Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา

    13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā

    ๔๓๑. เตรสเม กีฎาคิรีติ ตสฺส นิคมสฺส นามํฯ ตญฺหิ สนฺธาย ปรโต ‘‘น อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ ภิกฺขูหิ กีฎาคิริสฺมิํ วตฺถพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, คามนิคมโต จ ปพฺพาชนํ, น ชนปทโตฯ เตน ปน โยคโต ชนปโทปิ ‘‘กีฎาคิริ’’อิเจฺจว สงฺขฺยํ คโตติ อาห ‘‘เอวํนามเก ชนปเท’’ติฯ

    431. Terasame kīṭāgirīti tassa nigamassa nāmaṃ. Tañhi sandhāya parato ‘‘na assajipunabbasukehi bhikkhūhi kīṭāgirismiṃ vatthabba’’nti vuttaṃ, gāmanigamato ca pabbājanaṃ, na janapadato. Tena pana yogato janapadopi ‘‘kīṭāgiri’’icceva saṅkhyaṃ gatoti āha ‘‘evaṃnāmake janapade’’ti.

    ตตฺราติ สาวตฺถิยํฯ ธุรฎฺฐาเนติ อภิมุขฎฺฐาเน, เชตวนทฺวารสมีเปติ อโตฺถฯ ทฺวีหิ เมเฆหีติ วสฺสิเกน, เหมนฺติเกน จาติ ทฺวีหิ เมเฆหิฯ คณาจริเยหิ ฉหิ อธิกตาย ‘‘สมธิก’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Tatrāti sāvatthiyaṃ. Dhuraṭṭhāneti abhimukhaṭṭhāne, jetavanadvārasamīpeti attho. Dvīhi meghehīti vassikena, hemantikena cāti dvīhi meghehi. Gaṇācariyehi chahi adhikatāya ‘‘samadhika’’nti vuttaṃ.

    อุทกสฺสาติ อกปฺปิยอุทกสฺส ‘‘กปฺปิยอุทกสิญฺจน’’นฺติ วิสุํ วกฺขมานตฺตา, ตญฺจ ‘‘อารามาทิอตฺถาย รุกฺขโรปเน อกปฺปิยโวหาเรสุปิ กปฺปิยอุทกสิญฺจนาทิ วฎฺฎตี’’ติ วกฺขมานตฺตา อิธาปิ วิภาคํ กตฺวา กปฺปิยอุทกสิญฺจนาทิ วิสุํ ทสฺสิตํฯ ยถา โกฎฺฎนขณนาทิกายิกกิริยาปิ อกปฺปิยโวหาเร สงฺคหิตา, เอวํ มาติกาอุชุกรณาทิกปฺปิยโวหาเรปีติ อาห ‘‘สุกฺขมาติกาย อุชุกรณ’’นฺติฯ เอตฺถ ปุราณปณฺณาทิหรณมฺปิ สงฺคยฺหติฯ มหาปจฺจริยวาโทว ปมาณตฺตา ปจฺฉา วุโตฺตฯ อกปฺปิยโวหาเรปิ เอกจฺจํ วฎฺฎตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘น เกวลญฺจ เสส’’นฺติอาทิมาหฯ ยํกิญฺจิ มาติกนฺติ สุกฺขํ วา อสุกฺขํ วาฯ ตตฺถาติ อารามาทิอตฺถาย รุกฺขโรปเนฯ ตถาติ กปฺปิยโวหารปริยายาทีหิ คนฺถาปนํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อิมินา จ กุลสงฺคหตฺถาย คนฺถาปนาทิปิ น วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ

    Udakassāti akappiyaudakassa ‘‘kappiyaudakasiñcana’’nti visuṃ vakkhamānattā, tañca ‘‘ārāmādiatthāya rukkharopane akappiyavohāresupi kappiyaudakasiñcanādi vaṭṭatī’’ti vakkhamānattā idhāpi vibhāgaṃ katvā kappiyaudakasiñcanādi visuṃ dassitaṃ. Yathā koṭṭanakhaṇanādikāyikakiriyāpi akappiyavohāre saṅgahitā, evaṃ mātikāujukaraṇādikappiyavohārepīti āha ‘‘sukkhamātikāya ujukaraṇa’’nti. Ettha purāṇapaṇṇādiharaṇampi saṅgayhati. Mahāpaccariyavādova pamāṇattā pacchā vutto. Akappiyavohārepi ekaccaṃ vaṭṭatīti dassetuṃ ‘‘na kevalañca sesa’’ntiādimāha. Yaṃkiñci mātikanti sukkhaṃ vā asukkhaṃ vā. Tatthāti ārāmādiatthāya rukkharopane. Tathāti kappiyavohārapariyāyādīhi ganthāpanaṃ sandhāya vuttaṃ. Iminā ca kulasaṅgahatthāya ganthāpanādipi na vaṭṭatīti dasseti.

    วตฺถุปูชนตฺถาย สยํ คนฺถนํ กสฺมา น วฎฺฎตีติ โจเทโนฺต ‘‘นนุ จา’’ติอาทิมาหฯ ยถา อารามาทิอตฺถํ กปฺปิยปถวิยํ สยํ โรเปตุมฺปิ วฎฺฎติ, ตถา วตฺถุปูชนตฺถาย สยํ คนฺถนมฺปิ กสฺมา น วฎฺฎตีติ โจทกสฺส อธิปฺปาโยฯ วุตฺตนฺติอาทิ ปริหาโรฯ อถ ‘‘น ปน มหาอฎฺฐกถาย’’นฺติ กสฺมา วทติ? มหาปจฺจริอาทีสุ วุตฺตมฺปิ หิ ปมาณเมวาติ นายํ วิโรโธ, มหาอฎฺฐกถายํ อวุตฺตสฺส สยํ โรปนสฺส ตเตฺถว วุเตฺตน อุทกสิญฺจเนน สห สํสนฺทนนยทสฺสนมุเขน ปมาณเมวาติ ปติฎฺฐาเปตุํ วุตฺตตฺตาฯ ‘‘มเญฺญยฺยาสี’’ติ ปทํ ‘‘ตํ กถ’’นฺติ อิมินา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ ตตฺถายํ อธิปฺปาโย – กิญฺจาปิ มหาอฎฺฐกถายํ สยํ โรปนํ น วุตฺตํ, กปฺปิยอุทกสฺส สยํ อาสิญฺจนํ วุตฺตเมว, ตสฺมา ยถา อารามาทิอตฺถาย กปฺปิยอุทกํ สยํ สิญฺจิตุมฺปิ วฎฺฎติ, ตถา วตฺถุปูชนตฺถาย คนฺถนมฺปิ กสฺมา น วฎฺฎตีติฯ ตมฺปิ น วิรุชฺฌตีติ ยเทตํ วตฺถุปูชนตฺถายปิ คนฺถนาทิํ ปฎิกฺขิปิตฺวา อารามาทิอตฺถาย สยํ โรปนสิญฺจนํ วุตฺตํ, ตมฺปิ ปาฬิยา สํสนฺทนโต ปุพฺพาปรํ น วิรุชฺฌติฯ

    Vatthupūjanatthāya sayaṃ ganthanaṃ kasmā na vaṭṭatīti codento ‘‘nanu cā’’tiādimāha. Yathā ārāmādiatthaṃ kappiyapathaviyaṃ sayaṃ ropetumpi vaṭṭati, tathā vatthupūjanatthāya sayaṃ ganthanampi kasmā na vaṭṭatīti codakassa adhippāyo. Vuttantiādi parihāro. Atha ‘‘na pana mahāaṭṭhakathāya’’nti kasmā vadati? Mahāpaccariādīsu vuttampi hi pamāṇamevāti nāyaṃ virodho, mahāaṭṭhakathāyaṃ avuttassa sayaṃ ropanassa tattheva vuttena udakasiñcanena saha saṃsandananayadassanamukhena pamāṇamevāti patiṭṭhāpetuṃ vuttattā. ‘‘Maññeyyāsī’’ti padaṃ ‘‘taṃ katha’’nti iminā sambandhitabbaṃ. Tatthāyaṃ adhippāyo – kiñcāpi mahāaṭṭhakathāyaṃ sayaṃ ropanaṃ na vuttaṃ, kappiyaudakassa sayaṃ āsiñcanaṃ vuttameva, tasmā yathā ārāmādiatthāya kappiyaudakaṃ sayaṃ siñcitumpi vaṭṭati, tathā vatthupūjanatthāya ganthanampi kasmā na vaṭṭatīti. Tampi na virujjhatīti yadetaṃ vatthupūjanatthāyapi ganthanādiṃ paṭikkhipitvā ārāmādiatthāya sayaṃ ropanasiñcanaṃ vuttaṃ, tampi pāḷiyā saṃsandanato pubbāparaṃ na virujjhati.

    ตํ กถํ น วิรุชฺฌตีติ อาห ‘‘ตตฺร หี’’ติอาทิฯ ตตฺราติ โรปนสิญฺจนวิสเยฯ ปุปฺผาทีหิ กุลสงฺคหปฺปสเงฺค ‘‘มาลาวจฺฉ’’นฺติ วิเสสิตตฺตา กุลสงฺคหตฺถเมว โรปนํ อธิเปฺปตนฺติ วิญฺญายตีติ อาห ‘‘มาลาวจฺฉนฺติ วทโนฺต’’ติอาทิฯ เอตํ วุตฺตนฺติ ‘‘มาลาวจฺฉํ โรเปนฺติปิ โรปาเปนฺติปิ, สิญฺจนฺติปิ สิญฺจาเปนฺติปี’’ติ เอตํ วุตฺตํฯ อญฺญตฺร ปนาติ อารามาทิอตฺถาย มาลาวจฺฉาทีนํ โรปเน ปนฯ ปริยาโยติ สยํกรณการาปนสงฺขาโต ปริยาโย โวหาโร อตฺถวิเสโสติ อโตฺถ อตฺถิ อุปลพฺภติ , กุลสงฺคหตฺถตฺตาภาวาติ อธิปฺปาโยฯ เอวเมตฺถ ปริยายสทฺทสฺส กรณการาปนวเสน อเตฺถ คยฺหมาเน ‘‘คเนฺถนฺติปิ คนฺถาเปนฺติปี’’ติ ปาฬิยํ ปฎิกฺขิตฺตคนฺถนคนฺถาปนํ ฐเปตฺวา ยํ ปรโต ‘‘เอวํ ชาน, เอวํ กเต โสเภยฺยา’’ติอาทิกปฺปิยวจเนหิ คนฺถาปนํ วุตฺตํ, ตตฺถ โทสาภาโว สมตฺถิโต โหติ, ‘‘คเนฺถหี’’ติ อาณตฺติยา การาปนเสฺสว คนฺถาปนนฺติ อธิเปฺปตตฺตาฯ ตตฺถ ปริยายํ อิธ จ ปริยายาภาวํ ญตฺวาติ ตตฺถ ‘‘มาลาวจฺฉํ โรเปนฺตี’’ติอาทีสุ ‘‘มาลาวจฺฉ’’นฺติ กุลสงฺคหตฺถตาสูจนกสฺส วิเสสนสฺส สพฺภาวโต กรณการาปนสงฺขาตปริยายสพฺภาวํฯ อิธ ‘‘คเนฺถนฺตี’’ติอาทีสุ ตถาวิธวิเสสวจนาภาวโต ตสฺส ปริยายสฺส อภาวญฺจ ญตฺวาฯ ตํ สุวุตฺตเมวาติ เวทิตพฺพนฺติ โยชนาฯ

    Taṃ kathaṃ na virujjhatīti āha ‘‘tatra hī’’tiādi. Tatrāti ropanasiñcanavisaye. Pupphādīhi kulasaṅgahappasaṅge ‘‘mālāvaccha’’nti visesitattā kulasaṅgahatthameva ropanaṃ adhippetanti viññāyatīti āha ‘‘mālāvacchanti vadanto’’tiādi. Etaṃ vuttanti ‘‘mālāvacchaṃ ropentipi ropāpentipi, siñcantipi siñcāpentipī’’ti etaṃ vuttaṃ. Aññatra panāti ārāmādiatthāya mālāvacchādīnaṃ ropane pana. Pariyāyoti sayaṃkaraṇakārāpanasaṅkhāto pariyāyo vohāro atthavisesoti attho atthi upalabbhati , kulasaṅgahatthattābhāvāti adhippāyo. Evamettha pariyāyasaddassa karaṇakārāpanavasena atthe gayhamāne ‘‘ganthentipi ganthāpentipī’’ti pāḷiyaṃ paṭikkhittaganthanaganthāpanaṃ ṭhapetvā yaṃ parato ‘‘evaṃ jāna, evaṃ kate sobheyyā’’tiādikappiyavacanehi ganthāpanaṃ vuttaṃ, tattha dosābhāvo samatthito hoti, ‘‘ganthehī’’ti āṇattiyā kārāpanasseva ganthāpananti adhippetattā. Tattha pariyāyaṃ idha ca pariyāyābhāvaṃ ñatvāti tattha ‘‘mālāvacchaṃ ropentī’’tiādīsu ‘‘mālāvaccha’’nti kulasaṅgahatthatāsūcanakassa visesanassa sabbhāvato karaṇakārāpanasaṅkhātapariyāyasabbhāvaṃ. Idha ‘‘ganthentī’’tiādīsu tathāvidhavisesavacanābhāvato tassa pariyāyassa abhāvañca ñatvā. Taṃ suvuttamevāti veditabbanti yojanā.

    สพฺพํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ อฎฺฐกถาสุ อาคตนเยเนว โรปนาทิ, คนฺถาปนาทิ จ สพฺพํ เวทิตพฺพํฯ น เหตฺถ สเนฺทโห กาตโพฺพติ นิคเมติฯ

    Sabbaṃ vuttanayeneva veditabbanti aṭṭhakathāsu āgatanayeneva ropanādi, ganthāpanādi ca sabbaṃ veditabbaṃ. Na hettha sandeho kātabboti nigameti.

    หรณาทีสูติ วตฺถุปูชนตฺถาย หรณาทีสุฯ กุลิตฺถิอาทีนํ อตฺถาย หรณโตติ กุลิตฺถิอาทีนํ หรณเสฺสว วิเสเสตฺวา ปฎิกฺขิตฺตตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘หรณาธิกาเร หี’’ติอาทิฯ มญฺชรีติ ปุปฺผโคจฺฉํฯ วฎํสโกติ กณฺณสฺส อุปริ ปิฬนฺธนตฺถํ กตปุปฺผวิกติ , โส จ ‘‘วฎํโส’’ติ วุจฺจติฯ กณฺณิกาติ พหูนํ ปุปฺผานํ วา มาลานํ วา เอกโต พนฺธิตสฺส นามํ, ‘‘กณฺณาภรณ’’นฺติปิ วทนฺติฯ หารสทิสนฺติ มุตฺตาหารสทิสํฯ

    Haraṇādīsūti vatthupūjanatthāya haraṇādīsu. Kulitthiādīnaṃ atthāya haraṇatoti kulitthiādīnaṃ haraṇasseva visesetvā paṭikkhittattāti adhippāyo. Tenāha ‘‘haraṇādhikāre hī’’tiādi. Mañjarīti pupphagocchaṃ. Vaṭaṃsakoti kaṇṇassa upari piḷandhanatthaṃ katapupphavikati , so ca ‘‘vaṭaṃso’’ti vuccati. Kaṇṇikāti bahūnaṃ pupphānaṃ vā mālānaṃ vā ekato bandhitassa nāmaṃ, ‘‘kaṇṇābharaṇa’’ntipi vadanti. Hārasadisanti muttāhārasadisaṃ.

    กปฺปิเยนาติ กปฺปิยอุทเกนฯ เตสํเยว ทฺวินฺนนฺติ กุลทูสนปริโภคานํ ทฺวินฺนํฯ ทุกฺกฎนฺติ กุลสงฺคหตฺถาย สยํ สิญฺจเน, กปฺปิยโวหาเรน วา อกปฺปิยโวหาเรน วา สิญฺจาปเน จ ทุกฺกฎํ, ปริโภคตฺถาย ปน สยํ สิญฺจเน, อกปฺปิยโวหาเรน สิญฺจาปเน จ ทุกฺกฎํฯ ปโยคพหุลตายาติ สยํ กรเณ, กายปโยคสฺส การาปเน จ วจีปโยคสฺส จ พหุเตฺตนฯ

    Kappiyenāti kappiyaudakena. Tesaṃyeva dvinnanti kuladūsanaparibhogānaṃ dvinnaṃ. Dukkaṭanti kulasaṅgahatthāya sayaṃ siñcane, kappiyavohārena vā akappiyavohārena vā siñcāpane ca dukkaṭaṃ, paribhogatthāya pana sayaṃ siñcane, akappiyavohārena siñcāpane ca dukkaṭaṃ. Payogabahulatāyāti sayaṃ karaṇe, kāyapayogassa kārāpane ca vacīpayogassa ca bahuttena.

    คเนฺถน นิพฺพตฺตํ ทามํ คนฺถิมํฯ เอเสว นโย เสเสสุปิฯ น วฎฺฎตีติ วตฺถุปูชนตฺถายปิ น วฎฺฎติ, ทุกฺกฎนฺติ อโตฺถฯ วฎฺฎตีติ วตฺถุปูชนตฺถาย วฎฺฎติ, กุลสงฺคหตฺถาย ปน กปฺปิยโวหาเรน การาเปนฺตสฺสาปิ ทุกฺกฎเมวฯ

    Ganthena nibbattaṃ dāmaṃ ganthimaṃ. Eseva nayo sesesupi. Na vaṭṭatīti vatthupūjanatthāyapi na vaṭṭati, dukkaṭanti attho. Vaṭṭatīti vatthupūjanatthāya vaṭṭati, kulasaṅgahatthāya pana kappiyavohārena kārāpentassāpi dukkaṭameva.

    นีปปุปฺผํ นาม กทมฺพปุปฺผํฯ ปุริมนเยเนวาติ ‘‘ภิกฺขุสฺส วา’’ติอาทินา วุตฺตนเยนฯ

    Nīpapupphaṃ nāma kadambapupphaṃ. Purimanayenevāti ‘‘bhikkhussa vā’’tiādinā vuttanayena.

    กทลิกฺขนฺธมฺหีติอาทินา วุตฺตํ สพฺพเมว สนฺธาย ‘‘ตํ อติโอฬาริกเมวา’’ติ วุตฺตํ, สพฺพตฺถ กรเณ, อกปฺปิยวจเนน การาปเน จ ทุกฺกฎเมวาติ อโตฺถฯ ‘‘ปุปฺผวิชฺฌนตฺถํ กณฺฎกํ พนฺธิตุมฺปิ น วฎฺฎตี’’ติ อิมสฺส อุปลกฺขณตฺตา ปุปฺผทาโมลมฺพนาทิอตฺถาย รชฺชุพนฺธนาทิปิ น วฎฺฎตีติ เกจิ วทนฺติ, อเญฺญ ปน ‘‘ปุปฺผวิชฺฌนตฺถํ กณฺฎกนฺติ วิเสสิตตฺตา ตทตฺถํ กณฺฎกเมว พนฺธิตุํ น วฎฺฎติ, ตญฺจ อฎฺฐกถาปมาเณนา’’ติ วทนฺติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ ปุปฺผปฎิจฺฉกํ นาม ทณฺฑาทีหิ กตํ ปุปฺผาธานํ, เอตมฺปิ นาคทนฺตกมฺปิ สฉิทฺทกเมว คเหตพฺพํฯ อโสกปิณฺฑิยาติ อโสกสาขานํ, ปุปฺผานํ วา สมูเหฯ ธมฺมรชฺชุ นาม เจติยาทีนิ ปริกฺขิปิตฺวา เตสญฺจ รชฺชุยา จ อนฺตรา ปุปฺผปฺปเวสนตฺถาย พนฺธรชฺชุฯ ‘‘สิถิลวฎฺฎิตา วา รชฺชุวฎฺฎิอนฺตเร ปุปฺผปฺปเวสนตฺถาย เอวํ พนฺธา’’ติปิ วทนฺติฯ

    Kadalikkhandhamhītiādinā vuttaṃ sabbameva sandhāya ‘‘taṃ atioḷārikamevā’’ti vuttaṃ, sabbattha karaṇe, akappiyavacanena kārāpane ca dukkaṭamevāti attho. ‘‘Pupphavijjhanatthaṃ kaṇṭakaṃ bandhitumpi na vaṭṭatī’’ti imassa upalakkhaṇattā pupphadāmolambanādiatthāya rajjubandhanādipi na vaṭṭatīti keci vadanti, aññe pana ‘‘pupphavijjhanatthaṃ kaṇṭakanti visesitattā tadatthaṃ kaṇṭakameva bandhituṃ na vaṭṭati, tañca aṭṭhakathāpamāṇenā’’ti vadanti, vīmaṃsitvā gahetabbaṃ. Pupphapaṭicchakaṃ nāma daṇḍādīhi kataṃ pupphādhānaṃ, etampi nāgadantakampi sachiddakameva gahetabbaṃ. Asokapiṇḍiyāti asokasākhānaṃ, pupphānaṃ vā samūhe. Dhammarajju nāma cetiyādīni parikkhipitvā tesañca rajjuyā ca antarā pupphappavesanatthāya bandharajju. ‘‘Sithilavaṭṭitā vā rajjuvaṭṭiantare pupphappavesanatthāya evaṃ bandhā’’tipi vadanti.

    มตฺถกทามนฺติ ธมฺมาสนาทิมตฺถกลมฺพกทามํฯ เตสํเยวาติ อุปฺปลาทีนํ เอวฯ วาเกน วา ทณฺฑเกน วาติ ปุปฺผนาฬํ ผาเลตฺวา ปุเปฺผน เอกาพทฺธํ ฐิตวาเกน, ทณฺฑเกน จ เอกพนฺธเนเนว, เอเตน ปุปฺผํ พีชคาเม สงฺคหํ น คจฺฉติ ปญฺจสุ พีเชสุ อปฺปวิฎฺฐตฺตา ปณฺณํ วิย, ตสฺมา กปฺปิยํ อการาเปตฺวาปิ โกปเน โทโส นตฺถิฯ ยญฺจ ฉินฺนสฺสาปิ มกุฬสฺส วิกสนํ, ตมฺปิ อติตรุณสฺส อภาวา วุฑฺฒิลกฺขณํ น โหติ, ปริณตสฺส ปน มกุฬสฺส ปตฺตานํ สิเนเห ปริยาทานํ คเต วิสุํภาโว เอว วิกาโส, เตเนว ฉินฺนมกุฬวิกาโส อจฺฉินฺนมกุฬวิกาสโต ปริหีโน , มิลาตยุโตฺต วา ทิสฺสติฯ ยญฺจ มิลาตสฺส อุทกสโญฺญเค อมิลานตาปชฺชนํ, ตมฺปิ ตมฺพุลปณฺณาทีสุ สมานนฺติ วุฑฺฒิลกฺขณํ น โหติ, ปาฬิอฎฺฐกถาทีสุ จ น กตฺถจิ ปุปฺผานํ กปฺปิยกรณํ อาคตํ, ตสฺมา ปุปฺผํ สพฺพถา อพีชเมวาติ วิญฺญายติ, วีมํสิตฺวา คเหตพฺพํฯ ‘‘ปสิพฺพเก วิยา’’ติ วุตฺตตฺตา ปุปฺผปสิพฺพเก วา ปสิพฺพกสทิสพเนฺธ วา ยตฺถ กตฺถจิ จีวเร วา ปกฺขิปิตุํ วฎฺฎตีติ สิทฺธํฯ พนฺธิตุํ น วฎฺฎตีติ รชฺชุอาทีหิ พนฺธนํ สนฺธาย วุตฺตํ, ปุปฺผเสฺสว ปน อจฺฉินฺนทณฺฑวาเกหิ พนฺธิตุํ วฎฺฎติ เอวฯ

    Matthakadāmanti dhammāsanādimatthakalambakadāmaṃ. Tesaṃyevāti uppalādīnaṃ eva. Vākena vā daṇḍakena vāti pupphanāḷaṃ phāletvā pupphena ekābaddhaṃ ṭhitavākena, daṇḍakena ca ekabandhaneneva, etena pupphaṃ bījagāme saṅgahaṃ na gacchati pañcasu bījesu appaviṭṭhattā paṇṇaṃ viya, tasmā kappiyaṃ akārāpetvāpi kopane doso natthi. Yañca chinnassāpi makuḷassa vikasanaṃ, tampi atitaruṇassa abhāvā vuḍḍhilakkhaṇaṃ na hoti, pariṇatassa pana makuḷassa pattānaṃ sinehe pariyādānaṃ gate visuṃbhāvo eva vikāso, teneva chinnamakuḷavikāso acchinnamakuḷavikāsato parihīno , milātayutto vā dissati. Yañca milātassa udakasaññoge amilānatāpajjanaṃ, tampi tambulapaṇṇādīsu samānanti vuḍḍhilakkhaṇaṃ na hoti, pāḷiaṭṭhakathādīsu ca na katthaci pupphānaṃ kappiyakaraṇaṃ āgataṃ, tasmā pupphaṃ sabbathā abījamevāti viññāyati, vīmaṃsitvā gahetabbaṃ. ‘‘Pasibbake viyā’’ti vuttattā pupphapasibbake vā pasibbakasadisabandhe vā yattha katthaci cīvare vā pakkhipituṃ vaṭṭatīti siddhaṃ. Bandhituṃ na vaṭṭatīti rajjuādīhi bandhanaṃ sandhāya vuttaṃ, pupphasseva pana acchinnadaṇḍavākehi bandhituṃ vaṭṭati eva.

    ปุปฺผปเฎ จ ทฎฺฐพฺพนฺติ ปุปฺผปฎํ กโรนฺตสฺส ทีฆโต ปุปฺผทามสฺส หรณปจฺจาหรณวเสน ปูรณํ สนฺธาย วุตฺตํ, ติริยโต หรณํ ปน วายิมํ นาม โหติ, น ปูริมํฯ ‘‘ปุริมฎฺฐานํ อติกฺกาเมตี’’ติ สามญฺญโต วุตฺตตฺตา ปุริมํ ปุปฺผโกฎิํ ผุสาเปตฺวา วา อผุสาเปตฺวา วา ปริกฺขิปนวเสน ปน อติกฺกมนฺตสฺส อาปตฺติเยวฯ พนฺธิตุํ วฎฺฎตีติ ปุปฺผรหิตาย สุตฺตวากโกฎิยา พนฺธิตุํ วฎฺฎติฯ ‘‘เอกวารํ หริตฺวา วา ปริกฺขิปิตฺวา วา’’ติ อิทํ ปุเพฺพ วุตฺตเจติยาทิปริเกฺขปํ, ปุปฺผปฎกรณญฺจ สนฺธาย วุตฺตํฯ

    Pupphapaṭeca daṭṭhabbanti pupphapaṭaṃ karontassa dīghato pupphadāmassa haraṇapaccāharaṇavasena pūraṇaṃ sandhāya vuttaṃ, tiriyato haraṇaṃ pana vāyimaṃ nāma hoti, na pūrimaṃ. ‘‘Purimaṭṭhānaṃ atikkāmetī’’ti sāmaññato vuttattā purimaṃ pupphakoṭiṃ phusāpetvā vā aphusāpetvā vā parikkhipanavasena pana atikkamantassa āpattiyeva. Bandhituṃ vaṭṭatīti puppharahitāya suttavākakoṭiyā bandhituṃ vaṭṭati. ‘‘Ekavāraṃ haritvā vā parikkhipitvā vā’’ti idaṃ pubbe vuttacetiyādiparikkhepaṃ, pupphapaṭakaraṇañca sandhāya vuttaṃ.

    ปเรหิ ปูริตนฺติ ทีฆโต ปสาริตํฯ วายิตุนฺติ ติริยโต หริตุํ, ตํ ปน เอกวารมฺปิ น ลพฺภติฯ ปุปฺผานิ ฐเปเนฺตนาติ อคนฺถิตปุปฺผานิ อญฺญมญฺญํ ผุสาเปตฺวาปิ ฐเปเนฺตนฯ ฆฎิกทามโอลมฺพโกติ เหฎฺฐาภาเค ฆฎิกาการยุโตฺต, ทารุฆฎิกากาโร วา โอลมฺพโกฯ สุตฺตมยํ เคณฺฑุกํ นามฯ สพฺพตฺถาติ คนฺถิมาทีสุ สพฺพตฺถฯ

    Parehi pūritanti dīghato pasāritaṃ. Vāyitunti tiriyato harituṃ, taṃ pana ekavārampi na labbhati. Pupphāni ṭhapentenāti aganthitapupphāni aññamaññaṃ phusāpetvāpi ṭhapentena. Ghaṭikadāmaolambakoti heṭṭhābhāge ghaṭikākārayutto, dārughaṭikākāro vā olambako. Suttamayaṃ geṇḍukaṃ nāma. Sabbatthāti ganthimādīsu sabbattha.

    เรจกนฺติ อภินยํ, ‘‘เอวํ นจฺจาหี’’ติ นฎนาการทสฺสนนฺติ อโตฺถ, ‘‘จกฺกํ วิย อตฺตานํ ภมาปน’’นฺติปิ เกจิฯ อากาเสเยว กีฬนฺตีติ ‘‘อยํ สารี อสุกปทํ มยา นีตา’’ติ เอวํ มุเขเนว อุโภปิ วทนฺตา กีฬนฺติฯ ชูตผลเกติ ชูตมณฺฑเลฯ ปาสกกีฬายาติ ทฺวินฺนํ ติวงฺคุลปฺปมาณานํ ทารุทนฺตาทิมยานํ ปาสกานํ จตูสุ ปเสฺสสุ เอกกาทิวเสน พินฺทูนิ กตฺวา ผลเก ขิปิตฺวา อุปริภาเค ทิฎฺฐพินฺทูนํ วเสน สาริโย อปเนตฺวา กีฬนกชูตกีฬายฯ

    Recakanti abhinayaṃ, ‘‘evaṃ naccāhī’’ti naṭanākāradassananti attho, ‘‘cakkaṃ viya attānaṃ bhamāpana’’ntipi keci. Ākāseyeva kīḷantīti ‘‘ayaṃ sārī asukapadaṃ mayā nītā’’ti evaṃ mukheneva ubhopi vadantā kīḷanti. Jūtaphalaketi jūtamaṇḍale. Pāsakakīḷāyāti dvinnaṃ tivaṅgulappamāṇānaṃ dārudantādimayānaṃ pāsakānaṃ catūsu passesu ekakādivasena bindūni katvā phalake khipitvā uparibhāge diṭṭhabindūnaṃ vasena sāriyo apanetvā kīḷanakajūtakīḷāya.

    มญฺชฎฺฐิ นาม มญฺชฎฺฐรุกฺขสารกสาวํฯ สลากหตฺถนฺติ นาฬิเกรหีราทีนํ กลาปเสฺสตํ นามํฯ ปาฬิยํ ถรุสฺมินฺติ ขเคฺคฯ อุเสฺสเฬนฺตีติ มุเขน อุเสฺสฬนสทฺทํ ปมุญฺจนฺติ, มหนฺตํ อพฺยตฺตสทฺทํ ปวเตฺตนฺตีติ อโตฺถฯ อโปฺผเฎนฺตีติ ทฺวิคุณิตวามหเตฺถ ทกฺขิณหเตฺถน ตาเฬตฺวา สทฺทํ กโรนฺติฯ มุขฑิณฺฑิมนฺติ มุขเภรีฯ

    Mañjaṭṭhi nāma mañjaṭṭharukkhasārakasāvaṃ. Salākahatthanti nāḷikerahīrādīnaṃ kalāpassetaṃ nāmaṃ. Pāḷiyaṃ tharusminti khagge. Usseḷentīti mukhena usseḷanasaddaṃ pamuñcanti, mahantaṃ abyattasaddaṃ pavattentīti attho. Apphoṭentīti dviguṇitavāmahatthe dakkhiṇahatthena tāḷetvā saddaṃ karonti. Mukhaḍiṇḍimanti mukhabherī.

    ๔๓๒. เตสนฺติ สมาเส คุณีภูตานิ ปพฺพานิปิ ปรามสติฯ โพโนฺทติ โลโล, มนฺทธาตุโกติ อโตฺถฯ ภกุฎิํ กตฺวาติ ภมุกเภทํ กตฺวาฯ เนลาติ นิโทฺทสาฯ

    432.Tesanti samāse guṇībhūtāni pabbānipi parāmasati. Bondoti lolo, mandadhātukoti attho. Bhakuṭiṃ katvāti bhamukabhedaṃ katvā. Nelāti niddosā.

    ๔๓๓. ปาฬิยํ ‘‘สาริปุตฺตา’’ติ อิทํ เอกเสสนเยน สาริปุตฺตโมคฺคลฺลานานํ อุภินฺนํ อาลปนํ, เตเนว พหุวจนนิเทฺทโส กโตฯ

    433. Pāḷiyaṃ ‘‘sāriputtā’’ti idaṃ ekasesanayena sāriputtamoggallānānaṃ ubhinnaṃ ālapanaṃ, teneva bahuvacananiddeso kato.

    ๔๓๕. อฎฺฐารส วตฺตานีติ ‘‘น อุปสมฺปาเทตพฺพ’’นฺติอาทีนิ ‘‘น ภิกฺขูหิ สมฺปโยเชตพฺพ’’นฺติ ปริโยสานานิ กมฺมกฺขนฺธเก (จูฬว. ๗) อาคตานิ อฎฺฐารส วตฺตานิฯ น ปนฺนโลมาติ น ปติตมานโลมา, อนนุกูลวตฺติโนติ อโตฺถฯ

    435.Aṭṭhārasa vattānīti ‘‘na upasampādetabba’’ntiādīni ‘‘na bhikkhūhi sampayojetabba’’nti pariyosānāni kammakkhandhake (cūḷava. 7) āgatāni aṭṭhārasa vattāni. Na pannalomāti na patitamānalomā, ananukūlavattinoti attho.

    ๔๓๗. ปรสนฺตกํ เทติ ทุกฺกฎเมวาติ วิสฺสาสคาเหน ทานํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ถุลฺลจฺจยนฺติ เอตฺถ ภณฺฑเทยฺยมฺปิ โหติ เอวฯ

    437.Parasantakaṃ deti dukkaṭamevāti vissāsagāhena dānaṃ sandhāya vuttaṃ. Thullaccayanti ettha bhaṇḍadeyyampi hoti eva.

    ตญฺจ โข วตฺถุปูชนตฺถายาติ มาตาปิตูนมฺปิ ปุปฺผํ เทเนฺตน วตฺถุปูชนตฺถาเยว ทาตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ มณฺฑนตฺถาย ปน สิวลิงฺคาทิปูชนตฺถายาติ เอตฺตกเมว วุตฺตตฺตา ‘‘อิมํ วิกฺกิณิตฺวา ชีวิสฺสนฺตี’’ติ มาตาปิตูนํ ทาตุํ วฎฺฎติ, เสสญาตีนํ ปน ตาวกาลิกเมว ทาตุํ วฎฺฎติฯ ญาติสามเณเรเหวาติ เตสํ คิหิกมฺมปริโมจนตฺถํ วุตฺตํฯ อิตเรติ อญฺญาตกา, เตหิปิ สามเณเรหิ อาจริยุปชฺฌายานํ วตฺตสีเสน หริตพฺพํฯ จูฬกนฺติ อุปฑฺฒภาคโตปิ อุปฑฺฒํฯ

    Tañca kho vatthupūjanatthāyāti mātāpitūnampi pupphaṃ dentena vatthupūjanatthāyeva dātabbanti dasseti. Maṇḍanatthāya pana sivaliṅgādipūjanatthāyāti ettakameva vuttattā ‘‘imaṃ vikkiṇitvā jīvissantī’’ti mātāpitūnaṃ dātuṃ vaṭṭati, sesañātīnaṃ pana tāvakālikameva dātuṃ vaṭṭati. Ñātisāmaṇerehevāti tesaṃ gihikammaparimocanatthaṃ vuttaṃ. Itareti aññātakā, tehipi sāmaṇerehi ācariyupajjhāyānaṃ vattasīsena haritabbaṃ. Cūḷakanti upaḍḍhabhāgatopi upaḍḍhaṃ.

    สามเณรา…เป.… ฐเปนฺตีติ อรกฺขิตาโคปิตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถาติ มเคฺค วา เจติยงฺคเณ วาฯ ‘‘สามเณเรหิ ทาเปตุํ น ลภนฺตี’’ติ อิทํ สามเณเรหิ คิหีนํ กมฺมํ การิตํ วิย โหตีติ วุตฺตํ, น ปน ปุปฺผทานํ โหตีติ สามเณรานมฺปิ น วฎฺฎนโตฯ วุตฺตญฺจ ‘‘สยเมวา’’ติอาทิฯ ‘‘อวิเสเสน วุตฺต’’นฺติ อิมินา สเพฺพสมฺปิ น วฎฺฎตีติ ทเสฺสติฯ

    Sāmaṇerā…pe… ṭhapentīti arakkhitāgopitaṃ sandhāya vuttaṃ. Tattha tatthāti magge vā cetiyaṅgaṇe vā. ‘‘Sāmaṇerehi dāpetuṃ na labhantī’’ti idaṃ sāmaṇerehi gihīnaṃ kammaṃ kāritaṃ viya hotīti vuttaṃ, na pana pupphadānaṃ hotīti sāmaṇerānampi na vaṭṭanato. Vuttañca ‘‘sayamevā’’tiādi. ‘‘Avisesena vutta’’nti iminā sabbesampi na vaṭṭatīti dasseti.

    ขีณปริพฺพยานนฺติ อาคนฺตุเก สนฺธาย วุตฺตํฯ ปริจฺฉิเนฺนสุปิ รุเกฺขสุ ‘‘อิธ ผลานิ สุนฺทรานี’’ติอาทิํ วทเนฺตน กุลสงฺคโห กโต นาม โหตีติ อาห ‘‘เอวํ ปน น วตฺตพฺพ’’นฺติฯ

    Khīṇaparibbayānanti āgantuke sandhāya vuttaṃ. Paricchinnesupi rukkhesu ‘‘idha phalāni sundarānī’’tiādiṃ vadantena kulasaṅgaho kato nāma hotīti āha ‘‘evaṃ pana na vattabba’’nti.

    รุกฺขจฺฉลฺลีติ รุกฺขตฺตโจฯ อภาชนียตฺตา ครุภณฺฑํ วุตฺตํฯ วุตฺตนเยนาติ ปณฺณทานมฺปิ ปุปฺผผลาทีสุ วุตฺตนเยน กุลสงฺคโห โหตีติ ทเสฺสติฯ

    Rukkhacchallīti rukkhattaco. Abhājanīyattā garubhaṇḍaṃ vuttaṃ. Vuttanayenāti paṇṇadānampi pupphaphalādīsu vuttanayena kulasaṅgaho hotīti dasseti.

    ปุเพฺพ วุตฺตปฺปการนฺติ มม วจเนน ภควโต ปาเท วนฺทถาติอาทินา วุตฺตปฺปการสิกฺขาปเท ปฐมํ วุตฺตํฯ ‘‘ปกฺกมตายสฺมา’’ติ อิทํ ปพฺพาชนียกมฺมวเสน วุตฺตํฯ ปุน ‘‘ปกฺกมตายสฺมา’’ติ อิทมฺปิ ปพฺพาชนียกมฺมกตสฺส วตฺตวเสน วุตฺตํฯ เอตฺถ จ อสฺสชิปุนพฺพสุเกหิ อาจริเยสุ อเนกวิเธสุ อนาจาเรสุ ปญฺญเปตพฺพา อาปตฺติโย สิกฺขาปทนฺตเรสุ ปญฺญตฺตา เอวาติ ตา อิธ อปญฺญเปตฺวา กุลทูสกานํ ปพฺพาชนียกมฺมวเสน นิคฺคหํ กาตุํ ตเตฺถว สมฺมา อวตฺติตฺวา การกสงฺฆํ ฉนฺทคามิตาทีหิ ปาเปนฺตานํ สมนุภาสนาย สงฺฆาทิเสสํ อาโรปิตญฺจ อิทํ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปฐมสงฺฆเภทสทิสาเนวาติ เอตฺถ อเงฺคสุปิ ยถา ตตฺถ ปรกฺกมนํ, เอวมิธ ฉนฺทาทีหิ ปาปนํ ทฎฺฐพฺพํฯ เสสํ ตาทิสเมวาติฯ

    Pubbevuttappakāranti mama vacanena bhagavato pāde vandathātiādinā vuttappakārasikkhāpade paṭhamaṃ vuttaṃ. ‘‘Pakkamatāyasmā’’ti idaṃ pabbājanīyakammavasena vuttaṃ. Puna ‘‘pakkamatāyasmā’’ti idampi pabbājanīyakammakatassa vattavasena vuttaṃ. Ettha ca assajipunabbasukehi ācariyesu anekavidhesu anācāresu paññapetabbā āpattiyo sikkhāpadantaresu paññattā evāti tā idha apaññapetvā kuladūsakānaṃ pabbājanīyakammavasena niggahaṃ kātuṃ tattheva sammā avattitvā kārakasaṅghaṃ chandagāmitādīhi pāpentānaṃ samanubhāsanāya saṅghādisesaṃ āropitañca idaṃ sikkhāpadaṃ paññattanti veditabbaṃ. Paṭhamasaṅghabhedasadisānevāti ettha aṅgesupi yathā tattha parakkamanaṃ, evamidha chandādīhi pāpanaṃ daṭṭhabbaṃ. Sesaṃ tādisamevāti.

    กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทํ • 13. Kuladūsakasikkhāpadaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา • 13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา • 13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๑๓. กุลทูสกสิกฺขาปทวณฺณนา • 13. Kuladūsakasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact