Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī |
๕. ลกฺขณหารวิภงฺควิภาวนา
5. Lakkhaṇahāravibhaṅgavibhāvanā
๒๓. เยน เยน สํวณฺณนาวิเสสภูเตน ปทฎฺฐานวิภเงฺคน อวิชฺชาทีนํ ปทฎฺฐานานิ วิภตฺตานิ, โส สํวณฺณนาวิเสสภูโต ปทฎฺฐานหารวิภโงฺค ปริปุโณฺณ, ‘‘กตโม ลกฺขณหารวิภโงฺค’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘ตตฺถ กตโม ลกฺขโณ หาโร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตตฺถ-สทฺทสฺส อโตฺถ วุโตฺตวฯ กตโม สํวณฺณนาวิเสโส ลกฺขโณ หาโร ลกฺขณหารวิภโงฺคติ ปุจฺฉติฯ ‘‘วุตฺตมฺหิ เอกธเมฺม’’ติอาทินิเทฺทสสฺส อิทานิ มยา วุจฺจมาโน ‘‘เย ธมฺมา’’ติอาทิโก วิตฺถารสํวณฺณนาวิเสโส ลกฺขโณ หาโร ลกฺขณหารวิภโงฺค นามาติ วิเญฺญโยฺยติฯ เตน วุตฺตํ –‘‘ตตฺถ กตโม ลกฺขโณ หาโรติอาทิ ลกฺขณหารวิภโงฺค นามา’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๓)ฯ อยํ อิทานิ วุจฺจมาโน วิตฺถารภูโต ลกฺขโณ หาโร ปิฎกตฺตเย เทสิเตสุ ธเมฺมสุ กิํ นาม ลกฺขิตพฺพํ ธมฺมํ ลกฺขียตีติ ปุจฺฉิตฺวา ปุจฺฉิเต ลกฺขณหารวิจเย ธเมฺม สเงฺขเปน ทเสฺสตุํ ‘‘เย ธมฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เย ธมฺมาติ เย สมูหา ธมฺมาฯ เอกลกฺขณาติ สมานลกฺขณาฯ เตสํ ธมฺมานนฺติ สมานลกฺขณานํ เตสํ สมูหธมฺมานํ, นิทฺธารเณ เจตํฯ เอกสฺมิํ ธเมฺมติ สมานลกฺขเณ เอกสฺมิํ ธเมฺม, ปาฬิยํ ภควตา วุเตฺต สติ วุตฺตธมฺมโต อวสิฎฺฐสมานลกฺขณา ธมฺมา สมานลกฺขเณน วุตฺตา ภวนฺตีติ อโตฺถฯ
23. Yena yena saṃvaṇṇanāvisesabhūtena padaṭṭhānavibhaṅgena avijjādīnaṃ padaṭṭhānāni vibhattāni, so saṃvaṇṇanāvisesabhūto padaṭṭhānahāravibhaṅgo paripuṇṇo, ‘‘katamo lakkhaṇahāravibhaṅgo’’ti pucchitabbattā ‘‘tattha katamo lakkhaṇo hāro’’tiādi vuttaṃ. Tattha tattha-saddassa attho vuttova. Katamo saṃvaṇṇanāviseso lakkhaṇo hāro lakkhaṇahāravibhaṅgoti pucchati. ‘‘Vuttamhi ekadhamme’’tiādiniddesassa idāni mayā vuccamāno ‘‘ye dhammā’’tiādiko vitthārasaṃvaṇṇanāviseso lakkhaṇo hāro lakkhaṇahāravibhaṅgo nāmāti viññeyyoti. Tena vuttaṃ –‘‘tattha katamo lakkhaṇo hārotiādi lakkhaṇahāravibhaṅgo nāmā’’ti (netti. aṭṭha. 23). Ayaṃ idāni vuccamāno vitthārabhūto lakkhaṇo hāro piṭakattaye desitesu dhammesu kiṃ nāma lakkhitabbaṃ dhammaṃ lakkhīyatīti pucchitvā pucchite lakkhaṇahāravicaye dhamme saṅkhepena dassetuṃ ‘‘ye dhammā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ye dhammāti ye samūhā dhammā. Ekalakkhaṇāti samānalakkhaṇā. Tesaṃ dhammānanti samānalakkhaṇānaṃ tesaṃ samūhadhammānaṃ, niddhāraṇe cetaṃ. Ekasmiṃ dhammeti samānalakkhaṇe ekasmiṃ dhamme, pāḷiyaṃ bhagavatā vutte sati vuttadhammato avasiṭṭhasamānalakkhaṇā dhammā samānalakkhaṇena vuttā bhavantīti attho.
ลกฺขณหารวิสเย ธเมฺม วิตฺถารโต อิมสฺมิํ ธเมฺม วุเตฺต อิเม สมานลกฺขณา ธมฺมาปิ วุตฺตา ภวนฺตีติ นิยเมตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา กิํ ภเว’’ติอาทิมาหฯ ตสฺสโตฺถ – ยถา เยน ปกาเรน วุตฺตา ภวนฺติ, โส ปกาโร กิํ ภเวติ ปุจฺฉติฯ ยถา เยน ปกาเรน วุตฺตา ภวนฺติ, โส ปกาโร สมานลกฺขณาติ ภาโว ภเวติ อโตฺถฯ กินฺติ ภควา อาห? ‘‘จกฺขุํ ภิกฺขเว’’ติอาทิํ ภควา อาหฯ ‘‘จกฺขุํ, ภิกฺขเว, อนวฎฺฐิต’’นฺติอาทิมฺหิ วุเตฺต ‘‘โสตํ, ภิกฺขเว, อนวฎฺฐิต’’นฺติอาทิวจนมฺปิ วุตฺตเมว ภวติฯ
Lakkhaṇahāravisaye dhamme vitthārato imasmiṃ dhamme vutte ime samānalakkhaṇā dhammāpi vuttā bhavantīti niyametvā dassetuṃ ‘‘yathā kiṃ bhave’’tiādimāha. Tassattho – yathā yena pakārena vuttā bhavanti, so pakāro kiṃ bhaveti pucchati. Yathā yena pakārena vuttā bhavanti, so pakāro samānalakkhaṇāti bhāvo bhaveti attho. Kinti bhagavā āha? ‘‘Cakkhuṃ bhikkhave’’tiādiṃ bhagavā āha. ‘‘Cakkhuṃ, bhikkhave, anavaṭṭhita’’ntiādimhi vutte ‘‘sotaṃ, bhikkhave, anavaṭṭhita’’ntiādivacanampi vuttameva bhavati.
‘‘อนวฎฺฐิตาทิลกฺขเณน สมานลกฺขณตฺตา วา อชฺฌตฺติกายตนภาเวน สมานลกฺขณตฺตา วาติ อายตนวเสเนว เอกลกฺขณํ วตฺตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ขนฺธวเสนปิ เอกลกฺขณํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา จาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘อตีเต, ราธ, รูเป อนเปโกฺข โหติ, อนาคตํ รูปํ มา อภินนฺทิ , ปจฺจุปฺปนฺนสฺส รูปสฺส นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย จาคาย ปฎินิสฺสคฺคาย ปฎิปชฺชา’’ติ วุเตฺต ‘‘อตีตาย, ราธ, เวทนาย อนเปโกฺข โหติ, อนาคตํ เวทนํ มา อภินนฺทิ, ปจฺจุปฺปนฺนาย เวทนาย นิพฺพิทาย วิราคาย นิโรธาย จาคาย ปฎินิสฺสคฺคาย ปฎิปชฺชา’’ติอาทิ วุตฺตํ ภเวฯ
‘‘Anavaṭṭhitādilakkhaṇena samānalakkhaṇattā vā ajjhattikāyatanabhāvena samānalakkhaṇattā vāti āyatanavaseneva ekalakkhaṇaṃ vattabba’’nti vattabbattā khandhavasenapi ekalakkhaṇaṃ dassetuṃ ‘‘yathā cāhā’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Atīte, rādha, rūpe anapekkho hoti, anāgataṃ rūpaṃ mā abhinandi , paccuppannassa rūpassa nibbidāya virāgāya nirodhāya cāgāya paṭinissaggāya paṭipajjā’’ti vutte ‘‘atītāya, rādha, vedanāya anapekkho hoti, anāgataṃ vedanaṃ mā abhinandi, paccuppannāya vedanāya nibbidāya virāgāya nirodhāya cāgāya paṭinissaggāya paṭipajjā’’tiādi vuttaṃ bhave.
‘‘อนเปกฺขนียลกฺขเณน สมานลกฺขณตฺตา วา ขนฺธลกฺขเณน สมานลกฺขณตฺตา วาติ ขนฺธายตนวเสเนว เอกลกฺขณธมฺมา วตฺตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา สติปฎฺฐานวเสนาปิ วตฺตพฺพาติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถาหา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยถา เยน เอกลกฺขณเตฺตน จ ภควา อาห, ตถา จ เตน เอกลกฺขณเตฺตน จ อวุตฺตาปิ ธมฺมา วุตฺตา ภวนฺตีติ อโตฺถฯ เย วิปสฺสกา ปุคฺคลา ปญฺจสุ ขเนฺธสุ นิจฺจํ สุสมารทฺธา นิจฺจํ กายคตาสติํ ภาเวนฺติ, เต วิปสฺสกา อกิจฺจํ สุภสุขาทิกํ, กสิวาณิชฺชาทิกมฺมํ วา น เสวนฺติ, กิเจฺจ อสุภาสุขาทิเก, กายาทิเก วา สาตจฺจการิโน โหนฺตีติ ภควา อาหาติ โยชนาฯ
‘‘Anapekkhanīyalakkhaṇena samānalakkhaṇattā vā khandhalakkhaṇena samānalakkhaṇattā vāti khandhāyatanavaseneva ekalakkhaṇadhammā vattabbā’’ti vattabbattā satipaṭṭhānavasenāpi vattabbāti dassetuṃ ‘‘yathāhā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yathā yena ekalakkhaṇattena ca bhagavā āha, tathā ca tena ekalakkhaṇattena ca avuttāpi dhammā vuttā bhavantīti attho. Ye vipassakā puggalā pañcasu khandhesu niccaṃ susamāraddhā niccaṃ kāyagatāsatiṃ bhāventi, te vipassakā akiccaṃ subhasukhādikaṃ, kasivāṇijjādikammaṃ vā na sevanti, kicce asubhāsukhādike, kāyādike vā sātaccakārino hontīti bhagavā āhāti yojanā.
อิติสทฺทสฺส เจตฺถ เอกสฺส โลโปฯ อิติ เอวํ ‘‘เยสญฺจา’’ติอาทิคาถาย เกสาทิเก กาเย คตาย ปวตฺตาย สติยา ภควตา สรูเปน วุตฺตาย วิชฺชมานาย ตทวเสสา เวทนาคตา สติ จ จิตฺตคตา สติ จ ธมฺมคตา สติ จ สติปฎฺฐานภาเวน เอกลกฺขณเตฺตน วุตฺตา ภวนฺตีติ สเงฺขปโต นิจฺจํ สุสมารทฺธา นิจฺจํ เวทนาคตา สติ จ…เป.… นิจฺจํ จิตฺตคตา สติ จ…เป.… นิจฺจํ ธมฺมคตา สตีติ วตฺตพฺพาติฯ
Itisaddassa cettha ekassa lopo. Iti evaṃ ‘‘yesañcā’’tiādigāthāya kesādike kāye gatāya pavattāya satiyā bhagavatā sarūpena vuttāya vijjamānāya tadavasesā vedanāgatā sati ca cittagatā sati ca dhammagatā sati ca satipaṭṭhānabhāvena ekalakkhaṇattena vuttā bhavantīti saṅkhepato niccaṃ susamāraddhā niccaṃ vedanāgatā sati ca…pe… niccaṃ cittagatā sati ca…pe… niccaṃ dhammagatā satīti vattabbāti.
‘‘สติปฎฺฐานวเสเนว เอกลกฺขณา ธมฺมา วตฺตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘ตถา ยํ กิญฺจี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยํ กิญฺจิ รูปายตนํ จกฺขุวิญฺญาเณน ทิฎฺฐํ, ยํ กิญฺจิ สทฺทายตนํ โสตวิญฺญาเณน สุตํ, ยํ กิญฺจิ คนฺธรสโผฎฺฐพฺพายตนํ ฆานวิญฺญาณาทิตฺตเยน วิญฺญาเณน มุตํ, อิติ เอวํ ทิฎฺฐาทิตฺตเย ภควตา สรูเปน วุเตฺต สติ ตทวเสสํ ยํ กิญฺจิ วิญฺญาตํ ธมฺมารมฺมณปริยาปนฺนํ รูปํ ภควตา อาลมฺพิตพฺพภาเวน เอกลกฺขณตฺตา วุตฺตํ ภวตีติ อโตฺถฯ อถ วา ยํ กิญฺจิ รูปายตนํ ทิฎฺฐํ ภควตา วุตฺตํ, ตสฺมิํ วุเตฺต สติ ตทวเสสํ สุตาทิกมฺปิ วุตฺตํ โหตีติ อาทิอโตฺถ วิสุํ วิสุํ โยเชตโพฺพฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ทิฎฺฐํ วา สุตํ วา มุตํ วา’’ติฯ
‘‘Satipaṭṭhānavaseneva ekalakkhaṇā dhammā vattabbā’’ti vattabbattā ‘‘tathā yaṃ kiñcī’’tiādi vuttaṃ. Tattha yaṃ kiñci rūpāyatanaṃ cakkhuviññāṇena diṭṭhaṃ, yaṃ kiñci saddāyatanaṃ sotaviññāṇena sutaṃ, yaṃ kiñci gandharasaphoṭṭhabbāyatanaṃ ghānaviññāṇādittayena viññāṇena mutaṃ, iti evaṃ diṭṭhādittaye bhagavatā sarūpena vutte sati tadavasesaṃ yaṃ kiñci viññātaṃ dhammārammaṇapariyāpannaṃ rūpaṃ bhagavatā ālambitabbabhāvena ekalakkhaṇattā vuttaṃ bhavatīti attho. Atha vā yaṃ kiñci rūpāyatanaṃ diṭṭhaṃ bhagavatā vuttaṃ, tasmiṃ vutte sati tadavasesaṃ sutādikampi vuttaṃ hotīti ādiattho visuṃ visuṃ yojetabbo. Tena vuttaṃ – ‘‘diṭṭhaṃ vā sutaṃ vā mutaṃ vā’’ti.
‘‘กายคตาย สติยา วุตฺตาย ตทวเสสา เวทนาคตาสติอาทโยเยว วตฺตพฺพา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา สตฺตติํสโพธิปกฺขิยธมฺมาปิ วุตฺตา ภวนฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา จาห ภควา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยถา เยน นิยฺยานิกลกฺขเณน เอกลกฺขณเตฺตน จ ภควา อาห, ตถา เตน เอกลกฺขณเตฺตน จ ภควา อาห, ตถา เตน เอกลกฺขณเตฺตน จ วุตฺตา ภวนฺตีติ อโตฺถฯ ‘‘ตสฺมา อภิชฺฌาโทมนเสฺสน อภิภูตตฺตา อิห มม สาสเน, ภิกฺขุ, ตฺวํ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา หุตฺวา โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ ตทงฺคปฺปหาเนน วา วิกฺขมฺภนปฺปหาเนน วา วิเนยฺย วินยิตฺวา กาเย เกสาทิรูปกาเย กายานุปสฺสี เกสาทิรูปกายานุปสฺสี หุตฺวา วิหราหี’’ติ ภควตา วุเตฺต สติ ‘‘ตสฺมาติห, ตฺวํ ภิกฺขุ, เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหราหิ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ, ตสฺมาติห, ตฺวํ ภิกฺขุ, จิเตฺต จิตฺตานุปสฺสี วิหราหิ…เป.… โทมนสฺสํ, ตสฺมาติห, ตฺวํ ภิกฺขุ, ธเมฺมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหราหิ…เป.… โทมนสฺส’’นฺติ วุตฺตํ ภวตีติ สเงฺขปโตฺถ เวทิตโพฺพฯ วิตฺถารโตฺถ ปน อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๓) พหุธา วุโตฺตติ อเมฺหหิ น วิตฺถาริโตฯ
‘‘Kāyagatāya satiyā vuttāya tadavasesā vedanāgatāsatiādayoyeva vattabbā’’ti pucchitabbattā sattatiṃsabodhipakkhiyadhammāpi vuttā bhavantīti dassetuṃ ‘‘yathā cāha bhagavā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yathā yena niyyānikalakkhaṇena ekalakkhaṇattena ca bhagavā āha, tathā tena ekalakkhaṇattena ca bhagavā āha, tathā tena ekalakkhaṇattena ca vuttā bhavantīti attho. ‘‘Tasmā abhijjhādomanassena abhibhūtattā iha mama sāsane, bhikkhu, tvaṃ ātāpī sampajāno satimā hutvā loke abhijjhādomanassaṃ tadaṅgappahānena vā vikkhambhanappahānena vā vineyya vinayitvā kāye kesādirūpakāye kāyānupassī kesādirūpakāyānupassī hutvā viharāhī’’ti bhagavatā vutte sati ‘‘tasmātiha, tvaṃ bhikkhu, vedanāsu vedanānupassī viharāhi ātāpī sampajāno satimā vineyya loke abhijjhādomanassaṃ, tasmātiha, tvaṃ bhikkhu, citte cittānupassī viharāhi…pe… domanassaṃ, tasmātiha, tvaṃ bhikkhu, dhammesu dhammānupassī viharāhi…pe… domanassa’’nti vuttaṃ bhavatīti saṅkhepattho veditabbo. Vitthārattho pana aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 23) bahudhā vuttoti amhehi na vitthārito.
‘‘เอกสฺมิํ สติปฎฺฐาเน วุเตฺต กสฺมา จตฺตาโร สติปฎฺฐานา วุตฺตา ภเวยฺยุ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘อาตาปีติ วีริยินฺทฺริย’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘‘อาตาปี’’ติ อิมินา ปเทน กายเวทนาจิตฺตธเมฺมสุ ปวตฺตํ วีริยินฺทฺริยํ วุตฺตํฯ ‘‘สมฺปชาโน’’ติ ปเทน กายเวทนาจิตฺตธเมฺมสุ ปวตฺตํ ปญฺญินฺทฺริยํ วุตฺตํฯ ‘‘สติมา’’ติ ปเทน กายเวทนาจิตฺตธเมฺมสุ ปวตฺตํ สตินฺทฺริยํ วุตฺตํฯ ‘‘วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺส’’นฺติ ปเทน กายเวทนาจิตฺตธเมฺมสุ ปวตฺตํ สมาธินฺทฺริยํ วุตฺตํ, น กาเยเยว ปวตฺตํฯ เอวํ ปกาเรน กาเย กายานุปสฺสิโน โยคาวจรสฺส จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺตีติ เจ วเทยฺย, เอวํ สติ จตุนฺนํ วีริยปญฺญาสติสมาธีนํ อินฺทฺริยานํ จตุนฺนํ สติปฎฺฐานานํ สาธกภาเวน เอกลกฺขณตฺตา สมานลกฺขณตฺตา ปาริปูริํ คจฺฉนฺตีติ โยชนาฯ เตน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ – ‘‘จตุสติปฎฺฐานสาธเน อิเมสํ อินฺทฺริยานํ สภาวเภทาภาวโต สมานลกฺขณตฺตา’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒๓)ฯ
‘‘Ekasmiṃ satipaṭṭhāne vutte kasmā cattāro satipaṭṭhānā vuttā bhaveyyu’’nti vattabbattā ‘‘ātāpīti vīriyindriya’’ntiādi vuttaṃ. Tattha ‘‘ātāpī’’ti iminā padena kāyavedanācittadhammesu pavattaṃ vīriyindriyaṃ vuttaṃ. ‘‘Sampajāno’’ti padena kāyavedanācittadhammesu pavattaṃ paññindriyaṃ vuttaṃ. ‘‘Satimā’’ti padena kāyavedanācittadhammesu pavattaṃ satindriyaṃ vuttaṃ. ‘‘Vineyya loke abhijjhādomanassa’’nti padena kāyavedanācittadhammesu pavattaṃ samādhindriyaṃ vuttaṃ, na kāyeyeva pavattaṃ. Evaṃ pakārena kāye kāyānupassino yogāvacarassa cattāro satipaṭṭhānā bhāvanāpāripūriṃ gacchantīti ce vadeyya, evaṃ sati catunnaṃ vīriyapaññāsatisamādhīnaṃ indriyānaṃ catunnaṃ satipaṭṭhānānaṃ sādhakabhāvena ekalakkhaṇattā samānalakkhaṇattā pāripūriṃ gacchantīti yojanā. Tena vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ – ‘‘catusatipaṭṭhānasādhane imesaṃ indriyānaṃ sabhāvabhedābhāvato samānalakkhaṇattā’’ti (netti. aṭṭha. 23).
๒๔. ‘‘เอวํ วุเตฺตปิ จตฺตาโร สติปฎฺฐานาเยว วตฺตพฺพา ภเวยฺยุํ, กถํ สตฺตติํสโพธิปกฺขิยธมฺมา วตฺตพฺพา’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘จตูสุ สติปฎฺฐาเนสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ เยน โยคาวจเรน ภาวิยมาเนสุ ตสฺส โยคาวจรสฺส จตฺตาโร สมฺมปฺปธานา ภาวนาปาริปูริํ คจฺฉนฺติฯ เอวํ เสเสสุปิ โยชนา กาตพฺพาฯ จตุนฺนํ สจฺจานํ พุชฺฌนํ โพธํ, อริยมคฺคญาณํ, โพธํ คจฺฉนฺตีติ โพธงฺคมาฯ โพธสฺส อริยมคฺคญาณสฺส ปเกฺข ภวาติ โพธิปกฺขิยาฯ
24. ‘‘Evaṃ vuttepi cattāro satipaṭṭhānāyeva vattabbā bhaveyyuṃ, kathaṃ sattatiṃsabodhipakkhiyadhammā vattabbā’’ti vattabbattā ‘‘catūsu satipaṭṭhānesū’’tiādi vuttaṃ. Tattha catūsu satipaṭṭhānesu yena yogāvacarena bhāviyamānesu tassa yogāvacarassa cattāro sammappadhānā bhāvanāpāripūriṃ gacchanti. Evaṃ sesesupi yojanā kātabbā. Catunnaṃ saccānaṃ bujjhanaṃ bodhaṃ, ariyamaggañāṇaṃ, bodhaṃ gacchantīti bodhaṅgamā. Bodhassa ariyamaggañāṇassa pakkhe bhavāti bodhipakkhiyā.
‘‘กุสลาเยว ธมฺมา เอกลกฺขณภาเวน นีหริตา กิํ, อุทาหุ อกุสลาปิ ธมฺมา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘เอวํ อกุสลาปี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ กุสลา ธมฺมา เอกลกฺขณเตฺตน นิทฺธาริตา ยถา, เอวํ อกุสลาปิ ธมฺมา เอกลกฺขณเตฺตน นิทฺธาริตพฺพาเยวาติ อโตฺถฯ ‘‘กถํ นิทฺธาเรตพฺพา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ปหาเนกฎฺฐภาเวน นิทฺธาเรตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอกลกฺขณตฺตา ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺตี’’ติ อาหฯ ตตฺถ เอกลกฺขณตฺตาติ ปหาเนกฎฺฐภาเวน สมานลกฺขณตฺตาฯ ‘‘กตมํ ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ‘‘จตูสุ สติปฎฺฐาเนสู’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
‘‘Kusalāyeva dhammā ekalakkhaṇabhāvena nīharitā kiṃ, udāhu akusalāpi dhammā’’ti pucchitabbattā ‘‘evaṃ akusalāpī’’tiādi vuttaṃ. Tattha kusalā dhammā ekalakkhaṇattena niddhāritā yathā, evaṃ akusalāpi dhammā ekalakkhaṇattena niddhāritabbāyevāti attho. ‘‘Kathaṃ niddhāretabbā’’ti pucchitabbattā pahānekaṭṭhabhāvena niddhāretabbāti dassento ‘‘ekalakkhaṇattā pahānaṃ abbhatthaṃ gacchantī’’ti āha. Tattha ekalakkhaṇattāti pahānekaṭṭhabhāvena samānalakkhaṇattā. ‘‘Katamaṃ pahānaṃ abbhatthaṃ gacchantī’’ti pucchitabbattā ‘‘catūsu satipaṭṭhānesū’’tiādi vuttaṃ.
ตตฺถ จตูสุ…เป.… ปริญฺญํ คจฺฉนฺตีติ กายาคตาสติปฎฺฐาเน โยคาวจเรน ภาวิยมาเน สติ เตน โยคาวจเรน อสุเภ เกสาทิเก รูปกาเย ‘‘สุภ’’นฺติ วิปลฺลาโส ปหียติ, อสฺส โยคาวจรสฺส กพฬีการาหาโร ปริญฺญํ คจฺฉติ, ‘‘อาหารสมุทยา รูปสมุทโย’’ติ (สํ. นิ. ๓.๕๖) วุตฺตตฺตา รูปกาเย ฉนฺทราคํ ปชหนฺตสฺส ตสฺส สมุทเย กพฬีการาหาเรปิ ฉนฺทราโค ปหียตีติ อโตฺถฯ เวทนาคตาสติปฎฺฐาเน ภาวิยมาเน สติ ทุเกฺข ‘‘สุข’’นฺติ วิปลฺลาโส ปหียติ, อสฺส โยคาวจรสฺส ผสฺสาหาโร ปริญฺญํ คจฺฉติ, ‘‘ผสฺสปจฺจยา เวทนา’’ติ (ม. นิ. ๓.๑๒๖; สํ. นิ. ๒.๑, ๓๙; มหาว. ๑; อุทา. ๑; วิภ. ๒๒๕) วุตฺตตฺตา เวทนาย ฉนฺทราคํ ปชหนฺตสฺส ตสฺส ปจฺจเย ผสฺสาหาเร ฉนฺทราโค ปหียติฯ จิตฺตคตาสติปฎฺฐาเน ภาวิยมาเน อนิเจฺจ ‘‘นิจฺจ’’นฺติ วิปลฺลาโส ปหียติ, อสฺส โยคาวจรสฺส วิญฺญาณาหาโร ปริญฺญํ คจฺฉติฯ ธมฺมคตาสติปฎฺฐาเน ภาวิยมาเน อนตฺตนิ ‘‘อตฺตา’’ติ วิปลฺลาโส ปหียติ, อสฺส โยคาวจรสฺส มโนสเญฺจตนาหาโร ปริญฺญํ คจฺฉตีติ วิสุํ วิสุํ โยเชตฺวา เอเกกสฺมิํ ปหาตเพฺพ วุเตฺต ตทวเสสา ปหาตพฺพา วุตฺตา ภวนฺติ ปหาตพฺพภาเวน เอกลกฺขณตฺตาติ อโตฺถ คเหตโพฺพฯ
Tattha catūsu…pe… pariññaṃ gacchantīti kāyāgatāsatipaṭṭhāne yogāvacarena bhāviyamāne sati tena yogāvacarena asubhe kesādike rūpakāye ‘‘subha’’nti vipallāso pahīyati, assa yogāvacarassa kabaḷīkārāhāro pariññaṃ gacchati, ‘‘āhārasamudayā rūpasamudayo’’ti (saṃ. ni. 3.56) vuttattā rūpakāye chandarāgaṃ pajahantassa tassa samudaye kabaḷīkārāhārepi chandarāgo pahīyatīti attho. Vedanāgatāsatipaṭṭhāne bhāviyamāne sati dukkhe ‘‘sukha’’nti vipallāso pahīyati, assa yogāvacarassa phassāhāro pariññaṃ gacchati, ‘‘phassapaccayā vedanā’’ti (ma. ni. 3.126; saṃ. ni. 2.1, 39; mahāva. 1; udā. 1; vibha. 225) vuttattā vedanāya chandarāgaṃ pajahantassa tassa paccaye phassāhāre chandarāgo pahīyati. Cittagatāsatipaṭṭhāne bhāviyamāne anicce ‘‘nicca’’nti vipallāso pahīyati, assa yogāvacarassa viññāṇāhāro pariññaṃ gacchati. Dhammagatāsatipaṭṭhāne bhāviyamāne anattani ‘‘attā’’ti vipallāso pahīyati, assa yogāvacarassa manosañcetanāhāro pariññaṃ gacchatīti visuṃ visuṃ yojetvā ekekasmiṃ pahātabbe vutte tadavasesā pahātabbā vuttā bhavanti pahātabbabhāvena ekalakkhaṇattāti attho gahetabbo.
‘‘อาหารา จสฺส ปริญฺญํ คจฺฉนฺตี’’ติ วจเน อาหาเรสุ ปวตฺตา กามราคโทสโมหา พฺยนฺตีกตา โหนฺตีติ อโตฺถ คหิโตฯ กพฬีการาหารญฺหิ อารพฺภ ปวเตฺต กามราเค วิชฺชมาเน กพฬีการาหารสฺส วิชานนา นเตฺถว, ตสฺมิํ กามราเค ปน ปหีเน ปริชานนา ภวตีติฯ เสสาหารชานนมฺปิ เอเสว นโยฯ ยสฺส โยคาวจรสฺส สติปฎฺฐานา ภาวิตา, วิปลฺลาสา ปหีนา, อาหารปริชานนา อุปฺปนฺนา, โส โยคาวจโร อุปาทาเนหิ อนุปาทาโน ภวติฯ สุภสญฺญิเต หิ กาเย กามุปาทานํ วิเสเสน ภวตีติ สุภสญฺญิโต กาโย กามุปาทานสฺส วตฺถุ, กายคตาย สติยา อนุสริตโพฺพ อสุภสญฺญิโต เกสาทิ กามุปาทานสฺส วตฺถุ น โหเตฺววฯ สุขเวทนาย อสฺสาทวเสน ทิฎฺฐุปาทานํ ภวตีติ สุขสญฺญิตา เวทนา ทิฎฺฐุปาทานสฺส วตฺถุ, เวทนาคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตพฺพา เวทนา ทิฎฺฐุปาทานสฺส วตฺถุ น โหเตฺววฯ ‘‘จิตฺตํ นิจฺจ’’นฺติ ทิฎฺฐิคหณวเสน ตสฺส ตสฺส อตฺตโน สีลวตวเสน ปริสุทฺธีติ ปรามสนํ โหตีติ จิตฺตํ สีลพฺพตุปาทานสฺส วตฺถุ, จิตฺตคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตพฺพํ จิตฺตํ สีลพฺพตุปาทานสฺส วตฺถุ น โหเตฺววฯ ธเมฺม นามรูปปริเจฺฉเทน ยถาภูตํ อปสฺสนฺตสฺส ธเมฺมสุ อตฺตาภินิเวโส โหตีติ ธมฺมา อตฺตวาทุปาทานสฺส วตฺถุ, ธมฺมคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตพฺพา ธมฺมา อตฺตวาทุปาทานสฺส วตฺถุ น โหนฺติ เอวฯ ตสฺมา จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ ภาวิยมาเนสุ อุปาทาเนหิ อนุปาทาโน ภวตีติ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโย คเหตโพฺพฯ
‘‘Āhārā cassa pariññaṃ gacchantī’’ti vacane āhāresu pavattā kāmarāgadosamohā byantīkatā hontīti attho gahito. Kabaḷīkārāhārañhi ārabbha pavatte kāmarāge vijjamāne kabaḷīkārāhārassa vijānanā nattheva, tasmiṃ kāmarāge pana pahīne parijānanā bhavatīti. Sesāhārajānanampi eseva nayo. Yassa yogāvacarassa satipaṭṭhānā bhāvitā, vipallāsā pahīnā, āhāraparijānanā uppannā, so yogāvacaro upādānehi anupādāno bhavati. Subhasaññite hi kāye kāmupādānaṃ visesena bhavatīti subhasaññito kāyo kāmupādānassa vatthu, kāyagatāya satiyā anusaritabbo asubhasaññito kesādi kāmupādānassa vatthu na hotveva. Sukhavedanāya assādavasena diṭṭhupādānaṃ bhavatīti sukhasaññitā vedanā diṭṭhupādānassa vatthu, vedanāgatāya pana satiyā anupassitabbā vedanā diṭṭhupādānassa vatthu na hotveva. ‘‘Cittaṃ nicca’’nti diṭṭhigahaṇavasena tassa tassa attano sīlavatavasena parisuddhīti parāmasanaṃ hotīti cittaṃ sīlabbatupādānassa vatthu, cittagatāya pana satiyā anupassitabbaṃ cittaṃ sīlabbatupādānassa vatthu na hotveva. Dhamme nāmarūpaparicchedena yathābhūtaṃ apassantassa dhammesu attābhiniveso hotīti dhammā attavādupādānassa vatthu, dhammagatāya pana satiyā anupassitabbā dhammā attavādupādānassa vatthu na honti eva. Tasmā catūsu satipaṭṭhānesu bhāviyamānesu upādānehi anupādāno bhavatīti vuttanti adhippāyo gahetabbo.
‘‘เยน โยคาวจเรน สติปฎฺฐานา ภาวิตา, โส โยคาวจโร อุปาทาเนหิเยว อนุปาทาโน ภวตี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา โยคาทีหิปิ วิสํยุโตฺต ภวตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘โยเคหิ จ วิสํยุโตฺต’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โยเคหิ จาติ กามโยคภวโยคทิฎฺฐิโยคอวิชฺชาโยเคหิ จฯ วิสํยุโตฺตติ ตทงฺคปฺปหานวิกฺขมฺภนปฺปหานสมุเจฺฉทปฺปหานวเสน วิคโต, วิมุโตฺต จ ภวตีติ อโตฺถฯ สุภสญฺญิโต หิ รูปกาโย กามราคสฺส วตฺถุ โหติ, กายคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตโพฺพ กาโย กามราคสฺส วตฺถุ น โหเตฺววฯ ‘‘สุโข’’ติ วา ‘‘สุขเหตู’’ติ วา คหณีโย ภโว ภวราคสฺส วตฺถุ โหติ, เวทนาคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตโพฺพ ภโว ภวราคสฺส วตฺถุ น โหติฯ ‘‘อตฺตา’’ติ อภินิวิสิตพฺพํ จิตฺตํ ทิฎฺฐิโยคสฺส วตฺถุ โหติ, จิตฺตคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตพฺพํ จิตฺตํ ทิฎฺฐิโยคสฺส วตฺถุ น โหติฯ วินิโพฺภคสฺส ทุกฺกรตฺตา, ธมฺมานํ ธมฺมมตฺตตาย จ ทุปฺปฎิวิชฺฌตฺตา อวินิพฺภุชิตพฺพา, ธมฺมมตฺตตาย อปฺปฎิวิชฺฌิตพฺพา ธมฺมา อวิชฺชาโยคสฺส วตฺถุ โหนฺติ, ธมฺมคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตพฺพา ธมฺมา อวิชฺชาโยคสฺส วตฺถุ น โหนฺติฯ ตสฺมา จตุสติปฎฺฐานานุปสฺสโก ‘‘โยเคหิ จ วิสํยุโตฺต’’ติ วุโตฺตฯ อยํ นโย อาสเวหิ จ อนาสโว ภวติ, โอเฆหิ จ นิตฺถิโณฺณ ภวตีติ เอตฺถาปิ โยเชตโพฺพฯ
‘‘Yena yogāvacarena satipaṭṭhānā bhāvitā, so yogāvacaro upādānehiyeva anupādāno bhavatī’’ti pucchitabbattā yogādīhipi visaṃyutto bhavatīti dassetuṃ ‘‘yogehi ca visaṃyutto’’tiādi vuttaṃ. Tattha yogehi cāti kāmayogabhavayogadiṭṭhiyogaavijjāyogehi ca. Visaṃyuttoti tadaṅgappahānavikkhambhanappahānasamucchedappahānavasena vigato, vimutto ca bhavatīti attho. Subhasaññito hi rūpakāyo kāmarāgassa vatthu hoti, kāyagatāya pana satiyā anupassitabbo kāyo kāmarāgassa vatthu na hotveva. ‘‘Sukho’’ti vā ‘‘sukhahetū’’ti vā gahaṇīyo bhavo bhavarāgassa vatthu hoti, vedanāgatāya pana satiyā anupassitabbo bhavo bhavarāgassa vatthu na hoti. ‘‘Attā’’ti abhinivisitabbaṃ cittaṃ diṭṭhiyogassa vatthu hoti, cittagatāya pana satiyā anupassitabbaṃ cittaṃ diṭṭhiyogassa vatthu na hoti. Vinibbhogassa dukkarattā, dhammānaṃ dhammamattatāya ca duppaṭivijjhattā avinibbhujitabbā, dhammamattatāya appaṭivijjhitabbā dhammā avijjāyogassa vatthu honti, dhammagatāya pana satiyā anupassitabbā dhammā avijjāyogassa vatthu na honti. Tasmā catusatipaṭṭhānānupassako ‘‘yogehi ca visaṃyutto’’ti vutto. Ayaṃ nayo āsavehi ca anāsavo bhavati, oghehi ca nitthiṇṇo bhavatīti etthāpi yojetabbo.
คเนฺถหิ จ วิปฺปยุโตฺต ภวตีติ เอตฺถ ปน สุภสญฺญิโต รูปกาโย อภิชฺฌากายคนฺถสฺส วตฺถุ, กายคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตโพฺพ รูปกาโย อภิชฺฌากายคนฺถสฺส วตฺถุ น โหติฯ ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขสงฺขารทุกฺขภูตา เวทนา พฺยาปาทกายคนฺถสฺส วตฺถุ โหนฺติ, เตน วุตฺตํ – ‘‘ทุกฺขาย เวทนาย ปฎิฆานุสโย อนุเสตี’’ติ (ม. นิ. ๑.๔๖๕)ฯ เวทนาคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตพฺพา เวทนา พฺยาปาทกายคนฺถสฺส วตฺถุ น โหติฯ ‘‘จิตฺตํ นิจฺจ’’นฺติ อภินิเวสวเสน สสฺสตสฺส ‘‘อตฺตโน สีเลน สุทฺธิ, วเตน สุทฺธี’’ติ ปรามสนํ โหติ, ตสฺมา ‘‘นิจฺจ’’นฺติ คหิตํ จิตฺตํ สีลพฺพตปรามาสกายคนฺถสฺส วตฺถุ, จิตฺตคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตพฺพํ จิตฺตํ สีลพฺพตปรามาสสฺส วตฺถุ น โหติฯ ธมฺมานํ สปฺปจฺจยนามรูปสภาวสฺส อทสฺสนโต ภวทิฎฺฐิวิภวทิฎฺฐิ โหติ, ตสฺมา ‘‘อิทํ สจฺจ’’นฺติ อภินิวิสิตพฺพา ธมฺมา อิทํสจฺจาภินิเวสกายคนฺถสฺส วตฺถุ, ธมฺมคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตพฺพา ธมฺมา อิทํสจฺจาภินิเวสกายคนฺถสฺส วตฺถุ น โหนฺติ, ตสฺมา จตุสติปฎฺฐานานุปสฺสโก ‘‘คเนฺถหิ จ วิปฺปยุโตฺต’’ติ วุโตฺตฯ
Ganthehi ca vippayutto bhavatīti ettha pana subhasaññito rūpakāyo abhijjhākāyaganthassa vatthu, kāyagatāya pana satiyā anupassitabbo rūpakāyo abhijjhākāyaganthassa vatthu na hoti. Dukkhadukkhavipariṇāmadukkhasaṅkhāradukkhabhūtā vedanā byāpādakāyaganthassa vatthu honti, tena vuttaṃ – ‘‘dukkhāya vedanāya paṭighānusayo anusetī’’ti (ma. ni. 1.465). Vedanāgatāya pana satiyā anupassitabbā vedanā byāpādakāyaganthassa vatthu na hoti. ‘‘Cittaṃ nicca’’nti abhinivesavasena sassatassa ‘‘attano sīlena suddhi, vatena suddhī’’ti parāmasanaṃ hoti, tasmā ‘‘nicca’’nti gahitaṃ cittaṃ sīlabbataparāmāsakāyaganthassa vatthu, cittagatāya pana satiyā anupassitabbaṃ cittaṃ sīlabbataparāmāsassa vatthu na hoti. Dhammānaṃ sappaccayanāmarūpasabhāvassa adassanato bhavadiṭṭhivibhavadiṭṭhi hoti, tasmā ‘‘idaṃ sacca’’nti abhinivisitabbā dhammā idaṃsaccābhinivesakāyaganthassa vatthu, dhammagatāya pana satiyā anupassitabbā dhammā idaṃsaccābhinivesakāyaganthassa vatthu na honti, tasmā catusatipaṭṭhānānupassako ‘‘ganthehi ca vippayutto’’ti vutto.
สุภสญฺญิโต จ กาโย ราคสลฺลสฺส วตฺถุ, กายคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตโพฺพ กาโย ราคสลฺลสฺส วตฺถุ น โหติฯ สุขสญฺญิตาย เวทนาย โทโส โหติ, ตสฺมา เวทนา โทสสลฺลสฺส วตฺถุ, เวทนาคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตพฺพา เวทนา โทสสลฺลสฺส วตฺถุ น โหติฯ ‘‘จิตฺตํ อตฺตา’’ติ คเหตฺวา ‘‘อตฺตา เสโยฺย’’ติอาทิวเสน ปวตฺตสฺส มานสลฺลสฺส จิตฺตํ วตฺถุ, จิตฺตคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตพฺพํ จิตฺตํ มานสลฺลสฺส วตฺถุ น โหติฯ ธมฺมานํ สปฺปจฺจยนามรูปสภาวสฺส อชานนโต ธมฺมา โมหสลฺลสฺส วตฺถุ, ธมฺมคตาย ปน สติยา อนุปสฺสิตพฺพา ธมฺมา โมหสลฺลสฺส วตฺถุ น โหนฺติ, ตสฺมา จตุสติปฎฺฐานานุปสฺสโก ‘‘สเลฺลหิ จ วิสโลฺล ภวตี’’ติ วุโตฺตฯ
Subhasaññito ca kāyo rāgasallassa vatthu, kāyagatāya pana satiyā anupassitabbo kāyo rāgasallassa vatthu na hoti. Sukhasaññitāya vedanāya doso hoti, tasmā vedanā dosasallassa vatthu, vedanāgatāya pana satiyā anupassitabbā vedanā dosasallassa vatthu na hoti. ‘‘Cittaṃ attā’’ti gahetvā ‘‘attā seyyo’’tiādivasena pavattassa mānasallassa cittaṃ vatthu, cittagatāya pana satiyā anupassitabbaṃ cittaṃ mānasallassa vatthu na hoti. Dhammānaṃ sappaccayanāmarūpasabhāvassa ajānanato dhammā mohasallassa vatthu, dhammagatāya pana satiyā anupassitabbā dhammā mohasallassa vatthu na honti, tasmā catusatipaṭṭhānānupassako ‘‘sallehi ca visallo bhavatī’’ti vutto.
‘‘อาหารา จสฺส ปริญฺญํ คจฺฉนฺตี’’ติ อาจริเยน วุตฺตํ, ‘‘กิํ ปน อาหาราว อสฺส โยคาวจรสฺส ปริญฺญํ คจฺฉนฺติ, อุทาหุ อเญฺญปี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา วิญฺญาณฎฺฐิติโย จ อสฺส โยคาวจรสฺส ปริญฺญํ คจฺฉนฺตีติ ทเสฺสตุํ ‘‘วิญฺญาณฎฺฐิติโย จสฺส ปริญฺญํ คจฺฉนฺตี’’ติ วุตฺตํฯ เยน โยคาวจเรน จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ภาวิตา, ตสฺส โยคาวจรสฺส กายเวทนาจิตฺตธมฺมาว ปริญฺญํ คเจฺฉยฺยุํ, น วิญฺญาณฎฺฐิติโยติ เจ วเทยฺย กายานุปสฺสนาทีหิ จ กายเวทนาจิตฺตธเมฺมสุ ปริญฺญาเตสุ สญฺญายปิ ปริญฺญาตพฺพภาวโตฯ สา หิ เวทนาจิตฺตสงฺขาเตน ธเมฺมสุ ปริญฺญาเตสุ อวินาภาวโต ปริญฺญาตาวาติฯ
‘‘Āhārā cassa pariññaṃ gacchantī’’ti ācariyena vuttaṃ, ‘‘kiṃ pana āhārāva assa yogāvacarassa pariññaṃ gacchanti, udāhu aññepī’’ti pucchitabbattā viññāṇaṭṭhitiyo ca assa yogāvacarassa pariññaṃ gacchantīti dassetuṃ ‘‘viññāṇaṭṭhitiyo cassa pariññaṃ gacchantī’’ti vuttaṃ. Yena yogāvacarena cattāro satipaṭṭhānā bhāvitā, tassa yogāvacarassa kāyavedanācittadhammāva pariññaṃ gaccheyyuṃ, na viññāṇaṭṭhitiyoti ce vadeyya kāyānupassanādīhi ca kāyavedanācittadhammesu pariññātesu saññāyapi pariññātabbabhāvato. Sā hi vedanācittasaṅkhātena dhammesu pariññātesu avinābhāvato pariññātāvāti.
เยน จตฺตาโร สติปฎฺฐานา ภาวิตา, โส โยคาวจโร อุปาทาเนหิ อนุปาทาโน จ, โยเคหิ วิสํยุโตฺต จ, ขเนฺธหิ วิปฺปยุโตฺต จ, อาสเวหิ อนาสโว จ, โอเฆหิ นิตฺถิโณฺณ จ, สเลฺลหิ วิสโลฺล จ ภวตีติ วุโตฺต, ‘‘กิํ ปน ตถาวิโธว โหติ, อุทาหุ อญฺญถาปี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา อคติมฺปิ น คจฺฉตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อคติคมเนหิ จ น อคติํ คจฺฉตี’’ติ อาหฯ สุภาทิสญฺญิเต รูปกาเย อเปกฺขมาโน ปุคฺคโล ฉนฺทาคติํ คจฺฉตีติ สุภาทิสญฺญิโต รูปกาโย วิเสสโต ฉนฺทาคติยา วตฺถุ โหติ, กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐาเนน ปน อนุปสฺสิตโพฺพ อสฺสาสปสฺสาสาทิโก กาโย ฉนฺทาคติยา วตฺถุ น โหติ, ตสฺมา กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานภาวนํ ภาเวโนฺต ปุคฺคโล ฉนฺทาคติํ น คจฺฉติฯ สุขเวทนสฺสาทวเสน เวทยมาโน ตทภาเวน พฺยาปาทํ อาคจฺฉตีติ สุขเวทนา โทสาคติยา วตฺถุ โหติ, เวทนานุปสฺสนาสติปฎฺฐาเนน ปน อนุปสฺสิตพฺพา เวทนา โทสาคติยา วตฺถุ น โหติ , ตสฺมา เวทนาสติปฎฺฐานภาวนํ ภาเวโนฺต ปุคฺคโล โทสาคติํ น คจฺฉติฯ สนฺตติฆนวเสน ‘‘นิจฺจํ, ธุว’’นฺติ คหิตํ จิตฺตํ โมหสฺส วตฺถุ โหติ, จิตฺตานุปสฺสนาสติปฎฺฐาเนน ปน อนุปสฺสิตพฺพํ จิตฺตํ โมหสฺส วตฺถุ น โหติ, ตสฺมา จิตฺตานุปสฺสนาสติปฎฺฐานภาวนํ ภาเวโนฺต ปุคฺคโล โทสาคติํ น คจฺฉติฯ วิภชิตฺวา ธมฺมสภาวํ อชานนฺตสฺส ภยํ ชายตีติ วิภชิตฺวา อชานิยสภาวา ธมฺมา ภยสฺส วตฺถุ โหนฺติ, ธมฺมานุปสฺสนาสติปฎฺฐาเนน ปน อนุปสฺสิตพฺพา วิภชิตฺวา ชานิตพฺพา ธมฺมา ราคสฺส วตฺถุ น โหนฺติ, ตสฺมา ธมฺมานุปสฺสนาสติปฎฺฐานภาวนํ ภาเวโนฺต ปุคฺคโล ภยาคติํ น คจฺฉติฯ เอวํ ปหาตพฺพภาเวน เอกลกฺขเณ อกุสเลปิ ธเมฺม นีหริตฺวา อิทานิ นิคเมตุํ ‘‘เอวํ อกุสลาปิ ธมฺมา เอกลกฺขณตฺตา ปหานํ อพฺภตฺถํ คจฺฉนฺตี’’ติ ปุน วุตฺตํฯ
Yena cattāro satipaṭṭhānā bhāvitā, so yogāvacaro upādānehi anupādāno ca, yogehi visaṃyutto ca, khandhehi vippayutto ca, āsavehi anāsavo ca, oghehi nitthiṇṇo ca, sallehi visallo ca bhavatīti vutto, ‘‘kiṃ pana tathāvidhova hoti, udāhu aññathāpī’’ti pucchitabbattā agatimpi na gacchatīti dassento ‘‘agatigamanehi ca na agatiṃ gacchatī’’ti āha. Subhādisaññite rūpakāye apekkhamāno puggalo chandāgatiṃ gacchatīti subhādisaññito rūpakāyo visesato chandāgatiyā vatthu hoti, kāyānupassanāsatipaṭṭhānena pana anupassitabbo assāsapassāsādiko kāyo chandāgatiyā vatthu na hoti, tasmā kāyānupassanāsatipaṭṭhānabhāvanaṃ bhāvento puggalo chandāgatiṃ na gacchati. Sukhavedanassādavasena vedayamāno tadabhāvena byāpādaṃ āgacchatīti sukhavedanā dosāgatiyā vatthu hoti, vedanānupassanāsatipaṭṭhānena pana anupassitabbā vedanā dosāgatiyā vatthu na hoti , tasmā vedanāsatipaṭṭhānabhāvanaṃ bhāvento puggalo dosāgatiṃ na gacchati. Santatighanavasena ‘‘niccaṃ, dhuva’’nti gahitaṃ cittaṃ mohassa vatthu hoti, cittānupassanāsatipaṭṭhānena pana anupassitabbaṃ cittaṃ mohassa vatthu na hoti, tasmā cittānupassanāsatipaṭṭhānabhāvanaṃ bhāvento puggalo dosāgatiṃ na gacchati. Vibhajitvā dhammasabhāvaṃ ajānantassa bhayaṃ jāyatīti vibhajitvā ajāniyasabhāvā dhammā bhayassa vatthu honti, dhammānupassanāsatipaṭṭhānena pana anupassitabbā vibhajitvā jānitabbā dhammā rāgassa vatthu na honti, tasmā dhammānupassanāsatipaṭṭhānabhāvanaṃ bhāvento puggalo bhayāgatiṃ na gacchati. Evaṃ pahātabbabhāvena ekalakkhaṇe akusalepi dhamme nīharitvā idāni nigametuṃ ‘‘evaṃ akusalāpi dhammā ekalakkhaṇattā pahānaṃ abbhatthaṃ gacchantī’’ti puna vuttaṃ.
ภาเวตเพฺพสุ ธเมฺมสุ เอกเทเสสุ วุเตฺต ตทวเสสาปิ ภาเวตพฺพา ธมฺมา เอกลกฺขณตฺตา นีหริตฺวา วตฺตพฺพา, ปหาตเพฺพสุปิ ธเมฺมสุ เอกเทเส วุเตฺต ตทวเสสาปิ ธมฺมา ปหาตพฺพา เอกลกฺขณตฺตา นีหริตฺวา วตฺตพฺพาติ อาจริเยน วุตฺตา, อเมฺหหิ จ ญาตา, ‘‘อญฺญถาปิ ยทิ วตฺตพฺพา สิยุํ, เตปิ วทถา’’ติ วตฺตพฺพภาวโต อเญฺญนปิ ปริยาเยน ลกฺขณหารสฺส อุทาหรณานิ ทเสฺสตุํ ‘‘ยตฺถ วา ปนา’’ติอาทิ วุตฺตํ ฯ ตตฺถ ยตฺถ ยสฺสํ รูเปกเทสเทสนายํ รูปินฺทฺริยํ รุปฺปนลกฺขณํ จกฺขุนฺทฺริยาทิชีวิตินฺทฺริยปริโยสานํ อฎฺฐวิธํ อินฺทฺริยํ รูเปกเทสํ ภควตา เทสิตํฯ ตเตฺถว ตสฺสํ รูเปกเทสเทสนายํ รูปธาตุ รุปฺปนลกฺขณา จกฺขุธาตาทิโผฎฺฐพฺพธาตุปริโยสานา ทสวิธา รูปธาตุ รุปฺปนลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา เทสิตาฯ สโพฺพ รูปกฺขโนฺธ จ เทสิโตฯ รูปายตนํ รุปฺปนลกฺขณํ จกฺขายตนาทิโผฎฺฐพฺพายตนปริโยสานํ ทสวิธํ อายตนํ รุปฺปนลกฺขเณน เอกลกฺขณตฺตา ภควตา เทสิตํฯ
Bhāvetabbesu dhammesu ekadesesu vutte tadavasesāpi bhāvetabbā dhammā ekalakkhaṇattā nīharitvā vattabbā, pahātabbesupi dhammesu ekadese vutte tadavasesāpi dhammā pahātabbā ekalakkhaṇattā nīharitvā vattabbāti ācariyena vuttā, amhehi ca ñātā, ‘‘aññathāpi yadi vattabbā siyuṃ, tepi vadathā’’ti vattabbabhāvato aññenapi pariyāyena lakkhaṇahārassa udāharaṇāni dassetuṃ ‘‘yattha vā panā’’tiādi vuttaṃ . Tattha yattha yassaṃ rūpekadesadesanāyaṃ rūpindriyaṃ ruppanalakkhaṇaṃ cakkhundriyādijīvitindriyapariyosānaṃ aṭṭhavidhaṃ indriyaṃ rūpekadesaṃ bhagavatā desitaṃ. Tattheva tassaṃ rūpekadesadesanāyaṃ rūpadhātu ruppanalakkhaṇā cakkhudhātādiphoṭṭhabbadhātupariyosānā dasavidhā rūpadhātu ruppanalakkhaṇena ekalakkhaṇattā desitā. Sabbo rūpakkhandho ca desito. Rūpāyatanaṃ ruppanalakkhaṇaṃ cakkhāyatanādiphoṭṭhabbāyatanapariyosānaṃ dasavidhaṃ āyatanaṃ ruppanalakkhaṇena ekalakkhaṇattā bhagavatā desitaṃ.
ยตฺถ วา ปน ยสฺสํ เวทเนกเทสเทสนายํ สุขา เวทนา ภควตา เทสิตา, ตตฺถ ตสฺสํ เวทเนกเทสเทสนายํ สุขินฺทฺริยญฺจ เทสิตํ, โสมนสฺสินฺทฺริยญฺจ เทสิตํ, ทุกฺขสมุทโย อริยสจฺจญฺจ เทสิตํ สุขเวทนาภาเวน เอกลกฺขณตฺตาฯ ยตฺถ วา ปน ยสฺสํ เวทเนกเทสเทสนายํ ทุกฺขา เวทนา ภควตา เทสิตา, ตตฺถ ตสฺสํ เวทเนกเทสเทสนายํ ทุกฺขินฺทฺริยญฺจ เทสิตํ โทมนสฺสินฺทฺริยญฺจ เทสิตํ, ทุกฺขํ อริยสจฺจญฺจ เทสิตํ ทุกฺขเวทนาภาเวน เอกลกฺขณตฺตาฯ ยตฺถ วา ปน ยสฺสํ เวทเนกเทสเทสนายํ อทุกฺขมสุขา เวทนา ภควตา เทสิตา, ตตฺถ ตสฺสํ เวทเนกเทสเทสนายํ อุเปกฺขินฺทฺริยญฺจ เทสิตํ, สโพฺพ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท จ เทสิโตติ โยชนา กาตพฺพาฯ
Yattha vā pana yassaṃ vedanekadesadesanāyaṃ sukhā vedanā bhagavatā desitā, tattha tassaṃ vedanekadesadesanāyaṃ sukhindriyañca desitaṃ, somanassindriyañca desitaṃ, dukkhasamudayo ariyasaccañca desitaṃ sukhavedanābhāvena ekalakkhaṇattā. Yattha vā pana yassaṃ vedanekadesadesanāyaṃ dukkhā vedanā bhagavatā desitā, tattha tassaṃ vedanekadesadesanāyaṃ dukkhindriyañca desitaṃ domanassindriyañca desitaṃ, dukkhaṃ ariyasaccañca desitaṃ dukkhavedanābhāvena ekalakkhaṇattā. Yattha vā pana yassaṃ vedanekadesadesanāyaṃ adukkhamasukhā vedanā bhagavatā desitā, tattha tassaṃ vedanekadesadesanāyaṃ upekkhindriyañca desitaṃ, sabbo paṭiccasamuppādo ca desitoti yojanā kātabbā.
ยสฺสํ เทสนายํ อทุกฺขมสุขา เวทนา เทสิตา, ตสฺสํ เทสนายํ อุเปกฺขินฺทฺริยํ เทสิตํ โหตุ สมานลกฺขณตฺตา, ‘‘เกน ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เทสิโต ภเวยฺยา’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘เกน การเณนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา การณํ ทเสฺสตุํ ‘‘อทุกฺขมสุขายา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อทุกฺขมสุขาย เวทนาย หิ ยสฺมา อวิชฺชา อนุเสติ, ตสฺมา อวิชฺชา เทสิตา โหติฯ อวิชฺชาย จ เทสิตาย อวิชฺชามูลโก สโพฺพปิ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท ‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป.… ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุทโย โหตี’’ติ เทสิโตว โหตีติ อธิปฺปาโย ทฎฺฐโพฺพฯ
Yassaṃ desanāyaṃ adukkhamasukhā vedanā desitā, tassaṃ desanāyaṃ upekkhindriyaṃ desitaṃ hotu samānalakkhaṇattā, ‘‘kena paṭiccasamuppādo desito bhaveyyā’’ti vattabbabhāvato ‘‘kena kāraṇenā’’ti pucchitvā kāraṇaṃ dassetuṃ ‘‘adukkhamasukhāyā’’tiādi vuttaṃ. Tattha adukkhamasukhāya vedanāya hi yasmā avijjā anuseti, tasmā avijjā desitā hoti. Avijjāya ca desitāya avijjāmūlako sabbopi paṭiccasamuppādo ‘‘avijjāpaccayā saṅkhārā…pe… dukkhakkhandhassa samudayo hotī’’ti desitova hotīti adhippāyo daṭṭhabbo.
‘‘อวิชฺชาปจฺจยา สงฺขารา…เป.… สมุทโย โหตี’’ติ อนุโลมวเสน ปวโตฺต โย ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เทสิโตติ อาจริเยน วุโตฺต, ‘‘ยทิ ตถา ปวโตฺต โส จ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เทสิโต, เอวํ สติ สโพฺพ จ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เทสิโต’’ติ น วตฺตโพฺพติ โจทนํ มนสิ กตฺวา ‘‘โส จา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ โย จ อนุโลมวเสน ปวโตฺต, โส จ สราคสโทสสโมหสํกิเลสปเกฺขน หาตโพฺพฯ โย จ ปฎิโลมวเสน ‘‘อวิชฺชาย เตฺวว อเสสวิราคนิโรธา สงฺขารนิโรโธ’’ติอาทิโก ปวโตฺต, โส จ วีตราควีตโทสวีตโมหอริยธเมฺมหิ หาตโพฺพฯ โย จ อนุโลมปฎิโลมวเสน ปวโตฺต, โส จ ตทุภเยหิ หาตโพฺพฯ ตสฺมา ‘‘สโพฺพ จ ปฎิจฺจสมุปฺปาโท เทสิโต’’ติ วตฺตโพฺพวาติ อธิปฺปาโย คเหตโพฺพฯ
‘‘Avijjāpaccayā saṅkhārā…pe… samudayo hotī’’ti anulomavasena pavatto yo paṭiccasamuppādo desitoti ācariyena vutto, ‘‘yadi tathā pavatto so ca paṭiccasamuppādo desito, evaṃ sati sabbo ca paṭiccasamuppādo desito’’ti na vattabboti codanaṃ manasi katvā ‘‘so cā’’tiādi vuttaṃ. Tattha yo ca anulomavasena pavatto, so ca sarāgasadosasamohasaṃkilesapakkhena hātabbo. Yo ca paṭilomavasena ‘‘avijjāya tveva asesavirāganirodhā saṅkhāranirodho’’tiādiko pavatto, so ca vītarāgavītadosavītamohaariyadhammehi hātabbo. Yo ca anulomapaṭilomavasena pavatto, so ca tadubhayehi hātabbo. Tasmā ‘‘sabbo ca paṭiccasamuppādo desito’’ti vattabbovāti adhippāyo gahetabbo.
‘‘เย ธมฺมา เอกลกฺขณา, เตสํ ธมฺมานํ เอกสฺมิํ ธเมฺม วุเตฺต อวสิฎฺฐา ธมฺมา วุตฺตา ภวนฺตีติอาทินา (เนตฺติ. ๒๓) อาจริเยน ยา ลกฺขณหารโยชนา วุตฺตา, สาว กาตพฺพา, น อญฺญถา กาตพฺพา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพภาวโต อญฺญถาปิ ลกฺขณหารโยชนา กาตพฺพาเยวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘เอวํ เย ธมฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เย ปถวีอาทโย รูปธมฺมา, เย ผสฺสาทโย อรูปธมฺมา สนฺธารณาทิกิจฺจโต สงฺฆฎฺฎนาทิกิจฺจโต เอกลกฺขณา, เตสํ รูปารูปธมฺมานํ เอกสฺมิํ ธเมฺม วุเตฺต อวสิฎฺฐา รูปารูปธมฺมา วุตฺตา ภวนฺติฯ เย ปถวีอาทโย รูปธมฺมา, เย ผสฺสาทโย อรูปธมฺมา กกฺขฬาทิลกฺขณโต ผุสนาทิลกฺขณโต เอกลกฺขณา, เตสํ รูปารูปธมฺมานํ เอกสฺมิํ ธเมฺม วุเตฺต อวสิฎฺฐา รูปารูปธมฺมา วุตฺตา ภวนฺติฯ เย ธมฺมา รุปฺปนสามญฺญโต นมนสามญฺญโต อนิจฺจาทิสามญฺญโต วา ขนฺธายตนาทิสามญฺญโต วา เอกลกฺขณา, เตสํ สงฺขตธมฺมานํ เอกสฺมิํ สงฺขตธเมฺม วุเตฺต อวสิฎฺฐา ธมฺมา วุตฺตา ภวนฺติฯ เย สงฺขตธมฺมา ภงฺคุปฺปาทโต สงฺขโต จุตูปปาตโต สมานนิโรธุปฺปาทสงฺขตโต วา จุตูปปาตโต เอกลกฺขณา, เตสํ สงฺขตธมฺมานํ เอกสฺมิํ สงฺขตธเมฺม วุเตฺต อวสิฎฺฐา สงฺขตธมฺมา วุตฺตา ภวนฺตีติ อตฺถโยชนา กาตพฺพาฯ
‘‘Ye dhammā ekalakkhaṇā, tesaṃ dhammānaṃ ekasmiṃ dhamme vutte avasiṭṭhā dhammā vuttā bhavantītiādinā (netti. 23) ācariyena yā lakkhaṇahārayojanā vuttā, sāva kātabbā, na aññathā kātabbā’’ti pucchitabbabhāvato aññathāpi lakkhaṇahārayojanā kātabbāyevāti dassetuṃ ‘‘evaṃ ye dhammā’’tiādi vuttaṃ. Tattha ye pathavīādayo rūpadhammā, ye phassādayo arūpadhammā sandhāraṇādikiccato saṅghaṭṭanādikiccato ekalakkhaṇā, tesaṃ rūpārūpadhammānaṃ ekasmiṃ dhamme vutte avasiṭṭhā rūpārūpadhammā vuttā bhavanti. Ye pathavīādayo rūpadhammā, ye phassādayo arūpadhammā kakkhaḷādilakkhaṇato phusanādilakkhaṇato ekalakkhaṇā, tesaṃ rūpārūpadhammānaṃ ekasmiṃ dhamme vutte avasiṭṭhā rūpārūpadhammā vuttā bhavanti. Ye dhammā ruppanasāmaññato namanasāmaññato aniccādisāmaññato vā khandhāyatanādisāmaññato vā ekalakkhaṇā, tesaṃ saṅkhatadhammānaṃ ekasmiṃ saṅkhatadhamme vutte avasiṭṭhā dhammā vuttā bhavanti. Ye saṅkhatadhammā bhaṅguppādato saṅkhato cutūpapātato samānanirodhuppādasaṅkhatato vā cutūpapātato ekalakkhaṇā, tesaṃ saṅkhatadhammānaṃ ekasmiṃ saṅkhatadhamme vutte avasiṭṭhā saṅkhatadhammā vuttā bhavantīti atthayojanā kātabbā.
กิจฺจโต จ ลกฺขณโต จาติอาทีสุ จ-สเทฺทน สหจรณสมานเหตุตาทโย สงฺคหิตาติ ทฎฺฐพฺพา ฯ สหจรณาทีสุ จ ยํ วตฺตพฺพํ, ตํ ‘‘นานตฺตกายนานตฺตสญฺญิโน (ที. นิ. ๓.๓๔๑, ๓๕๗, ๓๕๙; อ. นิ. ๙.๒๔), นานตฺตสญฺญานํ อมนสิการา’’ติอาทีสุ สหจาริตาย สญฺญาสหคตา ธมฺมา นิทฺธาริตาติอาทินา วุตฺตเมวฯ
Kiccato ca lakkhaṇato cātiādīsu ca-saddena sahacaraṇasamānahetutādayo saṅgahitāti daṭṭhabbā . Sahacaraṇādīsu ca yaṃ vattabbaṃ, taṃ ‘‘nānattakāyanānattasaññino (dī. ni. 3.341, 357, 359; a. ni. 9.24), nānattasaññānaṃ amanasikārā’’tiādīsu sahacāritāya saññāsahagatā dhammā niddhāritātiādinā vuttameva.
‘‘เอกสฺมิํ ธเมฺม สรูปโต วุเตฺต เอกลกฺขณาทิโต อวสิฎฺฐธมฺมานมฺปิ วุตฺตภาโว เกน อเมฺหหิ ชานิตโพฺพ สทฺทหิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘เตนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เตน อวสิฎฺฐธมฺมานมฺปิ วุตฺตภาเวน ‘‘วุตฺตมฺหิ เอกธเมฺม’’ติอาทิกํ ยํ วจนํ อายสฺมา มหากจฺจาโน อาห, เตน วจเนน ตุเมฺหหิ อวสิฎฺฐานมฺปิ วุตฺตภาโว ชานิตโพฺพ สทฺทหิตโพฺพติ วุตฺตํ โหติฯ
‘‘Ekasmiṃ dhamme sarūpato vutte ekalakkhaṇādito avasiṭṭhadhammānampi vuttabhāvo kena amhehi jānitabbo saddahitabbo’’ti vattabbabhāvato ‘‘tenā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tena avasiṭṭhadhammānampi vuttabhāvena ‘‘vuttamhi ekadhamme’’tiādikaṃ yaṃ vacanaṃ āyasmā mahākaccāno āha, tena vacanena tumhehi avasiṭṭhānampi vuttabhāvo jānitabbo saddahitabboti vuttaṃ hoti.
‘‘เอตฺตาวตา จ ลกฺขณหาโร ปริปุโณฺณ, อโญฺญ นิยุโตฺต นตฺถี’’ติ วตฺตพฺพตฺตา ‘‘นิยุโตฺต ลกฺขโณ หาโร’’ติ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยสฺสํ ปาฬิยํ เอกสฺมิํ ธเมฺม วุเตฺต อวสิฎฺฐธมฺมาปิ เยน ลกฺขณหาเรน นิทฺธาริตา, ตสฺสํ ปาฬิยํ โส ลกฺขโณ หาโร นิยุโตฺต นิทฺธาเรตฺวา โยชิโตติ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพติฯ
‘‘Ettāvatā ca lakkhaṇahāro paripuṇṇo, añño niyutto natthī’’ti vattabbattā ‘‘niyutto lakkhaṇo hāro’’ti vuttaṃ. Tattha yassaṃ pāḷiyaṃ ekasmiṃ dhamme vutte avasiṭṭhadhammāpi yena lakkhaṇahārena niddhāritā, tassaṃ pāḷiyaṃ so lakkhaṇo hāro niyutto niddhāretvā yojitoti attho daṭṭhabboti.
อิติ ลกฺขณหารวิภเงฺค สตฺติพลานุรูปา รจิตา
Iti lakkhaṇahāravibhaṅge sattibalānurūpā racitā
วิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ
Vibhāvanā niṭṭhitā.
ปณฺฑิเตหิ ปน อฎฺฐกถาฎีกานุสาเรน คมฺภีรโตฺถ วิตฺถารโต วิภชิตฺวา คเหตโพฺพติฯ
Paṇḍitehi pana aṭṭhakathāṭīkānusārena gambhīrattho vitthārato vibhajitvā gahetabboti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๕. ลกฺขณหารวิภโงฺค • 5. Lakkhaṇahāravibhaṅgo
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๕. ลกฺขณหารวิภงฺควณฺณนา • 5. Lakkhaṇahāravibhaṅgavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๕. ลกฺขณหารวิภงฺควณฺณนา • 5. Lakkhaṇahāravibhaṅgavaṇṇanā