Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๗. กุสลากุสลสมวิสมปโญฺห

    7. Kusalākusalasamavisamapañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน ‘กุสลการิสฺสปิ อกุสลการิสฺสปิ วิปาโก สมสโม, อุทาหุ โกจิ วิเสโส อตฺถี’ติ? ‘‘อตฺถิ, มหาราช, กุสลสฺส จ อกุสลสฺส จ วิเสโส, กุสลํ, มหาราช, สุขวิปากํ สคฺคสํวตฺตนิกํ, อกุสลํ ทุกฺขวิปากํ นิรยสํวตฺตนิก’’นฺติฯ

    7. ‘‘Bhante nāgasena ‘kusalakārissapi akusalakārissapi vipāko samasamo, udāhu koci viseso atthī’ti? ‘‘Atthi, mahārāja, kusalassa ca akusalassa ca viseso, kusalaṃ, mahārāja, sukhavipākaṃ saggasaṃvattanikaṃ, akusalaṃ dukkhavipākaṃ nirayasaṃvattanika’’nti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, ตุเมฺห ภณถ ‘เทวทโตฺต เอกนฺตกโณฺห, เอกนฺตกเณฺหหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต, โพธิสโตฺต เอกนฺตสุโกฺก, เอกนฺตสุเกฺกหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต’ติฯ ปุน จ เทวทโตฺต ภเว ภเว ยเสน จ ปเกฺขน จ โพธิสเตฺตน สมสโม โหติ, กทาจิ อธิกตโร วาฯ ยทา เทวทโตฺต นคเร พาราณสิยํ พฺรหฺมทตฺตสฺส รโญฺญ ปุโรหิตปุโตฺต อโหสิ, ตทา โพธิสโตฺต ฉวกจณฺฑาโล อโหสิ วิชฺชาธโร, วิชฺชํ ปริชปฺปิตฺวา อกาเล อมฺพผลานิ นิพฺพเตฺตสิ, เอตฺถ ตาว โพธิสโตฺต เทวทตฺตโต ชาติยา นิหีโน ยเสน จ นิหีโนฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, tumhe bhaṇatha ‘devadatto ekantakaṇho, ekantakaṇhehi dhammehi samannāgato, bodhisatto ekantasukko, ekantasukkehi dhammehi samannāgato’ti. Puna ca devadatto bhave bhave yasena ca pakkhena ca bodhisattena samasamo hoti, kadāci adhikataro vā. Yadā devadatto nagare bārāṇasiyaṃ brahmadattassa rañño purohitaputto ahosi, tadā bodhisatto chavakacaṇḍālo ahosi vijjādharo, vijjaṃ parijappitvā akāle ambaphalāni nibbattesi, ettha tāva bodhisatto devadattato jātiyā nihīno yasena ca nihīno.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต ราชา อโหสิ มหา มหีปติ สพฺพกามสมงฺคี, ตทา โพธิสโตฺต ตสฺสูปโภโค อโหสิ หตฺถินาโค สพฺพลกฺขณสมฺปโนฺน, ตสฺส จารุคติวิลาสํ อสหมาโน ราชา วธมิจฺฉโนฺต หตฺถาจริยํ เอวมโวจ ‘อสิกฺขิโต เต, อาจริย, หตฺถินาโค, ตสฺส อากาสคมนํ นาม การณํ กโรหี’ติ, ตตฺถปิ ตาว โพธิสโตฺต เทวทตฺตโต ชาติยา นิหีโน ลามโก ติรจฺฉานคโตฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto rājā ahosi mahā mahīpati sabbakāmasamaṅgī, tadā bodhisatto tassūpabhogo ahosi hatthināgo sabbalakkhaṇasampanno, tassa cārugativilāsaṃ asahamāno rājā vadhamicchanto hatthācariyaṃ evamavoca ‘asikkhito te, ācariya, hatthināgo, tassa ākāsagamanaṃ nāma kāraṇaṃ karohī’ti, tatthapi tāva bodhisatto devadattato jātiyā nihīno lāmako tiracchānagato.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต มนุโสฺส อโหสิ ปวเน นฎฺฐายิโก, ตทา โพธิสโตฺต มหาปถวี นาม มกฺกโฎ อโหสิ, เอตฺถปิ ตาว ทิสฺสติ วิเสโส มนุสฺสสฺส จ ติรจฺฉานคตสฺส จ, ตตฺถปิ ตาว โพธิสโตฺต เทวทตฺตโต ชาติยา นิหีโนฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto manusso ahosi pavane naṭṭhāyiko, tadā bodhisatto mahāpathavī nāma makkaṭo ahosi, etthapi tāva dissati viseso manussassa ca tiracchānagatassa ca, tatthapi tāva bodhisatto devadattato jātiyā nihīno.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต มนุโสฺส อโหสิ โสณุตฺตโร นาม เนสาโท พลวา พลวตโร นาคพโล, ตทา โพธิสโตฺต ฉทฺทโนฺต นาม นาคราชา อโหสิฯ ตทา โส ลุทฺทโก ตํ หตฺถินาคํ ฆาเตสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทโตฺตว อธิกตโรฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto manusso ahosi soṇuttaro nāma nesādo balavā balavataro nāgabalo, tadā bodhisatto chaddanto nāma nāgarājā ahosi. Tadā so luddako taṃ hatthināgaṃ ghātesi, tatthapi tāva devadattova adhikataro.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต มนุโสฺส อโหสิ วนจรโก อนิเกตวาสี, ตทา โพธิสโตฺต สกุโณ อโหสิ ติตฺติโร มนฺตชฺฌายี, ตทาปิ โส วนจรโก ตํ สกุณํ ฆาเตสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทโตฺตว ชาติยา อธิกตโรฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto manusso ahosi vanacarako aniketavāsī, tadā bodhisatto sakuṇo ahosi tittiro mantajjhāyī, tadāpi so vanacarako taṃ sakuṇaṃ ghātesi, tatthapi tāva devadattova jātiyā adhikataro.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต กลาพุ นาม กาสิราชา 1 อโหสิ, ตทา โพธิสโตฺต ตาปโส อโหสิ ขนฺติวาทีฯ ตทา โส ราชา ตสฺส ตาปสสฺส กุโทฺธ หตฺถปาเท วํสกฬีเร วิย เฉทาเปสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทโตฺต เยว อธิกตโร ชาติยา จ ยเสน จฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto kalābu nāma kāsirājā 2 ahosi, tadā bodhisatto tāpaso ahosi khantivādī. Tadā so rājā tassa tāpasassa kuddho hatthapāde vaṃsakaḷīre viya chedāpesi, tatthapi tāva devadatto yeva adhikataro jātiyā ca yasena ca.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต มนุโสฺส อโหสิ วนจโร, ตทา โพธิสโตฺต นนฺทิโย นาม วานริโนฺท อโหสิ, ตทาปิ โส วนจโร ตํ วานรินฺทํ ฆาเตสิ สทฺธิํ มาตรา กนิฎฺฐภาติเกน จ, ตตฺถปิ ตาว เทวทโตฺต เยว อธิกตโร ชาติยาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto manusso ahosi vanacaro, tadā bodhisatto nandiyo nāma vānarindo ahosi, tadāpi so vanacaro taṃ vānarindaṃ ghātesi saddhiṃ mātarā kaniṭṭhabhātikena ca, tatthapi tāva devadatto yeva adhikataro jātiyā.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต มนุโสฺส อโหสิ อเจลโก การมฺภิโย นาม, ตทา โพธิสโตฺต ปณฺฑรโก นาม นาคราชา อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทโตฺต เยว อธิกตโร ชาติยาฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto manusso ahosi acelako kārambhiyo nāma, tadā bodhisatto paṇḍarako nāma nāgarājā ahosi, tatthapi tāva devadatto yeva adhikataro jātiyā.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต มนุโสฺส อโหสิ ปวเน ชฎิลโก, ตทา โพธิสโตฺต ตจฺฉโก นาม มหาสูกโร อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทโตฺต เยว ชาติยา อธิกตโรฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto manusso ahosi pavane jaṭilako, tadā bodhisatto tacchako nāma mahāsūkaro ahosi, tatthapi tāva devadatto yeva jātiyā adhikataro.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต เจตีสุ สูรปริจโร นาม ราชา อโหสิ อุปริ ปุริสมเตฺต คคเน เวหาสงฺคโม, ตทา โพธิสโตฺต กปิโล นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทโตฺต เยว อธิกตโร ชาติยา จ ยเสน จฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto cetīsu sūraparicaro nāma rājā ahosi upari purisamatte gagane vehāsaṅgamo, tadā bodhisatto kapilo nāma brāhmaṇo ahosi, tatthapi tāva devadatto yeva adhikataro jātiyā ca yasena ca.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต มนุโสฺส อโหสิ สาโม นาม, ตทา โพธิสโตฺต รุรุ นาม มิคราชา อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทโตฺต เยว ชาติยา อธิกตโรฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto manusso ahosi sāmo nāma, tadā bodhisatto ruru nāma migarājā ahosi, tatthapi tāva devadatto yeva jātiyā adhikataro.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต มนุโสฺส อโหสิ ลุทฺทโก ปวนจโร, ตทา โพธิสโตฺต หตฺถินาโค อโหสิ, โส ลุทฺทโก ตสฺส หตฺถินาคสฺส สตฺตกฺขตฺตุํ ทเนฺต ฉินฺทิตฺวา หริ, ตตฺถปิ ตาว เทวทโตฺต เยว โยนิยา อธิกตโรฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto manusso ahosi luddako pavanacaro, tadā bodhisatto hatthināgo ahosi, so luddako tassa hatthināgassa sattakkhattuṃ dante chinditvā hari, tatthapi tāva devadatto yeva yoniyā adhikataro.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต สิงฺคาโล อโหสิ ขตฺติยธโมฺม, โส ยาวตา ชมฺพุทีเป ปเทสราชาโน เต สเพฺพ อนุยุเตฺต อกาสิ, ตทา โพธิสโตฺต วิธุโร นาม ปณฺฑิโต อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทโตฺต เยว ยเสน อธิกตโรฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto siṅgālo ahosi khattiyadhammo, so yāvatā jambudīpe padesarājāno te sabbe anuyutte akāsi, tadā bodhisatto vidhuro nāma paṇḍito ahosi, tatthapi tāva devadatto yeva yasena adhikataro.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต หตฺถินาโค หุตฺวา ลฎุกิกาย สกุณิกาย ปุตฺตเก ฆาเตสิ, ตทา โพธิสโตฺตปิ หตฺถินาโค อโหสิ ยูถปติ, ตตฺถ ตาว อุโภปิ เต สมสมา อเหสุํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto hatthināgo hutvā laṭukikāya sakuṇikāya puttake ghātesi, tadā bodhisattopi hatthināgo ahosi yūthapati, tattha tāva ubhopi te samasamā ahesuṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต ยโกฺข อโหสิ อธโมฺม นาม, ตทา โพธิสโตฺตปิ ยโกฺข อโหสิ ธโมฺม นาม, ตตฺถปิ ตาว อุโภปิ สมสมา อเหสุํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto yakkho ahosi adhammo nāma, tadā bodhisattopi yakkho ahosi dhammo nāma, tatthapi tāva ubhopi samasamā ahesuṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต นาวิโก อโหสิ ปญฺจนฺนํ กุลสตานํ อิสฺสโร, ตทา โพธิสโตฺตปิ นาวิโก อโหสิ ปญฺจนฺนํ กุลสตานํ อิสฺสโร, ตตฺถปิ ตาว อุโภปิ สมสมา อเหสุํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto nāviko ahosi pañcannaṃ kulasatānaṃ issaro, tadā bodhisattopi nāviko ahosi pañcannaṃ kulasatānaṃ issaro, tatthapi tāva ubhopi samasamā ahesuṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต สตฺถวาโห อโหสิ ปญฺจนฺนํ สกฎสตานํ อิสฺสโร, ตทา โพธิสโตฺตปิ สตฺถวาโห อโหสิ ปญฺจนฺนํ สกฎสตานํ อิสฺสโร, ตตฺถปิ ตาว อุโภปิ สมสมา อเหสุํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto satthavāho ahosi pañcannaṃ sakaṭasatānaṃ issaro, tadā bodhisattopi satthavāho ahosi pañcannaṃ sakaṭasatānaṃ issaro, tatthapi tāva ubhopi samasamā ahesuṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต สาโข นาม มิคราชา อโหสิ, ตทา โพธิสโตฺตปิ นิโคฺรโธ นาม มิคราชา อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว อุโภปิ สมสมา อเหสุํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto sākho nāma migarājā ahosi, tadā bodhisattopi nigrodho nāma migarājā ahosi, tatthapi tāva ubhopi samasamā ahesuṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต สาโข นาม เสนาปติ อโหสิ, ตทา โพธิสโตฺตปิ นิโคฺรโธ นาม ราชา อโหสิ, ตตฺถปิ ตาว อุโภปิ สมสมา อเหสุํฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto sākho nāma senāpati ahosi, tadā bodhisattopi nigrodho nāma rājā ahosi, tatthapi tāva ubhopi samasamā ahesuṃ.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต ขณฺฑหาโล นาม พฺราหฺมโณ อโหสิ, ตทา โพธิสโตฺต จโนฺท นาม ราชกุมาโร อโหสิ, ตทา โส ขณฺฑหาโล เยว อธิกตโรฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto khaṇḍahālo nāma brāhmaṇo ahosi, tadā bodhisatto cando nāma rājakumāro ahosi, tadā so khaṇḍahālo yeva adhikataro.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต พฺรหฺมทโตฺต นาม ราชา อโหสิ, ตทา โพธิสโตฺต ตสฺส ปุโตฺต มหาปทุโม นาม กุมาโร อโหสิ, ตทา โส ราชา สกปุตฺตํ โจรปปาเต ขิปาเปสิ, ยโต กุโตจิ ปิตาว ปุตฺตานํ อธิกตโร โหติ วิสิโฎฺฐติ, ตตฺถปิ ตาว เทวทโตฺต เยว อธิกตโรฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto brahmadatto nāma rājā ahosi, tadā bodhisatto tassa putto mahāpadumo nāma kumāro ahosi, tadā so rājā sakaputtaṃ corapapāte khipāpesi, yato kutoci pitāva puttānaṃ adhikataro hoti visiṭṭhoti, tatthapi tāva devadatto yeva adhikataro.

    ‘‘ปุน จปรํ ยทา เทวทโตฺต มหาปตาโป นาม ราชา อโหสิ, ตทา โพธิสโตฺต ตสฺส ปุโตฺต ธมฺมปาโล นาม กุมาโร อโหสิ, ตทา โส ราชา สกปุตฺตสฺส หตฺถปาเท สีสญฺจ เฉทาเปสิ, ตตฺถปิ ตาว เทวทโตฺต เยว อุตฺตโร อธิกตโรฯ

    ‘‘Puna caparaṃ yadā devadatto mahāpatāpo nāma rājā ahosi, tadā bodhisatto tassa putto dhammapālo nāma kumāro ahosi, tadā so rājā sakaputtassa hatthapāde sīsañca chedāpesi, tatthapi tāva devadatto yeva uttaro adhikataro.

    อเชฺชตรหิ อุโภปิ สกฺยกุเล ชายิํสุฯ โพธิสโตฺต พุโทฺธ อโหสิ สพฺพญฺญู โลกนายโก, เทวทโตฺต ตสฺส เทวาติเทวสฺส สาสเน ปพฺพชิตฺวา อิทฺธิํ นิพฺพเตฺตตฺวา พุทฺธาลยํ อกาสิฯ กิํ นุ โข, ภเนฺต นาคเสน, ยํ มยา ภณิตํ, ตํ สพฺพํ ตถํ อุทาหุ วิตถ’’นฺติ?

    Ajjetarahi ubhopi sakyakule jāyiṃsu. Bodhisatto buddho ahosi sabbaññū lokanāyako, devadatto tassa devātidevassa sāsane pabbajitvā iddhiṃ nibbattetvā buddhālayaṃ akāsi. Kiṃ nu kho, bhante nāgasena, yaṃ mayā bhaṇitaṃ, taṃ sabbaṃ tathaṃ udāhu vitatha’’nti?

    ‘‘ยํ ตฺวํ, มหาราช, พหุวิธํ การณํ โอสาเรสิ, สพฺพํ ตํ ตเถว, โน อญฺญถา’’ติฯ ‘‘ยทิ, ภเนฺต นาคเสน, กโณฺหปิ สุโกฺกปิ สมสมคติกา โหนฺติ, เตน หิ กุสลมฺปิ อกุสลมฺปิ สมสมวิปากํ โหตี’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราช, กุสลมฺปิ อกุสลมฺปิ สมสมวิปากํ โหติ, น หิ, มหาราช, เทวทโตฺต สพฺพชเนหิ ปฎิวิรุโทฺธ, โพธิสเตฺตเนว ปฎิวิรุโทฺธฯ โย ตสฺส โพธิสเตฺตน ปฎิวิรุโทฺธ, โส ตสฺมิํ ตสฺมิํ เยว ภเว ปจฺจติ ผลํ เทติฯ เทวทโตฺตปิ, มหาราช, อิสฺสริเย ฐิโต ชนปเทสุ อารกฺขํ เทติ, เสตุํ สภํ ปุญฺญสาลํ กาเรติ, สมณพฺราหฺมณานํ กปณทฺธิกวณิพฺพกานํ นาถานาถานํ ยถาปณิหิตํ ทานํ เทติฯ ตสฺส โส วิปาเกน ภเว ภเว สมฺปตฺติโย ปฎิลภติฯ กเสฺสตํ, มหาราช, สกฺกา วตฺตุํ วินา ทาเนน ทเมน สํยเมน อุโปสถกเมฺมน สมฺปตฺติํ อนุภวิสฺสตีติ?

    ‘‘Yaṃ tvaṃ, mahārāja, bahuvidhaṃ kāraṇaṃ osāresi, sabbaṃ taṃ tatheva, no aññathā’’ti. ‘‘Yadi, bhante nāgasena, kaṇhopi sukkopi samasamagatikā honti, tena hi kusalampi akusalampi samasamavipākaṃ hotī’’ti? ‘‘Na hi, mahārāja, kusalampi akusalampi samasamavipākaṃ hoti, na hi, mahārāja, devadatto sabbajanehi paṭiviruddho, bodhisatteneva paṭiviruddho. Yo tassa bodhisattena paṭiviruddho, so tasmiṃ tasmiṃ yeva bhave paccati phalaṃ deti. Devadattopi, mahārāja, issariye ṭhito janapadesu ārakkhaṃ deti, setuṃ sabhaṃ puññasālaṃ kāreti, samaṇabrāhmaṇānaṃ kapaṇaddhikavaṇibbakānaṃ nāthānāthānaṃ yathāpaṇihitaṃ dānaṃ deti. Tassa so vipākena bhave bhave sampattiyo paṭilabhati. Kassetaṃ, mahārāja, sakkā vattuṃ vinā dānena damena saṃyamena uposathakammena sampattiṃ anubhavissatīti?

    ‘‘ยํ ปน ตฺวํ, มหาราช, เอวํ วเทสิ ‘เทวทโตฺต จ โพธิสโตฺต จ เอกโต อนุปริวตฺตนฺตี’ติ, โส น ชาติสตสฺส อจฺจเยน สมาคโม อโหสิ, น ชาติสหสฺสสฺส อจฺจเยน, น ชาติสตสหสฺสสฺส อจฺจเยน, กทาจิ กรหจิ พหูนํ อโหรตฺตานํ อจฺจเยน สมาคโม อโหสิฯ ยํ ปเนตํ, มหาราช, ภควตา กาณกจฺฉโปปมํ อุปทสฺสิตํ มนุสฺสตฺตปฺปฎิลาภาย, ตถูปมํ, มหาราช, อิเมสํ สมาคมํ ธาเรหิฯ

    ‘‘Yaṃ pana tvaṃ, mahārāja, evaṃ vadesi ‘devadatto ca bodhisatto ca ekato anuparivattantī’ti, so na jātisatassa accayena samāgamo ahosi, na jātisahassassa accayena, na jātisatasahassassa accayena, kadāci karahaci bahūnaṃ ahorattānaṃ accayena samāgamo ahosi. Yaṃ panetaṃ, mahārāja, bhagavatā kāṇakacchapopamaṃ upadassitaṃ manussattappaṭilābhāya, tathūpamaṃ, mahārāja, imesaṃ samāgamaṃ dhārehi.

    ‘‘น, มหาราช, โพธิสตฺตสฺส เทวทเตฺตเนว สทฺธิํ สมาคโม อโหสิ, เถโรปิ, มหาราช, สาริปุโตฺต อเนเกสุ ชาติสตสหเสฺสสุ โพธิสตฺตสฺส ปิตา อโหสิ, มหาปิตา อโหสิ, จูฬปิตา อโหสิ , ภาตา อโหสิ, ปุโตฺต อโหสิ, ภาคิเนโยฺย อโหสิ, มิโตฺต อโหสิฯ

    ‘‘Na, mahārāja, bodhisattassa devadatteneva saddhiṃ samāgamo ahosi, theropi, mahārāja, sāriputto anekesu jātisatasahassesu bodhisattassa pitā ahosi, mahāpitā ahosi, cūḷapitā ahosi , bhātā ahosi, putto ahosi, bhāgineyyo ahosi, mitto ahosi.

    ‘‘โพธิสโตฺตปิ, มหาราช, อเนเกสุ ชาติสตสหเสฺสสุ เถรสฺส สาริปุตฺตสฺส ปิตา อโหสิ, มหาปิตา อโหสิ, จูฬปิตา อโหสิ, ภาตา อโหสิ, ปุโตฺต อโหสิ, ภาคิเนโยฺย อโหสิ , มิโตฺต อโหสิ, สเพฺพปิ, มหาราช, สตฺตนิกายปริยาปนฺนา สํสารโสตมนุคตา สํสารโสเตน วุยฺหนฺตา อปฺปิเยหิปิ ปิเยหิปิ สมาคจฺฉนฺติฯ ยถา, มหาราช, อุทกํ โสเตน วุยฺหมานํ สุจิอสุจิกลฺยาณปาปเกน สมาคจฺฉติ, เอวเมว โข, มหาราช, สเพฺพปิ สตฺตนิกายปริยาปนฺนา สํสารโสตมนุคตา สํสารโสเตน วุยฺหนฺตา อปฺปิเยหิปิ ปิเยหิปิ สมาคจฺฉนฺติฯ เทวทโตฺต, มหาราช, ยโกฺข สมาโน อตฺตนา อธโมฺม ปเร อธเมฺม นิโยเชตฺวา สตฺตปญฺญาสวสฺสโกฎิโย สฎฺฐิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ มหานิรเย ปจฺจิ , โพธิสโตฺตปิ, มหาราช, ยโกฺข สมาโน อตฺตนา ธโมฺม ปเร ธเมฺม นิโยเชตฺวา สตฺตปญฺญาสวสฺสโกฎิโย สฎฺฐิ จ วสฺสสตสหสฺสานิ สเคฺค โมทิ สพฺพกามสมงฺคี, อปิ จ, มหาราช, เทวทโตฺต อิมสฺมิํ ภเว พุทฺธํ อนาสาทนียมาสาทยิตฺวา สมคฺคญฺจ สงฺฆํ ภินฺทิตฺวา ปถวิํ ปาวิสิ, ตถาคโต พุชฺฌิตฺวา สพฺพธเมฺม ปรินิพฺพุโต อุปธิสงฺขเย’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต นาคเสน, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ

    ‘‘Bodhisattopi, mahārāja, anekesu jātisatasahassesu therassa sāriputtassa pitā ahosi, mahāpitā ahosi, cūḷapitā ahosi, bhātā ahosi, putto ahosi, bhāgineyyo ahosi , mitto ahosi, sabbepi, mahārāja, sattanikāyapariyāpannā saṃsārasotamanugatā saṃsārasotena vuyhantā appiyehipi piyehipi samāgacchanti. Yathā, mahārāja, udakaṃ sotena vuyhamānaṃ suciasucikalyāṇapāpakena samāgacchati, evameva kho, mahārāja, sabbepi sattanikāyapariyāpannā saṃsārasotamanugatā saṃsārasotena vuyhantā appiyehipi piyehipi samāgacchanti. Devadatto, mahārāja, yakkho samāno attanā adhammo pare adhamme niyojetvā sattapaññāsavassakoṭiyo saṭṭhi ca vassasatasahassāni mahāniraye pacci , bodhisattopi, mahārāja, yakkho samāno attanā dhammo pare dhamme niyojetvā sattapaññāsavassakoṭiyo saṭṭhi ca vassasatasahassāni sagge modi sabbakāmasamaṅgī, api ca, mahārāja, devadatto imasmiṃ bhave buddhaṃ anāsādanīyamāsādayitvā samaggañca saṅghaṃ bhinditvā pathaviṃ pāvisi, tathāgato bujjhitvā sabbadhamme parinibbuto upadhisaṅkhaye’’ti. ‘‘Sādhu, bhante nāgasena, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.

    กุสลากุสลสมวิสมปโญฺห สตฺตโมฯ

    Kusalākusalasamavisamapañho sattamo.







    Footnotes:
    1. กาสิกราชา (ก.)
    2. kāsikarājā (ka.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact