Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā |
๕. ลกฺขณหารวิภงฺควณฺณนา
5. Lakkhaṇahāravibhaṅgavaṇṇanā
๒๓. ‘‘ลกฺขณหารสฺส วิสยํ ปุจฺฉตี’’ติ วุตฺตํ, ‘‘โก ปน ตสฺส วิสโย’’ติ วุเตฺต สมานลกฺขณา อวุตฺตธมฺมาฯ กายานุปสฺสนาย สมารทฺธาย เวทนานุปสฺสนาทโย สุเขเนว สิชฺฌนฺตีติ ตพฺพจเนน เวทนาคตาสติอาทีนํ วุตฺตภาโว ทสฺสิโต สติปฎฺฐานภาเวน เอกลกฺขณตฺตาติ กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานสฺส สทฺธานุคฺคหิตานิ วีริยสติสมาธิปญฺญินฺทฺริยานิ สาธนํ, เอวํ อิตเรสมฺปีติ กตฺวา วุตฺตํฯ อยํ อโตฺถ อฎฺฐกถายเมว (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕๑) ปรโต อาคมิสฺสติฯ อิมินา นเยน เสเสสุปิ เอกลกฺขณตานิเทฺทเสสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ปรโตติ จตุพฺยูหหารวณฺณนายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๐)ฯ
23.‘‘Lakkhaṇahārassa visayaṃ pucchatī’’ti vuttaṃ, ‘‘ko pana tassa visayo’’ti vutte samānalakkhaṇā avuttadhammā. Kāyānupassanāya samāraddhāya vedanānupassanādayo sukheneva sijjhantīti tabbacanena vedanāgatāsatiādīnaṃ vuttabhāvo dassito satipaṭṭhānabhāvena ekalakkhaṇattāti kāyānupassanāsatipaṭṭhānassa saddhānuggahitāni vīriyasatisamādhipaññindriyāni sādhanaṃ, evaṃ itaresampīti katvā vuttaṃ. Ayaṃ attho aṭṭhakathāyameva (netti. aṭṭha. 51) parato āgamissati. Iminā nayena sesesupi ekalakkhaṇatāniddesesu attho veditabbo. Paratoti catubyūhahāravaṇṇanāyaṃ (netti. aṭṭha. 20).
อสมฺมิสฺสโตติ เวทนาทโยปิ เอตฺถ สิตา เอตฺถ ปฎิสนฺธาติ กาเย เวทนาทิอนุปสฺสนาปสเงฺคปิ อาปเนฺน ตทสมฺมิสฺสโตติ อโตฺถฯ
Asammissatoti vedanādayopi ettha sitā ettha paṭisandhāti kāye vedanādianupassanāpasaṅgepi āpanne tadasammissatoti attho.
อวยวิคาหสมญฺญาติธาวนสาราทานาภินิเวสนิเสธนตฺถํ กายํ องฺคปจฺจเงฺคหิ, ตานิ จ เกสาทีหิ, เกสาทิเก จ ภูตุปาทายรูเปหิ วินิพฺภุชิตุํ ‘‘ตถา น กาเย’’ติอาทิมาหฯ ปาสาทาทินคราวยวสมูเห อวยวิวาทิโนปิ อวยวิคาหณํ กโรนฺติฯ นครํ นาม โกจิ อโตฺถ อตฺถีติ ปน เกสญฺจิ สมญฺญาติธาวนํ สิยาติ อิตฺถิปุริสาทิสมญฺญาติธาวเน นครนิทสฺสนํ วุตฺตํฯ อโญฺญ โกจิ สตฺตาทิโกฯ ยํ ปสฺสติ อิตฺถิํ, ปุริสํ วาฯ นนุ จกฺขุนา อิตฺถิปุริสทสฺสนํ นตฺถีติ? สจฺจํ นตฺถิ, ‘‘อิตฺถิํ ปสฺสามิ, ปุริสํ ปสฺสามี’’ติ ปน ปวตฺตสมญฺญาวเสน ‘‘ยํ ปสฺสตี’’ติ วุตฺตํฯ มิจฺฉาทสฺสเนน วา ทิฎฺฐิยา ยํ ปสฺสติ, น ตํ ทิฎฺฐํ รูปายตนํ โหติ, รูปายตนํ วา ตํ น โหตีติ อโตฺถฯ อถ วา ตํ โกสาทิภูตุปาทายสมูหสงฺขาตํ ทิฎฺฐํ น โหติ, ทิฎฺฐํ วา ยถาวุตฺตํ น โหตีติ อโตฺถฯ ยํ ทิฎฺฐํ ตํ น ปสฺสตีติ ยํ รูปายตนํ, เกสาทิภูตุปาทายสมูหสงฺขาตํ วา ทิฎฺฐํ, ตํ ปญฺญาจกฺขุนา ภูตโต น ปสฺสตีติ อโตฺถฯ
Avayavigāhasamaññātidhāvanasārādānābhinivesanisedhanatthaṃ kāyaṃ aṅgapaccaṅgehi, tāni ca kesādīhi, kesādike ca bhūtupādāyarūpehi vinibbhujituṃ ‘‘tathā na kāye’’tiādimāha. Pāsādādinagarāvayavasamūhe avayavivādinopi avayavigāhaṇaṃ karonti. Nagaraṃ nāma koci attho atthīti pana kesañci samaññātidhāvanaṃ siyāti itthipurisādisamaññātidhāvane nagaranidassanaṃ vuttaṃ. Añño koci sattādiko. Yaṃ passati itthiṃ, purisaṃ vā. Nanu cakkhunā itthipurisadassanaṃ natthīti? Saccaṃ natthi, ‘‘itthiṃ passāmi, purisaṃ passāmī’’ti pana pavattasamaññāvasena ‘‘yaṃ passatī’’ti vuttaṃ. Micchādassanena vā diṭṭhiyā yaṃ passati, na taṃ diṭṭhaṃ rūpāyatanaṃ hoti, rūpāyatanaṃ vā taṃ na hotīti attho. Atha vā taṃ kosādibhūtupādāyasamūhasaṅkhātaṃ diṭṭhaṃ na hoti, diṭṭhaṃ vā yathāvuttaṃ na hotīti attho. Yaṃ diṭṭhaṃ taṃ na passatīti yaṃ rūpāyatanaṃ, kesādibhūtupādāyasamūhasaṅkhātaṃ vā diṭṭhaṃ, taṃ paññācakkhunā bhūtato na passatīti attho.
น อญฺญธมฺมานุปสฺสีติ น อญฺญสภาวานุปสฺสี, อสุภาทิโต อญฺญาการานุปสฺสี น โหตีติ วุตฺตํ โหติฯ
Na aññadhammānupassīti na aññasabhāvānupassī, asubhādito aññākārānupassī na hotīti vuttaṃ hoti.
ปถวีกายนฺติ เกสาทิํ ปถวีธมฺมสมูหตฺตา ‘‘กาโย’’ติ วทติ, ลกฺขณปถวิเมว วา อเนกเภทภินฺนํ สกลสรีรคตํ ปุพฺพาปริยภาเวน ปวตฺตมานํ สมูหวเสน คเหตฺวา ‘‘กาโย’’ติ วทติฯ เอวํ อญฺญตฺถาปิฯ
Pathavīkāyanti kesādiṃ pathavīdhammasamūhattā ‘‘kāyo’’ti vadati, lakkhaṇapathavimeva vā anekabhedabhinnaṃ sakalasarīragataṃ pubbāpariyabhāvena pavattamānaṃ samūhavasena gahetvā ‘‘kāyo’’ti vadati. Evaṃ aññatthāpi.
อาการสมูหสงฺขาตสฺสาติ อนิจฺจตาทิอาการสมุทายปริยายสฺสฯ
Ākārasamūhasaṅkhātassāti aniccatādiākārasamudāyapariyāyassa.
ตีสุ ภเวสุ กิเลเสติ ภวตฺตยวิสยกิเลเสฯ สพฺพตฺถิกนฺติ สพฺพตฺถ ลีเน, อุทฺธเต จ จิเตฺต อิจฺฉิตพฺพตฺถา, สเพฺพ วา ลีเน, อุทฺธเต จ ภาเวตพฺพา โพชฺฌงฺคา อตฺถิกา เอตายาติ สพฺพตฺถิกาฯ อโนฺต สโงฺกโจติ อโนฺต โอลียนา, โกสชฺชนฺติ อโตฺถฯ
Tīsu bhavesu kileseti bhavattayavisayakilese. Sabbatthikanti sabbattha līne, uddhate ca citte icchitabbatthā, sabbe vā līne, uddhate ca bhāvetabbā bojjhaṅgā atthikā etāyāti sabbatthikā. Anto saṅkocoti anto olīyanā, kosajjanti attho.
๒๔. คหิเตสูติ ภาวนาคฺคหเณน คหิเตสุ, ภาวิเตสูติ อโตฺถ, วจเนน วา คหิเตสุฯ ภาวนาคฺคหณทีปนตฺถตฺตา ปน วจเนน คหณสฺส ภาวนาคฺคหณเมตฺถ ปธานํฯ ยสฺส สติปฎฺฐานา ภาวิตา, ตสฺส สมฺมปฺปธานาทโย โพธิปกฺขิยธมฺมา น ภาวิตาติ เนตํ ฐานํ วิชฺชตีติ จ สมานลกฺขณตาปเทเสน อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ปาฬิยํ ‘‘จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ ภาวิยมาเนสุ จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
24.Gahitesūti bhāvanāggahaṇena gahitesu, bhāvitesūti attho, vacanena vā gahitesu. Bhāvanāggahaṇadīpanatthattā pana vacanena gahaṇassa bhāvanāggahaṇamettha padhānaṃ. Yassa satipaṭṭhānā bhāvitā, tassa sammappadhānādayo bodhipakkhiyadhammā na bhāvitāti netaṃ ṭhānaṃ vijjatīti ca samānalakkhaṇatāpadesena imamatthaṃ dassetuṃ pāḷiyaṃ ‘‘catūsu satipaṭṭhānesu bhāviyamānesu cattāro sammappadhānā bhāvanāpāripūriṃ gacchantī’’tiādi vuttaṃ.
วิปลฺลาสา ปหียนฺติ อุชุวิปจฺจนีกภาวโตฯ ‘‘อาหารสมุทยา กายสฺส สมุทโย, ผสฺสสมุทยา เวทนานํ สมุทโย (สํ. นิ. ๕.๔๐๘), สงฺขารปจฺจยา วิญฺญาณํ, วิญฺญาณปจฺจยา นามรูป’’นฺติ (สํ. นิ. ๑.๑, ๓๙; ม. นิ. ๓.๑๒๖; มหาว. ๑; อุทา. ๑; วิภ. ๒๒๕) วจนโต กายาทีนํ สมุทยภูตา กพฬีการาหารผสฺสมโนสเญฺจตนาวิญฺญาณาหารากายาทีนํ ปริชานเนน ปริญฺญาตา โหนฺติ ตปฺปฎิปกฺขปฺปหานโตติ ทเสฺสโนฺต ‘‘จตฺตาโร อาหารา’’ติอาทิมาหฯ สพฺพตฺถาติ ‘‘อุปาทาเนหิ อนุปาทาโน ภวตี’’ติ เอวมาทีสุฯ
Vipallāsāpahīyanti ujuvipaccanīkabhāvato. ‘‘Āhārasamudayā kāyassa samudayo, phassasamudayā vedanānaṃ samudayo (saṃ. ni. 5.408), saṅkhārapaccayā viññāṇaṃ, viññāṇapaccayā nāmarūpa’’nti (saṃ. ni. 1.1, 39; ma. ni. 3.126; mahāva. 1; udā. 1; vibha. 225) vacanato kāyādīnaṃ samudayabhūtā kabaḷīkārāhāraphassamanosañcetanāviññāṇāhārākāyādīnaṃ parijānanena pariññātā honti tappaṭipakkhappahānatoti dassento ‘‘cattāroāhārā’’tiādimāha. Sabbatthāti ‘‘upādānehi anupādāno bhavatī’’ti evamādīsu.
ตตฺถ ยสฺมา ปญฺจ กามคุณา สวิเสสา กาเย ลพฺภนฺตีติ วิเสเสน กาโย กามุปาทานสฺส วตฺถุ, สุขเวทนสฺสาทวเสน ปรโลกนิรเปโกฺข ‘‘นตฺถิ ทินฺน’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๑.๑๗๑; ม. นิ. ๑.๔๔๕; ๒.๙๔-๙๕, ๒๒๕; ๓.๙๑, ๑๑๖; สํ. นิ. ๓.๒๑๐; ธ. ส. ๑๒๒๑; วิภ. ๙๓๘) ปรามาสํ อุปฺปาเทตีติ ทิฎฺฐุปาทานสฺส เวทนา, จิเตฺต นิจฺจคฺคหณวเสน สสฺสตสฺส ‘‘อตฺตโน สีลาทิวเสน ปริสุทฺธปรามสนํ โหตี’’ติ สีลพฺพตุปาทานสฺส จิตฺตํ, นามรูปปริเจฺฉเทน ภูตํ ภูตโต อปสฺสนฺตสฺส ‘‘อตฺตาภินิเวโส โหตี’’ติ อตฺตวาทุปาทานสฺส ธมฺมา วตฺถุ, ตสฺมา ‘‘จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ ภาวิยมาเนสุ อุปาทาเนหิ อนุปาทาโน ภวตี’’ติ วุตฺตํฯ
Tattha yasmā pañca kāmaguṇā savisesā kāye labbhantīti visesena kāyo kāmupādānassa vatthu, sukhavedanassādavasena paralokanirapekkho ‘‘natthi dinna’’ntiādi (dī. ni. 1.171; ma. ni. 1.445; 2.94-95, 225; 3.91, 116; saṃ. ni. 3.210; dha. sa. 1221; vibha. 938) parāmāsaṃ uppādetīti diṭṭhupādānassa vedanā, citte niccaggahaṇavasena sassatassa ‘‘attano sīlādivasena parisuddhaparāmasanaṃ hotī’’ti sīlabbatupādānassa cittaṃ, nāmarūpaparicchedena bhūtaṃ bhūtato apassantassa ‘‘attābhiniveso hotī’’ti attavādupādānassa dhammā vatthu, tasmā ‘‘catūsu satipaṭṭhānesu bhāviyamānesu upādānehi anupādāno bhavatī’’ti vuttaṃ.
ยสฺมา ปน วุตฺตนเยเนว กาโย กามโยคสฺส วตฺถุ, ภเวสุ สุขคฺคหณวเสน ภวสฺสาโท โหตีติ ภวโยคสฺส เวทนา, สนฺตติฆนคฺคหณวเสน จิเตฺต อตฺตาภินิเวโส โหตีติ ทิฎฺฐิโยคสฺสจิตฺตํ, ธมฺมวินิโพฺภคสฺส ทุกฺกรตฺตา, ธมฺมานํ ธมฺมมตฺตตาย จ ทุปฺปฎิวิชฺฌตฺตา สโมฺมโห โหตีติ อวิชฺชาโยคสฺส ธมฺมา, วตฺถุ, ตสฺมา จตุสติปฎฺฐานภาวนาย เตสุ เตสํ ปหานสิทฺธิโต โยเคหิ วิสํยุตฺตตา วุตฺตาฯ เอเตเนว อาสเวหิ อนาสวตา, โอเฆหิ นิตฺติณฺณตา จ สํวณฺณิตา โหติ กามราคาทีนํ เอว กามโยคกามาสวกาโมฆาทิภาวโตฯ
Yasmā pana vuttanayeneva kāyo kāmayogassa vatthu, bhavesu sukhaggahaṇavasena bhavassādo hotīti bhavayogassa vedanā, santatighanaggahaṇavasena citte attābhiniveso hotīti diṭṭhiyogassacittaṃ, dhammavinibbhogassa dukkarattā, dhammānaṃ dhammamattatāya ca duppaṭivijjhattā sammoho hotīti avijjāyogassa dhammā, vatthu, tasmā catusatipaṭṭhānabhāvanāya tesu tesaṃ pahānasiddhito yogehi visaṃyuttatā vuttā. Eteneva āsavehi anāsavatā, oghehi nittiṇṇatā ca saṃvaṇṇitā hoti kāmarāgādīnaṃ eva kāmayogakāmāsavakāmoghādibhāvato.
วุตฺตนเยเนว กาโย อภิชฺฌากายคนฺถสฺส วตฺถุ, ‘‘ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย อนุเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขภูตา เวทนา วิเสเสน พฺยาปาทกายคนฺถสฺส วตฺถุ, จิเตฺต นิจฺจาภินิเวสวเสน สสฺสตสฺส ‘‘อตฺตโน สีเลน สุทฺธี’’ติอาทิปรามสนํ โหตีติ สีลพฺพตปรามาสสฺส จิตฺตํ วตฺถุ, สปฺปจฺจยนามรูปทสฺสนาภาวโต ภววิภวทิฎฺฐิสงฺขาโต อิทํสจฺจาภินิเวโส โหตีติ ตสฺส ธมฺมา วตฺถูติ จตุสติปฎฺฐานาติ โยเชตพฺพํฯ
Vuttanayeneva kāyo abhijjhākāyaganthassa vatthu, ‘‘dukkhāya vedanāya paṭighānusayo anusetī’’ti (ma. ni. 1.465) dukkhadukkhavipariṇāmadukkhasaṅkhāradukkhabhūtā vedanā visesena byāpādakāyaganthassa vatthu, citte niccābhinivesavasena sassatassa ‘‘attano sīlena suddhī’’tiādiparāmasanaṃ hotīti sīlabbataparāmāsassa cittaṃ vatthu, sappaccayanāmarūpadassanābhāvato bhavavibhavadiṭṭhisaṅkhāto idaṃsaccābhiniveso hotīti tassa dhammā vatthūti catusatipaṭṭhānāti yojetabbaṃ.
วุตฺตนเยเนว วิเสสโต กาโย ราคสลฺลสฺส วตฺถุ, เวทนา โทสสลฺลสฺส, ‘‘จิตฺตํ นิจฺจคฺคหณวเสน อตฺตาภินิเวสํ อตฺตานํ เสยฺยาทิโต ทหตี’’ติ จิตฺตํ มานสลฺลสฺส, วุตฺตนเยเนว ธมฺมา โมหสลฺลสฺส วตฺถูติ จตุสติปฎฺฐานาติ โยเชตพฺพํฯ
Vuttanayeneva visesato kāyo rāgasallassa vatthu, vedanā dosasallassa, ‘‘cittaṃ niccaggahaṇavasena attābhinivesaṃ attānaṃ seyyādito dahatī’’ti cittaṃ mānasallassa, vuttanayeneva dhammā mohasallassa vatthūti catusatipaṭṭhānāti yojetabbaṃ.
ยสฺมา ปน กายานุปสฺสนาทีหิ กายเวทนาจิตฺตธเมฺมสุ ปริญฺญาเตสุ รูปเวทนาสญฺญาสงฺขารกฺขนฺธา ปริญฺญาตา โหนฺติ, จิเตฺต หิ ปริญฺญาเต สญฺญาปิ ปริญฺญาตาว โหติ, ตสฺมา ‘‘วิญฺญาณฎฺฐิติโย จสฺส ปริญฺญํ คจฺฉนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ
Yasmā pana kāyānupassanādīhi kāyavedanācittadhammesu pariññātesu rūpavedanāsaññāsaṅkhārakkhandhā pariññātā honti, citte hi pariññāte saññāpi pariññātāva hoti, tasmā ‘‘viññāṇaṭṭhitiyo cassa pariññaṃ gacchantī’’ti vuttaṃ.
ตถา วิเสสโต กาเย สาเปกฺขา ฉนฺทาคติํ คจฺฉตีติ กาโย ฉนฺทาคติยา วตฺถุ, วุตฺตนเยเนว เวทนา พฺยาปาทสฺส นิมิตฺตนฺติ สา โทสาคติยา วตฺถุ, สนฺตติฆนคฺคหณวเสน สราคาทิจิเตฺต สโมฺมโห โหตีติ โมหาคติยา จิตฺตํ, ธมฺมสภาวานวโพเธน ภยํ โหตีติ ภยาคติยา ธมฺมา วตฺถูติ จตุสติปฎฺฐานภาวนาย อคติคมนปฺปหานํ โหตีติ อาห ‘‘อคติคมเนหิ จ น อคติํ คจฺฉตี’’ติฯ
Tathā visesato kāye sāpekkhā chandāgatiṃ gacchatīti kāyo chandāgatiyā vatthu, vuttanayeneva vedanā byāpādassa nimittanti sā dosāgatiyā vatthu, santatighanaggahaṇavasena sarāgādicitte sammoho hotīti mohāgatiyā cittaṃ, dhammasabhāvānavabodhena bhayaṃ hotīti bhayāgatiyā dhammā vatthūti catusatipaṭṭhānabhāvanāya agatigamanappahānaṃ hotīti āha ‘‘agatigamanehi ca na agatiṃ gacchatī’’ti.
‘‘อกุสลสฺส โสมนสฺสสฺส วเสนา’’ติ อิทํ ‘‘อยมฺปิ อโตฺถ สมฺภวตี’’ติ กตฺวา วุตฺตํฯ ‘‘สุขาย เวทนาย ราคานุสโย อนุเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕) ปน วจนโต สุขเวทนาคฺคหเณน ตตฺถานุสยเนน สมุทยสจฺจํ เทสิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ เทสิตํ ทุกฺขํ อริยสจฺจนฺติ ทุกฺขทุกฺขคฺคหเณน สาติสยํ ทุกฺขํ อริยสจฺจํ ปกาสิตํ โหตีติ ปาฬิยํ ‘‘ทุกฺขํ อริยสจฺจํ เทสิต’’นฺติ วุตฺตํฯ สหจรณาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ เหฎฺฐา นิเทฺทสวารวณฺณนายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๕ อาทโย) วุตฺตํฯ
‘‘Akusalassa somanassassa vasenā’’ti idaṃ ‘‘ayampi attho sambhavatī’’ti katvā vuttaṃ. ‘‘Sukhāya vedanāya rāgānusayo anusetī’’ti (ma. ni. 1.465) pana vacanato sukhavedanāggahaṇena tatthānusayanena samudayasaccaṃ desitanti veditabbaṃ. Desitaṃ dukkhaṃ ariyasaccanti dukkhadukkhaggahaṇena sātisayaṃ dukkhaṃ ariyasaccaṃ pakāsitaṃ hotīti pāḷiyaṃ ‘‘dukkhaṃ ariyasaccaṃ desita’’nti vuttaṃ. Sahacaraṇādīsu yaṃ vattabbaṃ, taṃ heṭṭhā niddesavāravaṇṇanāyaṃ (netti. aṭṭha. 5 ādayo) vuttaṃ.
ลกฺขณหารวิภงฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Lakkhaṇahāravibhaṅgavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๕. ลกฺขณหารวิภโงฺค • 5. Lakkhaṇahāravibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๕. ลกฺขณหารวิภงฺควณฺณนา • 5. Lakkhaṇahāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๕. ลกฺขณหารวิภงฺควิภาวนา • 5. Lakkhaṇahāravibhaṅgavibhāvanā