Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๕๑๒] ๒. กุมฺภชาตกวณฺณนา
[512] 2. Kumbhajātakavaṇṇanā
โก ปาตุราสีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต วิสาขาย สหายิกา สุราปีตา ปญฺจสตา อิตฺถิโย อารพฺภ กเถสิฯ สาวตฺถิยํ กิร สุราฉเณ สงฺฆุเฎฺฐ ตา ปญฺจสตา อิตฺถิโย สามิกานํ ฉเณ กีฬมานานํ ติกฺขสุรํ ปฎิยาเทตฺวา ‘‘ฉณํ กีฬิสฺสามา’’ติ สพฺพาปิ วิสาขาย สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘สหายิเก ฉณํ กีฬิสฺสามา’’ติ วตฺวา ‘‘อยํ สุราฉโณ, น อหํ สุรํ ปิวิสฺสามี’’ติ วุเตฺต – ‘‘ตุเมฺห สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ทานํ เทถ, มยํ ฉณํ กริสฺสามา’’ติ อาหํสุฯ สา ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตา อุโยฺยเชตฺวา สตฺถารํ นิมนฺตาเปตฺวา มหาทานํ ปวเตฺตตฺวา พหุํ คนฺธมาลํ อาทาย สายนฺหสมเย ธมฺมกถํ โสตุํ ตาหิ ปริวุตา เชตวนํ อคมาสิฯ ตา ปนิตฺถิโย สุรํ ปิวมานาว ตาย สทฺธิํ คนฺตฺวา ทฺวารโกฎฺฐเก ฐตฺวา สุรํ ปิวิตฺวาว ตาย สทฺธิํ สตฺถุ สนฺติกํ อคมํสุฯ วิสาขา สตฺถารํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิ, อิตราสุ เอกจฺจา สตฺถุ สนฺติเกเยว นจฺจิํสุ, เอกจฺจา คายิํสุ, เอกจฺจา หตฺถกุกฺกุจฺจปาทกุกฺกุจฺจานิ, เอกจฺจา กลหํ อกํสุฯ
Kopāturāsīti idaṃ satthā jetavane viharanto visākhāya sahāyikā surāpītā pañcasatā itthiyo ārabbha kathesi. Sāvatthiyaṃ kira surāchaṇe saṅghuṭṭhe tā pañcasatā itthiyo sāmikānaṃ chaṇe kīḷamānānaṃ tikkhasuraṃ paṭiyādetvā ‘‘chaṇaṃ kīḷissāmā’’ti sabbāpi visākhāya santikaṃ gantvā ‘‘sahāyike chaṇaṃ kīḷissāmā’’ti vatvā ‘‘ayaṃ surāchaṇo, na ahaṃ suraṃ pivissāmī’’ti vutte – ‘‘tumhe sammāsambuddhassa dānaṃ detha, mayaṃ chaṇaṃ karissāmā’’ti āhaṃsu. Sā ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchitvā tā uyyojetvā satthāraṃ nimantāpetvā mahādānaṃ pavattetvā bahuṃ gandhamālaṃ ādāya sāyanhasamaye dhammakathaṃ sotuṃ tāhi parivutā jetavanaṃ agamāsi. Tā panitthiyo suraṃ pivamānāva tāya saddhiṃ gantvā dvārakoṭṭhake ṭhatvā suraṃ pivitvāva tāya saddhiṃ satthu santikaṃ agamaṃsu. Visākhā satthāraṃ vanditvā ekamantaṃ nisīdi, itarāsu ekaccā satthu santikeyeva nacciṃsu, ekaccā gāyiṃsu, ekaccā hatthakukkuccapādakukkuccāni, ekaccā kalahaṃ akaṃsu.
สตฺถา ตาสํ สํเวคชนนตฺถาย ภมุกโลมโต รํสี วิสฺสเชฺชสิ, อนฺธการติมิสา อโหสิฯ ตา ภีตา อเหสุํ มรณภยตชฺชิตา, เตน ตาสํ สุรา ชีริฯ สตฺถา นิสินฺนปลฺลเงฺก อนฺตรหิโต สิเนรุมุทฺธนิ ฐตฺวา อุณฺณโลมโต รํสี วิสฺสเชฺชสิ, จนฺทสูริยสหสฺสุคฺคมนํ วิย อโหสิฯ สตฺถา ตตฺถ ฐิโตว ตาสํ สํเวคชนนตฺถาย –
Satthā tāsaṃ saṃvegajananatthāya bhamukalomato raṃsī vissajjesi, andhakāratimisā ahosi. Tā bhītā ahesuṃ maraṇabhayatajjitā, tena tāsaṃ surā jīri. Satthā nisinnapallaṅke antarahito sinerumuddhani ṭhatvā uṇṇalomato raṃsī vissajjesi, candasūriyasahassuggamanaṃ viya ahosi. Satthā tattha ṭhitova tāsaṃ saṃvegajananatthāya –
‘‘โก นุ หาโส กิมานโนฺท, นิจฺจํ ปชฺชลิเต สติ;
‘‘Ko nu hāso kimānando, niccaṃ pajjalite sati;
อนฺธกาเรน โอนทฺธา, ปทีปํ น คเวสถา’’ติฯ (ธ. ป. ๑๔๖) –
Andhakārena onaddhā, padīpaṃ na gavesathā’’ti. (dha. pa. 146) –
อิมํ คาถมาหฯ คาถาปริโยสาเน ตา ปญฺจสตาปิ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิํสุฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา คนฺธกุฎิฉายาย พุทฺธาสเน นิสีทิฯ อถ นํ วิสาขา วนฺทิตฺวา, ‘‘ภเนฺต, อิทํ หิโรตฺตปฺปเภทกํ สุราปานํ นาม กทา อุปฺปนฺน’’นฺติ ปุจฺฉิฯ โส ตสฺสา อาจิกฺขโนฺต อตีตํ อาหริฯ
Imaṃ gāthamāha. Gāthāpariyosāne tā pañcasatāpi sotāpattiphale patiṭṭhahiṃsu. Satthā āgantvā gandhakuṭichāyāya buddhāsane nisīdi. Atha naṃ visākhā vanditvā, ‘‘bhante, idaṃ hirottappabhedakaṃ surāpānaṃ nāma kadā uppanna’’nti pucchi. So tassā ācikkhanto atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต เอโก กาสิรฎฺฐวาสี สุโร นาม วนจรโก ภณฺฑปริเยสนตฺถาย หิมวนฺตํ อคมาสิฯ ตเตฺถโก รุโกฺข อุคฺคนฺตฺวา โปริสมเตฺต ฐาเน ติธากโปฺป อโหสิฯ ตสฺส ติณฺณํ กปฺปานํ อนฺตเร จาฎิปฺปมาโณ อาวาโฎ อโหสิฯ โส เทเว วสฺสเนฺต อุทเกน ปูริโต, ตํ ปริวาเรตฺวา หรีตกี อามลกี มริจคโจฺฉ จ อโหสิ , เตสํ ปกฺกานิ ผลานิ ฉิชฺชิตฺวา ตตฺถ ปตนฺติฯ ตสฺสาวิทูเร สยํชาตสาลิ ชาโต, ตโต สุวกา สาลิสีสานิ อาหริตฺวา ตสฺมิํ รุเกฺข นิสีทิตฺวา ขาทนฺติฯ เตสํ ขาทมานานํ สาลีปิ ตณฺฑุลาปิ ตตฺถ ปตนฺติฯ อิติ ตํ อุทกํ สูริยสนฺตาเปน ปจฺจมานํ รสํ โลหิตวณฺณํ อโหสิฯ นิทาฆสมเย ปิปาสิตา สกุณคณา อาคนฺตฺวา ตํ ปิวิตฺวา มตฺตา ปริวตฺติตฺวา รุกฺขมูเล ปติํสุ, ตสฺมิํ โถกํ นิทฺทายิตฺวา วิกูชมานา ปกฺกมนฺติฯ รุกฺขสุนขมกฺกฎาทีสุปิ เอเสว นโยฯ วนจรโก ตํ ทิสฺวา ‘‘สเจ อิทํ วิสํ ภเวยฺย, อิเม มเรยฺยุํ, อิเม ปน โถกํ นิทฺทายิตฺวา ยถาสุขํ คจฺฉนฺติ, นยิทํ วิส’’นฺติ สยํ ปิวิตฺวา มโตฺต หุตฺวา มํสํ ขาทิตุกาโม อโหสิฯ ตโต อคฺคิํ กตฺวา รุกฺขมูเล ปติเต ติตฺติรกุกฺกุฎาทโย มาเรตฺวา มํสํ องฺคาเร ปจิตฺวา เอเกน หเตฺถน นจฺจโนฺต เอเกน มํสํ ขาทโนฺต เอกาหทฺวีหํ ตเตฺถว อโหสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente eko kāsiraṭṭhavāsī suro nāma vanacarako bhaṇḍapariyesanatthāya himavantaṃ agamāsi. Tattheko rukkho uggantvā porisamatte ṭhāne tidhākappo ahosi. Tassa tiṇṇaṃ kappānaṃ antare cāṭippamāṇo āvāṭo ahosi. So deve vassante udakena pūrito, taṃ parivāretvā harītakī āmalakī maricagaccho ca ahosi , tesaṃ pakkāni phalāni chijjitvā tattha patanti. Tassāvidūre sayaṃjātasāli jāto, tato suvakā sālisīsāni āharitvā tasmiṃ rukkhe nisīditvā khādanti. Tesaṃ khādamānānaṃ sālīpi taṇḍulāpi tattha patanti. Iti taṃ udakaṃ sūriyasantāpena paccamānaṃ rasaṃ lohitavaṇṇaṃ ahosi. Nidāghasamaye pipāsitā sakuṇagaṇā āgantvā taṃ pivitvā mattā parivattitvā rukkhamūle patiṃsu, tasmiṃ thokaṃ niddāyitvā vikūjamānā pakkamanti. Rukkhasunakhamakkaṭādīsupi eseva nayo. Vanacarako taṃ disvā ‘‘sace idaṃ visaṃ bhaveyya, ime mareyyuṃ, ime pana thokaṃ niddāyitvā yathāsukhaṃ gacchanti, nayidaṃ visa’’nti sayaṃ pivitvā matto hutvā maṃsaṃ khāditukāmo ahosi. Tato aggiṃ katvā rukkhamūle patite tittirakukkuṭādayo māretvā maṃsaṃ aṅgāre pacitvā ekena hatthena naccanto ekena maṃsaṃ khādanto ekāhadvīhaṃ tattheva ahosi.
ตโต ปน อวิทูเร เอโก วรุโณ นาม ตาปโส วสติฯ วนจรโก อญฺญทาปิ ตสฺส สนฺติกํ คจฺฉติฯ อถสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ ปานํ ตาปเสน สทฺธิํ ปิวิสฺสามี’’ติฯ โส เอกํ เวฬุนาฬิกํ ปูเรตฺวา ปกฺกมํเสน สทฺธิํ อาหริตฺวา ปณฺณสาลํ คนฺตฺวา, ‘‘ภเนฺต, อิมํ ปิวถา’’ติ วตฺวา อุโภปิ มํสํ ขาทนฺตา ปิวิํสุฯ อิติ สุเรน จ วรุเณน จ ทิฎฺฐตฺตา ตสฺส ปานสฺส ‘‘สุรา’’ติ จ ‘‘วรุณา’’ติ จ นามํ ชาตํฯ เต อุโภปิ ‘‘อเตฺถโส อุปาโย’’ติ เวฬุนาฬิโย ปูเรตฺวา กาเชนาทาย ปจฺจนฺตนครํ คนฺตฺวา ‘‘ปานการกา นาม อาคตา’’ติ รโญฺญ อาโรจาเปสุํฯ ราชา เน ปโกฺกสาเปสิ, เต ตสฺส ปานํ อุปเนสุํฯ ราชา เทฺว ตโย วาเร ปิวิตฺวา มชฺชิ, ตสฺส ตํ เอกาหทฺวีหมตฺตเมว อโหสิฯ อถ เน ‘‘อญฺญมฺปิ อตฺถี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘อตฺถิ, เทวา’’ติฯ ‘‘กุหิ’’นฺติ? ‘‘หิมวเนฺต เทวา’’ติฯ ‘‘เตน หิ อาเนถา’’ติฯ เต คนฺตฺวา เอกเทฺว วาเร อาเนตฺวา ‘‘นิพทฺธํ คนฺตุํ น สกฺขิสฺสามา’’ติ สมฺภาเร สลฺลเกฺขตฺวา ตสฺส รุกฺขสฺส ตจํ อาทิํ กตฺวา สพฺพสมฺภาเร ปกฺขิปิตฺวา นคเร สุรํ กริํสุฯ นาครา สุรํ ปิวิตฺวา ปมาทํ อาปนฺนา ทุคฺคตา อเหสุํ, นครํ สุญฺญํ วิย อโหสิ, เตน ปานการกา ตโต ปลายิตฺวา พาราณสิํ คนฺตฺวา ‘‘ปานการกา อาคตา’’ติ รโญฺญ อาโรจาเปสุํฯ ราชา เน ปโกฺกสาเปตฺวา ปริพฺพยํ อทาสิฯ เต ตตฺถาปิ สุรํ อกํสุ, ตมฺปิ นครํ ตเถว วินสฺสิ, ตโต ปลายิตฺวา สาเกตํ, สาเกตโต สาวตฺถิํ อคมํสุฯ
Tato pana avidūre eko varuṇo nāma tāpaso vasati. Vanacarako aññadāpi tassa santikaṃ gacchati. Athassa etadahosi – ‘‘idaṃ pānaṃ tāpasena saddhiṃ pivissāmī’’ti. So ekaṃ veḷunāḷikaṃ pūretvā pakkamaṃsena saddhiṃ āharitvā paṇṇasālaṃ gantvā, ‘‘bhante, imaṃ pivathā’’ti vatvā ubhopi maṃsaṃ khādantā piviṃsu. Iti surena ca varuṇena ca diṭṭhattā tassa pānassa ‘‘surā’’ti ca ‘‘varuṇā’’ti ca nāmaṃ jātaṃ. Te ubhopi ‘‘attheso upāyo’’ti veḷunāḷiyo pūretvā kājenādāya paccantanagaraṃ gantvā ‘‘pānakārakā nāma āgatā’’ti rañño ārocāpesuṃ. Rājā ne pakkosāpesi, te tassa pānaṃ upanesuṃ. Rājā dve tayo vāre pivitvā majji, tassa taṃ ekāhadvīhamattameva ahosi. Atha ne ‘‘aññampi atthī’’ti pucchi. ‘‘Atthi, devā’’ti. ‘‘Kuhi’’nti? ‘‘Himavante devā’’ti. ‘‘Tena hi ānethā’’ti. Te gantvā ekadve vāre ānetvā ‘‘nibaddhaṃ gantuṃ na sakkhissāmā’’ti sambhāre sallakkhetvā tassa rukkhassa tacaṃ ādiṃ katvā sabbasambhāre pakkhipitvā nagare suraṃ kariṃsu. Nāgarā suraṃ pivitvā pamādaṃ āpannā duggatā ahesuṃ, nagaraṃ suññaṃ viya ahosi, tena pānakārakā tato palāyitvā bārāṇasiṃ gantvā ‘‘pānakārakā āgatā’’ti rañño ārocāpesuṃ. Rājā ne pakkosāpetvā paribbayaṃ adāsi. Te tatthāpi suraṃ akaṃsu, tampi nagaraṃ tatheva vinassi, tato palāyitvā sāketaṃ, sāketato sāvatthiṃ agamaṃsu.
ตทา สาวตฺถิยํ สพฺพมิโตฺต นาม ราชา อโหสิฯ โส เตสํ สงฺคหํ กตฺวา ‘‘เกน โว อโตฺถ’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สมฺภารมูเลน เจว สาลิปิเฎฺฐน จ ปญฺจหิ จาฎิสเตหิ จา’’ติ วุเตฺต สพฺพํ ทาเปสิฯ เต ปญฺจสุ จาฎิสเตสุ สุรํ สณฺฐาเปตฺวา มูสิกภเยน จาฎิรกฺขณตฺถาย เอเกกาย จาฎิยา สนฺติเก เอเกกํ พิฬารํ พนฺธิํสุฯ เต ปจฺจิตฺวา อุตฺตรณกาเล จาฎิกุจฺฉีสุ ปคฺฆรนฺตํ สุรํ ปิวิตฺวา มตฺตา นิทฺทายิํสุฯ มูสิกา อาคนฺตฺวา เตสํ กณฺณนาสิกทาฐิกนงฺคุเฎฺฐ ขาทิตฺวา อคมํสุฯ ‘‘พิฬารา สุรํ ปิวิตฺวา มตา’’ติ อายุตฺตกปุริสา รโญฺญ อาโรเจสุํฯ ราชา ‘‘วิสการกา เอเต ภวิสฺสนฺตี’’ติ เตสํ ทฺวินฺนมฺปิ ชนานํ สีสานิ ฉินฺทาเปสิฯ เต ‘‘สุรํ เทว, มธุรํ เทวา’’ติ วิรวนฺตาว มริํสุฯ ราชา เต มาราเปตฺวา ‘‘จาฎิโย ภินฺทถา’’ติ อาณาเปสิฯ พิฬาราปิ สุราย ชิณฺณาย อุฎฺฐหิตฺวา กีฬนฺตา วิจริํสุ, เต ทิสฺวา รโญฺญ อาโรเจสุํฯ ราชา ‘‘สเจ วิสํ อสฺส, เอเต มเรยฺยุํ, มธุเรเนว ภวิตพฺพํ, ปิวิสฺสามิ น’’นฺติ นครํ อลงฺการาเปตฺวา ราชงฺคเณ มณฺฑปํ การาเปตฺวา อลงฺกตมณฺฑเป สมุสฺสิตเสตจฺฉเตฺต ราชปลฺลเงฺก นิสีทิตฺวา อมจฺจคณปริวุโต สุรํ ปาตุํ อารภิฯ
Tadā sāvatthiyaṃ sabbamitto nāma rājā ahosi. So tesaṃ saṅgahaṃ katvā ‘‘kena vo attho’’ti pucchitvā ‘‘sambhāramūlena ceva sālipiṭṭhena ca pañcahi cāṭisatehi cā’’ti vutte sabbaṃ dāpesi. Te pañcasu cāṭisatesu suraṃ saṇṭhāpetvā mūsikabhayena cāṭirakkhaṇatthāya ekekāya cāṭiyā santike ekekaṃ biḷāraṃ bandhiṃsu. Te paccitvā uttaraṇakāle cāṭikucchīsu paggharantaṃ suraṃ pivitvā mattā niddāyiṃsu. Mūsikā āgantvā tesaṃ kaṇṇanāsikadāṭhikanaṅguṭṭhe khāditvā agamaṃsu. ‘‘Biḷārā suraṃ pivitvā matā’’ti āyuttakapurisā rañño ārocesuṃ. Rājā ‘‘visakārakā ete bhavissantī’’ti tesaṃ dvinnampi janānaṃ sīsāni chindāpesi. Te ‘‘suraṃ deva, madhuraṃ devā’’ti viravantāva mariṃsu. Rājā te mārāpetvā ‘‘cāṭiyo bhindathā’’ti āṇāpesi. Biḷārāpi surāya jiṇṇāya uṭṭhahitvā kīḷantā vicariṃsu, te disvā rañño ārocesuṃ. Rājā ‘‘sace visaṃ assa, ete mareyyuṃ, madhureneva bhavitabbaṃ, pivissāmi na’’nti nagaraṃ alaṅkārāpetvā rājaṅgaṇe maṇḍapaṃ kārāpetvā alaṅkatamaṇḍape samussitasetacchatte rājapallaṅke nisīditvā amaccagaṇaparivuto suraṃ pātuṃ ārabhi.
ตทา สโกฺก เทวราชา ‘‘เก นุ โข มาตุปฎฺฐานาทีสุ อปฺปมตฺตา ตีณิ สุจริตานิ ปูเรนฺตี’’ติ โลกํ โวโลเกโนฺต ตํ ราชานํ สุรํ ปาตุํ นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘สจายํ สุรํ ปิวิสฺสติ, สกลชมฺพุทีโป นสฺสิสฺสติฯ ยถา น ปิวิสฺสติ, ตถา นํ กริสฺสามี’’ติ เอกํ สุราปุณฺณํ กุมฺภํ หตฺถตเล ฐเปตฺวา พฺราหฺมณเวเสนาคนฺตฺวา รโญฺญ สมฺมุขฎฺฐาเน อากาเส ฐตฺวา ‘‘อิมํ กุมฺภํ กิณาถ, อิมํ กุมฺภํ กิณาถา’’ติ อาหฯ สพฺพมิตฺตราชา ตํ ตถา วทนฺตํ อากาเส ฐิตํ ทิสฺวา ‘‘กุโต นุ โข พฺราหฺมโณ อาคจฺฉตี’’ติ เตน สทฺธิํ สลฺลปโนฺต ติโสฺส คาถา อภาสิ –
Tadā sakko devarājā ‘‘ke nu kho mātupaṭṭhānādīsu appamattā tīṇi sucaritāni pūrentī’’ti lokaṃ volokento taṃ rājānaṃ suraṃ pātuṃ nisinnaṃ disvā ‘‘sacāyaṃ suraṃ pivissati, sakalajambudīpo nassissati. Yathā na pivissati, tathā naṃ karissāmī’’ti ekaṃ surāpuṇṇaṃ kumbhaṃ hatthatale ṭhapetvā brāhmaṇavesenāgantvā rañño sammukhaṭṭhāne ākāse ṭhatvā ‘‘imaṃ kumbhaṃ kiṇātha, imaṃ kumbhaṃ kiṇāthā’’ti āha. Sabbamittarājā taṃ tathā vadantaṃ ākāse ṭhitaṃ disvā ‘‘kuto nu kho brāhmaṇo āgacchatī’’ti tena saddhiṃ sallapanto tisso gāthā abhāsi –
๓๓.
33.
‘‘โก ปาตุราสี ติทิวา นภมฺหิ, โอภาสยํ สํวริํ จนฺทิมาว;
‘‘Ko pāturāsī tidivā nabhamhi, obhāsayaṃ saṃvariṃ candimāva;
คเตฺตหิ เต รสฺมิโย นิจฺฉรนฺติ, สเตรตา วิชฺชุริวนฺตลิเกฺขฯ
Gattehi te rasmiyo niccharanti, sateratā vijjurivantalikkhe.
๓๔.
34.
‘‘โส ฉินฺนวาตํ กมสี อฆมฺหิ, เวหายสํ คจฺฉสิ ติฎฺฐสี จ;
‘‘So chinnavātaṃ kamasī aghamhi, vehāyasaṃ gacchasi tiṭṭhasī ca;
อิทฺธี นุ เต วตฺถุกตา สุภาวิตา, อนทฺธคูนํ อปิ เทวตานํฯ
Iddhī nu te vatthukatā subhāvitā, anaddhagūnaṃ api devatānaṃ.
๓๕.
35.
‘‘เวหายสํ คมฺมมาคมฺม ติฎฺฐสิ, กุมฺภํ กิณาถาติ ยเมตมตฺถํ;
‘‘Vehāyasaṃ gammamāgamma tiṭṭhasi, kumbhaṃ kiṇāthāti yametamatthaṃ;
โก วา ตุวํ กิสฺส วา ตาย กุโมฺภ, อกฺขาหิ เม พฺราหฺมณ เอตมตฺถ’’นฺติฯ
Ko vā tuvaṃ kissa vā tāya kumbho, akkhāhi me brāhmaṇa etamattha’’nti.
ตตฺถ โก ปาตุราสีติ กุโต ปาตุภูโตสิ, กุโต อาคโตสีติ อโตฺถฯ ติทิวา นภมฺหีติ กิํ ตาวติํสภวนา อาคนฺตฺวา อิธ นภมฺหิ อากาเส ปากโฎ ชาโตสีติ ปุจฺฉติฯ สํวรินฺติ รตฺติํฯ สเตรตาติ เอวํนามิกาฯ โสติ โส ตฺวํฯ ฉินฺนวาตนฺติ วลาหโกปิ ตาว วาเตน กมติ, ตสฺส ปน โสปิ วาโต นตฺถิ, เตเนวมาหฯ กมสีติ ปวเตฺตสิฯ อฆมฺหีติ อปฺปฎิเฆ อากาเสฯ วตฺถุกตาติ วตฺถุ วิย ปติฎฺฐา วิย กตาฯ อนทฺธคูนํ อปิ เทวตานนฺติ ยา ปทสา อทฺธานํ อคมเนน อนทฺธคูนํ เทวตานํ อิทฺธิ, สา อปิ ตว สุภาวิตาติ ปุจฺฉติฯ เวหายสํ คมฺมมาคมฺมาติ อากาเส ปวตฺตํ ปทวีติหารํ ปฎิจฺจ นิสฺสายฯ ‘‘ติฎฺฐสี’’ติ อิมสฺส ‘‘โก วา ตุว’’นฺติ อิมินา สมฺพโนฺธ, เอวํ ติฎฺฐมาโน โก วา ตฺวนฺติ อโตฺถฯ ยเมตมตฺถนฺติ ยํ เอตํ วทสิฯ อิมสฺส ‘‘กิสฺส วา ตาย’’นฺติ อิมินา สมฺพโนฺธ, ยํ เอตํ กุมฺภํ กิณาถาติ วทสิ, กิสฺส วา เต อยํ กุโมฺภติ อโตฺถฯ
Tattha ko pāturāsīti kuto pātubhūtosi, kuto āgatosīti attho. Tidivā nabhamhīti kiṃ tāvatiṃsabhavanā āgantvā idha nabhamhi ākāse pākaṭo jātosīti pucchati. Saṃvarinti rattiṃ. Sateratāti evaṃnāmikā. Soti so tvaṃ. Chinnavātanti valāhakopi tāva vātena kamati, tassa pana sopi vāto natthi, tenevamāha. Kamasīti pavattesi. Aghamhīti appaṭighe ākāse. Vatthukatāti vatthu viya patiṭṭhā viya katā. Anaddhagūnaṃ api devatānanti yā padasā addhānaṃ agamanena anaddhagūnaṃ devatānaṃ iddhi, sā api tava subhāvitāti pucchati. Vehāyasaṃ gammamāgammāti ākāse pavattaṃ padavītihāraṃ paṭicca nissāya. ‘‘Tiṭṭhasī’’ti imassa ‘‘ko vā tuva’’nti iminā sambandho, evaṃ tiṭṭhamāno ko vā tvanti attho. Yametamatthanti yaṃ etaṃ vadasi. Imassa ‘‘kissa vā tāya’’nti iminā sambandho, yaṃ etaṃ kumbhaṃ kiṇāthāti vadasi, kissa vā te ayaṃ kumbhoti attho.
ตโต สโกฺก ‘‘เตน หิ สุณาหี’’ติ วตฺวา สุราย โทเส ทเสฺสโนฺต อาห –
Tato sakko ‘‘tena hi suṇāhī’’ti vatvā surāya dose dassento āha –
๓๖.
36.
‘‘น สปฺปิกุโมฺภ นปิ เตลกุโมฺภ, น ผาณิตสฺส น มธุสฺส กุโมฺภ;
‘‘Na sappikumbho napi telakumbho, na phāṇitassa na madhussa kumbho;
กุมฺภสฺส วชฺชานิ อนปฺปกานิ, โทเส พหู กุมฺภคเต สุณาถฯ
Kumbhassa vajjāni anappakāni, dose bahū kumbhagate suṇātha.
๓๗.
37.
‘‘คเฬยฺย ยํ ปิตฺวา ปเต ปปาตํ, โสพฺภํ คุหํ จนฺทนิโยฬิคลฺลํ;
‘‘Gaḷeyya yaṃ pitvā pate papātaṃ, sobbhaṃ guhaṃ candaniyoḷigallaṃ;
พหุมฺปิ ภุเญฺชยฺย อโภชเนยฺยํ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Bahumpi bhuñjeyya abhojaneyyaṃ, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๓๘.
38.
‘‘ยํ ปิตฺวา จิตฺตสฺมิํ อเนสมาโน, อาหิณฺฑตี โคริว ภกฺขสาที;
‘‘Yaṃ pitvā cittasmiṃ anesamāno, āhiṇḍatī goriva bhakkhasādī;
อนาถมาโน อุปคายติ นจฺจติ จ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Anāthamāno upagāyati naccati ca, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๓๙.
39.
‘‘ยํ เว ปิวิตฺวา อเจโลว นโคฺค, จเรยฺย คาเม วิสิขนฺตรานิ;
‘‘Yaṃ ve pivitvā acelova naggo, careyya gāme visikhantarāni;
สมฺมูฬฺหจิโตฺต อติเวลสายี, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Sammūḷhacitto ativelasāyī, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๔๐.
40.
‘‘ยํ ปิตฺวา อุฎฺฐาย ปเวธมาโน, สีสญฺจ พาหุญฺจ ปจาลยโนฺต;
‘‘Yaṃ pitvā uṭṭhāya pavedhamāno, sīsañca bāhuñca pacālayanto;
โส นจฺจตี ทารุกฎลฺลโกว, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
So naccatī dārukaṭallakova, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๔๑.
41.
‘‘ยํ เว ปิวิตฺวา อคฺคิทฑฺฒา สยนฺติ, อโถ สิคาเลหิปิ ขาทิตาเส;
‘‘Yaṃ ve pivitvā aggidaḍḍhā sayanti, atho sigālehipi khāditāse;
พนฺธํ วธํ โภคชานิญฺจุเปนฺติ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Bandhaṃ vadhaṃ bhogajāniñcupenti, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๔๒.
42.
‘‘ยํ ปิตฺวา ภาเสยฺย อภาสเนยฺยํ, สภายมาสีโน อเปตวโตฺถ;
‘‘Yaṃ pitvā bhāseyya abhāsaneyyaṃ, sabhāyamāsīno apetavattho;
สมฺมกฺขิโต วนฺตคโต พฺยสโนฺน, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Sammakkhito vantagato byasanno, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๔๓.
43.
‘‘ยํ เว ปิวิตฺวา อุกฺกโฎฺฐ อาวิลโกฺข, มเมว สพฺพปถวีติ มเญฺญ;
‘‘Yaṃ ve pivitvā ukkaṭṭho āvilakkho, mameva sabbapathavīti maññe;
น เม สโม จาตุรโนฺตปิ ราชา, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Na me samo cāturantopi rājā, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๔๔.
44.
‘‘มานาติมานา กลหานิ เปสุณี, ทุพฺพณฺณินี นคฺคยินี ปลายินี;
‘‘Mānātimānā kalahāni pesuṇī, dubbaṇṇinī naggayinī palāyinī;
โจราน ธุตฺตาน คตี นิเกโต, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Corāna dhuttāna gatī niketo, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๔๕.
45.
‘‘อิทฺธานิ ผีตานิ กุลานิ อสฺสุ, อเนกสาหสฺสธนานิ โลเก;
‘‘Iddhāni phītāni kulāni assu, anekasāhassadhanāni loke;
อุจฺฉินฺนทายชฺชกตานิมาย, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Ucchinnadāyajjakatānimāya, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๔๖.
46.
‘‘ธญฺญํ ธนํ รชตํ ชาตรูปํ, เขตฺตํ ควํ ยตฺถ วินาสยนฺติ;
‘‘Dhaññaṃ dhanaṃ rajataṃ jātarūpaṃ, khettaṃ gavaṃ yattha vināsayanti;
อุเจฺฉทนี วิตฺตคตํ กุลานํ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Ucchedanī vittagataṃ kulānaṃ, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๔๗.
47.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา ทิตฺตรูโปว โปโส, อโกฺกสติ มาตรํ ปิตรญฺจ;
‘‘Yaṃ ve pitvā dittarūpova poso, akkosati mātaraṃ pitarañca;
สสฺสุมฺปิ คเณฺหยฺย อโถปิ สุณฺหํ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Sassumpi gaṇheyya athopi suṇhaṃ, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๔๘.
48.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา ทิตฺตรูปาว นารี, อโกฺกสตี สสฺสุรํ สามิกญฺจ;
‘‘Yaṃ ve pitvā dittarūpāva nārī, akkosatī sassuraṃ sāmikañca;
ทาสมฺปิ คเณฺห ปริจาริกมฺปิ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Dāsampi gaṇhe paricārikampi, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๔๙.
49.
‘‘ยํ เว ปิวิตฺวาน หเนยฺย โปโส, ธเมฺม ฐิตํ สมณํ พฺราหฺมณํ วา;
‘‘Yaṃ ve pivitvāna haneyya poso, dhamme ṭhitaṃ samaṇaṃ brāhmaṇaṃ vā;
คเจฺฉ อปายมฺปิ ตโตนิทานํ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Gacche apāyampi tatonidānaṃ, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๕๐.
50.
‘‘ยํ เว ปิวิตฺวา ทุจฺจริตํ จรนฺติ, กาเยน วาจาย จ เจตสา จ;
‘‘Yaṃ ve pivitvā duccaritaṃ caranti, kāyena vācāya ca cetasā ca;
นิรยํ วชนฺติ ทุจฺจริตํ จริตฺวา, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Nirayaṃ vajanti duccaritaṃ caritvā, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๕๑.
51.
‘‘ยํ ยาจมานา น ลภนฺติ ปุเพฺพ, พหุํ หิรญฺญมฺปิ ปริจฺจชนฺตา;
‘‘Yaṃ yācamānā na labhanti pubbe, bahuṃ hiraññampi pariccajantā;
โส ตํ ปิวิตฺวา อลิกํ ภณาติ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
So taṃ pivitvā alikaṃ bhaṇāti, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๕๒.
52.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา เปสเน เปสิยโนฺต, อจฺจายิเก กรณียมฺหิ ชาเต;
‘‘Yaṃ ve pitvā pesane pesiyanto, accāyike karaṇīyamhi jāte;
อตฺถมฺปิ โส นปฺปชานาติ วุโตฺต, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Atthampi so nappajānāti vutto, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๕๓.
53.
‘‘หิรีมนาปิ อหิรีกภาวํ, ปาตุํ กโรนฺติ มทนาย มตฺตา;
‘‘Hirīmanāpi ahirīkabhāvaṃ, pātuṃ karonti madanāya mattā;
ธีราปิ สนฺตา พหุกํ ภณนฺติ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Dhīrāpi santā bahukaṃ bhaṇanti, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๕๔.
54.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา เอกถูปา สยนฺติ, อนาสกา ถณฺฑิลทุกฺขเสยฺยํ;
‘‘Yaṃ ve pitvā ekathūpā sayanti, anāsakā thaṇḍiladukkhaseyyaṃ;
ทุพฺพณฺณิยํ อายสกฺยญฺจุเปนฺติ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Dubbaṇṇiyaṃ āyasakyañcupenti, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๕๕.
55.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา ปตฺตขนฺธา สยนฺติ, คาโว กูฎหตาว น หิ วารุณิยา;
‘‘Yaṃ ve pitvā pattakhandhā sayanti, gāvo kūṭahatāva na hi vāruṇiyā;
เวโค นเรน สุสโหริว, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Vego narena susahoriva, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๕๖.
56.
‘‘ยํ มนุสฺสา วิวชฺชนฺติ, สปฺปํ โฆรวิสมิว;
‘‘Yaṃ manussā vivajjanti, sappaṃ ghoravisamiva;
ตํ โลเก วิสสมานํ, โก นโร ปาตุมรหติฯ
Taṃ loke visasamānaṃ, ko naro pātumarahati.
๕๗.
57.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา อนฺธกเวณฺฑปุตฺตา, สมุทฺทตีเร ปริจารยนฺตา;
‘‘Yaṃ ve pitvā andhakaveṇḍaputtā, samuddatīre paricārayantā;
อุปกฺกมุํ มุสเลภิ อญฺญมญฺญํ, ตสฺสา ปุณฺณํ กุมฺภมิมํ กิณาถฯ
Upakkamuṃ musalebhi aññamaññaṃ, tassā puṇṇaṃ kumbhamimaṃ kiṇātha.
๕๘.
58.
‘‘ยํ เว ปิตฺวา ปุพฺพเทวา ปมตฺตา, ติทิวา จุตา สสฺสติยา สมายา;
‘‘Yaṃ ve pitvā pubbadevā pamattā, tidivā cutā sassatiyā samāyā;
ตํ ตาทิสํ มชฺชมิมํ นิรตฺถกํ, ชานํ มหาราช กถํ ปิเวยฺยฯ
Taṃ tādisaṃ majjamimaṃ niratthakaṃ, jānaṃ mahārāja kathaṃ piveyya.
๕๙.
59.
‘‘นยิมสฺมิํ กุมฺภสฺมิํ ทธิ วา มธุ วา, เอวํ อภิญฺญาย กิณาหิ ราช;
‘‘Nayimasmiṃ kumbhasmiṃ dadhi vā madhu vā, evaṃ abhiññāya kiṇāhi rāja;
เอวญฺหิมํ กุมฺภคตา มยา เต, อกฺขาตรูปํ ตว สพฺพมิตฺตา’’ติฯ
Evañhimaṃ kumbhagatā mayā te, akkhātarūpaṃ tava sabbamittā’’ti.
ตตฺถ วชฺชานีติอาทีนวาฯ คเฬยฺยาติ คจฺฉโนฺต ปเท ปเท ปริวเตฺตยฺยฯ ยํ ปิตฺวา ปเตติ ยํ ปิวิตฺวา ปเตยฺยฯ โสพฺภนฺติ อาวาฎํฯ จนฺทนิโยฬิคลฺลนฺติ จนฺทนิกญฺจ โอฬิคลฺลญฺจฯ อโภชเนยฺยนฺติ ภุญฺชิตุํ อยุตฺตํฯ อเนสมาโนติ อนิสฺสโรฯ โคริวาติ โคโณ วิยฯ ภกฺขสาทีติ ปุราณกสฎขาทโก, ยถา โส ตตฺถ ตตฺถ ภกฺขสํ ปริเยสโนฺต อาหิณฺฑติ, เอวํ อาหิณฺฑตีติ อโตฺถฯ อนาถมาโนติ นิรวสฺสโย อนาโถ วิยฯ อุปคายตีติ อญฺญํ คายนฺตํ ทิสฺวา อุปคนฺตฺวา คายติฯ อเจโลวาติ อเจลโก วิยฯ วิสิขนฺตรานีติ อนฺตรวีถิโยฯ อติเวลสายีติ อติจิรมฺปิ นิทฺทํ โอกฺกเมยฺยฯ ‘‘อติเวลจารี’’ติปิ ปาโฐ, อติเวลจารี หุตฺวา จเรยฺยาติ อโตฺถฯ
Tattha vajjānītiādīnavā. Gaḷeyyāti gacchanto pade pade parivatteyya. Yaṃ pitvā pateti yaṃ pivitvā pateyya. Sobbhanti āvāṭaṃ. Candaniyoḷigallanti candanikañca oḷigallañca. Abhojaneyyanti bhuñjituṃ ayuttaṃ. Anesamānoti anissaro. Gorivāti goṇo viya. Bhakkhasādīti purāṇakasaṭakhādako, yathā so tattha tattha bhakkhasaṃ pariyesanto āhiṇḍati, evaṃ āhiṇḍatīti attho. Anāthamānoti niravassayo anātho viya. Upagāyatīti aññaṃ gāyantaṃ disvā upagantvā gāyati. Acelovāti acelako viya. Visikhantarānīti antaravīthiyo. Ativelasāyīti aticirampi niddaṃ okkameyya. ‘‘Ativelacārī’’tipi pāṭho, ativelacārī hutvā careyyāti attho.
ทารุกฎลฺลโก วาติ ทารุมยยนฺตรูปกํ วิยฯ โภคชานิญฺจุเปนฺตีติ โภคชานิญฺจ อุเปนฺติ, ปาณาติปาตาทีนิ กตฺวา ทณฺฑปีฬิตา ธนชานิญฺจ อญฺญญฺจ วธพนฺธนาทิทุกฺขํ ปาปุณนฺตีติ อโตฺถฯ วนฺตคโตติ อตฺตโน วนฺตสฺมิํ คโตฯ พฺยสโนฺนติ พฺยสนาปโนฺนฯ ‘‘วิสโนฺน’’ติปิ ปาโฐ , ตสฺมิํ วเนฺต โอสโนฺนติ อโตฺถฯ อุกฺกโฎฺฐติ อหํ มหาโยโธ, โก มยา สทิโส อตฺถีติ เอวํ อุกฺกํสคโต หุตฺวาฯ อาวิลโกฺขติ รตฺตโกฺขฯ สพฺพปถวีติ สพฺพา ปถวีฯ ‘‘สพฺพปุถุวี’’ติปิ ปาโฐฯ จาตุรโนฺตติ จตุสมุทฺทปริยนฺตาย ปถวิยา อิสฺสโรฯ มานาติมานาติ มานการิกาฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ คตีติ นิพฺพตฺติฯ นิเกโตติ นิวาโสฯ ตสฺสา ปุณฺณนฺติ ยา เอวรูปา, ตสฺสา ปุณฺณํฯ อิทฺธานีติ สมิทฺธานิฯ ผีตานีติ วตฺถาลงฺการกปฺปภเณฺฑหิ ปุปฺผิตานิฯ อุจฺฉินฺนทายชฺชกตานีติ อุจฺฉินฺนทายาทานิ นิทฺธนานิ กตานิฯ ยตฺถ วินาสยนฺตีติ ยํ นิสฺสาย ยตฺถ ปติฎฺฐิตา, เอวํ พหุมฺปิ ธนธญฺญาทิสาปเตยฺยํ นาสยนฺติ, กปณา โหนฺติฯ
Dārukaṭallakovāti dārumayayantarūpakaṃ viya. Bhogajāniñcupentīti bhogajāniñca upenti, pāṇātipātādīni katvā daṇḍapīḷitā dhanajāniñca aññañca vadhabandhanādidukkhaṃ pāpuṇantīti attho. Vantagatoti attano vantasmiṃ gato. Byasannoti byasanāpanno. ‘‘Visanno’’tipi pāṭho , tasmiṃ vante osannoti attho. Ukkaṭṭhoti ahaṃ mahāyodho, ko mayā sadiso atthīti evaṃ ukkaṃsagato hutvā. Āvilakkhoti rattakkho. Sabbapathavīti sabbā pathavī. ‘‘Sabbaputhuvī’’tipi pāṭho. Cāturantoti catusamuddapariyantāya pathaviyā issaro. Mānātimānāti mānakārikā. Sesapadesupi eseva nayo. Gatīti nibbatti. Niketoti nivāso. Tassā puṇṇanti yā evarūpā, tassā puṇṇaṃ. Iddhānīti samiddhāni. Phītānīti vatthālaṅkārakappabhaṇḍehi pupphitāni. Ucchinnadāyajjakatānīti ucchinnadāyādāni niddhanāni katāni. Yattha vināsayantīti yaṃ nissāya yattha patiṭṭhitā, evaṃ bahumpi dhanadhaññādisāpateyyaṃ nāsayanti, kapaṇā honti.
ทิตฺตรูโปติ ทปฺปิตรูโปฯ คเณฺหยฺยาติ ภริยสญฺญาย กิเลสวเสน หเตฺถ คเณฺหยฺยฯ ทาสมฺปิ คเณฺหติ อตฺตโน ทาสมฺปิ กิเลสวเสน ‘‘สามิโก เม’’ติ คเณฺหยฺยฯ ปิวิตฺวานาติ ปิวิตฺวาฯ ทุจฺจริตํ จริตฺวาติ เอวํ ตีหิ ทฺวาเรหิ ทสวิธมฺปิ อกุสลํ กตฺวาฯ ยํ ยาจมานาติ ยํ ปุริสํ ปุเพฺพ สุรํ อปิวนฺตํ พหุํ หิรญฺญํ ปริจฺจชนฺตา มุสาวาทํ กโรหีติ ยาจมานา น ลภนฺติฯ ปิตฺวาติ ปิวิตฺวา ฐิโตฯ นปฺปชานาติ วุโตฺตติ ‘‘เกนเฎฺฐน อาคโตสี’’ติ วุโตฺต สาสนสฺส ทุคฺคหิตตฺตา ตํ อตฺถํ น ชานาติฯ หิรีมนาปีติ หิรียุตฺตจิตฺตาปิฯ เอกถูปาติ สูกรโปตกา วิย หีนชเจฺจหิปิ สทฺธิํ เอกราสี หุตฺวาฯ อนาสกาติ นิราหาราฯ ถณฺฑิลทุกฺขเสยฺยนฺติ ภูมิยํ ทุกฺขเสยฺยํ สยนฺติฯ อายสกฺยนฺติ ครหํฯ
Dittarūpoti dappitarūpo. Gaṇheyyāti bhariyasaññāya kilesavasena hatthe gaṇheyya. Dāsampi gaṇheti attano dāsampi kilesavasena ‘‘sāmiko me’’ti gaṇheyya. Pivitvānāti pivitvā. Duccaritaṃ caritvāti evaṃ tīhi dvārehi dasavidhampi akusalaṃ katvā. Yaṃ yācamānāti yaṃ purisaṃ pubbe suraṃ apivantaṃ bahuṃ hiraññaṃ pariccajantā musāvādaṃ karohīti yācamānā na labhanti. Pitvāti pivitvā ṭhito. Nappajānāti vuttoti ‘‘kenaṭṭhena āgatosī’’ti vutto sāsanassa duggahitattā taṃ atthaṃ na jānāti. Hirīmanāpīti hirīyuttacittāpi. Ekathūpāti sūkarapotakā viya hīnajaccehipi saddhiṃ ekarāsī hutvā. Anāsakāti nirāhārā. Thaṇḍiladukkhaseyyanti bhūmiyaṃ dukkhaseyyaṃ sayanti. Āyasakyanti garahaṃ.
ปตฺตขนฺธาติ ปติตกฺขนฺธาฯ กูฎหตาวาติ คีวาย พเทฺธน กูเฎน หตา คาโว วิย, ยถา ตา ติณํ อขาทนฺติโย ปานียํ อปิวนฺติโย สยนฺติ, ตถา สยนฺตีติ อโตฺถฯ โฆรวิสมิวาติ โฆรวิสํ วิยฯ วิสสมานนฺติ วิสสทิสํฯ อนฺธกเวณฺฑปุตฺตาติ ทส ภาติกราชาโนฯ อุปกฺกมุนฺติ ปหริํสุฯ ปุพฺพเทวาติ อสุราฯ ติทิวาติ ตาวติํสเทวโลกาฯ สสฺสติยาติ สสฺสตา, ทีฆายุกภาเวน นิจฺจสมฺมตา เทวโลกาติ อโตฺถฯ สมายาติ สทฺธิํ อสุรมายาหิฯ ชานนฺติ เอวํ ‘‘นิรตฺถกํ เอต’’นฺติ ชานโนฺต ตุมฺหาทิโส ปณฺฑิโต ปุริโส กถํ ปิเวยฺย ฯ กุมฺภคตา มยาติ กุมฺภคตํ มยา, อยเมว วา ปาโฐฯ อกฺขาตรูปนฺติ สภาวโต อกฺขาตํฯ
Pattakhandhāti patitakkhandhā. Kūṭahatāvāti gīvāya baddhena kūṭena hatā gāvo viya, yathā tā tiṇaṃ akhādantiyo pānīyaṃ apivantiyo sayanti, tathā sayantīti attho. Ghoravisamivāti ghoravisaṃ viya. Visasamānanti visasadisaṃ. Andhakaveṇḍaputtāti dasa bhātikarājāno. Upakkamunti pahariṃsu. Pubbadevāti asurā. Tidivāti tāvatiṃsadevalokā. Sassatiyāti sassatā, dīghāyukabhāvena niccasammatā devalokāti attho. Samāyāti saddhiṃ asuramāyāhi. Jānanti evaṃ ‘‘niratthakaṃ eta’’nti jānanto tumhādiso paṇḍito puriso kathaṃ piveyya . Kumbhagatā mayāti kumbhagataṃ mayā, ayameva vā pāṭho. Akkhātarūpanti sabhāvato akkhātaṃ.
ตํ สุตฺวา ราชา สุราย อาทีนวํ ญตฺวา ตุโฎฺฐ สกฺกสฺส ถุติํ กโรโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –
Taṃ sutvā rājā surāya ādīnavaṃ ñatvā tuṭṭho sakkassa thutiṃ karonto dve gāthā abhāsi –
๖๐.
60.
‘‘น เม ปิตา วา อถวาปิ มาตา, เอตาทิสา ยาทิสโก ตุวํสิ;
‘‘Na me pitā vā athavāpi mātā, etādisā yādisako tuvaṃsi;
หิตานุกมฺปี ปรมตฺถกาโม, โสหํ กริสฺสํ วจนํ ตวชฺชฯ
Hitānukampī paramatthakāmo, sohaṃ karissaṃ vacanaṃ tavajja.
๖๑.
61.
‘‘ททามิ เต คามวรานิ ปญฺจ, ทาสีสตํ สตฺต ควํสตานิ;
‘‘Dadāmi te gāmavarāni pañca, dāsīsataṃ satta gavaṃsatāni;
อาชญฺญยุเตฺต จ รเถ ทส อิเม, อาจริโย โหสิ มมตฺถกาโม’’ติฯ
Ājaññayutte ca rathe dasa ime, ācariyo hosi mamatthakāmo’’ti.
ตตฺถ คามวรานีติ, พฺราหฺมณ, อาจริยสฺส นาม อาจริยภาโค อิจฺฉิตโพฺพ, สํวจฺฉเร สํวจฺฉเร สตสหสฺสุฎฺฐานเก ตุยฺหํ ปญฺจ คาเม ททามีติ วทติฯ ทส อิเมติ อิเม ทส ปุรโต ฐิเต กญฺจนวิจิเตฺต รเถ ทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ
Tattha gāmavarānīti, brāhmaṇa, ācariyassa nāma ācariyabhāgo icchitabbo, saṃvacchare saṃvacchare satasahassuṭṭhānake tuyhaṃ pañca gāme dadāmīti vadati. Dasa imeti ime dasa purato ṭhite kañcanavicitte rathe dassento evamāha.
ตํ สุตฺวา สโกฺก เทวตฺตภาวํ ทเสฺสตฺวา อตฺตานํ ชานาเปโนฺต อากาเส ฐตฺวา เทฺว คาถา อภาสิ –
Taṃ sutvā sakko devattabhāvaṃ dassetvā attānaṃ jānāpento ākāse ṭhatvā dve gāthā abhāsi –
๖๒.
62.
‘‘ตเวว ทาสีสตมตฺถุ ราช, คามา จ คาโว จ ตเวว โหนฺตุ;
‘‘Taveva dāsīsatamatthu rāja, gāmā ca gāvo ca taveva hontu;
อาชญฺญยุตฺตา จ รถา ตเวว, สโกฺกหมสฺมี ติทสานมิโนฺทฯ
Ājaññayuttā ca rathā taveva, sakkohamasmī tidasānamindo.
๖๓.
63.
‘‘มํโสทนํ สปฺปิปายาสํ ภุญฺช, ขาทสฺสุ จ ตฺวํ มธุมาสปูเว;
‘‘Maṃsodanaṃ sappipāyāsaṃ bhuñja, khādassu ca tvaṃ madhumāsapūve;
เอวํ ตุวํ ธมฺมรโต ชนินฺท, อนินฺทิโต สคฺคมุเปหิ ฐาน’’นฺติฯ
Evaṃ tuvaṃ dhammarato janinda, anindito saggamupehi ṭhāna’’nti.
ตตฺถ เอวํ ตุวํ ธมฺมรโตติ เอวํ ตฺวํ นานคฺครสโภชนํ ภุญฺชโนฺต สุราปานา วิรโต ตีณิ ทุจฺจริตานิ ปหาย ติวิธสุจริตธมฺมรโต หุตฺวา เกนจิ อนินฺทิโต สคฺคฎฺฐานํ อุเปหีติฯ
Tattha evaṃ tuvaṃ dhammaratoti evaṃ tvaṃ nānaggarasabhojanaṃ bhuñjanto surāpānā virato tīṇi duccaritāni pahāya tividhasucaritadhammarato hutvā kenaci anindito saggaṭṭhānaṃ upehīti.
อิติ สโกฺก ตสฺส โอวาทํ ทตฺวา สกฎฺฐานเมว คโตฯ โสปิ สุรํ อปิวิตฺวา สุราภาชนานิ ภินฺทาเปตฺวา สีลํ สมาทาย ทานํ ทตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิฯ ชมฺพุทีเปปิ อนุกฺกเมน สุราปานํ เวปุลฺลปฺปตฺตํ ชาตํฯ
Iti sakko tassa ovādaṃ datvā sakaṭṭhānameva gato. Sopi suraṃ apivitvā surābhājanāni bhindāpetvā sīlaṃ samādāya dānaṃ datvā saggaparāyaṇo ahosi. Jambudīpepi anukkamena surāpānaṃ vepullappattaṃ jātaṃ.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ราชา อานโนฺท อโหสิ, สโกฺก ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rājā ānando ahosi, sakko pana ahameva ahosi’’nti.
กุมฺภชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ
Kumbhajātakavaṇṇanā dutiyā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๑๒. กุมฺภชาตกํ • 512. Kumbhajātakaṃ