Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๕. กุณฺฑธานเตฺถรคาถาวณฺณนา
5. Kuṇḍadhānattheragāthāvaṇṇanā
ปญฺจ ฉิเนฺท ปญฺจ ชเหติ อายสฺมโต กุณฺฑธานเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โส กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร กุลเคเห อุปฺปโนฺน วยปฺปโตฺต เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว ภควนฺตํ อุปสงฺกมิตฺวา ธมฺมํ สุณโนฺต สตฺถารา เอกํ ภิกฺขุํ ปฐมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐปิยมานํ ทิสฺวา ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถตฺวา ตทนุรูปํ ปุญฺญํ กโรโนฺต วิจริฯ โส เอกทิวสํ ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต นิโรธสมาปตฺติโต วุฎฺฐาย นิสินฺนสฺส มโนสิลาจุณฺณปิญฺชรํ มหนฺตํ กทลิผลกณฺณิกํ อุปเนสิ, ตํ ภควา ปฎิคฺคเหตฺวา ปริภุญฺชิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เอกาทสกฺขตฺตุํ เทเวสุ เทวรชฺชํ กาเรสิฯ จตุวีสติวาเร ราชา อโหสิ จกฺกวตฺตีฯ เอวํ โส ปุนปฺปุนํ ปุญฺญานิ กตฺวา อปราปรํ เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต กสฺสปพุทฺธกาเล ภุมฺมเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ทีฆายุกพุทฺธานญฺจ นาม น อนฺวทฺธมาสิโก อุโปสโถ โหติฯ ตถา หิ วิปสฺสิสฺส ภควโต ฉพฺพสฺสนฺตเร ฉพฺพสฺสนฺตเร อุโปสโถ อโหสิฯ กสฺสปทสพโล ปน ฉเฎฺฐ ฉเฎฺฐ มาเส ปาติโมกฺขํ โอสาเรสิฯ ตสฺส ปาติโมกฺขสฺส โอสารณกาเล ทิสาวาสิกา เทฺว สหายกา ภิกฺขู ‘‘อุโปสถํ กริสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺติฯ
Pañcachinde pañca jaheti āyasmato kuṇḍadhānattherassa gāthā. Kā uppatti? So kira padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare kulagehe uppanno vayappatto heṭṭhā vuttanayeneva bhagavantaṃ upasaṅkamitvā dhammaṃ suṇanto satthārā ekaṃ bhikkhuṃ paṭhamaṃ salākaṃ gaṇhantānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapiyamānaṃ disvā taṃ ṭhānantaraṃ patthetvā tadanurūpaṃ puññaṃ karonto vicari. So ekadivasaṃ padumuttarassa bhagavato nirodhasamāpattito vuṭṭhāya nisinnassa manosilācuṇṇapiñjaraṃ mahantaṃ kadaliphalakaṇṇikaṃ upanesi, taṃ bhagavā paṭiggahetvā paribhuñji. So tena puññakammena ekādasakkhattuṃ devesu devarajjaṃ kāresi. Catuvīsativāre rājā ahosi cakkavattī. Evaṃ so punappunaṃ puññāni katvā aparāparaṃ devamanussesu saṃsaranto kassapabuddhakāle bhummadevatā hutvā nibbatti. Dīghāyukabuddhānañca nāma na anvaddhamāsiko uposatho hoti. Tathā hi vipassissa bhagavato chabbassantare chabbassantare uposatho ahosi. Kassapadasabalo pana chaṭṭhe chaṭṭhe māse pātimokkhaṃ osāresi. Tassa pātimokkhassa osāraṇakāle disāvāsikā dve sahāyakā bhikkhū ‘‘uposathaṃ karissāmā’’ti gacchanti.
อยํ ภุมฺมเทวตา จิเนฺตสิ – ‘‘อิเมสํ ทฺวินฺนํ ภิกฺขูนํ เมตฺติ อติวิย ทฬฺหา, กิํ นุ โข, เภทเก สติ ภิเชฺชยฺย, น ภิเชฺชยฺยา’’ติ, สา เตสํ โอกาสํ โอโลกยมานา เตสํ อวิทูเรเนว คจฺฉติฯ อเถโก เถโร เอกสฺส หเตฺถ ปตฺตจีวรํ ทตฺวา สรีรวฬญฺชนตฺถํ อุทกผาสุกฎฺฐานํ คนฺตฺวา โธตหตฺถปาโท หุตฺวา คุมฺพสมีปโต นิกฺขมติ ภุมฺมเทวตา ตสฺส เถรสฺส ปจฺฉโต อุตฺตมรูปา อิตฺถี หุตฺวา เกเส วิธุนิตฺวา สํวิธาย สมฺพนฺธนฺตี วิย ปิฎฺฐิยํ ปํสุํ ปุญฺฉมานา วิย สาฎกํ สํวิธาย นิวาสยมานา วิย จ หุตฺวา เถรสฺส ปทานุปทิกา หุตฺวา คุมฺพโต นิกฺขนฺตาฯ เอกมเนฺต ฐิโต สหายกเตฺถโร ตํ การณํ ทิสฺวาว โทมนสฺสชาโต ‘‘นโฎฺฐ ทานิ เม อิมินา ภิกฺขุนา สทฺธิํ ทีฆรตฺตานุคโต สิเนโห, สจาหํ เอวํวิธภาวํ ชาเนยฺยํ, เอตฺตกํ อทฺธานํ อิมินา สทฺธิํ วิสฺสาสํ น กเรยฺย’’นฺติ จิเนฺตตฺวา อาคจฺฉนฺตเสฺสวสฺส, ‘‘หนฺทาวุโส, ตุยฺหํ ปตฺตจีวรํ, ตาทิเสน ปาเปน สทฺธิํ เอกมคฺคํ นาคจฺฉามี’’ติ อาหฯ ตํ กถํ สุตฺวา ตสฺส ลชฺชิภิกฺขุโน หทยํ ติขิณสตฺติํ คเหตฺวา วิทฺธํ วิย อโหสิฯ ตโต นํ อาห – ‘‘อาวุโส, กิํ นาเมตํ วทสิ, อหํ เอตฺตกํ กาลํ ทุกฺกฎมตฺตมฺปิ อาปตฺติํ น ชานามิฯ ตฺวํ ปน มํ อชฺช ‘ปาโป’ติ วทสิ, กิํ เต ทิฎฺฐ’’นฺติฯ ‘‘กิํ อเญฺญน ทิเฎฺฐน, กิํ ตฺวํ เอวํวิเธน อลงฺกตปฎิยเตฺตน มาตุคาเมน สทฺธิํ เอกฎฺฐาเน หุตฺวา นิกฺขโนฺต’’ติฯ ‘‘นเตฺถตํ, อาวุโส, มยฺหํ, นาหํ เอวรูปํ มาตุคามํ ปสฺสามี’’ติฯ ตสฺส ยาวตติยํ กเถนฺตสฺสาปิ อิตโร เถโร กถํ อสทฺทหิตฺวา อตฺตนา ทิฎฺฐการณํเยว ภูตตฺตํ กตฺวา คณฺหโนฺต เตน สทฺธิํ เอกมเคฺคน อคนฺตฺวา อเญฺญน มเคฺคน สตฺถุ สนฺติกํ คโตฯ อิตโรปิ ภิกฺขุ อเญฺญน มเคฺคน สตฺถุ สนฺติกํเยว คโตฯ
Ayaṃ bhummadevatā cintesi – ‘‘imesaṃ dvinnaṃ bhikkhūnaṃ metti ativiya daḷhā, kiṃ nu kho, bhedake sati bhijjeyya, na bhijjeyyā’’ti, sā tesaṃ okāsaṃ olokayamānā tesaṃ avidūreneva gacchati. Atheko thero ekassa hatthe pattacīvaraṃ datvā sarīravaḷañjanatthaṃ udakaphāsukaṭṭhānaṃ gantvā dhotahatthapādo hutvā gumbasamīpato nikkhamati bhummadevatā tassa therassa pacchato uttamarūpā itthī hutvā kese vidhunitvā saṃvidhāya sambandhantī viya piṭṭhiyaṃ paṃsuṃ puñchamānā viya sāṭakaṃ saṃvidhāya nivāsayamānā viya ca hutvā therassa padānupadikā hutvā gumbato nikkhantā. Ekamante ṭhito sahāyakatthero taṃ kāraṇaṃ disvāva domanassajāto ‘‘naṭṭho dāni me iminā bhikkhunā saddhiṃ dīgharattānugato sineho, sacāhaṃ evaṃvidhabhāvaṃ jāneyyaṃ, ettakaṃ addhānaṃ iminā saddhiṃ vissāsaṃ na kareyya’’nti cintetvā āgacchantassevassa, ‘‘handāvuso, tuyhaṃ pattacīvaraṃ, tādisena pāpena saddhiṃ ekamaggaṃ nāgacchāmī’’ti āha. Taṃ kathaṃ sutvā tassa lajjibhikkhuno hadayaṃ tikhiṇasattiṃ gahetvā viddhaṃ viya ahosi. Tato naṃ āha – ‘‘āvuso, kiṃ nāmetaṃ vadasi, ahaṃ ettakaṃ kālaṃ dukkaṭamattampi āpattiṃ na jānāmi. Tvaṃ pana maṃ ajja ‘pāpo’ti vadasi, kiṃ te diṭṭha’’nti. ‘‘Kiṃ aññena diṭṭhena, kiṃ tvaṃ evaṃvidhena alaṅkatapaṭiyattena mātugāmena saddhiṃ ekaṭṭhāne hutvā nikkhanto’’ti. ‘‘Natthetaṃ, āvuso, mayhaṃ, nāhaṃ evarūpaṃ mātugāmaṃ passāmī’’ti. Tassa yāvatatiyaṃ kathentassāpi itaro thero kathaṃ asaddahitvā attanā diṭṭhakāraṇaṃyeva bhūtattaṃ katvā gaṇhanto tena saddhiṃ ekamaggena agantvā aññena maggena satthu santikaṃ gato. Itaropi bhikkhu aññena maggena satthu santikaṃyeva gato.
ตโต ภิกฺขุสงฺฆสฺส อุโปสถาคารํ ปวิสนเวลาย โส ภิกฺขุ ตํ ภิกฺขุํ อุโปสถเคฺค สญฺชานิตฺวา, ‘‘อิมสฺมิํ อุโปสถเคฺค เอวรูโป นาม ปาปภิกฺขุ อตฺถิ, นาหํ เตน สทฺธิํ อุโปสถํ กริสฺสามี’’ติ นิกฺขมิตฺวา พหิ อฎฺฐาสิฯ อถ ภุมฺมเทวตา ‘‘ภาริยํ มยา กมฺมํ กต’’นฺติ มหลฺลกอุปาสกวเณฺณน ตสฺส สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กสฺมา, ภเนฺต, อโยฺย อิมสฺมิํ ฐาเน ฐิโต’’ติ อาหฯ ‘‘อุปาสก, อิมํ อุโปสถคฺคํ เอโก ปาปภิกฺขุ ปวิโฎฺฐ, ‘นาหํ เตน สทฺธิํ อุโปสถํ กโรมี’ติ พหิ ฐิโตมฺหี’’ติฯ ‘‘ภเนฺต, มา เอวํ คณฺหถ, ปริสุทฺธสีโล เอส ภิกฺขุฯ ตุเมฺหหิ ทิฎฺฐมาตุคาโม นาม อหํ, มยา ตุมฺหากํ วีมํสนตฺถาย ‘ทฬฺหา นุ โข อิเมสํ เถรานํ เมตฺติ, โน ทฬฺหา’ติ ภิชฺชนาภิชฺชนภาวํ โอโลเกเนฺตน ตํ กมฺมํ กต’’นฺติฯ ‘‘โก ปน, ตฺวํ สปฺปุริสา’’ติ? ‘‘อหํ เอกา ภุมฺมเทวตา, ภเนฺต’’ติ เทวปุโตฺต กเถโนฺต ทิพฺพานุภาเวน ฐตฺวา เถรสฺส ปาเทสุ นิปติตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภเนฺต, ขมถ, เอตํ โทสํ เถโร น ชานาติ, อุโปสถํ กโรถา’’ติ เถรํ ยาจิตฺวา อุโปสถคฺคํ ปเวเสสิฯ โส เถโร อุโปสถํ ตาว เอกฎฺฐาเน อกาสิ, มิตฺตสนฺถววเสน ปน ปุน เตน สทฺธิํ น เอกฎฺฐาเน อโหสีติฯ อิมสฺส เถรสฺส กมฺมํ น กถียติ, จุทิตกเตฺถโร ปน อปราปรํ วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต อรหตฺตํ ปาปุณิฯ
Tato bhikkhusaṅghassa uposathāgāraṃ pavisanavelāya so bhikkhu taṃ bhikkhuṃ uposathagge sañjānitvā, ‘‘imasmiṃ uposathagge evarūpo nāma pāpabhikkhu atthi, nāhaṃ tena saddhiṃ uposathaṃ karissāmī’’ti nikkhamitvā bahi aṭṭhāsi. Atha bhummadevatā ‘‘bhāriyaṃ mayā kammaṃ kata’’nti mahallakaupāsakavaṇṇena tassa santikaṃ gantvā ‘‘kasmā, bhante, ayyo imasmiṃ ṭhāne ṭhito’’ti āha. ‘‘Upāsaka, imaṃ uposathaggaṃ eko pāpabhikkhu paviṭṭho, ‘nāhaṃ tena saddhiṃ uposathaṃ karomī’ti bahi ṭhitomhī’’ti. ‘‘Bhante, mā evaṃ gaṇhatha, parisuddhasīlo esa bhikkhu. Tumhehi diṭṭhamātugāmo nāma ahaṃ, mayā tumhākaṃ vīmaṃsanatthāya ‘daḷhā nu kho imesaṃ therānaṃ metti, no daḷhā’ti bhijjanābhijjanabhāvaṃ olokentena taṃ kammaṃ kata’’nti. ‘‘Ko pana, tvaṃ sappurisā’’ti? ‘‘Ahaṃ ekā bhummadevatā, bhante’’ti devaputto kathento dibbānubhāvena ṭhatvā therassa pādesu nipatitvā ‘‘mayhaṃ, bhante, khamatha, etaṃ dosaṃ thero na jānāti, uposathaṃ karothā’’ti theraṃ yācitvā uposathaggaṃ pavesesi. So thero uposathaṃ tāva ekaṭṭhāne akāsi, mittasanthavavasena pana puna tena saddhiṃ na ekaṭṭhāne ahosīti. Imassa therassa kammaṃ na kathīyati, cuditakatthero pana aparāparaṃ vipassanāya kammaṃ karonto arahattaṃ pāpuṇi.
ภุมฺมเทวตา ตสฺส กมฺมสฺส นิสฺสเนฺทน เอกํ พุทฺธนฺตรํ อปายภยโต น มุจฺจิตฺถฯ สเจ ปน กิสฺมิญฺจิ กาเล มนุสฺสตฺตํ อาคจฺฉติ, อเญฺญน เยน เกนจิ กโต โทโส ตเสฺสว อุปริ ปตติฯ โส อมฺหากํ ภควโต กาเล สาวตฺถิยํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติฯ ‘‘ธานมาณโว’’ติสฺส นามํ อกํสุฯ โส วยปฺปโตฺต ตโย เวเท อุคฺคณฺหิตฺวา มหลฺลกกาเล สตฺถุ ธมฺมเทสนํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิ, ตสฺส อุปสมฺปนฺนทิวสโต ปฎฺฐาย เอกา อลงฺกตปฎิยตฺตา อิตฺถี ตสฺมิํ คามํ ปวิสเนฺต สทฺธิํเยว คามํ ปวิสติ, นิกฺขมเนฺต นิกฺขมติฯ วิหารํ ปวิสเนฺตปิ สทฺธิํ ปวิสติ, ติฎฺฐเนฺตปิ ติฎฺฐตีติ เอวํ นิจฺจานุพนฺธา ปญฺญายติฯ เถโร ตํ น ปสฺสติฯ ตสฺส ปุน ปุริมกมฺมนิสฺสเนฺทน สา อเญฺญสํ อุปฎฺฐาติฯ คาเม ยาคุํ ภิกฺขญฺจ ททมานา อิตฺถิโย ‘‘ภเนฺต, อยํ เอโก ยาคุอุฬุโงฺก ตุมฺหากํ, เอโก อิมิสฺสา อมฺหากํ สหายิกายา’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติฯ เถรสฺส มหตี วิเหสา โหติฯ วิหารคตมฺปิ นํ สามเณรา เจว ทหรา ภิกฺขู จ ปริวาเรตฺวา ‘‘ธาโน โกโณฺฑ ชาโต’’ติ ปริหาสํ กโรนฺติฯ อถสฺส เตเนว การเณน กุณฺฑธานเตฺถโรติ นามํ ชาตํฯ โส อุฎฺฐาย สมุฎฺฐาย เตหิ กริยมานํ เกฬิํ สหิตุํ อสโกฺกโนฺต อุมฺมาทํ คเหตฺวา ‘‘ตุเมฺห โกณฺฑา, ตุมฺหากํ อุปชฺฌาโย โกโณฺฑ, อาจริโย โกโณฺฑ’’ติ วทติฯ อถ นํ สตฺถุ อาโรเจสุํ ‘‘กุณฺฑธาโน, ภเนฺต, ทหรสามเณเรหิ สทฺธิํ เอวํ ผรุสวาจํ วทตี’’ติฯ สตฺถา ตํ ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ, ธาน, สามเณเรหิ สทฺธิํ ผรุสวาจํ วทสี’’ติ วตฺวา เตน ‘‘สจฺจํ ภควา’’ติ วุเตฺต ‘‘กสฺมา เอวํ วเทสี’’ติ อาหฯ ‘‘ภเนฺต, นิพทฺธํ วิเหสํ อสหโนฺต เอวํ กเถมี’’ติฯ ‘‘ตฺวํ ปุเพฺพ กตกมฺมํ ยาวชฺชทิวสา ชีราเปตุํ น สโกฺกสิ, ปุน เอวรูปํ ผรุสํ มาวที ภิกฺขู’’ติ วตฺวา อาห –
Bhummadevatā tassa kammassa nissandena ekaṃ buddhantaraṃ apāyabhayato na muccittha. Sace pana kismiñci kāle manussattaṃ āgacchati, aññena yena kenaci kato doso tasseva upari patati. So amhākaṃ bhagavato kāle sāvatthiyaṃ brāhmaṇakule nibbatti. ‘‘Dhānamāṇavo’’tissa nāmaṃ akaṃsu. So vayappatto tayo vede uggaṇhitvā mahallakakāle satthu dhammadesanaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbaji, tassa upasampannadivasato paṭṭhāya ekā alaṅkatapaṭiyattā itthī tasmiṃ gāmaṃ pavisante saddhiṃyeva gāmaṃ pavisati, nikkhamante nikkhamati. Vihāraṃ pavisantepi saddhiṃ pavisati, tiṭṭhantepi tiṭṭhatīti evaṃ niccānubandhā paññāyati. Thero taṃ na passati. Tassa puna purimakammanissandena sā aññesaṃ upaṭṭhāti. Gāme yāguṃ bhikkhañca dadamānā itthiyo ‘‘bhante, ayaṃ eko yāguuḷuṅko tumhākaṃ, eko imissā amhākaṃ sahāyikāyā’’ti parihāsaṃ karonti. Therassa mahatī vihesā hoti. Vihāragatampi naṃ sāmaṇerā ceva daharā bhikkhū ca parivāretvā ‘‘dhāno koṇḍo jāto’’ti parihāsaṃ karonti. Athassa teneva kāraṇena kuṇḍadhānattheroti nāmaṃ jātaṃ. So uṭṭhāya samuṭṭhāya tehi kariyamānaṃ keḷiṃ sahituṃ asakkonto ummādaṃ gahetvā ‘‘tumhe koṇḍā, tumhākaṃ upajjhāyo koṇḍo, ācariyo koṇḍo’’ti vadati. Atha naṃ satthu ārocesuṃ ‘‘kuṇḍadhāno, bhante, daharasāmaṇerehi saddhiṃ evaṃ pharusavācaṃ vadatī’’ti. Satthā taṃ pakkosāpetvā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ, dhāna, sāmaṇerehi saddhiṃ pharusavācaṃ vadasī’’ti vatvā tena ‘‘saccaṃ bhagavā’’ti vutte ‘‘kasmā evaṃ vadesī’’ti āha. ‘‘Bhante, nibaddhaṃ vihesaṃ asahanto evaṃ kathemī’’ti. ‘‘Tvaṃ pubbe katakammaṃ yāvajjadivasā jīrāpetuṃ na sakkosi, puna evarūpaṃ pharusaṃ māvadī bhikkhū’’ti vatvā āha –
‘‘มาโวจ ผรุสํ กญฺจิ, วุตฺตา ปฎิวเทยฺยุ ตํ;
‘‘Māvoca pharusaṃ kañci, vuttā paṭivadeyyu taṃ;
ทุกฺขา หิ สารมฺภกถา, ปฎิทณฺฑา ผุเสยฺยุ ตํฯ
Dukkhā hi sārambhakathā, paṭidaṇḍā phuseyyu taṃ.
‘‘สเจ เนเรสิ อตฺตานํ, กํโส อุปหโต ยถา;
‘‘Sace neresi attānaṃ, kaṃso upahato yathā;
เอส ปโตฺตสิ นิพฺพานํ, สารโมฺภ เต น วิชฺชตี’’ติฯ (ธ. ป. ๑๓๓-๑๓๔);
Esa pattosi nibbānaṃ, sārambho te na vijjatī’’ti. (dha. pa. 133-134);
อิมญฺจ ปน ตสฺส เถรสฺส มาตุคาเมน สทฺธิํ วิจรณภาวํ โกสลรโญฺญปิ กถยิํสุฯ ราชา ‘‘คจฺฉถ, ภเณ, วีมํสถา’’ติ เปเสตฺวา สยมฺปิ มเนฺทเนว ปริวาเรน เถรสฺส วสนฎฺฐานํ คนฺตฺวา เอกมเนฺต โอโลเกโนฺต อฎฺฐาสิฯ ตสฺมิํ ขเณ เถโร สูจิกมฺมํ กโรโนฺต นิสิโนฺน โหติ, สาปิ อิตฺถี อวิทูเร ฐาเน ฐิตา วิย ปญฺญายติฯ ราชา ทิสฺวา ‘‘อตฺถิทํ การณ’’นฺติ ตสฺสา ฐิตฎฺฐานํ อคมาสิฯ สา ตสฺมิํ อาคจฺฉเนฺต เถรสฺส วสนปณฺณสาลํ ปวิฎฺฐา วิย อโหสิฯ ราชาปิ ตาย สทฺธิํ ตเมว ปณฺณสาลํ ปวิสิตฺวา สพฺพตฺถ โอโลเกโนฺต อทิสฺวา ‘‘นายํ มาตุคาโม, เถรสฺส เอโก กมฺมวิปาโก’’ติ สญฺญํ กตฺวา ปฐมํ เถรสฺส สมีเปน คจฺฉโนฺตปิ เถรํ อวนฺทิตฺวา ตสฺส การณสฺส อภูตภาวํ ญตฺวา อาคมฺม เถรํ วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสิโนฺน ‘‘กจฺจิ, ภเนฺต, ปิณฺฑเกน น กิลมถา’’ติ ปุจฺฉิฯ เถโร ‘‘วฎฺฎติ, มหาราชา’’ติ อาหฯ ‘‘ชานามหํ, ภเนฺต, อยฺยสฺส กถํ, เอวรูเปน ปริกฺกิเลเสน สทฺธิํ จรนฺตานํ ตุมฺหากํ เก นาม ปสีทิสฺสนฺติ, อิโต ปฎฺฐาย โว กตฺถจิ คมนกิจฺจํ นตฺถิ, อหํ จตูหิ ปจฺจเยหิ ตุเมฺห อุปฎฺฐหิสฺสามิ, ตุเมฺห โยนิโส มนสิกาเร มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ นิพทฺธภิกฺขํ ปฎฺฐเปสิฯ เถโร ราชานํ อุปตฺถมฺภกํ ลภิตฺวา โภชนสปฺปาเยน เอกคฺคจิโตฺต หุตฺวา วิปสฺสนํ วเฑฺฒตฺวา อรหตฺตํ ปาปุณิฯ ตโต ปฎฺฐาย สา อิตฺถี อนฺตรธายิฯ
Imañca pana tassa therassa mātugāmena saddhiṃ vicaraṇabhāvaṃ kosalaraññopi kathayiṃsu. Rājā ‘‘gacchatha, bhaṇe, vīmaṃsathā’’ti pesetvā sayampi mandeneva parivārena therassa vasanaṭṭhānaṃ gantvā ekamante olokento aṭṭhāsi. Tasmiṃ khaṇe thero sūcikammaṃ karonto nisinno hoti, sāpi itthī avidūre ṭhāne ṭhitā viya paññāyati. Rājā disvā ‘‘atthidaṃ kāraṇa’’nti tassā ṭhitaṭṭhānaṃ agamāsi. Sā tasmiṃ āgacchante therassa vasanapaṇṇasālaṃ paviṭṭhā viya ahosi. Rājāpi tāya saddhiṃ tameva paṇṇasālaṃ pavisitvā sabbattha olokento adisvā ‘‘nāyaṃ mātugāmo, therassa eko kammavipāko’’ti saññaṃ katvā paṭhamaṃ therassa samīpena gacchantopi theraṃ avanditvā tassa kāraṇassa abhūtabhāvaṃ ñatvā āgamma theraṃ vanditvā ekamantaṃ nisinno ‘‘kacci, bhante, piṇḍakena na kilamathā’’ti pucchi. Thero ‘‘vaṭṭati, mahārājā’’ti āha. ‘‘Jānāmahaṃ, bhante, ayyassa kathaṃ, evarūpena parikkilesena saddhiṃ carantānaṃ tumhākaṃ ke nāma pasīdissanti, ito paṭṭhāya vo katthaci gamanakiccaṃ natthi, ahaṃ catūhi paccayehi tumhe upaṭṭhahissāmi, tumhe yoniso manasikāre mā pamajjitthā’’ti nibaddhabhikkhaṃ paṭṭhapesi. Thero rājānaṃ upatthambhakaṃ labhitvā bhojanasappāyena ekaggacitto hutvā vipassanaṃ vaḍḍhetvā arahattaṃ pāpuṇi. Tato paṭṭhāya sā itthī antaradhāyi.
ตทา มหาสุภทฺทา อุคฺคนคเร มิจฺฉาทิฎฺฐิกกุเล วสมานา ‘‘สตฺถา มํ อนุกมฺปตู’’ติ อุโปสถํ อธิฎฺฐาย นิรามคนฺธา หุตฺวา อุปริปาสาทตเล ฐิตา ‘‘อิมานิ ปุปฺผานิ อนฺตเร อฎฺฐตฺวา ทสพลสฺส มตฺถเก วิตานํ หุตฺวา ติฎฺฐนฺตุ, ทสพโล อิมาย สญฺญาย เสฺว ปญฺจหิ ภิกฺขุสเตหิ สทฺธิํ มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหตู’’ติ สจฺจกิริยํ กตฺวา อฎฺฐ สุมนปุปฺผมุฎฺฐิโย วิสฺสเชฺชสิฯ ปุปฺผานิ คนฺตฺวา ธมฺมเทสนาเวลาย สตฺถุ มตฺถเก วิตานํ หุตฺวา อฎฺฐํสุฯ สตฺถา ตํ สุมนปุปฺผวิตานํ ทิสฺวา จิเตฺตเนว สุภทฺทาย ภิกฺขํ อธิวาเสตฺวา ปุนทิวเส อรุเณ อุฎฺฐิเต อานนฺทเตฺถรํ อาห – ‘‘อานนฺท, มยํ อชฺช ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสาม, ปุถุชฺชนานํ อทตฺวา อริยานํเยว สลากํ เทหี’’ติฯ เถโร ภิกฺขูนํ อาโรเจสิ – ‘‘อาวุโส, สตฺถา อชฺช ทูรํ ภิกฺขาจารํ คมิสฺสติ, ปุถุชฺชนา มา คณฺหนฺตุ, อริยาว สลากํ คณฺหนฺตู’’ติฯ กุณฺฑธานเตฺถโร ‘‘อาหร, อาวุโส สลาก’’นฺติ ปฐมํเยว หตฺถํ ปสาเรสิฯ อานโนฺท ‘‘สตฺถา ตาทิสานํ ภิกฺขูนํ สลากํ น ทาเปติ, อริยานํเยว ทาเปตี’’ติ วิตกฺกํ อุปฺปาเทตฺวา คนฺตฺวา สตฺถุ อาโรเจสิฯ สตฺถา ‘‘อาหราเปนฺตสฺส สลากํ เทหี’’ติ อาหฯ เถโร จิเนฺตสิ – ‘‘สเจ กุณฺฑธานสฺส สลากา ทาตุํ น ยุตฺตา, อถ สตฺถา ปฎิพาเหยฺย, ภวิสฺสติ เอตฺถ การณ’’นฺติ ‘‘กุณฺฑธานสฺส สลากํ ทสฺสามี’’ติ คมนํ อภินีหริฯ กุณฺฑธาโน ตสฺส ปุเร อาคมนา เอว อภิญฺญาปาทกํ จตุตฺถชฺฌานํ สมาปชฺชิตฺวา อิทฺธิยา อากาเส ฐตฺวา ‘‘อาหราวุโส, อานนฺท, สตฺถา มํ ชานาติ, มาทิสํ ภิกฺขุํ ปฐมํ สลากํ คณฺหนฺตํ น สตฺถา นิวาเรตี’’ติ หตฺถํ ปสาเรตฺวา สลากํ คณฺหิฯ สตฺถา ตํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา เถรํ อิมสฺมิํ สาสเน ปฐมํ สลากํ คณฺหนฺตานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ ยสฺมา อยํ เถโร ราชานํ อุปตฺถมฺภกํ ลภิตฺวา สปฺปายาหารลาเภน สมาหิตจิโตฺต วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย ฉฬภิโญฺญ อโหสิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๔.๑-๑๖) –
Tadā mahāsubhaddā ugganagare micchādiṭṭhikakule vasamānā ‘‘satthā maṃ anukampatū’’ti uposathaṃ adhiṭṭhāya nirāmagandhā hutvā uparipāsādatale ṭhitā ‘‘imāni pupphāni antare aṭṭhatvā dasabalassa matthake vitānaṃ hutvā tiṭṭhantu, dasabalo imāya saññāya sve pañcahi bhikkhusatehi saddhiṃ mayhaṃ bhikkhaṃ gaṇhatū’’ti saccakiriyaṃ katvā aṭṭha sumanapupphamuṭṭhiyo vissajjesi. Pupphāni gantvā dhammadesanāvelāya satthu matthake vitānaṃ hutvā aṭṭhaṃsu. Satthā taṃ sumanapupphavitānaṃ disvā citteneva subhaddāya bhikkhaṃ adhivāsetvā punadivase aruṇe uṭṭhite ānandattheraṃ āha – ‘‘ānanda, mayaṃ ajja dūraṃ bhikkhācāraṃ gamissāma, puthujjanānaṃ adatvā ariyānaṃyeva salākaṃ dehī’’ti. Thero bhikkhūnaṃ ārocesi – ‘‘āvuso, satthā ajja dūraṃ bhikkhācāraṃ gamissati, puthujjanā mā gaṇhantu, ariyāva salākaṃ gaṇhantū’’ti. Kuṇḍadhānatthero ‘‘āhara, āvuso salāka’’nti paṭhamaṃyeva hatthaṃ pasāresi. Ānando ‘‘satthā tādisānaṃ bhikkhūnaṃ salākaṃ na dāpeti, ariyānaṃyeva dāpetī’’ti vitakkaṃ uppādetvā gantvā satthu ārocesi. Satthā ‘‘āharāpentassa salākaṃ dehī’’ti āha. Thero cintesi – ‘‘sace kuṇḍadhānassa salākā dātuṃ na yuttā, atha satthā paṭibāheyya, bhavissati ettha kāraṇa’’nti ‘‘kuṇḍadhānassa salākaṃ dassāmī’’ti gamanaṃ abhinīhari. Kuṇḍadhāno tassa pure āgamanā eva abhiññāpādakaṃ catutthajjhānaṃ samāpajjitvā iddhiyā ākāse ṭhatvā ‘‘āharāvuso, ānanda, satthā maṃ jānāti, mādisaṃ bhikkhuṃ paṭhamaṃ salākaṃ gaṇhantaṃ na satthā nivāretī’’ti hatthaṃ pasāretvā salākaṃ gaṇhi. Satthā taṃ aṭṭhuppattiṃ katvā theraṃ imasmiṃ sāsane paṭhamaṃ salākaṃ gaṇhantānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi. Yasmā ayaṃ thero rājānaṃ upatthambhakaṃ labhitvā sappāyāhāralābhena samāhitacitto vipassanāya kammaṃ karonto upanissayasampannatāya chaḷabhiñño ahosi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.4.1-16) –
‘‘สตฺตาหํ ปฎิสลฺลีนํ, สยมฺภุํ อคฺคปุคฺคลํ;
‘‘Sattāhaṃ paṭisallīnaṃ, sayambhuṃ aggapuggalaṃ;
ปสนฺนจิโตฺต สุมโน, พุทฺธเสฎฺฐํ อุปฎฺฐหิํฯ
Pasannacitto sumano, buddhaseṭṭhaṃ upaṭṭhahiṃ.
‘‘วุฎฺฐิตํ กาลมญฺญาย, ปทุมุตฺตรํ มหามุนิํ;
‘‘Vuṭṭhitaṃ kālamaññāya, padumuttaraṃ mahāmuniṃ;
มหนฺติํ กทลีกณฺณิํ, คเหตฺวา อุปคจฺฉหํฯ
Mahantiṃ kadalīkaṇṇiṃ, gahetvā upagacchahaṃ.
‘‘ปฎิคฺคเหตฺวา ภควา, สพฺพญฺญู โลกนายโก;
‘‘Paṭiggahetvā bhagavā, sabbaññū lokanāyako;
มม จิตฺตํ ปสาเทโนฺต, ปริภุญฺชิ มหามุนิฯ
Mama cittaṃ pasādento, paribhuñji mahāmuni.
‘‘ปริภุญฺชิตฺวา สมฺพุโทฺธ, สตฺถวาโห อนุตฺตโร;
‘‘Paribhuñjitvā sambuddho, satthavāho anuttaro;
สกาสเน นิสีทิตฺวา, อิมา คาถา อภาสถฯ
Sakāsane nisīditvā, imā gāthā abhāsatha.
‘‘เย จ สนฺติ สมิตาโร, ยกฺขา อิมมฺหิ ปพฺพเต;
‘‘Ye ca santi samitāro, yakkhā imamhi pabbate;
อรเญฺญ ภูตภพฺยานิ, สุณนฺตุ วจนํ มมฯ
Araññe bhūtabhabyāni, suṇantu vacanaṃ mama.
‘‘โย โส พุทฺธํ อุปฎฺฐาสิ, มิคราชํว เกสริํ;
‘‘Yo so buddhaṃ upaṭṭhāsi, migarājaṃva kesariṃ;
ตมหํ กิตฺตยิสฺสามิ, สุณาถ มม ภาสโตฯ
Tamahaṃ kittayissāmi, suṇātha mama bhāsato.
‘‘เอกาทสญฺจกฺขตฺตุํ โส, เทวราชา ภวิสฺสติ;
‘‘Ekādasañcakkhattuṃ so, devarājā bhavissati;
จตุวีสติกฺขตฺตุญฺจ, จกฺกวตฺตี ภวิสฺสติฯ
Catuvīsatikkhattuñca, cakkavattī bhavissati.
‘‘กปฺปสตสหสฺสมฺหิ, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
‘‘Kappasatasahassamhi, okkākakulasambhavo;
โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ
Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.
‘‘อโกฺกสิตฺวาน สมเณ, สีลวเนฺต อนาสเว;
‘‘Akkositvāna samaṇe, sīlavante anāsave;
ปาปกมฺมวิปาเกน, นามเธยฺยํ ลภิสฺสติฯ
Pāpakammavipākena, nāmadheyyaṃ labhissati.
‘‘ตสฺส ธเมฺม สุทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;
‘‘Tassa dhamme sudāyādo, oraso dhammanimmito;
กุณฺฑธาโนติ นาเมน, สาวโก โส ภวิสฺสติฯ
Kuṇḍadhānoti nāmena, sāvako so bhavissati.
‘‘ปวิเวกมนุยุโตฺต, ฌายี ฌานรโต อหํ;
‘‘Pavivekamanuyutto, jhāyī jhānarato ahaṃ;
โตสยิตฺวาน สตฺถารํ, วิหรามิ อนาสโวฯ
Tosayitvāna satthāraṃ, viharāmi anāsavo.
‘‘สาวเกหิ ปริวุโต, ภิกฺขุสงฺฆปุรกฺขโต;
‘‘Sāvakehi parivuto, bhikkhusaṅghapurakkhato;
ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, สลากํ คาหยี ชิโนฯ
Bhikkhusaṅghe nisīditvā, salākaṃ gāhayī jino.
‘‘เอกํสํ จีวรํ กตฺวา, วนฺทิตฺวา โลกนายกํ;
‘‘Ekaṃsaṃ cīvaraṃ katvā, vanditvā lokanāyakaṃ;
วทตํ วรสฺส ปุรโต, ปฐมํ อคฺคเหสหํฯ
Vadataṃ varassa purato, paṭhamaṃ aggahesahaṃ.
‘‘เตน กเมฺมน ภควา, ทสสหสฺสิกมฺปโก;
‘‘Tena kammena bhagavā, dasasahassikampako;
ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา, อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิ มํฯ
Bhikkhusaṅghe nisīditvā, aggaṭṭhāne ṭhapesi maṃ.
‘‘วีริยํ เม ธุรโธรยฺหํ, โยคเกฺขมาธิวาหนํ;
‘‘Vīriyaṃ me dhuradhorayhaṃ, yogakkhemādhivāhanaṃ;
ธาเรมิ อนฺติมํ เทหํ, สมฺมาสมฺพุทฺธสาสเนฯ
Dhāremi antimaṃ dehaṃ, sammāsambuddhasāsane.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
เอวํภูตสฺสปิ อิมสฺส เถรสฺส คุเณ อชานนฺตา เย ปุถุชฺชนา ภิกฺขู ตทา ปฐมํ สลากคฺคหเณ ‘‘กิํ นุ โข เอต’’นฺติ สมจิเนฺตสุํฯ เตสํ วิมติวิธมนตฺถํ เถโร อากาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา อิทฺธิปาฎิหาริยํ ทเสฺสตฺวา อญฺญาปเทเสน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต ‘‘ปญฺจ ฉิเนฺท’’ติ คาถํ อภาสิฯ
Evaṃbhūtassapi imassa therassa guṇe ajānantā ye puthujjanā bhikkhū tadā paṭhamaṃ salākaggahaṇe ‘‘kiṃ nu kho eta’’nti samacintesuṃ. Tesaṃ vimatividhamanatthaṃ thero ākāsaṃ abbhuggantvā iddhipāṭihāriyaṃ dassetvā aññāpadesena aññaṃ byākaronto ‘‘pañca chinde’’ti gāthaṃ abhāsi.
๑๕. ตตฺถ ปญฺจ ฉิเนฺทติ อปายูปปตฺตินิพฺพตฺตนกานิ ปโญฺจรมฺภาคิยานิ สํโยชนานิ ปาเท พนฺธนรชฺชุกํ วิย ปุริโส สเตฺถน เหฎฺฐิมมคฺคตฺตเยน ฉิเนฺทยฺย ปชเหยฺยฯ ปญฺจ ชเหติ อุปริเทวโลกูปปตฺติเหตุภูตานิ ปญฺจุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานิ ปุริโส คีวาย พนฺธนรชฺชุกํ วิย อรหตฺตมเคฺคน ชเหยฺย, ฉิเนฺทยฺย วาติ อโตฺถฯ ปญฺจ จุตฺตริ ภาวเยติ เตสํเยว อุทฺธมฺภาคิยสํโยชนานํ ปหานาย สทฺธาทีนิ ปญฺจินฺทฺริยานิ อุตฺตริ อนาคามิมคฺคาธิคมโต อุปริ ภาเวยฺย อคฺคมคฺคาธิคมวเสน วเฑฺฒยฺยฯ ปญฺจสงฺคาติโคติ เอวํภูโต ปน ปญฺจนฺนํ ราคโทสโมหมานทิฎฺฐิสงฺคานํ อติกฺกมเนน ปหาเนน ปญฺจสงฺคาติโค หุตฺวาฯ ภิกฺขุ โอฆติโณฺณติ วุจฺจตีติ สพฺพถา ภินฺนกิเลสตาย ภิกฺขูติ, กามภวทิฎฺฐิอวิโชฺชเฆ ตริตฺวา เตสํ ปารภูเต นิพฺพาเน ฐิโตติ จ วุจฺจตีติ อโตฺถฯ
15. Tattha pañca chindeti apāyūpapattinibbattanakāni pañcorambhāgiyāni saṃyojanāni pāde bandhanarajjukaṃ viya puriso satthena heṭṭhimamaggattayena chindeyya pajaheyya. Pañca jaheti uparidevalokūpapattihetubhūtāni pañcuddhambhāgiyasaṃyojanāni puriso gīvāya bandhanarajjukaṃ viya arahattamaggena jaheyya, chindeyya vāti attho. Pañca cuttari bhāvayeti tesaṃyeva uddhambhāgiyasaṃyojanānaṃ pahānāya saddhādīni pañcindriyāni uttari anāgāmimaggādhigamato upari bhāveyya aggamaggādhigamavasena vaḍḍheyya. Pañcasaṅgātigoti evaṃbhūto pana pañcannaṃ rāgadosamohamānadiṭṭhisaṅgānaṃ atikkamanena pahānena pañcasaṅgātigo hutvā. Bhikkhuoghatiṇṇoti vuccatīti sabbathā bhinnakilesatāya bhikkhūti, kāmabhavadiṭṭhiavijjoghe taritvā tesaṃ pārabhūte nibbāne ṭhitoti ca vuccatīti attho.
กุณฺฑธานเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kuṇḍadhānattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๕. กุณฺฑธานเตฺถรคาถา • 5. Kuṇḍadhānattheragāthā