatīti iminā ‘‘ropehīti vattuṃ vaṭṭatī’’tipi siddhaṃ. Aññatthāya vā karontassāti vatthupūjādiatthaṃ karontassa. Kasmā na anāpattīti vatthupūjanatthāya ganthanādīsu kasmā na anāpatti. Anāpattiyevāti paṭivacanaṃ datvā idāni tameva anāpattibhāvaṃ dassetuṃ ‘‘yathāhī’’tiādi vuttaṃ. Tatthāti ārāmādiatthāya rukkharopane. Tathā vatthupūjanatthāyapi anāpattiyevāti ratanattayapūjanatthāyapi kappiyavohārena pariyāyādīhi ca ganthāpane anāpattiyevāti attho.

    ‘‘ตถา วตฺถุปูชนตฺถายา’’ติ หิ สามญฺญโต วุเตฺตปิ ‘‘ยถา หิ ตตฺถ กปฺปิยโวหาเรน ปริยายาทีหิ จา’’ติ วุตฺตตฺตา กปฺปิยโวหาราทีหิ คนฺถาปเน เอว อนาปตฺติ วิญฺญายติ, น สยํ คนฺถเน, เตเนว ปโร สยํ คนฺถนมฺปิ กสฺมา น วฎฺฎตีติ โจเทโนฺต ‘‘นนุ จา’’ติอาทิมาหฯ ยถา อารามาทิอตฺถํ กปฺปิยปถวิยํ สยํ โรเปตุมฺปิ วฎฺฎติ, ตถา วตฺถุปูชนตฺถาย สยํ คนฺถเนปิ กสฺมา น วฎฺฎตีติ โจทกสฺส อธิปฺปาโยฯ วุตฺตนฺติอาทิ อาจริยสฺส ปริหาโรฯ อถ ‘‘น ปน มหาอฎฺฐกถาย’’นฺติ กสฺมา วทติฯ มหาปจฺจริอาทีสุ วุตฺตมฺปิ หิ ปมาณเมวาติ นายํ วิโรโธ, มหาอฎฺฐกถายํ อวุตฺตมฺปิ ตเตฺถว วุเตฺตน สํสนฺทิตฺวา ปมาณเมวาติ ปติฎฺฐาเปตุํ วุตฺตตฺตาฯ ตํ กถนฺติ มเญฺญยฺยาสีติ สมฺพโนฺธฯ มหาอฎฺฐกถายญฺจ กปฺปิยอุทกเสจนํ วุตฺตํ, ตํ กถนฺติ เอตฺถายมธิปฺปาโยฯ กิญฺจาปิ มหาอฎฺฐกถายํ อารามาทิอตฺถาย กปฺปิยปถวิยํ สยํ โรปนํ น วุตฺตํ, กปฺปิยอุทกสฺส ปน สยํ สิญฺจนํ วุตฺตเมว, ตสฺมา ยถา อารามาทิอตฺถาย กปฺปิยอุทกํ สยํ สิญฺจิตุมฺปิ วฎฺฎติ, ตถา วตฺถุปูชนตฺถาย สยํ คนฺถนมฺปิ กสฺมา น วฎฺฎตีติฯ ตมฺปิ น วิรุชฺฌตีติ ยเทตํ อารามาทิอตฺถาย สยํ โรปนํ กปฺปิยอุทกสิญฺจนญฺจ วุตฺตํ, ตมฺปิ น วิรุชฺฌติฯ กถํ ตํ น วิรุชฺฌตีติ อาห ‘‘ตตฺรหี’’ติอาทิฯ เอตํ วุตฺตนฺติ มาลาวจฺฉํ โรเปนฺติปิ โรปาเปนฺติปิ สิญฺจนฺติปิ สิญฺจาเปนฺติปีติ เอตํ วุตฺตํฯ อญฺญตฺร ปน ปริยาโย อตฺถีติ ‘‘มาลาวจฺฉํ โรเปนฺติปิ โรปาเปนฺติปิ สิญฺจนฺติปิ สิญฺจาเปนฺติปี’’ติ กุลสงฺคหตฺถาย โรปนสิญฺจนํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา ตโต อญฺญตฺร อารามาทิอตฺถาย มาลาวจฺฉโรปเน ปริยาโย อตฺถิฯ ตตฺถ ปริยายํ อิธ จ ปริยายาภาวํ ญตฺวาติ ตตฺถ ‘‘มาลาวจฺฉํ โรเปนฺตี’’ติอาทีสุ ‘‘มาลาวจฺฉ’’นฺติ วิเสสวจนสพฺภาวโต ปริยายํ, อิธ ‘‘คเนฺถนฺตี’’ติอาทีสุ ตถาวิธวิเสสวจนาภาวโต ปริยายาภาวญฺจ ญตฺวาฯ

    ‘‘Tathā vatthupūjanatthāyā’’ti hi sāmaññato vuttepi ‘‘yathā hi tattha kappiyavohārena pariyāyādīhi cā’’ti vuttattā kappiyavohārādīhi ganthāpane eva anāpatti viññāyati, na sayaṃ ganthane, teneva paro sayaṃ ganthanampi kasmā na vaṭṭatīti codento ‘‘nanu cā’’tiādimāha. Yathā ārāmādiatthaṃ kappiyapathaviyaṃ sayaṃ ropetumpi vaṭṭati, tathā vatthupūjanatthāya sayaṃ ganthanepi kasmā na vaṭṭatīti codakassa adhippāyo. Vuttantiādi ācariyassa parihāro. Atha ‘‘na pana mahāaṭṭhakathāya’’nti kasmā vadati. Mahāpaccariādīsu vuttampi hi pamāṇamevāti nāyaṃ virodho, mahāaṭṭhakathāyaṃ avuttampi tattheva vuttena saṃsanditvā pamāṇamevāti patiṭṭhāpetuṃ vuttattā. Taṃ kathanti maññeyyāsīti sambandho. Mahāaṭṭhakathāyañca kappiyaudakasecanaṃ vuttaṃ, taṃ kathanti etthāyamadhippāyo. Kiñcāpi mahāaṭṭhakathāyaṃ ārāmādiatthāya kappiyapathaviyaṃ sayaṃ ropanaṃ na vuttaṃ, kappiyaudakassa pana sayaṃ siñcanaṃ vuttameva, tasmā yathā ārāmādiatthāya kappiyaudakaṃ sayaṃ siñcitumpi vaṭṭati, tathā vatthupūjanatthāya sayaṃ ganthanampi kasmā na vaṭṭatīti. Tampi na virujjhatīti yadetaṃ ārāmādiatthāya sayaṃ ropanaṃ kappiyaudakasiñcanañca vuttaṃ, tampi na virujjhati. Kathaṃ taṃ na virujjhatīti āha ‘‘tatrahī’’tiādi. Etaṃ vuttanti mālāvacchaṃ ropentipi ropāpentipi siñcantipi siñcāpentipīti etaṃ vuttaṃ. Aññatra pana pariyāyo atthīti ‘‘mālāvacchaṃ ropentipi ropāpentipi siñcantipi siñcāpentipī’’ti kulasaṅgahatthāya ropanasiñcanaṃ sandhāya vuttattā tato aññatra ārāmādiatthāya mālāvaccharopane pariyāyo atthi. Tattha pariyāyaṃ idhaca pariyāyābhāvaṃ ñatvāti tattha ‘‘mālāvacchaṃ ropentī’’tiādīsu ‘‘mālāvaccha’’nti visesavacanasabbhāvato pariyāyaṃ, idha ‘‘ganthentī’’tiādīsu tathāvidhavisesavacanābhāvato pariyāyābhāvañca ñatvā.

    นนุ จ ยถา ‘‘คเนฺถนฺตี’’ติ สามญฺญโต วุตฺตตฺตา ปริยาโย น ลพฺภตีติ ยสฺส กสฺสจิ อตฺถาย สยํ คนฺถนํ น วฎฺฎติ, เอวํ ‘‘คนฺถาเปนฺตี’’ติ สามญฺญโต วุตฺตตฺตา ปริยาเยน คนฺถาปนมฺปิ น วฎฺฎตีติ อาปชฺชติฯ เอวญฺจ สติ ปรโต ‘‘เอวํ ชาน, เอวํ กเต โสเภยฺย, ยถา เอตานิ ปุปฺผานิ น วิกิริยนฺติ, ตถา กโรหีติอาทินา กปฺปิยวจเนน กาเรตุํ วฎฺฎตี’’ติ อิทํ วิรุชฺฌตีติ? น วิรุชฺฌติ, ปริยาเยน หิ การาปนํ คนฺถาปนเมว น โหติ, ตสฺมา ยถาวุตฺตนเยน ปริยายโต การาปนํ วฎฺฎติฯ สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ เหฎฺฐา วุตฺตํ วินิจฺฉยเมว สเงฺขปโต นิคเมติฯ หรณาทีสุ กสฺมา อนาปตฺตีติ วตฺถุปูชนตฺถาย หรณาทีสุ กสฺมา อนาปตฺติฯ กุลิตฺถิอาทีนํ อตฺถาย หรณโตติ กุลิตฺถิอาทีนํ หรณสฺส ตตฺถ วุตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ เตเนวาห ‘‘หรณาธิกาเร หี’’ติอาทิฯ มาลนฺติ ปุปฺผทามํฯ มญฺชรี วิยาติ กุสุมมญฺชรี วิยฯ หารสทิสนฺติ มุตฺตาหารสทิสํฯ

    Nanu ca yathā ‘‘ganthentī’’ti sāmaññato vuttattā pariyāyo na labbhatīti yassa kassaci atthāya sayaṃ ganthanaṃ na vaṭṭati, evaṃ ‘‘ganthāpentī’’ti sāmaññato vuttattā pariyāyena ganthāpanampi na vaṭṭatīti āpajjati. Evañca sati parato ‘‘evaṃ jāna, evaṃ kate sobheyya, yathā etāni pupphāni na vikiriyanti, tathā karohītiādinā kappiyavacanena kāretuṃ vaṭṭatī’’ti idaṃ virujjhatīti? Na virujjhati, pariyāyena hi kārāpanaṃ ganthāpanameva na hoti, tasmā yathāvuttanayena pariyāyato kārāpanaṃ vaṭṭati. Sabbaṃ vuttanayeneva veditabbanti heṭṭhā vuttaṃ vinicchayameva saṅkhepato nigameti. Haraṇādīsu kasmā anāpattīti vatthupūjanatthāya haraṇādīsu kasmā anāpatti. Kulitthiādīnaṃ atthāya haraṇatoti kulitthiādīnaṃ haraṇassa tattha vuttattāti adhippāyo. Tenevāha ‘‘haraṇādhikāre hī’’tiādi. Mālanti pupphadāmaṃ. Mañjarī viyāti kusumamañjarī viya. Hārasadisanti muttāhārasadisaṃ.

    ปาจิตฺติยเญฺจว ทุกฺกฎญฺจาติ ปถวีขณนปจฺจยา ปาจิตฺติยํ, กุลสงฺคหปจฺจยา ทุกฺกฎํฯ อกปฺปิยโวหาเรนาติ ‘‘อิทํ ขณ, อิทํ โรเปหี’’ติอาทิอกปฺปิยโวหาเรนฯ ทุกฺกฎเมวาติ กุลสงฺคหปจฺจยา ทุกฺกฎํฯ อุภยตฺถาติ กปฺปิยากปฺปิยปถวิยํฯ สพฺพตฺถาติ กุลสงฺคหปริโภคอารามาทิอตฺถาย โรปิเตฯ ทุกฺกฎมฺปีติ น เกวลํ ปาจิตฺติยเมวฯ กปฺปิเยนาติ กปฺปิเยน อุทเกนฯ เตสํเยว ทฺวินฺนนฺติ กุลทูสนปริโภคานํฯ ทุกฺกฎนฺติ กุลสงฺคหตฺถาย สยํ สิญฺจเน กปฺปิยโวหาเรน อกปฺปิยโวหาเรน วา สิญฺจาปเน จ ทุกฺกฎํ, ปริโภคตฺถาย ปน สยํ สิญฺจเน อกปฺปิยโวหาเรน สิญฺจาปเน จ ทุกฺกฎํฯ อาปตฺติพหุลตา เวทิตพฺพาติ เอตฺถ สยํ สิญฺจเน ธาราปเจฺฉทคณนาย อาปตฺติคณนา เวทิตพฺพาฯ สิญฺจาปเน ปน ปุนปฺปุนํ อาณาเปนฺตสฺส วาจาย วาจาย อาปตฺติ, สกิํ อาณตฺตสฺส พหูนํ สิญฺจเนปิ เอกาวฯ

    Pācittiyañceva dukkaṭañcāti pathavīkhaṇanapaccayā pācittiyaṃ, kulasaṅgahapaccayā dukkaṭaṃ. Akappiyavohārenāti ‘‘idaṃ khaṇa, idaṃ ropehī’’tiādiakappiyavohārena. Dukkaṭamevāti kulasaṅgahapaccayā dukkaṭaṃ. Ubhayatthāti kappiyākappiyapathaviyaṃ. Sabbatthāti kulasaṅgahaparibhogaārāmādiatthāya ropite. Dukkaṭampīti na kevalaṃ pācittiyameva. Kappiyenāti kappiyena udakena. Tesaṃyeva dvinnanti kuladūsanaparibhogānaṃ. Dukkaṭanti kulasaṅgahatthāya sayaṃ siñcane kappiyavohārena akappiyavohārena vā siñcāpane ca dukkaṭaṃ, paribhogatthāya pana sayaṃ siñcane akappiyavohārena siñcāpane ca dukkaṭaṃ. Āpattibahulatā veditabbāti ettha sayaṃ siñcane dhārāpacchedagaṇanāya āpattigaṇanā veditabbā. Siñcāpane pana punappunaṃ āṇāpentassa vācāya vācāya āpatti, sakiṃ āṇattassa bahūnaṃ siñcanepi ekāva.

    ทุกฺกฎปาจิตฺติยานีติ กุลสงฺคหปจฺจยา ทุกฺกฎํ, ภูตคามปาตพฺยตาย ปาจิตฺติยํฯ อญฺญตฺถาติ วตฺถุปูชาทิอตฺถาย โอจินเนฯ สกิํ อาณโตฺตติ อกปฺปิยโวหาเรน อาณโตฺตฯ ปาจิตฺติยเมวาติ อกปฺปิยวจเนน อาณตฺตตฺตา ปาจิตฺติยํฯ กปฺปิยวจเนน ปน วตฺถุปูชาทิอตฺถาย โอจินาเปนฺตสฺส อนาปตฺติเยวฯ

    Dukkaṭapācittiyānīti kulasaṅgahapaccayā dukkaṭaṃ, bhūtagāmapātabyatāya pācittiyaṃ. Aññatthāti vatthupūjādiatthāya ocinane. Sakiṃ āṇattoti akappiyavohārena āṇatto. Pācittiyamevāti akappiyavacanena āṇattattā pācittiyaṃ. Kappiyavacanena pana vatthupūjādiatthāya ocināpentassa anāpattiyeva.

    คนฺถเนน นิพฺพตฺตํ คนฺติมํฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ น วฎฺฎตีติ กุลสงฺคหตฺถาย วตฺถุปูชาทิอตฺถาย วา วุตฺตนเยน กโรนฺตสฺส จ การาเปนฺตสฺส จ ทุกฺกฎนฺติ อโตฺถฯ ปุริมนเยเนวาติ ‘‘ภิกฺขุสฺส วา’’ติอาทินา วุตฺตนเยนฯ ธมฺมาสนวิตาเน พทฺธกณฺฎเกสุ ปุปฺผานิ วิชฺฌิตฺวา ฐเปนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ อุปรูปริ วิชฺฌิตฺวา ฉตฺตสทิสํ กตฺวา อาวุณนโต ‘‘ฉตฺตาติฉตฺตํ วิยา’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘กทลิกฺขนฺธมฺหี’’ติอาทินา วุตฺตํ สพฺพเมว สนฺธาย ‘‘ตํ อติโอฬาริกเมวา’’ติ วุตฺตํ, สยํ กโรนฺตสฺส อกปฺปิยวจเนเนว การาเปนฺตสฺส จ ทุกฺกฎเมวาติ อโตฺถฯ ปุปฺผวิชฺฌนตฺถนฺติ วุตฺตตฺตา ปุปฺผานิ วิชฺฌิตุํเยว กณฺฎกํ พนฺธิตุํ น วฎฺฎติ, ปุปฺผทามาทิพนฺธนตฺถํ ปน วฎฺฎติฯ กณฺฎกมฺปิ พนฺธิตุํ น วฎฺฎตีติ จ อิทํ อฎฺฐกถาจริยปฺปมาเณน คเหตพฺพํฯ ปเวเสตุํ น วฎฺฎตีติ วุตฺตตฺตา ปุปฺผจฺฉิเทฺท อปเวเสตฺวา อุปรูปริ ฐเปตุํ วฎฺฎติฯ ชาลมยํ วิตานํ ชาลวิตานํนาคทนฺตกมฺปิ สจฺฉิทฺทกํเยว คเหตพฺพํฯ ปุปฺผปฎิจฺฉกํ ทณฺฑาทีหิ กตปุปฺผาธารณํ, ตมฺปิ สจฺฉิทฺทเมว อิธ วุตฺตํฯ อโสกปิณฺฑิยาติ อโสกปุปฺผมญฺชริกายฯ ‘‘ธมฺมรชฺชุ นาม เจติยํ วา โพธิํ วา ปุปฺผปเวสนตฺถํ อาวิชฺฌิตฺวา พทฺธรชฺชู’’ติ มหาคณฺฐิปเท มชฺฌิมคณฺฐิปเท จ วุตฺตํ, ตสฺมา ตถาพทฺธาย รชฺชุยา เจติยสฺส จ อนฺตเร ปุปฺผานิ ปเวเสตุํ วฎฺฎตีติ วิญฺญายติฯ คณฺฐิปเท ปน ‘‘ธมฺมรชฺชุนฺติ สิถิลํ วฎฺฎิกํ รชฺชุํ กตฺวา โพธิํ วา เจติยํ วา ปริกฺขิปิตฺวา ธมฺมาสเน วา ลมฺพิตฺวา ตตฺถ ปุปฺผานิ ปเวเสนฺตี’’ติ วุตฺตํ, ตสฺมา สิถิลวฎฺฎิกาย รชฺชุยา อนฺตเรปิ ปุปฺผานิ ปเวเสตุํ วฎฺฎตีติ วิญฺญายติ, วีมํสิตฺวา ยุตฺตตรํ คเหตพฺพํฯ อุภยตฺถาปิ ปเนตฺถ เนวตฺถิ วิโรโธติ อมฺหากํ ขนฺติฯ

    Ganthanena nibbattaṃ gantimaṃ. Esa nayo sesesupi. Na vaṭṭatīti kulasaṅgahatthāya vatthupūjādiatthāya vā vuttanayena karontassa ca kārāpentassa ca dukkaṭanti attho. Purimanayenevāti ‘‘bhikkhussa vā’’tiādinā vuttanayena. Dhammāsanavitāne baddhakaṇṭakesu pupphāni vijjhitvā ṭhapentīti sambandho. Uparūpari vijjhitvā chattasadisaṃ katvā āvuṇanato ‘‘chattātichattaṃ viyā’’ti vuttaṃ. ‘‘Kadalikkhandhamhī’’tiādinā vuttaṃ sabbameva sandhāya ‘‘taṃ atioḷārikamevā’’ti vuttaṃ, sayaṃ karontassa akappiyavacaneneva kārāpentassa ca dukkaṭamevāti attho. Pupphavijjhanatthanti vuttattā pupphāni vijjhituṃyeva kaṇṭakaṃ bandhituṃ na vaṭṭati, pupphadāmādibandhanatthaṃ pana vaṭṭati. Kaṇṭakampi bandhituṃ na vaṭṭatīti ca idaṃ aṭṭhakathācariyappamāṇena gahetabbaṃ. Pavesetuṃ na vaṭṭatīti vuttattā pupphacchidde apavesetvā uparūpari ṭhapetuṃ vaṭṭati. Jālamayaṃ vitānaṃ jālavitānaṃ. Nāgadantakampi sacchiddakaṃyeva gahetabbaṃ. Pupphapaṭicchakaṃ daṇḍādīhi katapupphādhāraṇaṃ, tampi sacchiddameva idha vuttaṃ. Asokapiṇḍiyāti asokapupphamañjarikāya. ‘‘Dhammarajju nāma cetiyaṃ vā bodhiṃ vā pupphapavesanatthaṃ āvijjhitvā baddharajjū’’ti mahāgaṇṭhipade majjhimagaṇṭhipade ca vuttaṃ, tasmā tathābaddhāya rajjuyā cetiyassa ca antare pupphāni pavesetuṃ vaṭṭatīti viññāyati. Gaṇṭhipade pana ‘‘dhammarajjunti sithilaṃ vaṭṭikaṃ rajjuṃ katvā bodhiṃ vā cetiyaṃ vā parikkhipitvā dhammāsane vā lambitvā tattha pupphāni pavesentī’’ti vuttaṃ, tasmā sithilavaṭṭikāya rajjuyā antarepi pupphāni pavesetuṃ vaṭṭatīti viññāyati, vīmaṃsitvā yuttataraṃ gahetabbaṃ. Ubhayatthāpi panettha nevatthi virodhoti amhākaṃ khanti.

    มตฺถกทามนฺติ ธมฺมาสนาทิมตฺถเก ลมฺพกทามํฯ ปุเปฺผหิ เวเฐนฺตีติ ปุปฺผทาเมน เวเฐนฺติฯ เตสํเยวาติ อุปฺปลาทีนํเยวฯ วาเกน วา ทณฺฑเกน วาติ วิสุํ อจฺฉิเนฺนน ปุปฺผสหิเตเนว วาเกน วา ทณฺฑเกน วาฯ ขเนฺธ ฐปิตกาสาวสฺสาติ ขเนฺธ ฐปิตสงฺฆาฎิํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตญฺหิ ตถา พนฺธิตุํ สกฺกา ภเวยฺยฯ อิมินาว อญฺญมฺปิ ตาทิสํ กาสาวํ วา วตฺถํ วา วุตฺตนเยน พนฺธิตฺวา ตตฺถ ปุปฺผานิ ปกฺขิปิตุํ วฎฺฎตีติ สิทฺธํฯ อํสภณฺฑิกํ ปสิพฺพเก ปกฺขิตฺตสทิสตฺตา เวฐิมํ นาม น ชาตํ, ตสฺมา สิถิลพนฺธสฺส อนฺตรนฺตรา ปกฺขิปิตุํ วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ

    Matthakadāmanti dhammāsanādimatthake lambakadāmaṃ. Pupphehi veṭhentīti pupphadāmena veṭhenti. Tesaṃyevāti uppalādīnaṃyeva. Vākena vā daṇḍakena vāti visuṃ acchinnena pupphasahiteneva vākena vā daṇḍakena vā. Khandhe ṭhapitakāsāvassāti khandhe ṭhapitasaṅghāṭiṃ sandhāya vuttaṃ. Tañhi tathā bandhituṃ sakkā bhaveyya. Imināva aññampi tādisaṃ kāsāvaṃ vā vatthaṃ vā vuttanayena bandhitvā tattha pupphāni pakkhipituṃ vaṭṭatīti siddhaṃ. Aṃsabhaṇḍikaṃ pasibbake pakkhittasadisattā veṭhimaṃ nāma na jātaṃ, tasmā sithilabandhassa antarantarā pakkhipituṃ vaṭṭatīti vadanti.

    ปุปฺผปเฎ จ ทฎฺฐพฺพนฺติ ปุปฺผปฎํ กโรนฺตสฺส ทีฆโต ปุปฺผทามสฺส หรณปจฺจาหรณวเสน ปูรณํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ติริยโต หรณํ ปน วายิมํ นาม โหติ, น ปูริมํฯ ปุริมฎฺฐานํ อติกฺกาเมตีติ เอตฺถ ‘‘อผุสาเปตฺวาปิ อติกฺกาเมนฺตสฺส อาปตฺติเยวา’’ติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ ‘‘ปุริมฎฺฐานํ อติกฺกาเมตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตตฺตา ตํ ยุตฺตํฯ เกจิ ปน ‘‘อญฺญมญฺญํ อผุสาเปตฺวา อเนกกฺขตฺตุํ ปริกฺขิปิตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺตีติ วุตฺตํ, ตตฺถ การณํ น ทิสฺสติฯ พนฺธิตุํ วฎฺฎตีติ ปุปฺผรหิตาย สุตฺตโกฎิยา วากโกฎิยา วา พนฺธิตุํ วฎฺฎติฯ เอกวารํ หริตฺวา วา ปริกฺขิปิตฺวา วาติ อิทํ ปุเพฺพ วุตฺตเจติยาทิปริเกฺขปํ ปุปฺผปฎกรณญฺจ สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺมา เจติยํ วา โพธิํ วา ปริกฺขิปเนฺตน เอกวารํ ปริกฺขิปิตฺวา ปุริมฎฺฐานํ สมฺปเตฺต อญฺญสฺส ทาตพฺพํ, เตนปิ เอกวารํ ปริกฺขิปิตฺวา ตเถว กาตพฺพํฯ ปุปฺผปฎํ กโรเนฺตน จ เอกวารํ หริตฺวา อญฺญสฺส ทาตพฺพํ, เตนปิ ตเถว กาตพฺพํฯ สเจปิ เทฺวเยว ภิกฺขู อุโภสุ ปเสฺสสุ ฐตฺวา ปริยาเยน หรนฺติ, วฎฺฎติเยวาติ วทนฺติฯ

    Pupphapaṭeca daṭṭhabbanti pupphapaṭaṃ karontassa dīghato pupphadāmassa haraṇapaccāharaṇavasena pūraṇaṃ sandhāya vuttaṃ. Tiriyato haraṇaṃ pana vāyimaṃ nāma hoti, na pūrimaṃ. Purimaṭṭhānaṃ atikkāmetīti ettha ‘‘aphusāpetvāpi atikkāmentassa āpattiyevā’’ti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ. ‘‘Purimaṭṭhānaṃ atikkāmetī’’ti avisesena vuttattā taṃ yuttaṃ. Keci pana ‘‘aññamaññaṃ aphusāpetvā anekakkhattuṃ parikkhipituṃ vaṭṭatī’’ti vadantīti vuttaṃ, tattha kāraṇaṃ na dissati. Bandhituṃ vaṭṭatīti puppharahitāya suttakoṭiyā vākakoṭiyā vā bandhituṃ vaṭṭati. Ekavāraṃ haritvā vā parikkhipitvā vāti idaṃ pubbe vuttacetiyādiparikkhepaṃ pupphapaṭakaraṇañca sandhāya vuttaṃ, tasmā cetiyaṃ vā bodhiṃ vā parikkhipantena ekavāraṃ parikkhipitvā purimaṭṭhānaṃ sampatte aññassa dātabbaṃ, tenapi ekavāraṃ parikkhipitvā tatheva kātabbaṃ. Pupphapaṭaṃ karontena ca ekavāraṃ haritvā aññassa dātabbaṃ, tenapi tatheva kātabbaṃ. Sacepi dveyeva bhikkhū ubhosu passesu ṭhatvā pariyāyena haranti, vaṭṭatiyevāti vadanti.

    ปูริตนฺติ ทีฆโต ปสารณวเสน ปูริตํฯ วายิตุํ น ลภตีติ ทีฆโต ปสาริเต ติริยโต หรณํ วายนํ นาม โหตีติ เอกวารมฺปิ ปุปฺผคุณํ ติริยโต หริตุํ น วฎฺฎติฯ ปุปฺผานิ ฐเปเนฺตนาติ อคนฺถิตานิ ปากติกปุปฺผานิ ฐเปเนฺตนฯ ปุปฺผทามํ ปน ปูชนตฺถาย ภูมิยํ ฐเปเนฺตน ผุสาเปตฺวา วา อผุสาเปตฺวา วา ทิคุณํ กตฺวา ฐเปตุํ น วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ ฆฎิกทามโอลมฺพโกติ อเนฺต ฆฎิกาการยุโตฺต ยมกทามโอลมฺพโกฯ เอเกกํ ปน ทามํ นิกฺขนฺตสุตฺตโกฎิยาว พนฺธิตฺวา โอลมฺพิตุํ วฎฺฎติ, ปุปฺผทามทฺวยํ สงฺฆฎิตุกาเมนปิ นิกฺขนฺตสุตฺตโกฎิยาว สุตฺตโกฎิํ สงฺฆฎิตุํ วฎฺฎติฯ อฑฺฒจนฺทากาเรน มาลาคุณปริเกฺขโปติ อฑฺฒจนฺทากาเรน มาลาคุณสฺส ปุนปฺปุนํ หรณปจฺจาหรณวเสน ปูเรตฺวา ปริกฺขิปนํฯ เตเนว ตํ ปูริเม ปวิฎฺฐํ, ตสฺมา เอตมฺปิ อฑฺฒจนฺทาการํ ปุนปฺปุนํ หรณปจฺจาหรณวเสน ปูริตํ น วฎฺฎติฯ เอกวารํ ปน อฑฺฒจนฺทากาเรน มาลาคุณํ หริตุํ วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ ปุปฺผทามกรณนฺติ เอตฺถ สุตฺตโกฎิยํ คเหตฺวาปิ เอกโต กาตุํ น วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ เคณฺฑุกขรปตฺตทามานํ ปฎิกฺขิตฺตตฺตา เจลาทีหิ กตทามมฺปิ น วฎฺฎติ อกปฺปิยานุโลมตฺตาติ วทนฺติฯ

    Pūritanti dīghato pasāraṇavasena pūritaṃ. Vāyituṃ na labhatīti dīghato pasārite tiriyato haraṇaṃ vāyanaṃ nāma hotīti ekavārampi pupphaguṇaṃ tiriyato harituṃ na vaṭṭati. Pupphāni ṭhapentenāti aganthitāni pākatikapupphāni ṭhapentena. Pupphadāmaṃ pana pūjanatthāya bhūmiyaṃ ṭhapentena phusāpetvā vā aphusāpetvā vā diguṇaṃ katvā ṭhapetuṃ na vaṭṭatīti vadanti. Ghaṭikadāmaolambakoti ante ghaṭikākārayutto yamakadāmaolambako. Ekekaṃ pana dāmaṃ nikkhantasuttakoṭiyāva bandhitvā olambituṃ vaṭṭati, pupphadāmadvayaṃ saṅghaṭitukāmenapi nikkhantasuttakoṭiyāva suttakoṭiṃ saṅghaṭituṃ vaṭṭati. Aḍḍhacandākārena mālāguṇaparikkhepoti aḍḍhacandākārena mālāguṇassa punappunaṃ haraṇapaccāharaṇavasena pūretvā parikkhipanaṃ. Teneva taṃ pūrime paviṭṭhaṃ, tasmā etampi aḍḍhacandākāraṃ punappunaṃ haraṇapaccāharaṇavasena pūritaṃ na vaṭṭati. Ekavāraṃ pana aḍḍhacandākārena mālāguṇaṃ harituṃ vaṭṭatīti vadanti. Pupphadāmakaraṇanti ettha suttakoṭiyaṃ gahetvāpi ekato kātuṃ na vaṭṭatīti vadanti. Geṇḍukakharapattadāmānaṃ paṭikkhittattā celādīhi katadāmampi na vaṭṭati akappiyānulomattāti vadanti.

    ‘‘ลาสิยนาฎกํ นาเฎนฺตี’’ติ วตฺวา ตเมว ปริยายนฺตเรน ทเสฺสตุํ ‘‘เรจกํ เทนฺตี’’ติ วุตฺตํ, อภินยํ ทเสฺสนฺตีติ อโตฺถ, อตฺตโน อธิปฺปายํ ปกาเสตฺวา ‘‘เอวํ นจฺจิตพฺพ’’นฺติ ปฐมํ อุฎฺฐหิตฺวา นจฺจนาการํ ทเสฺสนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ เกจิ ปน ‘‘มุเข องฺคุลิโย ปกฺขิปิตฺวา สทฺทํ กโรนฺตา จกฺกมิว อตฺตานํ ภมยมานา เรจกํ เทนฺติ นามา’’ติ วทนฺติฯ เอเกกาย ปนฺติยา อฎฺฐ อฎฺฐ ปทานิ อสฺสาติ อฎฺฐปทํฯ ‘‘อฎฺฐาปท’’นฺติปิ ปฐนฺติฯ ทสปเทปิ เอเสว นโยฯ ปทานีติ จ สาริอาทีนํ ปติฎฺฐานฎฺฐานานิฯ ทสปทํ นาม ทฺวีหิ ปนฺตีหิ วีสติยา ปเทหิ กีฬนชูตํฯ อากาเสเยว กีฬนฺตีติ ‘‘อยํ สารี อสุกปทํ มยา นีตา, อยํ อสุกปท’’นฺติ เกวลํ มุเขเนว วทนฺตา อากาเสเยว ชูตํ กีฬนฺติฯ ชูตผลเกติ ชูตมณฺฑเลฯ ปาสกกีฬาย กีฬนฺตีติ ปาสกํ วุจฺจติ ฉสุ ปเสฺสสุ เอเกกํ ยาว ฉกฺกํ ทเสฺสตฺวา กตกีฬนํ, ตํ วเฑฺฒตฺวา ยถาลทฺธเอกกาทิวเสน สาริโย อปเนนฺตา อุปเนนฺตา จ กีฬนฺติฯ ฆเฎน กีฬา ฆฎิกาติ เอเกฯ

    ‘‘Lāsiyanāṭakaṃnāṭentī’’ti vatvā tameva pariyāyantarena dassetuṃ ‘‘recakaṃ dentī’’ti vuttaṃ, abhinayaṃ dassentīti attho, attano adhippāyaṃ pakāsetvā ‘‘evaṃ naccitabba’’nti paṭhamaṃ uṭṭhahitvā naccanākāraṃ dassentīti vuttaṃ hoti. Keci pana ‘‘mukhe aṅguliyo pakkhipitvā saddaṃ karontā cakkamiva attānaṃ bhamayamānā recakaṃ denti nāmā’’ti vadanti. Ekekāya pantiyā aṭṭha aṭṭha padāni assāti aṭṭhapadaṃ. ‘‘Aṭṭhāpada’’ntipi paṭhanti. Dasapadepi eseva nayo. Padānīti ca sāriādīnaṃ patiṭṭhānaṭṭhānāni. Dasapadaṃ nāma dvīhi pantīhi vīsatiyā padehi kīḷanajūtaṃ. Ākāseyeva kīḷantīti ‘‘ayaṃ sārī asukapadaṃ mayā nītā, ayaṃ asukapada’’nti kevalaṃ mukheneva vadantā ākāseyeva jūtaṃ kīḷanti. Jūtaphalaketi jūtamaṇḍale. Pāsakakīḷāya kīḷantīti pāsakaṃ vuccati chasu passesu ekekaṃ yāva chakkaṃ dassetvā katakīḷanaṃ, taṃ vaḍḍhetvā yathāladdhaekakādivasena sāriyo apanentā upanentā ca kīḷanti. Ghaṭena kīḷā ghaṭikāti eke.

    มญฺชฎฺฐิยา วาติ มญฺชฎฺฐิรุกฺขสารํ คเหตฺวา ปกฺกกสาวํ สนฺธาย วทติฯ สลากหตฺถนฺติ ตาลหีราทีนํ กลาปเสฺสตํ อธิวจนํฯ พหูสุ สลากาสุ วิเสสรหิตํ เอกํ สลากํ คเหตฺวา ตาสุ ปกฺขิปิตฺวา ปุน ตํเยว อุทฺธรนฺตา สลากหเตฺถน กีฬนฺตีติ เกจิฯ ปเณฺณน วํสากาเรน กตา นาฬิกา ปณฺณนาฬิกาฯ เตเนวาห ‘‘ตํ ธมนฺตา’’ติฯ ปุจฺฉนฺตสฺส มุขาคตํ อกฺขรํ คเหตฺวา นฎฺฐมุฎฺฐิลาภาลาภาทิชานนกีฬา อกฺขริกาติปิ วทนฺติฯ หตฺถิสฺมินฺติ นิมิตฺตเตฺถ ภุมฺมํ, หตฺถินิมิตฺตสิเปฺปติ อโตฺถฯ อสฺสสฺมินฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ‘‘อุเสฺสเฬนฺติ อโปฺผเฎนฺตี’’ติ ทฺวินฺนํ ปทานํ อโตฺถ ปากโฎเยวาติ น วุโตฺตฯ ตตฺถ อุเสฺสเฬนฺตีติ มุเขน อุเสฺสฬนสทฺทํ ปมุญฺจนฺติ, มหนฺตํ กตฺวา อพฺยตฺตสทฺทํ ปวเตฺตนฺตีติ อโตฺถฯ ‘‘อชานํ สญฺญํ เทนฺตา อชปาลกา วิย มุเขน วาตํ นิจฺฉาเรนฺตา สุขุมํ อพฺยตฺตนาทํ ปวเตฺตนฺตี’’ติปิ วทนฺติฯ อโปฺผเฎนฺตีติ ภุชหตฺถสงฺฆฎฺฎนสทฺทํ ปวเตฺตนฺติ, วามหตฺถํ อุเร ฐเปตฺวา ทกฺขิเณน ปาณินา ตตฺถ ตาฬเนน สทฺทํ กโรนฺตีติ อโตฺถฯ มุขฑิณฺฑิมนฺติ มุขเภริยา เอตํ อธิวจนํฯ

    Mañjaṭṭhiyā vāti mañjaṭṭhirukkhasāraṃ gahetvā pakkakasāvaṃ sandhāya vadati. Salākahatthanti tālahīrādīnaṃ kalāpassetaṃ adhivacanaṃ. Bahūsu salākāsu visesarahitaṃ ekaṃ salākaṃ gahetvā tāsu pakkhipitvā puna taṃyeva uddharantā salākahatthena kīḷantīti keci. Paṇṇena vaṃsākārena katā nāḷikā paṇṇanāḷikā. Tenevāha ‘‘taṃ dhamantā’’ti. Pucchantassa mukhāgataṃ akkharaṃ gahetvā naṭṭhamuṭṭhilābhālābhādijānanakīḷā akkharikātipi vadanti. Hatthisminti nimittatthe bhummaṃ, hatthinimittasippeti attho. Assasmintiādīsupi eseva nayo. ‘‘Usseḷenti apphoṭentī’’ti dvinnaṃ padānaṃ attho pākaṭoyevāti na vutto. Tattha usseḷentīti mukhena usseḷanasaddaṃ pamuñcanti, mahantaṃ katvā abyattasaddaṃ pavattentīti attho. ‘‘Ajānaṃ saññaṃ dentā ajapālakā viya mukhena vātaṃ nicchārentā sukhumaṃ abyattanādaṃ pavattentī’’tipi vadanti. Apphoṭentīti bhujahatthasaṅghaṭṭanasaddaṃ pavattenti, vāmahatthaṃ ure ṭhapetvā dakkhiṇena pāṇinā tattha tāḷanena saddaṃ karontīti attho. Mukhaḍiṇḍimanti mukhabheriyā etaṃ adhivacanaṃ.

    ๔๓๒. ปสาทาวเหนาติ ปสาทชนนเกนฯ อภิกฺกมนํ อภิกฺกนฺตนฺติ อาห ‘‘คมเนนา’’ติฯ ปฎิกฺกมนํ ปฎิกฺกนฺตํนิวตฺตเนนาติ นิวตฺติมตฺตํ ทเสฺสติฯ นิวเตฺตตฺวา ปน คมนํ คมนเมวฯ อภิมุขํ โลกิตํ อาโลกิตนฺติ อาห ‘‘ปุรโต ทสฺสเนนา’’ติฯ อิโต จิโต จ ทสฺสเนนาติ อนุทิสาเปกฺขนํ ทเสฺสติฯ ยํทิสาภิมุโข คจฺฉติ ติฎฺฐติ นิสีทติ, ตทภิมุขํ เปกฺขนํ อาโลกิตํ, ตทนุคตทิสาโลกนํ ‘‘วิโลกิต’’นฺติ หิ วุจฺจติฯ อญฺญานิปิ เหฎฺฐา อุปริ ปจฺฉโต เปกฺขนวเสน โอโลกิตอุโลฺลกิตาปโลกิตานิ นาม โหนฺติฯ ตานิ ปน น สมณสารุปฺปานิ อปฺปสาทาวหานิ, เตเนเวตฺถ อาโลกิตวิโลกิตาเนว คหิตานิฯ เตสนฺติ สมาเส คุณีภูตานิปิ ปพฺพานิ ปรามสติฯ ‘‘ปพฺพสโงฺกจเนนา’’ติ หิ วุตฺตตฺตา ปพฺพานิ ตตฺถ คุณีภูตานิ สโงฺกจนสฺส ปธานตฺตาฯ สติสมฺปชเญฺญหีติ สาตฺถกตาทิปริคฺคาหิกาย สติยา ตถาปวตฺตสมฺปชเญฺญน จ สมนฺตโต ปกาเรหิ, ปกฎฺฐํ วา สวิเสสํ ชานาตีติ สมฺปชาโน, ตสฺส ภาโว สมฺปชญฺญํฯ ตถาปวตฺตญาณเสฺสตํ อธิวจนํฯ อภิสงฺขตตฺตาติ สมฺมา ปวตฺติตตฺตาฯ เหฎฺฐาขิตฺตจกฺขูติ ขนฺธํ อนาเมตฺวาว อโธขิตฺตจกฺขุฯ ขนฺธํ นาเมตฺวา หิ เหฎฺฐาวโลกนํ น สมณสารุปฺปํฯ ‘‘โอกฺขิตฺตจกฺขู’’ติ จ อิมินา ยุคมตฺตทสฺสิตา วุตฺตาฯ

    432.Pasādāvahenāti pasādajananakena. Abhikkamanaṃ abhikkantanti āha ‘‘gamanenā’’ti. Paṭikkamanaṃ paṭikkantaṃ. Nivattanenāti nivattimattaṃ dasseti. Nivattetvā pana gamanaṃ gamanameva. Abhimukhaṃ lokitaṃ ālokitanti āha ‘‘purato dassanenā’’ti. Ito cito ca dassanenāti anudisāpekkhanaṃ dasseti. Yaṃdisābhimukho gacchati tiṭṭhati nisīdati, tadabhimukhaṃ pekkhanaṃ ālokitaṃ, tadanugatadisālokanaṃ ‘‘vilokita’’nti hi vuccati. Aññānipi heṭṭhā upari pacchato pekkhanavasena olokitaullokitāpalokitāni nāma honti. Tāni pana na samaṇasāruppāni appasādāvahāni, tenevettha ālokitavilokitāneva gahitāni. Tesanti samāse guṇībhūtānipi pabbāni parāmasati. ‘‘Pabbasaṅkocanenā’’ti hi vuttattā pabbāni tattha guṇībhūtāni saṅkocanassa padhānattā. Satisampajaññehīti sātthakatādipariggāhikāya satiyā tathāpavattasampajaññena ca samantato pakārehi, pakaṭṭhaṃ vā savisesaṃ jānātīti sampajāno, tassa bhāvo sampajaññaṃ. Tathāpavattañāṇassetaṃ adhivacanaṃ. Abhisaṅkhatattāti sammā pavattitattā. Heṭṭhākhittacakkhūti khandhaṃ anāmetvāva adhokhittacakkhu. Khandhaṃ nāmetvā hi heṭṭhāvalokanaṃ na samaṇasāruppaṃ. ‘‘Okkhittacakkhū’’ti ca iminā yugamattadassitā vuttā.

    โพโนฺทติ โลโล มนฺทธาตุโกติ อโตฺถฯ ภกุฎิํ กตฺวาติ ภมุกเภทํ กตฺวาฯ สาขเลฺยน ยุตฺตาติ ‘‘ตตฺถ กตมํ สาขลฺยํ? ยา สา วาจา เนลา กณฺณสุขา’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑๓๕๐) นเยน วุตฺตสาขเลฺยน สมนฺนาคตา, มุทุวจนาติ อโตฺถฯ เนลาติ เอลํ วุจฺจติ โทโส, นาสฺสา เอลนฺติ เนลา, นิโทฺทสาติ อโตฺถฯ กณฺณสุขาติ พฺยญฺชนมธุรตาย กณฺณานํ สุขา, สูจินา วิชฺฌนํ วิย กณฺณสูลํ น ชเนติฯ ทานนิพทฺธานีติ นิพทฺธทานานิฯ

    Bondoti lolo mandadhātukoti attho. Bhakuṭiṃ katvāti bhamukabhedaṃ katvā. Sākhalyena yuttāti ‘‘tattha katamaṃ sākhalyaṃ? Yā sā vācā nelā kaṇṇasukhā’’tiādinā (dha. sa. 1350) nayena vuttasākhalyena samannāgatā, muduvacanāti attho. Nelāti elaṃ vuccati doso, nāssā elanti nelā, niddosāti attho. Kaṇṇasukhāti byañjanamadhuratāya kaṇṇānaṃ sukhā, sūcinā vijjhanaṃ viya kaṇṇasūlaṃ na janeti. Dānanibaddhānīti nibaddhadānāni.

    ‘‘สาริปุตฺตโมคฺคลฺลาเน อามเนฺตสี’’ติ วตฺวา ‘‘คจฺฉถ ตุเมฺห สาริปุตฺตา’’ติ วจนโต ‘‘สาริปุตฺตา’’ติ อิทํ เอกเสสนเยน วุตฺตนฺติ อยมโตฺถ ปากโฎเยวาติ น วุโตฺตฯ ‘‘สาริปุตฺตา’’ติ หิ อิทํ เอกเสสนเยน วุตฺตํ วิรูเปกเสสสฺสปิ อิจฺฉิตตฺตา, เตเนเวตฺถ พหุวจนนิเทฺทโส กโตติฯ สทฺธสฺส ปสนฺนสฺสาติ รตนตฺตยสฺส สทฺธาย สมนฺนาคตสฺส ตโตเยว จ ปสนฺนสฺส, กมฺมผลสทฺธาย วา สมนฺนาคตตฺตา สทฺธสฺส รตนตฺตยปฺปสาทพหุลตาย ปสนฺนสฺสฯ

    ‘‘Sāriputtamoggallāne āmantesī’’ti vatvā ‘‘gacchatha tumhe sāriputtā’’ti vacanato ‘‘sāriputtā’’ti idaṃ ekasesanayena vuttanti ayamattho pākaṭoyevāti na vutto. ‘‘Sāriputtā’’ti hi idaṃ ekasesanayena vuttaṃ virūpekasesassapi icchitattā, tenevettha bahuvacananiddeso katoti. Saddhassa pasannassāti ratanattayassa saddhāya samannāgatassa tatoyeva ca pasannassa, kammaphalasaddhāya vā samannāgatattā saddhassa ratanattayappasādabahulatāya pasannassa.

    ๔๓๓. อาปตฺติํ โรเปตพฺพาติ กุลทูสกกเมฺมน อาปนฺนาปตฺติํ โรเปตพฺพาฯ ตสฺมิํ วิหาเรติ พหิคาเม วิหารํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อโนฺตคาเม วิหาโร ปน ‘‘ตสฺมิํ คาเม น วสิตพฺพ’’นฺติ อิมินาว สงฺคหิโต คามคฺคหเณเนว คหิตตฺตาฯ ‘‘ตสฺมิํ วิหาเร’’ติ วจนโต ตสฺส คามสฺส สามนฺตา อญฺญสฺมิํ วิหาเร วสิตุํ วฎฺฎติฯ สามนฺตคาเม ปิณฺฑาย น จริตพฺพนฺติ ตสฺมิํ วิหาเร วาสสฺส ปฎิกฺขิตฺตตฺตา ยทิ ตตฺถ วสติ, เตน สามนฺตคาเมปิ ปิณฺฑาย น จริตพฺพนฺติ อธิปฺปาโยฯ ตสฺมิํ คาเม ปิณฺฑาย น จริตพฺพนฺติ ยสฺมิํ คาเม กุลทูสกกมฺมํ กตํ, ตสฺมิํ คาเม น จริตพฺพํฯ ยสฺมิญฺหิ คาเม วา นิคเม วา กุลทูสกกมฺมํ กตํ, ยสฺมิญฺจ วิหาเร วสติ, เนว ตสฺมิํ คาเม วา นิคเม วา จริตุํ ลพฺภติ, น วิหาเร วสิตุํฯ สามนฺตวิหาเร วสเนฺตน ปน สามนฺตคาเม จริตุํ วฎฺฎติ ตตฺถ วาสสฺส อปฺปฎิกฺขิตฺตตฺตาฯ

    433.Āpattiṃ ropetabbāti kuladūsakakammena āpannāpattiṃ ropetabbā. Tasmiṃ vihāreti bahigāme vihāraṃ sandhāya vuttaṃ. Antogāme vihāro pana ‘‘tasmiṃ gāme na vasitabba’’nti imināva saṅgahito gāmaggahaṇeneva gahitattā. ‘‘Tasmiṃ vihāre’’ti vacanato tassa gāmassa sāmantā aññasmiṃ vihāre vasituṃ vaṭṭati. Sāmantagāme piṇḍāya na caritabbanti tasmiṃ vihāre vāsassa paṭikkhittattā yadi tattha vasati, tena sāmantagāmepi piṇḍāya na caritabbanti adhippāyo. Tasmiṃ gāme piṇḍāya na caritabbanti yasmiṃ gāme kuladūsakakammaṃ kataṃ, tasmiṃ gāme na caritabbaṃ. Yasmiñhi gāme vā nigame vā kuladūsakakammaṃ kataṃ, yasmiñca vihāre vasati, neva tasmiṃ gāme vā nigame vā carituṃ labbhati, na vihāre vasituṃ. Sāmantavihāre vasantena pana sāmantagāme carituṃ vaṭṭati tattha vāsassa appaṭikkhittattā.

    ๔๓๕. อฎฺฐารส วตฺตานีติ ‘‘น อุปสมฺปาเทตพฺพํ, น นิสฺสโย ทาตโพฺพ, น สามเณโร อุปฎฺฐาเปตโพฺพ, น ภิกฺขุโนวาทกสมฺมุติ สาทิตพฺพา, สมฺมเตน ภิกฺขุนิโย น โอวทิตพฺพา, ยาย อาปตฺติยา สเงฺฆน ปพฺพาชนียกมฺมํ กตํ โหติ, น สา อาปตฺติ อาปชฺชิตพฺพา อญฺญา วา ตาทิสิกา ตโต วา ปาปิฎฺฐตรา, กมฺมํ น ครหิตพฺพํ, กมฺมิกา น ครหิตพฺพา, น ปกตตฺตสฺส ภิกฺขุโน อุโปสโถ ฐเปตโพฺพ, น ปวารณา ฐเปตพฺพา, น สวจนียํ กาตพฺพํ, น อนุวาโท ฐเปตโพฺพ, น โอกาโส กาเรตโพฺพ, น โจเทตโพฺพ, น สาเรตโพฺพ, น ภิกฺขูหิ สมฺปโยเชตพฺพ’’นฺติ เอวมาคตานิ อฎฺฐารส วตฺตานิฯ

    435.Aṭṭhārasavattānīti ‘‘na upasampādetabbaṃ, na nissayo dātabbo, na sāmaṇero upaṭṭhāpetabbo, na bhikkhunovādakasammuti sāditabbā, sammatena bhikkhuniyo na ovaditabbā, yāya āpattiyā saṅghena pabbājanīyakammaṃ kataṃ hoti, na sā āpatti āpajjitabbā aññā vā tādisikā tato vā pāpiṭṭhatarā, kammaṃ na garahitabbaṃ, kammikā na garahitabbā, na pakatattassa bhikkhuno uposatho ṭhapetabbo, na pavāraṇā ṭhapetabbā, na savacanīyaṃ kātabbaṃ, na anuvādo ṭhapetabbo, na okāso kāretabbo, na codetabbo, na sāretabbo, na bhikkhūhi sampayojetabba’’nti evamāgatāni aṭṭhārasa vattāni.

    อสฺสชิปุนพฺพสุกปฺปธานา อสฺสชิปุนพฺพสุกาติ วุตฺตา สหจรณญาเยนฯ อนุโลมปฎิปทํ อปฺปฎิปชฺชนตายาติ ยถาปญฺญตฺตสมฺมาวตฺตสงฺขาตํ อนุโลมปฎิปทํ อปฺปฎิปชฺชนตาย, เยน วเตฺตน จิเณฺณน สโงฺฆ อนุโลมิโก โหติ, ตสฺมิํ อวตฺตนโตติ วุตฺตํ โหติฯ น ปนฺนโลมา โหนฺตีติ ปติตโลมา น โหนฺติ, อนุกูลวุตฺติโน น โหนฺตีติ อโตฺถฯ นิตฺถรณมคฺคํ น ปฎิปชฺชนฺตีติ อนุโลมวตฺตสงฺขาตํ นิตฺถรณูปายํ น ปฎิปชฺชนฺติ, เยน วเตฺตน จิเณฺณน สาปตฺติกภาวโต นิตฺติณฺณา โหนฺติ, ตสฺมิํ นิตฺถรณกวตฺตสฺมิํ น วตฺตนฺติ, อาปตฺติวุฎฺฐานตฺถํ ตุริตตุริตา ฉนฺทชาตา น โหนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ ทสหิ อโกฺกสวตฺถูหีติ ชาตินามโคตฺตกมฺมสิปฺปอาพาธลิงฺคกิเลสอาปตฺติหีนสงฺขาเตหิทสหิ อโกฺกสการเณหิฯ ฉนฺทคามิตา ปาเปนฺตีติอาทีสุ -กาโร ‘‘สยํ อภิญฺญา’’ติอาทีสุ วิย ลุตฺตนิทฺทิโฎฺฐติ อาห ‘‘ฉนฺทคามิตายปิ ปาเปนฺตี’’ติอาทิฯ เตสนฺติ อสฺสชิปุนพฺพสุกานํ คณปาโมกฺขานํฯ

    Assajipunabbasukappadhānā assajipunabbasukāti vuttā sahacaraṇañāyena. Anulomapaṭipadaṃ appaṭipajjanatāyāti yathāpaññattasammāvattasaṅkhātaṃ anulomapaṭipadaṃ appaṭipajjanatāya, yena vattena ciṇṇena saṅgho anulomiko hoti, tasmiṃ avattanatoti vuttaṃ hoti. Na pannalomā hontīti patitalomā na honti, anukūlavuttino na hontīti attho. Nittharaṇamaggaṃ na paṭipajjantīti anulomavattasaṅkhātaṃ nittharaṇūpāyaṃ na paṭipajjanti, yena vattena ciṇṇena sāpattikabhāvato nittiṇṇā honti, tasmiṃ nittharaṇakavattasmiṃ na vattanti, āpattivuṭṭhānatthaṃ turitaturitā chandajātā na hontīti vuttaṃ hoti. Dasahi akkosavatthūhīti jātināmagottakammasippaābādhaliṅgakilesaāpattihīnasaṅkhātehidasahi akkosakāraṇehi. Chandagāmitā pāpentītiādīsu ya-kāro ‘‘sayaṃ abhiññā’’tiādīsu viya luttaniddiṭṭhoti āha ‘‘chandagāmitāyapi pāpentī’’tiādi. Tesanti assajipunabbasukānaṃ gaṇapāmokkhānaṃ.

    ๔๓๖-๔๓๗. นิคมสฺส อปากฎตฺตา ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิมาหฯ ปรสนฺตกํ เทติ, ทุกฺกฎเมวาติ วิสฺสาสคฺคาเหน ปรสนฺตกํ คเหตฺวา เทนฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตญฺจ โข วตฺถุปูชนตฺถายาติ มาตาปิตูนมฺปิ เทเนฺตน วตฺถุปูชนตฺถาย เอว ทาตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ ‘‘มณฺฑนตฺถาย ปน สิวลิงฺคาทิปูชนตฺถายาติ เอตฺตกเมว วุตฺตตฺตา อิมํ วิกฺกิณิตฺวา ชีวิกมฺปิ กเปฺปสฺสนฺตีติ มาตุอาทีนํ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วทนฺติฯ กสฺสจิปีติ ญาตกสฺส อญฺญาตกสฺส วา กสฺสจิปิฯ ญาติสามเณเรเหวาติ อนุจฺฉวิกตฺตา วุตฺตํฯ สมฺปตฺตานํ สามเณรานํ อุปฑฺฒภาคํ ทาตุํ วฎฺฎตีติ สงฺฆิกสฺส ลาภสฺส อุปจารสีมคตานํ สามเณรานมฺปิ สนฺตกตฺตา เตสมฺปิ อุปฑฺฒภาโค ลพฺภเตวาติ กตฺวา วุตฺตํฯ จูฬกนฺติ อุปฑฺฒภาคโตปิ อุปฑฺฒํฯ จตุตฺถภาคเสฺสตํ อธิวจนํฯ

    436-437. Nigamassa apākaṭattā taṃ dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādimāha. Parasantakaṃ deti, dukkaṭamevāti vissāsaggāhena parasantakaṃ gahetvā dentaṃ sandhāya vuttaṃ. Tañca kho vatthupūjanatthāyāti mātāpitūnampi dentena vatthupūjanatthāya eva dātabbanti dasseti. ‘‘Maṇḍanatthāya pana sivaliṅgādipūjanatthāyāti ettakameva vuttattā imaṃ vikkiṇitvā jīvikampi kappessantīti mātuādīnaṃ dātuṃ vaṭṭatī’’ti vadanti. Kassacipīti ñātakassa aññātakassa vā kassacipi. Ñātisāmaṇerehevāti anucchavikattā vuttaṃ. Sampattānaṃ sāmaṇerānaṃ upaḍḍhabhāgaṃ dātuṃ vaṭṭatīti saṅghikassa lābhassa upacārasīmagatānaṃ sāmaṇerānampi santakattā tesampi upaḍḍhabhāgo labbhatevāti katvā vuttaṃ. Cūḷakanti upaḍḍhabhāgatopi upaḍḍhaṃ. Catutthabhāgassetaṃ adhivacanaṃ.

    ‘‘สามเณรา…เป.… ฐเปนฺตี’’ติ อิทํ วสฺสเคฺคน อภาชิยํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ มเคฺค วา เจติยงฺคเณ วาฯ ทาเปตุํ น ลภนฺตีติ สามเณเรหิ ทาเปตุํ อนนุจฺฉวิกตฺตา วุตฺตํฯ น หิ ตํ ปุปฺผทานํ นาม สิยาฯ ยทิ หิ ตถา อาคตานํ เตสํ ทานํ ปุปฺผทานํ ภเวยฺย, สามเณเรหิปิ ทาตุํ น ลเพฺภยฺยฯ สยเมวาติ สามเณรา สยเมวฯ ยาคุภตฺตาทีนิ อาทายาติ อิทํ ภิกฺขูนํ อตฺถาย ยาคุภตฺตาทิสมฺปาทนํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา ‘‘น วฎฺฎตี’’ติ อวิเสเสน วุตฺตํฯ

    ‘‘Sāmaṇerā…pe… ṭhapentī’’ti idaṃ vassaggena abhājiyaṃ sandhāya vuttaṃ. Tattha tatthāti magge vā cetiyaṅgaṇe vā. Dāpetuṃ na labhantīti sāmaṇerehi dāpetuṃ ananucchavikattā vuttaṃ. Na hi taṃ pupphadānaṃ nāma siyā. Yadi hi tathā āgatānaṃ tesaṃ dānaṃ pupphadānaṃ bhaveyya, sāmaṇerehipi dātuṃ na labbheyya. Sayamevāti sāmaṇerā sayameva. Yāgubhattādīni ādāyāti idaṃ bhikkhūnaṃ atthāya yāgubhattādisampādanaṃ sandhāya vuttattā ‘‘na vaṭṭatī’’ti avisesena vuttaṃ.

    วุตฺตนเยเนวาติ มาตาปิตูนํ ตาว หริตฺวาปิ หราเปตฺวาปิ ปโกฺกสิตฺวาปิ ปโกฺกสาเปตฺวาปิ ทาตุํ วฎฺฎติ, เสสญาตกานํ ปโกฺกสาเปตฺวาวฯ มาตาปิตูนญฺจ หราเปเนฺตน ญาติสามเณเรเหว หราเปตพฺพํ, อิตเร ปน ยทิ สยเมว อิจฺฉนฺติ, วฎฺฎตีติ อิมํ ปุเปฺผ วุตฺตนยํ ผเลปิ อติทิสติ, ตสฺมา ผลมฺปิ มาตาปิตูนํ หรณหราปนาทินา ทาตุํ วฎฺฎติ, เสสญาตีนํ ปโกฺกสาเปตฺวาวฯ อิทานิ ‘‘โย หริตฺวา วา หราเปตฺวา วา…เป.… อิสฺสรวตาย ททโต ถุลฺลจฺจย’’นฺติ อิมํ ปุเปฺผ วุตฺตนยํ ผเลปิ สงฺขิปิตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘กุลสงฺคหตฺถาย ปนา’’ติอาทิมาหฯ ขีณปริพฺพยานนฺติ อาคนฺตุเก สนฺธาย วุตฺตํฯ ผลปริเจฺฉเทน วาติ ‘‘เอตฺตกานิ ผลานิ ทาตพฺพานี’’ติ เอวํ ผลปริเจฺฉเทน วาฯ รุกฺขปริเจฺฉเทน วาติ ‘‘อิเมหิ รุเกฺขหิ ทาตพฺพานี’’ติ เอวํ รุกฺขปริเจฺฉเทน วาฯ ปริจฺฉิเนฺนสุปิ รุเกฺขสุ ‘‘อิธ ผลานิ สุนฺทรานิ, อิโต คณฺหถา’’ติ วทเนฺตน กุลสงฺคโห กโต นาม โหตีติ อาห ‘‘เอวํ ปน น วตฺตพฺพ’’นฺติฯ

    Vuttanayenevāti mātāpitūnaṃ tāva haritvāpi harāpetvāpi pakkositvāpi pakkosāpetvāpi dātuṃ vaṭṭati, sesañātakānaṃ pakkosāpetvāva. Mātāpitūnañca harāpentena ñātisāmaṇereheva harāpetabbaṃ, itare pana yadi sayameva icchanti, vaṭṭatīti imaṃ pupphe vuttanayaṃ phalepi atidisati, tasmā phalampi mātāpitūnaṃ haraṇaharāpanādinā dātuṃ vaṭṭati, sesañātīnaṃ pakkosāpetvāva. Idāni ‘‘yo haritvā vā harāpetvā vā…pe… issaravatāya dadato thullaccaya’’nti imaṃ pupphe vuttanayaṃ phalepi saṅkhipitvā dassento ‘‘kulasaṅgahatthāya panā’’tiādimāha. Khīṇaparibbayānanti āgantuke sandhāya vuttaṃ. Phalaparicchedena vāti ‘‘ettakāni phalāni dātabbānī’’ti evaṃ phalaparicchedena vā. Rukkhaparicchedena vāti ‘‘imehi rukkhehi dātabbānī’’ti evaṃ rukkhaparicchedena vā. Paricchinnesupi rukkhesu ‘‘idha phalāni sundarāni, ito gaṇhathā’’ti vadantena kulasaṅgaho kato nāma hotīti āha ‘‘evaṃ pana na vattabba’’nti.

    รุกฺขจฺฉลฺลีติ รุกฺขตฺตโจฯ เตสํ เตสํ คิหีนํ คามนฺตรเทสนฺตราทีสุ สาสนปฎิสาสนหรณํ ชงฺฆเปสนิกํฯ เตนาห ‘‘คิหีนํ ทูเตยฺยํ สาสนหรณกมฺม’’นฺติฯ ทูตสฺส กมฺมํ ทูเตยฺยํปฐมํ สาสนํ อคฺคเหตฺวาปิ…เป.… ปเท ปเท ทุกฺกฎนฺติ อิทํ ตสฺส สาสนํ อาโรเจสฺสามีติ อิมินา อธิปฺปาเยน คมนํ สนฺธาย วุตฺตํ, ตสฺส ปน สาสนํ ปฎิกฺขิปิตฺวา สยเมว การุเญฺญ ฐิโต คนฺตฺวา อตฺตโน ปติรูปํ สาสนํ อาโรเจติ, อนาปตฺติฯ ปุเพฺพ วุตฺตปฺปการนฺติ ‘‘มม วจเนน ภควโต ปาเท วนฺทถา’’ติอาทินา วุตฺตปฺปการํ สิกฺขาปเท ปฐมํ วุตฺตํฯ ปกฺกมตายสฺมาติ อิทํ ปพฺพาชนียกมฺมวเสน วุตฺตํฯ ปุน ปกฺกมตายสฺมาติ อิทํ ปน ปพฺพาชนียกมฺมกตสฺส วตฺตวเสน วุตฺตํฯ ปฐมสงฺฆเภทสทิสาเนวาติ เอตฺถ อเงฺคสุปิ ยถา ตตฺถ ปรกฺกมนํ, เอวํ อิธ ฉนฺทาทีหิ ปาปนํ ทฎฺฐพฺพํฯ เสสํ ตาทิสเมวาติฯ

    Rukkhacchallīti rukkhattaco. Tesaṃ tesaṃ gihīnaṃ gāmantaradesantarādīsu sāsanapaṭisāsanaharaṇaṃ jaṅghapesanikaṃ. Tenāha ‘‘gihīnaṃ dūteyyaṃ sāsanaharaṇakamma’’nti. Dūtassa kammaṃ dūteyyaṃ. Paṭhamaṃ sāsanaṃ aggahetvāpi…pe… pade pade dukkaṭanti idaṃ tassa sāsanaṃ ārocessāmīti iminā adhippāyena gamanaṃ sandhāya vuttaṃ, tassa pana sāsanaṃ paṭikkhipitvā sayameva kāruññe ṭhito gantvā attano patirūpaṃ sāsanaṃ āroceti, anāpatti. Pubbe vuttappakāranti ‘‘mama vacanena bhagavato pāde vandathā’’tiādinā vuttappakāraṃ sikkhāpade paṭhamaṃ vuttaṃ. Pakkamatāyasmāti idaṃ pabbājanīyakammavasena vuttaṃ. Puna pakkamatāyasmāti idaṃ pana pabbājanīyakammakatassa vattavasena vuttaṃ. Paṭhamasaṅghabhedasadisānevāti ettha aṅgesupi yathā tattha parakkamanaṃ, evaṃ idha chandādīhi pāpanaṃ daṭṭhabbaṃ. Sesaṃ tādisamevāti.

    กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทํ • 13. Kuladūsakasikkhāpadaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา • 13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา • 13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา • 13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact