Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๔. กุลฺลเตฺถรคาถาวณฺณนา
4. Kullattheragāthāvaṇṇanā
กุโลฺล สิวถิกนฺติอาทิกา อายสฺมโต กุลฺลเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ กุฎุมฺพิยกุเล นิพฺพตฺติตฺวา กุโลฺลติ ลทฺธนาโม วิญฺญุตํ ปโตฺต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิฯ โส จ ราคจริตตฺตา ติพฺพราคชาติโก โหติฯ เตนสฺส อภิกฺขณํ กิเลสา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติฯ อถสฺส สตฺถา จิตฺตาจารํ ญตฺวา อสุภกมฺมฎฺฐานํ ทตฺวา, ‘‘กุลฺล, ตยา อภิณฺหํ สุสาเน จาริกา จริตพฺพา’’ติ อาหฯ โส สุสานํ ปวิสิตฺวา อุทฺธุมาตกาทีนิ ตานิ ตานิ อสุภานิ ทิสฺวา ตํ มุหุตฺตํ อสุภมนสิการํ อุปฺปาเทตฺวา สุสานโต นิกฺขนฺตมโตฺตว กามราเคน อภิภุยฺยติฯ ปุน ภควา ตสฺส ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา เอกทิวสํ ตสฺส สุสานฎฺฐานํ คตกาเล เอกํ ตรุณิตฺถิรูปํ อธุนา มตํ อวินฎฺฐจฺฉวิํ นิมฺมินิตฺวา ทเสฺสติฯ ตสฺส ตํ ทิฎฺฐมตฺตสฺส ชีวมานวิสภาควตฺถุสฺมิํ วิย สหสา ราโค อุปฺปชฺชติฯ อถ นํ สตฺถา ตสฺส เปกฺขนฺตเสฺสว นวหิ วณมุเขหิ ปคฺฆรมานาสุจิํ กิมิกุลากุลํ อติวิย พีภจฺฉํ ทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉํ ปฎิกฺกูลํ กตฺวา ทเสฺสสิฯ โส ตํ เปกฺขโนฺต วิรตฺตจิโตฺต หุตฺวา อฎฺฐาสิฯ อถสฺส ภควา โอภาสํ ผริตฺวา สติํ ชเนโนฺต –
Kullo sivathikantiādikā āyasmato kullattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni upacinanto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ kuṭumbiyakule nibbattitvā kulloti laddhanāmo viññutaṃ patto satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbaji. So ca rāgacaritattā tibbarāgajātiko hoti. Tenassa abhikkhaṇaṃ kilesā cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti. Athassa satthā cittācāraṃ ñatvā asubhakammaṭṭhānaṃ datvā, ‘‘kulla, tayā abhiṇhaṃ susāne cārikā caritabbā’’ti āha. So susānaṃ pavisitvā uddhumātakādīni tāni tāni asubhāni disvā taṃ muhuttaṃ asubhamanasikāraṃ uppādetvā susānato nikkhantamattova kāmarāgena abhibhuyyati. Puna bhagavā tassa taṃ pavattiṃ ñatvā ekadivasaṃ tassa susānaṭṭhānaṃ gatakāle ekaṃ taruṇitthirūpaṃ adhunā mataṃ avinaṭṭhacchaviṃ nimminitvā dasseti. Tassa taṃ diṭṭhamattassa jīvamānavisabhāgavatthusmiṃ viya sahasā rāgo uppajjati. Atha naṃ satthā tassa pekkhantasseva navahi vaṇamukhehi paggharamānāsuciṃ kimikulākulaṃ ativiya bībhacchaṃ duggandhaṃ jegucchaṃ paṭikkūlaṃ katvā dassesi. So taṃ pekkhanto virattacitto hutvā aṭṭhāsi. Athassa bhagavā obhāsaṃ pharitvā satiṃ janento –
‘‘อาตุรํ อสุจิํ ปูติํ, ปสฺส กุลฺล สมุสฺสยํ;
‘‘Āturaṃ asuciṃ pūtiṃ, passa kulla samussayaṃ;
อุคฺฆรนฺตํ ปคฺฆรนฺตํ, พาลานํ อภินนฺทิต’’นฺติฯ –
Uggharantaṃ paggharantaṃ, bālānaṃ abhinandita’’nti. –
อาห ฯ ตํ สุตฺวา เถโร สมฺมเทว สรีรสภาวํ อุปธาเรโนฺต อสุภสญฺญํ ปฎิลภิตฺวา ตตฺถ ปฐมํ ฌานํ นิพฺพเตฺตตฺวา ตํ ปาทกํ กตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิตฺวา อตฺตโน ปฎิปตฺติํ ปจฺจเวกฺขิตฺวา –
Āha . Taṃ sutvā thero sammadeva sarīrasabhāvaṃ upadhārento asubhasaññaṃ paṭilabhitvā tattha paṭhamaṃ jhānaṃ nibbattetvā taṃ pādakaṃ katvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇitvā attano paṭipattiṃ paccavekkhitvā –
๓๙๓.
393.
‘‘กุโลฺล สิวถิกํ คนฺตฺวา, อทฺทส อิตฺถิมุชฺฌิตํ;
‘‘Kullo sivathikaṃ gantvā, addasa itthimujjhitaṃ;
อปวิทฺธํ สุสานสฺมิํ, ขชฺชนฺติํ กิมิหี ผุฎํฯ
Apaviddhaṃ susānasmiṃ, khajjantiṃ kimihī phuṭaṃ.
๓๙๔.
394.
‘‘อาตุรํ…เป.… พาลานํ อภินนฺทิตํฯ
‘‘Āturaṃ…pe… bālānaṃ abhinanditaṃ.
๓๙๕.
395.
‘‘ธมฺมาทาสํ คเหตฺวาน, ญาณทสฺสนปตฺติยา;
‘‘Dhammādāsaṃ gahetvāna, ñāṇadassanapattiyā;
ปจฺจเวกฺขิํ อิมํ กายํ, ตุจฺฉํ สนฺตรพาหิรํฯ
Paccavekkhiṃ imaṃ kāyaṃ, tucchaṃ santarabāhiraṃ.
๓๙๖.
396.
‘‘ยถา อิทํ ตถา เอตํ, ยถา เอตํ ตถา อิทํ;
‘‘Yathā idaṃ tathā etaṃ, yathā etaṃ tathā idaṃ;
ยถา อโธ ตถา อุทฺธํ, ยถา อุทฺธํ ตถา อโธฯ
Yathā adho tathā uddhaṃ, yathā uddhaṃ tathā adho.
๓๙๗.
397.
‘‘ยถา ทิวา ตถา รตฺติํ, ยถา รตฺติํ ตถา ทิวา;
‘‘Yathā divā tathā rattiṃ, yathā rattiṃ tathā divā;
ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉา, ยถา ปจฺฉา ตถา ปุเรฯ
Yathā pure tathā pacchā, yathā pacchā tathā pure.
๓๙๘.
398.
‘‘ปญฺจงฺคิเกน ตุริเยน, น รตี โหติ ตาทิสี;
‘‘Pañcaṅgikena turiyena, na ratī hoti tādisī;
ยถา เอกคฺคจิตฺตสฺส, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโต’’ติฯ –
Yathā ekaggacittassa, sammā dhammaṃ vipassato’’ti. –
อุทานวเสน อิมา คาถา อภาสิฯ
Udānavasena imā gāthā abhāsi.
ตตฺถ กุโลฺลติ อตฺตานเมว เถโร ปรํ วิย กตฺวา วทติฯ
Tattha kulloti attānameva thero paraṃ viya katvā vadati.
อาตุรนฺติ นานปฺปกาเรหิ ทุเกฺขหิ อภิณฺหํ ปฎิปีฬิตํฯ อสุจินฺติ สุจิรหิตํ เชคุจฺฉํ ปฎิกฺกูลํฯ ปูตินฺติ ทุคฺคนฺธํฯ ปสฺสาติ สภาวโต โอโลเกหิฯ กุลฺลาติ โอวาทกาเล ภควา เถรํ อาลปติฯ อุทานกาเล ปน เถโร สยเมว อตฺตานํ วทติฯ สมุสฺสยนฺติ สรีรํฯ อุคฺฆรนฺตนฺติ อุทฺธํ วณมุเขหิ อสุจิํ สวนฺตํฯ ปคฺฆรนฺตนฺติ อโธ วณมุเขหิ สมนฺตโต จ อสุจิํ สวนฺตํฯ พาลานํ อภินนฺทิตนฺติ พาเลหิ อนฺธปุถุชฺชเนหิ ทิฎฺฐิตณฺหาภินนฺทนาหิ ‘‘อหํ มม’’นฺติ อภินิวิสฺส นนฺทิตํฯ
Āturanti nānappakārehi dukkhehi abhiṇhaṃ paṭipīḷitaṃ. Asucinti sucirahitaṃ jegucchaṃ paṭikkūlaṃ. Pūtinti duggandhaṃ. Passāti sabhāvato olokehi. Kullāti ovādakāle bhagavā theraṃ ālapati. Udānakāle pana thero sayameva attānaṃ vadati. Samussayanti sarīraṃ. Uggharantanti uddhaṃ vaṇamukhehi asuciṃ savantaṃ. Paggharantanti adho vaṇamukhehi samantato ca asuciṃ savantaṃ. Bālānaṃ abhinanditanti bālehi andhaputhujjanehi diṭṭhitaṇhābhinandanāhi ‘‘ahaṃ mama’’nti abhinivissa nanditaṃ.
ธมฺมาทาสนฺติ ธมฺมมยํ อาทาสํฯ ยถา หิ สตฺตา อทาเสน อตฺตโน มุเข กาเย วา คุณโทเส ปสฺสนฺติ, เอวํ โยคาวจโร เยน อตฺตภาเว สํกิเลสโวทานธเมฺม ยาถาวโต ปสฺสติ, ตํ วิปสฺสนาญาณํ อิธ ‘‘ธมฺมาทาส’’นฺติ วุตฺตํฯ ตํ ญาณทสฺสนสฺส มคฺคญาณสงฺขาตสฺส ธมฺมจกฺขุสฺส อธิคมาย อตฺตโน สนฺตาเน อุปฺปาเทตฺวาฯ ปจฺจเวกฺขิํ อิมํ กายนฺติ อิมํ กรชกายํ นิจฺจสาราทิวิรหโต ตุจฺฉํ อตฺตปรสนฺตานานํ วิภาคโต สนฺตรพาหิรํ ญาณจกฺขุนา ปติอเวกฺขิํ ปสฺสิํฯ
Dhammādāsanti dhammamayaṃ ādāsaṃ. Yathā hi sattā adāsena attano mukhe kāye vā guṇadose passanti, evaṃ yogāvacaro yena attabhāve saṃkilesavodānadhamme yāthāvato passati, taṃ vipassanāñāṇaṃ idha ‘‘dhammādāsa’’nti vuttaṃ. Taṃ ñāṇadassanassa maggañāṇasaṅkhātassa dhammacakkhussa adhigamāya attano santāne uppādetvā. Paccavekkhiṃ imaṃ kāyanti imaṃ karajakāyaṃ niccasārādivirahato tucchaṃ attaparasantānānaṃ vibhāgato santarabāhiraṃ ñāṇacakkhunā patiavekkhiṃ passiṃ.
ยถา ปน ปจฺจเวกฺขิํ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา อิท’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยถา อิทํ ตถา เอตนฺติ ยถา อิทํ มยฺหํ สรีรสงฺขาตํ อสุภํ อายุอุสฺมาวิญฺญาณานํ อนปคมา นานาวิธํ มาโยปมํ กิริยํ ทเสฺสติ, ตถาว เอตํ มตสรีรํ ปุเพฺพ เตสํ ธมฺมานํ อนปคมา อโหสิฯ ยถา เอตํ เอตรหิ มตสรีรํ เตสํ ธมฺมานํ อปคมา น กิญฺจิ กิริยํ ทเสฺสติ, ตถา อิทํ มม สรีรมฺปิ เตสํ ธมฺมานํ อปคมา นสฺสเตวาติฯ ยถา จ อิทํ มม สรีรํ เอตรหิ สุสาเน น มตํ น สยิตํ, น อุทฺธุมาตกาทิภาวํ อุปคตํ, ตถา เอตํ เอตรหิ มตสรีรมฺปิ ปุเพฺพ อโหสิฯ ยถา ปเนตํ เอตรหิ มตสรีรํ สุสาเน สยิตํ อุทฺธุมาตกาทิภาวํ อุปคตํ, ตถา อิทํ มม สรีรมฺปิ ภวิสฺสติฯ อถ วา ยถา อิทํ มม สรีรํ อสุจิ ทุคฺคนฺธํ เชคุจฺฉํ ปฎิกฺกูลํ อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา, ตถา เอตํ มตสรีรมฺปิฯ ยถา วา เอตํ มตสรีรํ อสุจิอาทิสภาวเญฺจว อนิจฺจาทิสภาวญฺจ, ตถา อิทํ มม สรีรมฺปิฯ ยถา อโธ ตถา อุทฺธนฺติ ยถา นาภิโต อโธ เหฎฺฐา อยํ กาโย อสุจิ ทุคฺคโนฺธ เชคุโจฺฉ ปฎิกฺกูโล อนิโจฺจ ทุโกฺข อนตฺตา จ, ตถา อุทฺธํ นาภิโต อุปริ อสุจิอาทิสภาโว จฯ ยถา อุทฺธํ ตถา อโธติ ยถา จ นาภิโต, อุทฺธํ อสุจิอาทิสภาโว, ตถา อโธ นาภิโต เหฎฺฐาปิฯ
Yathā pana paccavekkhiṃ, taṃ dassetuṃ ‘‘yathā ida’’ntiādi vuttaṃ. Tattha yathā idaṃ tathā etanti yathā idaṃ mayhaṃ sarīrasaṅkhātaṃ asubhaṃ āyuusmāviññāṇānaṃ anapagamā nānāvidhaṃ māyopamaṃ kiriyaṃ dasseti, tathāva etaṃ matasarīraṃ pubbe tesaṃ dhammānaṃ anapagamā ahosi. Yathā etaṃ etarahi matasarīraṃ tesaṃ dhammānaṃ apagamā na kiñci kiriyaṃ dasseti, tathā idaṃ mama sarīrampi tesaṃ dhammānaṃ apagamā nassatevāti. Yathā ca idaṃ mama sarīraṃ etarahi susāne na mataṃ na sayitaṃ, na uddhumātakādibhāvaṃ upagataṃ, tathā etaṃ etarahi matasarīrampi pubbe ahosi. Yathā panetaṃ etarahi matasarīraṃ susāne sayitaṃ uddhumātakādibhāvaṃ upagataṃ, tathā idaṃ mama sarīrampi bhavissati. Atha vā yathā idaṃ mama sarīraṃ asuci duggandhaṃ jegucchaṃ paṭikkūlaṃ aniccaṃ dukkhaṃ anattā, tathā etaṃ matasarīrampi. Yathā vā etaṃ matasarīraṃ asuciādisabhāvañceva aniccādisabhāvañca, tathā idaṃ mama sarīrampi. Yathā adho tathā uddhanti yathā nābhito adho heṭṭhā ayaṃ kāyo asuci duggandho jeguccho paṭikkūlo anicco dukkho anattā ca, tathā uddhaṃ nābhito upari asuciādisabhāvo ca. Yathā uddhaṃ tathā adhoti yathā ca nābhito, uddhaṃ asuciādisabhāvo, tathā adho nābhito heṭṭhāpi.
ยถา ทิวา ตถา รตฺตินฺติ ยถา อยํ กาโย ทิวา ‘‘อกฺขิมฺหา อกฺขิคูถโก’’ติอาทินา (สุ. นิ. ๑๙๙) อสุจิ ปคฺฆรติ, ตถา รตฺติมฺปิฯ ยถา รตฺติํ ตถา ทิวาติ ยถา จ รตฺติํ อยํ กาโย อสุจิ ปคฺฆรติ, ตถา ทิวาปิ, นยิมสฺส กาลวิภาเคน อญฺญถาภาโวติ อโตฺถฯ ยถา ปุเร ตถา ปจฺฉาติ ยถา อยํ กาโย ปุเร ปุเพฺพ ตรุณกาเล อสุจิ ทุคฺคโนฺธ เชคุโจฺฉ ปฎิกฺกูโล, ตถา จ ปจฺฉา ชิณฺณกาเลฯ ยถา จ ปจฺฉา ชิณฺณกาเล อสุจิอาทิสภาโว, ตถา ปุเร ตรุณกาเลปิ ฯ ยถา วา ปุเร อตีตกาเล สวิญฺญาณกาเล อสุจิอาทิสภาโว จ อนิจฺจาทิสภาโว จ, ตถา ปจฺฉา อนาคตกาเล อวิญฺญาณกาเลติ เอวเมฺปตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Yathādivā tathā rattinti yathā ayaṃ kāyo divā ‘‘akkhimhā akkhigūthako’’tiādinā (su. ni. 199) asuci paggharati, tathā rattimpi. Yathā rattiṃ tathā divāti yathā ca rattiṃ ayaṃ kāyo asuci paggharati, tathā divāpi, nayimassa kālavibhāgena aññathābhāvoti attho. Yathā pure tathā pacchāti yathā ayaṃ kāyo pure pubbe taruṇakāle asuci duggandho jeguccho paṭikkūlo, tathā ca pacchā jiṇṇakāle. Yathā ca pacchā jiṇṇakāle asuciādisabhāvo, tathā pure taruṇakālepi . Yathā vā pure atītakāle saviññāṇakāle asuciādisabhāvo ca aniccādisabhāvo ca, tathā pacchā anāgatakāle aviññāṇakāleti evampettha attho veditabbo.
ปญฺจงฺคิเกน ตุริเยนาติ ‘‘อาตตํ วิตตํ อาตตวิตตํ ฆนํ สุสีร’’นฺติ เอวํ ปญฺจงฺคิเกน ปญฺจหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคเตน ตุริเยน ปริจริยมานสฺส กามสุขสมงฺคิโน อิสฺสรชนสฺส ตาทิสี ตถารูปา รติ สุขสฺสาโท น โหติฯ ยถา เอกคฺคจิตฺตสฺส, สมฺมา ธมฺมํ วิปสฺสโตติ สมถวิปสฺสนํ ยุคนทฺธํ กตฺวา อินฺทฺริยานํ เอกรสภาเวน วีถิปฎิปนฺนาย วิปสฺสนาย ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ ปสฺสนฺตสฺส โยคาวจรสฺส ยาทิสา ธมฺมรติ, ตสฺสา กลมฺปิ กามรติ น อุเปตีติฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –
Pañcaṅgikena turiyenāti ‘‘ātataṃ vitataṃ ātatavitataṃ ghanaṃ susīra’’nti evaṃ pañcaṅgikena pañcahi aṅgehi samannāgatena turiyena paricariyamānassa kāmasukhasamaṅgino issarajanassa tādisī tathārūpā rati sukhassādo na hoti. Yathā ekaggacittassa, sammā dhammaṃ vipassatoti samathavipassanaṃ yuganaddhaṃ katvā indriyānaṃ ekarasabhāvena vīthipaṭipannāya vipassanāya khandhānaṃ udayabbayaṃ passantassa yogāvacarassa yādisā dhammarati, tassā kalampi kāmarati na upetīti. Vuttañhetaṃ bhagavatā –
‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;
‘‘Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;
ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๗๔);
Labhatī pītipāmojjaṃ, amataṃ taṃ vijānata’’nti. (dha. pa. 374);
อิมา เอว จ เถรสฺส อญฺญาพฺยากรณคาถาปิ อเหสุํฯ
Imā eva ca therassa aññābyākaraṇagāthāpi ahesuṃ.
กุลฺลเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kullattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๔. กุลฺลเตฺถรคาถา • 4. Kullattheragāthā