Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เทฺวมาติกาปาฬิ • Dvemātikāpāḷi

    ๘. กุมาริภูตวโคฺค

    8. Kumāribhūtavaggo

    ๑-๒-๓. ปฐมกุมาริภูตาทิสิกฺขาปทวณฺณนา

    1-2-3. Paṭhamakumāribhūtādisikkhāpadavaṇṇanā

    กุมาริภูตวคฺคสฺส ปฐมทุติยตติยานิ ตีหิ คิหิคตสิกฺขาปเทหิ สทิสาเนวฯ ยา ปน ตา สพฺพปฐมา เทฺว มหาสิกฺขมานา, ตา อติกฺกนฺตวีสติวสฺสาติ เวทิตพฺพาฯ ตา หิ คิหิคตา วา โหนฺตุ, อคิหิคตา วา, สมฺมุติกมฺมาทีสุ ‘‘สิกฺขมานา’’อิเจฺจว วตฺตพฺพา, ‘‘คิหิคตา’’ติ วา ‘‘กุมาริภูตา’’ติ วา น วตฺตพฺพาฯ คิหิคตาย ทสวสฺสกาเล สิกฺขาสมฺมุติํ ทตฺวา ทฺวาทสวสฺสกาเล อุปสมฺปทา กาตพฺพา, เอกาทสวสฺสกาเล ทตฺวา เตรสวสฺสกาเล กาตพฺพา, ทฺวาทสเตรสจุทฺทสปนฺนรสโสฬสสตฺตรสอฎฺฐารสวสฺสกาเล สิกฺขาสมฺมุติํ ทตฺวา วีสติวสฺสกาเล อุปสมฺปทา กาตพฺพาฯ อฎฺฐารสวสฺสกาลโต ปฎฺฐาย จ ปนายํ ‘‘คิหิคตา’’ติปิ ‘‘กุมาริภูตา’’ติปิ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ ยา ปนายํ ‘‘กุมาริภูตา’’ติ วุตฺตา สามเณรี , สา ‘‘คิหิคตา’’ติ น วตฺตพฺพา, ‘‘กุมาริภูตา’’อิเจฺจว วตฺตพฺพาฯ สิกฺขาสมฺมุติทานวเสน ปน สพฺพาปิ ‘‘สิกฺขมานา’’ติ วตฺตุํ วฎฺฎตีติฯ

    Kumāribhūtavaggassa paṭhamadutiyatatiyāni tīhi gihigatasikkhāpadehi sadisāneva. Yā pana tā sabbapaṭhamā dve mahāsikkhamānā, tā atikkantavīsativassāti veditabbā. Tā hi gihigatā vā hontu, agihigatā vā, sammutikammādīsu ‘‘sikkhamānā’’icceva vattabbā, ‘‘gihigatā’’ti vā ‘‘kumāribhūtā’’ti vā na vattabbā. Gihigatāya dasavassakāle sikkhāsammutiṃ datvā dvādasavassakāle upasampadā kātabbā, ekādasavassakāle datvā terasavassakāle kātabbā, dvādasaterasacuddasapannarasasoḷasasattarasaaṭṭhārasavassakāle sikkhāsammutiṃ datvā vīsativassakāle upasampadā kātabbā. Aṭṭhārasavassakālato paṭṭhāya ca panāyaṃ ‘‘gihigatā’’tipi ‘‘kumāribhūtā’’tipi vattuṃ vaṭṭati. Yā panāyaṃ ‘‘kumāribhūtā’’ti vuttā sāmaṇerī , sā ‘‘gihigatā’’ti na vattabbā, ‘‘kumāribhūtā’’icceva vattabbā. Sikkhāsammutidānavasena pana sabbāpi ‘‘sikkhamānā’’ti vattuṃ vaṭṭatīti.

    ปฐมกุมาริภูตาทิสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamakumāribhūtādisikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๔. อูนทฺวาทสวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา

    4. Ūnadvādasavassasikkhāpadavaṇṇanā

    จตุเตฺถ อูนทฺวาทสวสฺสาติ อุปสมฺปทาวเสน อปริปุณฺณทฺวาทสวสฺสาฯ ปาจิตฺติยนฺติ อุปชฺฌายา หุตฺวา วุฎฺฐาเปนฺติยา วุตฺตนเยเนว ทุกฺกฎานิ อนฺตรา, กมฺมวาจาปริโยสาเน ปาจิตฺติยนฺติฯ

    Catutthe ūnadvādasavassāti upasampadāvasena aparipuṇṇadvādasavassā. Pācittiyanti upajjhāyā hutvā vuṭṭhāpentiyā vuttanayeneva dukkaṭāni antarā, kammavācāpariyosāne pācittiyanti.

    อูนทฺวาทสวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ūnadvādasavassasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๕. ปริปุณฺณทฺวาทสวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา

    5. Paripuṇṇadvādasavassasikkhāpadavaṇṇanā

    ปญฺจเม สเงฺฆน อสมฺมตาติ ยสฺสา สเงฺฆน ปทภาชเน (ปาจิ. ๑๑๓๒) วุตฺตา วุฎฺฐาปนสมฺมุติ น ทินฺนาฯ เสสํ อุภยตฺถาปิ มหาสิกฺขมานาสิกฺขาปททฺวยสทิสเมวาติฯ

    Pañcame saṅghena asammatāti yassā saṅghena padabhājane (pāci. 1132) vuttā vuṭṭhāpanasammuti na dinnā. Sesaṃ ubhayatthāpi mahāsikkhamānāsikkhāpadadvayasadisamevāti.

    ปริปุณฺณทฺวาทสวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paripuṇṇadvādasavassasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๖. ขียนธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา

    6. Khīyanadhammasikkhāpadavaṇṇanā

    ฉเฎฺฐ อลํ ตาว เต อเยฺย วุฎฺฐาปิเตนาติ วุจฺจมานาติ วุฎฺฐาปนสมฺมุติยา ยาจิตาย สเงฺฆน อุปปริกฺขิปิตฺวา ‘‘ยสฺมา พาลา อพฺยตฺตา จ อลชฺชินี จ โหติ, ตสฺมา อลํ ตาว ตุยฺหํ อุปสมฺปาทิเตนา’’ติ เอวํ นิวารียมานาฯ ปจฺฉา ขียนธมฺมนฺติ ปจฺฉา อญฺญาสํ พฺยตฺตานํ ลชฺชินีนํ วุฎฺฐาปนสมฺมุติํ ทิยฺยมานํ ทิสฺวา ‘‘อหเมว นูน พาลา’’ติอาทีนิ ภณมานา ยตฺถ กตฺถจิ ขีเยยฺยฯ ปาจิตฺติยนฺติ เอวํ ขียนธมฺมํ อาปชฺชนฺติยา ปาจิตฺติยํฯ

    Chaṭṭhe alaṃ tāva te ayye vuṭṭhāpitenāti vuccamānāti vuṭṭhāpanasammutiyā yācitāya saṅghena upaparikkhipitvā ‘‘yasmā bālā abyattā ca alajjinī ca hoti, tasmā alaṃ tāva tuyhaṃ upasampāditenā’’ti evaṃ nivārīyamānā. Pacchā khīyanadhammanti pacchā aññāsaṃ byattānaṃ lajjinīnaṃ vuṭṭhāpanasammutiṃ diyyamānaṃ disvā ‘‘ahameva nūna bālā’’tiādīni bhaṇamānā yattha katthaci khīyeyya. Pācittiyanti evaṃ khīyanadhammaṃ āpajjantiyā pācittiyaṃ.

    สาวตฺถิยํ จณฺฑกาฬิํ อารพฺภ เอวํ ขียนธมฺมํ อาปชฺชนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํ, ปกติยา ฉนฺทาทีนํ วเสน กโรนฺตีนํ ขียนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ วุฎฺฐาปนสมฺมุติยา ยาจนํ, อุปปริกฺขิตฺวา น ฉนฺทาทิวเสน ปฎิกฺขิตฺตาย ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสโว, ปจฺฉาขียนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ อทินฺนาทานสทิสานิ, อิทํ ปน ทุกฺขเวทนนฺติฯ

    Sāvatthiyaṃ caṇḍakāḷiṃ ārabbha evaṃ khīyanadhammaṃ āpajjanavatthusmiṃ paññattaṃ, pakatiyā chandādīnaṃ vasena karontīnaṃ khīyantiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Vuṭṭhāpanasammutiyā yācanaṃ, upaparikkhitvā na chandādivasena paṭikkhittāya ‘‘sādhū’’ti paṭissavo, pacchākhīyananti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni adinnādānasadisāni, idaṃ pana dukkhavedananti.

    ขียนธมฺมสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Khīyanadhammasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๗-๘. สิกฺขมานนวุฎฺฐาปนปฐมทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา

    7-8. Sikkhamānanavuṭṭhāpanapaṭhamadutiyasikkhāpadavaṇṇanā

    สตฺตเม สา ปจฺฉาติ สิกฺขมานาย อุปสมฺปทาย ยาจิยมานาย สา ภิกฺขุนี เอวํ วตฺวา ลเทฺธ จีวเร ปจฺฉา อสติ อนฺตราเย ‘‘เนว วุฎฺฐาเปสฺสามิ , น วุฎฺฐาปนาย อุสฺสุกฺกํ กริสฺสามี’’ติ ธุรํ นิกฺขิเปยฺย, ตสฺสา สห ธุรนิเกฺขเปน ปาจิตฺติยนฺติฯ อฎฺฐเมปิ เอเสว นโยฯ

    Sattame sā pacchāti sikkhamānāya upasampadāya yāciyamānāya sā bhikkhunī evaṃ vatvā laddhe cīvare pacchā asati antarāye ‘‘neva vuṭṭhāpessāmi , na vuṭṭhāpanāya ussukkaṃ karissāmī’’ti dhuraṃ nikkhipeyya, tassā saha dhuranikkhepena pācittiyanti. Aṭṭhamepi eseva nayo.

    อุภยมฺปิ สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ เอเตสุ วตฺถูสุ ปญฺญตฺตํ, ทฺวีสุปิ สติ อนฺตราเย, ปริเยสิตฺวา อลภนฺติยา, คิลานาย, อาปทาสุ, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อุภยตฺถ ‘‘เอวาหํ ตํ วุฎฺฐาเปสฺสามี’’ติ ปฎิญฺญา, อากงฺขิตนิปฺผตฺติ, ปจฺฉา ธุรนิเกฺขโป, อนุญฺญาตการณาภาโวติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ สมนุภาสนสทิสานีติฯ

    Ubhayampi sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha etesu vatthūsu paññattaṃ, dvīsupi sati antarāye, pariyesitvā alabhantiyā, gilānāya, āpadāsu, ummattikādīnañca anāpatti. Ubhayattha ‘‘evāhaṃ taṃ vuṭṭhāpessāmī’’ti paṭiññā, ākaṅkhitanipphatti, pacchā dhuranikkhepo, anuññātakāraṇābhāvoti imānettha cattāri aṅgāni. Samuṭṭhānādīni samanubhāsanasadisānīti.

    สิกฺขมานนวุฎฺฐาปนปฐมทุติยสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sikkhamānanavuṭṭhāpanapaṭhamadutiyasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๙. โสกาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา

    9. Sokāvāsasikkhāpadavaṇṇanā

    นวเม โสกาวาสนฺติ สเงฺกตํ กตฺวา อาคจฺฉมานา ปุริสานํ อโนฺตโสกํ ปเวเสตีติ โสกาวาสา, ตํ โสกาวาสํฯ อถ วา ฆรํ วิย ฆรสามิกา อยมฺปิ ปุริสสมาคมํ อลภมานา โสกํ อาวิสติ, อิติ ยํ อาวิสติ, สฺวาสฺสา อาวาโส โหตีติ โสกาวาสาฯ เตเนวสฺส ปทภาชเน (ปาจิ. ๑๑๖๐) ‘‘โสกาวาสา นาม ปเรสํ ทุกฺขํ อุปฺปาเทติ, โสกํ อาวิสตี’’ติ ทฺวิธา อโตฺถ วุโตฺตฯ ปาจิตฺติยนฺติ เอวรูปํ วุฎฺฐาเปนฺติยา วุตฺตนเยเนว กมฺมวาจาปริโยสาเน อุปชฺฌายาย ปาจิตฺติยํฯ

    Navame sokāvāsanti saṅketaṃ katvā āgacchamānā purisānaṃ antosokaṃ pavesetīti sokāvāsā, taṃ sokāvāsaṃ. Atha vā gharaṃ viya gharasāmikā ayampi purisasamāgamaṃ alabhamānā sokaṃ āvisati, iti yaṃ āvisati, svāssā āvāso hotīti sokāvāsā. Tenevassa padabhājane (pāci. 1160) ‘‘sokāvāsā nāma paresaṃ dukkhaṃ uppādeti, sokaṃ āvisatī’’ti dvidhā attho vutto. Pācittiyanti evarūpaṃ vuṭṭhāpentiyā vuttanayeneva kammavācāpariyosāne upajjhāyāya pācittiyaṃ.

    สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ เอวรูปํ สิกฺขมานํ วุฎฺฐาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํฯ อชานนฺติยา , อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ โสกาวาสตา, ชานนํ, วุฎฺฐาปนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ คพฺภินิวุฎฺฐาปนสทิสาเนวาติฯ

    Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha evarūpaṃ sikkhamānaṃ vuṭṭhāpanavatthusmiṃ paññattaṃ. Ajānantiyā , ummattikādīnañca anāpatti. Sokāvāsatā, jānanaṃ, vuṭṭhāpananti imānettha tīṇi aṅgāni. Samuṭṭhānādīni gabbhinivuṭṭhāpanasadisānevāti.

    โสกาวาสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sokāvāsasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๐. อนนุญฺญาตสิกฺขาปทวณฺณนา

    10. Ananuññātasikkhāpadavaṇṇanā

    ทสเม มาตาปิตูหีติ วิชาตมาตรา จ ชนกปิตรา จฯ สามิเกนาติ เยน ปริคฺคหิตา, เตนฯ อนนุญฺญาตนฺติ อุปสมฺปทตฺถาย อนนุญฺญาตํฯ ทฺวิกฺขตฺตุญฺหิ ภิกฺขุนีหิ อาปุจฺฉิตพฺพํ, ปพฺพชฺชากาเล จ อุปสมฺปทากาเล จ, ภิกฺขูนํ ปน สกิํ อาปุจฺฉิเตปิ วฎฺฎติ ฯ ตสฺมา ยา อุปสมฺปทากาเล อนาปุจฺฉา อุปสมฺปาเทติ, ตสฺสา วุตฺตนเยเนว ปาจิตฺติยํฯ

    Dasame mātāpitūhīti vijātamātarā ca janakapitarā ca. Sāmikenāti yena pariggahitā, tena. Ananuññātanti upasampadatthāya ananuññātaṃ. Dvikkhattuñhi bhikkhunīhi āpucchitabbaṃ, pabbajjākāle ca upasampadākāle ca, bhikkhūnaṃ pana sakiṃ āpucchitepi vaṭṭati . Tasmā yā upasampadākāle anāpucchā upasampādeti, tassā vuttanayeneva pācittiyaṃ.

    สาวตฺถิยํ ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ อนนุญฺญาตวุฎฺฐาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํฯ อปโลเกตฺวา วุฎฺฐาเปนฺติยา, เตสํ อตฺถิภาวํ อชานนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อนปโลกนํ, อตฺถิภาวชานนํ, วุฎฺฐาปนนฺติ อิมาเนตฺถ ตีณิ องฺคานิฯ อนนุญฺญาตสมุฎฺฐานํ, กิริยากิริยํ, โนสญฺญาวิโมกฺขํ, อจิตฺตกํ, ปณฺณตฺติวชฺชํ, กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, ติจิตฺตํ, ติเวทนนฺติฯ

    Sāvatthiyaṃ thullanandaṃ ārabbha ananuññātavuṭṭhāpanavatthusmiṃ paññattaṃ. Apaloketvā vuṭṭhāpentiyā, tesaṃ atthibhāvaṃ ajānantiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Anapalokanaṃ, atthibhāvajānanaṃ, vuṭṭhāpananti imānettha tīṇi aṅgāni. Ananuññātasamuṭṭhānaṃ, kiriyākiriyaṃ, nosaññāvimokkhaṃ, acittakaṃ, paṇṇattivajjaṃ, kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, ticittaṃ, tivedananti.

    อนนุญฺญาตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ananuññātasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๑. ปาริวาสิกสิกฺขาปทวณฺณนา

    11. Pārivāsikasikkhāpadavaṇṇanā

    เอกาทสเม ปาริวาสิกฉนฺททาเนนาติ ปาริวาสิเยน ฉนฺททาเนนฯ ตตฺถ จตุพฺพิธํ ปาริวาสิยํ ปริสปาริวาสิยํ รตฺติปาริวาสิยํ ฉนฺทปาริวาสิยํ อชฺฌาสยปาริวาสิยนฺติฯ

    Ekādasame pārivāsikachandadānenāti pārivāsiyena chandadānena. Tattha catubbidhaṃ pārivāsiyaṃ parisapārivāsiyaṃ rattipārivāsiyaṃ chandapārivāsiyaṃ ajjhāsayapārivāsiyanti.

    ตตฺถ ปริสปาริวาสิยํ นาม ภิกฺขู เกนจิเทว กรณีเยน สนฺนิปติตา โหนฺติ, อถ เมโฆ วา อุฎฺฐหติ, อุสฺสารณา วา กรียติ, มนุสฺสา วา อโชฺฌตฺถรนฺตา อาคจฺฉนฺติ, ภิกฺขู ‘‘อโนกาสา มยํ, อญฺญตฺร คจฺฉามา’’ติ ฉนฺทํ อวิสฺสชฺชิตฺวาว อุฎฺฐหนฺติ, อิทํ ปริสปาริวาสิยํ นาม, กิญฺจาปิ ปริสปาริวาสิยํ, ฉนฺทสฺส ปน อวิสฺสฎฺฐตฺตา กมฺมํ กาตุํ วฎฺฎติฯ

    Tattha parisapārivāsiyaṃ nāma bhikkhū kenacideva karaṇīyena sannipatitā honti, atha megho vā uṭṭhahati, ussāraṇā vā karīyati, manussā vā ajjhottharantā āgacchanti, bhikkhū ‘‘anokāsā mayaṃ, aññatra gacchāmā’’ti chandaṃ avissajjitvāva uṭṭhahanti, idaṃ parisapārivāsiyaṃ nāma, kiñcāpi parisapārivāsiyaṃ, chandassa pana avissaṭṭhattā kammaṃ kātuṃ vaṭṭati.

    ปุน ภิกฺขู ‘‘อุโปสถาทีนิ กริสฺสามา’’ติ รตฺติํ สนฺนิปติตฺวา ‘‘ยาว สเพฺพ สนฺนิปตนฺติ, ตาว ธมฺมํ สุณิสฺสามา’’ติ เอกํ อเชฺฌสนฺติ, ตสฺมิํ ธมฺมกถํ กเถเนฺตเยว อรุโณ อุคฺคจฺฉติฯ สเจ ‘‘จาตุทฺทสิกํ อุโปสถํ กริสฺสามา’’ติ นิสินฺนา, ‘‘ปนฺนรโส’’ติ กาตุํ วฎฺฎติฯ สเจ ปนฺนรสิกํ กาตุํ นิสินฺนา, ปาฎิปเท อนุโปสเถ อุโปสถํ กาตุํ น วฎฺฎติฯ อญฺญํ ปน สงฺฆกิจฺจํ กาตุํ วฎฺฎติ, อิทํ รตฺติปาริวาสิยํ นามฯ

    Puna bhikkhū ‘‘uposathādīni karissāmā’’ti rattiṃ sannipatitvā ‘‘yāva sabbe sannipatanti, tāva dhammaṃ suṇissāmā’’ti ekaṃ ajjhesanti, tasmiṃ dhammakathaṃ kathenteyeva aruṇo uggacchati. Sace ‘‘cātuddasikaṃ uposathaṃ karissāmā’’ti nisinnā, ‘‘pannaraso’’ti kātuṃ vaṭṭati. Sace pannarasikaṃ kātuṃ nisinnā, pāṭipade anuposathe uposathaṃ kātuṃ na vaṭṭati. Aññaṃ pana saṅghakiccaṃ kātuṃ vaṭṭati, idaṃ rattipārivāsiyaṃ nāma.

    ปุน ภิกฺขู ‘‘กิญฺจิเทว อพฺภานาทิสงฺฆกมฺมํ กริสฺสามา’’ติ สนฺนิสินฺนา โหนฺติ, ตเตฺรโก นกฺขตฺตปาฐโก ภิกฺขุ เอวํ วทติ ‘‘อชฺช นกฺขตฺตํ ทารุณํ, มา อิทํ กมฺมํ กโรถา’’ติฯ เต ตสฺส วจเนน ฉนฺทํ วิสฺสเชฺชตฺวา ตเตฺถว นิสินฺนา โหนฺติ, อถโญฺญ อาคนฺตฺวา ‘‘นกฺขตฺตํ ปติมาเนนฺตํ, อโตฺถ พาลํ อุปชฺฌคา (ชา. ๑.๑.๔๙), กิํ นกฺขเตฺตน กโรถา’’ติ วทติ, อิทํ ฉนฺทปาริวาสิยเญฺจว อชฺฌาสยปาริวาสิยญฺจฯ เอตสฺมิํ ปาริวาสิเย ปุน ฉนฺทปาริสุทฺธิํ อนาหริตฺวา กมฺมํ กาตุํ น วฎฺฎติ, อิทํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘ปาริวาสิกฉนฺททาเนนา’’ติฯ ปาจิตฺติยนฺติ เอวํ วุฎฺฐาเปนฺติยา วุตฺตนเยเนว กมฺมวาจาปริโยสาเน ปาจิตฺติยํฯ

    Puna bhikkhū ‘‘kiñcideva abbhānādisaṅghakammaṃ karissāmā’’ti sannisinnā honti, tatreko nakkhattapāṭhako bhikkhu evaṃ vadati ‘‘ajja nakkhattaṃ dāruṇaṃ, mā idaṃ kammaṃ karothā’’ti. Te tassa vacanena chandaṃ vissajjetvā tattheva nisinnā honti, athañño āgantvā ‘‘nakkhattaṃ patimānentaṃ, attho bālaṃ upajjhagā (jā. 1.1.49), kiṃ nakkhattena karothā’’ti vadati, idaṃ chandapārivāsiyañceva ajjhāsayapārivāsiyañca. Etasmiṃ pārivāsiye puna chandapārisuddhiṃ anāharitvā kammaṃ kātuṃ na vaṭṭati, idaṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘pārivāsikachandadānenā’’ti. Pācittiyanti evaṃ vuṭṭhāpentiyā vuttanayeneva kammavācāpariyosāne pācittiyaṃ.

    ราชคเห ถุลฺลนนฺทํ อารพฺภ เอวํ วุฎฺฐาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํฯ ฉนฺทํ อวิสฺสเชฺชตฺวาว อวุฎฺฐิตาย ปริสาย วุฎฺฐาเปนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ ปาริวาสิกฉนฺททานตา, วุฎฺฐาปนนฺติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ คมฺภินิสิกฺขาปทสทิสาเนวาติฯ

    Rājagahe thullanandaṃ ārabbha evaṃ vuṭṭhāpanavatthusmiṃ paññattaṃ. Chandaṃ avissajjetvāva avuṭṭhitāya parisāya vuṭṭhāpentiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Pārivāsikachandadānatā, vuṭṭhāpananti imānettha dve aṅgāni. Samuṭṭhānādīni gambhinisikkhāpadasadisānevāti.

    ปาริวาสิกสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Pārivāsikasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๒. อนุวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา

    12. Anuvassasikkhāpadavaṇṇanā

    ทฺวาทสเม อนุวสฺสนฺติ อนุสํวจฺฉรํฯ เอวํ วุฎฺฐาเปนฺติยาปิ วุตฺตนเยเนว ปาจิตฺติยํฯ

    Dvādasame anuvassanti anusaṃvaccharaṃ. Evaṃ vuṭṭhāpentiyāpi vuttanayeneva pācittiyaṃ.

    สาวตฺถิยํ สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย อารพฺภ อนุวสฺสํ วุฎฺฐาปนวตฺถุสฺมิํ ปญฺญตฺตํฯ เอกนฺตริกํ วุฎฺฐาเปนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ อนุวสฺสตา, วุฎฺฐาปนนฺติ อิมาเนตฺถ เทฺว องฺคานิฯ สมุฎฺฐานาทีนิ เอกาทสเม วุตฺตนยาเนวาติฯ

    Sāvatthiyaṃ sambahulā bhikkhuniyo ārabbha anuvassaṃ vuṭṭhāpanavatthusmiṃ paññattaṃ. Ekantarikaṃ vuṭṭhāpentiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Anuvassatā, vuṭṭhāpananti imānettha dve aṅgāni. Samuṭṭhānādīni ekādasame vuttanayānevāti.

    อนุวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Anuvassasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    ๑๓. เอกวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา

    13. Ekavassasikkhāpadavaṇṇanā

    เตรสเม เอกนฺตริกํ เอกํ วุฎฺฐาเปนฺติยา, อุมฺมตฺติกาทีนญฺจ อนาปตฺติฯ เสสํ ทฺวาทสเมน สทิสเมวาติฯ

    Terasame ekantarikaṃ ekaṃ vuṭṭhāpentiyā, ummattikādīnañca anāpatti. Sesaṃ dvādasamena sadisamevāti.

    เอกวสฺสสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ekavassasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.

    กุมาริภูตวโคฺค อฎฺฐโมฯ

    Kumāribhūtavaggo aṭṭhamo.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact