Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๑๘] ๘. กูฎวาณิชชาตกวณฺณนา
[218] 8. Kūṭavāṇijajātakavaṇṇanā
สฐสฺส สาเฐยฺยมิทนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ กูฎวาณิชํ อารพฺภ กเถสิฯ สาวตฺถิวาสิโน หิ กูฎวาณิโช จ ปณฺฑิตวาณิโช จ เทฺว วาณิชา มิตฺติกา หุตฺวา ปญฺจ สกฎสตานิ ภณฺฑสฺส ปูราเปตฺวา ปุพฺพนฺตโต อปรนฺตํ วิจรมานา โวหารํ กตฺวา พหุํ ลาภํ ลภิตฺวา สาวตฺถิํ ปจฺจาคมิํสุฯ ปณฺฑิตวาณิโช กูฎวาณิชํ อาห – ‘‘สมฺม, ภณฺฑํ ภาเชมา’’ติฯ กูฎวาณิโช ‘‘อยํ ทีฆรตฺตํ ทุกฺขเสยฺยาย ทุโพฺภชเนน กิลโนฺต อตฺตโน ฆเร นานคฺครสํ ภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา อชีรเกน มริสฺสติ, อถ สพฺพเมฺปตํ ภณฺฑํ มยฺหเมว ภวิสฺสตี’’ติ จิเนฺตตฺวา ‘‘นกฺขตฺตํ น มนาปํ, ทิวโส น มนาโป, เสฺว ชานิสฺสามิ , ปุนทิวเส ชานิสฺสามี’’ติ กาลํ เขเปติฯ อถ นํ ปณฺฑิตวาณิโช นิปฺปีเฬตฺวา ภาชาเปตฺวา คนฺธมาลํ อาทาย สตฺถุ สนฺติกํ คนฺตฺวา สตฺถารํ ปูเชตฺวา วนฺทิตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ สตฺถา ‘‘กทา อาคโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อฑฺฒมาสมโตฺต เม, ภเนฺต, อาคตสฺสา’’ติ วตฺวา ‘‘อถ กสฺมา เอวํ ปปญฺจํ กตฺวา พุทฺธุปฎฺฐานํ อาคโตสี’’ติ ปุโฎฺฐ ตํ ปวตฺติํ อาโรเจสิฯ สตฺถา ‘‘น โข, อุปาสก, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส กูฎวาณิโชเยวา’’ติ วตฺวา เตน ยาจิโต อตีตํ อาหริฯ
Saṭhassasāṭheyyamidanti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ kūṭavāṇijaṃ ārabbha kathesi. Sāvatthivāsino hi kūṭavāṇijo ca paṇḍitavāṇijo ca dve vāṇijā mittikā hutvā pañca sakaṭasatāni bhaṇḍassa pūrāpetvā pubbantato aparantaṃ vicaramānā vohāraṃ katvā bahuṃ lābhaṃ labhitvā sāvatthiṃ paccāgamiṃsu. Paṇḍitavāṇijo kūṭavāṇijaṃ āha – ‘‘samma, bhaṇḍaṃ bhājemā’’ti. Kūṭavāṇijo ‘‘ayaṃ dīgharattaṃ dukkhaseyyāya dubbhojanena kilanto attano ghare nānaggarasaṃ bhattaṃ bhuñjitvā ajīrakena marissati, atha sabbampetaṃ bhaṇḍaṃ mayhameva bhavissatī’’ti cintetvā ‘‘nakkhattaṃ na manāpaṃ, divaso na manāpo, sve jānissāmi , punadivase jānissāmī’’ti kālaṃ khepeti. Atha naṃ paṇḍitavāṇijo nippīḷetvā bhājāpetvā gandhamālaṃ ādāya satthu santikaṃ gantvā satthāraṃ pūjetvā vanditvā ekamantaṃ nisīdi. Satthā ‘‘kadā āgatosī’’ti pucchitvā ‘‘aḍḍhamāsamatto me, bhante, āgatassā’’ti vatvā ‘‘atha kasmā evaṃ papañcaṃ katvā buddhupaṭṭhānaṃ āgatosī’’ti puṭṭho taṃ pavattiṃ ārocesi. Satthā ‘‘na kho, upāsaka, idāneva, pubbepesa kūṭavāṇijoyevā’’ti vatvā tena yācito atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อมจฺจกุเล นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต ตสฺส วินิจฺฉยามโจฺจ อโหสิฯ ตทา คามวาสี จ นครวาสี จ เทฺว วาณิชา มิตฺตา อเหสุํฯ คามวาสี นครวาสิสฺส สนฺติเก ปญฺจ ผาลสตานิ ฐเปสิฯ โส เต ผาเล วิกฺกิณิตฺวา มูลํ คเหตฺวา ผาลานํ ฐปิตฎฺฐาเน มูสิกวจฺจํ อากิริตฺวา ฐเปสิฯ อปรภาเค คามวาสี อาคนฺตฺวา ‘‘ผาเล เม เทหี’’ติ อาหฯ กูฎวาณิโช ‘‘ผาลา เต มูสิกาหิ ขาทิตา’’ติ มูสิกวจฺจํ ทเสฺสสิฯ อิตโร ‘‘ขาทิตาว โหนฺตุ, มูสิกาหิ ขาทิเต กิํ สกฺกา กาตุ’’นฺติ นฺหานตฺถาย ตสฺส ปุตฺตํ อาทาย คจฺฉโนฺต เอกสฺส สหายกสฺส เคเห ‘‘อิมสฺส กตฺถจิ คนฺตุํ มา อทตฺถา’’ติ วตฺวา อโนฺตคเพฺภ นิสีทาเปตฺวา สยํ นฺหายิตฺวา กูฎวาณิชสฺส เคหํ อคมาสิฯ โส ‘‘ปุโตฺต เม กห’’นฺติ อาหฯ ‘‘สมฺม, ตว ปุตฺตํ ตีเร ฐเปตฺวา มม อุทเก นิมุคฺคกาเล เอโก กุลโล อาคนฺตฺวา ตว ปุตฺตํ นขปญฺชเรน คเหตฺวา อากาสํ ปกฺขโนฺต, อหํ ปาณิํ ปหริตฺวา วิรวิตฺวา วายมโนฺตปิ โมเจตุํ นาสกฺขิ’’นฺติฯ ‘‘ตฺวํ มุสา ภณสิ, กุลลา ทารเก คเหตฺวา คนฺตุํ สมตฺถา นาม นตฺถี’’ติฯ ‘‘สมฺม, โหตุ, อยุเตฺตปิ โหเนฺต อหํ กิํ กโรมิ, กุลเลเนว เต ปุโตฺต นีโต’’ติฯ โส ตํ สนฺตเชฺชตฺวา ‘‘อเร ทุฎฺฐโจร มนุสฺสมารก , อิทานิ ตํ วินิจฺฉยํ คนฺตฺวา กฑฺฒาเปสฺสามี’’ติ นิกฺขมิฯ โส ‘‘มม รุจฺจนกเมว กโรสี’’ติ เตเนว สทฺธิํ วินิจฺฉยฎฺฐานํ อคมาสิฯ
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto amaccakule nibbattitvā vayappatto tassa vinicchayāmacco ahosi. Tadā gāmavāsī ca nagaravāsī ca dve vāṇijā mittā ahesuṃ. Gāmavāsī nagaravāsissa santike pañca phālasatāni ṭhapesi. So te phāle vikkiṇitvā mūlaṃ gahetvā phālānaṃ ṭhapitaṭṭhāne mūsikavaccaṃ ākiritvā ṭhapesi. Aparabhāge gāmavāsī āgantvā ‘‘phāle me dehī’’ti āha. Kūṭavāṇijo ‘‘phālā te mūsikāhi khāditā’’ti mūsikavaccaṃ dassesi. Itaro ‘‘khāditāva hontu, mūsikāhi khādite kiṃ sakkā kātu’’nti nhānatthāya tassa puttaṃ ādāya gacchanto ekassa sahāyakassa gehe ‘‘imassa katthaci gantuṃ mā adatthā’’ti vatvā antogabbhe nisīdāpetvā sayaṃ nhāyitvā kūṭavāṇijassa gehaṃ agamāsi. So ‘‘putto me kaha’’nti āha. ‘‘Samma, tava puttaṃ tīre ṭhapetvā mama udake nimuggakāle eko kulalo āgantvā tava puttaṃ nakhapañjarena gahetvā ākāsaṃ pakkhanto, ahaṃ pāṇiṃ paharitvā viravitvā vāyamantopi mocetuṃ nāsakkhi’’nti. ‘‘Tvaṃ musā bhaṇasi, kulalā dārake gahetvā gantuṃ samatthā nāma natthī’’ti. ‘‘Samma, hotu, ayuttepi honte ahaṃ kiṃ karomi, kulaleneva te putto nīto’’ti. So taṃ santajjetvā ‘‘are duṭṭhacora manussamāraka , idāni taṃ vinicchayaṃ gantvā kaḍḍhāpessāmī’’ti nikkhami. So ‘‘mama ruccanakameva karosī’’ti teneva saddhiṃ vinicchayaṭṭhānaṃ agamāsi.
กูฎวาณิโช โพธิสตฺตํ อาห – ‘‘อยํ, สามิ, มม ปุตฺตํ คเหตฺวา นฺหายิตุํ คโต, ‘กหํ เม ปุโตฺต’ติ วุเตฺต ‘กุลเลน หโฎ’ติ อาห, วินิจฺฉินถ เม อฑฺฑ’’นฺติฯ โพธิสโตฺต ‘‘สจฺจํ ภเณ’’ติ อิตรํ ปุจฺฉิฯ โส อาห – ‘‘อาม, สามิ, อหํ ตํ อาทาย คโต, เสเนน ปหฎภาโว สจฺจเมว, สามี’’ติฯ ‘‘กิํ ปน โลเก กุลลา นาม ทารเก หรนฺตี’’ติ? ‘‘สามิ, อหมฺปิ ตุเมฺห ปุจฺฉามิ – ‘‘กุลลา ทารเก คเหตฺวา อากาเส คนฺตุํ น สโกฺกนฺติ, มูสิกา ปน อยผาเล ขาทนฺตี’’ติฯ ‘‘อิทํ กิํ นามา’’ติ? ‘‘สามิ, มยา เอตสฺส ฆเร ปญฺจ ผาลสตานิ ฐปิตานิ, สฺวายํ ‘ผาลา เต มูสิกาหิ ขาทิตา’ติ วตฺวา ‘อิทํ เต ผาเล ขาทิตมูสิกานํ วจฺจ’นฺติ วจฺจํ ทเสฺสติ, สามิ, มูสิกา เจ ผาเล ขาทนฺติ, กุลลาปิ ทารเก หริสฺสนฺติฯ สเจ น ขาทนฺติ, เสนาปิ ตํ น หริสฺสนฺติฯ เอโส ปน ‘ผาลา เต มูสิกาหิ ขาทิตา’ติ วทติ, เตสํ ขาทิตภาวํ วา อขาทิตภาวํ วา ชานาถ, อฑฺฑํ เม วินิจฺฉินถา’’ติฯ โพธิสโตฺต ‘‘สฐสฺส ปฎิสาเฐยฺยํ กตฺวา ชินิสฺสามีติ อิมินา จินฺติตํ ภวิสฺสตี’’ติ ญตฺวา ‘‘สุฎฺฐุ เต จินฺติต’’นฺติ วตฺวา อิมา คาถา อโวจ –
Kūṭavāṇijo bodhisattaṃ āha – ‘‘ayaṃ, sāmi, mama puttaṃ gahetvā nhāyituṃ gato, ‘kahaṃ me putto’ti vutte ‘kulalena haṭo’ti āha, vinicchinatha me aḍḍa’’nti. Bodhisatto ‘‘saccaṃ bhaṇe’’ti itaraṃ pucchi. So āha – ‘‘āma, sāmi, ahaṃ taṃ ādāya gato, senena pahaṭabhāvo saccameva, sāmī’’ti. ‘‘Kiṃ pana loke kulalā nāma dārake harantī’’ti? ‘‘Sāmi, ahampi tumhe pucchāmi – ‘‘kulalā dārake gahetvā ākāse gantuṃ na sakkonti, mūsikā pana ayaphāle khādantī’’ti. ‘‘Idaṃ kiṃ nāmā’’ti? ‘‘Sāmi, mayā etassa ghare pañca phālasatāni ṭhapitāni, svāyaṃ ‘phālā te mūsikāhi khāditā’ti vatvā ‘idaṃ te phāle khāditamūsikānaṃ vacca’nti vaccaṃ dasseti, sāmi, mūsikā ce phāle khādanti, kulalāpi dārake harissanti. Sace na khādanti, senāpi taṃ na harissanti. Eso pana ‘phālā te mūsikāhi khāditā’ti vadati, tesaṃ khāditabhāvaṃ vā akhāditabhāvaṃ vā jānātha, aḍḍaṃ me vinicchinathā’’ti. Bodhisatto ‘‘saṭhassa paṭisāṭheyyaṃ katvā jinissāmīti iminā cintitaṃ bhavissatī’’ti ñatvā ‘‘suṭṭhu te cintita’’nti vatvā imā gāthā avoca –
๑๓๕.
135.
‘‘สฐสฺส สาเฐยฺยมิํท สุจินฺติตํ, ปโจฺจฑฺฑิตํ ปฎิกูฎสฺส กูฎํ;
‘‘Saṭhassa sāṭheyyamiṃda sucintitaṃ, paccoḍḍitaṃ paṭikūṭassa kūṭaṃ;
ผาลํ เจ ขาเทยฺยุํ มูสิกา, กสฺมา กุมารํ กุลลา น หเรยฺยุํฯ
Phālaṃ ce khādeyyuṃ mūsikā, kasmā kumāraṃ kulalā na hareyyuṃ.
๑๓๖.
136.
‘‘กูฎสฺส หิ สนฺติ กูฎกูฎา, ภวติ จาปิ นิกติโน นิกตฺยา;
‘‘Kūṭassa hi santi kūṭakūṭā, bhavati cāpi nikatino nikatyā;
เทหิ ปุตฺตนฎฺฐ ผาลนฎฺฐสฺส ผาลํ, มา เต ปุตฺตมหาสิ ผาลนโฎฺฐ’’ติฯ
Dehi puttanaṭṭha phālanaṭṭhassa phālaṃ, mā te puttamahāsi phālanaṭṭho’’ti.
ตตฺถ สฐสฺสาติ สฐภาเวน เกราฎิเกน ‘‘เอกํ อุปายํ กตฺวา ปรสนฺตกํ ขาทิตุํ วฎฺฎตี’’ติ สฐสฺสฯ สาเฐยฺยมิทํ สุจินฺติตนฺติ อิทํ ปฎิสาเฐยฺยํ จิเนฺตเนฺตน ตยา สุฎฺฐุ จินฺติตํฯ ปโจฺจฑฺฑิตํ ปฎิกูฎสฺส กูฎนฺติ กูฎสฺส ปุคฺคลสฺส ตยา ปฎิกูฎํ สุฎฺฐุ ปโจฺจฑฺฑิตํ, ปฎิภาคํ กตฺวา โอฑฺฑิตสทิสเมว กตนฺติ อโตฺถฯ ผาลํ เจ ขาเทยฺยุํ มูสิกาติ ยทิ มูสิกา ผาลํ ขาเทยฺยุํฯ กสฺมา กุมารํ กุลลา น หเรยฺยุนฺติ มูสิกาสุ ผาเล ขาทนฺตีสุ กุลลา กิํ การณา กุมารํ โน หเรยฺยุํฯ
Tattha saṭhassāti saṭhabhāvena kerāṭikena ‘‘ekaṃ upāyaṃ katvā parasantakaṃ khādituṃ vaṭṭatī’’ti saṭhassa. Sāṭheyyamidaṃ sucintitanti idaṃ paṭisāṭheyyaṃ cintentena tayā suṭṭhu cintitaṃ. Paccoḍḍitaṃ paṭikūṭassa kūṭanti kūṭassa puggalassa tayā paṭikūṭaṃ suṭṭhu paccoḍḍitaṃ, paṭibhāgaṃ katvā oḍḍitasadisameva katanti attho. Phālaṃ ce khādeyyuṃ mūsikāti yadi mūsikā phālaṃ khādeyyuṃ. Kasmā kumāraṃ kulalā na hareyyunti mūsikāsu phāle khādantīsu kulalā kiṃ kāraṇā kumāraṃ no hareyyuṃ.
กูฎสฺส หิ สนฺติ กูฎกูฎาติ ตฺวํ ‘‘อหเมว มูสิกาหิ ผาเล ขาทาปิตปุริโส กูโฎ’’ติ มญฺญสิ, ตาทิสสฺส ปน กูฎสฺส อิมสฺมิํ โลเก พหู กูฎา สนฺติ, กูฎสฺส กูฎาติ กูฎปฎิกูฎานํ เอตํ นามํ, กูฎสฺส ปฎิกูฎา นาม สนฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ ภวติ จาปิ นิกติโน นิกตฺยาติ นิกติโน เนกติกสฺส วญฺจนกปุคฺคลสฺส นิกตฺยา อปโร นิกติการโก วญฺจนกปุริโส ภวติเยวฯ เทหิ ปุตฺตนฎฺฐ ผาลนฎฺฐสฺส ผาลนฺติ อโมฺภ นฎฺฐปุตฺต ปุริส, เอตสฺส นฎฺฐผาลสฺส ผาลํ เทหิฯ มา เต ปุตฺตมหาสิ ผาลนโฎฺฐติ สเจ หิสฺส ผาลํ น ทสฺสสิ, ปุตฺตํ เต หริสฺสติ, ตํ เต เอส มา หรตุ, ผาลมสฺส เทหีติฯ ‘‘เทมิ, สามิ, สเจ เม ปุตฺตํ เทตี’’ติฯ ‘‘เทมิ, สามิ, สเจ เม ผาเล เทตี’’ติฯ เอวํ นฎฺฐปุโตฺต ปุตฺตํ, นฎฺฐผาโล จ ผาลํ ปฎิลภิตฺวา อุโภปิ ยถากมฺมํ คตาฯ
Kūṭassahi santi kūṭakūṭāti tvaṃ ‘‘ahameva mūsikāhi phāle khādāpitapuriso kūṭo’’ti maññasi, tādisassa pana kūṭassa imasmiṃ loke bahū kūṭā santi, kūṭassa kūṭāti kūṭapaṭikūṭānaṃ etaṃ nāmaṃ, kūṭassa paṭikūṭā nāma santīti vuttaṃ hoti. Bhavati cāpi nikatino nikatyāti nikatino nekatikassa vañcanakapuggalassa nikatyā aparo nikatikārako vañcanakapuriso bhavatiyeva. Dehi puttanaṭṭha phālanaṭṭhassa phālanti ambho naṭṭhaputta purisa, etassa naṭṭhaphālassa phālaṃ dehi. Mā te puttamahāsi phālanaṭṭhoti sace hissa phālaṃ na dassasi, puttaṃ te harissati, taṃ te esa mā haratu, phālamassa dehīti. ‘‘Demi, sāmi, sace me puttaṃ detī’’ti. ‘‘Demi, sāmi, sace me phāle detī’’ti. Evaṃ naṭṭhaputto puttaṃ, naṭṭhaphālo ca phālaṃ paṭilabhitvā ubhopi yathākammaṃ gatā.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา กูฎวาณิโช อิทานิ กูฎวาณิโชว, ปณฺฑิตวาณิโช ปณฺฑิตวาณิโชเยว, วินิจฺฉยามโจฺจ ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā kūṭavāṇijo idāni kūṭavāṇijova, paṇḍitavāṇijo paṇḍitavāṇijoyeva, vinicchayāmacco pana ahameva ahosi’’nti.
กูฎวาณิชชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Kūṭavāṇijajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๑๘. กูฎวาณิชชาตกํ • 218. Kūṭavāṇijajātakaṃ