Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā)

    ๕. กูฎทนฺตสุตฺตวณฺณนา

    5. Kūṭadantasuttavaṇṇanā

    ๓๒๓. ปุริมสุตฺตทฺวเยติ อมฺพฎฺฐโสณทณฺฑสุตฺตทฺวเยฯ วุตฺตนยเมวาติ ยํ ตตฺถ อาคตสทิสํ อิธาคตํ ตํ อตฺถวณฺณนโต วุตฺตนยเมว, ตตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ ‘‘ตรุโณ อมฺพรุโกฺข อมฺพลฎฺฐิกา’’ติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๑.๒) พฺรหฺมชาลสุตฺตวณฺณนายํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อมฺพลฎฺฐิกา พฺรหฺมชาเล วุตฺตสทิสาวา’’ติฯ

    323.Purimasuttadvayeti ambaṭṭhasoṇadaṇḍasuttadvaye. Vuttanayamevāti yaṃ tattha āgatasadisaṃ idhāgataṃ taṃ atthavaṇṇanato vuttanayameva, tattha vuttanayeneva veditabbanti attho. ‘‘Taruṇo ambarukkho ambalaṭṭhikā’’ti (dī. ni. aṭṭha. 1.2) brahmajālasuttavaṇṇanāyaṃ vuttanti āha ‘‘ambalaṭṭhikā brahmajāle vuttasadisāvā’’ti.

    ยญฺญาวาฎํ สมฺปาเทตฺวา มหายญฺญํ อุทฺทิสฺส สวิญฺญาณกานิ, อวิญฺญาณกานิ จ ยญฺญูปกรณานิ อุปฎฺฐปิตานีติ วุตฺตํ ปาฬิยํ ‘‘มหายโญฺญ อุปกฺขโฎ’’ติ, ตํ อุปกฺขรณํ เตสํ ตถาสชฺชนนฺติ อาห ‘‘อุปกฺขโฎติ สชฺชิโต’’ติฯ วจฺฉตรสตานีติ ยุวภาวปฺปตฺตานิ พลววจฺฉสตานิ, เต ปน วจฺฉา เอว โหนฺติ, น ทมฺมา พลิพทฺทา จาติ อาห ‘‘วจฺฉสตานี’’ติฯ เอเตติ อุสภาทโย อุรพฺภปริโยสานาฯ อเนเกสนฺติ อเนกชาติกานํฯ สงฺขฺยาวเสน อเนกตา สตฺตสตคฺคหเณเนว ปริจฺฉินฺนาฯ มิคปกฺขีนนฺติ มหิํสรุรุปสทกุรุงฺคโคกณฺณมิคานเญฺจว โมรกปิญฺชรติตฺติรกโปตาทิปกฺขีนญฺจฯ

    Yaññāvāṭaṃ sampādetvā mahāyaññaṃ uddissa saviññāṇakāni, aviññāṇakāni ca yaññūpakaraṇāni upaṭṭhapitānīti vuttaṃ pāḷiyaṃ ‘‘mahāyañño upakkhaṭo’’ti, taṃ upakkharaṇaṃ tesaṃ tathāsajjananti āha ‘‘upakkhaṭoti sajjito’’ti. Vacchatarasatānīti yuvabhāvappattāni balavavacchasatāni, te pana vacchā eva honti, na dammā balibaddā cāti āha ‘‘vacchasatānī’’ti. Eteti usabhādayo urabbhapariyosānā. Anekesanti anekajātikānaṃ. Saṅkhyāvasena anekatā sattasataggahaṇeneva paricchinnā. Migapakkhīnanti mahiṃsarurupasadakuruṅgagokaṇṇamigānañceva morakapiñjaratittirakapotādipakkhīnañca.

    ๓๒๘. ยญฺญสงฺขาตสฺส ปุญฺญสฺส โย สํกิเลโส, ตสฺส นิวารณโต นิเสธนโต วิธา วุจฺจนฺติ วิปฺปฎิสารวิโนทนาฯ ตโต เอว ตา ตํ ปุญฺญาภิสนฺทํ อวิจฺฉินฺทิตฺวา ฐเปนฺตีติ ‘‘ฐปนา’’ติ วุตฺตาฯ ตาสํ ปน ยญฺญสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานวเสน ตีสุ กาเลสุ ปวตฺติยา ยโญฺญ ติฎฺฐปโนติ อาห ‘‘ติฎฺฐปนนฺติ อโตฺถ’’ติฯ ปริกฺขโรนฺติ อภิสงฺขโรนฺตีติ ปริกฺขารา, ปริวาราติ วุตฺตํฯ ‘‘โสฬสปริกฺขารนฺติ โสฬสปริวาร’’นฺติฯ

    328. Yaññasaṅkhātassa puññassa yo saṃkileso, tassa nivāraṇato nisedhanato vidhā vuccanti vippaṭisāravinodanā. Tato eva tā taṃ puññābhisandaṃ avicchinditvā ṭhapentīti ‘‘ṭhapanā’’ti vuttā. Tāsaṃ pana yaññassa ādimajjhapariyosānavasena tīsu kālesu pavattiyā yañño tiṭṭhapanoti āha ‘‘tiṭṭhapananti attho’’ti. Parikkharonti abhisaṅkharontīti parikkhārā, parivārāti vuttaṃ. ‘‘Soḷasaparikkhāranti soḷasaparivāra’’nti.

    มหาวิชิตราชยญฺญกถาวณฺณนา

    Mahāvijitarājayaññakathāvaṇṇanā

    ๓๓๖. ปุพฺพจริตนฺติ อตฺตโน ปุริมชาติสมฺภูตํ โพธิสมฺภารภูตํ ปุญฺญจริยํฯ ตถา หิสฺส อนุคามิโนว นิธิสฺส ถาวโร นิธิ นิทสฺสิโตฯ อฑฺฒตา นาม วิภวสมฺปนฺนตา, สา ตํ ตํ อุปาทายุปาทาย วุจฺจตีติ อาห ‘‘โย โกจิ อตฺตโน สนฺตเกน วิภเวน อโฑฺฒ โหตี’’ติ ฯ ตถา มหทฺธนตาปีติ ตํ อุกฺกํสคตํ ทเสฺสตุํ ‘‘มหตา อปริมาณสเงฺขฺยน ธเนน สมนฺนาคโต’’ติ วุตฺตํฯ ภุญฺชิตพฺพโต ปริภุญฺชิตพฺพโต วิเสสโต กามา โภโค นามาติ อาห ‘‘ปญฺจกามคุณวเสนา’’ติฯ ปิณฺฑปิณฺฑวเสนาติ ภาชนาลงฺการาทิวิภาคํ อหุตฺวา เกวลํ ขณฺฑขณฺฑวเสนฯ

    336.Pubbacaritanti attano purimajātisambhūtaṃ bodhisambhārabhūtaṃ puññacariyaṃ. Tathā hissa anugāminova nidhissa thāvaro nidhi nidassito. Aḍḍhatā nāma vibhavasampannatā, sā taṃ taṃ upādāyupādāya vuccatīti āha ‘‘yo koci attano santakena vibhavena aḍḍho hotī’’ti . Tathā mahaddhanatāpīti taṃ ukkaṃsagataṃ dassetuṃ ‘‘mahatā aparimāṇasaṅkhyena dhanena samannāgato’’ti vuttaṃ. Bhuñjitabbato paribhuñjitabbato visesato kāmā bhogo nāmāti āha ‘‘pañcakāmaguṇavasenā’’ti. Piṇḍapiṇḍavasenāti bhājanālaṅkārādivibhāgaṃ ahutvā kevalaṃ khaṇḍakhaṇḍavasena.

    มาสกาทีติ อาทิ-สเทฺทน ถาลกาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ภาชนาทีติ อาทิ-สเทฺทน วตฺถเสยฺยาวสถาทิํ สงฺคณฺหาติฯ สุวณฺณรชตมณิมุตฺตาเวฬุริยวชิรปวาฬานิ ‘‘สตฺตรตนานี’’ติ วทนฺติฯ สาลิวีหิอาทิ ปุพฺพณฺณํ ปุรกฺขตํสสฺสผลนฺติ กตฺวาฯ ตพฺพิปริยายโต มุคฺคมาสาทิ อปรณฺณํฯ เทวสิกํ…เป.… วเสนาติ ทิวเส ทิวเส ปริภุญฺชิตพฺพทาตพฺพวเฑฺฒตพฺพาทิวิธินา ปริวตฺตนกธนธญฺญวเสนฯ

    Māsakādīti ādi-saddena thālakādiṃ saṅgaṇhāti. Bhājanādīti ādi-saddena vatthaseyyāvasathādiṃ saṅgaṇhāti. Suvaṇṇarajatamaṇimuttāveḷuriyavajirapavāḷāni ‘‘sattaratanānī’’ti vadanti. Sālivīhiādi pubbaṇṇaṃ purakkhataṃsassaphalanti katvā. Tabbipariyāyato muggamāsādi aparaṇṇaṃ. Devasikaṃ…pe… vasenāti divase divase paribhuñjitabbadātabbavaḍḍhetabbādividhinā parivattanakadhanadhaññavasena.

    โกฎฺฐํ วุจฺจติ ธญฺญสฺส อาฐปนฎฺฐานํ, โกฎฺฐภูตํ อคารํ โกฎฺฐาคารํ เตนาห ‘‘ธเญฺญน…เป.… คาโร จา’’ติฯ เอวํ สารคพฺภํ ‘‘โกโส’’ติ, ธญฺญสฺส อาฐปนฎฺฐานญฺจ ‘‘โกฎฺฐาคาร’’นฺติ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ตโต อญฺญถา ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อถ วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยถา อสิโน ติกฺขภาวปริหารโต ปริจฺฉโท ‘‘โกโส’’ติ วุจฺจติ, เอวํ รโญฺญ ติกฺขภาวปริหรณตฺตา จตุรงฺคินี เสนา ‘‘โกโส’’ติ อาห ‘‘จตุพฺพิโธ โกโส หตฺถี อสฺสา รถา ปตฺตี’’ติฯ ‘‘วตฺถโกฎฺฐาคารคฺคหเณเนว สพฺพสฺสาปิ ภณฺฑฎฺฐปนฎฺฐานสฺส คหิตตฺตา ติวิธํ โกฎฺฐาคารนฺติ วุตฺตํฯ ‘‘อิทํ เอวํ พหุ’’นฺติอาทิ ราชา ตมตฺถํ ชานโนฺตว ภณฺฑาคาริเกน กถาเปตฺวา ปริสาย นิสฺสทฺทภาวาปาทนตฺถญฺจ อาห เอวํ เม ปกติโกฺขโภ น ภวิสฺสตีติฯ

    Koṭṭhaṃ vuccati dhaññassa āṭhapanaṭṭhānaṃ, koṭṭhabhūtaṃ agāraṃ koṭṭhāgāraṃ tenāha ‘‘dhaññena…pe… gāro cā’’ti. Evaṃ sāragabbhaṃ ‘‘koso’’ti, dhaññassa āṭhapanaṭṭhānañca ‘‘koṭṭhāgāra’’nti dassetvā idāni tato aññathā taṃ dassetuṃ ‘‘atha vā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yathā asino tikkhabhāvaparihārato paricchado ‘‘koso’’ti vuccati, evaṃ rañño tikkhabhāvapariharaṇattā caturaṅginī senā ‘‘koso’’ti āha ‘‘catubbidho koso hatthī assā rathā pattī’’ti. ‘‘Vatthakoṭṭhāgāraggahaṇeneva sabbassāpi bhaṇḍaṭṭhapanaṭṭhānassa gahitattā tividhaṃ koṭṭhāgāranti vuttaṃ. ‘‘Idaṃ evaṃ bahu’’ntiādi rājā tamatthaṃ jānantova bhaṇḍāgārikena kathāpetvā parisāya nissaddabhāvāpādanatthañca āha evaṃ me pakatikkhobho na bhavissatīti.

    ๓๓๗-๘. พฺราหฺมโณ จิเนฺตสิ ชนปทสฺส อนุปทฺทวตฺถเญฺจว ยญฺญสฺส จ จิรานุปวตฺตนตฺถญฺจ, เตนาห ‘‘อยํ ราชา’’ติอาทิฯ

    337-8.Brāhmaṇo cintesi janapadassa anupaddavatthañceva yaññassa ca cirānupavattanatthañca, tenāha ‘‘ayaṃ rājā’’tiādi.

    สตฺตานํ หิตสฺส สุขสฺส จ วิทูสนโต อหิตสฺส ทุกฺขสฺส จ อาวหนโต โจรา เอว กณฺฎกา, เตหิ โจรกณฺฎเกหิฯ ยถา คามวาสีนํ ฆาตา คามฆาตา, เอวํ ปนฺถิกานํ ทุหนา วิพาธนา ปนฺถทุหนาฯ อธมฺมการีติ ธมฺมโต อเปตสฺส อยุตฺตสฺส กรณสีโล, อตฺตโน วิชิเต ชนปทาทีนํ ตโต อนตฺถโต ตายเนน ขตฺติโย โย ขตฺตธโมฺม, ตสฺส วา อกรณสีโลติ อโตฺถฯ ทสฺสโว เอว ขีลสทิสตฺตา ทสฺสุขีลํฯ ยถา หิ เขเตฺต ขีลํ กสนาทีนํ สุขปฺปวตฺติํ , มูลสนฺตาเนน สสฺสสฺส พุทฺธิญฺจ วิพนฺธติ, เอวํ ทสฺสโว รเชฺช ราชาณาย สุขปฺปวตฺติํ, มูลวิรุฬฺหิยา ชนปทานํ ปริพุทฺธิญฺจ วิพนฺธนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ทสฺสโว เอว ขีลสทิสตฺตา ทสฺสุขีล’’นฺติฯ วธ-สโทฺท หิํสนโตฺถปิ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘มารเณน วา โกฎฺฎเนน วา’’ติฯ อทฺทุพนฺธนาทินาติ อาทิ-สเทฺทน รชฺชุพนฺธนสงฺขลิกพนฺธนาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ชานิยาติ ธนชานิยา, เตนาห ‘‘สตํ คณฺหถา’’ติอาทิฯ ปญฺจสิขมุณฺฑกรณนฺติ กากปกฺขกรณํฯ โคมยสิญฺจนนฺติ สีเส ฉกโณทกาวเสจนํฯ กุทณฺฑกพนฺธนนฺติ คทฺทุลพนฺธนํฯ เอวมาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน ขุรมุณฺฑํ กริตฺวา ภสฺมปุฎโปถนาทิํ สงฺคณฺหาติฯ อูหนิสฺสามีติ อุทฺธริสฺสามิ, อปเนสฺสามีติ อโตฺถฯ อุสฺสหนฺตีติ ปุเพฺพ ตตฺถ กตปริจยตาย อุสฺสาหํ กาตุํ สโกฺกนฺติฯ อนุปฺปเทตูติ อนุ อนุ ปเทตุ, เตนาห ‘‘ทิเนฺน อปฺปโหเนฺต’’ติอาทิฯ สกฺขิกรณปณฺณาโรปนานิ วฑฺฒิยา สห วา วินา วา ปุน คเหตุกามสฺส, อิธ ปน ตํ นตฺถีติ อาห ‘‘สกฺขิํ อกตฺวา’’ติอาทิ, เตนาห ‘‘มูลเจฺฉชฺชวเสนา’’ติฯ ปการโต ภณฺฑานิ อาภรติ สมฺภรติ ปริจยติ เอเตนาติ ปาภตํ, ภณฺฑมูลํฯ

    Sattānaṃ hitassa sukhassa ca vidūsanato ahitassa dukkhassa ca āvahanato corā eva kaṇṭakā, tehi corakaṇṭakehi. Yathā gāmavāsīnaṃ ghātā gāmaghātā, evaṃ panthikānaṃ duhanā vibādhanā panthaduhanā. Adhammakārīti dhammato apetassa ayuttassa karaṇasīlo, attano vijite janapadādīnaṃ tato anatthato tāyanena khattiyo yo khattadhammo, tassa vā akaraṇasīloti attho. Dassavo eva khīlasadisattā dassukhīlaṃ. Yathā hi khette khīlaṃ kasanādīnaṃ sukhappavattiṃ , mūlasantānena sassassa buddhiñca vibandhati, evaṃ dassavo rajje rājāṇāya sukhappavattiṃ, mūlaviruḷhiyā janapadānaṃ paribuddhiñca vibandhanti. Tena vuttaṃ ‘‘dassavo eva khīlasadisattā dassukhīla’’nti. Vadha-saddo hiṃsanatthopi hotīti vuttaṃ ‘‘māraṇena vā koṭṭanena vā’’ti. Addubandhanādināti ādi-saddena rajjubandhanasaṅkhalikabandhanādiṃ saṅgaṇhāti. Jāniyāti dhanajāniyā, tenāha ‘‘sataṃ gaṇhathā’’tiādi. Pañcasikhamuṇḍakaraṇanti kākapakkhakaraṇaṃ. Gomayasiñcananti sīse chakaṇodakāvasecanaṃ. Kudaṇḍakabandhananti gaddulabandhanaṃ. Evamādīnīti ādi-saddena khuramuṇḍaṃ karitvā bhasmapuṭapothanādiṃ saṅgaṇhāti. Ūhanissāmīti uddharissāmi, apanessāmīti attho. Ussahantīti pubbe tattha kataparicayatāya ussāhaṃ kātuṃ sakkonti. Anuppadetūti anu anu padetu, tenāha ‘‘dinne appahonte’’tiādi. Sakkhikaraṇapaṇṇāropanāni vaḍḍhiyā saha vā vinā vā puna gahetukāmassa, idha pana taṃ natthīti āha ‘‘sakkhiṃ akatvā’’tiādi, tenāha ‘‘mūlacchejjavasenā’’ti. Pakārato bhaṇḍāni ābharati sambharati paricayati etenāti pābhataṃ, bhaṇḍamūlaṃ.

    ทิวเส ทิวเส ทาตพฺพภตฺตํ เทวสิกภตฺตํฯ ‘‘อนุมาสํ, อนุโปสถ’’นฺติอาทินา ทาตพฺพํ เวตนํ มาสิกาทิปริพฺพยํฯ ตสฺส ตสฺส กุลานุรูเปน กมฺมานุรูเปน สูรภาวานุรูเปนาติ ปเจฺจกํ อนุรูป-สโทฺท โยเชตโพฺพฯ เสนาปจฺจาทิ ฐานนฺตรํฯ สกกมฺมปสุตตฺตา , อนุปทฺทวตฺตา จ ธนธญฺญานํ ราสิโก ราสิการภูโตฯ เขเมน ฐิตาติ อนุปทฺทเวน ปวตฺตา, เตนาห ‘‘อภยา’’ติ, กุโตจิปิ ภยรหิตาติ อโตฺถฯ

    Divase divase dātabbabhattaṃ devasikabhattaṃ. ‘‘Anumāsaṃ, anuposatha’’ntiādinā dātabbaṃ vetanaṃ māsikādiparibbayaṃ. Tassa tassa kulānurūpena kammānurūpena sūrabhāvānurūpenāti paccekaṃ anurūpa-saddo yojetabbo. Senāpaccādi ṭhānantaraṃ. Sakakammapasutattā , anupaddavattā ca dhanadhaññānaṃ rāsiko rāsikārabhūto. Khemena ṭhitāti anupaddavena pavattā, tenāha ‘‘abhayā’’ti, kutocipi bhayarahitāti attho.

    จตุปริกฺขารวณฺณนา

    Catuparikkhāravaṇṇanā

    ๓๓๙. ตสฺมิํ ตสฺมิํ กิเจฺจ อนุยนฺติ อนุวตฺตนฺตีติ อนุยนฺตา, อนุยนฺตา เอว อานุยนฺตา ยถา ‘‘อนุภาโว เอว อานุภาโว’’ติฯ อสฺสาติ รโญฺญฯ เตติ อานุยนฺตขตฺติยาทโยฯ อตฺตมนา น ภวิสฺสนฺติ ‘‘อเมฺห เอตฺถ พหิ กโรตี’’ติฯ นิพนฺธวิปุลาคโม คาโม นิคโม, วิวฑฺฒิตมหาอาโย มหาคาโมติ อโตฺถฯ ชนปท-สโทฺท เหฎฺฐา วุตฺตโตฺถ เอวฯ ฉนฺนํ ปกตีนํ วเสน รโญฺญ หิตสุขาภิพุทฺธิ, ตเทกเทสา จ อานุยนฺตาทโยติ วุตฺตํ ‘‘ยํ ตุมฺหากํ อนุชานนํ มม ภเวยฺย ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ

    339. Tasmiṃ tasmiṃ kicce anuyanti anuvattantīti anuyantā, anuyantā eva ānuyantā yathā ‘‘anubhāvo eva ānubhāvo’’ti. Assāti rañño. Teti ānuyantakhattiyādayo. Attamanā na bhavissanti ‘‘amhe ettha bahi karotī’’ti. Nibandhavipulāgamo gāmo nigamo, vivaḍḍhitamahāāyo mahāgāmoti attho. Janapada-saddo heṭṭhā vuttattho eva. Channaṃ pakatīnaṃ vasena rañño hitasukhābhibuddhi, tadekadesā ca ānuyantādayoti vuttaṃ ‘‘yaṃ tumhākaṃ anujānanaṃ mama bhaveyya dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti.

    อมา สห ภวนฺติ กิเจฺจสูติ อมจฺจา, รชฺชกิจฺจโวสาสนกาฯ เต ปน รโญฺญ ปิยา, สหปวตฺตนกา จ โหนฺตีติ อาห ‘‘ปิยสหายกา’’ติฯ รโญฺญ ปริสติ ภวาติ ปาริสชฺชา , เต ปน เกติ อาห ‘‘เสสา อาณตฺติกรา’’ติ, ยถาวุตฺตอานุยนฺตขตฺติยาที หิ อวเสสา รโญฺญ อาณากราติ อโตฺถฯ สติปิ เทยฺยธเมฺม อานุภาวสมฺปตฺติยา, ปริวารสมฺปตฺติยา จ อภาเว ตาทิสํ ทาตุํ น สกฺกา, วุฑฺฒกาเล จ ตาทิสานมฺปิ ราชูนํ ตทุภยํ หายเตวาติ อาห ‘‘มหลฺลกกาเล…เป.… น สกฺกา’’ติฯ อนุมติยาติ อนุชานเนน, ปกฺขาติ สปกฺขา ยญฺญสฺส องฺคภูตาฯ ปริกฺขโรนฺตีติ ปริกฺขารา, สมฺภาราฯ อิเม ตสฺส ยญฺญสฺส องฺคภูตา ปริวารา วิย โหนฺตีติ อาห ‘‘ปริวารา ภวนฺตี’’ติฯ

    Amā saha bhavanti kiccesūti amaccā, rajjakiccavosāsanakā. Te pana rañño piyā, sahapavattanakā ca hontīti āha ‘‘piyasahāyakā’’ti. Rañño parisati bhavāti pārisajjā, te pana keti āha ‘‘sesā āṇattikarā’’ti, yathāvuttaānuyantakhattiyādī hi avasesā rañño āṇākarāti attho. Satipi deyyadhamme ānubhāvasampattiyā, parivārasampattiyā ca abhāve tādisaṃ dātuṃ na sakkā, vuḍḍhakāle ca tādisānampi rājūnaṃ tadubhayaṃ hāyatevāti āha ‘‘mahallakakāle…pe… na sakkā’’ti. Anumatiyāti anujānanena, pakkhāti sapakkhā yaññassa aṅgabhūtā. Parikkharontīti parikkhārā, sambhārā. Ime tassa yaññassa aṅgabhūtā parivārā viya hontīti āha ‘‘parivārā bhavantī’’ti.

    อฎฺฐปริกฺขารวณฺณนา

    Aṭṭhaparikkhāravaṇṇanā

    ๓๔๐. ยสสาติ อานุภาเวน, เตนาห ‘‘อาณาฐปนสมตฺถตายา’’ติฯ สทฺทหตีติ ‘‘ทาตา ทานสฺส ผลํ ปจฺจนุโภตี’’ติ ปตฺติยายติฯ ทาเน สูโรติ ทานสูโร เทยฺยธเมฺม อีสกมฺปิ สงฺคํ อกตฺวา มุตฺตจาโคฯ สฺวายมโตฺถ กมฺมสฺสกตญฺญาณสฺส ติกฺขวิสทภาเวน เวทิตโพฺพ, เตนาห ‘‘น สทฺธามตฺตเกเนวา’’ติอาทิฯ ยสฺส หิ กมฺมสฺสกตา ปจฺจกฺขโต วิย อุปฎฺฐาติ, โส เอวํ วุโตฺตฯ ยํ ทานํ เทตีติ ยํ เทยฺยธมฺมํ ปรสฺส เทติฯ ตสฺส ปติ หุตฺวาติ ตพฺพิสยํ โลภํ สุฎฺฐุ อภิภวโนฺต ตสฺส อธิปติ หุตฺวา เทติ อนธิภวนียตฺตาฯ ‘‘น ทาโส, น สหาโย’’ติ วตฺวา ตทุภยํ อนฺวยโต, พฺยติเรกโต จ ทเสฺสตุํ ‘‘โย หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ทาโส หุตฺวา เทติ ตณฺหาย ทานสฺส ทาสพฺยตํ อุปคตตฺตาฯ สหาโย หุตฺวา เทติ ตสฺส ปิยภาวานิสฺสชฺชนโตฯ สามี หุตฺวา เทติ ตตฺถ ตณฺหาทาสพฺยโต อตฺตานํ โมเจตฺวา อภิภุยฺย ปวตฺตนโตฯ สามิปริโภคสทิสา เหตสฺสายํ ปวตฺตตีติฯ

    340.Yasasāti ānubhāvena, tenāha ‘‘āṇāṭhapanasamatthatāyā’’ti. Saddahatīti ‘‘dātā dānassa phalaṃ paccanubhotī’’ti pattiyāyati. Dāne sūroti dānasūro deyyadhamme īsakampi saṅgaṃ akatvā muttacāgo. Svāyamattho kammassakataññāṇassa tikkhavisadabhāvena veditabbo, tenāha ‘‘na saddhāmattakenevā’’tiādi. Yassa hi kammassakatā paccakkhato viya upaṭṭhāti, so evaṃ vutto. Yaṃ dānaṃ detīti yaṃ deyyadhammaṃ parassa deti. Tassa pati hutvāti tabbisayaṃ lobhaṃ suṭṭhu abhibhavanto tassa adhipati hutvā deti anadhibhavanīyattā. ‘‘Na dāso, na sahāyo’’ti vatvā tadubhayaṃ anvayato, byatirekato ca dassetuṃ ‘‘yo hī’’tiādi vuttaṃ. Dāso hutvā deti taṇhāya dānassa dāsabyataṃ upagatattā. Sahāyo hutvā deti tassa piyabhāvānissajjanato. Sāmī hutvā deti tattha taṇhādāsabyato attānaṃ mocetvā abhibhuyya pavattanato. Sāmiparibhogasadisā hetassāyaṃ pavattatīti.

    สมิตปาปา สมณา, พาหิตปาปา พฺราหฺมณา อุกฺกฎฺฐนิเทฺทเสน, ปพฺพชฺชามตฺตสมณา ชาติมตฺตพฺราหฺมณา ปน กปณาทิคฺคหเณเนเวตฺถ คหิตาติ อธิปฺปาโยฯ ทุคฺคตาติ ทุกฺกรชีวิกํ อุปคตา กสิรวุตฺติกา, เตนาห ‘‘ทลิทฺทมนุสฺสา’’ติฯ อทฺธิกาติ อทฺธานมคฺคคามิโนฯ วณิพฺพกาติ ทายกานํ คุณกิตฺตนวเสน, กมฺมผลกิตฺตนมุเขน จ ยาจนกา เสยฺยถาปิ นคฺคจริยาทโย, เตนาห ‘‘อิฎฺฐํ ทินฺน’’นฺติอาทิฯ ‘‘ปสตมตฺต’’นฺติ วีหิตณฺฑุลาทิวเสน วุตฺตํ, ‘‘สราวมตฺต’’นฺติ ยาคุภตฺตาทิวเสนฯ โอปานํ วุจฺจติ โอคาเหตฺวา ปาตพฺพโต นทิตฬากาทีนํ สพฺพสาธารณติตฺถํ โอปานํ วิย ภูโตติ โอปานภูโต, เตนาห ‘‘อุทปานภูโต’’ติอาทิฯ สุตเมว สุตชาตนฺติ ชาต-สทฺทสฺส อนตฺถนฺตรวาจกตมาห ยถา ‘‘โกสชาต’’นฺติฯ

    Samitapāpāsamaṇā, bāhitapāpā brāhmaṇā ukkaṭṭhaniddesena, pabbajjāmattasamaṇā jātimattabrāhmaṇā pana kapaṇādiggahaṇenevettha gahitāti adhippāyo. Duggatāti dukkarajīvikaṃ upagatā kasiravuttikā, tenāha ‘‘daliddamanussā’’ti. Addhikāti addhānamaggagāmino. Vaṇibbakāti dāyakānaṃ guṇakittanavasena, kammaphalakittanamukhena ca yācanakā seyyathāpi naggacariyādayo, tenāha ‘‘iṭṭhaṃ dinna’’ntiādi. ‘‘Pasatamatta’’nti vīhitaṇḍulādivasena vuttaṃ, ‘‘sarāvamatta’’nti yāgubhattādivasena. Opānaṃ vuccati ogāhetvā pātabbato naditaḷākādīnaṃ sabbasādhāraṇatitthaṃ opānaṃ viya bhūtoti opānabhūto, tenāha ‘‘udapānabhūto’’tiādi. Sutameva sutajātanti jāta-saddassa anatthantaravācakatamāha yathā ‘‘kosajāta’’nti.

    อตีตาทิอตฺถจินฺตนสมตฺถตา นามสฺส รโญฺญ อนุมานวเสน, อิติกตฺตพฺพตาวเสน จ เวทิตพฺพา , น พุทฺธานํ วิย ตตฺถ ปจฺจกฺขทสฺสิตายาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อตีเต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฑฺฒตาทโย ตาว ยญฺญสฺส ปริกฺขารา โหนฺตุ เตหิ วินา ตสฺส อสิชฺฌนโต, สุชาตตา สุรูปตา ปน กถนฺติ อาห ‘‘เอเตหิ กิรา’’ติอาทิฯ เอตฺถ จ เกจิ ‘‘ยถา อฑฺฒตาทโย ยญฺญสฺส เอกํสโต องฺคานิ, น เอวมภิชาตตา, อภิรูปตา จาติ ทเสฺสตุํ กิรสทฺทคฺคหณ’’นฺติ วทนฺติ ‘‘อยํ ทุชฺชาโต’’ติอาทิ วจนสฺส อเนกนฺติกตํ มญฺญมานา, ตยิทํ อสารํ, สพฺพสาธารณวเสน เหส ยญฺญารโมฺภ ตตฺถ สิยา เกสญฺจิ ตถาปริวิตโกฺกติ ตสฺสาปิ อวกาสาภาวาทสฺสนตฺถํ ตถา วุตฺตตฺตาฯ กิร-สโทฺท ปน ตทา พฺราหฺมเณน จินฺติตาการสูจนโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ เอวมาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘อยํ วิรูโป ทลิโทฺท อเปฺปสโกฺข อสฺสโทฺธ อปฺปสฺสุโต อนตฺถญฺญู น เมธาวี’’ติ เอเตสํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ

    Atītādiatthacintanasamatthatā nāmassa rañño anumānavasena, itikattabbatāvasena ca veditabbā , na buddhānaṃ viya tattha paccakkhadassitāyāti dassetuṃ ‘‘atīte’’tiādi vuttaṃ. Aḍḍhatādayo tāva yaññassa parikkhārā hontu tehi vinā tassa asijjhanato, sujātatā surūpatā pana kathanti āha ‘‘etehi kirā’’tiādi. Ettha ca keci ‘‘yathā aḍḍhatādayo yaññassa ekaṃsato aṅgāni, na evamabhijātatā, abhirūpatā cāti dassetuṃ kirasaddaggahaṇa’’nti vadanti ‘‘ayaṃ dujjāto’’tiādi vacanassa anekantikataṃ maññamānā, tayidaṃ asāraṃ, sabbasādhāraṇavasena hesa yaññārambho tattha siyā kesañci tathāparivitakkoti tassāpi avakāsābhāvādassanatthaṃ tathā vuttattā. Kira-saddo pana tadā brāhmaṇena cintitākārasūcanattho daṭṭhabbo. Evamādīnīti ādi-saddena ‘‘ayaṃ virūpo daliddo appesakkho assaddho appassuto anatthaññū na medhāvī’’ti etesaṃ saṅgaho daṭṭhabbo.

    จตุปริกฺขาราทิวณฺณนา

    Catuparikkhārādivaṇṇanā

    ๓๔๑. ‘‘สุชํ ปคฺคณฺหนฺตาน’’นฺติ ปุโรหิตสฺส สยเมว กฎจฺฉุคฺคหณโชตเนน เอวํ สหตฺถา, สกฺกจฺจญฺจ ทาเน ยุตฺตตา อิจฺฉิตพฺพาติ ทเสฺสติ ฯ เอวํ ทุชฺชาตสฺสาติ เอตฺถาปิ เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    341.‘‘Sujaṃ paggaṇhantāna’’nti purohitassa sayameva kaṭacchuggahaṇajotanena evaṃ sahatthā, sakkaccañca dāne yuttatā icchitabbāti dasseti . Evaṃ dujjātassāti etthāpi heṭṭhā vuttanayeneva attho veditabbo.

    ๓๔๒. ติณฺณํ ฐานานนฺติ ทานสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานภูตาสุ ตีสุ ภูมีสุ, อวตฺถาสูติ อโตฺถฯ จลนฺตีติ กมฺปนฺติ ปุริมากาเรน น ติฎฺฐนฺติฯ กรณเตฺถติ ตติยาวิภตฺติอเตฺถฯ กตฺตริ เหตํ สามิวจนํ กรณียสทฺทาเปกฺขายฯ ‘‘ปจฺจานุตาโป น กตฺตโพฺพ’’ติ วตฺวา ตสฺส อกรณูปายํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุพฺพเจตนา ปน อจลา ปติฎฺฐเปตพฺพา’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อจลาติ ทฬฺหา เกนจิ อสํหีราฯ ปติฎฺฐเปตพฺพาติ สุปติฎฺฐิตา กาตพฺพาฯ เอวํ กรเณน หิ ยถา ตํ ทานํ สมฺปติ ยถาธิปฺปายํ นิปฺปชฺชติ, เอวํ อายติมฺปิ วิปุลผลตายาติ อาห ‘‘เอวญฺหิ ทานํ มหปฺผลํ โหตีติ ทเสฺสตี’’ติ, วิปฺปฎิสาเรน อนุปกฺกิลิฎฺฐภาวโตฯ มุญฺจเจตนาติ ปริจฺจาคเจตนาฯ ตสฺสา นิจฺจลภาโว นาม มุตฺตจาคตา ปุพฺพาภิสงฺขารวเสน อุฬารภาโว, สมนุสฺสรณเจตนาย ปน นิจฺจลภาโว ‘‘อโห มยา ทานํ ทินฺนํ สาธุ สุฎฺฐู’’ติ ตสฺส สกฺกจฺจํ ปจฺจเวกฺขณาวเสน เวทิตโพฺพฯ ตถา อกโรนฺตสฺสาติ มุญฺจเจตนํ, ตตฺถ ปจฺจาสมนุสฺสรณเจตนญฺจ วุตฺตนเยน นิจฺจลํ อกโรนฺตสฺส วิปฺปฎิสารํ อุปฺปาเทนฺตสฺสฯ เขตฺตวิเสเส ปริจฺจาคสฺส กตตฺตา ลเทฺธสุปิ อุฬาเรสุ โภเคสุ จิตฺตํ นาปิ นมติฯ ยถา กถนฺติ อาห ‘‘มหาโรรุวํ อุปปนฺนสฺส เสฎฺฐิคหปติโน วิยา’’ติฯ

    342.Tiṇṇaṃ ṭhānānanti dānassa ādimajjhapariyosānabhūtāsu tīsu bhūmīsu, avatthāsūti attho. Calantīti kampanti purimākārena na tiṭṭhanti. Karaṇattheti tatiyāvibhattiatthe. Kattari hetaṃ sāmivacanaṃ karaṇīyasaddāpekkhāya. ‘‘Paccānutāpo na kattabbo’’ti vatvā tassa akaraṇūpāyaṃ dassetuṃ ‘‘pubbacetanā pana acalā patiṭṭhapetabbā’’ti vuttaṃ. Tattha acalāti daḷhā kenaci asaṃhīrā. Patiṭṭhapetabbāti supatiṭṭhitā kātabbā. Evaṃ karaṇena hi yathā taṃ dānaṃ sampati yathādhippāyaṃ nippajjati, evaṃ āyatimpi vipulaphalatāyāti āha ‘‘evañhi dānaṃ mahapphalaṃ hotīti dassetī’’ti, vippaṭisārena anupakkiliṭṭhabhāvato. Muñcacetanāti pariccāgacetanā. Tassā niccalabhāvo nāma muttacāgatā pubbābhisaṅkhāravasena uḷārabhāvo, samanussaraṇacetanāya pana niccalabhāvo ‘‘aho mayā dānaṃ dinnaṃ sādhu suṭṭhū’’ti tassa sakkaccaṃ paccavekkhaṇāvasena veditabbo. Tathā akarontassāti muñcacetanaṃ, tattha paccāsamanussaraṇacetanañca vuttanayena niccalaṃ akarontassa vippaṭisāraṃ uppādentassa. Khettavisese pariccāgassa katattā laddhesupi uḷāresubhogesu cittaṃ nāpi namati. Yathā kathanti āha ‘‘mahāroruvaṃ upapannassa seṭṭhigahapatino viyā’’ti.

    โส กิร ตครสิขิํ ปเจฺจกพุทฺธํ อตฺตโน เคหทฺวาเร ปิณฺฑาย ฐิตํ ทิสฺวา ‘‘อิมสฺส สมณสฺส ปิณฺฑปาตํ เทหี’’ติ ภริยํ อาณาเปตฺวา ราชุปฎฺฐานตฺถํ ปกฺกามิฯ เสฎฺฐิภริยา สปฺปญฺญชาติกา, สา จิเนฺตสิ ‘‘มยา เอตฺตเกน กาเลน ‘อิมสฺส เทถา’ติ วจนมตฺตํ ปิสฺส น สุตปุพฺพํ, อยญฺจ มเญฺญ อโหสิ ปเจฺจกสมฺพุโทฺธ, ยถา ตถา อทตฺวา ปณีตํ ปิณฺฑปาตํ ทสฺสามี’’ติ อุปคนฺตฺวา ปเจฺจกสมฺพุทฺธํ ปญฺจปติฎฺฐิเตน วนฺทิตฺวา ปตฺตํ อาทาย อโนฺตนิเวสเน ปญฺญตฺตาสเน นิสีทาเปตฺวา ปริสุเทฺธหิ สาลิตณฺฑุเลหิ ภตฺตํ สมฺปาเทตฺวา ตทนุรูปํ ขาทนียํ, พฺยญฺชนํ, สูเปยฺยญฺจ อภิสงฺขริตฺวา พหิ คเนฺธหิ อลงฺกริตฺวา ปเจฺจกสมฺพุทฺธสฺส หเตฺถสุ ปติฎฺฐเปตฺวา วนฺทิฯ ปเจฺจกพุโทฺธ ‘‘อเญฺญสมฺปิ ปเจฺจกพุทฺธานํ สงฺคหํ กริสฺสามี’’ติ อปริภุญฺชิตฺวาว อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิฯ โสปิ โข เสฎฺฐิ ราชุปฎฺฐานํ กตฺวา อาคจฺฉโนฺต ปเจฺจกพุทฺธํ ทิสฺวา อหํ ‘‘ตุมฺหากํ ปิณฺฑปาตํ เทถา’’ติ วตฺวา ปกฺกโนฺต, อปิ โว ลโทฺธ ปิณฺฑปาโตติฯ อาม เสฎฺฐิ ลโทฺธติฯ ‘‘ปสฺสามา’’ติ คีวํ อุกฺขิปิตฺวา โอโลเกสิฯ อถสฺส ปิณฺฑปาตคโนฺธ อุฎฺฐหิตฺวา นาสปุฎํ ปูเรสิฯ โส ‘‘มหา วต เม ธนพฺยโย ชาโต’’ติ จิตฺตํ สนฺธาเรตุํ อสโกฺกโนฺต ปจฺฉา วิปฺปฎิสารี อโหสิฯ วิปฺปฎิสารสฺส ปน อุปฺปนฺนากาโร ‘‘วรเมต’’นฺติอาทินา (สํ. นิ. ๑.๑๓๑) ปาฬิยํ อาคโตเยวฯ ภาตุ ปนายํ เอกํ ปุตฺตกํ สาปเตยฺยการณา ชีวิตา โวโรเปสิ, เตน มหาโรรุวํ อุปปโนฺนฯ ปิณฺฑปาตทาเนน ปเนส สตฺตกฺขตฺตุํ สุคฺคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปโนฺน, สตฺตกฺขตฺตุเมว จ เสฎฺฐิกุเล นิพฺพโตฺต, น จาสฺส อุฬาเรสุ โภเคสุ จิตฺตํ นมิ, เตน วุตฺตํ ‘‘นาปิ อุฬาเรสุ โภเคสุ จิตฺตํ นมตี’’ติฯ

    So kira tagarasikhiṃ paccekabuddhaṃ attano gehadvāre piṇḍāya ṭhitaṃ disvā ‘‘imassa samaṇassa piṇḍapātaṃ dehī’’ti bhariyaṃ āṇāpetvā rājupaṭṭhānatthaṃ pakkāmi. Seṭṭhibhariyā sappaññajātikā, sā cintesi ‘‘mayā ettakena kālena ‘imassa dethā’ti vacanamattaṃ pissa na sutapubbaṃ, ayañca maññe ahosi paccekasambuddho, yathā tathā adatvā paṇītaṃ piṇḍapātaṃ dassāmī’’ti upagantvā paccekasambuddhaṃ pañcapatiṭṭhitena vanditvā pattaṃ ādāya antonivesane paññattāsane nisīdāpetvā parisuddhehi sālitaṇḍulehi bhattaṃ sampādetvā tadanurūpaṃ khādanīyaṃ, byañjanaṃ, sūpeyyañca abhisaṅkharitvā bahi gandhehi alaṅkaritvā paccekasambuddhassa hatthesu patiṭṭhapetvā vandi. Paccekabuddho ‘‘aññesampi paccekabuddhānaṃ saṅgahaṃ karissāmī’’ti aparibhuñjitvāva anumodanaṃ katvā pakkāmi. Sopi kho seṭṭhi rājupaṭṭhānaṃ katvā āgacchanto paccekabuddhaṃ disvā ahaṃ ‘‘tumhākaṃ piṇḍapātaṃ dethā’’ti vatvā pakkanto, api vo laddho piṇḍapātoti. Āma seṭṭhi laddhoti. ‘‘Passāmā’’ti gīvaṃ ukkhipitvā olokesi. Athassa piṇḍapātagandho uṭṭhahitvā nāsapuṭaṃ pūresi. So ‘‘mahā vata me dhanabyayo jāto’’ti cittaṃ sandhāretuṃ asakkonto pacchā vippaṭisārī ahosi. Vippaṭisārassa pana uppannākāro ‘‘varameta’’ntiādinā (saṃ. ni. 1.131) pāḷiyaṃ āgatoyeva. Bhātu panāyaṃ ekaṃ puttakaṃ sāpateyyakāraṇā jīvitā voropesi, tena mahāroruvaṃ upapanno. Piṇḍapātadānena panesa sattakkhattuṃ suggatiṃ saggaṃ lokaṃ upapanno, sattakkhattumeva ca seṭṭhikule nibbatto, na cāssa uḷāresu bhogesu cittaṃ nami, tena vuttaṃ ‘‘nāpi uḷāresu bhogesu cittaṃ namatī’’ti.

    ๓๔๓. อากโรติ อตฺตโน อนุรูปตาย สมริยาทํ สปริเจฺฉทํ ผลํ นิพฺพเตฺตตีติ อากาโร, การณนฺติ อาห ‘‘ทสหิ อากาเรหีติ ทสหิ การเณหี’’ติฯ ปฎิคฺคาหกโต วาติ พลวตโร หุตฺวา อุปฺปชฺชมาโน ปฎิคฺคาหกโตว อุปฺปชฺชติ, อิตโร ปน เทยฺยธมฺมโต, ปริวารชนโตปิ อุปฺปเชฺชเยฺยวฯ อุปฺปชฺชิตุํ ยุตฺตนฺติ อุปฺปชฺชนารหํฯ เตสํเยว ปาณาติปาตีนํฯ ยชนํ นาเมตฺถ ทานํ อธิเปฺปตํ, น อคฺคิชุหนนฺติ อาห ‘‘ยชตํ ภวนฺติ เทตุ ภว’’นฺติฯ วิสฺสชฺชตูติ มุตฺตจาควเสน วิสฺสชฺชตุฯ อพฺภนฺตรนฺติ อชฺฌตฺตํ, สกสนฺตาเนติ อโตฺถฯ

    343. Ākaroti attano anurūpatāya samariyādaṃ saparicchedaṃ phalaṃ nibbattetīti ākāro, kāraṇanti āha ‘‘dasahi ākārehīti dasahi kāraṇehī’’ti. Paṭiggāhakato vāti balavataro hutvā uppajjamāno paṭiggāhakatova uppajjati, itaro pana deyyadhammato, parivārajanatopi uppajjeyyeva. Uppajjituṃ yuttanti uppajjanārahaṃ. Tesaṃyeva pāṇātipātīnaṃ. Yajanaṃ nāmettha dānaṃ adhippetaṃ, na aggijuhananti āha ‘‘yajataṃ bhavanti detu bhava’’nti. Vissajjatūti muttacāgavasena vissajjatu. Abbhantaranti ajjhattaṃ, sakasantāneti attho.

    ๓๔๔. เหฎฺฐา โสฬส ปริกฺขารา วุตฺตา ยญฺญสฺส เต วตฺถุํ กตฺวา, อิธ ปน สนฺทสฺสนาทิวเสน อนุโมทนาย อารทฺธตฺตา วุตฺตํ ‘‘โสฬสหิ อากาเรหี’’ติฯ ทเสฺสตฺวา อตฺตโน เทสนานุภาเวน ปจฺจกฺขโต วิย ผลํ ทเสฺสตฺวา, อเนกวารํ ปน กถนโต จ อาเมฑิตวจนํฯ ตมตฺถนฺติ ยถาวุตฺตํ ทานผลวเสน กมฺมผลสมฺพนฺธํฯ สมาทเปตฺวาติ สุตมตฺตเมว อกตฺวา ยถา ราชา ตมตฺถํ สมฺมเทว อาทิยติ จิเตฺต กโรโนฺต สุคฺคหิตํ กตฺวา คณฺหาติ, ตถา สกฺกจฺจํ อาทาเปตฺวาฯ อาเมฑิตการณํ เหฎฺฐา วุตฺตเมวฯ

    344. Heṭṭhā soḷasa parikkhārā vuttā yaññassa te vatthuṃ katvā, idha pana sandassanādivasena anumodanāya āraddhattā vuttaṃ ‘‘soḷasahi ākārehī’’ti. Dassetvā attano desanānubhāvena paccakkhato viya phalaṃ dassetvā, anekavāraṃ pana kathanato ca āmeḍitavacanaṃ. Tamatthanti yathāvuttaṃ dānaphalavasena kammaphalasambandhaṃ. Samādapetvāti sutamattameva akatvā yathā rājā tamatthaṃ sammadeva ādiyati citte karonto suggahitaṃ katvā gaṇhāti, tathā sakkaccaṃ ādāpetvā. Āmeḍitakāraṇaṃ heṭṭhā vuttameva.

    ‘‘วิปฺปฎิสารวิโนทเนนา’’ติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ โลภโทสโมหอิสฺสามจฺฉริยมานาทโยปิ หิ ทานจิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา, เตสํ วิโนทเนนปิ ตํ สมุเตฺตชิตํ นาม โหติ ติกฺขวิสทภาวปฺปตฺติโตฯ อาสนฺนตรภาวโต วา วิปฺปฎิสารสฺส ตพฺพิโนทนเมว คหิตํ, ปวตฺติเตปิ หิ ทาเน ตสฺส สมฺภวโตฯ ยาถาวโต วิชฺชมาเนหิ คุเณหิ ตุฎฺฐปหฎฺฐภาวาปาทนํ สมฺปหํสนนฺติ อาห ‘‘สุนฺทรํ เต…เป.… ถุติํ กตฺวา กเถสี’’ติฯ ธมฺมโตติ สจฺจโตฯ สจฺจญฺหิ ธมฺมโต อนเปตตฺตา ธมฺมํ, อุปสมจริยาภาวโต สมํ, ยุตฺตภาเวน การณนฺติ จ วุจฺจตีติฯ

    ‘‘Vippaṭisāravinodanenā’’ti idaṃ nidassanamattaṃ lobhadosamohaissāmacchariyamānādayopi hi dānacittassa upakkilesā, tesaṃ vinodanenapi taṃ samuttejitaṃ nāma hoti tikkhavisadabhāvappattito. Āsannatarabhāvato vā vippaṭisārassa tabbinodanameva gahitaṃ, pavattitepi hi dāne tassa sambhavato. Yāthāvato vijjamānehi guṇehi tuṭṭhapahaṭṭhabhāvāpādanaṃ sampahaṃsananti āha ‘‘sundaraṃ te…pe… thutiṃ katvā kathesī’’ti. Dhammatoti saccato. Saccañhi dhammato anapetattā dhammaṃ, upasamacariyābhāvato samaṃ, yuttabhāvena kāraṇanti ca vuccatīti.

    ๓๔๕. ตสฺมิํ ยเญฺญ รุกฺขติณเจฺฉโทปิ นาม นาโหสิ, กุโต ปาณวโธติ ปาณวธาภาวเสฺสว ทฬฺหีกรณตฺถํ สพฺพโส วิปรีตคาหาวิทูสิตญฺจสฺส ทเสฺสตุํ ปาฬิยํ ‘‘เนว คาโว หญฺญิํสู’’ติ อาทิํ วตฺวาปิ ‘‘น รุกฺขา ฉิชฺชิํสู’’ติอาทิ วุตฺตํ, เตนาห ‘‘กิํ ปน คาโว’’ติอาทิฯ พริหิสตฺถายาติ ปริเจฺฉทนตฺถายฯ วนมาลาสเงฺขเปนาติ วนปุเปฺผหิ คนฺถิตมาลานิยาเมนฯ ภูมิยํ วา ปตฺถรนฺตีติ เวทิภูมิํ ปริกฺขิปนฺตา ตตฺถ ปนฺถรนฺติฯ อโนฺตเคหทาสาทโยติ อโนฺตชาตธนกฺกีตกรมรานีตสยํทาสาฯ ปุพฺพเมวาติ ภติกรณโต ปเควฯ คเหตฺวา กโรนฺตีติ ทิวเส ทิวเส คเหตฺวา กโรนฺติฯ ตชฺชิตาติ คชฺชิตาฯ ปิยสมุทาจาเรเนวาติ อิฎฺฐวจเนเนวฯ ผาณิเตน เจวาติ เอตฺถ -สโทฺท อวุตฺตสมุจฺจยโตฺถ, เตน ปณีตปณีตานํ นานปฺปการานํ ขาทนียโภชนียาทีนเญฺจว วตฺถมาลาคนฺธวิเลปนยานเสยฺยาทีนญฺจ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพ, เตนาห ‘‘ปณีเตหิ สปฺปิเตลาทิสมฺมิเสฺสเหวา’’ติอาทิฯ

    345. Tasmiṃ yaññe rukkhatiṇacchedopi nāma nāhosi, kuto pāṇavadhoti pāṇavadhābhāvasseva daḷhīkaraṇatthaṃ sabbaso viparītagāhāvidūsitañcassa dassetuṃ pāḷiyaṃ ‘‘neva gāvo haññiṃsū’’ti ādiṃ vatvāpi ‘‘na rukkhā chijjiṃsū’’tiādi vuttaṃ, tenāha ‘‘kiṃ pana gāvo’’tiādi. Barihisatthāyāti paricchedanatthāya. Vanamālāsaṅkhepenāti vanapupphehi ganthitamālāniyāmena. Bhūmiyaṃ vā pattharantīti vedibhūmiṃ parikkhipantā tattha pantharanti. Antogehadāsādayoti antojātadhanakkītakaramarānītasayaṃdāsā. Pubbamevāti bhatikaraṇato pageva. Gahetvā karontīti divase divase gahetvā karonti. Tajjitāti gajjitā. Piyasamudācārenevāti iṭṭhavacaneneva. Phāṇitena cevāti ettha ca-saddo avuttasamuccayattho, tena paṇītapaṇītānaṃ nānappakārānaṃ khādanīyabhojanīyādīnañceva vatthamālāgandhavilepanayānaseyyādīnañca saṅgaho daṭṭhabbo, tenāha ‘‘paṇītehi sappitelādisammissehevā’’tiādi.

    ๓๔๖. สํ นาม ธนํ, ตสฺส ปตีติ สปติ, ธนวาฯ ทิฎฺฐธมฺมิกสมฺปรายิกหิตาวหตฺตา ตสฺส หิตนฺติ สาปเตยฺยํ, ตเทว ธนํฯ เตนาห ‘‘ปหูตํ สาปเตยฺยํ อาทายาติ พหุํ ธนํ คเหตฺวา’’ติฯ คามภาเคนาติ สงฺกิตฺตนวเสน คาเม วา คเหตพฺพภาเคนฯ

    346. Saṃ nāma dhanaṃ, tassa patīti sapati, dhanavā. Diṭṭhadhammikasamparāyikahitāvahattā tassa hitanti sāpateyyaṃ, tadeva dhanaṃ. Tenāha ‘‘pahūtaṃ sāpateyyaṃ ādāyāti bahuṃ dhanaṃ gahetvā’’ti. Gāmabhāgenāti saṅkittanavasena gāme vā gahetabbabhāgena.

    ๓๔๗. ‘‘ยาคุํ ปิวิตฺวา’’ติ ยาคุสีเสน ปาตราสโภชนมาหฯ ปุรตฺถิเมน ยญฺญวาฎสฺสาติ รโญฺญ ทานสาลาย นาติทูเร ปุรตฺถิมทิสาภาเคติ อโตฺถ, ยโต ตตฺถ ปาตราสํ ภุญฺชิตฺวา อกิลนฺตรูปาเยว สายเนฺห สาลํ ปาปุณนฺติ ‘‘ทกฺขิเณน ยญฺญวาฎสฺสา’’ติ อาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    347.‘‘Yāguṃ pivitvā’’ti yāgusīsena pātarāsabhojanamāha. Puratthimena yaññavāṭassāti rañño dānasālāya nātidūre puratthimadisābhāgeti attho, yato tattha pātarāsaṃ bhuñjitvā akilantarūpāyeva sāyanhe sālaṃ pāpuṇanti ‘‘dakkhiṇena yaññavāṭassā’’ti ādīsupi eseva nayo.

    ๓๔๘. ปริหาเรนาติ ภควนฺตํ ครุํ กตฺวา อคารวปริหาเรนฯ

    348.Parihārenāti bhagavantaṃ garuṃ katvā agāravaparihārena.

    นิจฺจทานอนุกุลยญฺญวณฺณนา

    Niccadānaanukulayaññavaṇṇanā

    ๓๔๙. อุฎฺฐาย สมุฎฺฐายาติ ทาเน อุฎฺฐานวีริยํ สกฺกจฺจํ กตฺวาฯ อปฺปสมฺภารตโรติ อติวิย ปริตฺตสมฺภาโรฯ สมารภียติ ยโญฺญ เอเตหีติ สมารมฺภา, สมฺภารสมฺภรณวเสน ปวตฺตสตฺตปีฬาฯ อปฺปฎฺฐตโรติ ปน อติวิย อปฺปกิโจฺจติ อโตฺถฯ วิปากสญฺญิตํ อติสเยน มหนฺตํ สทิสผลํ เอตสฺสาติ มหปฺผลตโรฯ อุทยสญฺญิตํ อติสเยน มหนฺตํ นิสฺสนฺทาทิผลํ เอตสฺสาติ มหานิสํสตโรฯ ธุวทานานีติ ธุวานิ ถิรานิ อจฺฉินฺนานิ กตฺวา ทาตพฺพทานานิฯ อนุกุลยญฺญานีติ อนุกุลํ กุลานุกฺกมํ อุปาทาย ทาตพฺพทานานิ, เตนาห ‘‘อมฺหาก’’นฺติอาทิฯ นิพทฺธทานานีติ นิพเนฺธตฺวา นิยเมตฺวา ปเวณีวเสน ปวตฺติตทานานิฯ

    349.Uṭṭhāya samuṭṭhāyāti dāne uṭṭhānavīriyaṃ sakkaccaṃ katvā. Appasambhārataroti ativiya parittasambhāro. Samārabhīyati yañño etehīti samārambhā, sambhārasambharaṇavasena pavattasattapīḷā. Appaṭṭhataroti pana ativiya appakiccoti attho. Vipākasaññitaṃ atisayena mahantaṃ sadisaphalaṃ etassāti mahapphalataro. Udayasaññitaṃ atisayena mahantaṃ nissandādiphalaṃ etassāti mahānisaṃsataro. Dhuvadānānīti dhuvāni thirāni acchinnāni katvā dātabbadānāni. Anukulayaññānīti anukulaṃ kulānukkamaṃ upādāya dātabbadānāni, tenāha ‘‘amhāka’’ntiādi. Nibaddhadānānīti nibandhetvā niyametvā paveṇīvasena pavattitadānāni.

    หตฺถิทเนฺตน ปวตฺติตา ทนฺตมยสลากา, ยตฺถ ทายกานํ นามํ องฺกนฺติฯ รโญฺญติ เสตวาหนรโญฺญฯ

    Hatthidantena pavattitā dantamayasalākā, yattha dāyakānaṃ nāmaṃ aṅkanti. Raññoti setavāhanarañño.

    อาทีนีติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘เสโน วิย มํสเปสิํ กสฺมา โอกฺขนฺทิตฺวา คณฺหาสี’’ติ เอวมาทีนํ สงฺคโหฯ ปุพฺพเจตนามุญฺจเจตนาอปรเจตนาสมฺปตฺติยา ทายกสฺส วเสน ตีณิ องฺคานิ, วีตราคตาวีตโทสตาวีตโมหตาปฎิปตฺติยา ทกฺขิเณยฺยสฺส วเสน ตีณีติ เอวํ ฉฬงฺคสมนฺนาคตาย ทกฺขิณายฯ อปราปรํ อุปฺปชฺชนกเจตนาวเสน มหานที วิย, มโหโฆ วิย จ อิโต จิโต จ อภิสนฺทิตฺวา โอกฺขนฺทิตฺวา ปวตฺติยา ปุญฺญเมว ปุญฺญาภิสโนฺทฯ

    Ādīnīti ādi-saddena ‘‘seno viya maṃsapesiṃ kasmā okkhanditvā gaṇhāsī’’ti evamādīnaṃ saṅgaho. Pubbacetanāmuñcacetanāaparacetanāsampattiyā dāyakassa vasena tīṇi aṅgāni, vītarāgatāvītadosatāvītamohatāpaṭipattiyā dakkhiṇeyyassa vasena tīṇīti evaṃ chaḷaṅgasamannāgatāya dakkhiṇāya. Aparāparaṃ uppajjanakacetanāvasena mahānadī viya, mahogho viya ca ito cito ca abhisanditvā okkhanditvā pavattiyā puññameva puññābhisando.

    ๓๕๐. กิจฺจปริโยสานํ นตฺถิ ทิวเส ทิวเส ทายกสฺส พฺยาปาราปชฺชนโต, เตนาห ‘‘เอเกนา’’ติอาทิฯ กิจฺจปริโยสานํ อตฺถิ ยถารทฺธสฺส อาวาสสฺส กติปเยนาปิ กาเลน ปริสมาเปตพฺพโต, เตนาห ‘‘ปณฺณสาล’’นฺติอาทิฯ สุตฺตนฺตปริยาเยนาติ สุตฺตนฺตปาฬินเยนฯ (ม. นิ. ๑.๑๒, ๑๓; อ. นิ. ๒.๕๘) นว อานิสํสาติ สีตปฎิฆาตาทโย ปฎิสลฺลานารามปริโยสานา นว อุทยาฯ อปฺปมตฺตตาย เจเต วุตฺตาฯ

    350.Kiccapariyosānaṃ natthi divase divase dāyakassa byāpārāpajjanato, tenāha ‘‘ekenā’’tiādi. Kiccapariyosānaṃ atthi yathāraddhassa āvāsassa katipayenāpi kālena parisamāpetabbato, tenāha ‘‘paṇṇasāla’’ntiādi. Suttantapariyāyenāti suttantapāḷinayena. (Ma. ni. 1.12, 13; a. ni. 2.58) nava ānisaṃsāti sītapaṭighātādayo paṭisallānārāmapariyosānā nava udayā. Appamattatāya cete vuttā.

    ยสฺมา อาวาสํ เทเนฺตน นาม สพฺพมฺปิ ปจฺจยชาตํ ทินฺนเมว โหติฯ เทฺว ตโย คาเม ปิณฺฑาย จริตฺวา กิญฺจิ อลทฺธา อาคตสฺสปิ ฉายูทกสมฺปนฺนํ อารามํ ปวิสิตฺวา นฺหายิตฺวา ปติสฺสเย มุหุตฺตํ นิปชฺชิตฺวา วุฎฺฐาย นิสินฺนสฺส กาเย พลํ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตํ วิย โหติ ฯ พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย วณฺณธาตุ วาตาตเปหิ กิลมติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย มุหุตฺตํ นิปนฺนสฺส วิสภาคสนฺตติ วูปสมฺมติ, สภาคสนฺตติ ปติฎฺฐาติ, วณฺณธาตุ อาหริตฺวา ปกฺขิตฺตา วิย โหติฯ พหิ วิจรนฺตสฺส จ ปาเท กณฺฎโก วิชฺฌติ, ขาณุ ปหรติ, สรีสปาทิปริสฺสยา เจว โจรภยญฺจ อุปฺปชฺชติ, ปติสฺสยํ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิปนฺนสฺส สเพฺพ เต ปริสฺสยา น โหนฺติ, สชฺฌายนฺตสฺส ธมฺมปีติสุขํ, กมฺมฎฺฐานํ มนสิ กโรนฺตสฺส อุปสมสุขญฺจ อุปฺปชฺชติ พหิทฺธา วิเกฺขปาภาวโตฯ พหิ วิจรนฺตสฺส จ กาเย เสทา มุจฺจนฺติ, อกฺขีนิ ผนฺทนฺติ, เสนาสนํ ปวิสนกฺขเณ มญฺจปีฐาทีนิ น ปญฺญายนฺติ, มุหุตฺตํ นิสินฺนสฺส ปน อกฺขีนํ ปสาโท อาหริตฺวา ปกฺขิโตฺต วิย โหติ, ทฺวารวาตปานมญฺจปีฐาทีนิ ปญฺญายนฺติฯ เอตสฺมิญฺจ อาวาเส วสนฺตํ ทิสฺวา มนุสฺสา จตูหิ ปจฺจเยหิ สกฺกจฺจํ อุปฎฺฐหนฺติฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อาวาสํ เทเนฺตน นาม สพฺพมฺปิ ปจฺจยชาตํ ทินฺนเมว โหตี’’ติ, ตสฺมา เอเต ยถาวุตฺตา สเพฺพปิ อานิสํสา เวทิตพฺพาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘อปฺปมตฺตตาย เจเต วุตฺตา’’ติฯ

    Yasmā āvāsaṃ dentena nāma sabbampi paccayajātaṃ dinnameva hoti. Dve tayo gāme piṇḍāya caritvā kiñci aladdhā āgatassapi chāyūdakasampannaṃ ārāmaṃ pavisitvā nhāyitvā patissaye muhuttaṃ nipajjitvā vuṭṭhāya nisinnassa kāye balaṃ āharitvā pakkhittaṃ viya hoti . Bahi vicarantassa ca kāye vaṇṇadhātu vātātapehi kilamati, patissayaṃ pavisitvā dvāraṃ pidhāya muhuttaṃ nipannassa visabhāgasantati vūpasammati, sabhāgasantati patiṭṭhāti, vaṇṇadhātu āharitvā pakkhittā viya hoti. Bahi vicarantassa ca pāde kaṇṭako vijjhati, khāṇu paharati, sarīsapādiparissayā ceva corabhayañca uppajjati, patissayaṃ pavisitvā dvāraṃ pidhāya nipannassa sabbe te parissayā na honti, sajjhāyantassa dhammapītisukhaṃ, kammaṭṭhānaṃ manasi karontassa upasamasukhañca uppajjati bahiddhā vikkhepābhāvato. Bahi vicarantassa ca kāye sedā muccanti, akkhīni phandanti, senāsanaṃ pavisanakkhaṇe mañcapīṭhādīni na paññāyanti, muhuttaṃ nisinnassa pana akkhīnaṃ pasādo āharitvā pakkhitto viya hoti, dvāravātapānamañcapīṭhādīni paññāyanti. Etasmiñca āvāse vasantaṃ disvā manussā catūhi paccayehi sakkaccaṃ upaṭṭhahanti. Tena vuttaṃ ‘‘āvāsaṃ dentena nāma sabbampi paccayajātaṃ dinnameva hotī’’ti, tasmā ete yathāvuttā sabbepi ānisaṃsā veditabbā. Tena vuttaṃ ‘‘appamattatāya cete vuttā’’ti.

    สีตนฺติ อชฺฌตฺตํ ธาตุโกฺขภวเสน วา พหิทฺธา อุตุวิปริณามวเสน วา อุปฺปชฺชนกสีตํฯ อุณฺหนฺติ อคฺคิสนฺตาปํ, ตสฺส วนฑาหาทีสุ (วนทาหาทีสุ วา สารตฺถ. ฎี. จูฬวคฺค ๓.๒๙๕) สมฺภโว เวทิตโพฺพฯ ปฎิหนฺตีติ ปฎิพาหติ, ยถา ตทุภยวเสน กายจิตฺตานํ พาธนํ น โหติ, เอวํ กโรติฯ สีตุณฺหพฺภาหเต หิ สรีเร วิกฺขิตฺตจิโตฺต ภิกฺขุ โยนิโส ปทหิตุํ น สโกฺกติฯ วาฬมิคานีติ สีหพฺยคฺฆาทิจณฺฑมิเคฯ คุตฺตเสนาสนญฺหิ อารญฺญกมฺปิ ปวิสิตฺวา ทฺวารํ ปิธาย นิสินฺนสฺส เต ปริสฺสยา น โหนฺตีติฯ สรีสเปติ เย เกจิ สรเนฺต คจฺฉเนฺต ทีฆชาติเก สปฺปาทิเกฯ มกเสติ นิทสฺสนมตฺตเมตํ, ฑํสาทีนมฺปิ เอเตเสฺวว (เอตเนว สารตฺถ. ฎี. จูฬวคฺค ๓.๒๙๕) สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ สิสิเรติ สิสิรกาลวเสน, สตฺตาหวทฺทลิกาทิวเสน จ อุปฺปเนฺน สิสิรสมฺผเสฺสฯ วุฎฺฐิโยติ ยทา ตทา อุปฺปนฺนา วสฺสวุฎฺฐิโย ปฎิหนตีติ โยชนาฯ

    Sītanti ajjhattaṃ dhātukkhobhavasena vā bahiddhā utuvipariṇāmavasena vā uppajjanakasītaṃ. Uṇhanti aggisantāpaṃ, tassa vanaḍāhādīsu (vanadāhādīsu vā sārattha. ṭī. cūḷavagga 3.295) sambhavo veditabbo. Paṭihantīti paṭibāhati, yathā tadubhayavasena kāyacittānaṃ bādhanaṃ na hoti, evaṃ karoti. Sītuṇhabbhāhate hi sarīre vikkhittacitto bhikkhu yoniso padahituṃ na sakkoti. Vāḷamigānīti sīhabyagghādicaṇḍamige. Guttasenāsanañhi āraññakampi pavisitvā dvāraṃ pidhāya nisinnassa te parissayā na hontīti. Sarīsapeti ye keci sarante gacchante dīghajātike sappādike. Makaseti nidassanamattametaṃ, ḍaṃsādīnampi etesveva (etaneva sārattha. ṭī. cūḷavagga 3.295) saṅgaho daṭṭhabbo. Sisireti sisirakālavasena, sattāhavaddalikādivasena ca uppanne sisirasamphasse. Vuṭṭhiyoti yadā tadā uppannā vassavuṭṭhiyo paṭihanatīti yojanā.

    วาตาตโป โฆโรติ รุกฺขคจฺฉาทีนํ อุมฺมูลภญฺชนาทิวเสน ปวตฺติยา โฆโร สรชอรชาทิเภโท วาโต เจว คิมฺหปริฬาหสมเยสุ อุปฺปตฺติยา โฆโร สูริยาตโป จฯ ปฎิหญฺญตีติ ปฎิพาหียติฯ เลณตฺถนฺติ นานารมฺมณโต จิตฺตํ นิวเตฺตตฺวา ปฎิสลฺลานารามตฺถํฯ สุขตฺถนฺติ วุตฺตปริสฺสยาภาเวน ผาสุวิหารตฺถํฯ ฌายิตุนฺติ อฎฺฐติํสาย อารมฺมเณสุ ยตฺถ กตฺถจิ จิตฺตํ อุปนิพนฺธิตฺวา อุปนิชฺฌายิตุํฯ วิปสฺสิตุนฺติ อนิจฺจาทิโต สงฺขาเร สมฺมสิตุํฯ

    Vātātapo ghoroti rukkhagacchādīnaṃ ummūlabhañjanādivasena pavattiyā ghoro sarajaarajādibhedo vāto ceva gimhapariḷāhasamayesu uppattiyā ghoro sūriyātapo ca. Paṭihaññatīti paṭibāhīyati. Leṇatthanti nānārammaṇato cittaṃ nivattetvā paṭisallānārāmatthaṃ. Sukhatthanti vuttaparissayābhāvena phāsuvihāratthaṃ. Jhāyitunti aṭṭhatiṃsāya ārammaṇesu yattha katthaci cittaṃ upanibandhitvā upanijjhāyituṃ. Vipassitunti aniccādito saṅkhāre sammasituṃ.

    วิหาเรติ ปติสฺสเยฯ การเยติ การาเปยฺยฯ รเมฺมติ มโนรเม นิวาสสุเขฯ วาสเยตฺถ พหุสฺสุเตติ กาเรตฺวา ปน เอตฺถ วิหาเรสุ พหุสฺสุเต สีลวเนฺต กลฺยาณธเมฺม นิวาเสยฺย, เต นิวาเสโนฺต ปน เตสํ พหุสฺสุตานํ ยถา ปจฺจเยหิ กิลมโถ น โหติ, เอวํ อนฺนญฺจ ปานญฺจ วตฺถเสนาสนานิ จ ทเทยฺย อุชุภูเตสุ อชฺฌาสยสมฺปเนฺนสุ กมฺมกมฺมผลานํ, รตนตฺตยคุณานญฺจ สทฺทหเนน วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ

    Vihāreti patissaye. Kārayeti kārāpeyya. Rammeti manorame nivāsasukhe. Vāsayettha bahussuteti kāretvā pana ettha vihāresu bahussute sīlavante kalyāṇadhamme nivāseyya, te nivāsento pana tesaṃ bahussutānaṃ yathā paccayehi kilamatho na hoti, evaṃ annañca pānañca vatthasenāsanāni ca dadeyya ujubhūtesu ajjhāsayasampannesu kammakammaphalānaṃ, ratanattayaguṇānañca saddahanena vippasannena cetasā.

    อิทานิ คหฎฺฐปพฺพชิตานํ อญฺญมญฺญูปการิตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เต ตสฺสา’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ เตติ พหุสฺสุตาฯ ตสฺสาติ อุปาสกสฺสฯ ธมฺมํ เทเสนฺตีติ สกลวฎฺฎทุกฺขปนูทนํ สทฺธมฺมํ เทเสนฺติฯ ยํ โส ธมฺมํ อิธญฺญายาติ โส อุปาสโก ยํ สทฺธมฺมํ อิมสฺมิํ สาสเน สมฺมาปฎิปชฺชเนน ชานิตฺวา อคฺคมคฺคาธิคเมน อนาสโว หุตฺวา ปรินิพฺพาติ เอกาทสคฺคิวูปสเมน สีติ ภวติฯ

    Idāni gahaṭṭhapabbajitānaṃ aññamaññūpakāritaṃ dassetuṃ ‘‘te tassā’’ti gāthamāha. Tattha teti bahussutā. Tassāti upāsakassa. Dhammaṃ desentīti sakalavaṭṭadukkhapanūdanaṃ saddhammaṃ desenti. Yaṃ so dhammaṃ idhaññāyāti so upāsako yaṃ saddhammaṃ imasmiṃ sāsane sammāpaṭipajjanena jānitvā aggamaggādhigamena anāsavo hutvā parinibbāti ekādasaggivūpasamena sīti bhavati.

    สีตปฎิฆาตาทโย วิปสฺสนาวสานา เตรส, อนฺนาทิลาโภ, ธมฺมสฺสวนํ, ธมฺมาวโพโธ, ปรินิพฺพานนฺติ เอวํ สตฺตรสฯ

    Sītapaṭighātādayo vipassanāvasānā terasa, annādilābho, dhammassavanaṃ, dhammāvabodho, parinibbānanti evaṃ sattarasa.

    ๓๕๑. อตฺตโน สนฺตกาติ อตฺตนิยาฯ ทุปฺปริจฺจชนํ โลภํ นิคฺคณฺหิตุํ อสโกฺกนฺตสฺสฯ สงฺฆสฺส วา คณสฺส วา สนฺติเกติ โยชนาฯ ตตฺถาติ ยถาคหิเต สรเณฯ นตฺถิ ปุนปฺปุนํ กตฺตพฺพตา วิญฺญูชาติกสฺสาติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘ชีวิตปริจฺจาคมยํ ปุญฺญ’’นฺติ ‘‘สเจ ตฺวํ น ยถาคหิตํ สรณํ ภินฺทิสฺสติ, เอวาหํ ตํ มาเรมี’’ติ ยทิปิ โกจิ ติเณฺหน สเตฺถน ชีวิตา โวโรเปยฺย, ตถาปิ ‘‘เนวาหํ พุทฺธํ น พุโทฺธติ, ธมฺมํ น ธโมฺมติ, สงฺฆํ น สโงฺฆติ วทามี’’ติ ทฬฺหตรํ กตฺวา คหิตสรณสฺส วเสน วุตฺตํฯ

    351.Attano santakāti attaniyā. Duppariccajanaṃ lobhaṃ niggaṇhituṃ asakkontassa. Saṅghassa vā gaṇassa vā santiketi yojanā. Tatthāti yathāgahite saraṇe. Natthi punappunaṃ kattabbatā viññūjātikassāti adhippāyo. ‘‘Jīvitapariccāgamayaṃ puñña’’nti ‘‘sace tvaṃ na yathāgahitaṃ saraṇaṃ bhindissati, evāhaṃ taṃ māremī’’ti yadipi koci tiṇhena satthena jīvitā voropeyya, tathāpi ‘‘nevāhaṃ buddhaṃ na buddhoti, dhammaṃ na dhammoti, saṅghaṃ na saṅghoti vadāmī’’ti daḷhataraṃ katvā gahitasaraṇassa vasena vuttaṃ.

    ๓๕๒. สรณํ อุปคเตน กายวาจาจิเตฺตหิ สกฺกจฺจํ วตฺถุตฺตยปูชา กาตพฺพา, ตตฺถ จ สํกิเลโส ปริหนิตโพฺพ, สิกฺขาปทานิ ปน สมาทานมตฺตํ, สมฺปตฺตวตฺถุโต วิรมณมตฺตญฺจาติ สรณคมนโต สีลสฺส อปฺปฎฺฐตรตา, อปฺปสมารมฺภตรตา จ เวทิตพฺพาฯ สเพฺพสํ สตฺตานํ ชีวิตทานาทินา ทณฺฑนิธานโต, สกลโลกิยโลกุตฺตรคุณาธิฎฺฐานโต จสฺส มหปฺผลมหานิสํสตรตา ทฎฺฐพฺพาฯ

    352. Saraṇaṃ upagatena kāyavācācittehi sakkaccaṃ vatthuttayapūjā kātabbā, tattha ca saṃkileso parihanitabbo, sikkhāpadāni pana samādānamattaṃ, sampattavatthuto viramaṇamattañcāti saraṇagamanato sīlassa appaṭṭhataratā, appasamārambhataratā ca veditabbā. Sabbesaṃ sattānaṃ jīvitadānādinā daṇḍanidhānato, sakalalokiyalokuttaraguṇādhiṭṭhānato cassa mahapphalamahānisaṃsataratā daṭṭhabbā.

    วกฺขมานนเยน จ เวรเหตุตาย เวรํ วุจฺจติ ปาณาติปาตาทิปาปธโมฺม, ตํ มณติ ‘‘มยิ อิธ ฐิตาย กถํ อาคจฺฉสี’’ติ ตเชฺชนฺตี วิย นีหรตีติ เวรมณี, ตโต วา ปาปธมฺมโต วิรมติ เอตายาติ ‘‘วิรมณี’’ติ วตฺตเพฺพ นิรุตฺตินเยน อิการสฺส เอการํ กตฺวา ‘‘เวรมณี’’ติ วุตฺตาฯ อสมาทินฺนสีลสฺส สมฺปตฺตโต ยถาอุปฎฺฐิตวีติกฺกมิตพฺพวตฺถุโต วิรติ สมฺปตฺตวิรติฯ สมาทานวเสน อุปฺปนฺนา วิรติ สมาทานวิรติฯ เสตุ วุจฺจติ อริยมโคฺค, ตปฺปริยาปนฺนา หุตฺวา ปาปธมฺมานํ สมุเจฺฉทวเสน ฆาตนวิรติ เสตุฆาตวิรติฯ อิทานิ ติโสฺส วิรติโย สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปริหรตีติ อวีติกฺกมวเสน ปริวเชฺชติฯ น หนามีติ เอตฺถ อิติ-สโทฺท อาทิอโตฺถ, เตน ‘‘อทินฺนํ นาทิยามี’’ติ เอวํ อาทีนํ สงฺคโห, วา-สเทฺทน วา, เตนาห ‘‘สิกฺขาปทานิ คณฺหนฺตสฺสา’’ติฯ

    Vakkhamānanayena ca verahetutāya veraṃ vuccati pāṇātipātādipāpadhammo, taṃ maṇati ‘‘mayi idha ṭhitāya kathaṃ āgacchasī’’ti tajjentī viya nīharatīti veramaṇī, tato vā pāpadhammato viramati etāyāti ‘‘viramaṇī’’ti vattabbe niruttinayena ikārassa ekāraṃ katvā ‘‘veramaṇī’’ti vuttā. Asamādinnasīlassa sampattato yathāupaṭṭhitavītikkamitabbavatthuto virati sampattavirati. Samādānavasena uppannā virati samādānavirati. Setu vuccati ariyamaggo, tappariyāpannā hutvā pāpadhammānaṃ samucchedavasena ghātanavirati setughātavirati. Idāni tisso viratiyo sarūpato dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Pariharatīti avītikkamavasena parivajjeti. Na hanāmīti ettha iti-saddo ādiattho, tena ‘‘adinnaṃ nādiyāmī’’ti evaṃ ādīnaṃ saṅgaho, -saddena vā, tenāha ‘‘sikkhāpadāni gaṇhantassā’’ti.

    มคฺคสมฺปยุตฺตาติ สมฺมาทิฎฺฐิยาทิมคฺคสมฺปยุตฺตาฯ อิทานิ ตาสํ วิรตีนํ อารมฺมณโต วิภาคํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปุริมา เทฺวติ สมฺปตฺตสมาทานวิรติโยฯ ปจฺฉิมาติ เสตุฆาตวิรติฯ สพฺพานิปิ ภินฺนานิ โหนฺติ เอกชฺฌํ สมาทินฺนตฺตาฯ ตเทว ภิชฺชติ วิสุํ วิสุํ สมาทินฺนตฺตา ฯ คหฎฺฐวเสน เจตํ วุตฺตํฯ เภโท นาม นตฺถิ ปฎิปกฺขสมุจฺฉินฺทเนน อกุปฺปสภาวตฺตา, เตนาห ‘‘ภวนฺตเรปี’’ติฯ โยนิสิทฺธนฺติ มนุสฺสติรจฺฉานานํ อุทฺธํ ติริยเมว ทีฆตา วิย ชาติสิทฺธนฺติ อโตฺถฯ โพธิสเตฺต กุจฺฉิคเต โพธิสตฺตมาตุสีลํ วิย ธมฺมตาย สภาเวเนว สิทฺธํ ธมฺมตาสิทฺธํ, มคฺคธมฺมตาย วา อริยมคฺคานุภาเวน สิทฺธํ ธมฺมตาสิทฺธํฯ ทิฎฺฐิอุชุกรณํ นาม ภาริยํ ทุกฺขํ, ตสฺมา สรณคมนํ สิกฺขาปทสมาทานโต มหฎฺฐตรเมว, น อปฺปฎฺฐตรนฺติ อธิปฺปาโยฯ ยถา ตถา วา คณฺหนฺตสฺสาปีติ อาทรคารวํ อกตฺวา สมาทิยนฺตสฺสาปิฯ สาธุกํ คณฺหนฺตสฺสาปีติ สกฺกจฺจํ สีลานิ สมาทิยนฺตสฺสาปิ, น ทิคุณํ, ติคุณํ วา อุสฺสาโห กรณีโยฯ

    Maggasampayuttāti sammādiṭṭhiyādimaggasampayuttā. Idāni tāsaṃ viratīnaṃ ārammaṇato vibhāgaṃ dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Purimā dveti sampattasamādānaviratiyo. Pacchimāti setughātavirati. Sabbānipi bhinnāni honti ekajjhaṃ samādinnattā. Tadeva bhijjati visuṃ visuṃ samādinnattā . Gahaṭṭhavasena cetaṃ vuttaṃ. Bhedo nāma natthi paṭipakkhasamucchindanena akuppasabhāvattā, tenāha ‘‘bhavantarepī’’ti. Yonisiddhanti manussatiracchānānaṃ uddhaṃ tiriyameva dīghatā viya jātisiddhanti attho. Bodhisatte kucchigate bodhisattamātusīlaṃ viya dhammatāya sabhāveneva siddhaṃ dhammatāsiddhaṃ, maggadhammatāya vā ariyamaggānubhāvena siddhaṃ dhammatāsiddhaṃ. Diṭṭhiujukaraṇaṃnāma bhāriyaṃ dukkhaṃ, tasmā saraṇagamanaṃ sikkhāpadasamādānato mahaṭṭhatarameva, na appaṭṭhataranti adhippāyo. Yathā tathā vā gaṇhantassāpīti ādaragāravaṃ akatvā samādiyantassāpi. Sādhukaṃ gaṇhantassāpīti sakkaccaṃ sīlāni samādiyantassāpi, na diguṇaṃ, tiguṇaṃ vā ussāho karaṇīyo.

    อภยทานตาย สีลสฺส ทานภาโว, อนวเสสํ วา สตฺตนิกายํ ทยติ เตน รกฺขตีติ ทานํ, สีลํฯ ‘‘อคฺคานี’’ติ ญาตตฺตา อคฺคญฺญานิฯ จิรรตฺตตาย ญาตตฺตา รตฺตญฺญานิฯ ‘‘อริยานํ สาธูนํ วํสานี’’ติ ญาตตฺตา วํสญฺญานิฯ ‘‘โปราณานี’’ติอาทีสุ ปุริมานํ เอตานิ โปราณานิฯ สพฺพโส เกนจิปิ ปกาเรน สาธูหิ น กิณฺณานิ น ขิตฺตานิ น ฉฑฺฑิตานีติ อสงฺกิณฺณานิฯ อยญฺจ นโย เนสํ ยถา อตีเต, เอวํ เอตรหิ, อนาคเต จาติ อาห ‘‘อสงฺกิณฺณปุพฺพานิ น สงฺกิยนฺติ น สงฺกิยิสฺสนฺตี’’ติฯ ตโต เอว อปฺปปิกุฎฺฐานิ น ปฎิกฺขิตฺตานิฯ น หิ กทาจิปิ วิญฺญู สมณพฺราหฺมณา หิํสาทิปาปธมฺมํ อนุชานนฺติฯ อปริมาณานํ สตฺตานํ อภยํ เทตีติ สเพฺพสุ ภูเตสุ นิหิตทณฺฑตฺตา สกลสฺสปิ สตฺตนิกายสฺส ภยาภาวํ เทติฯ น หิ อริยสาวกโต กสฺสจิ ภยํ โหติฯ อเวรนฺติ เวราภาวํฯ อพฺยาปชฺฌนฺติ นิทฺทุกฺขตํฯ

    Abhayadānatāya sīlassa dānabhāvo, anavasesaṃ vā sattanikāyaṃ dayati tena rakkhatīti dānaṃ, sīlaṃ. ‘‘Aggānī’’ti ñātattā aggaññāni. Cirarattatāya ñātattā rattaññāni. ‘‘Ariyānaṃ sādhūnaṃ vaṃsānī’’ti ñātattā vaṃsaññāni.‘‘Porāṇānī’’tiādīsu purimānaṃ etāni porāṇāni. Sabbaso kenacipi pakārena sādhūhi na kiṇṇāni na khittāni na chaḍḍitānīti asaṅkiṇṇāni. Ayañca nayo nesaṃ yathā atīte, evaṃ etarahi, anāgate cāti āha ‘‘asaṅkiṇṇapubbāni na saṅkiyanti na saṅkiyissantī’’ti. Tato eva appapikuṭṭhāni na paṭikkhittāni. Na hi kadācipi viññū samaṇabrāhmaṇā hiṃsādipāpadhammaṃ anujānanti. Aparimāṇānaṃ sattānaṃ abhayaṃ detīti sabbesu bhūtesu nihitadaṇḍattā sakalassapi sattanikāyassa bhayābhāvaṃ deti. Na hi ariyasāvakato kassaci bhayaṃ hoti. Averanti verābhāvaṃ. Abyāpajjhanti niddukkhataṃ.

    นนุ จ ปญฺจสีลํ สพฺพกาลิกํ, น จ เอกนฺตโต วิมุตฺตายตนํ, สรณคมนํ ปน พุทฺธุปฺปาทเหตุกํ, เอกนฺตวิมุตฺตายตนญฺจ, ตตฺถ กถํ สรณาคมนโต ปญฺจสีลสฺส มหปฺผลตาติ อาห ‘‘กิญฺจาปี’’ติอาทิฯ เชฎฺฐกนฺติ อุตฺตมํฯ ‘‘สรณคมเนเยว ปติฎฺฐายา’’ติ อิมินา ตสฺส สีลสฺส สรณคมเนน อภิสงฺขตตมาหฯ

    Nanu ca pañcasīlaṃ sabbakālikaṃ, na ca ekantato vimuttāyatanaṃ, saraṇagamanaṃ pana buddhuppādahetukaṃ, ekantavimuttāyatanañca, tattha kathaṃ saraṇāgamanato pañcasīlassa mahapphalatāti āha ‘‘kiñcāpī’’tiādi. Jeṭṭhakanti uttamaṃ. ‘‘Saraṇagamaneyeva patiṭṭhāyā’’ti iminā tassa sīlassa saraṇagamanena abhisaṅkhatatamāha.

    ๓๕๓. อีทิสเมวาติ เอวํ สํกิเลสํ ปฎิปกฺขเมว หุตฺวาฯ เหฎฺฐา วุเตฺตหิ คุเณหีติ เอตฺถ เหฎฺฐา วุตฺตคุณา นาม สรณคมนํ, สีลสมฺปทา, อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารตาติ เอวํ อาทโยฯ ปฐมชฺฌานํ นิพฺพเตฺตโนฺต น กิลมตีติ โยชนาฯ ตานีติ ปฐมชฺฌานาทีนิฯ ‘‘ปฐมชฺฌาน’’นฺติ อุกฺกฎฺฐนิเทฺทโส อยนฺติ อาห ‘‘เอกํ กปฺป’’นฺติ, เอกํ มหากปฺปนฺติ อโตฺถฯ หีนํ ปน ปฐมชฺฌานํ, มชฺฌิมญฺจ อสเงฺขฺยยฺยกปฺปสฺส ตติยํ ภาคํ, อุปฑฺฒกปฺปญฺจ อายุํ เทติฯ ‘‘ทุติยํ อฎฺฐกเปฺป’’ติ อาทีสุปิ อิมินา นเยน อโตฺถ เวทิตโพฺพ, มหากปฺปวเสเนว จ คเหตพฺพํฯ ยสฺมา วา ปณีตานิเยเวตฺถ ฌานานิ อธิเปฺปตานิ มหปฺผลตรภาวทสฺสนปรตฺตา เทสนาย, ตสฺมา ‘‘ปฐมชฺฌานํ เอกํ กปฺป’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตเทวาติ จตุตฺถชฺฌานเมวฯ ยทิ เอวํ กถํ อารุปฺปตาติ อาห ‘‘อากาสานญฺจายตนาที’’ติอาทิฯ

    353.Īdisamevāti evaṃ saṃkilesaṃ paṭipakkhameva hutvā. Heṭṭhā vuttehi guṇehīti ettha heṭṭhā vuttaguṇā nāma saraṇagamanaṃ, sīlasampadā, indriyesu guttadvāratāti evaṃ ādayo. Paṭhamajjhānaṃ nibbattento na kilamatīti yojanā. Tānīti paṭhamajjhānādīni. ‘‘Paṭhamajjhāna’’nti ukkaṭṭhaniddeso ayanti āha ‘‘ekaṃ kappa’’nti, ekaṃ mahākappanti attho. Hīnaṃ pana paṭhamajjhānaṃ, majjhimañca asaṅkhyeyyakappassa tatiyaṃ bhāgaṃ, upaḍḍhakappañca āyuṃ deti. ‘‘Dutiyaṃ aṭṭhakappe’’ti ādīsupi iminā nayena attho veditabbo, mahākappavaseneva ca gahetabbaṃ. Yasmā vā paṇītāniyevettha jhānāni adhippetāni mahapphalatarabhāvadassanaparattā desanāya, tasmā ‘‘paṭhamajjhānaṃ ekaṃ kappa’’ntiādi vuttaṃ. Tadevāti catutthajjhānameva. Yadi evaṃ kathaṃ āruppatāti āha ‘‘ākāsānañcāyatanādī’’tiādi.

    สมฺมเทว นิจฺจสญฺญาทิปฎิปกฺขวิธมนวเสน ปวตฺตมานา ปุพฺพภาคิเย เอว โพธิปกฺขิยธเมฺม สมฺมาเนนฺตี วิปสฺสนา วิปสฺสกสฺส อนปฺปกํ ปีติโสมนสฺสํ สมาวหตีติ อาห ‘‘วิปสฺสนา…เป.… อภาวา’’ติฯ เตนาห ภควา –

    Sammadeva niccasaññādipaṭipakkhavidhamanavasena pavattamānā pubbabhāgiye eva bodhipakkhiyadhamme sammānentī vipassanā vipassakassa anappakaṃ pītisomanassaṃ samāvahatīti āha ‘‘vipassanā…pe… abhāvā’’ti. Tenāha bhagavā –

    ‘‘ยโต ยโต สมฺมสติ, ขนฺธานํ อุทยพฺพยํ;

    ‘‘Yato yato sammasati, khandhānaṃ udayabbayaṃ;

    ลภตี ปีติปาโมชฺชํ, อมตํ ตํ วิชานต’’นฺติฯ (ธ. ป. ๓๗๔);

    Labhatī pītipāmojjaṃ, amataṃ taṃ vijānata’’nti. (dha. pa. 374);

    ยสฺมา อยํ เทสนา อิมินา อนุกฺกเมน อิมานิ ญาณานิ นิพฺพเตฺตนฺตสฺส วเสน ปวตฺติตา, ตสฺมา ‘‘วิปสฺสนาญาเณ ปติฎฺฐาย นิพฺพเตฺตโนฺต’’ติ เหฎฺฐิมํ เหฎฺฐิมํ อุปริมสฺส อุปริมสฺส ปติฎฺฐาภูตํ กตฺวา วุตฺตํฯ สมานรูปนิมฺมานํ นาม มโนมยิทฺธิยา อเญฺญหิ อสาธารณกิจฺจนฺติ อาห ‘‘อตฺตโน…เป.… มหปฺผลา’’ติฯ วิกุพฺพนทสฺสนสมตฺถตายาติ หตฺถิอสฺสาทิวิวิธรูปกรณํ วิกุพฺพนํ, ตสฺส ทสฺสนสมตฺถภาเวนฯ อิจฺฉิติจฺฉิตฎฺฐานํ นาม ปุริมชาตีสุ อิจฺฉิติจฺฉิโต ขนฺธปฺปเทโสฯ สมาเปโนฺตติ ปริโยสาเปโนฺตฯ

    Yasmā ayaṃ desanā iminā anukkamena imāni ñāṇāni nibbattentassa vasena pavattitā, tasmā ‘‘vipassanāñāṇe patiṭṭhāya nibbattento’’ti heṭṭhimaṃ heṭṭhimaṃ uparimassa uparimassa patiṭṭhābhūtaṃ katvā vuttaṃ. Samānarūpanimmānaṃ nāma manomayiddhiyā aññehi asādhāraṇakiccanti āha ‘‘attano…pe… mahapphalā’’ti. Vikubbanadassanasamatthatāyāti hatthiassādivividharūpakaraṇaṃ vikubbanaṃ, tassa dassanasamatthabhāvena. Icchiticchitaṭṭhānaṃ nāma purimajātīsu icchiticchito khandhappadeso. Samāpentoti pariyosāpento.

    กูฎทนฺตอุปาสกตฺตปฎิเวทนากถาวณฺณนา

    Kūṭadantaupāsakattapaṭivedanākathāvaṇṇanā

    ๓๕๔-๘. สเพฺพ เต ปาณโยติ ‘‘สตฺต จ อุสภสตานี’’ติอาทินา วุเตฺต สเพฺพ ปาณิโนฯ อากุลภาโวติ ภควโต สนฺติเก ธมฺมสฺส สุตตฺตา ปาณีสุ อนุทฺทยํ อุปฎฺฐเปตฺวา ฐิตสฺส ‘‘กถญฺหิ นาม มยา ตาว พหู ปาณิโน มารณตฺถาย พนฺธาปิตา’’ติ จิเตฺต ปริพฺยากุลภาโว อุทปาทิฯ สุตฺวาติ ‘‘พนฺธนโต โมจิตา’’ติ สุตฺวาฯ กามจฺฉนฺทวิคเมน กลฺลจิตฺตตา อโรคจิตฺตตา, พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน มุทุจิตฺตตา อกถินจิตฺตตา, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจปฺปหาเนน วิเกฺขปวิคมนโต วินีวรณจิตฺตตา เตหิ น ปิหิตจิตฺตตา, ถินมิทฺธวิคเมน อุทคฺคจิตฺตตา สํปคฺคณฺหนวเสน อลีนจิตฺตตา, วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฎิปตฺติยา อธิมุตฺตตาย ปสนฺนจิตฺตตา จ โหตีติ อาห ‘‘กลฺลจิตฺตนฺติอาทิ อนุปุพฺพิกถานุภาเวน วิกฺขมฺภิตนีวรณตํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    354-8.Sabbete pāṇayoti ‘‘satta ca usabhasatānī’’tiādinā vutte sabbe pāṇino. Ākulabhāvoti bhagavato santike dhammassa sutattā pāṇīsu anuddayaṃ upaṭṭhapetvā ṭhitassa ‘‘kathañhi nāma mayā tāva bahū pāṇino māraṇatthāya bandhāpitā’’ti citte paribyākulabhāvo udapādi. Sutvāti ‘‘bandhanato mocitā’’ti sutvā. Kāmacchandavigamena kallacittatā arogacittatā, byāpādavigamena mettāvasena muducittatā akathinacittatā, uddhaccakukkuccappahānena vikkhepavigamanato vinīvaraṇacittatā tehi na pihitacittatā, thinamiddhavigamena udaggacittatā saṃpaggaṇhanavasena alīnacittatā, vicikicchāvigamena sammāpaṭipattiyā adhimuttatāya pasannacittatā ca hotīti āha ‘‘kallacittantiādi anupubbikathānubhāvena vikkhambhitanīvaraṇataṃ sandhāya vutta’’nti. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ suviññeyyameva.

    กูฎทนฺตสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ

    Kūṭadantasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๕. กูฎทนฺตสุตฺตํ • 5. Kūṭadantasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๕. กูฎทนฺตสุตฺตวณฺณนา • 5. Kūṭadantasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact