Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā |
๒. ลขุมาวิมานวณฺณนา
2. Lakhumāvimānavaṇṇanā
อภิกฺกเนฺตน วเณฺณนาติ ลขุมาวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควติ พาราณสิยํ วิหรเนฺต เกวฎฺฎทฺวารํ นาม พาราณสินครสฺส เอกํ ทฺวารํ, ตสฺส อวิทูเร นิวิฎฺฐคาโมปิ ‘‘เกวฎฺฎทฺวาร’’เนฺตฺวว ปญฺญายิตฺถฯ ตตฺถ ลขุมา นาม เอกา อิตฺถี สทฺธา ปสนฺนา พุทฺธิสมฺปนฺนา เตน ทฺวาเรน ปวิสเนฺต ภิกฺขู ทิสฺวา วนฺทิตฺวา อตฺตโน เคหํ เนตฺวา กฎจฺฉุภิกฺขํ ทตฺวา เตเนว ปริจเยน สทฺธาย วฑฺฒมานาย อาสนสาลํ กาเรตฺวา ตตฺถ ปวิฎฺฐานํ ภิกฺขูนํ อาสนํ อุปเนติ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐเปติฯ ยญฺจ โอทนกุมฺมาสฑากาทิ อตฺตโน เคเห วิชฺชติ, ตํ ภิกฺขูนํ เทติฯ สา ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา สรเณสุ จ สีเลสุ จ ปติฎฺฐาย สมาหิตา หุตฺวา วิปสฺสนากมฺมฎฺฐานํ อุคฺคเหตฺวา วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปนฺตี อุปนิสฺสยสมฺปนฺนตาย น จิรเสฺสว โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ สา อปรภาเค กาลํ กตฺวา ตาวติํสภวเน มหติ วิมาเน นิพฺพตฺติ, อจฺฉราสหสฺสญฺจสฺสา ปริวาโร อโหสิฯ สา ตตฺถ ทิพฺพสมฺปตฺติํ อนุภวนฺตี ปโมทมานา วิจรติฯ ตํ อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน เทวจาริกํ จรโนฺต ‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณนา’’ติอาทิคาถาหิ ปุจฺฉีติ สพฺพํ วุตฺตนยเมวฯ เตน วุตฺตํ –
Abhikkantenavaṇṇenāti lakhumāvimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavati bārāṇasiyaṃ viharante kevaṭṭadvāraṃ nāma bārāṇasinagarassa ekaṃ dvāraṃ, tassa avidūre niviṭṭhagāmopi ‘‘kevaṭṭadvāra’’ntveva paññāyittha. Tattha lakhumā nāma ekā itthī saddhā pasannā buddhisampannā tena dvārena pavisante bhikkhū disvā vanditvā attano gehaṃ netvā kaṭacchubhikkhaṃ datvā teneva paricayena saddhāya vaḍḍhamānāya āsanasālaṃ kāretvā tattha paviṭṭhānaṃ bhikkhūnaṃ āsanaṃ upaneti, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhapeti. Yañca odanakummāsaḍākādi attano gehe vijjati, taṃ bhikkhūnaṃ deti. Sā bhikkhūnaṃ santike dhammaṃ sutvā saraṇesu ca sīlesu ca patiṭṭhāya samāhitā hutvā vipassanākammaṭṭhānaṃ uggahetvā vipassanaṃ ussukkāpentī upanissayasampannatāya na cirasseva sotāpattiphale patiṭṭhahi. Sā aparabhāge kālaṃ katvā tāvatiṃsabhavane mahati vimāne nibbatti, accharāsahassañcassā parivāro ahosi. Sā tattha dibbasampattiṃ anubhavantī pamodamānā vicarati. Taṃ āyasmā mahāmoggallāno devacārikaṃ caranto ‘‘abhikkantena vaṇṇenā’’tiādigāthāhi pucchīti sabbaṃ vuttanayameva. Tena vuttaṃ –
๑๗๓.
173.
‘‘อภิกฺกเนฺตน วเณฺณน, ยา ตฺวํ ติฎฺฐสิ เทวเต;
‘‘Abhikkantena vaṇṇena, yā tvaṃ tiṭṭhasi devate;
โอภาเสนฺตี ทิสา สพฺพา, โอสธี วิย ตารกาฯ
Obhāsentī disā sabbā, osadhī viya tārakā.
๑๗๔.
174.
‘‘เกน เตตาทิโส วโณฺณ, เกน เต อิธ มิชฺฌติ;
‘‘Kena tetādiso vaṇṇo, kena te idha mijjhati;
อุปฺปชฺชนฺติ จ เต โภคา, เย เกจิ มนโส ปิยาฯ
Uppajjanti ca te bhogā, ye keci manaso piyā.
๑๗๕.
175.
‘‘ปุจฺฉามิ ตํ เทวิ มหานุภาเว, มนุสฺสภูตา กิมกาสิ ปุญฺญํ;
‘‘Pucchāmi taṃ devi mahānubhāve, manussabhūtā kimakāsi puññaṃ;
เกนาสิ เอวํ ชลิตานุภาวา, วโณฺณ จ เต สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
Kenāsi evaṃ jalitānubhāvā, vaṇṇo ca te sabbadisā pabhāsatī’’ti.
๑๗๖.
176.
‘‘สา เทวตา อตฺตมนา, โมคฺคลฺลาเนน ปุจฺฉิตา;
‘‘Sā devatā attamanā, moggallānena pucchitā;
ปญฺหํ ปุฎฺฐา วิยากาสิ, ยสฺส กมฺมสฺสิทํ ผลํ’’ฯ
Pañhaṃ puṭṭhā viyākāsi, yassa kammassidaṃ phalaṃ’’.
๑๗๗.
177.
‘‘เกวฎฺฎทฺวารา นิกฺขมฺม, อหุ มยฺหํ นิเวสนํ;
‘‘Kevaṭṭadvārā nikkhamma, ahu mayhaṃ nivesanaṃ;
ตตฺถ สญฺจรมานานํ, สาวกานํ มเหสินํฯ
Tattha sañcaramānānaṃ, sāvakānaṃ mahesinaṃ.
๑๗๘.
178.
‘‘โอทนํ กุมฺมาสํ ฑากํ, โลณโสวีรกญฺจหํ;
‘‘Odanaṃ kummāsaṃ ḍākaṃ, loṇasovīrakañcahaṃ;
อทาสิํ อุชุภูเตสุ, วิปฺปสเนฺนน เจตสาฯ
Adāsiṃ ujubhūtesu, vippasannena cetasā.
๑๗๙.
179.
‘‘จาตุทฺทสิํ ปญฺจทสิํ, ยา จ ปกฺขสฺส อฎฺฐมี;
‘‘Cātuddasiṃ pañcadasiṃ, yā ca pakkhassa aṭṭhamī;
ปาฎิหาริยปกฺขญฺจ, อฎฺฐงฺคสุสมาคตํฯ
Pāṭihāriyapakkhañca, aṭṭhaṅgasusamāgataṃ.
๑๘๐.
180.
‘‘อุโปสถํ อุปวสิสฺสํ, สทา สีเลสุ สํวุตา;
‘‘Uposathaṃ upavasissaṃ, sadā sīlesu saṃvutā;
สญฺญมา สํวิภาคา จ, วิมานํ อาวสามหํฯ
Saññamā saṃvibhāgā ca, vimānaṃ āvasāmahaṃ.
๑๘๑.
181.
‘‘ปาณาติปาตา วิรตา, มุสาวาทา จ สญฺญตา;
‘‘Pāṇātipātā viratā, musāvādā ca saññatā;
เถยฺยา จ อติจารา จ, มชฺชปานา จ อารกาฯ
Theyyā ca aticārā ca, majjapānā ca ārakā.
๑๘๒.
182.
‘‘ปญฺจสิกฺขาปเท รตา, อริยสจฺจาน โกวิทา;
‘‘Pañcasikkhāpade ratā, ariyasaccāna kovidā;
อุปาสิกา จกฺขุมโต, โคตมสฺส ยสสฺสิโนฯ
Upāsikā cakkhumato, gotamassa yasassino.
๑๘๓.
183.
‘‘เตน เมตาทิโส วโณฺณ…เป.… วโณฺณ จ เม สพฺพทิสา ปภาสตี’’ติฯ
‘‘Tena metādiso vaṇṇo…pe… vaṇṇo ca me sabbadisā pabhāsatī’’ti.
มม จ, ภเนฺต, วจเนน ภควโต ปาเท สิรสา วเนฺทยฺยาสิ ‘‘ลขุมา นาม, ภเนฺต, อุปาสิกา ภควโต ปาเท สิรสา วนฺทตี’’ติฯ อนจฺฉริยํ โข ปเนตํ, ภเนฺต, ยํ มํ ภควา อญฺญตรสฺมิํ สามญฺญผเล พฺยากเรยฺยฯ ตํ ภควา สกทาคามิผเล พฺยากาสีติฯ
Mama ca, bhante, vacanena bhagavato pāde sirasā vandeyyāsi ‘‘lakhumā nāma, bhante, upāsikā bhagavato pāde sirasā vandatī’’ti. Anacchariyaṃ kho panetaṃ, bhante, yaṃ maṃ bhagavā aññatarasmiṃ sāmaññaphale byākareyya. Taṃ bhagavā sakadāgāmiphale byākāsīti.
๑๗๗. ตตฺถ เกวฎฺฎทฺวารา นิกฺขมฺมาติ เกวฎฺฎทฺวารโต นิกฺขมนฎฺฐาเนฯ
177. Tattha kevaṭṭadvārā nikkhammāti kevaṭṭadvārato nikkhamanaṭṭhāne.
๑๗๘. ฑากนฺติ ตณฺฑุเลยฺยกาทิสากพฺยญฺชนํฯ โลณโสวีรกนฺติ ธญฺญรสาทีหิ พหูหิ สมฺภาเรหิ สมฺปาเทตพฺพํ เอกํ ปานกํฯ ‘‘อาจามกญฺชิกโลณูทก’’นฺติปิ วทนฺติฯ
178.Ḍākanti taṇḍuleyyakādisākabyañjanaṃ. Loṇasovīrakanti dhaññarasādīhi bahūhi sambhārehi sampādetabbaṃ ekaṃ pānakaṃ. ‘‘Ācāmakañjikaloṇūdaka’’ntipi vadanti.
ปุจฺฉาวิสฺสชฺชนาวสาเน สา เถรสฺส ธมฺมเทสนาย สกทาคามิผลํ ปาปุณิฯ เสสํ อุตฺตราวิธาเน วุตฺตนยานุสาเรน เอว เวทิตพฺพํฯ
Pucchāvissajjanāvasāne sā therassa dhammadesanāya sakadāgāmiphalaṃ pāpuṇi. Sesaṃ uttarāvidhāne vuttanayānusārena eva veditabbaṃ.
ลขุมาวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Lakhumāvimānavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๒. ลขุมาวิมานวตฺถุ • 2. Lakhumāvimānavatthu