Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
กุสสงฺกามนวตฺถุกถาวณฺณนา
Kusasaṅkāmanavatthukathāvaṇṇanā
๑๓๘. มหาปจฺจริยาทีสุ ยํ วุตฺตํ ‘‘ปทุทฺธาเรเนว กาเรตโพฺพ’’ติ, ตํ สุวุตฺตํฯ กินฺตุ ตสฺส ปริกปฺปาวหารกมตฺตํ น ทิสฺสตีติ ทสฺสนตฺถํ อิทํ วุตฺตํฯ อุทฺธาเร วายํ อาปโนฺน, ตสฺมา ทิสฺวา คจฺฉโนฺต ‘‘ปทุทฺธาเรเนว กาเรตโพฺพ’’ติ อิทํ ตตฺถ ทุวุตฺตนฺติ วุตฺตํ โหติฯ กถํ? ‘‘สาฎกตฺถิโก สาฎกปสิพฺพกเมว คเหตฺวา พหิ นิกฺขมิตฺวา สาฎกภาวํ ญตฺวา ‘ปจฺฉา คณฺหิสฺสามี’ติ เอวํ ปริกเปฺปตฺวา คณฺหติ, น อุทฺธาเร เอวาปชฺชติฯ ยทา พหิ ฐตฺวา ‘สาฎโก อย’นฺติ ทิสฺวา คจฺฉติ, ตทา ปทุทฺธาเรเนว กาเรตโพฺพ’’ติ น วุตฺตเมตํ, กินฺตุ กิญฺจาปิ ปริกโปฺป ทิสฺสติ, ปุพฺพภาเค อวหารกฺขเณ น ทิสฺสตีติ น โส ปริกปฺปาวหาโร, อยมโตฺถ มหาอฎฺฐกถายํ วุโตฺตว, ตสฺมา ‘‘ญายเมวา’’ติ วทนฺติฯ กมฺมนฺตสาลา นาม กสฺสกานํ วนเจฺฉทกานํ เคหานิฯ อยํ ตาวาติ สเจ อุปจารสีมนฺติอาทิ ยาว เถรวาโท มหาอฎฺฐกถานโย, ตตฺถ เกจิ ปนาติอาทิ น คเหตพฺพํ เถรวาทตฺตา ยุตฺติอภาวโต, น หิ สาหตฺถิเก เอวํวิธา อตฺถสาธกเจตนา โหติฯ อาณตฺติเก เอว อตฺถสาธกเจตนาฯ ‘‘เสสํ มหาปจฺจริยํ วุเตฺตนเตฺถน สเมตี’’ติ วุตฺตํฯ
138.Mahāpaccariyādīsu yaṃ vuttaṃ ‘‘paduddhāreneva kāretabbo’’ti, taṃ suvuttaṃ. Kintu tassa parikappāvahārakamattaṃ na dissatīti dassanatthaṃ idaṃ vuttaṃ. Uddhāre vāyaṃ āpanno, tasmā disvā gacchanto ‘‘paduddhāreneva kāretabbo’’ti idaṃ tattha duvuttanti vuttaṃ hoti. Kathaṃ? ‘‘Sāṭakatthiko sāṭakapasibbakameva gahetvā bahi nikkhamitvā sāṭakabhāvaṃ ñatvā ‘pacchā gaṇhissāmī’ti evaṃ parikappetvā gaṇhati, na uddhāre evāpajjati. Yadā bahi ṭhatvā ‘sāṭako aya’nti disvā gacchati, tadā paduddhāreneva kāretabbo’’ti na vuttametaṃ, kintu kiñcāpi parikappo dissati, pubbabhāge avahārakkhaṇe na dissatīti na so parikappāvahāro, ayamattho mahāaṭṭhakathāyaṃ vuttova, tasmā ‘‘ñāyamevā’’ti vadanti. Kammantasālā nāma kassakānaṃ vanacchedakānaṃ gehāni. Ayaṃ tāvāti sace upacārasīmantiādi yāva theravādo mahāaṭṭhakathānayo, tattha keci panātiādi na gahetabbaṃ theravādattā yuttiabhāvato, na hi sāhatthike evaṃvidhā atthasādhakacetanā hoti. Āṇattike eva atthasādhakacetanā. ‘‘Sesaṃ mahāpaccariyaṃ vuttenatthena sametī’’ti vuttaṃ.
กุสสงฺกามนกรเณ สเจ ปโร ‘‘นายํ มม สนฺตโก’’ติ ชานาติ, อิตรสฺส หตฺถโต มุตฺตมเตฺต ปาราชิกาปตฺติ ขีลสงฺกามเน วิยฯ ‘‘อตฺตโน สนฺตกํ สเจ ชานาติ, น โหตี’’ติ วทนฺติฯ เอวํ สเนฺต ปญฺจกานิ สงฺกรานิ โหนฺตีติ อุปปริกฺขิตพฺพํฯ
Kusasaṅkāmanakaraṇe sace paro ‘‘nāyaṃ mama santako’’ti jānāti, itarassa hatthato muttamatte pārājikāpatti khīlasaṅkāmane viya. ‘‘Attano santakaṃ sace jānāti, na hotī’’ti vadanti. Evaṃ sante pañcakāni saṅkarāni hontīti upaparikkhitabbaṃ.
๑๔๐. ปรานุทฺทยตายาติ เอตฺถ ปรานุทฺทยตาย โกฎิปฺปเตฺตน ภควตา กสฺมา ‘‘อนาปตฺติ เปตปริคฺคเห ติรจฺฉานคตปริคฺคเห’’ติ (ปารา. ๑๓๑) วุตฺตนฺติ เจ? ปรานุทฺทยตาย เอวฯ ยสฺส หิ ปริกฺขารสฺส อาทาเน ราชาโน โจรํ คเหตฺวา น หนนาทีนิ กเรยฺยุํ, ตสฺมิมฺปิ นาม สมโณ โคตโม ปาราชิกํ ปญฺญเปตฺวา ภิกฺขุํ อภิกฺขุํ กโรตีติ มหาชโน ภควติ ปสาทญฺญถตฺตํ อาปชฺชิตฺวา อปายุปโค โหติฯ อเปตปริคฺคหิตา รุกฺขาที จ ทุลฺลภา, น จ สกฺกา ญาตุนฺติ รุกฺขาทีหิ ปาปภีรุโก อุปาสกชโน ปฎิมาฆรเจติยโพธิฆรวิหาราทีนิ อกตฺวา มหโต ปุญฺญกฺขนฺธโต ปริหาเยยฺยฯ ‘‘รุกฺขมูลเสนาสนํ ปํสุกูลจีวรํ นิสฺสาย ปพฺพชฺชา’’ติ (มหาว. ๑๒๘) วุตฺตนิสฺสยา จ อนิสฺสยา โหนฺติฯ ปรปริคฺคหิตสญฺญิโน หิ ภิกฺขู รุกฺขมูลปํสุกูลานิ น สาทิยิสฺสนฺตีติ, ปพฺพชฺชา จ น สมฺภเวยฺยุํ, สปฺปทฎฺฐกาเล ฉาริกตฺถาย รุกฺขํ อคฺคเหตฺวา มรณํ วา นิคเจฺฉยฺยุํ, อจฺฉินฺนจีวราทิกาเล สาขาภงฺคาทิํ อคฺคเหตฺวา นคฺคา หุตฺวา ติตฺถิยลทฺธิเมว สุลทฺธิ วิย ทีเปนฺตา วิจเรยฺยุํ, ตโต ติตฺถิเยเสฺวว โลโก ปสีทิตฺวา ทิฎฺฐิคฺคหณํ ปตฺวา สํสารขาณุโก ภเวยฺย, ตสฺมา ภควา ปรานุทฺทยตาย เอว ‘‘อนาปตฺติ เปตปริคฺคเห’’ติอาทิมาหาติ เวทิตพฺพํฯ
140.Parānuddayatāyāti ettha parānuddayatāya koṭippattena bhagavatā kasmā ‘‘anāpatti petapariggahe tiracchānagatapariggahe’’ti (pārā. 131) vuttanti ce? Parānuddayatāya eva. Yassa hi parikkhārassa ādāne rājāno coraṃ gahetvā na hananādīni kareyyuṃ, tasmimpi nāma samaṇo gotamo pārājikaṃ paññapetvā bhikkhuṃ abhikkhuṃ karotīti mahājano bhagavati pasādaññathattaṃ āpajjitvā apāyupago hoti. Apetapariggahitā rukkhādī ca dullabhā, na ca sakkā ñātunti rukkhādīhi pāpabhīruko upāsakajano paṭimāgharacetiyabodhigharavihārādīni akatvā mahato puññakkhandhato parihāyeyya. ‘‘Rukkhamūlasenāsanaṃ paṃsukūlacīvaraṃ nissāya pabbajjā’’ti (mahāva. 128) vuttanissayā ca anissayā honti. Parapariggahitasaññino hi bhikkhū rukkhamūlapaṃsukūlāni na sādiyissantīti, pabbajjā ca na sambhaveyyuṃ, sappadaṭṭhakāle chārikatthāya rukkhaṃ aggahetvā maraṇaṃ vā nigaccheyyuṃ, acchinnacīvarādikāle sākhābhaṅgādiṃ aggahetvā naggā hutvā titthiyaladdhimeva suladdhi viya dīpentā vicareyyuṃ, tato titthiyesveva loko pasīditvā diṭṭhiggahaṇaṃ patvā saṃsārakhāṇuko bhaveyya, tasmā bhagavā parānuddayatāya eva ‘‘anāpatti petapariggahe’’tiādimāhāti veditabbaṃ.
๑๔๑. อปรมฺปิ ภาคํ เทหีติ ‘‘คหิตํ วิญฺญตฺติสทิสตฺตา เนว ภณฺฑเทยฺยํ น ปาราชิก’’นฺติ ลิขิตํ, อิทํ ปกติชเน ยุชฺชติฯ ‘‘สเจ ปน สามิโก วา เตน อาณโตฺต วา ‘อปรสฺส สหายภิกฺขุสฺส ภาคํ เอส คณฺหาติ ยาจติ วา’ติ ยํ อปรภาคํ เทติ, ตํ ภณฺฑเทยฺย’’นฺติ วทนฺติฯ
141.Aparampibhāgaṃ dehīti ‘‘gahitaṃ viññattisadisattā neva bhaṇḍadeyyaṃ na pārājika’’nti likhitaṃ, idaṃ pakatijane yujjati. ‘‘Sace pana sāmiko vā tena āṇatto vā ‘aparassa sahāyabhikkhussa bhāgaṃ esa gaṇhāti yācati vā’ti yaṃ aparabhāgaṃ deti, taṃ bhaṇḍadeyya’’nti vadanti.
๑๔๘-๙. ขาทนฺตสฺส ภณฺฑเทยฺยนฺติ โจรสฺส วา สามิกสฺส วา สมฺปตฺตสฺส ทินฺนํ สุทินฺนเมว กิรฯ อวิเสเสนาติ ‘‘อุสฺสาหคตานํ วา’’ติ อวตฺวา วุตฺตํ, น หิ กติปยานํ อนุสฺสาหตาย สงฺฆิกมสงฺฆิกํ โหติฯ มหาอฎฺฐกถายมฺปิ ‘‘ยทิ สอุสฺสาหาว คจฺฉนฺติ, เถยฺยจิเตฺตน ปริภุญฺชโต อวหาโร โหตี’’ติ วุตฺตตฺตา ตทุภยเมกํฯ ฉฑฺฑิตวิหาเร อุปจารสีมาย ปมาณํ ชานิตุํ น สกฺกา, อยํ ปน ภิกฺขุ อุปจารสีมาย พหิ ฐตฺวา ฆณฺฎิปหรณาทิํ กตฺวา ปริภุญฺชติ ขาทติ, เตน เอวํ ขาทิตํ สุขาทิตนฺติ อโตฺถฯ ‘‘อิตรวิหาเร ตตฺถ ทิตฺตวิธินาว ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘สุขาทิตํ อโนฺตวิหารตฺตา’’ติ ลิขิตํ, อาคตานาคตานํ สนฺตกตฺตาติ ‘‘จาตุทฺทิสสฺส สงฺฆสฺส เทมี’’ติ ทินฺนตฺตา วุตฺตํฯ เอวํ อวตฺวา ‘‘สงฺฆสฺส เทมี’’ติ ทินฺนมฺปิ ตาทิสเมวฯ ตถา หิ พหิ ฐิโต ลาภํ น ลภติ ภควโต วจเนนาติ เวทิตพฺพํฯ
148-9.Khādantassa bhaṇḍadeyyanti corassa vā sāmikassa vā sampattassa dinnaṃ sudinnameva kira. Avisesenāti ‘‘ussāhagatānaṃ vā’’ti avatvā vuttaṃ, na hi katipayānaṃ anussāhatāya saṅghikamasaṅghikaṃ hoti. Mahāaṭṭhakathāyampi ‘‘yadi saussāhāva gacchanti, theyyacittena paribhuñjato avahāro hotī’’ti vuttattā tadubhayamekaṃ. Chaḍḍitavihāre upacārasīmāya pamāṇaṃ jānituṃ na sakkā, ayaṃ pana bhikkhu upacārasīmāya bahi ṭhatvā ghaṇṭipaharaṇādiṃ katvā paribhuñjati khādati, tena evaṃ khāditaṃ sukhāditanti attho. ‘‘Itaravihāre tattha dittavidhināva paṭipajjitabba’’nti vuttaṃ. ‘‘Sukhāditaṃ antovihārattā’’ti likhitaṃ, āgatānāgatānaṃ santakattāti ‘‘cātuddisassa saṅghassa demī’’ti dinnattā vuttaṃ. Evaṃ avatvā ‘‘saṅghassa demī’’ti dinnampi tādisameva. Tathā hi bahi ṭhito lābhaṃ na labhati bhagavato vacanenāti veditabbaṃ.
๑๕๓. ‘‘มตสูกโร’’ติ วจนโต ตเมว ชีวนฺตํ ภณฺฑเทยฺยนฺติ กตฺวา ทาตุํ น ลภติฯ วชฺฌํ วฎฺฎตีติ ทีปิตํ โหติฯ มทฺทโนฺต คจฺฉติ, ภณฺฑเทยฺยนฺติ เอตฺถ กิตฺตกํ ภณฺฑเทยฺยํ, น หิ สกฺกา ‘‘เอตฺตกา สูกรา มทฺทิตฺวา คตา คมิสฺสนฺตี’’ติ ชานิตุนฺติ? ยตฺตเก สามิกานํ ทิเนฺน เต ‘‘ทินฺนํ มม ภณฺฑ’’นฺติ ตุสฺสนฺติ, ตตฺตกํ ทาตพฺพํฯ โน เจ ตุสฺสนฺติ, อติกฺกนฺตสูกรมูลํ ทตฺวา กิํ โอปาโต ขณิตฺวา ทาตโพฺพติ? น ทาตโพฺพฯ อถ กิํ โจทิยมานสฺส อุภินฺนํ ธุรนิเกฺขเปน ปาราชิกํ โหตีติ? น โหติ, เกวลํ กปฺปิยปริกฺขารํ ทตฺวา โตเสตโพฺพว สามิโก, เอเสว นโย อเญฺญสุปิ เอวรูเปสูติ โน ตโกฺกติ อาจริโยฯ ‘‘ตทเหว วา ทุติยทิวเส วา มทฺทโนฺต คจฺฉตี’’ติ วุตฺตํฯ คุเมฺพ ขิปติ, ภณฺฑเทยฺยเมวาติ อวสฺสํ ปวิสนเก สนฺธาย วุตฺตํฯ เอตฺถ เอกสฺมิํ วิหาเร ปรจกฺกาทิภยํ อาคตํฯ มูลวตฺถุเจฺฉทนฺติ ‘‘สพฺพเสนาสนํ เอเต อิสฺสรา’’ติ วจนโต อิตเร อนิสฺสราติ ทีปิตํ โหติฯ
153.‘‘Matasūkaro’’ti vacanato tameva jīvantaṃ bhaṇḍadeyyanti katvā dātuṃ na labhati. Vajjhaṃ vaṭṭatīti dīpitaṃ hoti. Maddanto gacchati, bhaṇḍadeyyanti ettha kittakaṃ bhaṇḍadeyyaṃ, na hi sakkā ‘‘ettakā sūkarā madditvā gatā gamissantī’’ti jānitunti? Yattake sāmikānaṃ dinne te ‘‘dinnaṃ mama bhaṇḍa’’nti tussanti, tattakaṃ dātabbaṃ. No ce tussanti, atikkantasūkaramūlaṃ datvā kiṃ opāto khaṇitvā dātabboti? Na dātabbo. Atha kiṃ codiyamānassa ubhinnaṃ dhuranikkhepena pārājikaṃ hotīti? Na hoti, kevalaṃ kappiyaparikkhāraṃ datvā tosetabbova sāmiko, eseva nayo aññesupi evarūpesūti no takkoti ācariyo. ‘‘Tadaheva vā dutiyadivase vā maddanto gacchatī’’ti vuttaṃ. Gumbe khipati, bhaṇḍadeyyamevāti avassaṃ pavisanake sandhāya vuttaṃ. Ettha ekasmiṃ vihāre paracakkādibhayaṃ āgataṃ. Mūlavatthucchedanti ‘‘sabbasenāsanaṃ ete issarā’’ti vacanato itare anissarāti dīpitaṃ hoti.
๑๕๖. อารามรกฺขกาติ วิสฺสฎฺฐวเสน คเหตพฺพํฯ อธิปฺปายํ ญตฺวาติ เอตฺถ ยสฺส ทานํ ปฎิคฺคณฺหนฺตํ ภิกฺขุํ, ภาคํ วา สามิกา น รกฺขนฺติ น ทเณฺฑนฺติ, ตสฺส ทานํ อปฺปฎิจฺฉาเทตฺวา คเหตุํ วฎฺฎตีติ อิธ สนฺนิฎฺฐานํฯ ตมฺปิ ‘‘น วฎฺฎติ สงฺฆิเก’’ติ วุตฺตํฯ อยเมว ภิกฺขุ อิสฺสโรติ ยตฺถ โส อิจฺฉติ, ตตฺถ อตฺตญาตเหตุํ ลภติ กิร อโตฺถฯ อปิจ ‘‘ทหโร’’ติ วทนฺติฯ สวตฺถุกนฺติ สห ภูมิยาติ วุตฺตํ โหติฯ ‘‘ครุภณฺฑํ โหตี’’ติ วตฺวา ‘‘ติณมตฺตํ ปน น ทาตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํ, ตํ กินฺตุ ครุภณฺฑนฺติ เจ, อรกฺขิยอโคปิยฎฺฐาเน, วินสฺสนกภาเว จ ฐิตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ กปฺปิเยปิ จาติ วตฺวา, อวตฺวา วา คหณยุเตฺต มาตาทิสนฺตเกปิ เถยฺยจิตฺตุปฺปาเทนฯ อิทํ ปน สิกฺขาปทํ ‘‘ราชาปิเมสํ อภิปฺปสโนฺน’’ติ (ปารา. ๘๖) วจนโต ลาภคฺคมหตฺตํ, เวปุลฺลมหตฺตญฺจ ปตฺตกาเล ปญฺญตฺตนฺติ สิทฺธํฯ
156.Ārāmarakkhakāti vissaṭṭhavasena gahetabbaṃ. Adhippāyaṃ ñatvāti ettha yassa dānaṃ paṭiggaṇhantaṃ bhikkhuṃ, bhāgaṃ vā sāmikā na rakkhanti na daṇḍenti, tassa dānaṃ appaṭicchādetvā gahetuṃ vaṭṭatīti idha sanniṭṭhānaṃ. Tampi ‘‘na vaṭṭati saṅghike’’ti vuttaṃ. Ayameva bhikkhu issaroti yattha so icchati, tattha attañātahetuṃ labhati kira attho. Apica ‘‘daharo’’ti vadanti. Savatthukanti saha bhūmiyāti vuttaṃ hoti. ‘‘Garubhaṇḍaṃ hotī’’ti vatvā ‘‘tiṇamattaṃ pana na dātabba’’nti vuttaṃ, taṃ kintu garubhaṇḍanti ce, arakkhiyaagopiyaṭṭhāne, vinassanakabhāve ca ṭhitaṃ sandhāya vuttaṃ. Kappiyepi cāti vatvā, avatvā vā gahaṇayutte mātādisantakepi theyyacittuppādena. Idaṃ pana sikkhāpadaṃ ‘‘rājāpimesaṃ abhippasanno’’ti (pārā. 86) vacanato lābhaggamahattaṃ, vepullamahattañca pattakāle paññattanti siddhaṃ.
ทุติยปาราชิกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Dutiyapārājikavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / วินีตวตฺถุวณฺณนา • Vinītavatthuvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / กุสสงฺกามนวตฺถุกถาวณฺณนา • Kusasaṅkāmanavatthukathāvaṇṇanā