Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เปตวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Petavatthu-aṭṭhakathā

    ๕. กุมารเปตวตฺถุวณฺณนา

    5. Kumārapetavatthuvaṇṇanā

    อเจฺฉรรูปํ สุคตสฺส ญาณนฺติ อิทํ กุมารเปตวตฺถุฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? สาวตฺถิยํ กิร พหู อุปาสกา ธมฺมคณา หุตฺวา นคเร มหนฺตํ มณฺฑปํ กาเรตฺวา ตํ นานาวเณฺณหิ วเตฺถหิ อลงฺกริตฺวา กาลเสฺสว สตฺถารํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ นิมเนฺตตฺวา มหารหวรปจฺจตฺถรณตฺถเตสุ อาสเนสุ พุทฺธปฺปมุขํ ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา คนฺธปุปฺผาทีหิ ปูเชตฺวา มหาทานํ ปวเตฺตนฺติฯ ตํ ทิสฺวา อญฺญตโร มเจฺฉรมลปริยุฎฺฐิตจิโตฺต ปุริโส ตํ สกฺการํ อสหมาโน เอวมาห – ‘‘วรเมตํ สพฺพํ สงฺการกูเฎ ฉฑฺฑิตํ, น เตฺวว อิเมสํ มุณฺฑกานํ ทินฺน’’นฺติฯ ตํ สุตฺวา อุปาสกา สํวิคฺคมานสา ‘‘ภาริยํ วต อิมินา ปุริเสน ปาปํ ปสุตํ, เยน เอวํ พุทฺธปฺปมุเข ภิกฺขุสเงฺฆ อปรทฺธ’’นฺติ ตมตฺถํ ตสฺส มาตุยา อาโรเจตฺวา ‘‘คจฺฉ, ตฺวํ สสาวกสงฺฆํ ภควนฺตํ ขมาเปหี’’ติ อาหํสุฯ สา ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา ปุตฺตํ สนฺตเชฺชนฺตี สญฺญาเปตฺวา ภควนฺตํ ภิกฺขุสงฺฆญฺจ อุปสงฺกมิตฺวา ปุเตฺตน กตอจฺจยํ เทเสนฺตี ขมาเปตฺวา ภควโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส จ สตฺตาหํ ยาคุทาเนน ปูชํ อกาสิฯ ตสฺสา ปุโตฺต นจิรเสฺสว กาลํ กตฺวา กิลิฎฺฐกมฺมูปชีวินิยา คณิกาย กุจฺฉิยํ นิพฺพตฺติฯ สา จ นํ ชาตมตฺตํเยว ‘‘ทารโก’’ติ ญตฺวา สุสาเน ฉฑฺฑาเปสิฯ โส ตตฺถ อตฺตโน ปุญฺญพเลเนว คหิตารโกฺข เกนจิ อนุปทฺทุโต มาตุ-อเงฺก วิย สุขํ สุปิฯ เทวตา ตสฺส อารกฺขํ คณฺหิํสูติ จ วทนฺติฯ

    Accherarūpaṃ sugatassa ñāṇanti idaṃ kumārapetavatthu. Tassa kā uppatti? Sāvatthiyaṃ kira bahū upāsakā dhammagaṇā hutvā nagare mahantaṃ maṇḍapaṃ kāretvā taṃ nānāvaṇṇehi vatthehi alaṅkaritvā kālasseva satthāraṃ bhikkhusaṅghañca nimantetvā mahārahavarapaccattharaṇatthatesu āsanesu buddhappamukhaṃ bhikkhusaṅghaṃ nisīdāpetvā gandhapupphādīhi pūjetvā mahādānaṃ pavattenti. Taṃ disvā aññataro maccheramalapariyuṭṭhitacitto puriso taṃ sakkāraṃ asahamāno evamāha – ‘‘varametaṃ sabbaṃ saṅkārakūṭe chaḍḍitaṃ, na tveva imesaṃ muṇḍakānaṃ dinna’’nti. Taṃ sutvā upāsakā saṃviggamānasā ‘‘bhāriyaṃ vata iminā purisena pāpaṃ pasutaṃ, yena evaṃ buddhappamukhe bhikkhusaṅghe aparaddha’’nti tamatthaṃ tassa mātuyā ārocetvā ‘‘gaccha, tvaṃ sasāvakasaṅghaṃ bhagavantaṃ khamāpehī’’ti āhaṃsu. Sā ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā puttaṃ santajjentī saññāpetvā bhagavantaṃ bhikkhusaṅghañca upasaṅkamitvā puttena kataaccayaṃ desentī khamāpetvā bhagavato bhikkhusaṅghassa ca sattāhaṃ yāgudānena pūjaṃ akāsi. Tassā putto nacirasseva kālaṃ katvā kiliṭṭhakammūpajīviniyā gaṇikāya kucchiyaṃ nibbatti. Sā ca naṃ jātamattaṃyeva ‘‘dārako’’ti ñatvā susāne chaḍḍāpesi. So tattha attano puññabaleneva gahitārakkho kenaci anupadduto mātu-aṅke viya sukhaṃ supi. Devatā tassa ārakkhaṃ gaṇhiṃsūti ca vadanti.

    อถ ภควา ปจฺจูสสมเย มหากรุณาสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกโนฺต ตํ ทารกํ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตํ ทิสฺวา สูริยุคฺคมนเวลาย สิวถิกํ อคมาสิฯ ‘‘สตฺถา อิธาคโต, การเณเนตฺถ ภวิตพฺพ’’นฺติ มหาชโน สนฺนิปติฯ ภควา สนฺนิปติตปริสาย ‘‘นายํ ทารโก โอญฺญาตโพฺพ, ยทิปิ อิทานิ สุสาเน ฉฑฺฑิโต อนาโถ ฐิโต, อายติํ ปน ทิเฎฺฐว ธเมฺม อภิสมฺปรายญฺจ อุฬารสมฺปตฺติํ ปฎิลภิสฺสตี’’ติ วตฺวา เตหิ มนุเสฺสหิ ‘‘กิํ นุ โข, ภเนฺต, อิมินา ปุริมชาติยํ กตํ กมฺม’’นฺติ ปุโฎฺฐ –

    Atha bhagavā paccūsasamaye mahākaruṇāsamāpattito vuṭṭhāya buddhacakkhunā lokaṃ volokento taṃ dārakaṃ sivathikāya chaḍḍitaṃ disvā sūriyuggamanavelāya sivathikaṃ agamāsi. ‘‘Satthā idhāgato, kāraṇenettha bhavitabba’’nti mahājano sannipati. Bhagavā sannipatitaparisāya ‘‘nāyaṃ dārako oññātabbo, yadipi idāni susāne chaḍḍito anātho ṭhito, āyatiṃ pana diṭṭheva dhamme abhisamparāyañca uḷārasampattiṃ paṭilabhissatī’’ti vatvā tehi manussehi ‘‘kiṃ nu kho, bhante, iminā purimajātiyaṃ kataṃ kamma’’nti puṭṭho –

    ‘‘พุทฺธปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส, ปูชํ อกาสิ ชนตา อุฬารํ;

    ‘‘Buddhapamukhassa bhikkhusaṅghassa, pūjaṃ akāsi janatā uḷāraṃ;

    ตตฺรสฺส จิตฺตสฺสหุ อญฺญถตฺตํ, วาจํ อภาสิ ผรุสํ อสพฺภ’’นฺติฯ –

    Tatrassa cittassahu aññathattaṃ, vācaṃ abhāsi pharusaṃ asabbha’’nti. –

    อาทินา นเยน ทารเกน กตกมฺมํ อายติํ ปตฺตพฺพํ สมฺปตฺติญฺจ ปกาเสตฺวา สนฺนิปติตาย ปริสาย อชฺฌาสยานุรูปํ ธมฺมํ กเถตฺวา อุปริ สามุกฺกํสิกํ ธมฺมเทสนํ อกาสิฯ สจฺจปริโยสาเน จตุราสีติยา ปาณสหสฺสานํ ธมฺมาภิสมโย อโหสิ, ตญฺจ ทารกํ อสีติโกฎิวิภโว เอโก กุฎุมฺพิโก ภควโต สมฺมุขาว ‘‘มยฺหํ ปุโตฺต’’ติ อคฺคเหสิฯ ภควา ‘‘เอตฺตเกน อยํ ทารโก รกฺขิโต, มหาชนสฺส จ อนุคฺคโห กโต’’ติ วิหารํ อคมาสิฯ

    Ādinā nayena dārakena katakammaṃ āyatiṃ pattabbaṃ sampattiñca pakāsetvā sannipatitāya parisāya ajjhāsayānurūpaṃ dhammaṃ kathetvā upari sāmukkaṃsikaṃ dhammadesanaṃ akāsi. Saccapariyosāne caturāsītiyā pāṇasahassānaṃ dhammābhisamayo ahosi, tañca dārakaṃ asītikoṭivibhavo eko kuṭumbiko bhagavato sammukhāva ‘‘mayhaṃ putto’’ti aggahesi. Bhagavā ‘‘ettakena ayaṃ dārako rakkhito, mahājanassa ca anuggaho kato’’ti vihāraṃ agamāsi.

    โส อปเรน สมเยน ตสฺมิํ กุฎุมฺพิเก กาลกเต เตน นิยฺยาทิตํ ธนํ ปฎิปชฺชิตฺวา กุฎุมฺพํ สณฺฐเปโนฺต ตสฺมิํ นคเรเยว มหาวิภโว คหปติ หุตฺวา ทานาทินิรโต อโหสิฯ อเถกทิวสํ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อโห นูน สตฺถา สเตฺตสุ อนุกมฺปโก, โสปิ นาม ทารโก ตทา อนาโถ ฐิโต เอตรหิ มหติํ สมฺปตฺติํ ปจฺจนุภวติ, อุฬารานิ จ ปุญฺญานิ กโรตี’’ติฯ ตํ สุตฺวา สตฺถา ‘‘น, ภิกฺขเว, ตสฺส เอตฺตกาว สมฺปตฺติ, อถ โข อายุปริโยสาเน ตาวติํสภวเน สกฺกสฺส เทวรโญฺญ ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติสฺสติ, มหติํ ทิพฺพสมฺปตฺติญฺจ ปฎิลภิสฺสตี’’ติ พฺยากาสิฯ ตํ สุตฺวา ภิกฺขู จ มหาชโน จ ‘‘อิทํ กิร การณํ ทิสฺวา ทีฆทสฺสี ภควา ชาตมตฺตเสฺสวสฺส อามกสุสาเน ฉฑฺฑิตสฺส ตตฺถ คนฺตฺวา สงฺคหํ อกาสี’’ติ สตฺถุ ญาณวิเสสํ โถเมตฺวา ตสฺมิํ อตฺตภาเว ตสฺส ปวตฺติํ กเถสุํฯ ตมตฺถํ ทีเปนฺตา สงฺคีติการา –

    So aparena samayena tasmiṃ kuṭumbike kālakate tena niyyāditaṃ dhanaṃ paṭipajjitvā kuṭumbaṃ saṇṭhapento tasmiṃ nagareyeva mahāvibhavo gahapati hutvā dānādinirato ahosi. Athekadivasaṃ bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘aho nūna satthā sattesu anukampako, sopi nāma dārako tadā anātho ṭhito etarahi mahatiṃ sampattiṃ paccanubhavati, uḷārāni ca puññāni karotī’’ti. Taṃ sutvā satthā ‘‘na, bhikkhave, tassa ettakāva sampatti, atha kho āyupariyosāne tāvatiṃsabhavane sakkassa devarañño putto hutvā nibbattissati, mahatiṃ dibbasampattiñca paṭilabhissatī’’ti byākāsi. Taṃ sutvā bhikkhū ca mahājano ca ‘‘idaṃ kira kāraṇaṃ disvā dīghadassī bhagavā jātamattassevassa āmakasusāne chaḍḍitassa tattha gantvā saṅgahaṃ akāsī’’ti satthu ñāṇavisesaṃ thometvā tasmiṃ attabhāve tassa pavattiṃ kathesuṃ. Tamatthaṃ dīpentā saṅgītikārā –

    ๔๕๓.

    453.

    ‘‘อเจฺฉรรูปํ สุคตสฺส ญาณํ, สตฺถา ยถา ปุคฺคลํ พฺยากาสิ;

    ‘‘Accherarūpaṃ sugatassa ñāṇaṃ, satthā yathā puggalaṃ byākāsi;

    อุสฺสนฺนปุญฺญาปิ ภวนฺติ เหเก, ปริตฺตปุญฺญาปิ ภวนฺติ เหเกฯ

    Ussannapuññāpi bhavanti heke, parittapuññāpi bhavanti heke.

    ๔๕๔.

    454.

    ‘‘อยํ กุมาโร สีวถิกาย ฉฑฺฑิโต, องฺคุฎฺฐเสฺนเหน ยาเปติ รตฺติํ;

    ‘‘Ayaṃ kumāro sīvathikāya chaḍḍito, aṅguṭṭhasnehena yāpeti rattiṃ;

    น ยกฺขภูตา น สรีสปา วา, วิเหฐเยยฺยุํ กตปุญฺญํ กุมารํฯ

    Na yakkhabhūtā na sarīsapā vā, viheṭhayeyyuṃ katapuññaṃ kumāraṃ.

    ๔๕๕.

    455.

    ‘‘สุนขาปิมสฺส ปลิหิํสุ ปาเท, ธงฺกา สิงฺคาลา ปริวตฺตยนฺติ;

    ‘‘Sunakhāpimassa palihiṃsu pāde, dhaṅkā siṅgālā parivattayanti;

    คพฺภาสยํ ปกฺขิคณา หรนฺติ, กากา ปน อกฺขิมลํ หรนฺติฯ

    Gabbhāsayaṃ pakkhigaṇā haranti, kākā pana akkhimalaṃ haranti.

    ๔๕๖.

    456.

    ‘‘นยิมสฺส รกฺขํ วิทหิํสุ เกจิ, น โอสธํ สาสปธูปนํ วา;

    ‘‘Nayimassa rakkhaṃ vidahiṃsu keci, na osadhaṃ sāsapadhūpanaṃ vā;

    นกฺขตฺตโยคมฺปิ น อคฺคเหสุํ, น สพฺพธญฺญานิปิ อากิริํสุฯ

    Nakkhattayogampi na aggahesuṃ, na sabbadhaññānipi ākiriṃsu.

    ๔๕๗.

    457.

    ‘‘เอตาทิสํ อุตฺตมกิจฺฉปตฺตํ, รตฺตาภตํ สีวถิกาย ฉฑฺฑิตํ;

    ‘‘Etādisaṃ uttamakicchapattaṃ, rattābhataṃ sīvathikāya chaḍḍitaṃ;

    โนนีตปิณฺฑํว ปเวธมานํ, สสํสยํ ชีวิตสาวเสสํฯ

    Nonītapiṇḍaṃva pavedhamānaṃ, sasaṃsayaṃ jīvitasāvasesaṃ.

    ๔๕๘.

    458.

    ‘‘ตมทฺทสา เทวมนุสฺสปูชิโต, ทิสฺวา จ ตํ พฺยากริ ภูริปโญฺญ;

    ‘‘Tamaddasā devamanussapūjito, disvā ca taṃ byākari bhūripañño;

    ‘อยํ กุมาโร นครสฺสิมสฺส, อคฺคกุลิโก ภวิสฺสติ โภคโต จ’ฯ

    ‘Ayaṃ kumāro nagarassimassa, aggakuliko bhavissati bhogato ca’.

    ๔๕๙.

    459.

    ‘‘กิสฺส วตํ กิํ ปน พฺรหฺมจริยํ, กิสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;

    ‘‘Kissa vataṃ kiṃ pana brahmacariyaṃ, kissa suciṇṇassa ayaṃ vipāko;

    เอตาทิสํ พฺยสนํ ปาปุณิตฺวา, ตํ ตาทิสํ ปจฺจนุโภสฺสติทฺธิ’’นฺติฯ –

    Etādisaṃ byasanaṃ pāpuṇitvā, taṃ tādisaṃ paccanubhossatiddhi’’nti. –

    ฉ คาถา อโวจุํฯ

    Cha gāthā avocuṃ.

    ๔๕๓. ตตฺถ อเจฺฉรรูปนฺติ อจฺฉริยสภาวํฯ สุคตสฺส ญาณนฺติ อเญฺญหิ อสาธารณํ สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ญาณํ, อาสยานุสยญาณาทิสพฺพญฺญุตญฺญาณเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ ตยิทํ อเญฺญสํ อวิสยภูตํ กถํ ญาณนฺติ อาห ‘‘สตฺถา ยถา ปุคฺคลํ พฺยากาสี’’ติฯ เตน สตฺถุ เทสนาย เอว ญาณสฺส อจฺฉริยภาโว วิญฺญายตีติ ทเสฺสติฯ

    453. Tattha accherarūpanti acchariyasabhāvaṃ. Sugatassa ñāṇanti aññehi asādhāraṇaṃ sammāsambuddhassa ñāṇaṃ, āsayānusayañāṇādisabbaññutaññāṇameva sandhāya vuttaṃ. Tayidaṃ aññesaṃ avisayabhūtaṃ kathaṃ ñāṇanti āha ‘‘satthā yathā puggalaṃ byākāsī’’ti. Tena satthu desanāya eva ñāṇassa acchariyabhāvo viññāyatīti dasseti.

    อิทานิ พฺยากรณํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อุสฺสนฺนปุญฺญาปิ ภวนฺติ เหเก, ปริตฺตปุญฺญาปิ ภวนฺติ เหเก’’ติ อาหฯ ตสฺสโตฺถ – อุสฺสนฺนกุสลธมฺมาปิ อิเธกเจฺจ ปุคฺคลา ลทฺธปจฺจยสฺส อปุญฺญสฺส วเสน ชาติอาทินา นิหีนา ภวนฺติ, ปริตฺตปุญฺญาปิ อปฺปตรปุญฺญธมฺมาปิ เอเก สตฺตา เขตฺตสมฺปตฺติอาทินา ตสฺส ปุญฺญสฺส มหาชุติกตาย อุฬารา ภวนฺตีติฯ

    Idāni byākaraṇaṃ dassento ‘‘ussannapuññāpi bhavanti heke, parittapuññāpi bhavanti heke’’ti āha. Tassattho – ussannakusaladhammāpi idhekacce puggalā laddhapaccayassa apuññassa vasena jātiādinā nihīnā bhavanti, parittapuññāpi appatarapuññadhammāpi eke sattā khettasampattiādinā tassa puññassa mahājutikatāya uḷārā bhavantīti.

    ๔๕๔. สีวถิกายาติ สุสาเนฯ องฺคุฎฺฐเสฺนเหนาติ องฺคุฎฺฐโต ปวตฺตเสฺนเหน, เทวตาย องฺคุฎฺฐโต ปคฺฆริตขีเรนาติ อโตฺถฯ น ยกฺขภูตา น สรีสปา วาติ ปิสาจภูตา วา ยกฺขภูตา วา สรีสปา วา เย เกจิ สรนฺตา คจฺฉนฺตา วา น วิเหฐเยยฺยุํ น พาเธยฺยุํฯ

    454.Sīvathikāyāti susāne. Aṅguṭṭhasnehenāti aṅguṭṭhato pavattasnehena, devatāya aṅguṭṭhato paggharitakhīrenāti attho. Na yakkhabhūtā na sarīsapā vāti pisācabhūtā vā yakkhabhūtā vā sarīsapā vā ye keci sarantā gacchantā vā na viheṭhayeyyuṃ na bādheyyuṃ.

    ๔๕๕. ปลิหิํสุ ปาเทติ อตฺตโน ชิวฺหาย ปาเท ลิหิสุํฯ ธงฺกาติ กากาฯ ปริวตฺตยนฺตีติ ‘‘มา นํ กุมารํ เกจิ วิเหเฐยฺยุ’’นฺติ รกฺขนฺตา นิโรคภาวชานนตฺถํ อปราปรํ ปริวตฺตนฺติฯ คพฺภาสยนฺติ คพฺภมลํฯ ปกฺขิคณาติ คิชฺฌกุลลาทโย สกุณคณาฯ หรนฺตีติ อปเนนฺติฯ อกฺขิมลนฺติ อกฺขิคูถํฯ

    455.Palihiṃsu pādeti attano jivhāya pāde lihisuṃ. Dhaṅkāti kākā. Parivattayantīti ‘‘mā naṃ kumāraṃ keci viheṭheyyu’’nti rakkhantā nirogabhāvajānanatthaṃ aparāparaṃ parivattanti. Gabbhāsayanti gabbhamalaṃ. Pakkhigaṇāti gijjhakulalādayo sakuṇagaṇā. Harantīti apanenti. Akkhimalanti akkhigūthaṃ.

    ๔๕๖. เกจีติ เกจิ มนุสฺสา, อมนุสฺสา ปน รกฺขํ สํวิทหิํสุฯ โอสธนฺติ ตทา อายติญฺจ อาโรคฺยาวหํ อคทํฯ สาสปธูปนํ วาติ ยํ ชาตสฺส ทารกสฺส รกฺขณตฺถํ สาสเปน ธูปนํ กโรนฺติ, ตมฺปิ ตสฺส กโรนฺตา นาเหสุนฺติ ทีเปนฺติฯ นกฺขตฺตโยคมฺปิ น อคฺคเหสุนฺติ นกฺขตฺตยุตฺตมฺปิ น คณฺหิํสุฯ ‘‘อสุกมฺหิ นกฺขเตฺต ติถิมฺหิ มุหุเตฺต อยํ ชาโต’’ติ เอวํ ชาตกมฺมมฺปิสฺส น เกจิ อกํสูติ อโตฺถฯ น สพฺพธญฺญานิปิ อากิริํสูติ มงฺคลํ กโรนฺตา อคทวเสน ยํ สาสปเตลมิสฺสิตํ สาลิอาทิธญฺญํ อากิรนฺติ, ตมฺปิสฺส นากํสูติ อโตฺถฯ

    456.Kecīti keci manussā, amanussā pana rakkhaṃ saṃvidahiṃsu. Osadhanti tadā āyatiñca ārogyāvahaṃ agadaṃ. Sāsapadhūpanaṃ vāti yaṃ jātassa dārakassa rakkhaṇatthaṃ sāsapena dhūpanaṃ karonti, tampi tassa karontā nāhesunti dīpenti. Nakkhattayogampi na aggahesunti nakkhattayuttampi na gaṇhiṃsu. ‘‘Asukamhi nakkhatte tithimhi muhutte ayaṃ jāto’’ti evaṃ jātakammampissa na keci akaṃsūti attho. Na sabbadhaññānipi ākiriṃsūti maṅgalaṃ karontā agadavasena yaṃ sāsapatelamissitaṃ sāliādidhaññaṃ ākiranti, tampissa nākaṃsūti attho.

    ๔๕๗. เอตาทิสนฺติ เอวรูปํ ฯ อุตฺตมกิจฺฉปตฺตนฺติ ปรมกิจฺฉํ อาปนฺนํ อติวิย ทุกฺขปฺปตฺตํฯ รตฺตาภตนฺติ รตฺติยํ อาภตํฯ โนนีตปิณฺฑํ วิยาติ นวนีตปิณฺฑสทิสํ, มํสเปสิมตฺตตา เอวํ วุตฺตํฯ ปเวธมานนฺติ ทุพฺพลภาเวน ปกมฺปมานํฯ สสํสยนฺติ ‘‘ชีวติ นุ โข น นุ โข ชีวตี’’ติ สํสยิตตาย สํสยวนฺตํฯ ชีวิตสาวเสสนฺติ ชีวิตฎฺฐิติยา เหตุภูตานํ สาธนานํ อภาเวน เกวลํ ชีวิตมตฺตาวเสสกํฯ

    457.Etādisanti evarūpaṃ . Uttamakicchapattanti paramakicchaṃ āpannaṃ ativiya dukkhappattaṃ. Rattābhatanti rattiyaṃ ābhataṃ. Nonītapiṇḍaṃ viyāti navanītapiṇḍasadisaṃ, maṃsapesimattatā evaṃ vuttaṃ. Pavedhamānanti dubbalabhāvena pakampamānaṃ. Sasaṃsayanti ‘‘jīvati nu kho na nu kho jīvatī’’ti saṃsayitatāya saṃsayavantaṃ. Jīvitasāvasesanti jīvitaṭṭhitiyā hetubhūtānaṃ sādhanānaṃ abhāvena kevalaṃ jīvitamattāvasesakaṃ.

    ๔๕๘. อคฺคกุลิโก ภวิสฺสติ โภคโต จาติ โภคนิมิตฺตํ โภคสฺส วเสน อคฺคกุลิโก เสฎฺฐกุลิโก ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ

    458.Aggakuliko bhavissati bhogato cāti bhoganimittaṃ bhogassa vasena aggakuliko seṭṭhakuliko bhavissatīti attho.

    ๔๕๙. ‘‘กิสฺส วต’’นฺติ อยํ คาถา สตฺถุ สนฺติเก ฐิเตหิ อุปาสเกหิ เตน กตกมฺมสฺส ปุจฺฉาวเสน วุตฺตาฯ สา จ โข สิวถิกาย สนฺนิปติเตหีติ เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ กิสฺสาติ กิํ อสฺสฯ วตนฺติ วตสมาทานํฯ ปุน กิสฺสาติ กีทิสสฺส สุจิณฺณสฺส วตสฺส พฺรหฺมจริยสฺส จาติ วิภตฺติํ วิปริณาเมตฺวา โยชนาฯ เอตาทิสนฺติ คณิกาย กุจฺฉิยา นิพฺพตฺตนํ, สุสาเน ฉฑฺฑนนฺติ เอวรูปํฯ พฺยสนนฺติ อนตฺถํฯ ตาทิสนฺติ ตถารูปํ, ‘‘องฺคุฎฺฐเสฺนเหน ยาเปติ รตฺติ’’นฺติอาทินา, ‘‘อยํ กุมาโร นครสฺสิมสฺส อคฺคกุลิโก ภวิสฺสตี’’ติอาทินา จ วุตฺตปฺปการนฺติ อโตฺถฯ อิทฺธินฺติ เทวิทฺธิํ, ทิพฺพสมฺปตฺตินฺติ วุตฺตํ โหติฯ

    459. ‘‘Kissa vata’’nti ayaṃ gāthā satthu santike ṭhitehi upāsakehi tena katakammassa pucchāvasena vuttā. Sā ca kho sivathikāya sannipatitehīti veditabbā. Tattha kissāti kiṃ assa. Vatanti vatasamādānaṃ. Puna kissāti kīdisassa suciṇṇassa vatassa brahmacariyassa cāti vibhattiṃ vipariṇāmetvā yojanā. Etādisanti gaṇikāya kucchiyā nibbattanaṃ, susāne chaḍḍananti evarūpaṃ. Byasananti anatthaṃ. Tādisanti tathārūpaṃ, ‘‘aṅguṭṭhasnehena yāpeti ratti’’ntiādinā, ‘‘ayaṃ kumāro nagarassimassa aggakuliko bhavissatī’’tiādinā ca vuttappakāranti attho. Iddhinti deviddhiṃ, dibbasampattinti vuttaṃ hoti.

    อิทานิ เตหิ อุปาสเกหิ ปุโฎฺฐ ภควา ยถา ตทา พฺยากาสิ, ตํ ทเสฺสนฺตา สงฺคีติการา –

    Idāni tehi upāsakehi puṭṭho bhagavā yathā tadā byākāsi, taṃ dassentā saṅgītikārā –

    ๔๖๐.

    460.

    ‘‘พุทฺธปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส, ปูชํ อกาสิ ชนตา อุฬารํ;

    ‘‘Buddhapamukhassa bhikkhusaṅghassa, pūjaṃ akāsi janatā uḷāraṃ;

    ตตฺรสฺส จิตฺตสฺสหุ อญฺญถตฺตํ, วาจํ อภาสิ ผรุสํ อสพฺภํฯ

    Tatrassa cittassahu aññathattaṃ, vācaṃ abhāsi pharusaṃ asabbhaṃ.

    ๔๖๑.

    461.

    ‘‘โส ตํ วิตกฺกํ ปวิโนทยิตฺวา, ปีติํ ปสาทํ ปฎิลทฺธา ปจฺฉา;

    ‘‘So taṃ vitakkaṃ pavinodayitvā, pītiṃ pasādaṃ paṭiladdhā pacchā;

    ตถาคตํ เชตวเน วสนฺตํ, ยาคุยา อุปฎฺฐาสิ สตฺตรตฺตํฯ

    Tathāgataṃ jetavane vasantaṃ, yāguyā upaṭṭhāsi sattarattaṃ.

    ๔๖๒.

    462.

    ‘‘ตสฺส วตํ ตํ ปน พฺรหฺมจริยํ, ตสฺส สุจิณฺณสฺส อยํ วิปาโก;

    ‘‘Tassa vataṃ taṃ pana brahmacariyaṃ, tassa suciṇṇassa ayaṃ vipāko;

    เอตาทิสํ พฺยสนํ ปาปุณิตฺวา, ตํ ตาทิสํ ปจฺจนุโภสฺสติทฺธิํฯ

    Etādisaṃ byasanaṃ pāpuṇitvā, taṃ tādisaṃ paccanubhossatiddhiṃ.

    ๔๖๓.

    463.

    ‘‘ฐตฺวาน โส วสฺสสตํ อิเธว, สเพฺพหิ กาเมหิ สมงฺคิภูโต;

    ‘‘Ṭhatvāna so vassasataṃ idheva, sabbehi kāmehi samaṅgibhūto;

    กายสฺส เภทา อภิสมฺปรายํ, สหพฺยตํ คจฺฉติ วาสวสฺสา’’ติฯ –

    Kāyassa bhedā abhisamparāyaṃ, sahabyataṃ gacchati vāsavassā’’ti. –

    จตโสฺส คาถา อโวจุํฯ

    Catasso gāthā avocuṃ.

    ๔๖๐. ตตฺถ ชนตาติ ชนสมูโห, อุปาสกคโณติ อธิปฺปาโยฯ ตตฺราติ ตสฺสํ ปูชายํฯ อสฺสาติ ตสฺส ทารกสฺสฯ จิตฺตสฺสหุ อญฺญถตฺตนฺติ ปุริมภวสฺมิํ จิตฺตสฺส อญฺญถาภาโว อนาทโร อคารโว อปจฺจโย อโหสิฯ อสพฺภนฺติ สาธุสภาย สาเวตุํ อยุตฺตํ ผรุสํ วาจํ อภาสิฯ

    460. Tattha janatāti janasamūho, upāsakagaṇoti adhippāyo. Tatrāti tassaṃ pūjāyaṃ. Assāti tassa dārakassa. Cittassahu aññathattanti purimabhavasmiṃ cittassa aññathābhāvo anādaro agāravo apaccayo ahosi. Asabbhanti sādhusabhāya sāvetuṃ ayuttaṃ pharusaṃ vācaṃ abhāsi.

    ๔๖๑. โสติ โส อยํฯ ตํ วิตกฺกนฺติ ตํ ปาปกํ วิตกฺกํฯ ปวิโนทยิตฺวาติ มาตรา กตาย สญฺญตฺติยา วูปสเมตฺวาฯ ปีติํ ปสาทํ ปฎิลทฺธาติ ปีติํ ปสาทญฺจ ปฎิลภิตฺวา อุปฺปาเทตฺวาฯ ยาคุยา อุปฎฺฐาสีติ ยาคุทาเนน อุปฎฺฐหิฯ สตฺตรตฺตนฺติ สตฺตทิวสํฯ

    461.Soti so ayaṃ. Taṃ vitakkanti taṃ pāpakaṃ vitakkaṃ. Pavinodayitvāti mātarā katāya saññattiyā vūpasametvā. Pītiṃ pasādaṃ paṭiladdhāti pītiṃ pasādañca paṭilabhitvā uppādetvā. Yāguyā upaṭṭhāsīti yāgudānena upaṭṭhahi. Sattarattanti sattadivasaṃ.

    ๔๖๒. ตสฺส วตํ ตํ ปน พฺรหฺมจริยนฺติ ตํ มยา เหฎฺฐา วุตฺตปฺปการํ อตฺตโน จิตฺตสฺส ปสาทนํ ทานญฺจ อิมสฺส ปุคฺคลสฺส วตํ ตํ พฺรหฺมจริยญฺจ, อญฺญํ กิญฺจิ นตฺถีติ อโตฺถฯ

    462.Tassavataṃ taṃ pana brahmacariyanti taṃ mayā heṭṭhā vuttappakāraṃ attano cittassa pasādanaṃ dānañca imassa puggalassa vataṃ taṃ brahmacariyañca, aññaṃ kiñci natthīti attho.

    ๔๖๓. ฐตฺวานาติ ยาว อายุปริโยสานา อิเธว มนุสฺสโลเก ฐตฺวาฯ อภิสมฺปรายนฺติ ปุนพฺภเวฯ สหพฺยตํ คจฺฉติ วาสวสฺสาติ สกฺกสฺส เทวานมินฺทสฺส ปุตฺตภาเวน สหภาวํ คมิสฺสติฯ อนาคตเตฺถ หิ อิทํ ปจฺจุปฺปนฺนกาลวจนํฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ

    463.Ṭhatvānāti yāva āyupariyosānā idheva manussaloke ṭhatvā. Abhisamparāyanti punabbhave. Sahabyataṃ gacchati vāsavassāti sakkassa devānamindassa puttabhāvena sahabhāvaṃ gamissati. Anāgatatthe hi idaṃ paccuppannakālavacanaṃ. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.

    กุมารเปตวตฺถุวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kumārapetavatthuvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เปตวตฺถุปาฬิ • Petavatthupāḷi / ๕. กุมารเปตวตฺถุ • 5. Kumārapetavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact