Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๙. กุตูหลสาลาสุตฺตํ
9. Kutūhalasālāsuttaṃ
๔๑๘. อถ โข วจฺฉโคโตฺต ปริพฺพาชโก เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข วจฺฉโคโตฺต ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ –
418. Atha kho vacchagotto paribbājako yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho vacchagotto paribbājako bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘ปุริมานิ , โภ โคตม , ทิวสานิ ปุริมตรานิ สมฺพหุลานํ นานาติตฺถิยานํ สมณพฺราหฺมณานํ ปริพฺพาชกานํ กุตูหลสาลายํ สนฺนิสินฺนานํ สนฺนิปติตานํ อยมนฺตรากถา อุทปาทิ – ‘อยํ โข ปูรโณ กสฺสโป สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ ญาโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺสฯ โสปิ สาวกํ อพฺภตีตํ กาลงฺกตํ อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ – ‘อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน, อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน’ติฯ โยปิสฺส สาวโก อุตฺตมปุริโส ปรมปุริโส ปรมปตฺติปโตฺต ตมฺปิ สาวกํ อพฺภตีตํ กาลงฺกตํ อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ – ‘อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน, อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน’’’ติฯ
‘‘Purimāni , bho gotama , divasāni purimatarāni sambahulānaṃ nānātitthiyānaṃ samaṇabrāhmaṇānaṃ paribbājakānaṃ kutūhalasālāyaṃ sannisinnānaṃ sannipatitānaṃ ayamantarākathā udapādi – ‘ayaṃ kho pūraṇo kassapo saṅghī ceva gaṇī ca gaṇācariyo ca ñāto yasassī titthakaro sādhusammato bahujanassa. Sopi sāvakaṃ abbhatītaṃ kālaṅkataṃ upapattīsu byākaroti – ‘asu amutra upapanno, asu amutra upapanno’ti. Yopissa sāvako uttamapuriso paramapuriso paramapattipatto tampi sāvakaṃ abbhatītaṃ kālaṅkataṃ upapattīsu byākaroti – ‘asu amutra upapanno, asu amutra upapanno’’’ti.
‘‘อยมฺปิ โข มกฺขลิ โคสาโล…เป.… อยมฺปิ โข นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต…เป.… อยมฺปิ โข สญฺจโย 1 เพลฎฺฐปุโตฺต…เป.… อยมฺปิ โข ปกุโธ 2 กจฺจาโน…เป.… อยมฺปิ โข อชิโต เกสกมฺพโล สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ ญาโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺสฯ โสปิ สาวกํ อพฺภตีตํ กาลงฺกตํ อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ – ‘อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน, อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน’ติฯ โยปิสฺส สาวโก อุตฺตมปุริโส ปรมปุริโส ปรมปตฺติปโตฺต ตมฺปิ สาวกํ อพฺภตีตํ กาลงฺกตํ อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ – ‘อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน, อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน’’’ติฯ
‘‘Ayampi kho makkhali gosālo…pe… ayampi kho nigaṇṭho nāṭaputto…pe… ayampi kho sañcayo 3 belaṭṭhaputto…pe… ayampi kho pakudho 4 kaccāno…pe… ayampi kho ajito kesakambalo saṅghī ceva gaṇī ca gaṇācariyo ca ñāto yasassī titthakaro sādhusammato bahujanassa. Sopi sāvakaṃ abbhatītaṃ kālaṅkataṃ upapattīsu byākaroti – ‘asu amutra upapanno, asu amutra upapanno’ti. Yopissa sāvako uttamapuriso paramapuriso paramapattipatto tampi sāvakaṃ abbhatītaṃ kālaṅkataṃ upapattīsu byākaroti – ‘asu amutra upapanno, asu amutra upapanno’’’ti.
‘‘อยมฺปิ โข สมโณ โคตโม สงฺฆี เจว คณี จ คณาจริโย จ ญาโต ยสสฺสี ติตฺถกโร สาธุสมฺมโต พหุชนสฺสฯ โสปิ สาวกํ อพฺภตีตํ กาลงฺกตํ อุปปตฺตีสุ พฺยากโรติ – ‘อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน, อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน’ติฯ โยปิสฺส 5 สาวโก อุตฺตมปุริโส ปรมปุริโส ปรมปตฺติปโตฺต ตญฺจ สาวกํ อพฺภตีตํ กาลงฺกตํ อุปปตฺตีสุ น พฺยากโรติ – ‘อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน, อสุ อมุตฺร อุปปโนฺน’ติฯ อปิ จ โข นํ เอวํ พฺยากโรติ – ‘อเจฺฉจฺฉิ ตณฺหํ, วิวตฺตยิ สํโยชนํ, สมฺมา มานาภิสมยา อนฺตมกาสิ ทุกฺขสฺสา’ติฯ ตสฺส มยฺหํ, โภ โคตม, อหุ เทว กงฺขา, อหุ วิจิกิจฺฉา – ‘กถํ นาม 6 สมณสฺส โคตมสฺส ธโมฺม อภิเญฺญโยฺย’’’ติ 7?
‘‘Ayampi kho samaṇo gotamo saṅghī ceva gaṇī ca gaṇācariyo ca ñāto yasassī titthakaro sādhusammato bahujanassa. Sopi sāvakaṃ abbhatītaṃ kālaṅkataṃ upapattīsu byākaroti – ‘asu amutra upapanno, asu amutra upapanno’ti. Yopissa 8 sāvako uttamapuriso paramapuriso paramapattipatto tañca sāvakaṃ abbhatītaṃ kālaṅkataṃ upapattīsu na byākaroti – ‘asu amutra upapanno, asu amutra upapanno’ti. Api ca kho naṃ evaṃ byākaroti – ‘acchecchi taṇhaṃ, vivattayi saṃyojanaṃ, sammā mānābhisamayā antamakāsi dukkhassā’ti. Tassa mayhaṃ, bho gotama, ahu deva kaṅkhā, ahu vicikicchā – ‘kathaṃ nāma 9 samaṇassa gotamassa dhammo abhiññeyyo’’’ti 10?
‘‘อลญฺหิ เต, วจฺฉ, กงฺขิตุํ, อลํ วิจิกิจฺฉิตุํฯ กงฺขนีเย จ ปน เต ฐาเน วิจิกิจฺฉา อุปฺปนฺนาฯ สอุปาทานสฺส ขฺวาหํ, วจฺฉ, อุปปตฺติํ ปญฺญาเปมิ โน อนุปาทานสฺสฯ เสยฺยถาปิ , วจฺฉ, อคฺคิ สอุปาทาโน ชลติ, โน อนุปาทาโน; เอวเมว ขฺวาหํ, วจฺฉ, สอุปาทานสฺส อุปปตฺติํ ปญฺญาเปมิ, โน อนุปาทานสฺสา’’ติฯ
‘‘Alañhi te, vaccha, kaṅkhituṃ, alaṃ vicikicchituṃ. Kaṅkhanīye ca pana te ṭhāne vicikicchā uppannā. Saupādānassa khvāhaṃ, vaccha, upapattiṃ paññāpemi no anupādānassa. Seyyathāpi , vaccha, aggi saupādāno jalati, no anupādāno; evameva khvāhaṃ, vaccha, saupādānassa upapattiṃ paññāpemi, no anupādānassā’’ti.
‘‘ยสฺมิํ , โภ โคตม, สมเย อจฺจิ วาเตน ขิตฺตา ทูรมฺปิ คจฺฉติ, อิมสฺส ปน ภวํ โคตโม กิํ อุปาทานสฺมิํ ปญฺญาเปตี’’ติ? ‘‘ยสฺมิํ โข, วจฺฉ, สมเย อจฺจิ วาเตน ขิตฺตา ทูรมฺปิ คจฺฉติ, ตมหํ วาตูปาทานํ ปญฺญาเปมิฯ วาโต หิสฺส, วจฺฉ, ตสฺมิํ สมเย อุปาทานํ โหตี’’ติฯ ‘‘ยสฺมิญฺจ ปน, โภ โคตม, สมเย อิมญฺจ กายํ นิกฺขิปติ, สโตฺต จ อญฺญตรํ กายํ อนุปปโนฺน โหติ, อิมสฺส ปน ภวํ โคตโม กิํ อุปาทานสฺมิํ ปญฺญาเปตี’’ติ? ‘‘ยสฺมิํ โข, วจฺฉ, สมเย อิมญฺจ กายํ นิกฺขิปติ, สโตฺต จ อญฺญตรํ กายํ อนุปปโนฺน โหติ, ตมหํ ตณฺหูปาทานํ วทามิฯ ตณฺหา หิสฺส, วจฺฉ, ตสฺมิํ สมเย อุปาทานํ โหตี’’ติ 11ฯ นวมํฯ
‘‘Yasmiṃ , bho gotama, samaye acci vātena khittā dūrampi gacchati, imassa pana bhavaṃ gotamo kiṃ upādānasmiṃ paññāpetī’’ti? ‘‘Yasmiṃ kho, vaccha, samaye acci vātena khittā dūrampi gacchati, tamahaṃ vātūpādānaṃ paññāpemi. Vāto hissa, vaccha, tasmiṃ samaye upādānaṃ hotī’’ti. ‘‘Yasmiñca pana, bho gotama, samaye imañca kāyaṃ nikkhipati, satto ca aññataraṃ kāyaṃ anupapanno hoti, imassa pana bhavaṃ gotamo kiṃ upādānasmiṃ paññāpetī’’ti? ‘‘Yasmiṃ kho, vaccha, samaye imañca kāyaṃ nikkhipati, satto ca aññataraṃ kāyaṃ anupapanno hoti, tamahaṃ taṇhūpādānaṃ vadāmi. Taṇhā hissa, vaccha, tasmiṃ samaye upādānaṃ hotī’’ti 12. Navamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๙. กุตูหลสาลาสุตฺตวณฺณนา • 9. Kutūhalasālāsuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๙. กุตูหลสาลาสุตฺตวณฺณนา • 9. Kutūhalasālāsuttavaṇṇanā