Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๕. กุมารกสฺสปเตฺถรอปทานวณฺณนา
5. Kumārakassapattheraapadānavaṇṇanā
ปญฺจมาปทาเน อิโต สตสหสฺสมฺหีติอาทิกํ อายสฺมโต กุมารกสฺสปเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล พฺราหฺมณกุเล นิพฺพโตฺต วิญฺญุตํ ปตฺวา เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ จิตฺตกถิกานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา สยมฺปิ ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถโนฺต ปณิธานํ กตฺวา ตทนุรูปานิ ปุญฺญานิ กโรโนฺต ยาวตายุกํ ฐตฺวา ตโต จุโต เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อุภยสมฺปตฺติโย อนุภวิตฺวา กสฺสปสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพโตฺต ตสฺส ภควโต สาสเน ปพฺพชิตฺวา สมณธมฺมํ กตฺวา สุคตีสุเยว สํสรโนฺต ทิพฺพสุขํ มานุสสุขญฺจ อนุภวิตฺวา อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท ราชคเห เอกิสฺสา เสฎฺฐิธีตาย กุจฺฉิมฺหิ นิพฺพโตฺตฯ สา กิร กุมาริกากาเลเยว ปพฺพชิตุกามา มาตาปิตโร ยาจิตฺวา ปพฺพชฺชํ อลภมานา ปติกุลํ คนฺตฺวา คพฺภํ คณฺหิตฺวา ตํ อชานิตฺวา ‘‘สามิกํ อาราเธตฺวา ปพฺพชฺชํ อนุชานาเปสฺสามี’’ติ จิเนฺตสิฯ สา สามิกํ อาราเธนฺตี, อยฺยปุตฺต –
Pañcamāpadāne ito satasahassamhītiādikaṃ āyasmato kumārakassapattherassa apadānaṃ. Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato kāle brāhmaṇakule nibbatto viññutaṃ patvā ekadivasaṃ satthu santike dhammaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ cittakathikānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā sayampi taṃ ṭhānantaraṃ patthento paṇidhānaṃ katvā tadanurūpāni puññāni karonto yāvatāyukaṃ ṭhatvā tato cuto devamanussesu saṃsaranto ubhayasampattiyo anubhavitvā kassapassa bhagavato kāle kulagehe nibbatto tassa bhagavato sāsane pabbajitvā samaṇadhammaṃ katvā sugatīsuyeva saṃsaranto dibbasukhaṃ mānusasukhañca anubhavitvā imasmiṃ buddhuppāde rājagahe ekissā seṭṭhidhītāya kucchimhi nibbatto. Sā kira kumārikākāleyeva pabbajitukāmā mātāpitaro yācitvā pabbajjaṃ alabhamānā patikulaṃ gantvā gabbhaṃ gaṇhitvā taṃ ajānitvā ‘‘sāmikaṃ ārādhetvā pabbajjaṃ anujānāpessāmī’’ti cintesi. Sā sāmikaṃ ārādhentī, ayyaputta –
‘‘สเจ อิมสฺส กายสฺส, อโนฺต พาหิรโก สิยา;
‘‘Sace imassa kāyassa, anto bāhirako siyā;
ทณฺฑํ นูน คเหตฺวาน, กาเก โสเณ นิวารเย’’ติฯ (วิสุทฺธิ. ๑.๑๒๒) –
Daṇḍaṃ nūna gahetvāna, kāke soṇe nivāraye’’ti. (visuddhi. 1.122) –
อาทินา สรีรสฺส โทสํ ทเสฺสนฺตี ตํ อาราเธสิฯ
Ādinā sarīrassa dosaṃ dassentī taṃ ārādhesi.
สา สามิเกน อนุญฺญาตา คพฺภินิภาวํ อชานนฺตี เทวทตฺตปกฺขิยาสุ ภิกฺขุนีสุ ปพฺพชิฯ ตสฺสา คพฺภินิภาวํ ทิสฺวา ภิกฺขุนิโย เทวทตฺตํ ปุจฺฉิํสุฯ โส ‘‘อสฺสมณี’’ติ อาหฯ สา ‘‘นาหํ เทวทตฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตา, ภควนฺตํ อุทฺทิสฺส ปพฺพชิตา’’ติ ภควโต สนฺติกํ คนฺตฺวา ทสพลํ ปุจฺฉิฯ สตฺถา อุปาลิเตฺถรํ ปฎิจฺฉาเปสิฯ เถโร สาวตฺถินครวาสีนิ กุลานิ วิสาขญฺจ อุปาสิกํ ปโกฺกสาเปตฺวา สราชิกาย ปริสาย ตํ วินิจฺฉินโนฺต ‘‘ปุเร ลโทฺธ คโพฺภ, อโรคา ปพฺพชฺชา’’ติ อาหฯ ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘สาธุ สุวินิจฺฉิตํ อุปาลินา อธิกรณ’’นฺติ เถรสฺส สาธุการํ อทาสิฯ
Sā sāmikena anuññātā gabbhinibhāvaṃ ajānantī devadattapakkhiyāsu bhikkhunīsu pabbaji. Tassā gabbhinibhāvaṃ disvā bhikkhuniyo devadattaṃ pucchiṃsu. So ‘‘assamaṇī’’ti āha. Sā ‘‘nāhaṃ devadattaṃ uddissa pabbajitā, bhagavantaṃ uddissa pabbajitā’’ti bhagavato santikaṃ gantvā dasabalaṃ pucchi. Satthā upālittheraṃ paṭicchāpesi. Thero sāvatthinagaravāsīni kulāni visākhañca upāsikaṃ pakkosāpetvā sarājikāya parisāya taṃ vinicchinanto ‘‘pure laddho gabbho, arogā pabbajjā’’ti āha. Taṃ sutvā satthā ‘‘sādhu suvinicchitaṃ upālinā adhikaraṇa’’nti therassa sādhukāraṃ adāsi.
สา ภิกฺขุนี สุวณฺณพิมฺพสทิสํ ปุตฺตํ วิชายิฯ ตํ ราชา ปเสนทิ โกสโล ‘‘ทารกปริหรณํ ภิกฺขุนีนํ ปลิโพโธ’’ติ ธาตีนํ ทาเปตฺวา โปสาเปสิ, กสฺสโปติสฺส นามํ กริํสุ ฯ อปรภาเค อลงฺกริตฺวา สตฺถุ สนฺติกํ เนตฺวา ปพฺพาเชสิฯ กุมารกาเล ปพฺพชิตตฺตา ปน ภควตา ‘‘กสฺสปํ ปโกฺกสถ, อิทํ ผลํ วา ขาทนียํ วา กสฺสปสฺส เทถา’’ติ วุเตฺต ‘‘กตรกสฺสปสฺสา’’ติ ‘‘กุมารกสฺสปสฺสา’’ติ เอวํ คหิตนามตฺตา รญฺญา โปสาวนียปุตฺตตฺตา จ วุทฺธกาเลปิ กุมารกสฺสโปเตฺวว ปญฺญายิตฺถฯ
Sā bhikkhunī suvaṇṇabimbasadisaṃ puttaṃ vijāyi. Taṃ rājā pasenadi kosalo ‘‘dārakapariharaṇaṃ bhikkhunīnaṃ palibodho’’ti dhātīnaṃ dāpetvā posāpesi, kassapotissa nāmaṃ kariṃsu . Aparabhāge alaṅkaritvā satthu santikaṃ netvā pabbājesi. Kumārakāle pabbajitattā pana bhagavatā ‘‘kassapaṃ pakkosatha, idaṃ phalaṃ vā khādanīyaṃ vā kassapassa dethā’’ti vutte ‘‘katarakassapassā’’ti ‘‘kumārakassapassā’’ti evaṃ gahitanāmattā raññā posāvanīyaputtattā ca vuddhakālepi kumārakassapotveva paññāyittha.
โส ปพฺพชิตกาลโต ปฎฺฐาย วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรติ, พุทฺธวจนญฺจ อุคฺคณฺหาติฯ อถ เตน สทฺธิํ ปพฺพตมตฺถเก สมณธมฺมํ กตฺวา อนาคามี หุตฺวา สุทฺธาวาเส นิพฺพตฺตมหาพฺรหฺมา ‘‘วิปสฺสนาย มุขํ ทเสฺสตฺวา มคฺคผลุปฺปตฺติยา อุปายํ กริสฺสามี’’ติ ปญฺจทสปเญฺห อภิสงฺขริตฺวา อนฺธวเน วสนฺตสฺส เถรสฺส ‘‘อิเม ปเญฺห สตฺถารํ ปุเจฺฉยฺยาสี’’ติ อาจิกฺขิฯ ตโต โส เต ปเญฺห ภควนฺตํ ปุจฺฉิฯ ภควาปิสฺส วิสฺสเชฺชสิฯ เถโร ภควตา กถิตนิยาเมเนว เต อุคฺคณฺหิตฺวา วิปสฺสนํ คพฺภํ คาหาเปตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ
So pabbajitakālato paṭṭhāya vipassanāya kammaṃ karoti, buddhavacanañca uggaṇhāti. Atha tena saddhiṃ pabbatamatthake samaṇadhammaṃ katvā anāgāmī hutvā suddhāvāse nibbattamahābrahmā ‘‘vipassanāya mukhaṃ dassetvā maggaphaluppattiyā upāyaṃ karissāmī’’ti pañcadasapañhe abhisaṅkharitvā andhavane vasantassa therassa ‘‘ime pañhe satthāraṃ puccheyyāsī’’ti ācikkhi. Tato so te pañhe bhagavantaṃ pucchi. Bhagavāpissa vissajjesi. Thero bhagavatā kathitaniyāmeneva te uggaṇhitvā vipassanaṃ gabbhaṃ gāhāpetvā arahattaṃ pāpuṇi.
๑๕๐. โส อรหตฺตํ ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสชาโต ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต อิโต สตสหสฺสมฺหีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยํ เหฎฺฐา วุตฺตนยญฺจ อุตฺตานตฺถญฺจ, ตํ สพฺพํ น วณฺณยิสฺสามฯ อนุตฺตานปทเมว วณฺณยิสฺสามฯ
150. So arahattaṃ patvā attano pubbakammaṃ saritvā somanassajāto pubbacaritāpadānaṃ pakāsento ito satasahassamhītiādimāha. Tattha yaṃ heṭṭhā vuttanayañca uttānatthañca, taṃ sabbaṃ na vaṇṇayissāma. Anuttānapadameva vaṇṇayissāma.
๑๖๙. อาปนฺนสตฺตา เม มาตาติ มยฺหํ มาตา ครุคพฺภา คพฺภินี ปสุตาสนฺนคพฺภาติ อโตฺถฯ
169.Āpannasattā me mātāti mayhaṃ mātā garugabbhā gabbhinī pasutāsannagabbhāti attho.
๑๗๓. วมฺมิกสทิสํ กายนฺติ สรีรํ นาม วมฺมิกสทิสํ ยถา วมฺมิโก อิโต จิโต จ ฉิทฺทาวฉิโทฺท ฆรโคฬิกอุปจิกาทีนํ อาสโย, เอวเมว อยํ กาโย นวฉิโทฺท ธุวสฺสโวติ พุเทฺธน ภควตา เทสิตํ ปกาสิตํ ตํ สุตฺวา เม จิตฺตํ อาสเว อคฺคเหตฺวา อเสเสตฺวา กิเลสโต วิมุจฺจิ, อรหเตฺต ปติฎฺฐาสีติ อโตฺถฯ อปรภาเค ตตฺถ ตตฺถ ภิกฺขูนํ วิจิตฺตธมฺมกถิกภาวํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ จิตฺตกถิกานํ ยทิทํ กุมารกสฺสโป’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๐๙, ๒๑๗) เอตทเคฺค ฐเปสีติฯ
173.Vammikasadisaṃkāyanti sarīraṃ nāma vammikasadisaṃ yathā vammiko ito cito ca chiddāvachiddo gharagoḷikaupacikādīnaṃ āsayo, evameva ayaṃ kāyo navachiddo dhuvassavoti buddhena bhagavatā desitaṃ pakāsitaṃ taṃ sutvā me cittaṃ āsave aggahetvā asesetvā kilesato vimucci, arahatte patiṭṭhāsīti attho. Aparabhāge tattha tattha bhikkhūnaṃ vicittadhammakathikabhāvaṃ sutvā satthā ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ cittakathikānaṃ yadidaṃ kumārakassapo’’ti (a. ni. 1.209, 217) etadagge ṭhapesīti.
กุมารกสฺสปเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ
Kumārakassapattheraapadānavaṇṇanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๕. กุมารกสฺสปเตฺถรอปทานํ • 5. Kumārakassapattheraapadānaṃ