Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๑๓. กุสนาฬิวโคฺค
13. Kusanāḷivaggo
[๑๒๑] ๑. กุสนาฬิชาตกวณฺณนา
[121] 1. Kusanāḷijātakavaṇṇanā
กเร สริโกฺขติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อนาถปิณฺฑิกสฺส มิตฺตํ อารพฺภ กเถสิฯ อนาถปิณฺฑิกสฺส หิ มิตฺตสุหชฺชญาติพนฺธวา เอกโต หุตฺวา ‘‘มหาเสฎฺฐิ อยํ ตยา ชาติโคตฺตธนธญฺญาทีหิ เนว สทิโส, น อุตฺตริตโร, กสฺมา เอเตน สทฺธิํ สนฺถวํ กโรสิ, มา กโรหี’’ติ ปุนปฺปุนํ นิวาเรสุํฯ อนาถปิณฺฑิโก ปน ‘‘มิตฺตสนฺถโว นาม หีเนหิปิ สเมหิปิ อติเรเกหิปิ กตฺตโพฺพเยวา’’ติ เตสํ วจนํ อคฺคเหตฺวา โภคคามํ คจฺฉโนฺต ตํ กุฎุมฺพรกฺขกํ กตฺวา อคมาสีติ สพฺพํ กาฬกณฺณิวตฺถุสฺมิํ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อิธ ปน อนาถปิณฺฑิเกน อตฺตโน ฆเร ปวตฺติยา อาโรจิตาย สตฺถา ‘‘คหปติ, มิโตฺต นาม ขุทฺทโก นตฺถิ, มิตฺตธมฺมํ รกฺขิตุํ สมตฺถภาโวเวตฺถ ปมาณํ, มิโตฺต นาม อตฺตนา สโมปิ หีโนปิ เสโฎฺฐปิ คเหตโพฺพฯ สเพฺพปิ เหเต อตฺตโน ปตฺตภารํ นิตฺถรนฺติเยว, อิทานิ ตาว ตฺวํ อตฺตโน นีจมิตฺตํ นิสฺสาย กุฎุมฺพสฺส สามิโก ชาโต, โปราณา ปน นีจมิตฺตํ นิสฺสาย วิมานสามิกา ชาตา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Karesarikkhoti idaṃ satthā jetavane viharanto anāthapiṇḍikassa mittaṃ ārabbha kathesi. Anāthapiṇḍikassa hi mittasuhajjañātibandhavā ekato hutvā ‘‘mahāseṭṭhi ayaṃ tayā jātigottadhanadhaññādīhi neva sadiso, na uttaritaro, kasmā etena saddhiṃ santhavaṃ karosi, mā karohī’’ti punappunaṃ nivāresuṃ. Anāthapiṇḍiko pana ‘‘mittasanthavo nāma hīnehipi samehipi atirekehipi kattabboyevā’’ti tesaṃ vacanaṃ aggahetvā bhogagāmaṃ gacchanto taṃ kuṭumbarakkhakaṃ katvā agamāsīti sabbaṃ kāḷakaṇṇivatthusmiṃ vuttanayeneva veditabbaṃ. Idha pana anāthapiṇḍikena attano ghare pavattiyā ārocitāya satthā ‘‘gahapati, mitto nāma khuddako natthi, mittadhammaṃ rakkhituṃ samatthabhāvovettha pamāṇaṃ, mitto nāma attanā samopi hīnopi seṭṭhopi gahetabbo. Sabbepi hete attano pattabhāraṃ nittharantiyeva, idāni tāva tvaṃ attano nīcamittaṃ nissāya kuṭumbassa sāmiko jāto, porāṇā pana nīcamittaṃ nissāya vimānasāmikā jātā’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต รโญฺญ อุยฺยาเน กุสนาฬิคเจฺฉ เทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตสฺมิํเยว จ อุยฺยาเน มงฺคลสิลํ นิสฺสาย อุชุคตกฺขโนฺธ ปริมณฺฑลสาขาวิฎปสมฺปโนฺน รโญฺญ สนฺติกา ลทฺธสมฺมาโน รุจมงฺคลรุโกฺข อตฺถิ, ‘‘มุขโก’’ติปิ วุจฺจติฯ ตสฺมิํ เอโก มเหสโกฺข เทวราชา นิพฺพตฺติฯ โพธิสตฺตสฺส เตน สทฺธิํ มิตฺตสนฺถโว อโหสิฯ ตทา ราชา เอกสฺมิํ เอกตฺถมฺภเก ปาสาเท วสติ, ตสฺส โส ถโมฺภ จลิฯ อถสฺส จลิตภาวํ รโญฺญ อาโรเจสุํฯ ราชา วฑฺฒกี ปโกฺกสาเปตฺวา ‘‘ตาตา, มม เอกตฺถมฺภกสฺส มงฺคลปาสาทสฺส ถโมฺภ จลิโต, เอกํ สารตฺถมฺภํ อาหริตฺวา ตํ นิจฺจลํ กโรถา’’ติ อาหฯ เต ‘‘สาธุ, เทวา’’ติ รโญฺญ วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตทนุจฺฉวิกํ รุกฺขํ ปริเยสมานา อญฺญตฺถ อทิสฺวา อุยฺยานํ ปวิสิตฺวา ตํ มุขกรุกฺขํ ทิสฺวา รโญฺญ สนฺติกํ คนฺตฺวา ‘‘กิํ, ตาตา, ทิโฎฺฐ โว ตทนุจฺฉวิโก รุโกฺข’’ติ วุเตฺต ‘‘ทิโฎฺฐ, เทว, อปิจ ตํ ฉินฺทิตุํ น วิสหามา’’ติ อาหํสุฯ ‘‘กิํการณา’’ติ? มยญฺหิ อญฺญตฺถ รุกฺขํ อปสฺสนฺตา อุยฺยานํ ปวิสิมฺห, ตตฺรปิ ฐเปตฺวา มงฺคลรุกฺขํ อญฺญํ น ปสฺสามฯ อิติ นํ มงฺคลรุกฺขตาย ฉินฺทิตุํ น วิสหามาติฯ คจฺฉถ, ตํ ฉินฺทิตฺวา ปาสาทํ ถิรํ กโรถ, มยํ อญฺญํ มงฺคลรุกฺขํ กริสฺสามาติฯ เต ‘‘สาธู’’ติ พลิกมฺมํ คเหตฺวา อุยฺยานํ คนฺตฺวา ‘‘เสฺว ฉินฺทิสฺสามา’’ติ รุกฺขสฺส พลิกมฺมํ กตฺวา นิกฺขมิํสุฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto rañño uyyāne kusanāḷigacche devatā hutvā nibbatti. Tasmiṃyeva ca uyyāne maṅgalasilaṃ nissāya ujugatakkhandho parimaṇḍalasākhāviṭapasampanno rañño santikā laddhasammāno rucamaṅgalarukkho atthi, ‘‘mukhako’’tipi vuccati. Tasmiṃ eko mahesakkho devarājā nibbatti. Bodhisattassa tena saddhiṃ mittasanthavo ahosi. Tadā rājā ekasmiṃ ekatthambhake pāsāde vasati, tassa so thambho cali. Athassa calitabhāvaṃ rañño ārocesuṃ. Rājā vaḍḍhakī pakkosāpetvā ‘‘tātā, mama ekatthambhakassa maṅgalapāsādassa thambho calito, ekaṃ sāratthambhaṃ āharitvā taṃ niccalaṃ karothā’’ti āha. Te ‘‘sādhu, devā’’ti rañño vacanaṃ sampaṭicchitvā tadanucchavikaṃ rukkhaṃ pariyesamānā aññattha adisvā uyyānaṃ pavisitvā taṃ mukhakarukkhaṃ disvā rañño santikaṃ gantvā ‘‘kiṃ, tātā, diṭṭho vo tadanucchaviko rukkho’’ti vutte ‘‘diṭṭho, deva, apica taṃ chindituṃ na visahāmā’’ti āhaṃsu. ‘‘Kiṃkāraṇā’’ti? Mayañhi aññattha rukkhaṃ apassantā uyyānaṃ pavisimha, tatrapi ṭhapetvā maṅgalarukkhaṃ aññaṃ na passāma. Iti naṃ maṅgalarukkhatāya chindituṃ na visahāmāti. Gacchatha, taṃ chinditvā pāsādaṃ thiraṃ karotha, mayaṃ aññaṃ maṅgalarukkhaṃ karissāmāti. Te ‘‘sādhū’’ti balikammaṃ gahetvā uyyānaṃ gantvā ‘‘sve chindissāmā’’ti rukkhassa balikammaṃ katvā nikkhamiṃsu.
รุกฺขเทวตา ตํ การณํ ญตฺวา ‘‘เสฺว มยฺหํ วิมานํ นาเสสฺสนฺติ, ทารเก คเหตฺวา กุหิํ คมิสฺสามี’’ติ คนฺตพฺพฎฺฐานํ อปสฺสนฺตี ปุตฺตเก คีวาย คเหตฺวา ปโรทิฯ ตสฺสา สนฺทิฎฺฐสมฺภตฺตา รุกฺขเทวตา อาคนฺตฺวา ‘‘กิํ เอต’’นฺติ ปุจฺฉิตฺวา ตํ การณํ สุตฺวา สยมฺปิ วฑฺฒกีนํ ปฎิกฺกมนูปายํ อปสฺสนฺติโย ตํ ปริสฺสชิตฺวา โรทิตุํ อารภิํสุฯ ตสฺมิํ สมเย โพธิสโตฺต ‘‘รุกฺขเทวตํ ปสฺสิสฺสามี’’ติ ตตฺถ คนฺตฺวา ตํ การณํ สุตฺวา ‘‘โหตุ, มา จินฺตยิตฺถ, อหํ รุกฺขํ ฉินฺทิตุํ น ทสฺสามิ, เสฺว วฑฺฒกีนํ อาคตกาเล มม การณํ ปสฺสถา’’ติ ตา เทวตา สมสฺสาเสตฺวา ปุนทิวเส วฑฺฒกีนํ อาคตเวลาย กกณฺฎกเวสํ คเหตฺวา วฑฺฒกีนํ ปุรโต คนฺตฺวา มงฺคลรุกฺขสฺส มูลนฺตรํ ปวิสิตฺวา ตํ รุกฺขํ สุสิรํ วิย กตฺวา รุกฺขมเชฺฌน อภิรุหิตฺวา ขนฺธมตฺถเกน นิกฺขมิตฺวา สีสํ กมฺปยมาโน นิปชฺชิฯ มหาวฑฺฒกี ตํ กกณฺฎกํ ทิสฺวา รุกฺขํ หเตฺถน ปหริตฺวา ‘‘สุสิรรุโกฺข เอโส นิสฺสาโร, หิโยฺย อนุปธาเรตฺวาว พลิกมฺมํ กริมฺหา’’ติ เอกฆนํ มหารุกฺขํ ครหิตฺวา ปกฺกามิฯ รุกฺขเทวตา โพธิสตฺตํ นิสฺสาย วิมานสฺส สามินี ชาตาฯ
Rukkhadevatā taṃ kāraṇaṃ ñatvā ‘‘sve mayhaṃ vimānaṃ nāsessanti, dārake gahetvā kuhiṃ gamissāmī’’ti gantabbaṭṭhānaṃ apassantī puttake gīvāya gahetvā parodi. Tassā sandiṭṭhasambhattā rukkhadevatā āgantvā ‘‘kiṃ eta’’nti pucchitvā taṃ kāraṇaṃ sutvā sayampi vaḍḍhakīnaṃ paṭikkamanūpāyaṃ apassantiyo taṃ parissajitvā rodituṃ ārabhiṃsu. Tasmiṃ samaye bodhisatto ‘‘rukkhadevataṃ passissāmī’’ti tattha gantvā taṃ kāraṇaṃ sutvā ‘‘hotu, mā cintayittha, ahaṃ rukkhaṃ chindituṃ na dassāmi, sve vaḍḍhakīnaṃ āgatakāle mama kāraṇaṃ passathā’’ti tā devatā samassāsetvā punadivase vaḍḍhakīnaṃ āgatavelāya kakaṇṭakavesaṃ gahetvā vaḍḍhakīnaṃ purato gantvā maṅgalarukkhassa mūlantaraṃ pavisitvā taṃ rukkhaṃ susiraṃ viya katvā rukkhamajjhena abhiruhitvā khandhamatthakena nikkhamitvā sīsaṃ kampayamāno nipajji. Mahāvaḍḍhakī taṃ kakaṇṭakaṃ disvā rukkhaṃ hatthena paharitvā ‘‘susirarukkho eso nissāro, hiyyo anupadhāretvāva balikammaṃ karimhā’’ti ekaghanaṃ mahārukkhaṃ garahitvā pakkāmi. Rukkhadevatā bodhisattaṃ nissāya vimānassa sāminī jātā.
ตสฺสา ปฎิสนฺถารตฺถาย สนฺทิฎฺฐสมฺภตฺตา พหู เทวตา สนฺนิปติํสุฯ รุกฺขเทวตา ‘‘วิมานํ เม ลทฺธ’’นฺติ ตุฎฺฐจิตฺตา ตาสํ เทวตานํ มเชฺฌ โพธิสตฺตสฺส คุณํ กถยมานา ‘‘โภ, เทวตา, มยํ มเหสกฺขา หุตฺวาปิ ทนฺธปญฺญตาย อิมํ อุปายํ น ชานิมฺห, กุสนาฬิเทวตา ปน อตฺตโน ญาณสมฺปตฺติยา อเมฺห วิมานสามิเก อกาสิ, มิโตฺต นาม สทิโสปิ อธิโกปิ หีโนปิ กตฺตโพฺพวฯ สเพฺพปิ หิ อตฺตโน ถาเมน สหายกานํ อุปฺปนฺนํ ทุกฺขํ นิตฺถริตฺวา สุเข ปติฎฺฐาเปนฺติเยวา’’ติ มิตฺตธมฺมํ วเณฺณตฺวา อิมํ คาถมาห –
Tassā paṭisanthāratthāya sandiṭṭhasambhattā bahū devatā sannipatiṃsu. Rukkhadevatā ‘‘vimānaṃ me laddha’’nti tuṭṭhacittā tāsaṃ devatānaṃ majjhe bodhisattassa guṇaṃ kathayamānā ‘‘bho, devatā, mayaṃ mahesakkhā hutvāpi dandhapaññatāya imaṃ upāyaṃ na jānimha, kusanāḷidevatā pana attano ñāṇasampattiyā amhe vimānasāmike akāsi, mitto nāma sadisopi adhikopi hīnopi kattabbova. Sabbepi hi attano thāmena sahāyakānaṃ uppannaṃ dukkhaṃ nittharitvā sukhe patiṭṭhāpentiyevā’’ti mittadhammaṃ vaṇṇetvā imaṃ gāthamāha –
๑๒๑.
121.
‘‘กเร สริโกฺข อถ วาปิ เสโฎฺฐ, นิหีนโก วาปิ กเรยฺย เอโก;
‘‘Kare sarikkho atha vāpi seṭṭho, nihīnako vāpi kareyya eko;
กเรยฺยุเมเต พฺยสเน อุตฺตมตฺถํ, ยถา อหํ กุสนาฬิ รุจาย’’นฺติฯ
Kareyyumete byasane uttamatthaṃ, yathā ahaṃ kusanāḷi rucāya’’nti.
ตตฺถ กเร สริโกฺขติ ชาติอาทีหิ สทิโสปิ มิตฺตธมฺมํ กเรยฺยฯ อถ วาปิ เสโฎฺฐติ ชาติอาทีหิ อธิโกปิ กเรยฺยฯ นิหีนโก วาปิ กเรยฺย เอโกติ เอโก ชาติอาทีหิ หีโนปิ มิตฺตธมฺมํ กเรยฺยฯ ตสฺมา สเพฺพปิ เอเต มิตฺตา กาตพฺพาเยวาติ ทีเปติฯ กิํการณา? กเรยฺยุเมเต พฺยสเน อุตฺตมตฺถนฺติ สเพฺพเปเต สหายสฺส พฺยสเน อุปฺปเนฺน อตฺตโน อตฺตโน ปตฺตภารํ วหมานา อุตฺตมตฺถํ กเรยฺยุํ, กายิกเจตสิกทุกฺขโต ตํ สหายกํ โมเจยฺยุเมวาติ อโตฺถฯ ตสฺมา หีโนปิ มิโตฺต กาตโพฺพเยว, ปเคว อิตเรฯ ตตฺริทํ โอปมฺมํ – ยถา อหํ กุสนาฬิ รุจายนฺติ, ยถา อหํ รุจายํ นิพฺพตฺตเทวตา อยญฺจ กุสนาฬิเทวตา, อเปฺปสกฺขาปิ มิตฺตสนฺถวํ กริมฺห, ตตฺรปาหํ มเหสกฺขาปิ สมานา อตฺตโน อุปฺปนฺนทุกฺขํ พาลตาย อนุปายกุสลตาย หริตุํ นาสกฺขิํ, อิมํ ปน อเปฺปสกฺขมฺปิ สมานํ ปณฺฑิตเทวตํ นิสฺสาย ทุกฺขโต มุโตฺตมฺหิฯ ตสฺมา อเญฺญหิปิ ทุกฺขา มุจฺจิตุกาเมหิ สมวิสิฎฺฐภาวํ อโนโลเกตฺวา หีโนปิ ปณฺฑิโต มิโตฺต กาตโพฺพติฯ
Tattha kare sarikkhoti jātiādīhi sadisopi mittadhammaṃ kareyya. Atha vāpi seṭṭhoti jātiādīhi adhikopi kareyya. Nihīnako vāpi kareyya ekoti eko jātiādīhi hīnopi mittadhammaṃ kareyya. Tasmā sabbepi ete mittā kātabbāyevāti dīpeti. Kiṃkāraṇā? Kareyyumetebyasane uttamatthanti sabbepete sahāyassa byasane uppanne attano attano pattabhāraṃ vahamānā uttamatthaṃ kareyyuṃ, kāyikacetasikadukkhato taṃ sahāyakaṃ moceyyumevāti attho. Tasmā hīnopi mitto kātabboyeva, pageva itare. Tatridaṃ opammaṃ – yathā ahaṃ kusanāḷi rucāyanti, yathā ahaṃ rucāyaṃ nibbattadevatā ayañca kusanāḷidevatā, appesakkhāpi mittasanthavaṃ karimha, tatrapāhaṃ mahesakkhāpi samānā attano uppannadukkhaṃ bālatāya anupāyakusalatāya harituṃ nāsakkhiṃ, imaṃ pana appesakkhampi samānaṃ paṇḍitadevataṃ nissāya dukkhato muttomhi. Tasmā aññehipi dukkhā muccitukāmehi samavisiṭṭhabhāvaṃ anoloketvā hīnopi paṇḍito mitto kātabboti.
รุจาเทวตา อิมาย คาถาย เทวสงฺฆสฺส ธมฺมํ เทเสตฺวา ยาวตายุกํ ฐตฺวา สทฺธิํ กุสนาฬิเทวตาย ยถากมฺมํ คตาฯ
Rucādevatā imāya gāthāya devasaṅghassa dhammaṃ desetvā yāvatāyukaṃ ṭhatvā saddhiṃ kusanāḷidevatāya yathākammaṃ gatā.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา รุจาเทวตา อานโนฺท อโหสิ, กุสนาฬิเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā rucādevatā ānando ahosi, kusanāḷidevatā pana ahameva ahosi’’nti.
กุสนาฬิชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ
Kusanāḷijātakavaṇṇanā paṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๒๑. กุสนาฬิชาตกํ • 121. Kusanāḷijātakaṃ