Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā |
๖. กุฎิการสิกฺขาปทวณฺณนา
6. Kuṭikārasikkhāpadavaṇṇanā
๓๔๒. ฉเฎฺฐ เอตฺตเกนาติ เอตฺตเกน ทารุอาทินาฯ อปริจฺฉินฺนปฺปมาณาโยติ อปริจฺฉินฺนทารุอาทิปฺปมาณาโยฯ มูลเจฺฉชฺชาย ปุริสํ ยาจิตุํ น วฎฺฎตีติ ปรสนฺตกภาวโต โมเจตฺวา อตฺตโนเยว สนฺตกํ กตฺวา ยาจิตุํ น วฎฺฎติฯ เอวํ มูลเจฺฉชฺชาย อญฺญาตกอปฺปวาริตฎฺฐานโต ยาจนฺตสฺส อญฺญาตกวิญฺญตฺติยา ทุกฺกฎํฯ ทาสํ อตฺตโน อตฺถาย สาทิยนฺตสฺสปิ ทุกฺกฎเมว ‘‘ทาสิทาสปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) วจนโตฯ ญาตกปวาริตฎฺฐานโต ปน ทาสํ มูลเจฺฉชฺชาย ยาจนฺตสฺส สาทิยนวเสน ทุกฺกฎํฯ สกกมฺมํ น ยาจิตพฺพาติ ปาณาติปาตสิกฺขาปทรกฺขณตฺถํ วุตฺตํฯ อนิยเมตฺวาปิ น ยาจิตพฺพาติ มนุสฺสานํ อญฺญถา คาหสฺสปิ สมฺภวโต วุตฺตํ, สุทฺธจิเตฺตน ปน หตฺถกมฺมํ ยาจนฺตสฺส อาปตฺติ นาม นตฺถิฯ
342. Chaṭṭhe ettakenāti ettakena dāruādinā. Aparicchinnappamāṇāyoti aparicchinnadāruādippamāṇāyo. Mūlacchejjāya purisaṃ yācituṃ na vaṭṭatīti parasantakabhāvato mocetvā attanoyeva santakaṃ katvā yācituṃ na vaṭṭati. Evaṃ mūlacchejjāya aññātakaappavāritaṭṭhānato yācantassa aññātakaviññattiyā dukkaṭaṃ. Dāsaṃ attano atthāya sādiyantassapi dukkaṭameva ‘‘dāsidāsapaṭiggahaṇā paṭivirato hotī’’ti (dī. ni. 1.10, 194) vacanato. Ñātakapavāritaṭṭhānato pana dāsaṃ mūlacchejjāya yācantassa sādiyanavasena dukkaṭaṃ. Sakakammaṃ na yācitabbāti pāṇātipātasikkhāpadarakkhaṇatthaṃ vuttaṃ. Aniyametvāpi na yācitabbāti manussānaṃ aññathā gāhassapi sambhavato vuttaṃ, suddhacittena pana hatthakammaṃ yācantassa āpatti nāma natthi.
สพฺพกปฺปิยภาวทีปนตฺถนฺติ สพฺพโส กปฺปิยภาวทีปนตฺถํฯ มูลํ เทถาติ วตฺตุํ วฎฺฎตีติ ยสฺมา มูลํ ทสฺสามาติ เตหิ ปฐมํ วุตฺตตฺตา วิญฺญตฺติ น โหติ, ยสฺมา จ มูลนฺติ ภณิตํ สามญฺญวจนโต อกปฺปิยวจนํ น โหติ, ตสฺมา มูลํ เทถาติ วตฺตุํ วฎฺฎติฯ อนชฺฌาวุตฺถกนฺติ อปริคฺคหิตํฯ อกปฺปิยกหาปณาทิ น ทาตพฺพนฺติ กิญฺจาปิ อกปฺปิยกหาปณาทิํ อสาทิยเนฺตน กปฺปิยโวหารโต ทาตุํ วฎฺฎติ, ตถาปิ สารุปฺปํ น โหติฯ มนุสฺสา จ เอตสฺส สนฺตกํ กิญฺจิ อตฺถีติ วิเหเฐตพฺพํ มญฺญนฺตีติ อกปฺปิยกหาปณาทิทานํ ปฎิกฺขิตฺตํฯ ตเถว ปาเจตฺวาติ หตฺถกมฺมวเสเนว ปาเจตฺวาฯ ‘‘กิํ, ภเนฺต’’ติ เอตฺตเกปิ ปุจฺฉิเต ยทตฺถาย ปวิโฎฺฐ, ตํ กเถตุํ วฎฺฎติ ปุจฺฉิตปญฺหตฺตาฯ
Sabbakappiyabhāvadīpanatthanti sabbaso kappiyabhāvadīpanatthaṃ. Mūlaṃ dethāti vattuṃ vaṭṭatīti yasmā mūlaṃ dassāmāti tehi paṭhamaṃ vuttattā viññatti na hoti, yasmā ca mūlanti bhaṇitaṃ sāmaññavacanato akappiyavacanaṃ na hoti, tasmā mūlaṃ dethāti vattuṃ vaṭṭati. Anajjhāvutthakanti apariggahitaṃ. Akappiyakahāpaṇādi na dātabbanti kiñcāpi akappiyakahāpaṇādiṃ asādiyantena kappiyavohārato dātuṃ vaṭṭati, tathāpi sāruppaṃ na hoti. Manussā ca etassa santakaṃ kiñci atthīti viheṭhetabbaṃ maññantīti akappiyakahāpaṇādidānaṃ paṭikkhittaṃ. Tatheva pācetvāti hatthakammavaseneva pācetvā. ‘‘Kiṃ, bhante’’ti ettakepi pucchite yadatthāya paviṭṭho, taṃ kathetuṃ vaṭṭati pucchitapañhattā.
วตฺตนฺติ จาริตฺตํ, อาปตฺติ ปน น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปฎิคฺคเหตพฺพานีติ สาขาย ลคฺครชสฺมิํ ปเตฺต ปติเตปิ สาขํ ฉินฺทิตฺวา ขาทิตุกามตายปิ สติ สุขปริโภคตฺถํ วุตฺตํฯ ‘‘นทิํ วา…เป.… อาหรา’’ติ วตฺถุํ วฎฺฎตีติ อปริคฺคหิตตฺตา วุตฺตํฯ เคหโต…เป.… ปริภุญฺชิตพฺพนฺติ ปริคฺคหิตอุทกตฺตา วิญฺญตฺติยา ทุกฺกฎํ โหตีติ อธิปฺปาโยฯ อลชฺชีหิ…เป.… น กาเรตพฺพนฺติ อิทํ อุตฺตริภงฺคาธิการตฺตา อโชฺฌหรณียํ สนฺธาย วุตฺตํฯ พาหิรปริโภเคสุ ปน อลชฺชีหิปิ หตฺถกมฺมํ กาเรตุํ วฎฺฎตีติฯ
Vattanti cārittaṃ, āpatti pana na hotīti adhippāyo. Kappiyaṃ kārāpetvā paṭiggahetabbānīti sākhāya laggarajasmiṃ patte patitepi sākhaṃ chinditvā khāditukāmatāyapi sati sukhaparibhogatthaṃ vuttaṃ. ‘‘Nadiṃ vā…pe… āharā’’ti vatthuṃ vaṭṭatīti apariggahitattā vuttaṃ. Gehato…pe… paribhuñjitabbanti pariggahitaudakattā viññattiyā dukkaṭaṃ hotīti adhippāyo. Alajjīhi…pe… na kāretabbanti idaṃ uttaribhaṅgādhikārattā ajjhoharaṇīyaṃ sandhāya vuttaṃ. Bāhiraparibhogesu pana alajjīhipi hatthakammaṃ kāretuṃ vaṭṭatīti.
โคณํ ปน…เป.… อาหราเปตุํ น วฎฺฎตีติ อตฺตโน อตฺถาย มูลเจฺฉชฺชวเสน อาหราเปตุํ น วฎฺฎติฯ อาหราเปนฺตสฺส ทุกฺกฎนฺติ อญฺญาตกวิญฺญตฺติยา ทุกฺกฎํฯ อตฺตโน อตฺถาย สาทิยเนปิ ทุกฺกฎเมว ‘‘หตฺถิควาสฺสวฬวปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) วุตฺตตฺตาฯ เตเนวาห ‘‘ญาตกปวาริตฎฺฐานโตปิ มูลเจฺฉชฺชาย ยาจิตุํ น วฎฺฎตี’’ติฯ รกฺขิตฺวาติ ยถา โจรา น หรนฺติ, เอวํ รกฺขิตฺวาฯ ชคฺคิตฺวาติ ติณทานาทีหิ ชคฺคิตฺวาฯ น สมฺปฎิจฺฉิตพฺพนฺติ อตฺตโน อตฺถาย โคเณ สาทิยนสฺส ปฎิกฺขิตฺตตฺตา วุตฺตํฯ
Goṇaṃ pana…pe… āharāpetuṃ na vaṭṭatīti attano atthāya mūlacchejjavasena āharāpetuṃ na vaṭṭati. Āharāpentassa dukkaṭanti aññātakaviññattiyā dukkaṭaṃ. Attano atthāya sādiyanepi dukkaṭameva ‘‘hatthigavāssavaḷavapaṭiggahaṇā paṭivirato hotī’’ti (dī. ni. 1.10, 194) vuttattā. Tenevāha ‘‘ñātakapavāritaṭṭhānatopi mūlacchejjāya yācituṃ na vaṭṭatī’’ti. Rakkhitvāti yathā corā na haranti, evaṃ rakkhitvā. Jaggitvāti tiṇadānādīhi jaggitvā. Na sampaṭicchitabbanti attano atthāya goṇe sādiyanassa paṭikkhittattā vuttaṃ.
สกฎํ เทถาติ…เป.… วฎฺฎตีติ มูลเจฺฉชฺชวเสน สกฎํ เทถาติ วตฺตุํ น วฎฺฎติฯ ตาวกาลิกํ วฎฺฎตีติ ตาวกาลิกํ กตฺวา สพฺพตฺถ ยาจิตุํ วฎฺฎติฯ วลฺลิอาทีสุ จ ปรปริคฺคหิเตสุ เอเสว นโยติ โยเชตพฺพํ ฯ ครุภณฺฑปฺปโหนเกสุเยว จ วลฺลิอาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน เวฬุมุญฺชปพฺพชติณมตฺติกานํ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพฯ ยํ ปน วตฺถุวเสน อปฺปํ หุตฺวา อคฺฆวเสน มหนฺตํ หริตาลหิงฺคุลกาทิ, ตํ ครุภณฺฑํ อปฺปโหนฺตมฺปิ ยาจิตุํ น วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ
Sakaṭaṃ dethāti…pe… vaṭṭatīti mūlacchejjavasena sakaṭaṃ dethāti vattuṃ na vaṭṭati. Tāvakālikaṃ vaṭṭatīti tāvakālikaṃ katvā sabbattha yācituṃ vaṭṭati. Valliādīsu ca parapariggahitesu eseva nayoti yojetabbaṃ . Garubhaṇḍappahonakesuyeva ca valliādīsūti ettha ādi-saddena veḷumuñjapabbajatiṇamattikānaṃ saṅgaho daṭṭhabbo. Yaṃ pana vatthuvasena appaṃ hutvā agghavasena mahantaṃ haritālahiṅgulakādi, taṃ garubhaṇḍaṃ appahontampi yācituṃ na vaṭṭatīti vadanti.
สาติ วิญฺญตฺติํ ปรามสติฯ สา จ อิธ ปริกถาทินา เยน เกนจิ อธิปฺปายวิญฺญาปนํ วิญฺญตฺตีติ คเหตพฺพาฯ เตนาห ‘‘สเพฺพน สพฺพ’’นฺติ, สพฺพปฺปกาเรนาติ อโตฺถฯ เตน ‘‘ปริกถาทิวเสนปิ วิญฺญาปนํ น วฎฺฎตี’’ติ ทีเปติฯ ปริกโถภาสนิมิตฺตกมฺมมฺปิ หิ จีวรปิณฺฑปาเตสุ ทฺวีสุ ปจฺจเยสุ น วฎฺฎติฯ อิทานิ เสนาสนปจฺจเย อธิเปฺปตํ วิญฺญตฺติํ ปริกถาทีหิ วิเสเสตฺวา ทเสฺสโนฺต ‘‘อาหร เทหีติ วิญฺญตฺติมตฺตเมว น วฎฺฎตี’’ติ อาหฯ ปริกโถภาสนิมิตฺตกมฺมานิ วฎฺฎนฺตีติ เอตฺถ ปริกถา นาม ปริยาเยน กถนํ ภิกฺขุสงฺฆสฺส เสนาสนํ สมฺพาธนฺติอาทิวจนํฯ โอภาโส นาม อุชุกเมว อกเถตฺวา ยถา อธิปฺปาโย วิภูโต โหติ, เอวํ โอภาสนํ, อุปาสกา, ตุเมฺห กุหิํ วสถาติ? ปาสาเท, ภเนฺตติฯ ภิกฺขูนํ ปน, อุปาสกา, ปาสาโท น วฎฺฎตีติอาทิวจนํฯ นิมิตฺตกมฺมํ นาม ปจฺจเย อุทฺทิสฺส ยถา อธิปฺปาโย วิญฺญายติ, เอวํ นิมิตฺตกมฺมํ, เสนาสนตฺถํ ภูมิปริกมฺมาทีนิ กโรนฺตสฺส ‘‘กิํ, ภเนฺต, กโรสิ, โก การาเปตี’’ติ วุเตฺต ‘‘น โกจี’’ติอาทิวจนํฯ
Sāti viññattiṃ parāmasati. Sā ca idha parikathādinā yena kenaci adhippāyaviññāpanaṃ viññattīti gahetabbā. Tenāha ‘‘sabbena sabba’’nti, sabbappakārenāti attho. Tena ‘‘parikathādivasenapi viññāpanaṃ na vaṭṭatī’’ti dīpeti. Parikathobhāsanimittakammampi hi cīvarapiṇḍapātesu dvīsu paccayesu na vaṭṭati. Idāni senāsanapaccaye adhippetaṃ viññattiṃ parikathādīhi visesetvā dassento ‘‘āhara dehīti viññattimattameva na vaṭṭatī’’ti āha. Parikathobhāsanimittakammāni vaṭṭantīti ettha parikathā nāma pariyāyena kathanaṃ bhikkhusaṅghassa senāsanaṃ sambādhantiādivacanaṃ. Obhāso nāma ujukameva akathetvā yathā adhippāyo vibhūto hoti, evaṃ obhāsanaṃ, upāsakā, tumhe kuhiṃ vasathāti? Pāsāde, bhanteti. Bhikkhūnaṃ pana, upāsakā, pāsādo na vaṭṭatītiādivacanaṃ. Nimittakammaṃ nāma paccaye uddissa yathā adhippāyo viññāyati, evaṃ nimittakammaṃ, senāsanatthaṃ bhūmiparikammādīni karontassa ‘‘kiṃ, bhante, karosi, ko kārāpetī’’ti vutte ‘‘na kocī’’tiādivacanaṃ.
อิทานิ คิลานปจฺจเย วิญฺญตฺติอาทิกํ สพฺพมฺปิ วฎฺฎตีติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘คิลานปจฺจเย ปนา’’ติอาทิฯ ตถา อุปฺปนฺนํ ปน เภสชฺชํ โรเค วูปสเนฺต ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, น วฎฺฎตีติ? ตตฺถ วินยธรา ‘‘ภควตา โรคสีเสน ปริโภคสฺส ทฺวารํ ทินฺนํ, ตสฺมา อโรคกาเลปิ ปริภุญฺชิตุํ วฎฺฎติ, อาปตฺติ น โหตี’’ติ วทนฺติฯ สุตฺตนฺติกา ปน ‘‘กิญฺจาปิ อาปตฺติ น โหติ, อาชีวํ ปน โกเปติ, ตสฺมา สเลฺลขปฺปฎิปตฺติยํ ฐิตสฺส น วฎฺฎติ, สเลฺลขํ โกเปตี’’ติ วทนฺติฯ อุกฺกมนฺตีติ อปคจฺฉนฺติฯ
Idāni gilānapaccaye viññattiādikaṃ sabbampi vaṭṭatīti dassento āha ‘‘gilānapaccaye panā’’tiādi. Tathā uppannaṃ pana bhesajjaṃ roge vūpasante paribhuñjituṃ vaṭṭati, na vaṭṭatīti? Tattha vinayadharā ‘‘bhagavatā rogasīsena paribhogassa dvāraṃ dinnaṃ, tasmā arogakālepi paribhuñjituṃ vaṭṭati, āpatti na hotī’’ti vadanti. Suttantikā pana ‘‘kiñcāpi āpatti na hoti, ājīvaṃ pana kopeti, tasmā sallekhappaṭipattiyaṃ ṭhitassa na vaṭṭati, sallekhaṃ kopetī’’ti vadanti. Ukkamantīti apagacchanti.
๓๔๔. มณิ กเณฺฐ อสฺสาติ มณิกโณฺฐ, มณินา อุปลกฺขิโต วา กโณฺฐ อสฺสาติ มณิกโณฺฐติ มชฺฌปทโลปีสมาโส ทฎฺฐโพฺพฯ เทววณฺณนฺติ เทวตฺตภาวํฯ ปสนฺนาการนฺติ ปสเนฺนหิ กาตพฺพกิจฺจํ, กายเวยฺยาวจฺจสงฺขาตํ อุปฎฺฐานนฺติ วุตฺตํ โหติฯ มณิยาจนาย ตสฺส อนาคมเนน อตฺตโน วฑฺฒิ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘มณินา เม อโตฺถ’’ติ, มนฺตปทนีหาเรน วา ตถา วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
344. Maṇi kaṇṭhe assāti maṇikaṇṭho, maṇinā upalakkhito vā kaṇṭho assāti maṇikaṇṭhoti majjhapadalopīsamāso daṭṭhabbo. Devavaṇṇanti devattabhāvaṃ. Pasannākāranti pasannehi kātabbakiccaṃ, kāyaveyyāvaccasaṅkhātaṃ upaṭṭhānanti vuttaṃ hoti. Maṇiyācanāya tassa anāgamanena attano vaḍḍhi hotīti vuttaṃ ‘‘maṇinā me attho’’ti, mantapadanīhārena vā tathā vuttanti daṭṭhabbaṃ.
๓๔๕. วตฺตมานสมีเปติ วตฺตมานสฺส สมีเป อตีเตฯ เอวํ วตฺตุํ ลพฺภตีติ ‘‘อาคโตสี’’ติ วตฺตเพฺพ วตฺตมานสมีปตฺตา ‘‘อาคจฺฉสี’’ติ เอวํ วตฺตมานโวหาเรน วตฺตุํ ลพฺภติฯ ลกฺขณํ ปเนตฺถ สทฺทสตฺถานุสารโต เวทิตพฺพํฯ โส เอว นโยติ ‘‘อาคโตมฺหี’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘อาคจฺฉามี’’ติ อยมฺปิ วตฺตมานสมีเป วตฺตมานโวหาโรติ ทเสฺสติฯ
345.Vattamānasamīpeti vattamānassa samīpe atīte. Evaṃ vattuṃ labbhatīti ‘‘āgatosī’’ti vattabbe vattamānasamīpattā ‘‘āgacchasī’’ti evaṃ vattamānavohārena vattuṃ labbhati. Lakkhaṇaṃ panettha saddasatthānusārato veditabbaṃ. So eva nayoti ‘‘āgatomhī’’ti vattabbe ‘‘āgacchāmī’’ti ayampi vattamānasamīpe vattamānavohāroti dasseti.
๓๔๘-๓๔๙. ยสฺมา ปน น สกฺกา เกวลํ ยาจนาย กิญฺจิ กาตุํ, ตสฺมา ‘‘สยํ ยาจิตเกหิ อุปกรเณหี’’ติ อธิปฺปายโตฺถ วุโตฺตฯ อุทฺธํมุขํ ลิตฺตา อุลฺลิตฺตา, อโธมุขํ ลิตฺตา อวลิตฺตาฯ ยสฺมา ปน อุทฺธํมุขํ ลิมฺปนฺตา เยภุเยฺยน อโนฺต ลิมฺปนฺติ, อโธมุขํ ลิมฺปนฺตา จ พหิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อุลฺลิตฺตาติ อโนฺตลิตฺตา, อวลิตฺตาติ พหิลิตฺตา’’ติฯ ตตฺถ อุลฺลิตฺตา นาม ฐเปตฺวา ตุลาปิฎฺฐสงฺฆาตวาตปานธูมฉิทฺทาทิเภทํ อเลโปกาสํ อวเสเส เลโปกาเส กุเฎฺฎหิ สทฺธิํ ฆเฎตฺวา ฉทนสฺส อโนฺต สุธาย วา มตฺติกาย วา ลิตฺตาฯ อวลิตฺตา นาม วุตฺตนเยเนว ฉทนสฺส พหิ ลิตฺตาฯ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตา นาม ตเถว ฉทนสฺส อโนฺต จ พหิ จ ลิตฺตาฯ
348-349. Yasmā pana na sakkā kevalaṃ yācanāya kiñci kātuṃ, tasmā ‘‘sayaṃ yācitakehi upakaraṇehī’’ti adhippāyattho vutto. Uddhaṃmukhaṃ littā ullittā, adhomukhaṃ littā avalittā. Yasmā pana uddhaṃmukhaṃ limpantā yebhuyyena anto limpanti, adhomukhaṃ limpantā ca bahi, tasmā vuttaṃ ‘‘ullittāti antolittā, avalittāti bahilittā’’ti. Tattha ullittā nāma ṭhapetvā tulāpiṭṭhasaṅghātavātapānadhūmachiddādibhedaṃ alepokāsaṃ avasese lepokāse kuṭṭehi saddhiṃ ghaṭetvā chadanassa anto sudhāya vā mattikāya vā littā. Avalittā nāma vuttanayeneva chadanassa bahi littā. Ullittāvalittā nāma tatheva chadanassa anto ca bahi ca littā.
พฺยญฺชนํ สเมตีติ ‘‘การยมาเนนา’’ติ เหตุกตฺตุวเสน อุทฺทิฎฺฐปทสฺส ‘‘การาเปเนฺตนา’’ติ เหตุกตฺตุวเสเนว นิเทฺทสสฺส กตตฺตา พฺยญฺชนํ สเมติฯ ยทิ เอวํ ‘‘กโรโนฺต วา การาเปโนฺต วา’’ติ กสฺมา ตสฺส ปทภาชนํ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ยสฺมา ปนา’’ติอาทิฯ ‘‘อตฺตนา วิปฺปกตํ ปเรหิ ปริโยสาเปตี’’ติอาทิวจนโต ‘‘กโรเนฺตนปิ อิธ วุตฺตนเยเนว ปฎิปชฺชิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ อิธ วุตฺตนเยเนวาติ อิมสฺมิํ สิกฺขาปเท วุตฺตนเยเนวฯ อุโภเปเตติ การกการาปกาฯ การยมาเนนาติ อิมินาว ปเทน สงฺคหิตาติ กถํ สงฺคหิตาฯ น หิ การยมาโน กโรโนฺต นาม โหติ, เอวํ ปเนตฺถ อธิปฺปาโย เวทิตโพฺพ – ยสฺมา กโรเนฺตนปิ การยมาเนนปิ อิธ วุตฺตนเยเนว ปฎิปชฺชิตพฺพํ, ตสฺมา การยมาเนน เอวํ ปฎิปชฺชิตพฺพนฺติ วุเตฺต ปเคว กโรเนฺตนาติ อิทํ อตฺถโต อาคตเมวาติ ‘‘การยมาเนนา’’ติ ภควตา วุตฺตํฯ ตโต ‘‘การยมาเนนา’’ติ วุเตฺต สามตฺถิยโต ลพฺภมาโนปิ อโตฺถ เตเนว สงฺคหิโต นาม โหตีติฯ พฺยญฺชนํ วิโลมิตํ ภเวยฺยาติ ยสฺมา ‘‘การยมาเนนา’’ติ อิมสฺส ‘‘กโรเนฺตนา’’ติ อิทํ ปริยายวจนํ น โหติ, ตสฺมา กโรเนฺตน วา การาเปเนฺตน วาติ ปทตฺถวเสน นิเทฺทเส กเต พฺยญฺชนํ วิรุทฺธํ ภเวยฺยาติ อธิปฺปาโยฯ อตฺถมตฺตเมวาติ ปทตฺถโต สามตฺถิยโต จ ลพฺภมานํ อตฺถมตฺตเมวฯ
Byañjanaṃ sametīti ‘‘kārayamānenā’’ti hetukattuvasena uddiṭṭhapadassa ‘‘kārāpentenā’’ti hetukattuvaseneva niddesassa katattā byañjanaṃ sameti. Yadi evaṃ ‘‘karonto vā kārāpento vā’’ti kasmā tassa padabhājanaṃ vuttanti āha ‘‘yasmā panā’’tiādi. ‘‘Attanā vippakataṃ parehi pariyosāpetī’’tiādivacanato ‘‘karontenapi idha vuttanayeneva paṭipajjitabba’’nti vuttaṃ. Tattha idha vuttanayenevāti imasmiṃ sikkhāpade vuttanayeneva. Ubhopeteti kārakakārāpakā. Kārayamānenāti imināva padena saṅgahitāti kathaṃ saṅgahitā. Na hi kārayamāno karonto nāma hoti, evaṃ panettha adhippāyo veditabbo – yasmā karontenapi kārayamānenapi idha vuttanayeneva paṭipajjitabbaṃ, tasmā kārayamānena evaṃ paṭipajjitabbanti vutte pageva karontenāti idaṃ atthato āgatamevāti ‘‘kārayamānenā’’ti bhagavatā vuttaṃ. Tato ‘‘kārayamānenā’’ti vutte sāmatthiyato labbhamānopi attho teneva saṅgahito nāma hotīti. Byañjanaṃvilomitaṃ bhaveyyāti yasmā ‘‘kārayamānenā’’ti imassa ‘‘karontenā’’ti idaṃ pariyāyavacanaṃ na hoti, tasmā karontena vā kārāpentena vāti padatthavasena niddese kate byañjanaṃ viruddhaṃ bhaveyyāti adhippāyo. Atthamattamevāti padatthato sāmatthiyato ca labbhamānaṃ atthamattameva.
อุเทฺทโสติ อุทฺทิสิตโพฺพฯ อโพฺพหาริกนฺติ อปฺปมาณํฯ ‘‘อายามโต จ วิตฺถารโต จา’’ติ อวตฺวา วิกปฺปตฺถสฺส วา-สทฺทสฺส วุตฺตตฺตา เอกโตภาเคน วฑฺฒิเตปิ อาปตฺติเยวาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘โย ปนา’’ติอาทิมาหฯ ติหตฺถาติ วฑฺฒกีหเตฺถน ติหตฺถาฯ ปมาณยุโตฺต มโญฺจติ ปกติวิทตฺถิยา นววิทตฺถิปฺปมาโณ มโญฺจฯ ปมาณิกา กาเรตพฺพาติ อุกฺกฎฺฐปฺปมาณํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา อุกฺกฎฺฐปฺปมาณยุตฺตาว กุฎิ อเทสิตวตฺถุกา น วฎฺฎติ, ปมาณโต ปน อูนตรา อเทสิตวตฺถุกาปิ วฎฺฎตีติ กสฺสจิ สเนฺทโห สิยาติ ตํนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปมาณโต อูนตรมฺปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ปมาณโต อูนตรนฺติ ปาฬิยํ วุตฺตปฺปมาณโต อูนตรํฯ ปจฺฉิเมน ปมาเณน จตุหตฺถโต อูนตรา กุฎิ นาม น โหตีติ จตุหตฺถโต ปฎฺฐาย กุฎิลกฺขณปฺปตฺตํ กุฎิํ ทเสฺสตุํ ‘‘จตุหตฺถํ ปญฺจหตฺถมฺปี’’ติ วุตฺตํฯ กลลเลโปติ เกนจิ สิเลเสน กตเลโป, ตมฺพมตฺติกาทิกลลเลโป วาฯ อเลโป เอวาติ อโพฺพหาริกาเยวาติ อธิปฺปาโยฯ ปิฎฺฐสงฺฆาโฎ ทฺวารพาหาฯ โอโลเกตฺวาปีติ อปโลเกตฺวาปิ, อปโลกนกมฺมวเสนปิ กาตุํ วฎฺฎตีติ อธิปฺปาโยฯ
Uddesoti uddisitabbo. Abbohārikanti appamāṇaṃ. ‘‘Āyāmato ca vitthārato cā’’ti avatvā vikappatthassa vā-saddassa vuttattā ekatobhāgena vaḍḍhitepi āpattiyevāti dassento ‘‘yo panā’’tiādimāha. Tihatthāti vaḍḍhakīhatthena tihatthā. Pamāṇayutto mañcoti pakatividatthiyā navavidatthippamāṇo mañco. Pamāṇikā kāretabbāti ukkaṭṭhappamāṇaṃ sandhāya vuttattā ukkaṭṭhappamāṇayuttāva kuṭi adesitavatthukā na vaṭṭati, pamāṇato pana ūnatarā adesitavatthukāpi vaṭṭatīti kassaci sandeho siyāti taṃnivattanatthaṃ ‘‘pamāṇato ūnatarampī’’tiādi vuttaṃ. Tattha pamāṇato ūnataranti pāḷiyaṃ vuttappamāṇato ūnataraṃ. Pacchimena pamāṇena catuhatthato ūnatarā kuṭi nāma na hotīti catuhatthato paṭṭhāya kuṭilakkhaṇappattaṃ kuṭiṃ dassetuṃ ‘‘catuhatthaṃ pañcahatthampī’’ti vuttaṃ. Kalalalepoti kenaci silesena katalepo, tambamattikādikalalalepo vā. Alepo evāti abbohārikāyevāti adhippāyo. Piṭṭhasaṅghāṭo dvārabāhā. Oloketvāpīti apaloketvāpi, apalokanakammavasenapi kātuṃ vaṭṭatīti adhippāyo.
๓๕๓. ยถา สีหาทีนํ โคจราย ปกฺกมนฺตานํ นิพทฺธคมนมโคฺค น วฎฺฎติ, เอวํ หตฺถีนมฺปิ นิพทฺธคมนมโคฺค น วฎฺฎติฯ เอเตสนฺติ สีหาทีนํฯ จาริภูมีติ โคจรภูมิฯ น คหิตาติ น วาริตาติ อธิปฺปาโยฯ อาโรคฺยตฺถายาติ นิรุปทฺทวตฺถายฯ เสสานีติ ปุพฺพณฺณนิสฺสิตาทีนิฯ ปุพฺพณฺณนิสฺสิตนฺติ เอตฺถ ปุพฺพณฺณวิรุหนฎฺฐานํ ปุพฺพณฺณ-สเทฺทน คหิตํฯ เตนาห – ‘‘สตฺตนฺนํ ธญฺญานํ…เป.… ฐิต’’นฺติฯ อภิหนนฺติ เอตฺถาติ อพฺภาฆาตํฯ ‘‘เวริฆร’’นฺติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘โจรานํ มารณตฺถาย กต’’นฺติ วุตฺตํฯ ธมฺมคนฺธิกาติ หตฺถปาทาทิฉินฺทนคนฺธิกาฯ
353. Yathā sīhādīnaṃ gocarāya pakkamantānaṃ nibaddhagamanamaggo na vaṭṭati, evaṃ hatthīnampi nibaddhagamanamaggo na vaṭṭati. Etesanti sīhādīnaṃ. Cāribhūmīti gocarabhūmi. Na gahitāti na vāritāti adhippāyo. Ārogyatthāyāti nirupaddavatthāya. Sesānīti pubbaṇṇanissitādīni. Pubbaṇṇanissitanti ettha pubbaṇṇaviruhanaṭṭhānaṃ pubbaṇṇa-saddena gahitaṃ. Tenāha – ‘‘sattannaṃ dhaññānaṃ…pe… ṭhita’’nti. Abhihananti etthāti abbhāghātaṃ. ‘‘Verighara’’nti vuttamevatthaṃ vibhāvetuṃ ‘‘corānaṃ māraṇatthāya kata’’nti vuttaṃ. Dhammagandhikāti hatthapādādichindanagandhikā.
อาวิชฺชิตุํ น สกฺกา โหตีติ ฉินฺทตฎาทิสมฺภวโต น สกฺกา โหติ อาวิชฺชิตุํฯ ปาจินนฺติ กุฎิวตฺถุสามนฺตา จินิตพฺพอธิฎฺฐานํฯ กิญฺจาปิ อิธ ปุพฺพปโยคสหปโยคานํ อทินฺนาทาเน วิย วิเสโส นตฺถิ, ตถาปิ เตสํ วิภาเคน ทสฺสนํ ฉินฺทิตฺวา ปุน กาตพฺพาติ เอตฺถ กุฎิยา เภทนปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ กตํฯ ตทตฺถายาติ ตจฺฉนตฺถายฯ เอวํ กตนฺติ อเทสิตวตฺถุํ ปมาณาติกฺกนฺตํ วา กตํฯ ทารุนา กตํ กุฎฺฎํ เอตฺถาติ ทารุกุฎฺฎิกา, กุฎิฯ สิลากุฎฺฎิกนฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ ปณฺณสาลนฺติ พหิ ปเณฺณหิ ฉาเทตพฺพํ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ กุฎิเมว วทติฯ เตเนวาห ‘‘สภิตฺติจฺฉทนํ ลิมฺปิสฺสามี’’ติฯ
Āvijjituṃna sakkā hotīti chindataṭādisambhavato na sakkā hoti āvijjituṃ. Pācinanti kuṭivatthusāmantā cinitabbaadhiṭṭhānaṃ. Kiñcāpi idha pubbapayogasahapayogānaṃ adinnādāne viya viseso natthi, tathāpi tesaṃ vibhāgena dassanaṃ chinditvā puna kātabbāti ettha kuṭiyā bhedanaparicchedadassanatthaṃ kataṃ. Tadatthāyāti tacchanatthāya. Evaṃ katanti adesitavatthuṃ pamāṇātikkantaṃ vā kataṃ. Dārunā kataṃ kuṭṭaṃ etthāti dārukuṭṭikā, kuṭi. Silākuṭṭikantiādīsupi eseva nayo. Paṇṇasālanti bahi paṇṇehi chādetabbaṃ ullittāvalittaṃ kuṭimeva vadati. Tenevāha ‘‘sabhitticchadanaṃ limpissāmī’’ti.
อโนฺตเลเปเนว นิฎฺฐาเปตุกามํ สนฺธาย ‘‘อโนฺตเลเป วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ พหิเลเป วาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมิํ ทฺวารพเทฺธ วา วาตปาเน วา ฐปิเตติ โยเชตพฺพํฯ ตโสฺสกาสนฺติ ตสฺส ทฺวารพทฺธสฺส วา วาตปานสฺส วา โอกาสํฯ ปุน วเฑฺฒตฺวา วาติ ปุเพฺพว ฐปิโตกาสํ ขุทฺทกํ เจ, เภทเนน ปุน วเฑฺฒตฺวาฯ เลโป น ฆฎิยตีติ ปุเพฺพ ทินฺนเลโป ทฺวารพเทฺธน วา วาตปาเนน วา สทฺธิํ น ฆฎิยติ, เอกาพทฺธํ หุตฺวา น ติฎฺฐตีติ วุตฺตํ โหติฯ ตนฺติ ทฺวารพทฺธํ วา วาตปานํ วาฯ ปฐมเมว สงฺฆาทิเสโสติ เลปกิจฺจสฺส นิฎฺฐิตตฺตา ทฺวารพทฺธํ วา วาตปานํ วา ฐปนโต ปุเพฺพเยว สงฺฆาทิเสโสฯ อฎฺฐงฺคุลมเตฺตน อปฺปตฺตจฺฉทนํ กตฺวาติ เอตฺถ เอวํ เม อาปตฺติ น สิยาติ ภิตฺติยํ วา ฉทเน วา เอกงฺคุลมตฺตมฺปิ โอกาสํ เลเปน อฆเฎตฺวา ฐเปติ, วฎฺฎตีติ วทนฺติฯ มตฺติกากุฎฺฎเมว มตฺติกาเลปสงฺขฺยํ คจฺฉตีติ อาห – ‘‘สเจ มตฺติกาย กุฎฺฎํ กโรติ, ฉทนเลเปน สทฺธิํ ฆฎเน อาปตฺตี’’ติฯ อุภินฺนํ อนาปตฺตีติ ปุริมสฺส เลปสฺส อฆฎิตตฺตา ทุติยสฺส อตฺตุเทฺทสิกตาสมฺภวโต อุภินฺนํ อนาปตฺติ, ตสฺมา วินาปิ วตฺตสีเสน เตน อนาณโตฺต ตสฺส กโรมีติ กโรติ, อุภินฺนํ อนาปตฺติเยวฯ สเจ เตน อาณโตฺต กโรติ, มูลฎฺฐเสฺสว อาปตฺติฯ
Antolepeneva niṭṭhāpetukāmaṃ sandhāya ‘‘antolepe vā’’tiādi vuttaṃ. Bahilepe vāti etthāpi eseva nayo. Tasmiṃ dvārabaddhe vā vātapāne vā ṭhapiteti yojetabbaṃ. Tassokāsanti tassa dvārabaddhassa vā vātapānassa vā okāsaṃ. Puna vaḍḍhetvā vāti pubbeva ṭhapitokāsaṃ khuddakaṃ ce, bhedanena puna vaḍḍhetvā. Lepo na ghaṭiyatīti pubbe dinnalepo dvārabaddhena vā vātapānena vā saddhiṃ na ghaṭiyati, ekābaddhaṃ hutvā na tiṭṭhatīti vuttaṃ hoti. Tanti dvārabaddhaṃ vā vātapānaṃ vā. Paṭhamameva saṅghādisesoti lepakiccassa niṭṭhitattā dvārabaddhaṃ vā vātapānaṃ vā ṭhapanato pubbeyeva saṅghādiseso. Aṭṭhaṅgulamattena appattacchadanaṃ katvāti ettha evaṃ me āpatti na siyāti bhittiyaṃ vā chadane vā ekaṅgulamattampi okāsaṃ lepena aghaṭetvā ṭhapeti, vaṭṭatīti vadanti. Mattikākuṭṭameva mattikālepasaṅkhyaṃ gacchatīti āha – ‘‘sace mattikāya kuṭṭaṃ karoti, chadanalepena saddhiṃ ghaṭane āpattī’’ti. Ubhinnaṃ anāpattīti purimassa lepassa aghaṭitattā dutiyassa attuddesikatāsambhavato ubhinnaṃ anāpatti, tasmā vināpi vattasīsena tena anāṇatto tassa karomīti karoti, ubhinnaṃ anāpattiyeva. Sace tena āṇatto karoti, mūlaṭṭhasseva āpatti.
๓๕๔. ฉตฺติํส จตุกฺกานิ นาม ‘‘ภิกฺขุ กุฎิํ กโรตี’’ติอาทิมฺหิ ปฐมวาเร อเทสิตวตฺถุกจตุกฺกํ เทสิตวตฺถุกจตุกฺกํ ปมาณาติกฺกนฺตจตุกฺกํ ปมาณิกจตุกฺกํ อเทสิตวตฺถุกปฺปมาณาติกฺกนฺตจตุกฺกํ เทสิตวตฺถุกปฺปมาณิกจตุกฺกนฺติ ฉ จตุกฺกานิ, เอวํ สมาทิสติวาราทีสุปิ ปญฺจสูติ ฉตฺติํสฯ อาปตฺติเภททสฺสนตฺถํ วุตฺตานีติ ‘‘สารเมฺภ เจ ภิกฺขุ วตฺถุสฺมิํ อปริกฺกมเน’’ติ อวิเสเสน มาติกาย วุตฺตตฺตา สารมฺภอปริกฺกมเนสุปิ สงฺฆาทิเสโสว สิยาติ มิจฺฉาคาหนิวตฺตนตฺถํ สารเมฺภ อปริกฺกมเน จ ทุกฺกฎํ, อเทสิตวตฺถุกตาย ปมาณาติกฺกนฺตตาย จ สงฺฆาทิเสโสติ เอวํ อาปตฺติเภททสฺสนตฺถํ วุตฺตานิฯ
354.Chattiṃsa catukkāni nāma ‘‘bhikkhu kuṭiṃ karotī’’tiādimhi paṭhamavāre adesitavatthukacatukkaṃ desitavatthukacatukkaṃ pamāṇātikkantacatukkaṃ pamāṇikacatukkaṃ adesitavatthukappamāṇātikkantacatukkaṃ desitavatthukappamāṇikacatukkanti cha catukkāni, evaṃ samādisativārādīsupi pañcasūti chattiṃsa. Āpattibhedadassanatthaṃ vuttānīti ‘‘sārambhe ce bhikkhu vatthusmiṃ aparikkamane’’ti avisesena mātikāya vuttattā sārambhaaparikkamanesupi saṅghādisesova siyāti micchāgāhanivattanatthaṃ sārambhe aparikkamane ca dukkaṭaṃ, adesitavatthukatāya pamāṇātikkantatāya ca saṅghādisesoti evaṃ āpattibhedadassanatthaṃ vuttāni.
๓๕๕-๓๖๑. ‘‘ทฺวีหิ สงฺฆาทิเสเสหี’’ติ วตฺตเพฺพ วิภตฺติพฺยตฺตเยน จ วจนพฺยตฺตเยน จ ทฺวินฺนํ สงฺฆาทิเสเสนาติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘ทฺวีหิ สงฺฆาทิเสเสหิ…เป.… อโตฺถ เวทิตโพฺพ’’ติฯ ‘‘อญฺญสฺส วา ทาตพฺพา’’ติ วุตฺตตฺตา วิปฺปกตํ กุฎิํ ลภิตฺวา อตฺตโน อตฺถาย กโรนฺตสฺสปิ อาทิโต ปฎฺฐาย อกตตฺตา อนาปตฺติเยวาติ วทนฺติฯ อปจินิตพฺพาติ วิทฺธํเสตพฺพาฯ ภูมิสมํ กตฺวาติ กุฎิวตฺถุสมํ กตฺวาฯ
355-361. ‘‘Dvīhi saṅghādisesehī’’ti vattabbe vibhattibyattayena ca vacanabyattayena ca dvinnaṃ saṅghādisesenāti vuttanti āha ‘‘dvīhi saṅghādisesehi…pe… attho veditabbo’’ti. ‘‘Aññassa vā dātabbā’’ti vuttattā vippakataṃ kuṭiṃ labhitvā attano atthāya karontassapi ādito paṭṭhāya akatattā anāpattiyevāti vadanti. Apacinitabbāti viddhaṃsetabbā. Bhūmisamaṃ katvāti kuṭivatthusamaṃ katvā.
๓๖๔. น เหตฺถ เลโป ฆฎิยตีติ ฉทนเลปสฺส อภาวโต วุตฺตํ, วิสุํเยว อนุญฺญาตตฺตา ปน สเจปิ เลณสฺส อโนฺต อุปริภาเค จิตฺตกมฺมาทิกรณตฺถํ เลปํ เทนฺติ, วฎฺฎติเยวฯ เลปทานวเสน อกตา อิฎฺฐกาทิคุหา คุหา นามาติ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ ติเณหิ วา ปเณฺณหิ วา ฉาทิตกุฎิกาว วุตฺตาติ ‘‘กุกฺกุฎจฺฉิกเคหํ วฎฺฎตี’’ติ วตฺวา ‘‘ฉทนํ ทณฺฑเกหี’’ติอาทินา ปุน ตํ ทเสฺสเนฺตหิ ติณปณฺณจฺฉทนา กุฎิกาว วุตฺตาฯ ฉทนํ ทณฺฑเกหิ ชาลพนฺธํ กตฺวาติ ฉทนํ ทีฆโต ติริยโต จ ฐปิตทณฺฑเกหิ ชาลํ วิย พนฺธิตฺวาฯ โอคุเมฺผตฺวาติ ติณาทิํ วิทฺธํเสตฺวาฯ ภิตฺติเลเปน สทฺธิํ เลเป ฆฎิเตติ เอตฺถ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตภาวสฺส ฉทนํ สนฺธาย วุตฺตตฺตา สเจปิ ภิตฺติเลเปน อนตฺถิโก โหติ, ฉทนเลเป สมนฺตโต ภิตฺติยา อปฺปมตฺตเกนปิ ฆฎิเต ภิตฺติเลเปน วินาปิ อาปตฺติเยวาติ วทนฺติฯ อุปจิกาโมจนตฺถเมว เหฎฺฐา ปาสาณกุฎฺฎํ กตฺวา ตํ อลิมฺปิตฺวา อุปริ ลิมฺปติ, เลโป น ฆฎิยติ นาม, อนาปตฺติเยวาติ อิมินา อฎฺฐกถาวจเนน ตํ น สเมติฯ ตตฺถ เกจิ วทนฺติ ‘‘ภิตฺติํ อลิมฺปิตุกามตาย อภาวโต ฉทนเลเป ปาสาณกุเฎฺฎน สทฺธิํ ฆฎิเตปิ ตตฺถ อนาปตฺติ วุตฺตา’’ติ, ตมฺปิ น ยุตฺตํฯ ‘‘อุปจิกาโมจนตฺถเมวา’’ติ หิ วุตฺตตฺตา ปาสาณกุเฎฺฎ ปุน ลิมฺปิตุกามตาย อภาโวเยว วิญฺญายติ, เตเนว ‘‘ตํ อลิมฺปิตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺมา ‘‘อุลฺลิตฺตาทิภาโว…เป.… ฉทนเมว สนฺธาย วุโตฺต’’ติ อิทํ สติปิ ภิตฺติเลเป ฉทนเลเปน วินา อาปตฺติ น โหตีติ ฉทนเลปสฺส ปธานภาวทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, น ปน ภิตฺติเลเปน วินาปิ อาปตฺติ โหตีติ ทสฺสนตฺถนฺติ วทนฺติ, อิทเมว เจตฺถ ยุตฺตตรนฺติ อมฺหากํ ขนฺติฯ เอตฺถาติ ติณกุฎิกายฯ
364.Na hettha lepo ghaṭiyatīti chadanalepassa abhāvato vuttaṃ, visuṃyeva anuññātattā pana sacepi leṇassa anto uparibhāge cittakammādikaraṇatthaṃ lepaṃ denti, vaṭṭatiyeva. Lepadānavasena akatā iṭṭhakādiguhā guhā nāmāti gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Tiṇehi vā paṇṇehi vā chāditakuṭikāva vuttāti ‘‘kukkuṭacchikagehaṃ vaṭṭatī’’ti vatvā ‘‘chadanaṃ daṇḍakehī’’tiādinā puna taṃ dassentehi tiṇapaṇṇacchadanā kuṭikāva vuttā. Chadanaṃ daṇḍakehi jālabandhaṃ katvāti chadanaṃ dīghato tiriyato ca ṭhapitadaṇḍakehi jālaṃ viya bandhitvā. Ogumphetvāti tiṇādiṃ viddhaṃsetvā. Bhittilepena saddhiṃ lepe ghaṭiteti ettha ullittāvalittabhāvassa chadanaṃ sandhāya vuttattā sacepi bhittilepena anatthiko hoti, chadanalepe samantato bhittiyā appamattakenapi ghaṭite bhittilepena vināpi āpattiyevāti vadanti. Upacikāmocanatthameva heṭṭhā pāsāṇakuṭṭaṃ katvā taṃ alimpitvā upari limpati, lepo na ghaṭiyati nāma, anāpattiyevāti iminā aṭṭhakathāvacanena taṃ na sameti. Tattha keci vadanti ‘‘bhittiṃ alimpitukāmatāya abhāvato chadanalepe pāsāṇakuṭṭena saddhiṃ ghaṭitepi tattha anāpatti vuttā’’ti, tampi na yuttaṃ. ‘‘Upacikāmocanatthamevā’’ti hi vuttattā pāsāṇakuṭṭe puna limpitukāmatāya abhāvoyeva viññāyati, teneva ‘‘taṃ alimpitvā’’ti vuttaṃ. Tasmā ‘‘ullittādibhāvo…pe… chadanameva sandhāya vutto’’ti idaṃ satipi bhittilepe chadanalepena vinā āpatti na hotīti chadanalepassa padhānabhāvadassanatthaṃ vuttaṃ, na pana bhittilepena vināpi āpatti hotīti dassanatthanti vadanti, idameva cettha yuttataranti amhākaṃ khanti. Etthāti tiṇakuṭikāya.
เอตฺถ จ ติณกุฎิกาย เอว สพฺพถา อนาปตฺติภาวสฺส ทสฺสนํ ปริวารปาฬิํ อาเนตฺวา ติณกุฎิกาย สารมฺภาทิปจฺจยาปิ อนาปตฺติภาโว สุเขน สกฺกา สาเธตุนฺติ กตํฯ ติณกุฎิกาย จ สพฺพถา อนาปตฺติภาเว สาธิเต เตเนว นเยน เลณคุหาทีสุปิ สารมฺภาทิปจฺจยาปิ อนาปตฺติภาโว สกฺกา วิญฺญาตุนฺติฯ เตเนว ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตถา หิ ติณกุฎิกาย สารมฺภาทิปจฺจยาปิ อนาปตฺติภาเว สาธิเต เตเนว นเยน อญฺญสฺสตฺถาย กโรนฺตสฺสปิ สารมฺภาทิปจฺจยาปิ อนาปตฺติภาโว อตฺถโต ทสฺสิโตเยว โหติฯ เอวญฺจ สติ ภิกฺขุ สมาทิสิตฺวา ปกฺกมติ ‘‘กุฎิํ เม กโรถา’’ติ, สมาทิสติ จ เทสิตวตฺถุกา จ โหตุ อนารมฺภา จ สปริกฺกมนา จาติ, ตสฺส กุฎิํ กโรนฺติ อเทสิตวตฺถุกํ สารมฺภํ อปริกฺกมนํฯ ‘‘อาปตฺติ การุกานํ ติณฺณํ ทุกฺกฎาน’’นฺติ ปาฬิยํ อญฺญสฺสตฺถาย กโรนฺตสฺสปิ สารมฺภาทิปจฺจยาปิ ทุกฺกฎํ กสฺมา วุตฺตนฺติ อิมํ โจทนํ มนสิ นิธาย ‘‘ยํ ปน…เป.… อกรณปจฺจยา วุตฺต’’นฺติ อิทํ วุตฺตํฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – อญฺญสฺสตฺถาย กโรนฺตสฺสปิ สารมฺภาทิปจฺจยาปิ อนาปตฺติเยวฯ ‘‘อาปตฺติ การุกานํ ติณฺณํ ทุกฺกฎาน’’นฺติ อิทํ ปน อญฺญสฺสตฺถาย กโรนฺตสฺส น สารมฺภาทิปจฺจยา อาปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, กิญฺจรหิ ยถาสมาทิฎฺฐาย อกรณปจฺจยา อาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติฯ ยสฺมา พหูสุ โปตฺถเกสุ สตโสธิตสมฺมเต จ ปุราณโปตฺถเก อยเมว ปาฐกฺกโม ทิสฺสติ, ตสฺมา ยถาทิฎฺฐปาฐานุกฺกเมเนเวตฺถ อโตฺถ ปกาสิโตฯ กตฺถจิ โปตฺถเก ปน ‘‘กุฎิลกฺขณปฺปตฺตมฺปิ กุฎิํ…เป.… อนาปตฺตี’’ติ อิมสฺสานนฺตรํ ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิปาฐํ ลิขนฺติ, เอวญฺจ สติ ตตฺถ อธิปฺปาโย ปากโฎเยวฯ อนาปตฺตีติ วตฺวาติ อุโปสถาคารญฺจ ภวิสฺสติ, อหญฺจ วสิสฺสามีติอาทีสุ วาสาคารตฺถาย เอว อนิยมิตตฺตา อนาปตฺตีติ วตฺวาฯ
Ettha ca tiṇakuṭikāya eva sabbathā anāpattibhāvassa dassanaṃ parivārapāḷiṃ ānetvā tiṇakuṭikāya sārambhādipaccayāpi anāpattibhāvo sukhena sakkā sādhetunti kataṃ. Tiṇakuṭikāya ca sabbathā anāpattibhāve sādhite teneva nayena leṇaguhādīsupi sārambhādipaccayāpi anāpattibhāvo sakkā viññātunti. Teneva ‘‘yaṃ panā’’tiādi vuttaṃ. Tathā hi tiṇakuṭikāya sārambhādipaccayāpi anāpattibhāve sādhite teneva nayena aññassatthāya karontassapi sārambhādipaccayāpi anāpattibhāvo atthato dassitoyeva hoti. Evañca sati bhikkhu samādisitvā pakkamati ‘‘kuṭiṃ me karothā’’ti, samādisati ca desitavatthukā ca hotu anārambhā ca saparikkamanā cāti, tassa kuṭiṃ karonti adesitavatthukaṃ sārambhaṃ aparikkamanaṃ. ‘‘Āpatti kārukānaṃ tiṇṇaṃ dukkaṭāna’’nti pāḷiyaṃ aññassatthāya karontassapi sārambhādipaccayāpi dukkaṭaṃ kasmā vuttanti imaṃ codanaṃ manasi nidhāya ‘‘yaṃ pana…pe… akaraṇapaccayā vutta’’nti idaṃ vuttaṃ. Ayañhettha adhippāyo – aññassatthāya karontassapi sārambhādipaccayāpi anāpattiyeva. ‘‘Āpatti kārukānaṃ tiṇṇaṃ dukkaṭāna’’nti idaṃ pana aññassatthāya karontassa na sārambhādipaccayā āpattidassanatthaṃ vuttaṃ, kiñcarahi yathāsamādiṭṭhāya akaraṇapaccayā āpattidassanatthanti. Yasmā bahūsu potthakesu satasodhitasammate ca purāṇapotthake ayameva pāṭhakkamo dissati, tasmā yathādiṭṭhapāṭhānukkamenevettha attho pakāsito. Katthaci potthake pana ‘‘kuṭilakkhaṇappattampi kuṭiṃ…pe… anāpattī’’ti imassānantaraṃ ‘‘yaṃ panā’’tiādipāṭhaṃ likhanti, evañca sati tattha adhippāyo pākaṭoyeva. Anāpattīti vatvāti uposathāgārañca bhavissati, ahañca vasissāmītiādīsu vāsāgāratthāya eva aniyamitattā anāpattīti vatvā.
ปมาณาติกฺกนฺตกุฎิกรณลกฺขณา กิริยาเยว, อเทสิตวตฺถุมูลิกายปิ อาปตฺติยา องฺคํ โหติ ปมาณาติกฺกนฺตมูลิกายปิ, ตทุภยํ เอกโต กตฺวา ‘‘กิริยากิริยโต’’ติ วุตฺตํฯ วตฺถุํ อเทสาเปตฺวา ปมาณยุตฺตํ กุฎิํ กโรนฺตสฺสปิ วตฺถุํ เทสาเปตฺวา อกิริยาย กุฎิกรณกิริยาย จ สมุฎฺฐานโต กิริยากิริยโตว สมุฎฺฐาตีติ เวทิตพฺพํฯ อจิตฺตกนฺติ ปณฺณตฺติอชานนจิเตฺตน อจิตฺตกํฯ อุลฺลิตฺตาทีนํ อญฺญตรตา, เหฎฺฐิมปฺปมาณสมฺภโว, อเทสิตวตฺถุตา, ปมาณาติกฺกนฺตตา, อตฺตุเทฺทสิกตา, วาสาคารตา, เลปฆฎฺฎนาติ อิมาเนตฺถ ฉ วา สตฺต วา องฺคานิฯ
Pamāṇātikkantakuṭikaraṇalakkhaṇā kiriyāyeva, adesitavatthumūlikāyapi āpattiyā aṅgaṃ hoti pamāṇātikkantamūlikāyapi, tadubhayaṃ ekato katvā ‘‘kiriyākiriyato’’ti vuttaṃ. Vatthuṃ adesāpetvā pamāṇayuttaṃ kuṭiṃ karontassapi vatthuṃ desāpetvā akiriyāya kuṭikaraṇakiriyāya ca samuṭṭhānato kiriyākiriyatova samuṭṭhātīti veditabbaṃ. Acittakanti paṇṇattiajānanacittena acittakaṃ. Ullittādīnaṃ aññataratā, heṭṭhimappamāṇasambhavo, adesitavatthutā, pamāṇātikkantatā, attuddesikatā, vāsāgāratā, lepaghaṭṭanāti imānettha cha vā satta vā aṅgāni.
กุฎิการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Kuṭikārasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๖. กุฎิการสิกฺขาปทํ • 6. Kuṭikārasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๖. กุฎิการสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Kuṭikārasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๖. กุฎิการสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Kuṭikārasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๖. กุฎิการสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Kuṭikārasikkhāpadavaṇṇanā