Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā)

    ๖-๗. กุณฺฑลิยสุตฺตาทิวณฺณนา

    6-7. Kuṇḍaliyasuttādivaṇṇanā

    ๑๘๗-๑๘๘. ฉเฎฺฐ อารามนิสฺสยีติ อารามํ นิสฺสาย วสนภาเวน อารามนิสฺสยีฯ ปริสาวจโรติ ปริสาย อวจโรฯ ปริสํ นาม พาลาปิ, ปณฺฑิตาปิ โอสรนฺติ, โย ปน ปรปฺปวาทํ มทฺทิตฺวา อตฺตโน วาทํ ทีเปตุํ สโกฺกติ, อยํ ปริสาวจโร นามฯ อาราเมน อารามนฺติ อาราเมเนว อารามํ อนุจงฺกมามิ, น พาหิเรนาติ อโตฺถฯ อุยฺยาเนน อุยฺยานนฺติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ อเญฺญน วา อาราเมน ปวิสิตฺวา อญฺญํ อารามํ, อเญฺญน อุยฺยาเนน อญฺญํ อุยฺยานนฺติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ อิติวาทปฺปโมกฺขานิสํสนฺติ ‘‘เอวํ ปุจฺฉา โหติ, เอวํ วิสฺสชฺชนํ, เอวํ คหณํ, เอวํ นิเพฺพฐน’’นฺติ อิมินา นเยน อิติวาโท โหติ อิติวาทปฺปโมโกฺขติ เอตํ อานิสํสํฯ อุปารมฺภานิสํสนฺติ ‘‘อยํ ปุจฺฉาย โทโส, อยํ วิสฺสชฺชเน’’ติ เอวํ วาทโทสานิสํสํฯ

    187-188. Chaṭṭhe ārāmanissayīti ārāmaṃ nissāya vasanabhāvena ārāmanissayī. Parisāvacaroti parisāya avacaro. Parisaṃ nāma bālāpi, paṇḍitāpi osaranti, yo pana parappavādaṃ madditvā attano vādaṃ dīpetuṃ sakkoti, ayaṃ parisāvacaro nāma. Ārāmena ārāmanti ārāmeneva ārāmaṃ anucaṅkamāmi, na bāhirenāti attho. Uyyānena uyyānanti etthāpi eseva nayo. Aññena vā ārāmena pavisitvā aññaṃ ārāmaṃ, aññena uyyānena aññaṃ uyyānanti ayamettha attho. Itivādappamokkhānisaṃsanti ‘‘evaṃ pucchā hoti, evaṃ vissajjanaṃ, evaṃ gahaṇaṃ, evaṃ nibbeṭhana’’nti iminā nayena itivādo hoti itivādappamokkhoti etaṃ ānisaṃsaṃ. Upārambhānisaṃsanti ‘‘ayaṃ pucchāya doso, ayaṃ vissajjane’’ti evaṃ vādadosānisaṃsaṃ.

    กถํ ภาวิโต จ, กุณฺฑลิย, อินฺทฺริยสํวโรติ สตฺถา ‘‘เอตฺตกํ ฐานํ ปริพฺพาชเกน ปุจฺฉิตํ, อิทานิ ปุจฺฉิตุํ น สโกฺกตี’’ติ ญตฺวา ‘‘น ตาว อยํ เทสนา ยถานุสนฺธิํ คตาฯ อิทานิ นํ ยถานุสนฺธิํ ปาเปสฺสามี’’ติ สยเมว ปุจฺฉโนฺต อิมํ เทสนํ อารภิฯ ตตฺถ มนาปํ นาภิชฺฌตีติ อิฎฺฐารมฺมณํ นาภิชฺฌายติฯ นาภิหํสตีติ น สามิสาย ตุฎฺฐิยา อภิหํสติฯ ตสฺส ฐิโต จ กาโย โหติ, ฐิตํ จิตฺตํ อชฺฌตฺตนฺติ ตสฺส นามกาโย จ จิตฺตญฺจ โคจรชฺฌเตฺต ฐิตํ โหติฯ สุสณฺฐิตนฺติ กมฺมฎฺฐานวเสน สุฎฺฐุ สณฺฐิตํฯ สุวิมุตฺตนฺติ กมฺมฎฺฐานวิมุตฺติยา สุวิมุตฺตํฯ อมนาปนฺติ อนิฎฺฐารมฺมณํฯ น มงฺกุ โหตีติ ตสฺมิํ น มงฺกุ โหติฯ อปฺปติฎฺฐิตจิโตฺตติ กิเลสวเสน อฎฺฐิตจิโตฺตฯ อทีนมานโสติ โทมนสฺสวเสน อทีนจิโตฺตฯ อพฺยาปนฺนเจตโสติ โทสวเสน อปูติจิโตฺตฯ

    Kathaṃ bhāvito ca, kuṇḍaliya, indriyasaṃvaroti satthā ‘‘ettakaṃ ṭhānaṃ paribbājakena pucchitaṃ, idāni pucchituṃ na sakkotī’’ti ñatvā ‘‘na tāva ayaṃ desanā yathānusandhiṃ gatā. Idāni naṃ yathānusandhiṃ pāpessāmī’’ti sayameva pucchanto imaṃ desanaṃ ārabhi. Tattha manāpaṃ nābhijjhatīti iṭṭhārammaṇaṃ nābhijjhāyati. Nābhihaṃsatīti na sāmisāya tuṭṭhiyā abhihaṃsati. Tassa ṭhito ca kāyo hoti, ṭhitaṃ cittaṃ ajjhattanti tassa nāmakāyo ca cittañca gocarajjhatte ṭhitaṃ hoti. Susaṇṭhitanti kammaṭṭhānavasena suṭṭhu saṇṭhitaṃ. Suvimuttanti kammaṭṭhānavimuttiyā suvimuttaṃ. Amanāpanti aniṭṭhārammaṇaṃ. Na maṅku hotīti tasmiṃ na maṅku hoti. Appatiṭṭhitacittoti kilesavasena aṭṭhitacitto. Adīnamānasoti domanassavasena adīnacitto. Abyāpannacetasoti dosavasena apūticitto.

    เอวํ ภาวิโต โข, กุณฺฑลิย, อินฺทฺริยสํวโร เอวํ พหุลีกโต ตีณิ สุจริตานิ ปริปูเรตีติ เอตฺถ เอวํ สุจริตปูรณํ เวทิตพฺพํ – อิเมสุ ตาว ฉสุ ทฺวาเรสุ อฎฺฐารส ทุจฺจริตานิ โหนฺติฯ กถํ? จกฺขุทฺวาเร ตาว อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต กายงฺควาจงฺคานิ อโจเปตฺวา ตสฺมิํ อารมฺมเณ โลภํ อุปฺปาเทนฺตสฺส มโนทุจฺจริตํ โหติฯ โลภสหคเตน จิเตฺตน ‘‘อโห วติทํ อิฎฺฐํ กนฺตํ มนาป’’นฺติ ภณนฺตสฺส วจีทุจฺจริตํ, ตเทว หเตฺถน ปรามสนฺตสฺส กายทุจฺจริตํฯ เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโยฯ

    Evaṃ bhāvito kho, kuṇḍaliya, indriyasaṃvaro evaṃ bahulīkato tīṇi sucaritāni paripūretīti ettha evaṃ sucaritapūraṇaṃ veditabbaṃ – imesu tāva chasu dvāresu aṭṭhārasa duccaritāni honti. Kathaṃ? Cakkhudvāre tāva iṭṭhārammaṇe āpāthagate kāyaṅgavācaṅgāni acopetvā tasmiṃ ārammaṇe lobhaṃ uppādentassa manoduccaritaṃ hoti. Lobhasahagatena cittena ‘‘aho vatidaṃ iṭṭhaṃ kantaṃ manāpa’’nti bhaṇantassa vacīduccaritaṃ, tadeva hatthena parāmasantassa kāyaduccaritaṃ. Sesadvāresupi eseva nayo.

    อยํ ปน วิเสโส – โสตทฺวารสฺมิญฺหิ สทฺทารมฺมณสฺส วตฺถุภูตํ สงฺขปณวาทิตูริยภณฺฑํ อนามาสํ อามสนฺตสฺส, ฆานทฺวาเร คนฺธารมฺมณสฺส วตฺถุภูตํ คนฺธมาลาทิํ, ชิวฺหาทฺวาเร รสารมฺมณสฺส วตฺถุภูตํ มจฺฉมํสาทิํ, กายทฺวาเร โผฎฺฐพฺพารมฺมณสฺส วตฺถุภูตํ วตฺถตูลกปาวาราทิํ, มโนทฺวาเร ปญฺญตฺติวเสน ธมฺมารมฺมณภูตํ สปฺปิเตลมธุผาณิตาทิํ อามสนฺตสฺส กายทุจฺจริตํ เวทิตพฺพํฯ สเงฺขปโต ปเนตฺถ ฉสุ ทฺวาเรสุ กายวีติกฺกโม กายทุจฺจริตํ, วจีวีติกฺกโม วจีทุจฺจริตํ, มโนวีติกฺกโม มโนทุจฺจริตนฺติ ตีเณว ทุจฺจริตานิ โหนฺติฯ

    Ayaṃ pana viseso – sotadvārasmiñhi saddārammaṇassa vatthubhūtaṃ saṅkhapaṇavāditūriyabhaṇḍaṃ anāmāsaṃ āmasantassa, ghānadvāre gandhārammaṇassa vatthubhūtaṃ gandhamālādiṃ, jivhādvāre rasārammaṇassa vatthubhūtaṃ macchamaṃsādiṃ, kāyadvāre phoṭṭhabbārammaṇassa vatthubhūtaṃ vatthatūlakapāvārādiṃ, manodvāre paññattivasena dhammārammaṇabhūtaṃ sappitelamadhuphāṇitādiṃ āmasantassa kāyaduccaritaṃ veditabbaṃ. Saṅkhepato panettha chasu dvāresu kāyavītikkamo kāyaduccaritaṃ, vacīvītikkamo vacīduccaritaṃ, manovītikkamo manoduccaritanti tīṇeva duccaritāni honti.

    อยํ ปน ภิกฺขุ อตฺตโน ภาวนาปฎิสงฺขาเน ฐิโต อิมานิ ทุจฺจริตานิ สุจริตํ กตฺวา วิปริณาเมติฯ กถํ? จกฺขุทฺวาเร ตาว อิฎฺฐารมฺมเณ อาปาถคเต กายงฺควาจงฺคานิ อจาเลตฺวา รูปารมฺมณํ วิปสฺสนํ ปฎฺฐาปยโต มโนสุจริตํ โหติ, วิปสฺสนาสหคเตน จิเตฺตน ขยธมฺมํ วยธมฺมนฺติ ภณนฺตสฺส วจีสุจริตํ, ‘‘อนามาสภณฺฑํ เอต’’นฺติ อนามสนฺตสฺส กายสุจริตํฯ เสสทฺวาเรสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ อิมานิ วิตฺถารโต อฎฺฐารส สุจริตานิ โหนฺติฯ สเงฺขปโต ปเนตฺถาปิ ฉสุ ทฺวาเรสุ กายสํวโร กายสุจริตํ, วจีสํวโร วจีสุจริตํ, มโนสํวโร มโนสุจริตนฺติ ตีเณว สุจริตานิ โหนฺติฯ เอวํ อินฺทฺริยสํวโร ตีณิ สุจริตานิ ปริปูเรตีติ เวทิตโพฺพฯ เอตฺตาวตา สีลานุรกฺขิตํ อินฺทฺริยสํวรสีลํ กถิตํฯ

    Ayaṃ pana bhikkhu attano bhāvanāpaṭisaṅkhāne ṭhito imāni duccaritāni sucaritaṃ katvā vipariṇāmeti. Kathaṃ? Cakkhudvāre tāva iṭṭhārammaṇe āpāthagate kāyaṅgavācaṅgāni acāletvā rūpārammaṇaṃ vipassanaṃ paṭṭhāpayato manosucaritaṃ hoti, vipassanāsahagatena cittena khayadhammaṃ vayadhammanti bhaṇantassa vacīsucaritaṃ, ‘‘anāmāsabhaṇḍaṃ eta’’nti anāmasantassa kāyasucaritaṃ. Sesadvāresupi eseva nayo. Evaṃ imāni vitthārato aṭṭhārasa sucaritāni honti. Saṅkhepato panetthāpi chasu dvāresu kāyasaṃvaro kāyasucaritaṃ, vacīsaṃvaro vacīsucaritaṃ, manosaṃvaro manosucaritanti tīṇeva sucaritāni honti. Evaṃ indriyasaṃvaro tīṇi sucaritāni paripūretīti veditabbo. Ettāvatā sīlānurakkhitaṃ indriyasaṃvarasīlaṃ kathitaṃ.

    กายทุจฺจริตํ ปหายาติอาทีสุ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ, จตุพฺพิธํ วจีทุจฺจริตํ, ติวิธํ มโนทุจฺจริตํฯ ตสฺส ปฎิปกฺขวเสน กายสุจริตาทีนิ เวทิตพฺพานิฯ เอตฺตาวตา กายสํวรวจีสํวเรหิ ปาติโมกฺขสีลํ, มโนสํวเรน ตีณิ สีลานีติ จตุปาริสุทฺธิสีลํ กถิตํ โหติฯ สกเล ปน อิมสฺมิํ สุเตฺต สุจริตมูลกา สติปฎฺฐานา โลกุตฺตรมิสฺสกา, สตฺตนฺนํ โพชฺฌงฺคานํ มูลภูตา สติปฎฺฐานา ปุพฺพภาคา, เตปิ สติปฎฺฐานมูลกา โพชฺฌงฺคา ปุพฺพภาคาวฯ วิชฺชาวิมุตฺติมูลกา ปน โลกุตฺตราว กถิตาติ เวทิตพฺพาฯ สตฺตมํ อุตฺตานเมวฯ

    Kāyaduccaritaṃ pahāyātiādīsu tividhaṃ kāyaduccaritaṃ, catubbidhaṃ vacīduccaritaṃ, tividhaṃ manoduccaritaṃ. Tassa paṭipakkhavasena kāyasucaritādīni veditabbāni. Ettāvatā kāyasaṃvaravacīsaṃvarehi pātimokkhasīlaṃ, manosaṃvarena tīṇi sīlānīti catupārisuddhisīlaṃ kathitaṃ hoti. Sakale pana imasmiṃ sutte sucaritamūlakā satipaṭṭhānā lokuttaramissakā, sattannaṃ bojjhaṅgānaṃ mūlabhūtā satipaṭṭhānā pubbabhāgā, tepi satipaṭṭhānamūlakā bojjhaṅgā pubbabhāgāva. Vijjāvimuttimūlakā pana lokuttarāva kathitāti veditabbā. Sattamaṃ uttānameva.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya
    ๖. กุณฺฑลิยสุตฺตํ • 6. Kuṇḍaliyasuttaṃ
    ๗. กูฎาคารสุตฺตํ • 7. Kūṭāgārasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๖-๗. กุณฺฑลิยสุตฺตาทิวณฺณนา • 6-7. Kuṇḍaliyasuttādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact