Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā |
๕. ลกฺขณหารวิภงฺควณฺณนา
5. Lakkhaṇahāravibhaṅgavaṇṇanā
๒๓. ตตฺถ กตโม ลกฺขโณ หาโรติอาทิ ลกฺขณหารวิภโงฺคฯ ตตฺถ กิํ ลกฺขยตีติ ลกฺขณหารสฺส วิสยํ ปุจฺฉติฯ ‘‘เย ธมฺมา’’ติอาทินา ลกฺขณหารํ สเงฺขปโต ทเสฺสตฺวา ตํ อุทาหรเณหิ วิภชิตุํ ‘‘จกฺขุ’’นฺติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ ‘‘วธกเฎฺฐน เอกลกฺขณานี’’ติ อิมินา อนวฎฺฐิตภาวาทินาปิ เอกลกฺขณตา วุตฺตา เอวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ
23.Tatthakatamo lakkhaṇo hārotiādi lakkhaṇahāravibhaṅgo. Tattha kiṃ lakkhayatīti lakkhaṇahārassa visayaṃ pucchati. ‘‘Ye dhammā’’tiādinā lakkhaṇahāraṃ saṅkhepato dassetvā taṃ udāharaṇehi vibhajituṃ ‘‘cakkhu’’ntiādi āraddhaṃ. Tattha ‘‘vadhakaṭṭhena ekalakkhaṇānī’’ti iminā anavaṭṭhitabhāvādināpi ekalakkhaṇatā vuttā evāti daṭṭhabbaṃ.
เอวํ อายตนวเสน เอกลกฺขณตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ ขนฺธาทิวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘อตีเต, ราธ, รูเป อนเปโกฺข โหตี’’ติอาทิ สุตฺตํ อาภตํฯ ยมโกวาทสุเตฺต (สํ. นิ. ๓.๘๕) วธกเฎฺฐน เอกลกฺขณา วุตฺตาติ ตสฺมิํ สุเตฺต ‘‘วธกํ รูปํ วธกํ รูปนฺติ ยถาภูตํ นปฺปชานาตี’’ติอาทินา อาคตตฺตา วุตฺตํฯ อิตีติ เอวํ, อิมิสฺสํ คาถายํ กายคตาย สติยา วุตฺตาย สติ เวทนาคตา สติ จิตฺตคตา สติ ธมฺมคตา จ สติ วุตฺตา ภวติ สติปฎฺฐานภาเวน เอกลกฺขณตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ ทิฎฺฐนฺติอาทีนํ อตฺถํ ปรโต วณฺณยิสฺสามฯ
Evaṃ āyatanavasena ekalakkhaṇataṃ dassetvā idāni khandhādivasena dassetuṃ ‘‘atīte, rādha, rūpe anapekkho hotī’’tiādi suttaṃ ābhataṃ. Yamakovādasutte (saṃ. ni. 3.85) vadhakaṭṭhena ekalakkhaṇā vuttāti tasmiṃ sutte ‘‘vadhakaṃ rūpaṃ vadhakaṃ rūpanti yathābhūtaṃ nappajānātī’’tiādinā āgatattā vuttaṃ. Itīti evaṃ, imissaṃ gāthāyaṃ kāyagatāya satiyā vuttāya sati vedanāgatā sati cittagatā sati dhammagatā ca sati vuttā bhavati satipaṭṭhānabhāvena ekalakkhaṇattāti adhippāyo. Diṭṭhantiādīnaṃ atthaṃ parato vaṇṇayissāma.
กาเย กายานุปสฺสี วิหราหีติ เอตฺถ กาเยติ รูปกาเยฯ รูปกาโย หิ อิธ องฺคปจฺจงฺคานํ เกสาทีนญฺจ สมูหเฎฺฐน กาโยติ อธิเปฺปโตฯ ยถา จ สมูหเฎฺฐน, เอวํ กุจฺฉิตานํ อายเฎฺฐนฯ กุจฺฉิตานญฺหิ ปรมเชคุจฺฉานํ โส อาโยติปิ กาโย, อาโยติ อุปฺปตฺติเทโสฯ ตตฺรายํ วจนโตฺถ – อายนฺติ ตโตติ อาโยฯ เก อายนฺติ? กุจฺฉิตา เกสาทโย, อิติ กุจฺฉิตานํ อาโยติ กาโยฯ
Kāyekāyānupassī viharāhīti ettha kāyeti rūpakāye. Rūpakāyo hi idha aṅgapaccaṅgānaṃ kesādīnañca samūhaṭṭhena kāyoti adhippeto. Yathā ca samūhaṭṭhena, evaṃ kucchitānaṃ āyaṭṭhena. Kucchitānañhi paramajegucchānaṃ so āyotipi kāyo, āyoti uppattideso. Tatrāyaṃ vacanattho – āyanti tatoti āyo. Ke āyanti? Kucchitā kesādayo, iti kucchitānaṃ āyoti kāyo.
กายานุปสฺสีติ กายํ อนุปสฺสนสีโล, กายํ วา อนุปสฺสมาโนฯ ‘‘กาเย’’ติ จ วตฺวา ปุน ‘‘กายานุปสฺสี’’ติ ทุติยํ กายคฺคหณํ อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานฆนวินิโพฺภคาทิทสฺสนตฺถํฯ เตน น กาเย เวทนานุปสฺสี จิตฺตธมฺมานุปสฺสี วา, อถ โข กายานุปสฺสี เอวาติ กายสงฺขาเต วตฺถุสฺมิํ กายานุปสฺสนาการเสฺสว ทสฺสเนน อสมฺมิสฺสโต ววตฺถานํ ทสฺสิตํ โหติฯ ตถา น กาเย องฺคปจฺจงฺควินิมุตฺตเอกธมฺมานุปสฺสี, นาปิ เกสโลมาทิวินิมุตฺตอิตฺถิปุริสานุปสฺสีฯ
Kāyānupassīti kāyaṃ anupassanasīlo, kāyaṃ vā anupassamāno. ‘‘Kāye’’ti ca vatvā puna ‘‘kāyānupassī’’ti dutiyaṃ kāyaggahaṇaṃ asammissato vavatthānaghanavinibbhogādidassanatthaṃ. Tena na kāye vedanānupassī cittadhammānupassī vā, atha kho kāyānupassī evāti kāyasaṅkhāte vatthusmiṃ kāyānupassanākārasseva dassanena asammissato vavatthānaṃ dassitaṃ hoti. Tathā na kāye aṅgapaccaṅgavinimuttaekadhammānupassī, nāpi kesalomādivinimuttaitthipurisānupassī.
โยปิ เจตฺถ เกสโลมาทิโก ภูตุปาทายสมูหสงฺขาโต กาโย, ตตฺถปิ น ภูตุปาทายวินิมุตฺตเอกธมฺมานุปสฺสี , อถ โข รถสมฺภารานุปสฺสโก วิย องฺคปจฺจงฺคสมูหานุปสฺสี, นคราวยวานุปสฺสโก วิย เกสโลมาทิสมูหานุปสฺสี, กทลิกฺขนฺธปตฺตวฎฺฎิวินิพฺภุชฺชโก วิย ริตฺตมุฎฺฐิวินิเวฐโก วิย จ ภูตุปาทายสมูหานุปสฺสี เอวาติ นานปฺปการโต สมูหวเสเนว กายสงฺขาตสฺส วตฺถุโน ทสฺสเนน ฆนวินิโพฺภโค ทสฺสิโต โหติฯ น เหตฺถ ยถาวุตฺตสมูหวินิมุโตฺต กาโย วา อโญฺญ วา โกจิ ธโมฺม ทิสฺสติ, ยถาวุตฺตธมฺมสมูหมเตฺต เอว ปน ตถา ตถา สตฺตา มิจฺฉาภินิเวสํ กโรนฺติฯ เตนาหุ โปราณา –
Yopi cettha kesalomādiko bhūtupādāyasamūhasaṅkhāto kāyo, tatthapi na bhūtupādāyavinimuttaekadhammānupassī , atha kho rathasambhārānupassako viya aṅgapaccaṅgasamūhānupassī, nagarāvayavānupassako viya kesalomādisamūhānupassī, kadalikkhandhapattavaṭṭivinibbhujjako viya rittamuṭṭhiviniveṭhako viya ca bhūtupādāyasamūhānupassī evāti nānappakārato samūhavaseneva kāyasaṅkhātassa vatthuno dassanena ghanavinibbhogo dassito hoti. Na hettha yathāvuttasamūhavinimutto kāyo vā añño vā koci dhammo dissati, yathāvuttadhammasamūhamatte eva pana tathā tathā sattā micchābhinivesaṃ karonti. Tenāhu porāṇā –
‘‘ยํ ปสฺสติ น ตํ ทิฎฺฐํ, ยํ ทิฎฺฐํ ตํ น ปสฺสติ;
‘‘Yaṃ passati na taṃ diṭṭhaṃ, yaṃ diṭṭhaṃ taṃ na passati;
อปสฺสํ พชฺฌเต มูโฬฺห, พชฺฌมาโน น มุจฺจตี’’ติฯ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๒.๓๗๓; ม. นิ. อฎฺฐ. ๑.๑๐๖; ปฎิ. ม. อฎฺฐ. ๑.๑.๓๖; มหานิ. อฎฺฐ. ๓);
Apassaṃ bajjhate mūḷho, bajjhamāno na muccatī’’ti. (dī. ni. aṭṭha. 2.373; ma. ni. aṭṭha. 1.106; paṭi. ma. aṭṭha. 1.1.36; mahāni. aṭṭha. 3);
ฆนวินิโพฺภคาทิทสฺสนตฺถนฺติ อาทิสเทฺทน อยมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยญฺหิ เอตสฺมิํ กาเย กายานุปสฺสีเยว, น อญฺญธมฺมานุปสฺสีฯ
Ghanavinibbhogādidassanatthanti ādisaddena ayamattho veditabbo. Ayañhi etasmiṃ kāye kāyānupassīyeva, na aññadhammānupassī.
อิทํ วุตฺตํ โหติ – ยถา อนุทกภูตายปิ มรีจิยา อุทกานุปสฺสิโน โหนฺติ, น เอวํ อนิจฺจทุกฺขานตฺตอสุภภูเต เอว อิมสฺมิํ กาเย นิจฺจสุขอตฺตสุภภาวานุปสฺสี , อถ โข กายานุปสฺสี อนิจฺจทุกฺขอนตฺตอสุภาการสมูหานุปสฺสีติ อโตฺถฯ อถ วา ยฺวายํ มหาสติปฎฺฐาเน (ที. นิ. ๒.๓๗๔ อาทโย) อสฺสาสปสฺสาสาทิจุณฺณิกชาตอฎฺฐิกปริโยสาโน กาโย วุโตฺต, โย จ ‘‘อิเธกโจฺจ ปถวีกายํ อนิจฺจโต อนุปสฺสติ, อาโปกายํ เตโชกายํ วาโยกายํ เกสกายํ…เป.… อฎฺฐิมิญฺชกาย’’นฺติ ปฎิสมฺภิทายํ (ปฎิ. ม. ๓.๓๔ อาทโย) กาโย วุโตฺต, ตสฺส สพฺพสฺส อิมสฺมิํเยว กาเย อนุปสฺสนโต กาเย กายานุปสฺสีติ เอวเมฺปตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ
Idaṃ vuttaṃ hoti – yathā anudakabhūtāyapi marīciyā udakānupassino honti, na evaṃ aniccadukkhānattaasubhabhūte eva imasmiṃ kāye niccasukhaattasubhabhāvānupassī , atha kho kāyānupassī aniccadukkhaanattaasubhākārasamūhānupassīti attho. Atha vā yvāyaṃ mahāsatipaṭṭhāne (dī. ni. 2.374 ādayo) assāsapassāsādicuṇṇikajātaaṭṭhikapariyosāno kāyo vutto, yo ca ‘‘idhekacco pathavīkāyaṃ aniccato anupassati, āpokāyaṃ tejokāyaṃ vāyokāyaṃ kesakāyaṃ…pe… aṭṭhimiñjakāya’’nti paṭisambhidāyaṃ (paṭi. ma. 3.34 ādayo) kāyo vutto, tassa sabbassa imasmiṃyeva kāye anupassanato kāye kāyānupassīti evampettha attho daṭṭhabbo.
อถ วา กาเย อหนฺติ วา มมนฺติ วา คเหตพฺพสฺส กสฺสจิ อนนุปสฺสนโต, ตสฺส ปน เกสโลมาทิกสฺส นานาธมฺมสมูหสฺส อนุปสฺสนโต กาเย เกสาทิธมฺมสมูหสงฺขาเต กายานุปสฺสีติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ อปิ จ ‘‘อิมสฺมิํ กาเย อนิจฺจโต อนุปสฺสติ โน นิจฺจโต’’ติอาทินา อนุกฺกเมน ปฎิสมฺภิทายํ (ปฎิ. ม. ๓.๓๔ อาทโย) อาคตนยสฺส สพฺพเสฺสว อนิจฺจลกฺขณาทิกสฺส อาการสมูหสงฺขาตสฺส กายสฺส อนุปสฺสนโต กาเย กายานุปสฺสีติ อโตฺถฯ
Atha vā kāye ahanti vā mamanti vā gahetabbassa kassaci ananupassanato, tassa pana kesalomādikassa nānādhammasamūhassa anupassanato kāye kesādidhammasamūhasaṅkhāte kāyānupassīti attho daṭṭhabbo. Api ca ‘‘imasmiṃ kāye aniccato anupassati no niccato’’tiādinā anukkamena paṭisambhidāyaṃ (paṭi. ma. 3.34 ādayo) āgatanayassa sabbasseva aniccalakkhaṇādikassa ākārasamūhasaṅkhātassa kāyassa anupassanato kāye kāyānupassīti attho.
วิหราหีติ วตฺตาหิฯ อาตาปีติ ตีสุ ภเวสุ กิเลเส อาตาเปตีติ อาตาโป, โส อสฺส อตฺถีติ อาตาปีฯ สมฺปชาโนติ สมฺปชญฺญสงฺขาเตน ญาเณน สมนฺนาคโตฯ สติมาติ กายปริคฺคาหิกาย สติยา สมนฺนาคโตฯ อยํ ปน ยสฺมา สติยา อารมฺมณํ ปริคฺคเหตฺวา ปญฺญาย อนุปสฺสติ, น หิ สติวิรหิตา อนุปสฺสนา อตฺถิ, เตเนวาห – ‘‘สติญฺจ ขฺวาหํ, ภิกฺขเว, สพฺพตฺถิกํ วทามี’’ติ (สํ. นิ. ๕.๒๓๔)ฯ อนาตาปิโน จ อโนฺต สโงฺกโจ อนฺตรายกโร โหติ, กมฺมฎฺฐานํ น สมฺปชฺชติฯ ตสฺมา เยสํ ธมฺมานํ อานุภาเวน ตํ สมฺปชฺชติ, ตํ ทสฺสนตฺถํ ‘‘อาตาปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Viharāhīti vattāhi. Ātāpīti tīsu bhavesu kilese ātāpetīti ātāpo, so assa atthīti ātāpī. Sampajānoti sampajaññasaṅkhātena ñāṇena samannāgato. Satimāti kāyapariggāhikāya satiyā samannāgato. Ayaṃ pana yasmā satiyā ārammaṇaṃ pariggahetvā paññāya anupassati, na hi sativirahitā anupassanā atthi, tenevāha – ‘‘satiñca khvāhaṃ, bhikkhave, sabbatthikaṃ vadāmī’’ti (saṃ. ni. 5.234). Anātāpino ca anto saṅkoco antarāyakaro hoti, kammaṭṭhānaṃ na sampajjati. Tasmā yesaṃ dhammānaṃ ānubhāvena taṃ sampajjati, taṃ dassanatthaṃ ‘‘ātāpī’’tiādi vuttaṃ.
ตตฺถ วิเนยฺยาติ ตทงฺควินเยน วา วิกฺขมฺภนวินเยน วา วินยิตฺวาฯ โลเกติ ตสฺมิํเยว กาเยฯ กาโย หิ อิธ ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโกติ อธิเปฺปโตฯ อภิชฺฌาคฺคหเณน เจตฺถ กามจฺฉโนฺท, โทมนสฺสคฺคหเณน พฺยาปาโท คหิโตติ นีวรเณสุ พลวธมฺมทฺวยปฺปหานทสฺสเนน นีวรณปฺปหานํ วุตฺตนฺติ กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานสฺส ปหานงฺคํ ทสฺสิตํฯ ‘‘อาตาปี’’ติอาทินา ปน สมฺปโยคงฺคํ ทสฺสิตนฺติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘อาตาปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อภิชฺฌาโทมนสฺสานํ สมโถ อุชุปฎิปโกฺขติ อภิชฺฌาโทมนสฺสวินโย วุจฺจมาโน สมาธินฺทฺริยํ ทีเปตีติ อาห – ‘‘วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสนฺติ สมาธินฺทฺริย’’นฺติ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๕.๓๖๗)ฯ เอกลกฺขณตฺตา จตุนฺนํ อินฺทฺริยานนฺติ ยถา วีริยปญฺญาสมาธินฺทฺริเยหิ กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ อิชฺฌติ, เอวํ เวทนาจิตฺตธมฺมานุปสฺสนาสติปฎฺฐานานิปิ เตหิ อิชฺฌนฺตีติ จตุสติปฎฺฐานสาธเน อิเมสํ อินฺทฺริยานํ สภาวเภทาภาวโต สมานลกฺขณตฺตา อิตรานิ สติปฎฺฐานานิปิ วุตฺตานิ เอว โหนฺตีติ อโตฺถฯ
Tattha vineyyāti tadaṅgavinayena vā vikkhambhanavinayena vā vinayitvā. Loketi tasmiṃyeva kāye. Kāyo hi idha lujjanapalujjanaṭṭhena lokoti adhippeto. Abhijjhāggahaṇena cettha kāmacchando, domanassaggahaṇena byāpādo gahitoti nīvaraṇesu balavadhammadvayappahānadassanena nīvaraṇappahānaṃ vuttanti kāyānupassanāsatipaṭṭhānassa pahānaṅgaṃ dassitaṃ. ‘‘Ātāpī’’tiādinā pana sampayogaṅgaṃ dassitanti imamatthaṃ dassetuṃ ‘‘ātāpī’’tiādi vuttaṃ. Tattha abhijjhādomanassānaṃ samatho ujupaṭipakkhoti abhijjhādomanassavinayo vuccamāno samādhindriyaṃ dīpetīti āha – ‘‘vineyya loke abhijjhādomanassanti samādhindriya’’nti (saṃ. ni. aṭṭha. 3.5.367). Ekalakkhaṇattā catunnaṃ indriyānanti yathā vīriyapaññāsamādhindriyehi kāyānupassanāsatipaṭṭhānaṃ ijjhati, evaṃ vedanācittadhammānupassanāsatipaṭṭhānānipi tehi ijjhantīti catusatipaṭṭhānasādhane imesaṃ indriyānaṃ sabhāvabhedābhāvato samānalakkhaṇattā itarāni satipaṭṭhānānipi vuttāni eva hontīti attho.
๒๔. อิทานิ สติปฎฺฐาเนสุ คหิเตสุ สเพฺพสํ โพธิปกฺขิยธมฺมานํ คหิตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘จตูสุ สติปฎฺฐาเนสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โพธงฺคมาติ โพธํ อริยมคฺคญาณํ คจฺฉนฺตีติ โพธงฺคมาฯ ยถาวุตฺตสฺส โพธสฺส ปเกฺข ภวาติ โพธิปกฺขิยาฯ เนยฺยานิกลกฺขเณนาติ เอตฺถ นิมิตฺตโต ปวตฺตโต จ วุฎฺฐานํ นิยฺยานํ, นิยฺยาเน นิยุตฺตาติ เนยฺยานิกา, ยถา โทวาริโกติฯ นิยฺยานสงฺขาตํ วา ผลํ อรหนฺตีติ เนยฺยานิกาฯ นิยฺยานํ ปโยชนํ เอเตสนฺติ วา เนยฺยานิกาฯ ‘‘นิยฺยานิกา’’ติปิ ปาโฐ, ตตฺถ นิยฺยานํ เอเตสํ อตฺถีติ นิยฺยานิกาติ อโตฺถฯ ‘‘นิยฺยานิยา’’ติปิ ปาโฐ, ตสฺส นิยฺยนฺตีติ นิยฺยานิยาติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ นิยฺยานิกลกฺขเณนาติ นิยฺยานิกสภาเวนฯ
24. Idāni satipaṭṭhānesu gahitesu sabbesaṃ bodhipakkhiyadhammānaṃ gahitabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘catūsu satipaṭṭhānesū’’tiādi vuttaṃ. Tattha bodhaṅgamāti bodhaṃ ariyamaggañāṇaṃ gacchantīti bodhaṅgamā. Yathāvuttassa bodhassa pakkhe bhavāti bodhipakkhiyā. Neyyānikalakkhaṇenāti ettha nimittato pavattato ca vuṭṭhānaṃ niyyānaṃ, niyyāne niyuttāti neyyānikā, yathā dovārikoti. Niyyānasaṅkhātaṃ vā phalaṃ arahantīti neyyānikā. Niyyānaṃ payojanaṃ etesanti vā neyyānikā. ‘‘Niyyānikā’’tipi pāṭho, tattha niyyānaṃ etesaṃ atthīti niyyānikāti attho. ‘‘Niyyāniyā’’tipi pāṭho, tassa niyyantīti niyyāniyāti attho daṭṭhabbo. Niyyānikalakkhaṇenāti niyyānikasabhāvena.
เอวํ อกุสลาปิ ธมฺมาติ ยถา กุสลา ธมฺมา เอกลกฺขณภาเวน นิทฺธาริตา, เอวํ อกุสลาปิ ธมฺมา เอกลกฺขณเฎฺฐน นิทฺธาเรตพฺพาฯ กถํ? ปหาเนกฎฺฐตาวเสนาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺตี’’ติ อาหฯ อิทานิ ตํ ปหานํ ทเสฺสตุํ ‘‘จตูสุ สติปฎฺฐาเนสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กายานุปสฺสนาทีสุ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ ภาวิยมาเนสุ อสุเภ สุภนฺติอาทโย จตฺตาโร วิปลฺลาสา ปหียนฺติ, กพฬีการาหาราทโย จตฺตาโร อาหารา จสฺส ปริญฺญํ คจฺฉนฺติ, เตสํ ปริชานนสฺส ปริพนฺธิโน กามราคาทโย พฺยนฺตีกตา โหนฺตีติ อโตฺถ, กสฺมา? เตหิ ปหาตพฺพภาเวน เอกลกฺขณตฺตาติฯ เอวํ สพฺพตฺถ อโตฺถ โยเชตโพฺพฯ เตเนวาห – ‘‘เอวํ อกุสลาปิ ธมฺมา เอกลกฺขณตฺตา ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺตี’’ติฯ
Evaṃ akusalāpi dhammāti yathā kusalā dhammā ekalakkhaṇabhāvena niddhāritā, evaṃ akusalāpi dhammā ekalakkhaṇaṭṭhena niddhāretabbā. Kathaṃ? Pahānekaṭṭhatāvasenāti dassento ‘‘pahānaṃ abbhatthaṃ gacchantī’’ti āha. Idāni taṃ pahānaṃ dassetuṃ ‘‘catūsu satipaṭṭhānesū’’tiādi vuttaṃ. Tattha kāyānupassanādīsu catūsu satipaṭṭhānesu bhāviyamānesu asubhe subhantiādayo cattāro vipallāsā pahīyanti, kabaḷīkārāhārādayo cattāro āhārā cassa pariññaṃ gacchanti, tesaṃ parijānanassa paribandhino kāmarāgādayo byantīkatā hontīti attho, kasmā? Tehi pahātabbabhāvena ekalakkhaṇattāti. Evaṃ sabbattha attho yojetabbo. Tenevāha – ‘‘evaṃ akusalāpi dhammā ekalakkhaṇattā pahānaṃ abbhatthaṃ gacchantī’’ti.
อิทานิ อเญฺญนปิ ปริยาเยน ลกฺขณหารสฺส อุทาหรณานิ ทเสฺสตุํ ‘‘ยตฺถ วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยตฺถาติ ยสฺสํ เทสนายํฯ วา-สโทฺท วิกปฺปโตฺถฯ ปนาติ ปทปูรโณฯ รูปินฺทฺริยนฺติ รุปฺปนสภาวํ อฎฺฐวิธํ อินฺทฺริยํฯ ตตฺถาติ ตสฺสํ เทสนายํฯ รูปธาตูติ รุปฺปนสภาวา ทส ธาตุโยฯ รูปายตนนฺติ รุปฺปนสภาวํ ทสายตนํ, รูปีนิ ทสายตนานีติ อโตฺถฯ รุปฺปนลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา อิมานิ เทสิตานีติ อธิปฺปาโยฯ เทสิตํ ตตฺถ สุขินฺทฺริยํ โสมนสฺสินฺทฺริยํ สุขเวทนาภาเวน เอกลกฺขณตฺตาติ อธิปฺปาโยฯ
Idāni aññenapi pariyāyena lakkhaṇahārassa udāharaṇāni dassetuṃ ‘‘yattha vā panā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yatthāti yassaṃ desanāyaṃ. Vā-saddo vikappattho. Panāti padapūraṇo. Rūpindriyanti ruppanasabhāvaṃ aṭṭhavidhaṃ indriyaṃ. Tatthāti tassaṃ desanāyaṃ. Rūpadhātūti ruppanasabhāvā dasa dhātuyo. Rūpāyatananti ruppanasabhāvaṃ dasāyatanaṃ, rūpīni dasāyatanānīti attho. Ruppanalakkhaṇena ekalakkhaṇattā imāni desitānīti adhippāyo. Desitaṃ tattha sukhindriyaṃ somanassindriyaṃ sukhavedanābhāvena ekalakkhaṇattāti adhippāyo.
ทุกฺขสมุทโย จ อริยสจฺจนฺติ อิทํ อกุสลสฺส โสมนสฺสสฺส วเสน วุตฺตํ, สาสวกุสลสฺสาปิ วเสน ยุชฺชติ เอวฯ สโพฺพ จ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เทสิโตติ สมฺพโนฺธฯ อวิชฺชานุสยิตตฺตา อทุกฺขมสุขาย เวทนายฯ วุตฺตเญฺหตํ – ‘‘อทุกฺขมสุขาย เวทนาย อวิชฺชานุสโย อนุเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕)ฯ ตถา จ วุตฺตํ ‘‘อทุกฺขมสุขาย หิ เวทนาย อวิชฺชา อนุเสตี’’ติฯ เอเตน อทุกฺขมสุขาเวทนาคฺคหเณน อวิชฺชา คหิตาติ ทเสฺสติฯ สติ จ อวิชฺชาคฺคหเณ สโพฺพ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เทสิโตติ ทเสฺสตุํ ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โส จาติ เอตฺถ จ-สโทฺท พฺยติเรกโตฺถ, เตน โส ปฎิจฺจสมุปฺปาโท อนุโลมปฎิโลมวเสน ทุวิโธติ อิมํ วกฺขมานวิเสสํ โชเตติฯ เตสุ อนุโลมโต ปฎิจฺจสมุปฺปาโท ยถาทสฺสิโต สราคสโทสสโมหสํกิเลสปเกฺขน หาตโพฺพติ วุโตฺต, ปฎิโลมโต ปน ปฎิจฺจสมุปฺปาโท โย ‘‘อวิชฺชายเตฺวว อเสสวิราคนิโรธา’’ติอาทินา ปาฬิยํ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; มหาว. ๑) วุโตฺต, ตํ สนฺธาย ‘‘วีตราควีตโทสวีตโมหอริยธเมฺมหิ หาตโพฺพ’’ติ วุตฺตํฯ
Dukkhasamudayo ca ariyasaccanti idaṃ akusalassa somanassassa vasena vuttaṃ, sāsavakusalassāpi vasena yujjati eva. Sabbo ca paṭiccasamuppādo desitoti sambandho. Avijjānusayitattā adukkhamasukhāya vedanāya. Vuttañhetaṃ – ‘‘adukkhamasukhāya vedanāya avijjānusayo anusetī’’ti (ma. ni. 1.465). Tathā ca vuttaṃ ‘‘adukkhamasukhāya hi vedanāya avijjā anusetī’’ti. Etena adukkhamasukhāvedanāggahaṇena avijjā gahitāti dasseti. Sati ca avijjāggahaṇe sabbo paṭiccasamuppādo desitoti dassetuṃ ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā’’tiādi vuttaṃ. So cāti ettha ca-saddo byatirekattho, tena so paṭiccasamuppādo anulomapaṭilomavasena duvidhoti imaṃ vakkhamānavisesaṃ joteti. Tesu anulomato paṭiccasamuppādo yathādassito sarāgasadosasamohasaṃkilesapakkhena hātabboti vutto, paṭilomato pana paṭiccasamuppādo yo ‘‘avijjāyatveva asesavirāganirodhā’’tiādinā pāḷiyaṃ (ma. ni. 3.126; mahāva. 1) vutto, taṃ sandhāya ‘‘vītarāgavītadosavītamohaariyadhammehi hātabbo’’ti vuttaṃ.
อิทานิ เอกลกฺขณตาวิภาวเนน ลกฺขณหารโยชนาย นยํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ เย ธมฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กิจฺจโตติ ปถวีอาทีนํ ผสฺสาทีนญฺจ รูปารูปธมฺมานํ สนฺธารณสงฺฆฎฺฎนาทิกิจฺจโต, เตสํ เตสํ วา ปจฺจยธมฺมานํ ตํตํปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมสฺส ปจฺจยภาวสงฺขาตกิจฺจโตฯ ลกฺขณโตติ กกฺขฬผุสนาทิสภาวโตฯ สามญฺญโตติ รุปฺปนนมนาทิโต อนิจฺจตาทิโต ขนฺธายตนาทิโต จฯ จุตูปปาตโตติ สงฺขตธมฺมานํ ภงฺคโต อุปฺปาทโต จ, สมานนิโรธโต สมานุปฺปาทโต จาติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ สหจรณํ สมานเหตุตา สมานผลตา สมานภูมิตา สมานวิสยตา สมานารมฺมณตาติ เอวมาทโยปิ จ-สเทฺทน สงฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
Idāni ekalakkhaṇatāvibhāvanena lakkhaṇahārayojanāya nayaṃ dassetuṃ ‘‘evaṃ ye dhammā’’tiādi vuttaṃ. Tattha kiccatoti pathavīādīnaṃ phassādīnañca rūpārūpadhammānaṃ sandhāraṇasaṅghaṭṭanādikiccato, tesaṃ tesaṃ vā paccayadhammānaṃ taṃtaṃpaccayuppannadhammassa paccayabhāvasaṅkhātakiccato. Lakkhaṇatoti kakkhaḷaphusanādisabhāvato. Sāmaññatoti ruppananamanādito aniccatādito khandhāyatanādito ca. Cutūpapātatoti saṅkhatadhammānaṃ bhaṅgato uppādato ca, samānanirodhato samānuppādato cāti attho. Ettha ca sahacaraṇaṃ samānahetutā samānaphalatā samānabhūmitā samānavisayatā samānārammaṇatāti evamādayopi ca-saddena saṅgahitāti daṭṭhabbaṃ. Sesaṃ uttānatthameva.
ลกฺขณหารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Lakkhaṇahāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๕. ลกฺขณหารวิภโงฺค • 5. Lakkhaṇahāravibhaṅgo
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๕. ลกฺขณหารวิภงฺควณฺณนา • 5. Lakkhaṇahāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๕. ลกฺขณหารวิภงฺควิภาวนา • 5. Lakkhaṇahāravibhaṅgavibhāvanā