Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๕. กุญฺชรวิมานวณฺณนา

    5. Kuñjaravimānavaṇṇanā

    กุญฺชโร เต วราโรโหติ กุญฺชรวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรติ เวฬุวเน กลนฺทกนิวาเปฯ อเถกทิวสํ ราชคหนคเร นกฺขตฺตํ โฆสิตํฯ นาครา วีถิโย โสเธตฺวา วาลุกํ โอกิริตฺวา ลาชปญฺจมกานิ ปุปฺผานิ วิปฺปกิริํสุ, เคหทฺวาเร เคหทฺวาเร กทลิโย จ ปุณฺณฆเฎ จ ฐเปสุํ, ยถาวิภวํ นานาวิราควณฺณวิจิตฺตา ธชปฎากาทโย อุสฺสาเปสุํ, สโพฺพ ชโน อตฺตโน อตฺตโน วิภวานุรูปํ สุมณฺฑิตปสาธิโต นกฺขตฺตกีฬํ กีฬิ, สกลนครํ เทวนครํ วิย อลงฺกตปฎิยตฺตํ อโหสิฯ อถ พิมฺพิสารมหาราชา ปุพฺพจาริตฺตวเสน มหาชนสฺส จิตฺตานุรกฺขณตฺถญฺจ อตฺตโน ราชภวนโต นิกฺขมิตฺวา มหเนฺตน ปริวาเรน มหตา ราชานุภาเวน อุฬาเรน สิริโสภเคฺคน นครํ ปทกฺขิณํ กโรติฯ

    Kuñjaro te varārohoti kuñjaravimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā rājagahe viharati veḷuvane kalandakanivāpe. Athekadivasaṃ rājagahanagare nakkhattaṃ ghositaṃ. Nāgarā vīthiyo sodhetvā vālukaṃ okiritvā lājapañcamakāni pupphāni vippakiriṃsu, gehadvāre gehadvāre kadaliyo ca puṇṇaghaṭe ca ṭhapesuṃ, yathāvibhavaṃ nānāvirāgavaṇṇavicittā dhajapaṭākādayo ussāpesuṃ, sabbo jano attano attano vibhavānurūpaṃ sumaṇḍitapasādhito nakkhattakīḷaṃ kīḷi, sakalanagaraṃ devanagaraṃ viya alaṅkatapaṭiyattaṃ ahosi. Atha bimbisāramahārājā pubbacārittavasena mahājanassa cittānurakkhaṇatthañca attano rājabhavanato nikkhamitvā mahantena parivārena mahatā rājānubhāvena uḷārena sirisobhaggena nagaraṃ padakkhiṇaṃ karoti.

    เตน จ สมเยน ราชคหวาสินี เอกา กุลธีตา รโญฺญ ตํ วิภวสมฺปตฺติํ สิริโสภคฺคํ ราชานุภาวญฺจ ปสฺสิตฺวา อจฺฉริยพฺภุตจิตฺตชาตา ‘‘อยํ เทวิทฺธิสทิสา วิภวสมฺปตฺติ กีทิเสน นุ โข กมฺมุนา ลพฺภตี’’ติ ปณฺฑิตสมฺมเต ปุจฺฉิฯ เต ตสฺสา กเถสุํ ‘‘ภเทฺท, ปุญฺญกมฺมํ นาม จินฺตามณิสทิสํ กปฺปรุกฺขสทิสํ, เขตฺตสมฺปตฺติยา จิตฺตสมฺปตฺติยา จ สติ ยํ ยํ ปเตฺถตฺวา กโรติ, ตํ ตํ นิปฺผาเทติเยวฯ อปิจ อาสนทาเนน อุจฺจากุลีนตา โหติ, อนฺนทาเนน พลสมฺปตฺติปฎิลาโภ, วตฺถทาเนน วณฺณสมฺปตฺติปฎิลาโภ, ยานทาเนน สุขวิเสสปฎิลาโภ, ทีปทาเนน จกฺขุสมฺปตฺติปฎิลาโภ, อาวาสทาเนน สพฺพสมฺปตฺติปฎิลาโภ โหตี’’ติฯ สา ตํ สุตฺวา ‘‘เทวสมฺปตฺติ อิโต อุฬารา โหติ มเญฺญ’’ติ ตตฺถ จิตฺตํ ฐเปตฺวา ปุญฺญกิริยาย อติวิย อุสฺสาหชาตา อโหสิฯ

    Tena ca samayena rājagahavāsinī ekā kuladhītā rañño taṃ vibhavasampattiṃ sirisobhaggaṃ rājānubhāvañca passitvā acchariyabbhutacittajātā ‘‘ayaṃ deviddhisadisā vibhavasampatti kīdisena nu kho kammunā labbhatī’’ti paṇḍitasammate pucchi. Te tassā kathesuṃ ‘‘bhadde, puññakammaṃ nāma cintāmaṇisadisaṃ kapparukkhasadisaṃ, khettasampattiyā cittasampattiyā ca sati yaṃ yaṃ patthetvā karoti, taṃ taṃ nipphādetiyeva. Apica āsanadānena uccākulīnatā hoti, annadānena balasampattipaṭilābho, vatthadānena vaṇṇasampattipaṭilābho, yānadānena sukhavisesapaṭilābho, dīpadānena cakkhusampattipaṭilābho, āvāsadānena sabbasampattipaṭilābho hotī’’ti. Sā taṃ sutvā ‘‘devasampatti ito uḷārā hoti maññe’’ti tattha cittaṃ ṭhapetvā puññakiriyāya ativiya ussāhajātā ahosi.

    มาตาปิตโร จสฺสา อหตํ วตฺถยุคํ นวปีฐํ เอกํ ปทุมกลาปํ สปฺปิมธุสกฺขรา ตณฺฑุลขีรานิ จ ปริโภคตฺถาย เปเสสุํฯ สา ตานิ ทิสฺวา ‘‘อหญฺจ ทานํ ทาตุกามา, อยญฺจ เม เทยฺยธโมฺม ลโทฺธ’’ติ ตุฎฺฐมานสา ทุติยทิวเส ทานํ สเชฺชนฺตี อโปฺปทกมธุปายาสํ สมฺปาเทตฺวา, ตสฺส ปริวารภาเวน อญฺญมฺปิ พหุํ ขาทนียโภชนียํ ปฎิยาเทตฺวา ทานเคฺค คนฺธปริภณฺฑํ กตฺวา วิกสิตปทุมปตฺตกิญฺชกฺขเกสโรปโสภิเตสุ ปทุเมสุ อาสนํ ปญฺญาเปตฺวา, อหเตน เสตวเตฺถน อตฺถริตฺวา อาสนสฺส จตุนฺนํ ปาทานํ อุปริ จตฺตาริ ปทุมานิ มาลาคุฬญฺจ ฐเปตฺวา, อาสนสฺส อุปริ วิตานํ พนฺธิตฺวา มาลาทามโอลมฺพกทามานิ โอลมฺพิตฺวา, อาสนสฺส สมนฺตโต ภูมิํ สเกสเรหิ ปทุมปเตฺตหิ สพฺพสนฺถรํ สนฺถริตฺวา ‘‘ทกฺขิเณเยฺย อาคเต ปูเชสฺสามี’’ติ ปุปฺผปูริตํ จโงฺกฎกํ เอกมเนฺต ฐเปสิฯ

    Mātāpitaro cassā ahataṃ vatthayugaṃ navapīṭhaṃ ekaṃ padumakalāpaṃ sappimadhusakkharā taṇḍulakhīrāni ca paribhogatthāya pesesuṃ. Sā tāni disvā ‘‘ahañca dānaṃ dātukāmā, ayañca me deyyadhammo laddho’’ti tuṭṭhamānasā dutiyadivase dānaṃ sajjentī appodakamadhupāyāsaṃ sampādetvā, tassa parivārabhāvena aññampi bahuṃ khādanīyabhojanīyaṃ paṭiyādetvā dānagge gandhaparibhaṇḍaṃ katvā vikasitapadumapattakiñjakkhakesaropasobhitesu padumesu āsanaṃ paññāpetvā, ahatena setavatthena attharitvā āsanassa catunnaṃ pādānaṃ upari cattāri padumāni mālāguḷañca ṭhapetvā, āsanassa upari vitānaṃ bandhitvā mālādāmaolambakadāmāni olambitvā, āsanassa samantato bhūmiṃ sakesarehi padumapattehi sabbasantharaṃ santharitvā ‘‘dakkhiṇeyye āgate pūjessāmī’’ti pupphapūritaṃ caṅkoṭakaṃ ekamante ṭhapesi.

    อเถวํ กตทานูปกรณสํวิธานา สีสํนฺหาตา สุทฺธวตฺถนิวตฺถา สุทฺธุตฺตราสงฺคา เวลํ สลฺลเกฺขตฺวา เอกํ ทาสิํ อาณาเปสิ ‘‘คจฺฉ เช, อมฺหากํ ตาทิสํ ทกฺขิเณยฺยํ ปริเยสาหี’’ติฯ เตน จ สมเยน อายสฺมา สาริปุโตฺต สหสฺสถวิกํ นิกฺขิปโนฺต วิย ราชคเห ปิณฺฑาย จรโนฺต อนฺตรวีถิํ ปฎิปโนฺน โหติฯ อถ สา ทาสี เถรํ วนฺทิตฺวา อาห ‘‘ภเนฺต, ตุมฺหากํ ปตฺตํ เม เทถา’’ติฯ ‘‘เอกิสฺสา อุปาสิกาย อนุคฺคหตฺถํ อิโต เอถา’’ติ จ อาหฯ เถโร ตสฺสา ปตฺตํ อทาสิฯ สา เถรํ เคหํ ปเวเสสิฯ อถ สา อิตฺถี เถรสฺส ปจฺจุคฺคมนํ กตฺวา อาสนํ ทเสฺสตฺวา ‘‘นิสีทถ, ภเนฺต, อิทมาสนํ ปญฺญตฺต’’นฺติ วตฺวา เถเร ตตฺถ นิสิเนฺน สเกสเรหิ ปทุมปเตฺตหิ เถรํ ปูชยมานา อาสนสฺส สมนฺตโต โอกิริตฺวา ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา สปฺปิมธุสกฺขราสมฺมิเสฺสน อโปฺปทกมธุปายาเสน ปริวิสิฯ ปริวิสนฺตี จ ‘‘อิมสฺส เม ปุญฺญสฺสานุภาเวน ทิพฺพคชกูฎาคารปลฺลงฺกโสภิตา ทิพฺพสมฺปตฺติโย โหนฺตุ, สพฺพาสุ ปวตฺตีสุ ปทุมา นาม มา วิคตา โหนฺตู’’ติ ปตฺถนํ อกาสิฯ ปุน เถเร กตภตฺตกิเจฺจ ปตฺตํ โธวิตฺวา สปฺปิมธุสกฺขราหิ ปูเรตฺวา ปลฺลเงฺก อตฺถตํ สาฎกํ จุมฺพฎกํ กตฺวา เถรสฺส หเตฺถ ฐเปตฺวา เถเร จ อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกมเนฺต เทฺว ปุริเส อาณาเปสิ ‘‘เถรสฺส หเตฺถ ปตฺตํ อิมญฺจ ปลฺลงฺกํ วิหารํ เนตฺวา เถรสฺส นิยฺยาเตตฺวา อาคจฺฉถา’’ติฯ เต ตถา อกํสุฯ

    Athevaṃ katadānūpakaraṇasaṃvidhānā sīsaṃnhātā suddhavatthanivatthā suddhuttarāsaṅgā velaṃ sallakkhetvā ekaṃ dāsiṃ āṇāpesi ‘‘gaccha je, amhākaṃ tādisaṃ dakkhiṇeyyaṃ pariyesāhī’’ti. Tena ca samayena āyasmā sāriputto sahassathavikaṃ nikkhipanto viya rājagahe piṇḍāya caranto antaravīthiṃ paṭipanno hoti. Atha sā dāsī theraṃ vanditvā āha ‘‘bhante, tumhākaṃ pattaṃ me dethā’’ti. ‘‘Ekissā upāsikāya anuggahatthaṃ ito ethā’’ti ca āha. Thero tassā pattaṃ adāsi. Sā theraṃ gehaṃ pavesesi. Atha sā itthī therassa paccuggamanaṃ katvā āsanaṃ dassetvā ‘‘nisīdatha, bhante, idamāsanaṃ paññatta’’nti vatvā there tattha nisinne sakesarehi padumapattehi theraṃ pūjayamānā āsanassa samantato okiritvā pañcapatiṭṭhitena vanditvā sappimadhusakkharāsammissena appodakamadhupāyāsena parivisi. Parivisantī ca ‘‘imassa me puññassānubhāvena dibbagajakūṭāgārapallaṅkasobhitā dibbasampattiyo hontu, sabbāsu pavattīsu padumā nāma mā vigatā hontū’’ti patthanaṃ akāsi. Puna there katabhattakicce pattaṃ dhovitvā sappimadhusakkharāhi pūretvā pallaṅke atthataṃ sāṭakaṃ cumbaṭakaṃ katvā therassa hatthe ṭhapetvā there ca anumodanaṃ katvā pakkamante dve purise āṇāpesi ‘‘therassa hatthe pattaṃ imañca pallaṅkaṃ vihāraṃ netvā therassa niyyātetvā āgacchathā’’ti. Te tathā akaṃsu.

    สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน โยชนสตุเพฺพเธ กนกวิมาเน นิพฺพตฺติ อจฺฉราสหสฺสปริวาราฯ ปตฺถนาวเสน จสฺสา ปญฺจโยชนุเพฺพโธ ปทุมมาลาลงฺกโต สมนฺตโต ปทุมปตฺตกิญฺชกฺขเกสโรปโสภิโต มนุญฺญทสฺสโน สุขสมฺผโสฺส วิวิธรตนรํสิชาลสมุชฺชลเหมาภรณวิภูสิโต คชวโร นิพฺพตฺติฯ ตสฺสูปริ ยถาวุตฺตโสภาติสยยุโตฺต โยชนิโก กนกปลฺลโงฺก นิพฺพตฺติฯ สา ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวนฺตี อนฺตรนฺตรา ตํ กุญฺชรวิมานสฺส อุปริ รตนวิจิตฺตํ ปลฺลงฺกํ อภิรุยฺห มหตา เทวตานุภาเวน นนฺทนวนํ คจฺฉติฯ อเถกสฺมิํ อุสฺสวทิวเส เทวตาสุ ยถาสกํ ทิพฺพานุภาเวน อุยฺยานกีฬนตฺถํ นนฺทนวนํ คจฺฉนฺตีสูติอาทินา สพฺพํ ปฐมปีฐวิมานวณฺณนายํ อาคตสทิสํ, ตสฺมา ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อิธ ปน เถโร –

    Sā aparabhāge kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane yojanasatubbedhe kanakavimāne nibbatti accharāsahassaparivārā. Patthanāvasena cassā pañcayojanubbedho padumamālālaṅkato samantato padumapattakiñjakkhakesaropasobhito manuññadassano sukhasamphasso vividharatanaraṃsijālasamujjalahemābharaṇavibhūsito gajavaro nibbatti. Tassūpari yathāvuttasobhātisayayutto yojaniko kanakapallaṅko nibbatti. Sā dibbasampattiṃ anubhavantī antarantarā taṃ kuñjaravimānassa upari ratanavicittaṃ pallaṅkaṃ abhiruyha mahatā devatānubhāvena nandanavanaṃ gacchati. Athekasmiṃ ussavadivase devatāsu yathāsakaṃ dibbānubhāvena uyyānakīḷanatthaṃ nandanavanaṃ gacchantīsūtiādinā sabbaṃ paṭhamapīṭhavimānavaṇṇanāyaṃ āgatasadisaṃ, tasmā tattha vuttanayeneva veditabbaṃ. Idha pana thero –

    ๓๑.

    31.

    ‘‘กุญฺชโร เต วราโรโห, นานารตนกปฺปโน;

    ‘‘Kuñjaro te varāroho, nānāratanakappano;

    รุจิโร ถามวา ชวสมฺปโนฺน, อากาสมฺหิ สมีหติฯ

    Ruciro thāmavā javasampanno, ākāsamhi samīhati.

    ๓๒.

    32.

    ‘‘ปทุมิ ปทฺมปตฺตกฺขิ, ปทฺมุปฺปลชุตินฺธโร;

    ‘‘Padumi padmapattakkhi, padmuppalajutindharo;

    ปทฺมจุณฺณาภิกิณฺณโงฺค, โสณฺณโปกฺขรมาลธาฯ

    Padmacuṇṇābhikiṇṇaṅgo, soṇṇapokkharamāladhā.

    ๓๓.

    33.

    ‘‘ปทุมานุสฎํ มคฺคํ, ปทฺมปตฺตวิภูสิตํ;

    ‘‘Padumānusaṭaṃ maggaṃ, padmapattavibhūsitaṃ;

    ฐิตํ วคฺคุ มนุคฺฆาตี, มิตํ คจฺฉติ วารโณฯ

    Ṭhitaṃ vaggu manugghātī, mitaṃ gacchati vāraṇo.

    ๓๔.

    34.

    ‘‘ตสฺส ปกฺกมมานสฺส, โสณฺณกํสา รติสฺสรา;

    ‘‘Tassa pakkamamānassa, soṇṇakaṃsā ratissarā;

    เตสํ สุยฺยติ นิโคฺฆโส, ตูริเย ปญฺจงฺคิเก ยถาฯ

    Tesaṃ suyyati nigghoso, tūriye pañcaṅgike yathā.

    ๓๕.

    35.

    ‘‘ตสฺส นาคสฺส ขนฺธมฺหิ, สุจิวตฺถา อลงฺกตา;

    ‘‘Tassa nāgassa khandhamhi, sucivatthā alaṅkatā;

    มหนฺตํ อจฺฉราสงฺฆํ, วเณฺณน อติโรจสิฯ

    Mahantaṃ accharāsaṅghaṃ, vaṇṇena atirocasi.

    ๓๖.

    36.

    ‘‘ทานสฺส เต อิทํ ผลํ, อโถ สีลสฺส วา ปน;

    ‘‘Dānassa te idaṃ phalaṃ, atho sīlassa vā pana;

    อโถ อญฺชลิกมฺมสฺส, ตํ เม อกฺขาหิ ปุจฺฉิตา’’ติฯ – อาห;

    Atho añjalikammassa, taṃ me akkhāhi pucchitā’’ti. – āha;

    ๓๑. ตตฺถ กุญฺชโร เต วราโรโหติ กุเญฺช คิริตเฎ รมติ อภิรมติ, ตตฺถ วา รวติ โกญฺจนาทํ นทโนฺต วิจรติฯ กุํ วา ปถวิํ ตทภิฆาเตน ชรยตีติ กุญฺชโร, คิริจราทิเภโท มนุสฺสโลเก หตฺถี, อยํ ปน กีฬนกาเล กุญฺชรสทิสตาย เอวํ วุโตฺตฯ อารุยฺหตีติ อาโรโห, อาโรหนีโยติ อโตฺถฯ วโร อโคฺค เสโฎฺฐ อาโรโหติ วราโรโห, อุตฺตมยานนฺติ วุตฺตํ โหติฯ นานารตนกปฺปโนติ นานาวิธานิ รตนานิ เอเตสนฺติ นานารตนา, กุมฺภาลงฺการาทิหตฺถาลงฺการาฯ เตหิ วิหิโต กปฺปโนฺน สนฺนาโห ยสฺส โส นานารตนกปฺปโนฯ รุจิํ อภิรติํ เทตีติ รุจิโร, มนุโญฺญติ อโตฺถฯ ถามวาติ ถิโร, พลวาติ อโตฺถฯ ชวสมฺปโนฺนติ สมฺปนฺนชโว, สีฆชโวติ วุตฺตํ โหติฯ อากาสมฺหิ สมีหตีติ อากาเส อนฺตลิเกฺข สมฺมา อีหติ, อารุฬฺหานํ โขภํ อกโรโนฺต จรติ คจฺฉตีติ อโตฺถฯ

    31. Tattha kuñjaro te varārohoti kuñje giritaṭe ramati abhiramati, tattha vā ravati koñcanādaṃ nadanto vicarati. Kuṃ vā pathaviṃ tadabhighātena jarayatīti kuñjaro, giricarādibhedo manussaloke hatthī, ayaṃ pana kīḷanakāle kuñjarasadisatāya evaṃ vutto. Āruyhatīti āroho, ārohanīyoti attho. Varo aggo seṭṭho ārohoti varāroho, uttamayānanti vuttaṃ hoti. Nānāratanakappanoti nānāvidhāni ratanāni etesanti nānāratanā, kumbhālaṅkārādihatthālaṅkārā. Tehi vihito kappanno sannāho yassa so nānāratanakappano. Ruciṃ abhiratiṃ detīti ruciro, manuññoti attho. Thāmavāti thiro, balavāti attho. Javasampannoti sampannajavo, sīghajavoti vuttaṃ hoti. Ākāsamhi samīhatīti ākāse antalikkhe sammā īhati, āruḷhānaṃ khobhaṃ akaronto carati gacchatīti attho.

    ๓๒. ปทุมีติ ปทุมสมานวณฺณตาย ‘‘ปทุม’’นฺติ ลทฺธนาเมน กุมฺภวเณฺณน สมนฺนาคตตฺตา ปทุมีฯ ปทฺมปตฺตกฺขีติ กมลทลสทิสนยเน, อาลปนเมตํ ตสฺสา เทวตายฯ ปทฺมุปฺปลชุตินฺธโรติ ทิพฺพปทุมุปฺปลมาลาลงฺกตสรีรตาย ตหํ ตหํ วิปฺผุรนฺตํ วิโชฺชตมานํ ปทุมุปฺปลชุติํ ธาเรตีติ ปทุมุปฺปลชุตินฺธโรฯ ปทฺมจุณฺณาภิกิณฺณโงฺคติ ปทุมปตฺตกิญฺชกฺขเกสเรหิ สมนฺตโต โอกิณฺณคโตฺตฯ โสณฺณโปกฺขรมาลธาติ เหมมยกมลมาลาภารีฯ

    32.Padumīti padumasamānavaṇṇatāya ‘‘paduma’’nti laddhanāmena kumbhavaṇṇena samannāgatattā padumī. Padmapattakkhīti kamaladalasadisanayane, ālapanametaṃ tassā devatāya. Padmuppalajutindharoti dibbapadumuppalamālālaṅkatasarīratāya tahaṃ tahaṃ vipphurantaṃ vijjotamānaṃ padumuppalajutiṃ dhāretīti padumuppalajutindharo. Padmacuṇṇābhikiṇṇaṅgoti padumapattakiñjakkhakesarehi samantato okiṇṇagatto. Soṇṇapokkharamāladhāti hemamayakamalamālābhārī.

    ๓๓. ปทุมานุสฎํ มคฺคํ ปทฺมปตฺตวิภูสิตนฺติ หตฺถิโน ปทนิเกฺขเป ปทนิเกฺขเป ตสฺส ปาทํ สนฺธาเรเนฺตหิ มหเนฺตหิ ปทุเมหิ อนุสฎํ วิปฺปกิณฺณํ, นานาวิราควเณฺณหิ เตสํเยว จ ปเตฺตหิ อิโต จิโต จ ปริพฺภมเนฺตหิ วิเสสโต มณฺฑิตตาย วิภูสิตํ มคฺคํ คจฺฉตีติ โยชนาฯ ฐิตนฺติ อิทํ มคฺควิเสสนํ, ปทุมปตฺตวิภูสิตํ หุตฺวา ฐิตํ มคฺคนฺติ อโตฺถฯ วคฺคูติ จารุ, กิริยาวิเสสนเญฺจตํ, ม-กาโร ปทสนฺธิกโรฯ อนุคฺฆาตีติ น อุคฺฆาติ, อตฺตโน อุปริ นิสินฺนานํ อีสกมฺปิ โขภํ อกโรโนฺตติ อโตฺถฯ มิตนฺติ นิมฺมิตํ, นิเกฺขปปทํ วีติกฺกมนฺติ อโตฺถฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ ‘‘วคฺคุ จารุ ปทนิเกฺขปํ กตฺวา คจฺฉตี’’ติฯ มิตนฺติ วา ปริมิตํ ปมาณยุตฺตํ, นาติสีฆํ, นาติสณิกนฺติ วุตฺตํ โหติฯ วารโณติ หตฺถีฯ โส หิ ปจฺจตฺถิกวารณโต คมนปริกฺกิเลสวารณโต จ ‘‘วารโณ’’ติ วุจฺจติฯ

    33.Padumānusaṭaṃ maggaṃ padmapattavibhūsitanti hatthino padanikkhepe padanikkhepe tassa pādaṃ sandhārentehi mahantehi padumehi anusaṭaṃ vippakiṇṇaṃ, nānāvirāgavaṇṇehi tesaṃyeva ca pattehi ito cito ca paribbhamantehi visesato maṇḍitatāya vibhūsitaṃ maggaṃ gacchatīti yojanā. Ṭhitanti idaṃ maggavisesanaṃ, padumapattavibhūsitaṃ hutvā ṭhitaṃ magganti attho. Vaggūti cāru, kiriyāvisesanañcetaṃ, ma-kāro padasandhikaro. Anugghātīti na ugghāti, attano upari nisinnānaṃ īsakampi khobhaṃ akarontoti attho. Mitanti nimmitaṃ, nikkhepapadaṃ vītikkamanti attho. Ayañhettha attho ‘‘vaggu cāru padanikkhepaṃ katvā gacchatī’’ti. Mitanti vā parimitaṃ pamāṇayuttaṃ, nātisīghaṃ, nātisaṇikanti vuttaṃ hoti. Vāraṇoti hatthī. So hi paccatthikavāraṇato gamanaparikkilesavāraṇato ca ‘‘vāraṇo’’ti vuccati.

    ๓๔. ตสฺส ปกฺกมมานสฺส, โสณฺณสํกา รติสฺสราติ ตสฺส ยถาวุตฺตสฺส กุญฺชรสฺส คจฺฉนฺตสฺส โสณฺณกํสา สุวณฺณมยา ฆณฺฎา รติสฺสรา รมณียสทฺทา มนุญฺญนิโคฺฆสา โอลมฺพนฺตีติ อธิปฺปาโยฯ ตสฺส หิ กุญฺชรสฺส อุโภสุ ปเสฺสสุ มหาโกลมฺพปฺปมาณา มณิมุตฺตาทิขจิตา เหมมยา อเนกสตา มหนฺติโย ฆณฺฎา ตหํ ตหํ โอลมฺพมานา ปจลนฺติ, ยโต เฉเกน คนฺธพฺพเกน ปยุตฺตวาทิตโต อติวิย มโนหรสโทฺท นิจฺฉรติ ฯ เตนาห ‘‘เตสํ สุยฺยติ นิโคฺฆโส, ตูริเย ปญฺจงฺคิเก ยถา’’ติฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา นาม อาตตํ วิตตํ อาตตวิตตํ ฆนํ สุสิรนฺติ เอวํ ปญฺจงฺคิเก ตูริเย กุสเลหิ วาทิยมาเน ฐานุปฺปตฺติยา มนฺทตารวิภาคํ ทเสฺสเนฺตน คายเนฺตน สมีริโต วาทิตสโร วคฺคุ รชนีโย นิโคฺฆโส สุยฺยติ, เอวํ เตสํ โสวณฺณกํสานํ ตปนียฆณฺฎานํ นิโคฺฆโส สุยฺยตีติฯ

    34.Tassapakkamamānassa, soṇṇasaṃkā ratissarāti tassa yathāvuttassa kuñjarassa gacchantassa soṇṇakaṃsā suvaṇṇamayā ghaṇṭā ratissarā ramaṇīyasaddā manuññanigghosā olambantīti adhippāyo. Tassa hi kuñjarassa ubhosu passesu mahākolambappamāṇā maṇimuttādikhacitā hemamayā anekasatā mahantiyo ghaṇṭā tahaṃ tahaṃ olambamānā pacalanti, yato chekena gandhabbakena payuttavāditato ativiya manoharasaddo niccharati . Tenāha ‘‘tesaṃ suyyati nigghoso, tūriye pañcaṅgike yathā’’ti. Tassattho – yathā nāma ātataṃ vitataṃ ātatavitataṃ ghanaṃ susiranti evaṃ pañcaṅgike tūriye kusalehi vādiyamāne ṭhānuppattiyā mandatāravibhāgaṃ dassentena gāyantena samīrito vāditasaro vaggu rajanīyo nigghoso suyyati, evaṃ tesaṃ sovaṇṇakaṃsānaṃ tapanīyaghaṇṭānaṃ nigghoso suyyatīti.

    ๓๕. นาคสฺสาติ หตฺถินาคสฺสฯ มหนฺตนฺติ สมฺปตฺติมหเตฺตนาปิ สงฺขฺยามหเตฺตนาปิ มหนฺตํฯ อจฺฉราสงฺฆนฺติ เทวกญฺญาสมูหํฯ วเณฺณนาติ รูเปนฯ

    35.Nāgassāti hatthināgassa. Mahantanti sampattimahattenāpi saṅkhyāmahattenāpi mahantaṃ. Accharāsaṅghanti devakaññāsamūhaṃ. Vaṇṇenāti rūpena.

    ๓๖. ทานสฺสาติ ทานมยปุญฺญสฺสฯ สีลสฺสาติ กายิกสํวราทิสํวรสีลสฺสฯ วา-สโทฺท อวุตฺตวิกปฺปนโตฺถฯ เตน อภิวาทนาทิํ อวุตฺตํ จาริตฺตสีลํ สงฺคณฺหาติฯ

    36.Dānassāti dānamayapuññassa. Sīlassāti kāyikasaṃvarādisaṃvarasīlassa. Vā-saddo avuttavikappanattho. Tena abhivādanādiṃ avuttaṃ cārittasīlaṃ saṅgaṇhāti.

    เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตา สา เทวตา ปญฺหํ วิสฺสเชฺชสิ, ตมตฺถํ ทเสฺสตุํ –

    Evaṃ therena pucchitā sā devatā pañhaṃ vissajjesi, tamatthaṃ dassetuṃ –

    ๓๗.

    37.

    ‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;

    ‘‘Sā devatā attamanā, moggallānena pucchitā;

    ปญฺหํ ปุฎฺฐา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ –

    Pañhaṃ puṭṭhā viyākāsi, yassa kammassidaṃ phala’’nti. –

    อยํ คาถา ธมฺมสงฺคาหเกหิ วุตฺตา, ตสฺสา อโตฺถ เหฎฺฐา วุโตฺต เอวฯ

    Ayaṃ gāthā dhammasaṅgāhakehi vuttā, tassā attho heṭṭhā vutto eva.

    ๓๘.

    38.

    ‘‘ทิสฺวาน คุณสมฺปนฺนํ, ฌายิํ ฌานรตํ สตํ;

    ‘‘Disvāna guṇasampannaṃ, jhāyiṃ jhānarataṃ sataṃ;

    อทาสิํ ปุปฺผาภิกิณฺณํ, อาสนํ ทุสฺสสนฺถตํฯ

    Adāsiṃ pupphābhikiṇṇaṃ, āsanaṃ dussasanthataṃ.

    ๓๙.

    39.

    ‘‘อุปฑฺฒํ ปทฺมมาลาหํ, อาสนสฺส สมนฺตโต;

    ‘‘Upaḍḍhaṃ padmamālāhaṃ, āsanassa samantato;

    อโพฺภกิริสฺสํ ปเตฺตหิ, ปสนฺนา เสหิ ปาณิภิฯ

    Abbhokirissaṃ pattehi, pasannā sehi pāṇibhi.

    ๔๐.

    40.

    ‘‘ตสฺส กมฺมกุสลสฺส, อิทํ เม อีทิสํ ผลํ;

    ‘‘Tassa kammakusalassa, idaṃ me īdisaṃ phalaṃ;

    สกฺกาโร ครุกาโร จ, เทวานํ อปจิตา อหํฯ

    Sakkāro garukāro ca, devānaṃ apacitā ahaṃ.

    ๔๑.

    41.

    ‘‘โย เว สมฺมาวิมุตฺตานํ, สนฺตานํ พฺรหฺมจารินํ;

    ‘‘Yo ve sammāvimuttānaṃ, santānaṃ brahmacārinaṃ;

    ปสโนฺน อาสนํ ทชฺชา, เอวํ นเนฺท ยถา อหํฯ

    Pasanno āsanaṃ dajjā, evaṃ nande yathā ahaṃ.

    ๔๒.

    42.

    ‘‘ตสฺมา หิ อตฺตกาเมน, มหตฺตมภิกงฺขตา;

    ‘‘Tasmā hi attakāmena, mahattamabhikaṅkhatā;

    อาสนํ ทาตพฺพํ โหติ, สรีรนฺติมธาริน’’นฺติฯ – เทวตาย วุตฺตคาถา;

    Āsanaṃ dātabbaṃ hoti, sarīrantimadhārina’’nti. – devatāya vuttagāthā;

    ๓๘. ตตฺถ คุณสมฺปนฺนนฺติ สเพฺพหิ สาวกคุเณหิ สมนฺนาคตํ, เตหิ วา ปริปุณฺณํฯ เอเตน สาวกปารมิญาณสฺส มตฺถกปฺปตฺติํ ทเสฺสติฯ ฌายินฺติ อารมฺมณูปนิชฺฌานํ ลกฺขณูปนิชฺฌานนฺติ ทุวิเธนาปิ ฌาเนน ฌายนสีลํ, เตน วา ฌาเปตพฺพํ สพฺพสํกิเลสปกฺขํ ฌาเปตฺวา ฐิตํฯ ตโต เอว ฌาเน รตนฺติ ฌานรตํฯ สตนฺติ สมานํ, สนฺตํ วา, สปฺปุริสนฺติ อโตฺถฯ ปุปฺผาภิกิณฺณนฺติ ปุเปฺผหิ อภิกิณฺณํ, กมลทเลหิ อภิปฺปกิณฺณนฺติ อโตฺถฯ ทุสฺสสนฺถตนฺติ วเตฺถน อุปริ อตฺถตํฯ

    38. Tattha guṇasampannanti sabbehi sāvakaguṇehi samannāgataṃ, tehi vā paripuṇṇaṃ. Etena sāvakapāramiñāṇassa matthakappattiṃ dasseti. Jhāyinti ārammaṇūpanijjhānaṃ lakkhaṇūpanijjhānanti duvidhenāpi jhānena jhāyanasīlaṃ, tena vā jhāpetabbaṃ sabbasaṃkilesapakkhaṃ jhāpetvā ṭhitaṃ. Tato eva jhāne ratanti jhānarataṃ. Satanti samānaṃ, santaṃ vā, sappurisanti attho. Pupphābhikiṇṇanti pupphehi abhikiṇṇaṃ, kamaladalehi abhippakiṇṇanti attho. Dussasanthatanti vatthena upari atthataṃ.

    ๓๙. อุปฑฺฒํ ปทฺมมาลาหนฺติ อุปฑฺฒํ ปทุมปุปฺผํ อหํฯ อาสนสฺส สมนฺตโตติ เถเรน นิสินฺนสฺส อาสนสฺส สมนฺตา ภูมิยํฯ อโพฺภกิริสฺสนฺติ อภิโอกิริํ อภิปฺปกิริํฯ กถํ? ปเตฺตหีติ, ตสฺส อุปฑฺฒปทุมสฺส วิสุํ วิสุํ กเตหิ ปเตฺตหิ ปุปฺผวสฺสาภิวสฺสนกนิยาเมน โอกิรินฺติ อโตฺถฯ

    39.Upaḍḍhaṃ padmamālāhanti upaḍḍhaṃ padumapupphaṃ ahaṃ. Āsanassa samantatoti therena nisinnassa āsanassa samantā bhūmiyaṃ. Abbhokirissanti abhiokiriṃ abhippakiriṃ. Kathaṃ? Pattehīti, tassa upaḍḍhapadumassa visuṃ visuṃ katehi pattehi pupphavassābhivassanakaniyāmena okirinti attho.

    ๔๐. อิทํ เม อีทิสํ ผลนฺติ อิมินา ‘‘กุญฺชโร เต วราโรโห’’ติอาทินา เถเรน คหิตํ อคฺคหิตญฺจ อายุยสสุขรูปาทิเภทํ อตฺตโน ทิพฺพสมฺปตฺติํ เอกโต ทเสฺสตฺวา ปุนปิ เถเรน อคฺคหิตเมว อตฺตโน อานุภาวสมฺปตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘สกฺกาโร ครุกาโร’’ติอาทิมาหฯ เตน ‘‘น เกวลํ ภเนฺต ตุเมฺหหิ ยถาวุตฺตเมว อิธ มยฺหํ ปุญฺญผลํ, อปิจ โข อิทํ ทิพฺพํ อาธิปเตยฺยมฺปี’’ติ ทเสฺสติฯ ตตฺถ สกฺกาโรติ อาทรกิริยา, เทเวหิ อตฺตโน สกฺกาตพฺพตาติ อโตฺถฯ ตถา ครุกาโรติ ครุกาตพฺพตาฯ เทวานนฺติ เทเวหิฯ อปจิตาติ ปูชิตาฯ

    40.Idaṃ me īdisaṃ phalanti iminā ‘‘kuñjaro te varāroho’’tiādinā therena gahitaṃ aggahitañca āyuyasasukharūpādibhedaṃ attano dibbasampattiṃ ekato dassetvā punapi therena aggahitameva attano ānubhāvasampattiṃ dassetuṃ ‘‘sakkāro garukāro’’tiādimāha. Tena ‘‘na kevalaṃ bhante tumhehi yathāvuttameva idha mayhaṃ puññaphalaṃ, apica kho idaṃ dibbaṃ ādhipateyyampī’’ti dasseti. Tattha sakkāroti ādarakiriyā, devehi attano sakkātabbatāti attho. Tathā garukāroti garukātabbatā. Devānanti devehi. Apacitāti pūjitā.

    ๔๑. สมฺมาวิมุตฺตานนฺติ สุฎฺฐุ วิมุตฺตานํ สพฺพสํกิเลสปฺปหายีนํฯ สนฺตานนฺติ สนฺตกายวจีมโนกมฺมานํ สาธูนํฯ มคฺคพฺรหฺมจริยสฺส จ สาสนพฺรหฺมจริยสฺส จ จิณฺณตฺตา พฺรหฺมจารินํฯ ปสโนฺน อาสนํ ทชฺชาติ กมฺมผลสทฺธาย รตนตฺตยสทฺธาย จ ปสนฺนมานโส หุตฺวา ยทิ อาสนมตฺตมฺปิ ทเทยฺยฯ เอวํ นเนฺท ยถา อหนฺติ ยถา อหํ เตน อาสนทาเนน เอตรหิ นนฺทามิ โมทามิ, เอวเมว อโญฺญปิ นเนฺทยฺย โมเทยฺยฯ

    41.Sammāvimuttānanti suṭṭhu vimuttānaṃ sabbasaṃkilesappahāyīnaṃ. Santānanti santakāyavacīmanokammānaṃ sādhūnaṃ. Maggabrahmacariyassa ca sāsanabrahmacariyassa ca ciṇṇattā brahmacārinaṃ. Pasanno āsanaṃ dajjāti kammaphalasaddhāya ratanattayasaddhāya ca pasannamānaso hutvā yadi āsanamattampi dadeyya. Evaṃ nande yathā ahanti yathā ahaṃ tena āsanadānena etarahi nandāmi modāmi, evameva aññopi nandeyya modeyya.

    ๔๒. ตสฺมาติ เตน การเณนฯ หิ-สโทฺท นิปาตมตฺตํฯ อตฺตกาเมนาติ อตฺตโน หิตกาเมนฯ โย หิ อตฺตโน หิตาวหํ กมฺมํ กโรติ, น อหิตาวหํ, โส อตฺตกาโมฯ มหตฺตนฺติ วิปากมหตฺตํฯ สรีรนฺติมธารินนฺติ อนฺติมํ เทหํ ธาเรนฺตานํ, ขีณาสวานนฺติ อโตฺถฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – ยสฺมา อรหตํ อาสนทาเนน อหํ เอวํ ทิพฺพสมฺปตฺติยา โมทามิ, ตสฺมา อเญฺญนาปิ อตฺตโน อภิวุทฺธิํ ปตฺถยมาเนน อนฺติมสมุสฺสเย ฐิตานํ อาสนํ ทาตพฺพํ, นตฺถิ ตาทิสํ ปุญฺญนฺติ ทเสฺสติฯ เตสํ วุตฺตสทิสเมวาติฯ

    42.Tasmāti tena kāraṇena. Hi-saddo nipātamattaṃ. Attakāmenāti attano hitakāmena. Yo hi attano hitāvahaṃ kammaṃ karoti, na ahitāvahaṃ, so attakāmo. Mahattanti vipākamahattaṃ. Sarīrantimadhārinanti antimaṃ dehaṃ dhārentānaṃ, khīṇāsavānanti attho. Ayañhettha attho – yasmā arahataṃ āsanadānena ahaṃ evaṃ dibbasampattiyā modāmi, tasmā aññenāpi attano abhivuddhiṃ patthayamānena antimasamussaye ṭhitānaṃ āsanaṃ dātabbaṃ, natthi tādisaṃ puññanti dasseti. Tesaṃ vuttasadisamevāti.

    กุญฺชรวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kuñjaravimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๕. กุญฺชรวิมานวตฺถุ • 5. Kuñjaravimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact