Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๕๔] ๔. กุณฺฑกกุจฺฉิสินฺธวชาตกวณฺณนา
[254] 4. Kuṇḍakakucchisindhavajātakavaṇṇanā
ภุตฺวา ติณปริฆาสนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต สาริปุตฺตเตฺถรํ อารพฺภ กเถสิฯ เอกสฺมิญฺหิ สมเย สมฺมาสมฺพุเทฺธ สาวตฺถิยํ วสฺสํ วสิตฺวา จาริกํ จริตฺวา ปุน ปจฺจาคเต มนุสฺสา ‘‘อาคนฺตุกสกฺการํ กริสฺสามา’’ติ พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ททนฺติฯ วิหาเร เอกํ ธมฺมโฆสกภิกฺขุํ ฐเปสุํ, โส เย เย อาคนฺตฺวา ยตฺตเก ภิกฺขู อิจฺฉนฺติ, เตสํ เตสํ ภิกฺขู วิจาเรตฺวา เทติฯ
Bhutvā tiṇaparighāsanti idaṃ satthā jetavane viharanto sāriputtattheraṃ ārabbha kathesi. Ekasmiñhi samaye sammāsambuddhe sāvatthiyaṃ vassaṃ vasitvā cārikaṃ caritvā puna paccāgate manussā ‘‘āgantukasakkāraṃ karissāmā’’ti buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ dadanti. Vihāre ekaṃ dhammaghosakabhikkhuṃ ṭhapesuṃ, so ye ye āgantvā yattake bhikkhū icchanti, tesaṃ tesaṃ bhikkhū vicāretvā deti.
อเถกา ทุคฺคตมหลฺลิกา อิตฺถี เอกเมว ปฎิวีสํ สเชฺชตฺวา เตสํ เตสํ มนุสฺสานํ ภิกฺขูสุ วิจาเรตฺวา ทิเนฺนสุ อุสฺสูเร ธมฺมโฆสกสฺส สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ‘‘มยฺหํ เอกํ ภิกฺขุํ เทถา’’ติ อาหฯ โส ‘‘มยา สเพฺพ ภิกฺขู วิจาเรตฺวา ทินฺนา, สาริปุตฺตเตฺถโร ปน วิหาเรเยว, ตฺวํ ตสฺส ภิกฺขํ เทหี’’ติ อาหฯ สา ‘‘สาธู’’ติ ตุฎฺฐจิตฺตา เชตวนทฺวารโกฎฺฐเก ฐตฺวา เถรสฺส อาคตกาเล วนฺทิตฺวา หตฺถโต ปตฺตํ คเหตฺวา ฆรํ เนตฺวา นิสีทาเปสิฯ ‘‘เอกาย กิร มหลฺลิกาย ธมฺมเสนาปติ อตฺตโน ฆเร นิสีทาปิโต’’ติ พหูนิ สทฺธานิ กุลานิ อโสฺสสุํฯ เตสุ ราชา ปเสฺสนที โกสโล ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ตสฺสา สาฎเกน เจว สหสฺสตฺถวิกาย จ สทฺธิํ ภตฺตภาชนานิ ปหิณิ ‘‘มยฺหํ อยฺยํ ปริวิสมานา อิมํ สาฎกํ นิวาเสตฺวา อิเม กหาปเณ วฬเญฺชตฺวา เถรํ ปริวิสตู’’ติฯ ยถา จ ราชา, เอวํ อนาถปิณฺฑิโก จูฬอนาถปิณฺฑิโก วิสาขา จ มหาอุปาสิกา ปหิณิฯ อญฺญานิปิ ปน กุลานิ เอกสตทฺวิสตาทิวเสน อตฺตโน อตฺตโน พลานุรูเปน กหาปเณ ปหิณิํสุฯ เอวํ เอกาเหเนว สา มหลฺลิกา สตสหสฺสมตฺตํ ลภิฯ เถโร ปน ตาย ทินฺนยาคุเมว ปิวิตฺวา ตาย กตขชฺชกเมว ปกฺกภตฺตเมว จ ปริภุญฺชิตฺวา อนุโมทนํ กตฺวา ตํ มหลฺลิกํ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาเปตฺวา วิหารเมว อคมาสิฯ
Athekā duggatamahallikā itthī ekameva paṭivīsaṃ sajjetvā tesaṃ tesaṃ manussānaṃ bhikkhūsu vicāretvā dinnesu ussūre dhammaghosakassa santikaṃ āgantvā ‘‘mayhaṃ ekaṃ bhikkhuṃ dethā’’ti āha. So ‘‘mayā sabbe bhikkhū vicāretvā dinnā, sāriputtatthero pana vihāreyeva, tvaṃ tassa bhikkhaṃ dehī’’ti āha. Sā ‘‘sādhū’’ti tuṭṭhacittā jetavanadvārakoṭṭhake ṭhatvā therassa āgatakāle vanditvā hatthato pattaṃ gahetvā gharaṃ netvā nisīdāpesi. ‘‘Ekāya kira mahallikāya dhammasenāpati attano ghare nisīdāpito’’ti bahūni saddhāni kulāni assosuṃ. Tesu rājā passenadī kosalo taṃ pavattiṃ sutvā tassā sāṭakena ceva sahassatthavikāya ca saddhiṃ bhattabhājanāni pahiṇi ‘‘mayhaṃ ayyaṃ parivisamānā imaṃ sāṭakaṃ nivāsetvā ime kahāpaṇe vaḷañjetvā theraṃ parivisatū’’ti. Yathā ca rājā, evaṃ anāthapiṇḍiko cūḷaanāthapiṇḍiko visākhā ca mahāupāsikā pahiṇi. Aññānipi pana kulāni ekasatadvisatādivasena attano attano balānurūpena kahāpaṇe pahiṇiṃsu. Evaṃ ekāheneva sā mahallikā satasahassamattaṃ labhi. Thero pana tāya dinnayāgumeva pivitvā tāya katakhajjakameva pakkabhattameva ca paribhuñjitvā anumodanaṃ katvā taṃ mahallikaṃ sotāpattiphale patiṭṭhāpetvā vihārameva agamāsi.
ธมฺมสภายํ ภิกฺขู เถรสฺส คุณกถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, ธมฺมเสนาปติ มหลฺลิกคหปตานิํ ทุคฺคตภาวโต โมเจสิ, ปติฎฺฐา อโหสิฯ ตาย ทินฺนมาหารํ อชิคุจฺฉโนฺต ปริภุญฺชี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, สาริปุโตฺต อิทาเนว เอติสฺสา มหลฺลิกาย อวสฺสโย ชาโต, น จ อิทาเนว ตาย ทินฺนํ อาหารํ อชิคุจฺฉโนฺต ปริภุญฺชติ, ปุเพฺพปิ ปริภุญฺชิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Dhammasabhāyaṃ bhikkhū therassa guṇakathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, dhammasenāpati mahallikagahapatāniṃ duggatabhāvato mocesi, patiṭṭhā ahosi. Tāya dinnamāhāraṃ ajigucchanto paribhuñjī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, sāriputto idāneva etissā mahallikāya avassayo jāto, na ca idāneva tāya dinnaṃ āhāraṃ ajigucchanto paribhuñjati, pubbepi paribhuñjiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อุตฺตราปเถ อสฺสวาณิชกุเล นิพฺพตฺติฯ อุตฺตราปถชนปทโต ปญฺจสตา อสฺสวาณิชา อเสฺส พาราณสิํ อาเนตฺวา วิกฺกิณนฺติฯ อญฺญตโรปิ อสฺสวาณิโช ปญฺจอสฺสสตานิ อาทาย พาราณสิมคฺคํ ปฎิปชฺชิฯ อนฺตรามเคฺค จ พาราณสิโต อวิทูเร เอโก นิคมคาโม อตฺถิ, ตตฺถ ปุเพฺพ มหาวิภโว เสฎฺฐิ อโหสิฯ ตสฺส มหนฺตํ นิเวสนํ, ตํ ปน กุลํ อนุกฺกเมน ปริกฺขยํ คตํ, เอกาว มหลฺลิกา อวสิฎฺฐา, สา ตสฺมิํ นิเวสเน วสติฯ อถ โส อสฺสวาณิโช ตํ นิคมคามํ ปตฺวา ‘‘เวตนํ ทสฺสามี’’ติ ตสฺสา นิเวสเน นิวาสํ คณฺหิตฺวา อเสฺส เอกมเนฺต ฐเปสิฯ ตํทิวสเมวสฺส เอกิสฺสา อาชานียาวฬวาย คพฺภวุฎฺฐานํ อโหสิฯ โส เทฺว ตโย ทิวเส วสิตฺวา อเสฺส พลํ คาหาเปตฺวา ‘‘ราชานํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ อเสฺส อาทาย ปายาสิฯ อถ นํ มหลฺลิกา ‘‘เคหเวตนํ เทหี’’ติ วตฺวา ‘‘สาธุ, อมฺม, เทมี’’ติ วุเตฺต ‘‘ตาต, เวตนํ เม ททมาโน อิมมฺปิ อสฺสโปตกํ เวตนโต ขเณฺฑตฺวา เทหี’’ติ อาหฯ วาณิโช ตถา กตฺวา ปกฺกามิฯ สา ตสฺมิํ อสฺสโปตเก ปุตฺตสิเนหํ ปจฺจุปฎฺฐเปตฺวา อวสฺสาวนฌามกภตฺตวิฆาสติณานิ ทตฺวา ตํ ปฎิชคฺคิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto uttarāpathe assavāṇijakule nibbatti. Uttarāpathajanapadato pañcasatā assavāṇijā asse bārāṇasiṃ ānetvā vikkiṇanti. Aññataropi assavāṇijo pañcaassasatāni ādāya bārāṇasimaggaṃ paṭipajji. Antarāmagge ca bārāṇasito avidūre eko nigamagāmo atthi, tattha pubbe mahāvibhavo seṭṭhi ahosi. Tassa mahantaṃ nivesanaṃ, taṃ pana kulaṃ anukkamena parikkhayaṃ gataṃ, ekāva mahallikā avasiṭṭhā, sā tasmiṃ nivesane vasati. Atha so assavāṇijo taṃ nigamagāmaṃ patvā ‘‘vetanaṃ dassāmī’’ti tassā nivesane nivāsaṃ gaṇhitvā asse ekamante ṭhapesi. Taṃdivasamevassa ekissā ājānīyāvaḷavāya gabbhavuṭṭhānaṃ ahosi. So dve tayo divase vasitvā asse balaṃ gāhāpetvā ‘‘rājānaṃ passissāmī’’ti asse ādāya pāyāsi. Atha naṃ mahallikā ‘‘gehavetanaṃ dehī’’ti vatvā ‘‘sādhu, amma, demī’’ti vutte ‘‘tāta, vetanaṃ me dadamāno imampi assapotakaṃ vetanato khaṇḍetvā dehī’’ti āha. Vāṇijo tathā katvā pakkāmi. Sā tasmiṃ assapotake puttasinehaṃ paccupaṭṭhapetvā avassāvanajhāmakabhattavighāsatiṇāni datvā taṃ paṭijaggi.
อถาปรภาเค โพธิสโตฺต ปญฺจ อสฺสสตานิ อาทาย อาคจฺฉโนฺต ตสฺมิํ เคเห นิวาสํ คณฺหิฯ กุณฺฑกขาทกสฺส สินฺธวโปตกสฺส ฐิตฎฺฐานโต คนฺธํ ฆายิตฺวา เอกอโสฺสปิ เคหํ ปวิสิตุํ นาสกฺขิฯ โพธิสโตฺต มหลฺลิกํ ปุจฺฉิ – ‘‘อมฺม, กจฺจิ อิมสฺมิํ เคเห อโสฺส อตฺถี’’ติ ฯ ‘‘ตาต, อโญฺญ อโสฺส นาม นตฺถิ, อหํ ปน ปุตฺตํ กตฺวา เอกํ อสฺสโปตกํ ปฎิชคฺคามิ, โส เอตฺถ อตฺถี’’ติฯ ‘‘กหํ โส, อมฺมา’’ติ? ‘‘จริตุํ คโต, ตาตา’’ติฯ ‘‘กาย เวลาย อาคมิสฺสติ, อมฺมา’’ติ? ‘‘สายเนฺห, ตาตา’’ติฯ โพธิสโตฺต ตสฺส อาคมนํ ปฎิมาเนโนฺต อเสฺส พหิ ฐเปตฺวาว นิสีทิฯ สินฺธวโปตโกปิ วิจริตฺวา กาเลเยว อาคมิฯ โพธิสโตฺต กุณฺฑกกุจฺฉิสินฺธวโปตกํ ทิสฺวา ลกฺขณานิ สมาเนตฺวา ‘‘อยํ สินฺธโว อนโคฺฆ, มหลฺลิกาย มูลํ ทตฺวา คเหตุํ วฎฺฎตี’’ติ จิเนฺตสิฯ สินฺธวโปตโกปิ เคหํ ปวิสิตฺวา อตฺตโน วสนฎฺฐาเนเยว ฐิโตฯ ตสฺมิํ ขเณ เต อสฺสา เคหํ ปวิสิตุํ สกฺขิํสุฯ
Athāparabhāge bodhisatto pañca assasatāni ādāya āgacchanto tasmiṃ gehe nivāsaṃ gaṇhi. Kuṇḍakakhādakassa sindhavapotakassa ṭhitaṭṭhānato gandhaṃ ghāyitvā ekaassopi gehaṃ pavisituṃ nāsakkhi. Bodhisatto mahallikaṃ pucchi – ‘‘amma, kacci imasmiṃ gehe asso atthī’’ti . ‘‘Tāta, añño asso nāma natthi, ahaṃ pana puttaṃ katvā ekaṃ assapotakaṃ paṭijaggāmi, so ettha atthī’’ti. ‘‘Kahaṃ so, ammā’’ti? ‘‘Carituṃ gato, tātā’’ti. ‘‘Kāya velāya āgamissati, ammā’’ti? ‘‘Sāyanhe, tātā’’ti. Bodhisatto tassa āgamanaṃ paṭimānento asse bahi ṭhapetvāva nisīdi. Sindhavapotakopi vicaritvā kāleyeva āgami. Bodhisatto kuṇḍakakucchisindhavapotakaṃ disvā lakkhaṇāni samānetvā ‘‘ayaṃ sindhavo anaggho, mahallikāya mūlaṃ datvā gahetuṃ vaṭṭatī’’ti cintesi. Sindhavapotakopi gehaṃ pavisitvā attano vasanaṭṭhāneyeva ṭhito. Tasmiṃ khaṇe te assā gehaṃ pavisituṃ sakkhiṃsu.
โพธิสโตฺต ทฺวีหตีหํ วสิตฺวา อเสฺส สนฺตเปฺปตฺวา คจฺฉโนฺต ‘‘อมฺม, อิมํ อสฺสโปตกํ มูลํ คเหตฺวา มยฺหํ เทหี’’ติ อาหฯ ‘‘กิํ วเทสิ, ตาต, ปุตฺตํ วิกฺกิณนฺตา นาม อตฺถี’’ติฯ ‘‘อมฺม, ตฺวํ เอตํ กิํ ขาทาเปตฺวา ปฎิชคฺคสี’’ติ? ‘‘โอทนกญฺชิกญฺจ ฌามกภตฺตญฺจ วิฆาสติณญฺจ ขาทาเปตฺวา กุณฺฑกยาคุญฺจ ปาเยตฺวา ปฎิชคฺคามิ, ตาตา’’ติฯ ‘‘อมฺม, อหํ เอตํ ลภิตฺวา ปิณฺฑรสโภชนํ โภเชสฺสามิ, ฐิตฎฺฐาเน เจลวิตานํ ปสาเรตฺวา อตฺถรณปิเฎฺฐ ฐเปสฺสามี’’ติฯ ‘‘ตาต, เอวํ สเนฺต มม ปุโตฺต จ สุขํ อนุภวตุ, ตํ คเหตฺวา คจฺฉา’’ติฯ อถ โพธิสโตฺต ตสฺส จตุนฺนํ ปาทานํ นงฺคุฎฺฐสฺส มุขสฺส จ มูลํ เอเกกํ กตฺวา ฉ สหสฺสตฺถวิกาโย ฐเปตฺวา มหลฺลิกํ นววตฺถํ นิวาสาเปตฺวา สินฺธวโปตกสฺส ปุรโต ฐเปสิฯ โส อกฺขีนิ อุมฺมีเลตฺวา มาตรํ โอโลเกตฺวา อสฺสูนิ ปวเตฺตสิฯ สาปิ ตสฺส ปิฎฺฐิํ ปริมชฺชิตฺวา อาห – ‘‘มยา ปุตฺตโปสาวนิกํ ลทฺธํ, ตฺวํ, ตาต, คจฺฉาหี’’ติ, ตทา โส อคมาสิฯ
Bodhisatto dvīhatīhaṃ vasitvā asse santappetvā gacchanto ‘‘amma, imaṃ assapotakaṃ mūlaṃ gahetvā mayhaṃ dehī’’ti āha. ‘‘Kiṃ vadesi, tāta, puttaṃ vikkiṇantā nāma atthī’’ti. ‘‘Amma, tvaṃ etaṃ kiṃ khādāpetvā paṭijaggasī’’ti? ‘‘Odanakañjikañca jhāmakabhattañca vighāsatiṇañca khādāpetvā kuṇḍakayāguñca pāyetvā paṭijaggāmi, tātā’’ti. ‘‘Amma, ahaṃ etaṃ labhitvā piṇḍarasabhojanaṃ bhojessāmi, ṭhitaṭṭhāne celavitānaṃ pasāretvā attharaṇapiṭṭhe ṭhapessāmī’’ti. ‘‘Tāta, evaṃ sante mama putto ca sukhaṃ anubhavatu, taṃ gahetvā gacchā’’ti. Atha bodhisatto tassa catunnaṃ pādānaṃ naṅguṭṭhassa mukhassa ca mūlaṃ ekekaṃ katvā cha sahassatthavikāyo ṭhapetvā mahallikaṃ navavatthaṃ nivāsāpetvā sindhavapotakassa purato ṭhapesi. So akkhīni ummīletvā mātaraṃ oloketvā assūni pavattesi. Sāpi tassa piṭṭhiṃ parimajjitvā āha – ‘‘mayā puttaposāvanikaṃ laddhaṃ, tvaṃ, tāta, gacchāhī’’ti, tadā so agamāsi.
โพธิสโตฺต ปุนทิวเส อสฺสโปตกสฺส ปิณฺฑรสโภชนํ สเชฺชตฺวา ‘‘วีมํสิสฺสามิ ตาว นํ, ชานาติ นุ โข อตฺตโน พลํ, อุทาหุ น ชานาตี’’ติ โทณิยํ กุณฺฑกยาคุํ อากิราเปตฺวา ทาเปสิฯ โส ‘‘นาหํ อิมํ โภชนํ ภุญฺชิสฺสามี’’ติ ตํ ยาคุํ ปายิตุํ น อิจฺฉิฯ โพธิสโตฺต ตสฺส วีมํสนวเสน ปฐมํ คาถมาห –
Bodhisatto punadivase assapotakassa piṇḍarasabhojanaṃ sajjetvā ‘‘vīmaṃsissāmi tāva naṃ, jānāti nu kho attano balaṃ, udāhu na jānātī’’ti doṇiyaṃ kuṇḍakayāguṃ ākirāpetvā dāpesi. So ‘‘nāhaṃ imaṃ bhojanaṃ bhuñjissāmī’’ti taṃ yāguṃ pāyituṃ na icchi. Bodhisatto tassa vīmaṃsanavasena paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๐.
10.
‘‘ภุตฺวา ติณปริฆาสํ, ภุตฺวา อาจามกุณฺฑกํ;
‘‘Bhutvā tiṇaparighāsaṃ, bhutvā ācāmakuṇḍakaṃ;
เอตํ เต โภชนํ อาสิ, กสฺมา ทานิ น ภุญฺชสี’’ติฯ
Etaṃ te bhojanaṃ āsi, kasmā dāni na bhuñjasī’’ti.
ตตฺถ ภุตฺวา ติณปริฆาสนฺติ ตฺวํ ปุเพฺพ มหลฺลิกาย ทินฺนํ เตสํ เตสํ ขาทิตาวเสสํ วิฆาสติณสงฺขาตํ ปริฆาสํ ภุญฺชิตฺวา วฑฺฒิโตฯ ภุตฺวา อาจามกุณฺฑกนฺติ เอตฺถ อาจาโม วุจฺจติ โอทนาวเสสํฯ กุณฺฑกนฺติ กุณฺฑกเมวฯ เอตญฺจ ภุญฺชิตฺวา วฑฺฒิโตสีติ ทีเปติฯ เอตํ เตติ เอตํ ตว ปุเพฺพ โภชนํ อาสิฯ กสฺมา ทานิ น ภุญฺชสีติ มยาปิ เต ตเมว ทินฺนํ, ตฺวํ ตํ กสฺมา อิทานิ น ภุญฺชสีติฯ
Tattha bhutvā tiṇaparighāsanti tvaṃ pubbe mahallikāya dinnaṃ tesaṃ tesaṃ khāditāvasesaṃ vighāsatiṇasaṅkhātaṃ parighāsaṃ bhuñjitvā vaḍḍhito. Bhutvā ācāmakuṇḍakanti ettha ācāmo vuccati odanāvasesaṃ. Kuṇḍakanti kuṇḍakameva. Etañca bhuñjitvā vaḍḍhitosīti dīpeti. Etaṃ teti etaṃ tava pubbe bhojanaṃ āsi. Kasmā dāni na bhuñjasīti mayāpi te tameva dinnaṃ, tvaṃ taṃ kasmā idāni na bhuñjasīti.
ตํ สุตฺวา สินฺธวโปตโก อิตรา เทฺว คาถา อโวจ –
Taṃ sutvā sindhavapotako itarā dve gāthā avoca –
๑๑.
11.
‘‘ยตฺถ โปสํ น ชานนฺติ, ชาติยา วินเยน วา;
‘‘Yattha posaṃ na jānanti, jātiyā vinayena vā;
พหุ ตตฺถ มหาพฺรเหฺม, อปิ อาจามกุณฺฑกํฯ
Bahu tattha mahābrahme, api ācāmakuṇḍakaṃ.
๑๒.
12.
‘‘ตฺวญฺจ โขมํ ปชานาสิ, ยาทิสายํ หยุตฺตโม;
‘‘Tvañca khomaṃ pajānāsi, yādisāyaṃ hayuttamo;
ชานโนฺต ชานมาคมฺม, น เต ภกฺขามิ กุณฺฑก’’นฺติฯ
Jānanto jānamāgamma, na te bhakkhāmi kuṇḍaka’’nti.
ตตฺถ ยตฺถาติ ยสฺมิํ ฐาเนฯ โปสนฺติ สตฺตํฯ ชาติยา วินเยน วาติ ‘‘ชาติสมฺปโนฺน วา เอโส, น วา, อาจารยุโตฺต วา, น วา’’ติ เอวํ น ชานนฺติฯ มหาพฺรเหฺมติ ครุกาลปเนน อาลปโนฺต อาหฯ ยาทิสายนฺติ ยาทิโส อยํ, อตฺตานํ สนฺธาย วทติฯ ชานโนฺต ชานมาคมฺมาติ อหํ อตฺตโน พลํ ชานโนฺต ชานนฺตเมว ตํ อาคมฺม ปฎิจฺจ ตว สนฺติเก กุณฺฑกํ กิํ ภุญฺชิสฺสามิฯ น หิ ตฺวํ กุณฺฑกํ โภชาเปตุกามตาย ฉ สหสฺสานิ ทตฺวา มํ คณฺหีติฯ
Tattha yatthāti yasmiṃ ṭhāne. Posanti sattaṃ. Jātiyā vinayena vāti ‘‘jātisampanno vā eso, na vā, ācārayutto vā, na vā’’ti evaṃ na jānanti. Mahābrahmeti garukālapanena ālapanto āha. Yādisāyanti yādiso ayaṃ, attānaṃ sandhāya vadati. Jānanto jānamāgammāti ahaṃ attano balaṃ jānanto jānantameva taṃ āgamma paṭicca tava santike kuṇḍakaṃ kiṃ bhuñjissāmi. Na hi tvaṃ kuṇḍakaṃ bhojāpetukāmatāya cha sahassāni datvā maṃ gaṇhīti.
ตํ สุตฺวา โพธิสโตฺต ‘‘ตํ วีมํสนตฺถาย ตํ มยา กตํ, มา กุชฺฌี’’ติ ตํ สมสฺสาเสตฺวา สุโภชนํ โภเชตฺวา อาทาย ราชงฺคณํ คนฺตฺวา เอกสฺมิํ ปเสฺส ปญฺจ อสฺสสตานิ ฐเปตฺวา เอกสฺมิํ ปเสฺส วิจิตฺตสาณิํ ปริกฺขิปิตฺวา เหฎฺฐา อตฺถรณํ ปตฺถริตฺวา อุปริ เจลวิตานํ พนฺธิตฺวา สินฺธวโปตกํ ฐเปสิฯ
Taṃ sutvā bodhisatto ‘‘taṃ vīmaṃsanatthāya taṃ mayā kataṃ, mā kujjhī’’ti taṃ samassāsetvā subhojanaṃ bhojetvā ādāya rājaṅgaṇaṃ gantvā ekasmiṃ passe pañca assasatāni ṭhapetvā ekasmiṃ passe vicittasāṇiṃ parikkhipitvā heṭṭhā attharaṇaṃ pattharitvā upari celavitānaṃ bandhitvā sindhavapotakaṃ ṭhapesi.
ราชา อาคนฺตฺวา อเสฺส โอโลเกโนฺต ‘‘อยํ อโสฺส กสฺมา วิสุํ ฐปิโต’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘มหาราช , อยํ สินฺธโว อิเม อเสฺส วิสุํ อกโต โมเจสฺสตี’’ติ สุตฺวา ‘‘โสภโน, โภ, สินฺธโว’’ติ ปุจฺฉิฯ โพธิสโตฺต ‘‘อาม, มหาราชา’’ติ วตฺวา ‘‘เตน หิสฺส ชวํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ วุเตฺต ตํ อสฺสํ กเปฺปตฺวา อภิรุหิตฺวา ‘‘ปสฺส, มหาราชา’’ติ มนุเสฺส อุสฺสาเรตฺวา ราชงฺคเณ อสฺสํ ปาเหสิฯ สพฺพํ ราชงฺคณํ นิรนฺตรํ อสฺสปนฺตีหิ ปริกฺขิตฺตมิวาโหสิฯ ปุน โพธิสโตฺต ‘‘ปสฺส, มหาราช, สินฺธวโปตกสฺส เวค’’นฺติ วิสฺสเชฺชสิ, เอกปุริโสปิ นํ น อทฺทสฯ ปุน รตฺถปฎํ อุทเร ปริกฺขิปิตฺวา วิสฺสเชฺชสิ, รตฺตปฎเมว ปสฺสิํสุฯ อถ นํ อโนฺตนคเร เอกิสฺสา อุยฺยานโปกฺขรณิยา อุทกปิเฎฺฐ วิสฺสเชฺชสิ, ตตฺถสฺส อุทกปิเฎฺฐ ธาวโต ขุรคฺคานิปิ น เตมิํสุฯ ปุนวารํ ปทุมินิปตฺตานํ อุปริ ธาวโนฺต เอกปณฺณมฺปิ น อุทเก โอสีทาเปสิฯ เอวมสฺส ชวสมฺปนฺนํ ทเสฺสตฺวา โอรุยฺห ปาณิํ ปหริตฺวา หตฺถตลํ อุปนาเมสิ, อโสฺส อุปคนฺตฺวา จตฺตาโร ปาเท เอกโต กตฺวา หตฺถตเล อฎฺฐาสิฯ อถ มหาสโตฺต ราชานํ อาห – ‘‘มหาราช, อิมสฺส อสฺสโปตกสฺส สพฺพากาเรน เวเค ทสฺสิยมาเน สมุทฺทปริยโนฺต นปฺปโหตี’’ติฯ ราชา ตุสฺสิตฺวา มหาสตฺตสฺส อุปฑฺฒรชฺชํ อทาสิฯ สินฺธวโปตกมฺปิ อภิสิญฺจิตฺวา มงฺคลอสฺสํ อกาสิฯ
Rājā āgantvā asse olokento ‘‘ayaṃ asso kasmā visuṃ ṭhapito’’ti pucchitvā ‘‘mahārāja , ayaṃ sindhavo ime asse visuṃ akato mocessatī’’ti sutvā ‘‘sobhano, bho, sindhavo’’ti pucchi. Bodhisatto ‘‘āma, mahārājā’’ti vatvā ‘‘tena hissa javaṃ passissāmī’’ti vutte taṃ assaṃ kappetvā abhiruhitvā ‘‘passa, mahārājā’’ti manusse ussāretvā rājaṅgaṇe assaṃ pāhesi. Sabbaṃ rājaṅgaṇaṃ nirantaraṃ assapantīhi parikkhittamivāhosi. Puna bodhisatto ‘‘passa, mahārāja, sindhavapotakassa vega’’nti vissajjesi, ekapurisopi naṃ na addasa. Puna ratthapaṭaṃ udare parikkhipitvā vissajjesi, rattapaṭameva passiṃsu. Atha naṃ antonagare ekissā uyyānapokkharaṇiyā udakapiṭṭhe vissajjesi, tatthassa udakapiṭṭhe dhāvato khuraggānipi na temiṃsu. Punavāraṃ paduminipattānaṃ upari dhāvanto ekapaṇṇampi na udake osīdāpesi. Evamassa javasampannaṃ dassetvā oruyha pāṇiṃ paharitvā hatthatalaṃ upanāmesi, asso upagantvā cattāro pāde ekato katvā hatthatale aṭṭhāsi. Atha mahāsatto rājānaṃ āha – ‘‘mahārāja, imassa assapotakassa sabbākārena vege dassiyamāne samuddapariyanto nappahotī’’ti. Rājā tussitvā mahāsattassa upaḍḍharajjaṃ adāsi. Sindhavapotakampi abhisiñcitvā maṅgalaassaṃ akāsi.
โส รโญฺญ ปิโย อโหสิ มนาโป, สกฺกาโรปิสฺส มหา อโหสิฯ ตสฺส หิ วสนฎฺฐานํ รโญฺญ อลงฺกตปฎิยโตฺต วาสฆรคโพฺภ วิย อโหสิ, จตุชาติคเนฺธหิ ภูมิเลปนํ อกํสุ, คนฺธทามมาลาทามานิ โอสารยิํสุ, อุปริ สุวณฺณตารกขจิตํ เจลวิตานํ อโหสิ, สมนฺตโต จิตฺรสาณิ ปริกฺขิตฺตา อโหสิ, นิจฺจํ คนฺธเตลปทีปา ฌายิํสุ, อุจฺจารปสฺสาวฎฺฐาเนปิสฺส สุวณฺณกฎาหํ ฐปยิํสุ, นิจฺจํ ราชารหโภชนเมว ภุญฺชิฯ ตสฺส ปน อาคตกาลโต ปฎฺฐาย รโญฺญ สกลชมฺพุทีเป รชฺชํ หตฺถคตเมว อโหสิฯ ราชา โพธิสตฺตสฺส โอวาเท ฐตฺวา ทานาทีนิ ปุญฺญานิ กตฺวา สคฺคปรายโณ อโหสิฯ
So rañño piyo ahosi manāpo, sakkāropissa mahā ahosi. Tassa hi vasanaṭṭhānaṃ rañño alaṅkatapaṭiyatto vāsagharagabbho viya ahosi, catujātigandhehi bhūmilepanaṃ akaṃsu, gandhadāmamālādāmāni osārayiṃsu, upari suvaṇṇatārakakhacitaṃ celavitānaṃ ahosi, samantato citrasāṇi parikkhittā ahosi, niccaṃ gandhatelapadīpā jhāyiṃsu, uccārapassāvaṭṭhānepissa suvaṇṇakaṭāhaṃ ṭhapayiṃsu, niccaṃ rājārahabhojanameva bhuñji. Tassa pana āgatakālato paṭṭhāya rañño sakalajambudīpe rajjaṃ hatthagatameva ahosi. Rājā bodhisattassa ovāde ṭhatvā dānādīni puññāni katvā saggaparāyaṇo ahosi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนา สกทาคามิโน อนาคามิโน อรหโนฺต จ อเหสุํฯ ‘‘ตทา มหลฺลิกา อยเมว มหลฺลิกา อโหสิ, สินฺธโว สาริปุโตฺต, ราชา อานโนฺท, อสฺสวาณิโชฺช ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne bahū sotāpannā sakadāgāmino anāgāmino arahanto ca ahesuṃ. ‘‘Tadā mahallikā ayameva mahallikā ahosi, sindhavo sāriputto, rājā ānando, assavāṇijjo pana ahameva ahosi’’nti.
กุณฺฑกกุจฺฉิสินฺธวชาตกวณฺณนา จตุตฺถาฯ
Kuṇḍakakucchisindhavajātakavaṇṇanā catutthā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๕๔. กุณฺฑกกุจฺฉิสินฺธวชาตกํ • 254. Kuṇḍakakucchisindhavajātakaṃ