Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    ๖. กุฎิการสิกฺขาปทวณฺณนา

    6. Kuṭikārasikkhāpadavaṇṇanā

    ๓๔๒. ฉเฎฺฐ เอตฺตเกนาติ เอตฺตเกน ทารุอาทินาฯ อปริจฺฉินฺนปฺปมาณาโยติ อปริจฺฉินฺนทารุอาทิปมาณาโยฯ มูลเจฺฉชฺชายาติ ปรสนฺตกภาวโต โมเจตฺวา อตฺตโน เอว สนฺตกกรณวเสนาติ อโตฺถฯ เอวํ ยาจโต อญฺญาตกวิญฺญตฺติทุกฺกฎเญฺจว ทาสปฎิคฺคหณทุกฺกฎญฺจ โหติ ‘‘ทาสิทาสปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) วจนํ นิสฺสาย อฎฺฐกถาสุ ปฎิกฺขิตฺตตฺตาฯ สกกมฺมนฺติ ปาณวธกมฺมํฯ อิทญฺจ ปาณาติปาตโทสปริหาราย ทุกฺกฎํ วุตฺตํ, น วิญฺญตฺติปริหารายฯ อนิยเมตฺวาปิ น ยาจิตพฺพาติ สามีจิทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, สุทฺธจิเตฺตน ปน หตฺถกมฺมํ ยาจนฺตสฺส อาปตฺติ นาม นตฺถิฯ ยทิจฺฉกํ การาเปตุํ วฎฺฎตีติ ‘‘หตฺถกมฺมํ ยาจามิ, เทถา’’ติอาทินา อยาจิตฺวาปิ วฎฺฎติฯ สกิจฺจปสุตมฺปิ เอวํ การาเปนฺตสฺส วิญฺญตฺติ นตฺถิ เอว, สามีจิทสฺสนตฺถํ ปน วิภชิตฺวา วุตฺตํฯ

    342. Chaṭṭhe ettakenāti ettakena dāruādinā. Aparicchinnappamāṇāyoti aparicchinnadāruādipamāṇāyo. Mūlacchejjāyāti parasantakabhāvato mocetvā attano eva santakakaraṇavasenāti attho. Evaṃ yācato aññātakaviññattidukkaṭañceva dāsapaṭiggahaṇadukkaṭañca hoti ‘‘dāsidāsapaṭiggahaṇā paṭivirato hotī’’ti (dī. ni. 1.10, 194) vacanaṃ nissāya aṭṭhakathāsu paṭikkhittattā. Sakakammanti pāṇavadhakammaṃ. Idañca pāṇātipātadosaparihārāya dukkaṭaṃ vuttaṃ, na viññattiparihārāya. Aniyametvāpi na yācitabbāti sāmīcidassanatthaṃ vuttaṃ, suddhacittena pana hatthakammaṃ yācantassa āpatti nāma natthi. Yadicchakaṃ kārāpetuṃ vaṭṭatīti ‘‘hatthakammaṃ yācāmi, dethā’’tiādinā ayācitvāpi vaṭṭati. Sakiccapasutampi evaṃ kārāpentassa viññatti natthi eva, sāmīcidassanatthaṃ pana vibhajitvā vuttaṃ.

    สพฺพกปฺปิยภาวทีปนตฺถนฺติ สพฺพโส กปฺปิยภาวทีปนตฺถํฯ มูลํ เทถาติ วตฺตุํ วฎฺฎตีติ ‘‘มูลํ ทสฺสามา’’ติ ปฐมํ วุตฺตตฺตา วิญฺญตฺติ วา มูลนฺติ วจนสฺส กปฺปิยากปฺปิยวตฺถุสามญฺญวจนเตฺตปิ นิฎฺฐิตภติกิจฺจานํ ทาปนโต อกปฺปิยวตฺถุสาทิยนํ วา น โหตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ อนชฺฌาวุตฺถกนฺติ อปริคฺคหิตํฯ

    Sabbakappiyabhāvadīpanatthanti sabbaso kappiyabhāvadīpanatthaṃ. Mūlaṃ dethāti vattuṃ vaṭṭatīti ‘‘mūlaṃ dassāmā’’ti paṭhamaṃ vuttattā viññatti vā mūlanti vacanassa kappiyākappiyavatthusāmaññavacanattepi niṭṭhitabhatikiccānaṃ dāpanato akappiyavatthusādiyanaṃ vā na hotīti katvā vuttaṃ. Anajjhāvutthakanti apariggahitaṃ.

    มญฺจ…เป.… จีวราทีนิ การาเปตุกาเมนาปีติอาทีสุ จีวรํ การาเปตุกามสฺส อญฺญาตกอปฺปวาริตตนฺตวาเยหิ หตฺถกมฺมยาจนวเสน วายาปเน วิญฺญตฺติปจฺจยา ทุกฺกฎาภาเวปิ จีวรวายาปนสิกฺขาปเทน ยถารหํ ปาจิตฺติยทุกฺกฎานิ โหนฺตีติ เวทิตพฺพํฯ อกปฺปิยกหาปณาทิ น ทาตพฺพนฺติ กปฺปิยมุเขน ลทฺธมฺปิ หตฺถกมฺมกรณตฺถาย อิมสฺส กหาปณํ เทหีติ วตฺวา ทานํ น วฎฺฎตีติ วุตฺตํฯ ปุเพฺพ กตกมฺมสฺส ทาปเน กิญฺจาปิ โทโส น ทิสฺสติ, ตถาปิ อสารุปฺปเมวาติ วทนฺติฯ กตกมฺมตฺถายปิ กาตพฺพกมฺมตฺถายปิ กปฺปิยโวหาเรน ปริยายโต ภติํ ทาเปนฺตสฺส นตฺถิ โทโสฯ วตฺตนฺติ จาริตฺตํ, อาปตฺติ น โหตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Mañca…pe… cīvarādīni kārāpetukāmenāpītiādīsu cīvaraṃ kārāpetukāmassa aññātakaappavāritatantavāyehi hatthakammayācanavasena vāyāpane viññattipaccayā dukkaṭābhāvepi cīvaravāyāpanasikkhāpadena yathārahaṃ pācittiyadukkaṭāni hontīti veditabbaṃ. Akappiyakahāpaṇādi na dātabbanti kappiyamukhena laddhampi hatthakammakaraṇatthāya imassa kahāpaṇaṃ dehīti vatvā dānaṃ na vaṭṭatīti vuttaṃ. Pubbe katakammassa dāpane kiñcāpi doso na dissati, tathāpi asāruppamevāti vadanti. Katakammatthāyapi kātabbakammatthāyapi kappiyavohārena pariyāyato bhatiṃ dāpentassa natthi doso. Vattanti cārittaṃ, āpatti na hotīti adhippāyo.

    กปฺปิยํ การาเปตฺวา ปฎิคฺคเหตพฺพานีติ สาขาย มกฺขิกพีชเนน ปณฺณาทิเจฺฉเท พีชคามโกปนสฺส เจว ตตฺถ ลคฺครชาทิอปฺปฎิคฺคหิตสฺส จ ปริหารตฺถาย วุตฺตํฯ ตทุภยาสงฺกาย อสติ ตถา อกรเณ โทโส นตฺถิฯ นทียาทีสุ อุทกสฺส อปริคฺคหิตตาย ‘‘อาหราติ วตฺตุํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตํฯ ‘‘น อาหฎํ ปริภุญฺชิตุ’’นฺติ วจนโต วิญฺญตฺติยา อาปนฺนํ ทุกฺกฎํ เทเสตฺวาปิ ตํ วตฺถุํ ปริภุญฺชนฺตสฺส ปุน ปริโภเค ทุกฺกฎเมว, ปญฺจนฺนมฺปิ สหธมฺมิกานํ น วฎฺฎติฯ ‘‘อลชฺชีหิ ปน ภิกฺขูหิ วา สามเณเรหิ วา หตฺถกมฺมํ น กาเรตพฺพ’’นฺติ สามญฺญโต วุตฺตตฺตา อตฺตโน อตฺถาย ยํกิญฺจิ หตฺถกมฺมํ กาเรตุํ น วฎฺฎติฯ ยํ ปน อลชฺชี นิวาริยมาโนปิ พีชนาทิํ กโรติ, ตตฺถ โทโส นตฺถิฯ เจติยกมฺมาทีนิ ปน เตหิ การาเปตุํ วฎฺฎติฯ เอตฺถ จ ‘‘อลชฺชีหิ สามเณเรหี’’ติ วุตฺตตฺตา ‘‘สญฺจิจฺจ อาปตฺติํ อาปชฺชตี’’ติอาทิ (ปริ. ๓๕๙) อลชฺชีลกฺขณํ อุกฺกฎฺฐวเสน อุปสมฺปเนฺน ปฎิจฺจ อุปลกฺขณโต วุตฺตนฺติ ตํลกฺขณวิรหิตานํ สามเณราทีนํ ลิงฺคเตฺถนกโคตฺรภุปริโยสานานํ ภิกฺขุปฎิญฺญานํ ทุสฺสีลานมฺปิ สาธารณวเสน อลชฺชิตาลกฺขณํ ยถาวิหิตปฎิปตฺติยํ สญฺจิจฺจ อติฎฺฐนเมวาติ คเหตพฺพํฯ

    Kappiyaṃ kārāpetvā paṭiggahetabbānīti sākhāya makkhikabījanena paṇṇādicchede bījagāmakopanassa ceva tattha laggarajādiappaṭiggahitassa ca parihāratthāya vuttaṃ. Tadubhayāsaṅkāya asati tathā akaraṇe doso natthi. Nadīyādīsu udakassa apariggahitatāya ‘‘āharāti vattuṃ vaṭṭatī’’ti vuttaṃ. ‘‘Na āhaṭaṃ paribhuñjitu’’nti vacanato viññattiyā āpannaṃ dukkaṭaṃ desetvāpi taṃ vatthuṃ paribhuñjantassa puna paribhoge dukkaṭameva, pañcannampi sahadhammikānaṃ na vaṭṭati. ‘‘Alajjīhi pana bhikkhūhi vā sāmaṇerehi vā hatthakammaṃ na kāretabba’’nti sāmaññato vuttattā attano atthāya yaṃkiñci hatthakammaṃ kāretuṃ na vaṭṭati. Yaṃ pana alajjī nivāriyamānopi bījanādiṃ karoti, tattha doso natthi. Cetiyakammādīni pana tehi kārāpetuṃ vaṭṭati. Ettha ca ‘‘alajjīhi sāmaṇerehī’’ti vuttattā ‘‘sañcicca āpattiṃ āpajjatī’’tiādi (pari. 359) alajjīlakkhaṇaṃ ukkaṭṭhavasena upasampanne paṭicca upalakkhaṇato vuttanti taṃlakkhaṇavirahitānaṃ sāmaṇerādīnaṃ liṅgatthenakagotrabhupariyosānānaṃ bhikkhupaṭiññānaṃ dussīlānampi sādhāraṇavasena alajjitālakkhaṇaṃ yathāvihitapaṭipattiyaṃ sañcicca atiṭṭhanamevāti gahetabbaṃ.

    อาหราเปนฺตสฺส ทุกฺกฎนฺติ วิญฺญตฺติกฺขเณ วิญฺญตฺติปจฺจยา, ปฎิลาภกฺขเณ โคณานํ สาทิยนปจฺจยา จ ทุกฺกฎํฯ โคณญฺหิ อตฺตโน อตฺถาย อวิญฺญตฺติยา ลทฺธมฺปิ สาทิตุํ น วฎฺฎติ ‘‘หตฺถิควสฺสวฬวปฎิคฺคหณา ปฎิวิรโต โหตี’’ติ (ที. นิ. ๑.๑๐, ๑๙๔) วุตฺตตฺตาฯ เตเนวาห ‘‘ญาติปวาริตฎฺฐานโตปิ มูลเจฺฉชฺชาย ยาจิตุํ น วฎฺฎตี’’ติฯ เอตฺถ จ วิญฺญตฺติทุกฺกฎาภาเวปิ อกปฺปิยวตฺถุยาจเนปิ ปฎิคฺคหเณปิ ทุกฺกฎเมวฯ รกฺขิตฺวาติ โจราทิอุปทฺทวโต รกฺขิตฺวาฯ ชคฺคิตฺวาติ ติณทานาทีหิ โปเสตฺวาฯ

    Āharāpentassa dukkaṭanti viññattikkhaṇe viññattipaccayā, paṭilābhakkhaṇe goṇānaṃ sādiyanapaccayā ca dukkaṭaṃ. Goṇañhi attano atthāya aviññattiyā laddhampi sādituṃ na vaṭṭati ‘‘hatthigavassavaḷavapaṭiggahaṇā paṭivirato hotī’’ti (dī. ni. 1.10, 194) vuttattā. Tenevāha ‘‘ñātipavāritaṭṭhānatopi mūlacchejjāya yācituṃ na vaṭṭatī’’ti. Ettha ca viññattidukkaṭābhāvepi akappiyavatthuyācanepi paṭiggahaṇepi dukkaṭameva. Rakkhitvāti corādiupaddavato rakkhitvā. Jaggitvāti tiṇadānādīhi posetvā.

    ญาติปวาริตฎฺฐาเน ปน วฎฺฎตีติ สกฎสฺส สมฺปฎิจฺฉิตพฺพตฺตา มูลเจฺฉชฺชวเสน ยาจิตุํ วฎฺฎติฯ ตาวกาลิกํ วฎฺฎตีติ อุภยตฺถาปิ วฎฺฎตีติ อโตฺถ ฯ วาสิอาทีนิ ปุคฺคลิกานิปิ วฎฺฎนฺตีติ อาห ‘‘เอส นโย วาสี’’ติอาทิฯ วลฺลิอาทีสุ จ ปรปริคฺคหิเตสุ จ เอเสว นโยติ โยเชตพฺพํฯ ‘‘ครุภณฺฑปฺปโหนเกสุเยวา’’ติ อิทํ วิญฺญตฺติํ สนฺธาย วุตฺตํฯ อทินฺนาทาเน ปน ติณสลากํ อุปาทาย ปรปริคฺคหิตํ เถยฺยจิเตฺตน คณฺหโต อวหาโร เอว, ภณฺฑเคฺฆน กาเรตโพฺพฯ วลฺลิอาทีสูติ เอตฺถ อาทิ-สเทฺทน ปาฬิอาคตานํ (ปารา. ๓๔๙) เวฬุอาทีนํ สงฺคโหฯ ตตฺถ ยสฺมิํ ปเทเส หริตาลชาติหิงฺคุลาทิ อปฺปกมฺปิ มหคฺฆํ โหติ, ตตฺถ ตํ ตาลปกฺกปมาณโต อูนมฺปิ ครุภณฺฑเมว, วิญฺญาเปตุญฺจ น วฎฺฎติฯ

    Ñātipavāritaṭṭhāne pana vaṭṭatīti sakaṭassa sampaṭicchitabbattā mūlacchejjavasena yācituṃ vaṭṭati. Tāvakālikaṃ vaṭṭatīti ubhayatthāpi vaṭṭatīti attho . Vāsiādīni puggalikānipi vaṭṭantīti āha ‘‘esa nayo vāsī’’tiādi. Valliādīsu ca parapariggahitesu ca eseva nayoti yojetabbaṃ. ‘‘Garubhaṇḍappahonakesuyevā’’ti idaṃ viññattiṃ sandhāya vuttaṃ. Adinnādāne pana tiṇasalākaṃ upādāya parapariggahitaṃ theyyacittena gaṇhato avahāro eva, bhaṇḍagghena kāretabbo. Valliādīsūti ettha ādi-saddena pāḷiāgatānaṃ (pārā. 349) veḷuādīnaṃ saṅgaho. Tattha yasmiṃ padese haritālajātihiṅgulādi appakampi mahagghaṃ hoti, tattha taṃ tālapakkapamāṇato ūnampi garubhaṇḍameva, viññāpetuñca na vaṭṭati.

    สาติ วิญฺญตฺติฯ ปริกถาทีสุ ‘‘เสนาสนํ สมฺพาธ’’นฺติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙) ปริยาเยน กถนํ ปริกถา นามฯ อุชุกเมว อกเถตฺวา ‘‘ภิกฺขูนํ กิํ ปาสาโท น วฎฺฎตี’’ติอาทินา (วิสุทฺธิ. ๑.๑๙) อธิปฺปาโย ยถาวิภูโต โหติ, เอวํ ภาสนํ โอภาโส นามฯ เสนาสนาทิอตฺถํ ภูมิปริกมฺมาทิกรณวเสน ปจฺจยุปฺปาทาย นิมิตฺตกรณํ นิมิตฺตกมฺมํ นามฯ อุกฺกมนฺตีติ อปคจฺฉนฺติฯ

    ti viññatti. Parikathādīsu ‘‘senāsanaṃ sambādha’’ntiādinā (visuddhi. 1.19) pariyāyena kathanaṃ parikathā nāma. Ujukameva akathetvā ‘‘bhikkhūnaṃ kiṃ pāsādo na vaṭṭatī’’tiādinā (visuddhi. 1.19) adhippāyo yathāvibhūto hoti, evaṃ bhāsanaṃ obhāso nāma. Senāsanādiatthaṃ bhūmiparikammādikaraṇavasena paccayuppādāya nimittakaraṇaṃ nimittakammaṃ nāma. Ukkamantīti apagacchanti.

    ๓๔๔. มณิ กเณฺฐ อสฺสาติ มณิกโณฺฐฯ เทววณฺณนฺติ เทวตฺตภาวํฯ

    344. Maṇi kaṇṭhe assāti maṇikaṇṭho. Devavaṇṇanti devattabhāvaṃ.

    ๓๔๕. ปาฬิยํ ปเตฺตน เม อโตฺถติ (ปารา. ๓๔๕) อนตฺถิกมฺปิ ปเตฺตน ภิกฺขุํ เอวํ วทาเปโนฺต ภควา โสตฺถิยา มนฺตปทวเสน วทาเปสิฯ โสปิ ภิกฺขุ ภควตา อาณตฺตวจนํ วเทมีติ อโวจ, เตนสฺส มุสา น โหติฯ อถ วา ‘‘ปเตฺตน เม อโตฺถ’’ติ อิทํ ‘‘ปตฺตํ ททนฺตู’’ติ อิมินา สมานตฺถนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ เอส นโย มณินา เม อโตฺถติ เอตฺถาปิฯ ตสฺมา อเญฺญสมฺปิ เอวรูปํ กเถนฺตสฺส, กถาเปนฺตสฺส จ วจนโทโส นตฺถีติ คเหตพฺพํฯ

    345. Pāḷiyaṃ pattena me atthoti (pārā. 345) anatthikampi pattena bhikkhuṃ evaṃ vadāpento bhagavā sotthiyā mantapadavasena vadāpesi. Sopi bhikkhu bhagavatā āṇattavacanaṃ vademīti avoca, tenassa musā na hoti. Atha vā ‘‘pattena me attho’’ti idaṃ ‘‘pattaṃ dadantū’’ti iminā samānatthanti daṭṭhabbaṃ. Esa nayo maṇinā me atthoti etthāpi. Tasmā aññesampi evarūpaṃ kathentassa, kathāpentassa ca vacanadoso natthīti gahetabbaṃ.

    ๓๔๙. อุทฺธํมุขํ ลิตฺตา อุลฺลิตฺตา, ฉทนสฺส อโนฺต ลิมฺปนฺตา หิ เยภุเยฺยน อุทฺธํมุขา ลิมฺปนฺติฯ เตนาห ‘‘อโนฺตลิตฺตา’’ติฯ อโธมุขํ ลิตฺตา อวลิตฺตาฯ พหิ ลิมฺปนฺตา หิ เยภุเยฺยน อโธมุขา ลิมฺปนฺติฯ เตนาห ‘‘พหิลิตฺตา’’ติฯ

    349. Uddhaṃmukhaṃ littā ullittā, chadanassa anto limpantā hi yebhuyyena uddhaṃmukhā limpanti. Tenāha ‘‘antolittā’’ti. Adhomukhaṃ littā avalittā. Bahi limpantā hi yebhuyyena adhomukhā limpanti. Tenāha ‘‘bahilittā’’ti.

    พฺยญฺชนํ วิโลมิตํ ภเวยฺยาติ ยสฺมา ‘‘การยมาเนนา’’ติ อิมสฺส เหตุกตฺตุวจนสฺส ‘‘กโรเนฺตนา’’ติ อิทํ สุทฺธกตฺตุวจนํ ปริยายวจนํ น โหติ, ตสฺมา ‘‘กโรเนฺตน วา การาเปเนฺตน วา’’ติ การยมาเนนาติ พหุอุเทฺทสปทานุคุณํ กรณวจเนเนว ปทตฺถํ กตฺวา นิเทฺทเส กเต พฺยญฺชนํ วิรุทฺธํ ภเวยฺย, ตถา ปน ปทตฺถวเสน อทเสฺสตฺวา สามตฺถิยโต สิทฺธเมวตฺถํ ทเสฺสตุํ ปจฺจตฺตวเสน ‘‘กโรโนฺต วา การาเปโนฺต วา’’ติ ปทภาชนํ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ เตนาห ‘‘อตฺถมตฺตเมวา’’ติอาทิฯ ปทตฺถโต, สามตฺถิยโต จ ลพฺภมานํ อตฺถมตฺตเมวาติ อโตฺถฯ ยญฺหิ การยมาเนน ปฎิปชฺชิตพฺพํ, ตํ กโรเนฺตนาปิ ปฎิปชฺชิตพฺพเมวาติ อิทเมตฺถ สามตฺถิยํ ทฎฺฐพฺพํฯ

    Byañjanaṃ vilomitaṃ bhaveyyāti yasmā ‘‘kārayamānenā’’ti imassa hetukattuvacanassa ‘‘karontenā’’ti idaṃ suddhakattuvacanaṃ pariyāyavacanaṃ na hoti, tasmā ‘‘karontena vā kārāpentena vā’’ti kārayamānenāti bahuuddesapadānuguṇaṃ karaṇavacaneneva padatthaṃ katvā niddese kate byañjanaṃ viruddhaṃ bhaveyya, tathā pana padatthavasena adassetvā sāmatthiyato siddhamevatthaṃ dassetuṃ paccattavasena ‘‘karonto vā kārāpento vā’’ti padabhājanaṃ vuttanti adhippāyo. Tenāha ‘‘atthamattamevā’’tiādi. Padatthato, sāmatthiyato ca labbhamānaṃ atthamattamevāti attho. Yañhi kārayamānena paṭipajjitabbaṃ, taṃ karontenāpi paṭipajjitabbamevāti idamettha sāmatthiyaṃ daṭṭhabbaṃ.

    อุเทฺทโสติ สามิภาเวน อุทฺทิสิตโพฺพฯ เสตกมฺมนฺติ เสตวณฺณกรณตฺถํ เสตวณฺณมตฺติกาย วา สุธาย วา กตตนุกเลโป, เตน ปน สห มินิยมาเน ปมาณาติกฺกนฺตํ โหตีติ สงฺกานิวารณตฺถํ อาห ‘‘อโพฺพหาริก’’นฺติฯ เตน ปมาณาติกฺกนฺตโวหารํ น คจฺฉติ กุฎิยา อนงฺคตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ

    Uddesoti sāmibhāvena uddisitabbo. Setakammanti setavaṇṇakaraṇatthaṃ setavaṇṇamattikāya vā sudhāya vā katatanukalepo, tena pana saha miniyamāne pamāṇātikkantaṃ hotīti saṅkānivāraṇatthaṃ āha ‘‘abbohārika’’nti. Tena pamāṇātikkantavohāraṃ na gacchati kuṭiyā anaṅgattāti adhippāyo.

    ยถาวุตฺตสฺส อตฺถสฺส วุตฺตนยํ ทเสฺสเนฺตน ‘‘วุตฺตเญฺหต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘อายามโต จ วิตฺถารโต จา’’ติ อวตฺวา ‘‘อายามโต วา วิตฺถารโต วา’’ติ วิกปฺปตฺถสฺส วา-สทฺทสฺส วุตฺตตฺตา เอกโตภาเค วฑฺฒิเตปิ อาปตฺตีติ ปกาสิตนฺติ อธิปฺปาโยฯ ติหตฺถาติ ปกติหเตฺถน ติหตฺถา, ‘‘วฑฺฒกีหเตฺถนา’’ติปิ (สารตฺถ. ฎี. ๒.๓๔๘-๓๔๙) วทนฺติ, ตํ ‘‘ยตฺถ…เป.… อยํ กุฎีติ สงฺขฺยํ น คจฺฉตี’’ติ อิมินา วิรุชฺฌติ วฑฺฒกีหเตฺถน ติหตฺถายปิ กุฎิยา ปมาณยุตฺตสฺส มญฺจสฺส สุเขน ปริวตฺตนโตฯ ‘‘อูนกจตุหตฺถา วา’’ติ อิทญฺจ ปจฺฉิมปฺปมาณยุตฺตสฺส มญฺจสฺส อปริวตฺตนารหํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ยทิ หิ ปกติหเตฺถน จตุหตฺถายปิ กุฎิยา ปมาณยุโตฺต มโญฺจ น ปริวตฺตติ, สา อกุฎีเยว, ตสฺมา มญฺจปริวตฺตนมเตฺตเนว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํฯ ปมาณยุโตฺต มโญฺจติ สพฺพปจฺฉิมปฺปมาณยุโตฺต มโญฺจฯ โส หิ ปกติวิทตฺถิยา นววิทตฺถิโก, อฎฺฐวิทตฺถิโก วา โหติ, ตโต ขุทฺทโก มโญฺจ สีสูปธานํ ฐเปตฺวา ปาทํ ปสาเรตฺวา นิปชฺชิตุํ น ปโหติฯ ปมาณโต อูนตรมฺปีติ อุกฺกฎฺฐปฺปมาณโต อูนตรมฺปิ, อิทญฺจ เหฎฺฐิมปฺปมาณยุตฺตายปิ วตฺถุเทสนา กาตพฺพา, น วาติ สเนฺทหนิวตฺตนตฺถํ วุตฺตํฯ

    Yathāvuttassa atthassa vuttanayaṃ dassentena ‘‘vuttañheta’’ntiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘āyāmato ca vitthārato cā’’ti avatvā ‘‘āyāmato vā vitthārato vā’’ti vikappatthassa vā-saddassa vuttattā ekatobhāge vaḍḍhitepi āpattīti pakāsitanti adhippāyo. Tihatthāti pakatihatthena tihatthā, ‘‘vaḍḍhakīhatthenā’’tipi (sārattha. ṭī. 2.348-349) vadanti, taṃ ‘‘yattha…pe… ayaṃ kuṭīti saṅkhyaṃ na gacchatī’’ti iminā virujjhati vaḍḍhakīhatthena tihatthāyapi kuṭiyā pamāṇayuttassa mañcassa sukhena parivattanato. ‘‘Ūnakacatuhatthā vā’’ti idañca pacchimappamāṇayuttassa mañcassa aparivattanārahaṃ sandhāya vuttaṃ. Yadi hi pakatihatthena catuhatthāyapi kuṭiyā pamāṇayutto mañco na parivattati, sā akuṭīyeva, tasmā mañcaparivattanamatteneva pamāṇanti gahetabbaṃ. Pamāṇayutto mañcoti sabbapacchimappamāṇayutto mañco. So hi pakatividatthiyā navavidatthiko, aṭṭhavidatthiko vā hoti, tato khuddako mañco sīsūpadhānaṃ ṭhapetvā pādaṃ pasāretvā nipajjituṃ na pahoti. Pamāṇato ūnatarampīti ukkaṭṭhappamāṇato ūnatarampi, idañca heṭṭhimappamāṇayuttāyapi vatthudesanā kātabbā, na vāti sandehanivattanatthaṃ vuttaṃ.

    กลลเลโปติ เกนจิ สิเลเสน กตเลโป, เสตรตฺตาทิวณฺณกรณตฺถํ กตตมฺพมตฺติกาทิกลลเลโป วาฯ เตนาห ‘‘อเลโป เอวา’’ติฯ เตน ตฬากาทีสุ ฆเนน กลเลน กตพหลเลโป มตฺติกาเลปเน เอว ปวิสติ เลปโวหารคมนโตติ ทเสฺสติฯ ปิฎฺฐสงฺฆาโฎ นาม ทฺวารพาหสงฺขาโต จตุรสฺสทารุสงฺฆาโฎ, ยตฺถ สอุตฺตรปาสํ กวาฎํ อปสฺสาย ทฺวารํ ปิทหนฺติฯ

    Kalalalepoti kenaci silesena katalepo, setarattādivaṇṇakaraṇatthaṃ katatambamattikādikalalalepo vā. Tenāha ‘‘alepo evā’’ti. Tena taḷākādīsu ghanena kalalena katabahalalepo mattikālepane eva pavisati lepavohāragamanatoti dasseti. Piṭṭhasaṅghāṭo nāma dvārabāhasaṅkhāto caturassadārusaṅghāṭo, yattha sauttarapāsaṃ kavāṭaṃ apassāya dvāraṃ pidahanti.

    โอโลเกตฺวาปีติ อปโลเกตฺวาปิ, อปโลกนกมฺมวเสนาปีติ อโตฺถ, อปสทฺทสฺสาปิ โออาเทโส กโตติ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Oloketvāpīti apaloketvāpi, apalokanakammavasenāpīti attho, apasaddassāpi oādeso katoti daṭṭhabbo.

    ๓๕๓. นิพทฺธโคจรฎฺฐานมฺปีติ เอตฺถ โคจราย ปกฺกมนฺตานํ หตฺถีนํ นิพทฺธคมนมโคฺคปิ สงฺคยฺหติฯ เอเตสนฺติ สีหาทีนํฯ โคจรภูมีติ อามิสคฺคหณฎฺฐานํฯ น คหิตาติ ปฎิกฺขิปิตพฺพภาเวน น คหิตา, น วาริตาติ อโตฺถฯ สีหาทีนญฺหิ โคจรคฺคหณฎฺฐานํ หตฺถีนํ วิย นิพทฺธํ น โหติ, ยตฺถ ปน โคมหิํสาทิปาณกา สนฺติ, ทูรมฺปิ ตํ ฐานํ สีฆํ คนฺตฺวา โคจรํ คณฺหนฺติฯ ตสฺมา เตสํ ตํ น วาริตํ, นิพทฺธคมนมโคฺคว วาริโต อาสยโต คมนมคฺคสฺส นิพทฺธตฺตาฯ อเญฺญสมฺปิ วาฬานนฺติ อรญฺญมหิํสาทีนํฯ อาโรคฺยตฺถายาติ นิรุปทฺทวายฯ เสสานีติ ปุพฺพณฺณนิสฺสิตาทีนิ โสฬสฯ ตานิ จ ชนสมฺมทฺทมหาสมฺมทฺทกุฎิวิโลปสรีรปีฬาทิอุปทฺทเวหิ สอุปทฺทวานีติ เวทิตพฺพานิฯ อภิหนนฺติ เอตฺถาติ อพฺภาฆาตํฯ ‘‘เวริฆร’’นฺติ วุตฺตเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘โจรานํ มารณตฺถาย กต’’นฺติ วุตฺตํฯ

    353.Nibaddhagocaraṭṭhānampīti ettha gocarāya pakkamantānaṃ hatthīnaṃ nibaddhagamanamaggopi saṅgayhati. Etesanti sīhādīnaṃ. Gocarabhūmīti āmisaggahaṇaṭṭhānaṃ. Na gahitāti paṭikkhipitabbabhāvena na gahitā, na vāritāti attho. Sīhādīnañhi gocaraggahaṇaṭṭhānaṃ hatthīnaṃ viya nibaddhaṃ na hoti, yattha pana gomahiṃsādipāṇakā santi, dūrampi taṃ ṭhānaṃ sīghaṃ gantvā gocaraṃ gaṇhanti. Tasmā tesaṃ taṃ na vāritaṃ, nibaddhagamanamaggova vārito āsayato gamanamaggassa nibaddhattā. Aññesampi vāḷānanti araññamahiṃsādīnaṃ. Ārogyatthāyāti nirupaddavāya. Sesānīti pubbaṇṇanissitādīni soḷasa. Tāni ca janasammaddamahāsammaddakuṭivilopasarīrapīḷādiupaddavehi saupaddavānīti veditabbāni. Abhihananti etthāti abbhāghātaṃ. ‘‘Verighara’’nti vuttamevatthaṃ vibhāvetuṃ ‘‘corānaṃ māraṇatthāya kata’’nti vuttaṃ.

    ธมฺมคนฺธิกาติ ธเมฺมน ทณฺฑนีติยา หตฺถปาทาทิจฺฉินฺทนคนฺธิกาฯ คนฺธิกาติ จ ยสฺส อุปริ หตฺถาทิํ ฐเปตฺวา ฉินฺทนฺติ, ตาทิสํ ทารุขณฺฑผลกาติ วุจฺจติ, เตน จ อุปลกฺขิตํ ฐานํฯ ปาฬิยํ รจฺฉานิสฺสิตนฺติ รถิกานิสฺสิตํฯ จจฺจรนิสฺสิตนฺติ จตุนฺนํ รถิกานํ สนฺธินิสฺสิตํฯ สกเฎนาติ อิฎฺฐกสุธาทิภณฺฑาหรณสกเฎนฯ

    Dhammagandhikāti dhammena daṇḍanītiyā hatthapādādicchindanagandhikā. Gandhikāti ca yassa upari hatthādiṃ ṭhapetvā chindanti, tādisaṃ dārukhaṇḍaphalakāti vuccati, tena ca upalakkhitaṃ ṭhānaṃ. Pāḷiyaṃ racchānissitanti rathikānissitaṃ. Caccaranissitanti catunnaṃ rathikānaṃ sandhinissitaṃ. Sakaṭenāti iṭṭhakasudhādibhaṇḍāharaṇasakaṭena.

    ปาจินนฺติ เสนาสนสฺส ภูมิโต ปฎฺฐาย ยาว ตลาวสานํ จินิตพฺพวตฺถุกํ อธิฎฺฐานํ, ยสฺส อุปริ ภิตฺติถมฺภาทีนิ จ ปติฎฺฐเปนฺติฯ เตนาห ‘‘ตโต ปฎฺฐายา’’ติอาทิฯ กิญฺจาปิ อิธ ปุพฺพปโยคสหปโยคานํ อทินฺนาทาเน วิย วิเสโส นตฺถิ, ตถาปิ เตสํ วิภาเคน ทสฺสนํ ภินฺทิตฺวา วา ปุน กาตพฺพาติ เอตฺถ กุฎิยา เภเทน ปริเจฺฉททสฺสนตฺถํ กตํฯ ตทตฺถายาติ ตจฺฉนตฺถายฯ เอวํ กตนฺติ อเทสิตวตฺถุกํ ปมาณาติกฺกนฺตํ วา กตํฯ ปณฺณสาลนฺติ ปณฺณกุฎิยา ติณปณฺณจุณฺณสฺส อปริปตนตฺถาย อโนฺต จ พหิ จ ลิมฺปนฺติ, ตํ สนฺธาเยตํ วุตฺตํฯ เตเนว วกฺขติ ‘‘ปณฺณสาลํ ลิมฺปตี’’ติฯ

    Pācinanti senāsanassa bhūmito paṭṭhāya yāva talāvasānaṃ cinitabbavatthukaṃ adhiṭṭhānaṃ, yassa upari bhittithambhādīni ca patiṭṭhapenti. Tenāha ‘‘tato paṭṭhāyā’’tiādi. Kiñcāpi idha pubbapayogasahapayogānaṃ adinnādāne viya viseso natthi, tathāpi tesaṃ vibhāgena dassanaṃ bhinditvā vā puna kātabbāti ettha kuṭiyā bhedena paricchedadassanatthaṃ kataṃ. Tadatthāyāti tacchanatthāya. Evaṃ katanti adesitavatthukaṃ pamāṇātikkantaṃ vā kataṃ. Paṇṇasālanti paṇṇakuṭiyā tiṇapaṇṇacuṇṇassa aparipatanatthāya anto ca bahi ca limpanti, taṃ sandhāyetaṃ vuttaṃ. Teneva vakkhati ‘‘paṇṇasālaṃ limpatī’’ti.

    อโนฺตเลเปเนว นิฎฺฐาเปตุกามํ สนฺธาย ‘‘อโนฺตเลเป วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ พหิเลเป วาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ตสฺมินฺติ ทฺวารพเนฺธ วา วาตปาเน วา ฐปิเตติ โยเชตพฺพํฯ ตโสฺสกาสนฺติ ตสฺส ทฺวารพนฺธาทิสฺส โอกาสภูตํ ฉิทฺทํฯ ปุน วเฑฺฒตฺวาติ ปุเพฺพ ฐปิโตกาสํ ขุทฺทกํ เจ, ตํ ทฺวารวาตปานจฺฉิทฺทเภทเนน ปุน วเฑฺฒตฺวาฯ ฐปิเตติ ทฺวารพเนฺธ วา ควกฺขสงฺฆาเฎ วา อาเนตฺวา ตสฺมิํ วฑฺฒิเต วา อวฑฺฒิเต วา ฉิเทฺท ปติฎฺฐาปิเตฯ เลโป น ฆฎียตีติ สมนฺตโต ทิโนฺน เลโป ตถา ฐปิเตน ทฺวารพนฺธเนน วา วาตปาเนน วา สทฺธิํ น ฆฎียติ, เอกาพทฺธํ น โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ นฺติ ทฺวารพนฺธํ วา วาตปานํ วาฯ ปฐมเมว สงฺฆาทิเสโสติ เตสํ สมนฺตโต ปุเพฺพว เลปสฺส ฆเฎตฺวา นิฎฺฐาปิตตฺตา ทฺวารพนฺธวาตปานานํ ฐปนโต ปุเพฺพ เอว สงฺฆาทิเสโสฯ

    Antolepeneva niṭṭhāpetukāmaṃ sandhāya ‘‘antolepe vā’’tiādi vuttaṃ. Bahilepe vāti etthāpi eseva nayo. Tasminti dvārabandhe vā vātapāne vā ṭhapiteti yojetabbaṃ. Tassokāsanti tassa dvārabandhādissa okāsabhūtaṃ chiddaṃ. Puna vaḍḍhetvāti pubbe ṭhapitokāsaṃ khuddakaṃ ce, taṃ dvāravātapānacchiddabhedanena puna vaḍḍhetvā. Ṭhapiteti dvārabandhe vā gavakkhasaṅghāṭe vā ānetvā tasmiṃ vaḍḍhite vā avaḍḍhite vā chidde patiṭṭhāpite. Lepo na ghaṭīyatīti samantato dinno lepo tathā ṭhapitena dvārabandhanena vā vātapānena vā saddhiṃ na ghaṭīyati, ekābaddhaṃ na hotīti vuttaṃ hoti. Tanti dvārabandhaṃ vā vātapānaṃ vā. Paṭhamameva saṅghādisesoti tesaṃ samantato pubbeva lepassa ghaṭetvā niṭṭhāpitattā dvārabandhavātapānānaṃ ṭhapanato pubbe eva saṅghādiseso.

    เลปฆฎเนเนวาติ อิฎฺฐกาหิ กตวาตปานาทีนิ วินา สมนฺตา เลปฆฎเนเนว อาปตฺติ วาตปานาทีนํ อเลโปกาสตฺตา, อิฎฺฐกาหิ กตตฺตา วา, วาตปานาทีสุปิ เลปสฺส ภิตฺติเลเปน สทฺธิํ ฆฎเนเนวาติปิ อตฺถํ วทนฺติฯ ตตฺถาติ ปณฺณสาลายํฯ อาโลกตฺถาย อฎฺฐงฺคุลมตฺตํ ฐเปตฺวา ลิมฺปตีติ ทารุกุฎฺฎสฺส ทารูนมนฺตรา อฎฺฐงฺคุลมตฺตํ วิวรํ ยาว ลิมฺปติ, ตาว อาโลกตฺถาย ฐเปตฺวา อวเสสํ สกุฎฺฎจฺฉทนํ ลิมฺปติ, ปจฺฉา เอตํ วิวรํ ลิมฺปิสฺสามีติ เอวํ ฐปเน อนาปตฺตีติ อธิปฺปาโยฯ สเจ ปน เอวํ อกตฺวา สพฺพทาปิ อาโลกตฺถาย วาตปานวเสน ฐเปติ, วาตปานทฺวารสงฺฆาเฎ ฆฎิเต เลโป จ ฆฎียติ, ปฐมเมว สงฺฆาทิเสโสติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘สเจ’’ติอาทิฯ มตฺติกากุฎฺฎเมว มตฺติกาเลปสงฺขฺยํ คจฺฉตีติ อาห ‘‘สเจ มตฺติกาย กุฎฺฎํ กโรติ, ฉทนเลเปน สทฺธิํ ฆฎเน อาปตฺตี’’ติฯ อุภินฺนํ อนาปตฺตีติ ปุริมสฺส เลปสฺส อฆฎิตตฺตา ทุติยสฺส อตฺตุเทฺทสิกตาย อสมฺภวโตฯ

    Lepaghaṭanenevāti iṭṭhakāhi katavātapānādīni vinā samantā lepaghaṭaneneva āpatti vātapānādīnaṃ alepokāsattā, iṭṭhakāhi katattā vā, vātapānādīsupi lepassa bhittilepena saddhiṃ ghaṭanenevātipi atthaṃ vadanti. Tatthāti paṇṇasālāyaṃ. Ālokatthāya aṭṭhaṅgulamattaṃ ṭhapetvā limpatīti dārukuṭṭassa dārūnamantarā aṭṭhaṅgulamattaṃ vivaraṃ yāva limpati, tāva ālokatthāya ṭhapetvā avasesaṃ sakuṭṭacchadanaṃ limpati, pacchā etaṃ vivaraṃ limpissāmīti evaṃ ṭhapane anāpattīti adhippāyo. Sace pana evaṃ akatvā sabbadāpi ālokatthāya vātapānavasena ṭhapeti, vātapānadvārasaṅghāṭe ghaṭite lepo ca ghaṭīyati, paṭhamameva saṅghādisesoti dassento āha ‘‘sace’’tiādi. Mattikākuṭṭameva mattikālepasaṅkhyaṃ gacchatīti āha ‘‘sace mattikāya kuṭṭaṃ karoti, chadanalepena saddhiṃ ghaṭane āpattī’’ti. Ubhinnaṃ anāpattīti purimassa lepassa aghaṭitattā dutiyassa attuddesikatāya asambhavato.

    ๓๕๔. อาปตฺติเภททสฺสนตฺถนฺติ ตตฺถ ‘‘สารเมฺภ จ อปริกฺกมเน จ ทุกฺกฎํ อเทสิตวตฺถุกตาย , ปมาณาติกฺกนฺตตาย จ สงฺฆาทิเสโส’’ติ เอวํ อาปตฺติเยว วิภาคทสฺสนตฺถํฯ

    354.Āpattibhedadassanatthanti tattha ‘‘sārambhe ca aparikkamane ca dukkaṭaṃ adesitavatthukatāya , pamāṇātikkantatāya ca saṅghādiseso’’ti evaṃ āpattiyeva vibhāgadassanatthaṃ.

    ๓๖๑. อนิฎฺฐิเต กุฎิกเมฺมติ เลปปริโยสาเน กุฎิกเมฺม เอกปิณฺฑมเตฺตนปิ อนิฎฺฐิเตฯ ‘‘อญฺญสฺส ปุคฺคลสฺส วา’’ติ อิทํ มูลฎฺฐสฺส อนาปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํฯ เยน ปน ลทฺธํ, ตสฺสาปิ ตํ นิฎฺฐาเปนฺตสฺส ‘‘ปเรหิ วิปฺปกตํ อตฺตนา ปริโยสาเปติ, อาปตฺติ สงฺฆาทิเสสสฺสา’’ติอาทิวจนโต (ปารา. ๓๖๓) อาปตฺติเยวฯ ปุเพฺพ กตกมฺมมฺปิ ลทฺธกาลโต ปฎฺฐาย อตฺตโน อตฺถาเยว กตํ นาม โหติ, ตสฺมา เตนาปิ สงฺฆสฺส วา สามเณราทีนํ วา ทตฺวา นิฎฺฐาเปตพฺพํฯ ‘‘อญฺญสฺส วา’’ติ อิทํ อนุปสมฺปนฺนํเยว สนฺธาย วุตฺตนฺติ คเหตพฺพํ, เกจิ ปน ‘‘ปรโต ลทฺธาย กุฎิยา นิฎฺฐาปเน อนาปตฺติอาทิโต ปฎฺฐาย อตฺตโน อตฺถาย อกตตฺตา’’ติ วทนฺติฯ อปจินิตพฺพาติ ยาว ปาจินา วิทฺธํเสตพฺพาฯ ภูมิสมํ กตฺวาติ ปาจินตลาวสานํ กตฺวาฯ

    361.Aniṭṭhite kuṭikammeti lepapariyosāne kuṭikamme ekapiṇḍamattenapi aniṭṭhite. ‘‘Aññassa puggalassa vā’’ti idaṃ mūlaṭṭhassa anāpattidassanatthaṃ vuttaṃ. Yena pana laddhaṃ, tassāpi taṃ niṭṭhāpentassa ‘‘parehi vippakataṃ attanā pariyosāpeti, āpatti saṅghādisesassā’’tiādivacanato (pārā. 363) āpattiyeva. Pubbe katakammampi laddhakālato paṭṭhāya attano atthāyeva kataṃ nāma hoti, tasmā tenāpi saṅghassa vā sāmaṇerādīnaṃ vā datvā niṭṭhāpetabbaṃ. ‘‘Aññassa vā’’ti idaṃ anupasampannaṃyeva sandhāya vuttanti gahetabbaṃ, keci pana ‘‘parato laddhāya kuṭiyā niṭṭhāpane anāpattiādito paṭṭhāya attano atthāya akatattā’’ti vadanti. Apacinitabbāti yāva pācinā viddhaṃsetabbā. Bhūmisamaṃ katvāti pācinatalāvasānaṃ katvā.

    ๓๖๔. เลณนฺติ ปพฺพตเลณํฯ น เหตฺถ เลโป ฆฎียตีติ ฉทนเลปสฺส อภาวโต วุตฺตํ, วิสุํ เอว วา อนุญฺญาตตฺตาฯ สเจ เลณสฺส อโนฺต อุปริภาเค จิตฺตกมฺมาทิกรณตฺถํ เลปํ เทนฺติ, อุลฺลิตฺตกุฎิสงฺขฺยํ น คจฺฉติ, วฎฺฎติ เอวฯ อิฎฺฐกาทีหิ กตํ จตุรสฺสกูฎาคารสณฺฐานํ เอกกณฺณิกาพทฺธํ นาติอุจฺจํ ปฎิสฺสยวิเสสํ ‘‘คุหา’’ติ วทนฺติ, ตาทิสํ มหนฺตมฺปิ อุลฺลิตฺตาวลิตฺตํ กโรนฺตสฺส อนาปตฺติฯ ภูมิคุหนฺติ อุมงฺคคุหํฯ

    364.Leṇanti pabbataleṇaṃ. Na hettha lepo ghaṭīyatīti chadanalepassa abhāvato vuttaṃ, visuṃ eva vā anuññātattā. Sace leṇassa anto uparibhāge cittakammādikaraṇatthaṃ lepaṃ denti, ullittakuṭisaṅkhyaṃ na gacchati, vaṭṭati eva. Iṭṭhakādīhi kataṃ caturassakūṭāgārasaṇṭhānaṃ ekakaṇṇikābaddhaṃ nātiuccaṃ paṭissayavisesaṃ ‘‘guhā’’ti vadanti, tādisaṃ mahantampi ullittāvalittaṃ karontassa anāpatti. Bhūmiguhanti umaṅgaguhaṃ.

    อฎฺฐกถาสูติ กุกฺกุฎจฺฉิกเคหนฺติอาทีสุ อฎฺฐกถาสุ ติณกุฎิกา กุกฺกุฎจฺฉิกเคหนฺติ วตฺวา ปุน ตํ วิวรเนฺตหิ อฎฺฐกถาจริเยหิ ฉทนํ ทณฺฑเกหิ…เป.… วุตฺตาติ โยชนา ทฎฺฐพฺพาฯ ตตฺถ ทณฺฑเกหิ ชาลพทฺธํ กตฺวาติ ทีฆโต, ติริยโต จ ฐเปตฺวา วลฺลิยาทีหิ พทฺธทณฺฑเกหิ ชาลํ วิย กตฺวาฯ โส จาติ อุลฺลิตฺตาทิภาโวฯ ฉทนเมว สนฺธาย วุโตฺตติ ฉทนสฺส อโนฺต จ พหิ จ ลิมฺปนเมว สนฺธาย วุโตฺตฯ มตฺติกากุเฎฺฎ ภิตฺติเลปํ วินาปิ ภิตฺติยา สทฺธิํ ฉทนเลปสฺส ฆฎนมเตฺตนาปิ อาปตฺติสมฺภวโต ฉทนเลโปว ปธานนฺติ เวทิตพฺพํฯ กิญฺจาปิ เอวํ, อถ โข ‘‘อุปจิกาโมจนตฺถเมว เหฎฺฐา ปาสาณกุฎฺฎํ กตฺวา ตํ อลิมฺปิตฺวา อุปริ ลิมฺปติ, เลโป น ฆฎียติ นาม, อนาปตฺติเยวา’’ติอาทิวจนโต ปน ฉทนเลปฆฎนตฺถํ สกลายปิ ภิตฺติยา เลโป อวสฺสํ อิจฺฉิตโพฺพว ตสฺสา เอกเทสสฺส อเลเปปิ ฉทนเลปสฺส อฆฎนโตฯ เตนาห ‘‘เลโป น ฆฎียตี’’ติฯ เอตฺถาติ ติณกุฎิกายํฯ น เกวลญฺจ ติณกุฎิกายํ เอว, เลณคุหาทีสุปิ สารมฺภาปริกฺกมนปจฺจยาปิ อนาปตฺติ เอว, อิมินา ปน นเยน อญฺญสฺสตฺถาย กุฎิํ กโรนฺตสฺสาปิ สารมฺภาทิปจฺจยาปิ อนาปตฺติภาโว อตฺถโต ทสฺสิโต เอว โหตีติฯ

    Aṭṭhakathāsūti kukkuṭacchikagehantiādīsu aṭṭhakathāsu tiṇakuṭikā kukkuṭacchikagehanti vatvā puna taṃ vivarantehi aṭṭhakathācariyehi chadanaṃ daṇḍakehi…pe… vuttāti yojanā daṭṭhabbā. Tattha daṇḍakehi jālabaddhaṃ katvāti dīghato, tiriyato ca ṭhapetvā valliyādīhi baddhadaṇḍakehi jālaṃ viya katvā. So cāti ullittādibhāvo. Chadanameva sandhāya vuttoti chadanassa anto ca bahi ca limpanameva sandhāya vutto. Mattikākuṭṭe bhittilepaṃ vināpi bhittiyā saddhiṃ chadanalepassa ghaṭanamattenāpi āpattisambhavato chadanalepova padhānanti veditabbaṃ. Kiñcāpi evaṃ, atha kho ‘‘upacikāmocanatthameva heṭṭhā pāsāṇakuṭṭaṃ katvā taṃ alimpitvā upari limpati, lepo na ghaṭīyati nāma, anāpattiyevā’’tiādivacanato pana chadanalepaghaṭanatthaṃ sakalāyapi bhittiyā lepo avassaṃ icchitabbova tassā ekadesassa alepepi chadanalepassa aghaṭanato. Tenāha ‘‘lepo na ghaṭīyatī’’ti. Etthāti tiṇakuṭikāyaṃ. Na kevalañca tiṇakuṭikāyaṃ eva, leṇaguhādīsupi sārambhāparikkamanapaccayāpi anāpatti eva, iminā pana nayena aññassatthāya kuṭiṃ karontassāpi sārambhādipaccayāpi anāpattibhāvo atthato dassito eva hotīti.

    ตตฺถ ปาฬิวิโรธํ ปริหริตุํ ‘‘ยํ ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อยเญฺหตฺถ อธิปฺปาโย – อญฺญสฺส อุปชฺฌายาทิโน อตฺถาย กโรนฺตสฺส สารมฺภาทิปจฺจยาปิ อนาปตฺติ เอว, ยํ ปน ปาฬิยํ ‘‘อาปตฺติการุกานํ ติณฺณํ ทุกฺกฎาน’’นฺติอาทิวจนํ, ตํ อญฺญสฺสตฺถาย กโรนฺตสฺส, น สารมฺภาทิปจฺจยา อาปตฺติทสฺสนตฺถํ วุตฺตํ, กิญฺจรหิ ยถาสมาทิฎฺฐาย กุฎิยา อกรณปจฺจยา อาปตฺติทสฺสนตฺถนฺติฯ ตตฺถ ยถาสมาทิฎฺฐายาติ ‘‘ภิกฺขุ สมาทิสิตฺวา ปกฺกมติ, ‘กุฎิํ เม กโรถา’ติ สมาทิสติ จ, เทสิตวตฺถุกา จ โหตุ อนารมฺภา จ สปริกฺกมนา จา’’ติ เอวํ การาปเกน อาณตฺติกฺกมํ มุญฺจิตฺวา กรณปจฺจยาติ อธิปฺปาโยฯ กตฺถจิ ปน โปตฺถเก ‘‘กุฎิลกฺขณปฺปตฺตมฺปิ กุฎิํ อญฺญสฺส…เป.… กโรนฺตสฺส อนาปตฺตี’’ติ อิมสฺส ปาฐสฺส อนนฺตรํ ‘‘ยํ ปน อาปตฺติ การุกาน’’นฺติอาทิปาโฐ ทิสฺสติ, โสว ยุตฺตตโรฯ เอวญฺหิ สติ ตตฺถ อธิปฺปาโย ปากโฎ โหติฯ

    Tattha pāḷivirodhaṃ pariharituṃ ‘‘yaṃ panā’’tiādi vuttaṃ. Ayañhettha adhippāyo – aññassa upajjhāyādino atthāya karontassa sārambhādipaccayāpi anāpatti eva, yaṃ pana pāḷiyaṃ ‘‘āpattikārukānaṃ tiṇṇaṃ dukkaṭāna’’ntiādivacanaṃ, taṃ aññassatthāya karontassa, na sārambhādipaccayā āpattidassanatthaṃ vuttaṃ, kiñcarahi yathāsamādiṭṭhāya kuṭiyā akaraṇapaccayā āpattidassanatthanti. Tattha yathāsamādiṭṭhāyāti ‘‘bhikkhu samādisitvā pakkamati, ‘kuṭiṃ me karothā’ti samādisati ca, desitavatthukā ca hotu anārambhā ca saparikkamanā cā’’ti evaṃ kārāpakena āṇattikkamaṃ muñcitvā karaṇapaccayāti adhippāyo. Katthaci pana potthake ‘‘kuṭilakkhaṇappattampi kuṭiṃ aññassa…pe… karontassa anāpattī’’ti imassa pāṭhassa anantaraṃ ‘‘yaṃ pana āpatti kārukāna’’ntiādipāṭho dissati, sova yuttataro. Evañhi sati tattha adhippāyo pākaṭo hoti.

    อนาปตฺตีติ วตฺวาติ วาสาคารตฺถาย เอว อนิยมิตตฺตา อนาปตฺตีติ วตฺวาฯ อเทสาเปตฺวา กโรโตติ ปมาณยุตฺตมฺปิ กโรโตฯ อจิตฺตกนฺติ ปณฺณตฺติอชานนจิเตฺตน อจิตฺตกํฯ อุลฺลิตฺตาทีนํ อญฺญตรตา, เหฎฺฐิมปฺปมาณสมฺภโว, อเทสิตวตฺถุกตา, ปมาณาติกฺกนฺตตา, อตฺตุเทฺทสิกตา, วาสาคารตา, เลปฆฎนาติ สตฺต วา ปมาณยุตฺตงฺคาทีสุ ฉ วา องฺคานิฯ

    Anāpattīti vatvāti vāsāgāratthāya eva aniyamitattā anāpattīti vatvā. Adesāpetvā karototi pamāṇayuttampi karoto. Acittakanti paṇṇattiajānanacittena acittakaṃ. Ullittādīnaṃ aññataratā, heṭṭhimappamāṇasambhavo, adesitavatthukatā, pamāṇātikkantatā, attuddesikatā, vāsāgāratā, lepaghaṭanāti satta vā pamāṇayuttaṅgādīsu cha vā aṅgāni.

    กุฎิการสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Kuṭikārasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๖. กุฎิการสิกฺขาปทํ • 6. Kuṭikārasikkhāpadaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๖. กุฎิการสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Kuṭikārasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๖. กุฎิการสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Kuṭikārasikkhāpadavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๖. กุฎิการสิกฺขาปทวณฺณนา • 6. Kuṭikārasikkhāpadavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact