Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทกปาฐ-อฎฺฐกถา • Khuddakapāṭha-aṭṭhakathā

    ๔. กุมารปญฺหวณฺณนา

    4. Kumārapañhavaṇṇanā

    อฎฺฐุปฺปตฺติ

    Aṭṭhuppatti

    อิทานิ เอกํ นาม กินฺติ เอวมาทีนํ กุมารปญฺหานํ อตฺถวณฺณนากฺกโม อนุปฺปโตฺตฯ เตสํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ อิธ นิเกฺขปปฺปโยชนญฺจ วตฺวา วณฺณนํ กริสฺสาม –

    Idāni ekaṃ nāma kinti evamādīnaṃ kumārapañhānaṃ atthavaṇṇanākkamo anuppatto. Tesaṃ aṭṭhuppattiṃ idha nikkhepappayojanañca vatvā vaṇṇanaṃ karissāma –

    อฎฺฐุปฺปตฺติ ตาว เนสํ โสปาโก นาม ภควโต มหาสาวโก อโหสิฯ เตนายสฺมตา ชาติยา สตฺตวเสฺสเนว อญฺญา อาราธิตา, ตสฺส ภควา ปญฺหพฺยากรเณน อุปสมฺปทํ อนุญฺญาตุกาโม อตฺตนา อธิเปฺปตตฺถานํ ปญฺหานํ พฺยากรณสมตฺถตํ ปสฺสโนฺต ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ เอวมาทินา ปเญฺห ปุจฺฉิฯ โส พฺยากาสิฯ เตน จ พฺยากรเณน ภควโต จิตฺตํ อาราเธสิฯ สาว ตสฺสายสฺมโต อุปสมฺปทา อโหสิฯ

    Aṭṭhuppatti tāva nesaṃ sopāko nāma bhagavato mahāsāvako ahosi. Tenāyasmatā jātiyā sattavasseneva aññā ārādhitā, tassa bhagavā pañhabyākaraṇena upasampadaṃ anuññātukāmo attanā adhippetatthānaṃ pañhānaṃ byākaraṇasamatthataṃ passanto ‘‘ekaṃ nāma ki’’nti evamādinā pañhe pucchi. So byākāsi. Tena ca byākaraṇena bhagavato cittaṃ ārādhesi. Sāva tassāyasmato upasampadā ahosi.

    อยํ เตสํ อฎฺฐุปฺปตฺติฯ

    Ayaṃ tesaṃ aṭṭhuppatti.

    นิเกฺขปปฺปโยชนํ

    Nikkhepappayojanaṃ

    ยสฺมา ปน สรณคมเนหิ พุทฺธธมฺมสงฺฆานุสฺสติวเสน จิตฺตภาวนา, สิกฺขาปเทหิ สีลภาวนา, ทฺวตฺติํสากาเรน จ กายภาวนา ปกาสิตา, ตสฺมา อิทานิ นานปฺปการโต ปญฺญาภาวนามุขทสฺสนตฺถํ อิเม ปญฺหพฺยากรณา อิธ นิกฺขิตฺตาฯ ยสฺมา วา สีลปทฎฺฐาโน สมาธิ, สมาธิปทฎฺฐานา จ ปญฺญา; ยถาห – ‘‘สีเล ปติฎฺฐาย นโร สปโญฺญ, จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวย’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๒๓, ๑๙๒), ตสฺมา สิกฺขาปเทหิ สีลํ ทฺวตฺติํสากาเรน ตํโคจรํ สมาธิญฺจ ทเสฺสตฺวา สมาหิตจิตฺตสฺส นานาธมฺมปริกฺขาราย ปญฺญาย ปเภททสฺสนตฺถํ อิธ นิกฺขิตฺตาติปิ วิญฺญาตพฺพาฯ

    Yasmā pana saraṇagamanehi buddhadhammasaṅghānussativasena cittabhāvanā, sikkhāpadehi sīlabhāvanā, dvattiṃsākārena ca kāyabhāvanā pakāsitā, tasmā idāni nānappakārato paññābhāvanāmukhadassanatthaṃ ime pañhabyākaraṇā idha nikkhittā. Yasmā vā sīlapadaṭṭhāno samādhi, samādhipadaṭṭhānā ca paññā; yathāha – ‘‘sīle patiṭṭhāya naro sapañño, cittaṃ paññañca bhāvaya’’nti (saṃ. ni. 1.23, 192), tasmā sikkhāpadehi sīlaṃ dvattiṃsākārena taṃgocaraṃ samādhiñca dassetvā samāhitacittassa nānādhammaparikkhārāya paññāya pabhedadassanatthaṃ idha nikkhittātipi viññātabbā.

    อิทํ เตสํ อิธ นิเกฺขปปฺปโยชนํฯ

    Idaṃ tesaṃ idha nikkhepappayojanaṃ.

    ปญฺหวณฺณนา

    Pañhavaṇṇanā

    เอกํ นาม กินฺติปญฺหวณฺณนา

    Ekaṃ nāma kintipañhavaṇṇanā

    อิทานิ เตสํ อตฺถวณฺณนา โหติ – เอกํ นาม กินฺติ ภควา ยสฺมิํ เอกธมฺมสฺมิํ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน อนุปุเพฺพน ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, ยสฺมิํ จายมายสฺมา นิพฺพินฺทมาโน อนุปุเพฺพน ทุกฺขสฺสนฺตมกาสิ, ตํ ธมฺมํ สนฺธาย ปญฺหํ ปุจฺฉติฯ ‘‘สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกา’’ติ เถโร ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนาย วิสฺสเชฺชติฯ ‘‘กตมา จ, ภิกฺขเว, สมฺมาสติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๘) เอวมาทีนิ เจตฺถ สุตฺตานิ เอวํ วิสฺสชฺชนยุตฺติสมฺภเว สาธกานิฯ เอตฺถ เยนาหาเรน สเพฺพ สตฺตา ‘‘อาหารฎฺฐิติกา’’ติ วุจฺจนฺติ, โส อาหาโร ตํ วา เนสํ อาหารฎฺฐิติกตฺตํ ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ ปุเฎฺฐน เถเรน นิทฺทิฎฺฐนฺติ เวทิตพฺพํฯ ตญฺหิ ภควตา อิธ เอกนฺติ อธิเปฺปตํ, น ตุ สาสเน โลเก วา อญฺญํ เอกํ นาม นตฺถีติ ญาเปตุํ วุตฺตํฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา –

    Idāni tesaṃ atthavaṇṇanā hoti – ekaṃ nāma kinti bhagavā yasmiṃ ekadhammasmiṃ bhikkhu sammā nibbindamāno anupubbena dukkhassantakaro hoti, yasmiṃ cāyamāyasmā nibbindamāno anupubbena dukkhassantamakāsi, taṃ dhammaṃ sandhāya pañhaṃ pucchati. ‘‘Sabbe sattā āhāraṭṭhitikā’’ti thero puggalādhiṭṭhānāya desanāya vissajjeti. ‘‘Katamā ca, bhikkhave, sammāsati? Idha, bhikkhave, bhikkhu kāye kāyānupassī viharatī’’ti (saṃ. ni. 5.8) evamādīni cettha suttāni evaṃ vissajjanayuttisambhave sādhakāni. Ettha yenāhārena sabbe sattā ‘‘āhāraṭṭhitikā’’ti vuccanti, so āhāro taṃ vā nesaṃ āhāraṭṭhitikattaṃ ‘‘ekaṃ nāma ki’’nti puṭṭhena therena niddiṭṭhanti veditabbaṃ. Tañhi bhagavatā idha ekanti adhippetaṃ, na tu sāsane loke vā aññaṃ ekaṃ nāma natthīti ñāpetuṃ vuttaṃ. Vuttañhetaṃ bhagavatā –

    ‘‘เอกธเมฺม, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน สมฺมา วิรชฺชมาโน สมฺมา วิมุจฺจมาโน สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี สมฺมตฺตํ อภิสเมจฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ กตมสฺมิํ เอกธเมฺม? สเพฺพ สตฺตา อาหารฎฺฐิติกาฯ อิมสฺมิํ โข, ภิกฺขเว, เอกธเมฺม ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ ‘เอโก ปโญฺห เอโก อุเทฺทโส เอกํ เวยฺยากรณ’นฺติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗)ฯ

    ‘‘Ekadhamme, bhikkhave, bhikkhu sammā nibbindamāno sammā virajjamāno sammā vimuccamāno sammā pariyantadassāvī sammattaṃ abhisamecca diṭṭheva dhamme dukkhassantakaro hoti. Katamasmiṃ ekadhamme? Sabbe sattā āhāraṭṭhitikā. Imasmiṃ kho, bhikkhave, ekadhamme bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. ‘Eko pañho eko uddeso ekaṃ veyyākaraṇa’nti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vutta’’nti (a. ni. 10.27).

    อาหารฎฺฐิติกาติ เจตฺถ ยถา ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, สุภนิมิตฺตํฯ ตตฺถ อโยนิโส มนสิการพหุลีกาโร, อยมาหาโร อนุปฺปนฺนสฺส วา กามจฺฉนฺทสฺส อุปฺปาทายา’’ติ เอวมาทีสุ (สํ. นิ. ๕.๒๓๒) ปจฺจโย อาหาโรติ วุจฺจติ, เอวํ ปจฺจยํ อาหารสเทฺทน คเหตฺวา ปจฺจยฎฺฐิติกา ‘‘อาหารฎฺฐิติกา’’ติ วุตฺตาฯ จตฺตาโร ปน อาหาเร สนฺธาย – ‘‘อาหารฎฺฐิติกา’’ติ วุจฺจมาเน ‘‘อสญฺญสตฺตา เทวา อเหตุกา อนาหารา อผสฺสกา อเวทนกา’’ติ วจนโต (วิภ. ๑๐๑๗) ‘‘สเพฺพ’’ติ วจนมยุตฺตํ ภเวยฺยฯ

    Āhāraṭṭhitikāti cettha yathā ‘‘atthi, bhikkhave, subhanimittaṃ. Tattha ayoniso manasikārabahulīkāro, ayamāhāro anuppannassa vā kāmacchandassa uppādāyā’’ti evamādīsu (saṃ. ni. 5.232) paccayo āhāroti vuccati, evaṃ paccayaṃ āhārasaddena gahetvā paccayaṭṭhitikā ‘‘āhāraṭṭhitikā’’ti vuttā. Cattāro pana āhāre sandhāya – ‘‘āhāraṭṭhitikā’’ti vuccamāne ‘‘asaññasattā devā ahetukā anāhārā aphassakā avedanakā’’ti vacanato (vibha. 1017) ‘‘sabbe’’ti vacanamayuttaṃ bhaveyya.

    ตตฺถ สิยา – เอวมฺปิ วุจฺจมาเน ‘‘กตเม ธมฺมา สปจฺจยา? ปญฺจกฺขนฺธา – รูปกฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธ’’ติ (ธ. ส. ๑๐๘๙) วจนโต ขนฺธานํเยว ปจฺจยฎฺฐิติกตฺตํ ยุตฺตํ, สตฺตานนฺตุ อยุตฺตเมเวตํ วจนํ ภเวยฺยาติฯ น โข ปเนตํ เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ กสฺมา ? สเตฺตสุ ขโนฺธปจารสิทฺธิโตฯ สเตฺตสุ หิ ขโนฺธปจาโร สิโทฺธฯ กสฺมา? ขเนฺธ อุปาทาย ปญฺญาเปตพฺพโตฯ กถํ? เคเห คาโมปจาโร วิยฯ เสยฺยถาปิ หิ เคหานิ อุปาทาย ปญฺญาเปตพฺพตฺตา คามสฺส เอกสฺมิมฺปิ ทฺวีสุ ตีสุปิ วา เคเหสุ ทเฑฺฒสุ ‘‘คาโม ทโฑฺฒ’’ติ เอวํ เคเห คาโมปจาโร สิโทฺธ, เอวเมว ขเนฺธสุ ปจฺจยเฎฺฐน อาหารฎฺฐิติเกสุ ‘‘สตฺตา อาหารฎฺฐิติกา’’ติ อยํ อุปจาโร สิโทฺธติ เวทิตโพฺพฯ ปรมตฺถโต จ ขเนฺธสุ ชายมาเนสุ ชียมาเนสุ มียมาเนสุ จ ‘‘ขเณ ขเณ ตฺวํ ภิกฺขุ ชายเส จ ชียเส จ มียเส จา’’ติ วทตา ภควตา เตสุ สเตฺตสุ ขโนฺธปจาโร สิโทฺธติ ทสฺสิโต เอวาติ เวทิตโพฺพฯ ยโต เยน ปจฺจยาเขฺยน อาหาเรน สเพฺพ สตฺตา ติฎฺฐนฺติ, โส อาหาโร ตํ วา เนสํ อาหารฎฺฐิติกตฺตํ เอกนฺติ เวทิตพฺพํฯ อาหาโร หิ อาหารฎฺฐิติกตฺตํ วา อนิจฺจตาการณโต นิพฺพิทาฎฺฐานํ โหติฯ อถ เตสุ สพฺพสตฺตสญฺญิเตสุ สงฺขาเรสุ อนิจฺจตาทสฺสเนน นิพฺพินฺทมาโน อนุปุเพฺพน ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, ปรมตฺถวิสุทฺธิํ ปาปุณาติฯ ยถาห –

    Tattha siyā – evampi vuccamāne ‘‘katame dhammā sapaccayā? Pañcakkhandhā – rūpakkhandho…pe… viññāṇakkhandho’’ti (dha. sa. 1089) vacanato khandhānaṃyeva paccayaṭṭhitikattaṃ yuttaṃ, sattānantu ayuttamevetaṃ vacanaṃ bhaveyyāti. Na kho panetaṃ evaṃ daṭṭhabbaṃ. Kasmā ? Sattesu khandhopacārasiddhito. Sattesu hi khandhopacāro siddho. Kasmā? Khandhe upādāya paññāpetabbato. Kathaṃ? Gehe gāmopacāro viya. Seyyathāpi hi gehāni upādāya paññāpetabbattā gāmassa ekasmimpi dvīsu tīsupi vā gehesu daḍḍhesu ‘‘gāmo daḍḍho’’ti evaṃ gehe gāmopacāro siddho, evameva khandhesu paccayaṭṭhena āhāraṭṭhitikesu ‘‘sattā āhāraṭṭhitikā’’ti ayaṃ upacāro siddhoti veditabbo. Paramatthato ca khandhesu jāyamānesu jīyamānesu mīyamānesu ca ‘‘khaṇe khaṇe tvaṃ bhikkhu jāyase ca jīyase ca mīyase cā’’ti vadatā bhagavatā tesu sattesu khandhopacāro siddhoti dassito evāti veditabbo. Yato yena paccayākhyena āhārena sabbe sattā tiṭṭhanti, so āhāro taṃ vā nesaṃ āhāraṭṭhitikattaṃ ekanti veditabbaṃ. Āhāro hi āhāraṭṭhitikattaṃ vā aniccatākāraṇato nibbidāṭṭhānaṃ hoti. Atha tesu sabbasattasaññitesu saṅkhāresu aniccatādassanena nibbindamāno anupubbena dukkhassantakaro hoti, paramatthavisuddhiṃ pāpuṇāti. Yathāha –

    ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจาติ, ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ;

    ‘‘Sabbe saṅkhārā aniccāti, yadā paññāya passati;

    อถ นิพฺพินฺทติ ทุเกฺข, เอส มโคฺค วิสุทฺธิยา’’ติฯ (ธ. ป. ๒๗๗);

    Atha nibbindati dukkhe, esa maggo visuddhiyā’’ti. (dha. pa. 277);

    เอตฺถ จ ‘‘เอกํ นาม กิ’’นฺติ จ ‘‘กิหา’’ติ จ ทุวิโธ ปาโฐ, ตตฺถ สีหฬานํ กิหาติ ปาโฐฯ เต หิ ‘‘กิ’’นฺติ วตฺตเพฺพ ‘‘กิหา’’ติ วทนฺติฯ เกจิ ภณนฺติ ‘‘ห-อิติ นิปาโต, เถริยานมฺปิ อยเมว ปาโฐ’’ติ อุภยถาปิ ปน เอโกว อโตฺถฯ ยถา รุจฺจติ, ตถา ปฐิตพฺพํฯ ยถา ปน ‘‘สุเขน ผุโฎฺฐ อถ วา ทุเขน (ธ. ป. ๘๓), ทุกฺขํ โทมนสฺสํ ปฎิสํเวเทตี’’ติ เอวมาทีสุ กตฺถจิ ทุขนฺติ จ กตฺถจิ ทุกฺขนฺติ จ วุจฺจติ, เอวํ กตฺถจิ เอกนฺติ, กตฺถจิ เอกฺกนฺติ วุจฺจติฯ อิธ ปน เอกํ นามาติ อยเมว ปาโฐฯ

    Ettha ca ‘‘ekaṃ nāma ki’’nti ca ‘‘kihā’’ti ca duvidho pāṭho, tattha sīhaḷānaṃ kihāti pāṭho. Te hi ‘‘ki’’nti vattabbe ‘‘kihā’’ti vadanti. Keci bhaṇanti ‘‘ha-iti nipāto, theriyānampi ayameva pāṭho’’ti ubhayathāpi pana ekova attho. Yathā ruccati, tathā paṭhitabbaṃ. Yathā pana ‘‘sukhena phuṭṭho atha vā dukhena (dha. pa. 83), dukkhaṃ domanassaṃ paṭisaṃvedetī’’ti evamādīsu katthaci dukhanti ca katthaci dukkhanti ca vuccati, evaṃ katthaci ekanti, katthaci ekkanti vuccati. Idha pana ekaṃ nāmāti ayameva pāṭho.

    เทฺว นาม กินฺติปญฺหวณฺณนา

    Dve nāma kintipañhavaṇṇanā

    เอวํ อิมินา ปญฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิโตฺต สตฺถา ปุริมนเยเนว อุตฺตริํ ปญฺหํ ปุจฺฉติ เทฺว นาม กินฺติ? เถโร เทฺวติ ปจฺจนุภาสิตฺวา ‘‘นามญฺจ รูปญฺจา’’ติ ธมฺมาธิฎฺฐานาย เทสนาย วิสฺสเชฺชติฯ ตตฺถ อารมฺมณาภิมุขํ นมนโต, จิตฺตสฺส จ นติเหตุโต สพฺพมฺปิ อรูปํ ‘‘นาม’’นฺติ วุจฺจติฯ อิธ ปน นิพฺพิทาเหตุตฺตา สาสวธมฺมเมว อธิเปฺปตํ รุปฺปนเฎฺฐน จตฺตาโร จ มหาภูตา, สพฺพญฺจ ตทุปาทาย ปวตฺตมานํ รูปํ ‘‘รูป’’นฺติ วุจฺจติ, ตํ สพฺพมฺปิ อิธาธิเปฺปตํฯ อธิปฺปายวเสเนว เจตฺถ ‘‘เทฺว นาม นามญฺจ รูปญฺจา’’ติ วุตฺตํ, น อเญฺญสํ ทฺวินฺนมภาวโตฯ ยถาห –

    Evaṃ iminā pañhabyākaraṇena āraddhacitto satthā purimanayeneva uttariṃ pañhaṃ pucchati dve nāma kinti? Thero dveti paccanubhāsitvā ‘‘nāmañca rūpañcā’’ti dhammādhiṭṭhānāya desanāya vissajjeti. Tattha ārammaṇābhimukhaṃ namanato, cittassa ca natihetuto sabbampi arūpaṃ ‘‘nāma’’nti vuccati. Idha pana nibbidāhetuttā sāsavadhammameva adhippetaṃ ruppanaṭṭhena cattāro ca mahābhūtā, sabbañca tadupādāya pavattamānaṃ rūpaṃ ‘‘rūpa’’nti vuccati, taṃ sabbampi idhādhippetaṃ. Adhippāyavaseneva cettha ‘‘dve nāma nāmañca rūpañcā’’ti vuttaṃ, na aññesaṃ dvinnamabhāvato. Yathāha –

    ‘‘ทฺวีสุ , ภิกฺขเว, ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ กตเมสุ ทฺวีสุ? นาเม จ รูเป จฯ อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ทฺวีสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ ‘เทฺว ปญฺหา, เทฺว อุเทฺทสา, เทฺว เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗)ฯ

    ‘‘Dvīsu , bhikkhave, dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. Katamesu dvīsu? Nāme ca rūpe ca. Imesu kho, bhikkhave, dvīsu dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. ‘Dve pañhā, dve uddesā, dve veyyākaraṇānī’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vutta’’nti (a. ni. 10.27).

    เอตฺถ จ นามรูปมตฺตทสฺสเนน อตฺตทิฎฺฐิํ ปหาย อนตฺตานุปสฺสนามุเขเนว นิพฺพินฺทมาโน อนุปุเพฺพน ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, ปรมตฺถวิสุทฺธิํ ปาปุณาตีติ เวทิตโพฺพฯ ยถาห –

    Ettha ca nāmarūpamattadassanena attadiṭṭhiṃ pahāya anattānupassanāmukheneva nibbindamāno anupubbena dukkhassantakaro hoti, paramatthavisuddhiṃ pāpuṇātīti veditabbo. Yathāha –

    ‘‘สเพฺพ ธมฺมา อนตฺตาติ, ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ;

    ‘‘Sabbe dhammā anattāti, yadā paññāya passati;

    อถ นิพฺพินฺทติ ทุเกฺข, เอส มโคฺค วิสุทฺธิยา’’ติฯ (ธ. ป. ๒๗๙);

    Atha nibbindati dukkhe, esa maggo visuddhiyā’’ti. (dha. pa. 279);

    ตีณิ นาม กินฺติปญฺหวณฺณนา

    Tīṇi nāma kintipañhavaṇṇanā

    อิทานิ อิมินาปิ ปญฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิโตฺต สตฺถา ปุริมนเยเนว อุตฺตริํ ปญฺหํ ปุจฺฉติ ตีณิ นาม กินฺติ? เถโร ตีณีติ ปจฺจนุภาสิตฺวา ปุน พฺยากริตพฺพสฺส อตฺถสฺส ลิงฺคานุรูปํ สงฺขฺยํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ติโสฺส เวทนา’’ติ วิสฺสเชฺชติฯ อถ วา ‘‘ยา ภควตา ‘ติโสฺส เวทนา’ติ วุตฺตา, อิมาสมตฺถมหํ ตีณีติ ปเจฺจมี’’ติ ทเสฺสโนฺต อาหาติ เอวเมฺปตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อเนกมุขา หิ เทสนา ปฎิสมฺภิทาปเภเทน เทสนาวิลาสปฺปตฺตานํฯ เกจิ ปนาหุ ‘‘ตีณีติ อธิกปทมิท’’นฺติฯ ปุริมนเยเนว เจตฺถ ‘‘ติโสฺส เวทนา’’ติ วุตฺตํ, น อเญฺญสํ ติณฺณมภาวโตฯ ยถาห –

    Idāni imināpi pañhabyākaraṇena āraddhacitto satthā purimanayeneva uttariṃ pañhaṃ pucchati tīṇi nāma kinti? Thero tīṇīti paccanubhāsitvā puna byākaritabbassa atthassa liṅgānurūpaṃ saṅkhyaṃ dassento ‘‘tisso vedanā’’ti vissajjeti. Atha vā ‘‘yā bhagavatā ‘tisso vedanā’ti vuttā, imāsamatthamahaṃ tīṇīti paccemī’’ti dassento āhāti evampettha attho veditabbo. Anekamukhā hi desanā paṭisambhidāpabhedena desanāvilāsappattānaṃ. Keci panāhu ‘‘tīṇīti adhikapadamida’’nti. Purimanayeneva cettha ‘‘tisso vedanā’’ti vuttaṃ, na aññesaṃ tiṇṇamabhāvato. Yathāha –

    ‘‘ตีสุ, ภิกฺขเว, ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ กตเมสุ ตีสุ? ตีสุ เวทนาสุฯ อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ตีสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ ‘ตโย ปญฺหา, ตโย อุเทฺทสา, ตีณิ เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ , อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗)ฯ

    ‘‘Tīsu, bhikkhave, dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. Katamesu tīsu? Tīsu vedanāsu. Imesu kho, bhikkhave, tīsu dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. ‘Tayo pañhā, tayo uddesā, tīṇi veyyākaraṇānī’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ , idametaṃ paṭicca vutta’’nti (a. ni. 10.27).

    เอตฺถ จ ‘‘ยํกิญฺจิ เวทยิตํ, สพฺพํ ตํ ทุกฺขสฺมินฺติ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๔.๒๕๙) วุตฺตสุตฺตานุสาเรน วาฯ –

    Ettha ca ‘‘yaṃkiñci vedayitaṃ, sabbaṃ taṃ dukkhasminti vadāmī’’ti (saṃ. ni. 4.259) vuttasuttānusārena vā. –

    ‘‘โย สุขํ ทุกฺขโต อทฺท, ทุกฺขมทฺทกฺขิ สลฺลโต;

    ‘‘Yo sukhaṃ dukkhato adda, dukkhamaddakkhi sallato;

    อทุกฺขมสุขํ สนฺตํ, อทฺทกฺขิ นํ อนิจฺจโต’’ติฯ (อิติวุ. ๕๓) –

    Adukkhamasukhaṃ santaṃ, addakkhi naṃ aniccato’’ti. (itivu. 53) –

    เอวํ ทุกฺขทุกฺขตาวิปริณามทุกฺขตาสงฺขารทุกฺขตานุสาเรน วา ติสฺสนฺนํ เวทนานํ ทุกฺขภาวทสฺสเนน สุขสญฺญํ ปหาย ทุกฺขานุปสฺสนามุเขน นิพฺพินฺทมาโน อนุปุเพฺพน ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, ปรมตฺถวิสุทฺธิํ ปาปุณาตีติ เวทิตโพฺพฯ ยถาห –

    Evaṃ dukkhadukkhatāvipariṇāmadukkhatāsaṅkhāradukkhatānusārena vā tissannaṃ vedanānaṃ dukkhabhāvadassanena sukhasaññaṃ pahāya dukkhānupassanāmukhena nibbindamāno anupubbena dukkhassantakaro hoti, paramatthavisuddhiṃ pāpuṇātīti veditabbo. Yathāha –

    ‘‘สเพฺพ สงฺขารา ทุกฺขาติ, ยทา ปญฺญาย ปสฺสติ;

    ‘‘Sabbe saṅkhārā dukkhāti, yadā paññāya passati;

    อถ นิพฺพินฺทติ ทุเกฺข, เอส มโคฺค วิสุทฺธิยา’’ติฯ (ธ. ป. ๒๗๘);

    Atha nibbindati dukkhe, esa maggo visuddhiyā’’ti. (dha. pa. 278);

    จตฺตาริ นาม กินฺติปญฺหวณฺณนา

    Cattāri nāma kintipañhavaṇṇanā

    เอวํ อิมินาปิ ปญฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิโตฺต สตฺถา ปุริมนเยเนว อุตฺตริํ ปญฺหํ ปุจฺฉติ จตฺตาริ นาม กินฺติ? ตตฺถ อิมสฺส ปญฺหสฺส พฺยากรณปเกฺข กตฺถจิ ปุริมนเยเนว จตฺตาโร อาหารา อธิเปฺปตาฯ ยถาห –

    Evaṃ imināpi pañhabyākaraṇena āraddhacitto satthā purimanayeneva uttariṃ pañhaṃ pucchati cattāri nāma kinti? Tattha imassa pañhassa byākaraṇapakkhe katthaci purimanayeneva cattāro āhārā adhippetā. Yathāha –

    ‘‘จตูสุ , ภิกฺขเว, ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ กตเมสุ จตูสุ? จตูสุ อาหาเรสุฯ อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, จตูสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ ‘จตฺตาโร ปญฺหา จตฺตาโร อุเทฺทสา จตฺตาริ เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗)ฯ

    ‘‘Catūsu , bhikkhave, dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. Katamesu catūsu? Catūsu āhāresu. Imesu kho, bhikkhave, catūsu dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. ‘Cattāro pañhā cattāro uddesā cattāri veyyākaraṇānī’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vutta’’nti (a. ni. 10.27).

    กตฺถจิ เยสุ สุภาวิตจิโตฺต อนุปุเพฺพน ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, ตานิ จตฺตาริ สติปฎฺฐานานิฯ ยถาห กชงฺคลา ภิกฺขุนี –

    Katthaci yesu subhāvitacitto anupubbena dukkhassantakaro hoti, tāni cattāri satipaṭṭhānāni. Yathāha kajaṅgalā bhikkhunī –

    ‘‘จตูสุ, อาวุโส, ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา สุภาวิตจิโตฺต สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี สมฺมตฺตํ อภิสเมจฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ กตเมสุ จตูสุ? จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุฯ อิเมสุ โข, อาวุโส, จตูสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา สุภาวิตจิโตฺต…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ ‘จตฺตาโร ปญฺหา จตฺตาโร อุเทฺทสา จตฺตาริ เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๘)ฯ

    ‘‘Catūsu, āvuso, dhammesu bhikkhu sammā subhāvitacitto sammā pariyantadassāvī sammattaṃ abhisamecca diṭṭheva dhamme dukkhassantakaro hoti. Katamesu catūsu? Catūsu satipaṭṭhānesu. Imesu kho, āvuso, catūsu dhammesu bhikkhu sammā subhāvitacitto…pe… dukkhassantakaro hoti. ‘Cattāro pañhā cattāro uddesā cattāri veyyākaraṇānī’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā, idametaṃ paṭicca vutta’’nti (a. ni. 10.28).

    อิธ ปน เยสํ จตุนฺนํ อนุโพธปฺปฎิเวธโต ภวตณฺหาเฉโท โหติ, ยสฺมา ตานิ จตฺตาริ อริยสจฺจานิ อธิเปฺปตานิฯ ยสฺมา วา อิมินา ปริยาเยน พฺยากตํ สุพฺยากตเมว โหติ, ตสฺมา เถโร จตฺตารีติ ปจฺจนุภาสิตฺวา ‘‘อริยสจฺจานี’’ติ วิสฺสเชฺชติฯ ตตฺถ จตฺตารีติ คณนปริเจฺฉโทฯ อริยสจฺจานีติ อริยานิ สจฺจานิ, อวิตถานิ อวิสํวาทกานีติ อโตฺถฯ ยถาห –

    Idha pana yesaṃ catunnaṃ anubodhappaṭivedhato bhavataṇhāchedo hoti, yasmā tāni cattāri ariyasaccāni adhippetāni. Yasmā vā iminā pariyāyena byākataṃ subyākatameva hoti, tasmā thero cattārīti paccanubhāsitvā ‘‘ariyasaccānī’’ti vissajjeti. Tattha cattārīti gaṇanaparicchedo. Ariyasaccānīti ariyāni saccāni, avitathāni avisaṃvādakānīti attho. Yathāha –

    ‘‘อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ ตถานิ อวิตถานิ อนญฺญถานิ, ตสฺมา อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๗)ฯ

    ‘‘Imāni kho, bhikkhave, cattāri ariyasaccāni tathāni avitathāni anaññathāni, tasmā ariyasaccānīti vuccantī’’ti (saṃ. ni. 5.1097).

    ยสฺมา วา สเทวเกน โลเกน อรณียโต อภิคมนียโตติ วุตฺตํ โหติ, วายมิตพฺพฎฺฐานสญฺญิเต อเย วา อิริยนโต, อนเย วา น อิริยนโต, สตฺตติํสโพธิปกฺขิยอริยธมฺมสมาโยคโต วา อริยสมฺมตา พุทฺธปเจฺจกพุทฺธพุทฺธสาวกา เอตานิ ปฎิวิชฺฌนฺติ, ตสฺมาปิ ‘‘อริยสจฺจานี’’ติ วุจฺจนฺติฯ ยถาห –

    Yasmā vā sadevakena lokena araṇīyato abhigamanīyatoti vuttaṃ hoti, vāyamitabbaṭṭhānasaññite aye vā iriyanato, anaye vā na iriyanato, sattatiṃsabodhipakkhiyaariyadhammasamāyogato vā ariyasammatā buddhapaccekabuddhabuddhasāvakā etāni paṭivijjhanti, tasmāpi ‘‘ariyasaccānī’’ti vuccanti. Yathāha –

    ‘‘จตฺตาริมานิ , ภิกฺขเว, อริยสจฺจานิ…เป.… อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ อริยสจฺจานิ, อริยา อิมานิ ปฎิวิชฺฌนฺติ, ตสฺมา อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Cattārimāni , bhikkhave, ariyasaccāni…pe… imāni kho, bhikkhave, cattāri ariyasaccāni, ariyā imāni paṭivijjhanti, tasmā ariyasaccānīti vuccantī’’ti.

    อปิจ อริยสฺส ภควโต สจฺจานีติปิ อริยสจฺจานิฯ ยถาห –

    Apica ariyassa bhagavato saccānītipi ariyasaccāni. Yathāha –

    ‘‘สเทวเก, ภิกฺขเว…เป.… สเทวมนุสฺสาย ตถาคโต อริโย, ตสฺมา อริยสจฺจานีติ วุจฺจนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๘)ฯ

    ‘‘Sadevake, bhikkhave…pe… sadevamanussāya tathāgato ariyo, tasmā ariyasaccānīti vuccantī’’ti (saṃ. ni. 5.1098).

    อถ วา เอเตสํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา อริยภาวสิทฺธิโตปิ อริยสจฺจานิฯ ยถาห –

    Atha vā etesaṃ abhisambuddhattā ariyabhāvasiddhitopi ariyasaccāni. Yathāha –

    ‘‘อิเมสํ โข, ภิกฺขเว, จตุนฺนํ อริยสจฺจานํ ยถาภูตํ อภิสมฺพุทฺธตฺตา ตถาคโต อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธติ วุจฺจตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๓)ฯ

    ‘‘Imesaṃ kho, bhikkhave, catunnaṃ ariyasaccānaṃ yathābhūtaṃ abhisambuddhattā tathāgato arahaṃ sammāsambuddhoti vuccatī’’ti (saṃ. ni. 5.1093).

    อยเมเตสํ ปทโตฺถฯ เอเตสํ ปน อริยสจฺจานํ อนุโพธปฺปฎิเวธโต ภวตณฺหาเฉโท โหติฯ ยถาห –

    Ayametesaṃ padattho. Etesaṃ pana ariyasaccānaṃ anubodhappaṭivedhato bhavataṇhāchedo hoti. Yathāha –

    ‘‘ตยิทํ , ภิกฺขเว, ทุกฺขํ อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฎิวิทฺธํ…เป.… ทุกฺขนิโรธคามินิปฎิปทา อริยสจฺจํ อนุพุทฺธํ ปฎิวิทฺธํ, อุจฺฉินฺนา ภวตณฺหา, ขีณา ภวเนตฺติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๙๑)ฯ

    ‘‘Tayidaṃ , bhikkhave, dukkhaṃ ariyasaccaṃ anubuddhaṃ paṭividdhaṃ…pe… dukkhanirodhagāminipaṭipadā ariyasaccaṃ anubuddhaṃ paṭividdhaṃ, ucchinnā bhavataṇhā, khīṇā bhavanetti, natthi dāni punabbhavo’’ti (saṃ. ni. 5.1091).

    ปญฺจ นาม กินฺติปญฺหวณฺณนา

    Pañca nāma kintipañhavaṇṇanā

    อิมินาปิ ปญฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิโตฺต สตฺถา ปุริมนเยเนว อุตฺตริํ ปญฺหํ ปุจฺฉติ ปญฺจ นาม กินฺติ? เถโร ปญฺจาติ ปจฺจนุภาสิตฺวา ‘‘อุปาทานกฺขนฺธา’’ติ วิสฺสเชฺชติฯ ตตฺถ ปญฺจาติ คณนปริเจฺฉโทฯ อุปาทานชนิตา อุปาทานชนกา วา ขนฺธา อุปาทานกฺขนฺธาฯ ยํกิญฺจิ รูปํ, เวทนา, สญฺญา, สงฺขารา, วิญฺญาณญฺจ สาสวา อุปาทานิยา, เอเตสเมตํ อธิวจนํฯ ปุพฺพนเยเนว เจตฺถ ‘‘ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา’’ติ วุตฺตํ, น อเญฺญสํ ปญฺจนฺนมภาวโตฯ ยถาห –

    Imināpi pañhabyākaraṇena āraddhacitto satthā purimanayeneva uttariṃ pañhaṃ pucchati pañca nāma kinti? Thero pañcāti paccanubhāsitvā ‘‘upādānakkhandhā’’ti vissajjeti. Tattha pañcāti gaṇanaparicchedo. Upādānajanitā upādānajanakā vā khandhā upādānakkhandhā. Yaṃkiñci rūpaṃ, vedanā, saññā, saṅkhārā, viññāṇañca sāsavā upādāniyā, etesametaṃ adhivacanaṃ. Pubbanayeneva cettha ‘‘pañcupādānakkhandhā’’ti vuttaṃ, na aññesaṃ pañcannamabhāvato. Yathāha –

    ‘‘ปญฺจสุ, ภิกฺขเว, ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ กตเมสุ ปญฺจสุ? ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุฯ อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ ‘ปญฺจ ปญฺหา, ปญฺจ อุเทฺทสา , ปญฺจ เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗)ฯ

    ‘‘Pañcasu, bhikkhave, dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. Katamesu pañcasu? Pañcasu upādānakkhandhesu. Imesu kho, bhikkhave, pañcasu dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. ‘Pañca pañhā, pañca uddesā , pañca veyyākaraṇānī’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vutta’’nti (a. ni. 10.27).

    เอตฺถ จ ปญฺจกฺขเนฺธ อุทยพฺพยวเสน สมฺมสโนฺต วิปสฺสนามตํ ลทฺธา อนุปุเพฺพน นิพฺพานามตํ สจฺฉิกโรติฯ ยถาห –

    Ettha ca pañcakkhandhe udayabbayavasena sammasanto vipassanāmataṃ laddhā anupubbena nibbānāmataṃ sacchikaroti. Yathāha –

    ‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

    ‘‘Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;

    ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๗๔);

    Labhatī pītipāmojjaṃ, amataṃ taṃ vijānata’’nti. (dha. pa. 374);

    ฉ นาม กินฺติปญฺหวณฺณนา

    Cha nāma kintipañhavaṇṇanā

    เอวํ อิมินาปิ ปญฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิโตฺต สตฺถา ปุริมนเยเนว อุตฺตริํ ปญฺหํ ปุจฺฉติ ‘‘ฉ นาม กิ’’นฺติ? เถโร อิติ ปจฺจนุภาสิตฺวา ‘อชฺฌตฺติกานิ อายตนานี’ติ วิสฺสเชฺชติฯ ตตฺถ อิติ คณนปริเจฺฉโท, อชฺฌเตฺต นิยุตฺตานิ, อตฺตานํ วา อธิกตฺวา ปวตฺตานิ อชฺฌตฺติกานิฯ อายตนโต, อายสฺส วา ตนนโต, อายตสฺส วา สํสารทุกฺขสฺส นยนโต อายตนานิ, จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายมนานเมตํ อธิวจนํฯ ปุพฺพนเยน เจตฺถ ‘‘ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานี’’ติ วุตฺตํ, น อเญฺญสํ ฉนฺนมภาวโตฯ ยถาห –

    Evaṃ imināpi pañhabyākaraṇena āraddhacitto satthā purimanayeneva uttariṃ pañhaṃ pucchati ‘‘cha nāma ki’’nti? Thero chaiti paccanubhāsitvā ‘ajjhattikāni āyatanānī’ti vissajjeti. Tattha chaiti gaṇanaparicchedo, ajjhatte niyuttāni, attānaṃ vā adhikatvā pavattāni ajjhattikāni. Āyatanato, āyassa vā tananato, āyatassa vā saṃsāradukkhassa nayanato āyatanāni, cakkhusotaghānajivhākāyamanānametaṃ adhivacanaṃ. Pubbanayena cettha ‘‘cha ajjhattikāni āyatanānī’’ti vuttaṃ, na aññesaṃ channamabhāvato. Yathāha –

    ‘‘ฉสุ , ภิกฺขเว, ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ กตเมสุ ฉสุ? ฉสุ อชฺฌตฺติเกสุ อายตเนสุฯ อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ฉสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ ‘ฉ ปญฺหา ฉ อุเทฺทสา ฉ เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗)ฯ

    ‘‘Chasu , bhikkhave, dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. Katamesu chasu? Chasu ajjhattikesu āyatanesu. Imesu kho, bhikkhave, chasu dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. ‘Cha pañhā cha uddesā cha veyyākaraṇānī’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vutta’’nti (a. ni. 10.27).

    เอตฺถ จ ฉ อชฺฌตฺติกานิ อายตนานิ, ‘‘สุโญฺญ คาโมติ โข, ภิกฺขเว, ฉเนฺนตํ อชฺฌตฺติกานํ อายตนานํ อธิวจน’’นฺติ (สํ. นิ. ๔.๒๓๘) วจนโต สุญฺญโต ปุพฺพุฬกมรีจิกาทีนิ วิย อจิรฎฺฐิติกโต ตุจฺฉโต วญฺจนโต จ สมนุปสฺสํ นิพฺพินฺทมาโน อนุปุเพฺพน ทุกฺขสฺสนฺตํ กตฺวา มจฺจุราชสฺส อทสฺสนํ อุเปติฯ ยถาห –

    Ettha ca cha ajjhattikāni āyatanāni, ‘‘suñño gāmoti kho, bhikkhave, channetaṃ ajjhattikānaṃ āyatanānaṃ adhivacana’’nti (saṃ. ni. 4.238) vacanato suññato pubbuḷakamarīcikādīni viya aciraṭṭhitikato tucchato vañcanato ca samanupassaṃ nibbindamāno anupubbena dukkhassantaṃ katvā maccurājassa adassanaṃ upeti. Yathāha –

    ‘‘ยถา ปุพฺพุฬกํ ปเสฺส, ยถา ปเสฺส มรีจิกํ;

    ‘‘Yathā pubbuḷakaṃ passe, yathā passe marīcikaṃ;

    เอวํ โลกํ อเวกฺขนฺตํ, มจฺจุราชา น ปสฺสตี’’ติฯ (ธ. ป. ๑๗๐);

    Evaṃ lokaṃ avekkhantaṃ, maccurājā na passatī’’ti. (dha. pa. 170);

    สตฺต นาม กินฺติปญฺหวณฺณนา

    Satta nāma kintipañhavaṇṇanā

    อิมินาปิ ปญฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิโตฺต สตฺถา อุตฺตริํ ปญฺหํ ปุจฺฉติ สตฺต นาม กินฺติ? เถโร กิญฺจาปิ มหาปญฺหพฺยากรเณ สตฺต วิญฺญาณฎฺฐิติโย วุตฺตา, อปิจ โข ปน เยสุ ธเมฺมสุ สุภาวิตจิโตฺต ภิกฺขุ ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, เต ทเสฺสโนฺต ‘‘สตฺต โพชฺฌงฺคา’’ติ วิสฺสเชฺชติฯ อยมฺปิ จโตฺถ ภควตา อนุมโต เอวฯ ยถาห –

    Imināpi pañhabyākaraṇena āraddhacitto satthā uttariṃ pañhaṃ pucchati satta nāma kinti? Thero kiñcāpi mahāpañhabyākaraṇe satta viññāṇaṭṭhitiyo vuttā, apica kho pana yesu dhammesu subhāvitacitto bhikkhu dukkhassantakaro hoti, te dassento ‘‘satta bojjhaṅgā’’ti vissajjeti. Ayampi cattho bhagavatā anumato eva. Yathāha –

    ‘‘ปณฺฑิตา คหปตโย กชงฺคลิกา ภิกฺขุนี, มหาปญฺญา คหปตโย กชงฺคลิกา ภิกฺขุนี, มเญฺจปิ ตุเมฺห คหปตโย อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถ, อหมฺปิ เจตํ เอวเมว พฺยากเรยฺยํ, ยถา ตํ กชงฺคลิกาย ภิกฺขุนิยา พฺยากต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๘)ฯ

    ‘‘Paṇḍitā gahapatayo kajaṅgalikā bhikkhunī, mahāpaññā gahapatayo kajaṅgalikā bhikkhunī, mañcepi tumhe gahapatayo upasaṅkamitvā etamatthaṃ paṭipuccheyyātha, ahampi cetaṃ evameva byākareyyaṃ, yathā taṃ kajaṅgalikāya bhikkhuniyā byākata’’nti (a. ni. 10.28).

    ตาย จ เอวํ พฺยากตํ –

    Tāya ca evaṃ byākataṃ –

    ‘‘สตฺตสุ, อาวุโส, ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา สุภาวิตจิโตฺต…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ กตเมสุ สตฺตสุ? สตฺตสุ โพชฺฌเงฺคสุฯ อิเมสุ โข, อาวุโส, สตฺตสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา สุภาวิตจิโตฺต…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ ‘สตฺต ปญฺหา สตฺต อุเทฺทสา สตฺต เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๘)ฯ

    ‘‘Sattasu, āvuso, dhammesu bhikkhu sammā subhāvitacitto…pe… dukkhassantakaro hoti. Katamesu sattasu? Sattasu bojjhaṅgesu. Imesu kho, āvuso, sattasu dhammesu bhikkhu sammā subhāvitacitto…pe… dukkhassantakaro hoti. ‘Satta pañhā satta uddesā satta veyyākaraṇānī’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā, idametaṃ paṭicca vutta’’nti (a. ni. 10.28).

    เอวมยมโตฺถ ภควตา อนุมโต เอวาติ เวทิตโพฺพฯ

    Evamayamattho bhagavatā anumato evāti veditabbo.

    ตตฺถ สตฺตาติ อูนาธิกนิวารณคณนปริเจฺฉโทฯ โพชฺฌงฺคาติ สติอาทีนํ ธมฺมานเมตํ อธิวจนํฯ ตตฺรายํ ปทโตฺถ – เอตาย โลกิยโลกุตฺตรมคฺคกฺขเณ อุปฺปชฺชมานาย ลีนุทฺธจฺจปติฎฺฐานายูหนกามสุขตฺตกิลมถานุโยคอุเจฺฉทสสฺสตาภินิเวสาทิ- อเนกุปทฺทวปฺปฎิปกฺขภูตาย สติธมฺมวิจยวีริยปีติปฺปสฺสทฺธิสมาธุเปกฺขาสงฺขาตาย ธมฺมสามคฺคิยา อริยสาวโก พุชฺฌตีติ กตฺวา โพธิ, กิเลสสนฺตานนิทฺทาย อุฎฺฐหติ, จตฺตาริ วา อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌติ, นิพฺพานเมว วา สจฺฉิกโรตีติ วุตฺตํ โหติฯ ยถาห – ‘‘สตฺต โพชฺฌเงฺค ภาเวตฺวา อนุตฺตรํ สมฺมาสโมฺพธิํ อภิสมฺพุโทฺธ’’ติฯ ยถาวุตฺตปฺปการาย วา เอตาย ธมฺมสามคฺคิยา พุชฺฌตีติ กตฺวา อริยสาวโกปิ โพธิฯ อิติ ตสฺสา ธมฺมสามคฺคิสงฺขาตาย โพธิยา องฺคภูตตฺตา โพชฺฌงฺคา ฌานงฺคมคฺคงฺคานิ วิย, ตสฺส วา โพธีติ ลทฺธโวหารสฺส อริยสาวกสฺส องฺคภูตตฺตาปิ โพชฺฌงฺคา เสนงฺครถงฺคาทโย วิยฯ

    Tattha sattāti ūnādhikanivāraṇagaṇanaparicchedo. Bojjhaṅgāti satiādīnaṃ dhammānametaṃ adhivacanaṃ. Tatrāyaṃ padattho – etāya lokiyalokuttaramaggakkhaṇe uppajjamānāya līnuddhaccapatiṭṭhānāyūhanakāmasukhattakilamathānuyogaucchedasassatābhinivesādi- anekupaddavappaṭipakkhabhūtāya satidhammavicayavīriyapītippassaddhisamādhupekkhāsaṅkhātāya dhammasāmaggiyā ariyasāvako bujjhatīti katvā bodhi, kilesasantānaniddāya uṭṭhahati, cattāri vā ariyasaccāni paṭivijjhati, nibbānameva vā sacchikarotīti vuttaṃ hoti. Yathāha – ‘‘satta bojjhaṅge bhāvetvā anuttaraṃ sammāsambodhiṃ abhisambuddho’’ti. Yathāvuttappakārāya vā etāya dhammasāmaggiyā bujjhatīti katvā ariyasāvakopi bodhi. Iti tassā dhammasāmaggisaṅkhātāya bodhiyā aṅgabhūtattā bojjhaṅgā jhānaṅgamaggaṅgāni viya, tassa vā bodhīti laddhavohārassa ariyasāvakassa aṅgabhūtattāpi bojjhaṅgā senaṅgarathaṅgādayo viya.

    อปิจ ‘‘โพชฺฌงฺคาติ เกนเฎฺฐน โพชฺฌงฺคา? โพธาย สํวตฺตนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, พุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, อนุพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, ปฎิพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา, สมฺพุชฺฌนฺตีติ โพชฺฌงฺคา’’ติ (ปฎิ. ม. ๒.๑๗) อิมินาปิ ปฎิสมฺภิทายํ วุเตฺตน วิธินา โพชฺฌงฺคานํ โพชฺฌงฺคโฎฺฐ เวทิตโพฺพฯ เอวมิเม สตฺต โพชฺฌเงฺค ภาเวโนฺต พหุลีกโรโนฺต น จิรเสฺสว เอกนฺตนิพฺพิทาทิคุณปฎิลาภี โหติ, เตน ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหตีติ วุจฺจติ ฯ วุตฺตเญฺจตํ ภควตา –

    Apica ‘‘bojjhaṅgāti kenaṭṭhena bojjhaṅgā? Bodhāya saṃvattantīti bojjhaṅgā, bujjhantīti bojjhaṅgā, anubujjhantīti bojjhaṅgā, paṭibujjhantīti bojjhaṅgā, sambujjhantīti bojjhaṅgā’’ti (paṭi. ma. 2.17) imināpi paṭisambhidāyaṃ vuttena vidhinā bojjhaṅgānaṃ bojjhaṅgaṭṭho veditabbo. Evamime satta bojjhaṅge bhāvento bahulīkaronto na cirasseva ekantanibbidādiguṇapaṭilābhī hoti, tena diṭṭheva dhamme dukkhassantakaro hotīti vuccati . Vuttañcetaṃ bhagavatā –

    ‘‘สตฺติเม, ภิกฺขเว, โพชฺฌงฺคา ภาวิตา พหุลีกตา เอกนฺตนิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย อุปสมาย อภิญฺญาย สโมฺพธาย นิพฺพานาย สํวตฺตนฺตี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๐๑)ฯ

    ‘‘Sattime, bhikkhave, bojjhaṅgā bhāvitā bahulīkatā ekantanibbidāya virāgāya nirodhāya upasamāya abhiññāya sambodhāya nibbānāya saṃvattantī’’ti (saṃ. ni. 5.201).

    อฎฺฐ นาม กินฺติปญฺหวณฺณนา

    Aṭṭha nāma kintipañhavaṇṇanā

    เอวํ อิมินาปิ ปญฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิโตฺต สตฺถา อุตฺตริํ ปญฺหํ ปุจฺฉติ อฎฺฐ นาม กินฺติ? เถโร กิญฺจาปิ มหาปญฺหพฺยากรเณ อฎฺฐ โลกธมฺมา วุตฺตา, อปิจ โข ปน เยสุ ธเมฺมสุ สุภาวิตจิโตฺต ภิกฺขุ ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติ, เต ทเสฺสโนฺต ‘‘อริยานิ อฎฺฐ มคฺคงฺคานี’’ติ อวตฺวา ยสฺมา อฎฺฐงฺควินิมุโตฺต มโคฺค นาม นตฺถิ, อฎฺฐงฺคมตฺตเมว ตุ มโคฺค, ตสฺมา ตมตฺถํ สาเธโนฺต เทสนาวิลาเสน อริโย อฎฺฐงฺคิโก มโคฺคติ วิสฺสเชฺชติฯ ภควตาปิ จายมโตฺถ เทสนานโย จ อนุมโต เอวฯ ยถาห –

    Evaṃ imināpi pañhabyākaraṇena āraddhacitto satthā uttariṃ pañhaṃ pucchati aṭṭha nāma kinti? Thero kiñcāpi mahāpañhabyākaraṇe aṭṭha lokadhammā vuttā, apica kho pana yesu dhammesu subhāvitacitto bhikkhu dukkhassantakaro hoti, te dassento ‘‘ariyāni aṭṭha maggaṅgānī’’ti avatvā yasmā aṭṭhaṅgavinimutto maggo nāma natthi, aṭṭhaṅgamattameva tu maggo, tasmā tamatthaṃ sādhento desanāvilāsena ariyo aṭṭhaṅgiko maggoti vissajjeti. Bhagavatāpi cāyamattho desanānayo ca anumato eva. Yathāha –

    ‘‘ปณฺฑิตา คหปตโย กชงฺคลิกา ภิกฺขุนี…เป.… อหมฺปิ เอวเมว พฺยากเรยฺยํ, ยถา ตํ กชงฺคลิกาย ภิกฺขุนิยา พฺยากต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๘)ฯ

    ‘‘Paṇḍitā gahapatayo kajaṅgalikā bhikkhunī…pe… ahampi evameva byākareyyaṃ, yathā taṃ kajaṅgalikāya bhikkhuniyā byākata’’nti (a. ni. 10.28).

    ตาย จ เอวํ พฺยากตํ –

    Tāya ca evaṃ byākataṃ –

    ‘‘อฎฺฐสุ, อาวุโส, ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา สุภาวิตจิโตฺต…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ ‘อฎฺฐ ปญฺหา, อฎฺฐ อุเทฺทสา, อฎฺฐ เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ ภควตา, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๘)ฯ

    ‘‘Aṭṭhasu, āvuso, dhammesu bhikkhu sammā subhāvitacitto…pe… dukkhassantakaro hoti. ‘Aṭṭha pañhā, aṭṭha uddesā, aṭṭha veyyākaraṇānī’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ bhagavatā, idametaṃ paṭicca vutta’’nti (a. ni. 10.28).

    เอวมยํ อโตฺถ จ เทสนานโย จ ภควตา อนุมโต เอวาติ เวทิตโพฺพฯ

    Evamayaṃ attho ca desanānayo ca bhagavatā anumato evāti veditabbo.

    ตตฺถ อริโยติ นิพฺพานตฺถิเกหิ อภิคนฺตโพฺพ, อปิจ อารกา กิเลเสหิ วตฺตนโต, อริยภาวกรณโต, อริยผลปฎิลาภโต จาปิ อริโยติ เวทิตโพฺพฯ อฎฺฐ องฺคานิ อสฺสาติ อฎฺฐงฺคิโกฯ สฺวายํ จตุรงฺคิกา วิย เสนา, ปญฺจงฺคิกํ วิย จ ตูริยํ องฺควินิโพฺภเคน อนุปลพฺภสภาวโต องฺคมตฺตเมวาติ เวทิตโพฺพฯ มคฺคติ อิมินา นิพฺพานํ, สยํ วา มคฺคติ, กิเลเส มาเรโนฺต วา คจฺฉตีติ มโคฺค

    Tattha ariyoti nibbānatthikehi abhigantabbo, apica ārakā kilesehi vattanato, ariyabhāvakaraṇato, ariyaphalapaṭilābhato cāpi ariyoti veditabbo. Aṭṭha aṅgāni assāti aṭṭhaṅgiko. Svāyaṃ caturaṅgikā viya senā, pañcaṅgikaṃ viya ca tūriyaṃ aṅgavinibbhogena anupalabbhasabhāvato aṅgamattamevāti veditabbo. Maggati iminā nibbānaṃ, sayaṃ vā maggati, kilese mārento vā gacchatīti maggo.

    เอวมฎฺฐปฺปเภทญฺจิมํ อฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ ภาเวโนฺต ภิกฺขุ อวิชฺชํ ภินฺทติ, วิชฺชํ อุปฺปาเทติ, นิพฺพานํ สจฺฉิกโรติ, เตน ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหตีติ วุจฺจติฯ วุตฺตเญฺหตํ –

    Evamaṭṭhappabhedañcimaṃ aṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ bhāvento bhikkhu avijjaṃ bhindati, vijjaṃ uppādeti, nibbānaṃ sacchikaroti, tena diṭṭheva dhamme dukkhassantakaro hotīti vuccati. Vuttañhetaṃ –

    ‘‘เสยฺยถาปิ, ภิกฺขเว, สาลิสูกํ วา ยวสูกํ วา สมฺมา ปณิหิตํ หเตฺถน วา ปาเทน วา อกฺกนฺตํ หตฺถํ วา ปาทํ วา เภจฺฉติ, โลหิตํ วา อุปฺปาเทสฺสตีติ ฐานเมตํ วิชฺชติฯ ตํ กิสฺส เหตุ? สมฺมา ปณิหิตตฺตา, ภิกฺขเว, สูกสฺส, เอวเมว โข, ภิกฺขเว , โส วต ภิกฺขุ สมฺมา ปณิหิตาย ทิฎฺฐิยา สมฺมา ปณิหิตาย มคฺคภาวนาย อวิชฺชํ เภจฺฉติ, วิชฺชํ อุปฺปาเทสฺสติ, นิพฺพานํ สจฺฉิกริสฺสตีติ ฐานเมตํ วิชฺชตี’’ติ (อ. นิ. ๑.๔๒)ฯ

    ‘‘Seyyathāpi, bhikkhave, sālisūkaṃ vā yavasūkaṃ vā sammā paṇihitaṃ hatthena vā pādena vā akkantaṃ hatthaṃ vā pādaṃ vā bhecchati, lohitaṃ vā uppādessatīti ṭhānametaṃ vijjati. Taṃ kissa hetu? Sammā paṇihitattā, bhikkhave, sūkassa, evameva kho, bhikkhave , so vata bhikkhu sammā paṇihitāya diṭṭhiyā sammā paṇihitāya maggabhāvanāya avijjaṃ bhecchati, vijjaṃ uppādessati, nibbānaṃ sacchikarissatīti ṭhānametaṃ vijjatī’’ti (a. ni. 1.42).

    นว นาม กินฺติปญฺหวณฺณนา

    Nava nāma kintipañhavaṇṇanā

    อิมินาปิ ปญฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิโตฺต สตฺถา อุตฺตริํ ปญฺหํ ปุจฺฉติ นว นาม กินฺติ? เถโร นวอิติ ปจฺจนุภาสิตฺวา ‘‘สตฺตาวาสา’’ติ วิสฺสเชฺชติฯ ตตฺถ นวาติ คณนปริเจฺฉโทฯ สตฺตาติ ชีวิตินฺทฺริยปฺปฎิพเทฺธ ขเนฺธ อุปาทาย ปญฺญตฺตา ปาณิโน ปณฺณตฺติ วาฯ อาวาสาติ อาวสนฺติ เอเตสูติ อาวาสา, สตฺตานํ อาวาสา สตฺตาวาสาฯ เอส เทสนามโคฺค, อตฺถโต ปน นววิธานํ สตฺตานเมตํ อธิวจนํฯ ยถาห –

    Imināpi pañhabyākaraṇena āraddhacitto satthā uttariṃ pañhaṃ pucchati nava nāma kinti? Thero navaiti paccanubhāsitvā ‘‘sattāvāsā’’ti vissajjeti. Tattha navāti gaṇanaparicchedo. Sattāti jīvitindriyappaṭibaddhe khandhe upādāya paññattā pāṇino paṇṇatti vā. Āvāsāti āvasanti etesūti āvāsā, sattānaṃ āvāsā sattāvāsā. Esa desanāmaggo, atthato pana navavidhānaṃ sattānametaṃ adhivacanaṃ. Yathāha –

    ‘‘สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ มนุสฺสา เอกเจฺจ จ เทวา เอกเจฺจ จ วินิปาติกา, อยํ ปฐโม สตฺตาวาโสฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา นานตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ, เทวา พฺรหฺมกายิกา, ปฐมาภินิพฺพตฺตา, อยํ ทุติโย สตฺตาวาโสฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา นานตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ, เทวา อาภสฺสรา, อยํ ตติโย สตฺตาวาโสฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา เอกตฺตกายา เอกตฺตสญฺญิโน, เสยฺยถาปิ, เทวา สุภกิณฺหา, อยํ จตุโตฺถ สตฺตาวาโสฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา อสญฺญิโน อปฺปฎิสํเวทิโน, เสยฺยถาปิ, เทวา อสญฺญสตฺตา, อยํ ปญฺจโม สตฺตาวาโสฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา สพฺพโส รูปสญฺญานํ…เป.… อากาสานญฺจายตนูปคา , อยํ ฉโฎฺฐ สตฺตาวาโสฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา…เป.… วิญฺญาณญฺจายตนูปคา, อยํ สตฺตโม สตฺตาวาโสฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา…เป.… อากิญฺจญฺญายตนูปคา, อยํ อฎฺฐโม สตฺตาวาโสฯ สนฺตาวุโส, สตฺตา…เป.… เนวสญฺญานาสญฺญายตนูปคา, อยํ นวโม สตฺตาวาโส’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๔๑)ฯ

    ‘‘Santāvuso, sattā nānattakāyā nānattasaññino, seyyathāpi manussā ekacce ca devā ekacce ca vinipātikā, ayaṃ paṭhamo sattāvāso. Santāvuso, sattā nānattakāyā ekattasaññino, seyyathāpi, devā brahmakāyikā, paṭhamābhinibbattā, ayaṃ dutiyo sattāvāso. Santāvuso, sattā ekattakāyā nānattasaññino, seyyathāpi, devā ābhassarā, ayaṃ tatiyo sattāvāso. Santāvuso, sattā ekattakāyā ekattasaññino, seyyathāpi, devā subhakiṇhā, ayaṃ catuttho sattāvāso. Santāvuso, sattā asaññino appaṭisaṃvedino, seyyathāpi, devā asaññasattā, ayaṃ pañcamo sattāvāso. Santāvuso, sattā sabbaso rūpasaññānaṃ…pe… ākāsānañcāyatanūpagā , ayaṃ chaṭṭho sattāvāso. Santāvuso, sattā…pe… viññāṇañcāyatanūpagā, ayaṃ sattamo sattāvāso. Santāvuso, sattā…pe… ākiñcaññāyatanūpagā, ayaṃ aṭṭhamo sattāvāso. Santāvuso, sattā…pe… nevasaññānāsaññāyatanūpagā, ayaṃ navamo sattāvāso’’ti (dī. ni. 3.341).

    ปุริมนเยเนว เจตฺถ ‘‘นว สตฺตาวาสา’’ติ วุตฺตํ, น อเญฺญสํ นวนฺนมภาวโตฯ ยถาห –

    Purimanayeneva cettha ‘‘nava sattāvāsā’’ti vuttaṃ, na aññesaṃ navannamabhāvato. Yathāha –

    ‘‘นวสุ, ภิกฺขเว, ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ กตเมสุ นวสุ? นวสุ สตฺตาวาเสสุฯ อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, นวสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ ‘นว ปญฺหา , นว อุเทฺทสา, นว เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗)ฯ

    ‘‘Navasu, bhikkhave, dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. Katamesu navasu? Navasu sattāvāsesu. Imesu kho, bhikkhave, navasu dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. ‘Nava pañhā , nava uddesā, nava veyyākaraṇānī’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vutta’’nti (a. ni. 10.27).

    เอตฺถ จ ‘‘นว ธมฺมา ปริเญฺญยฺยาฯ กตเม นว? นว สตฺตาวาสา’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๕๙) วจนโต นวสุ สตฺตาวาเสสุ ญาตปริญฺญาย ธุวสุภสุขตฺตภาวทสฺสนํ ปหาย สุทฺธสงฺขารปุญฺชมตฺตทสฺสเนน นิพฺพินฺทมาโน ตีรณปริญฺญาย อนิจฺจานุปสฺสเนน วิรชฺชมาโน ทุกฺขานุปสฺสเนน วิมุจฺจมาโน อนตฺตานุปสฺสเนน สมฺมา ปริยนฺตทสฺสาวี ปหานปริญฺญาย สมฺมตฺตมภิสเมจฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ เตเนตํ วุตฺตํ –

    Ettha ca ‘‘nava dhammā pariññeyyā. Katame nava? Nava sattāvāsā’’ti (dī. ni. 3.359) vacanato navasu sattāvāsesu ñātapariññāya dhuvasubhasukhattabhāvadassanaṃ pahāya suddhasaṅkhārapuñjamattadassanena nibbindamāno tīraṇapariññāya aniccānupassanena virajjamāno dukkhānupassanena vimuccamāno anattānupassanena sammā pariyantadassāvī pahānapariññāya sammattamabhisamecca diṭṭheva dhamme dukkhassantakaro hoti. Tenetaṃ vuttaṃ –

    ‘‘นวสุ, ภิกฺขเว, ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทิเฎฺฐว ธเมฺม ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ กตเมสุ นวสุ? นวสุ สตฺตาวาเสสู’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗)ฯ

    ‘‘Navasu, bhikkhave, dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… diṭṭheva dhamme dukkhassantakaro hoti. Katamesu navasu? Navasu sattāvāsesū’’ti (a. ni. 10.27).

    ทส นาม กินฺติปญฺหวณฺณนา

    Dasa nāma kintipañhavaṇṇanā

    เอวํ อิมินาปิ ปญฺหพฺยากรเณน อารทฺธจิโตฺต สตฺถา อุตฺตริํ ปญฺหํ ปุจฺฉติ ทส นาม กินฺติ? ตตฺถ กิญฺจาปิ อิมสฺส ปญฺหสฺส อิโต อญฺญตฺร เวยฺยากรเณสุ ทส อกุสลกมฺมปถา วุตฺตาฯ ยถาห –

    Evaṃ imināpi pañhabyākaraṇena āraddhacitto satthā uttariṃ pañhaṃ pucchati dasa nāma kinti? Tattha kiñcāpi imassa pañhassa ito aññatra veyyākaraṇesu dasa akusalakammapathā vuttā. Yathāha –

    ‘‘ทสสุ, ภิกฺขเว, ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป.… ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ กตเมสุ ทสสุ? ทสสุ อกุสลกมฺมปเถสุฯ อิเมสุ โข, ภิกฺขเว, ทสสุ ธเมฺมสุ ภิกฺขุ สมฺมา นิพฺพินฺทมาโน…เป. … ทุกฺขสฺสนฺตกโร โหติฯ ‘ทส ปญฺหา ทส อุเทฺทสา ทส เวยฺยากรณานี’ติ อิติ ยํ ตํ วุตฺตํ, อิทเมตํ ปฎิจฺจ วุตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๑๐.๒๗)ฯ

    ‘‘Dasasu, bhikkhave, dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe… dukkhassantakaro hoti. Katamesu dasasu? Dasasu akusalakammapathesu. Imesu kho, bhikkhave, dasasu dhammesu bhikkhu sammā nibbindamāno…pe. … dukkhassantakaro hoti. ‘Dasa pañhā dasa uddesā dasa veyyākaraṇānī’ti iti yaṃ taṃ vuttaṃ, idametaṃ paṭicca vutta’’nti (a. ni. 10.27).

    อิธ ปน ยสฺมา อยมายสฺมา อตฺตานํ อนุปเนตฺวา อญฺญํ พฺยากาตุกาโม, ยสฺมา วา อิมินา ปริยาเยน พฺยากตํ สุพฺยากตเมว โหติ, ตสฺมา เยหิ ทสหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคโต อรหาติ ปวุจฺจติ, เตสํ อธิคมํ ทีเปโนฺต ทสหเงฺคหิ สมนฺนาคโต อรหาติ ปวุจฺจตีติ ปุคฺคลาธิฎฺฐานาย เทสนาย วิสฺสเชฺชติฯ ยโต เอตฺถ เยหิ ทสหิ อเงฺคหิ สมนฺนาคโต อรหาติ ปวุจฺจติ, ตานิ ทสงฺคานิ ‘‘ทส นาม กิ’’นฺติ ปุเฎฺฐน เถเรน นิทฺทิฎฺฐานีติ เวทิตพฺพานิฯ ตานิ จ ทส –

    Idha pana yasmā ayamāyasmā attānaṃ anupanetvā aññaṃ byākātukāmo, yasmā vā iminā pariyāyena byākataṃ subyākatameva hoti, tasmā yehi dasahi aṅgehi samannāgato arahāti pavuccati, tesaṃ adhigamaṃ dīpento dasahaṅgehi samannāgato arahāti pavuccatīti puggalādhiṭṭhānāya desanāya vissajjeti. Yato ettha yehi dasahi aṅgehi samannāgato arahāti pavuccati, tāni dasaṅgāni ‘‘dasa nāma ki’’nti puṭṭhena therena niddiṭṭhānīti veditabbāni. Tāni ca dasa –

    ‘‘อเสโข อเสโขติ, ภเนฺต, วุจฺจติ, กิตฺตาวตา นุ โข, ภเนฺต, ภิกฺขุ อเสโข โหตีติ? อิธ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อเสขาย สมฺมาทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาสงฺกเปฺปน สมนฺนาคโต โหติ, อเสขาย สมฺมาวาจาย สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมากมฺมเนฺตน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาอาชีเวน สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาวายาเมน สมนฺนาคโต โหติ, อเสขาย สมฺมาสติยา สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาสมาธินา สมนฺนาคโต โหติ, อเสเขน สมฺมาญาเณน สมนฺนาคโต โหติ, อเสขาย สมฺมาวิมุตฺติยา สมนฺนาคโต โหติฯ เอวํ โข, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อเสโข โหตี’’ติ (อ. นิ. ๑๐.๑๑๑)ฯ –

    ‘‘Asekho asekhoti, bhante, vuccati, kittāvatā nu kho, bhante, bhikkhu asekho hotīti? Idha, bhikkhave, bhikkhu asekhāya sammādiṭṭhiyā samannāgato hoti, asekhena sammāsaṅkappena samannāgato hoti, asekhāya sammāvācāya samannāgato hoti, asekhena sammākammantena samannāgato hoti, asekhena sammāājīvena samannāgato hoti, asekhena sammāvāyāmena samannāgato hoti, asekhāya sammāsatiyā samannāgato hoti, asekhena sammāsamādhinā samannāgato hoti, asekhena sammāñāṇena samannāgato hoti, asekhāya sammāvimuttiyā samannāgato hoti. Evaṃ kho, bhikkhave, bhikkhu asekho hotī’’ti (a. ni. 10.111). –

    เอวมาทีสุ สุเตฺตสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพานีติฯ

    Evamādīsu suttesu vuttanayeneva veditabbānīti.

    ปรมตฺถโชติกาย ขุทฺทกปาฐ-อฎฺฐกถาย

    Paramatthajotikāya khuddakapāṭha-aṭṭhakathāya

    กุมารปญฺหวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kumārapañhavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ขุทฺทกปาฐปาฬิ • Khuddakapāṭhapāḷi / ๔. กุมารปญฺหา • 4. Kumārapañhā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact