Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยวินิจฺฉย-ฎีกา • Vinayavinicchaya-ṭīkā

    ลกฺขณกถาวณฺณนา

    Lakkhaṇakathāvaṇṇanā

    ๘๓๗. อิโตติ สาธารณาสาธารณกถาย ปรํฯ สพฺพคนฺติ สพฺพสิกฺขาปทสาธารณํฯ วทโต เมติ วทโต มม วจนํฯ นิโพธถาติ นิสาเมถ, เอกคฺคจิตฺตา หุตฺวา สกฺกจฺจํ สุณาถาติ อโตฺถฯ

    837.Itoti sādhāraṇāsādhāraṇakathāya paraṃ. Sabbaganti sabbasikkhāpadasādhāraṇaṃ. Vadato meti vadato mama vacanaṃ. Nibodhathāti nisāmetha, ekaggacittā hutvā sakkaccaṃ suṇāthāti attho.

    ๘๓๘-๙. ‘‘วิปตฺติ อาปตฺติ อนาปตฺตี’’ติ ปทเจฺฉโทฯ ‘‘อาณตฺติ องฺค’’นฺติ ปทเจฺฉโทฯ วชฺชกมฺมปเภทกนฺติ วชฺชปเภทกํ กมฺมปเภทกํฯ ติกทฺวยนฺติ กุสลตฺติกเวทนาตฺติกทฺวยํฯ สพฺพตฺถาติ อิทํ ปน สตฺตรสวิธสพฺพสาธารณลกฺขณํฯ สพฺพตฺถ สเพฺพสุ สิกฺขาปเทสุฯ

    838-9. ‘‘Vipatti āpatti anāpattī’’ti padacchedo. ‘‘Āṇatti aṅga’’nti padacchedo. Vajjakammapabhedakanti vajjapabhedakaṃ kammapabhedakaṃ. Tikadvayanti kusalattikavedanāttikadvayaṃ. Sabbatthāti idaṃ pana sattarasavidhasabbasādhāraṇalakkhaṇaṃ. Sabbattha sabbesu sikkhāpadesu.

    ๘๔๐. อิธ อิมสฺมิํ สตฺตรสวิเธ ยํ ลกฺขณํ ปุเพฺพ วุตฺตนยํ, ยญฺจ อุตฺตานํ, ตํ สพฺพํ วเชฺชตฺวา อตฺถโชตนํ อตฺถปฺปกาสนํ กริสฺสามีติ โยชนาฯ

    840.Idha imasmiṃ sattarasavidhe yaṃ lakkhaṇaṃ pubbe vuttanayaṃ, yañca uttānaṃ, taṃ sabbaṃ vajjetvā atthajotanaṃ atthappakāsanaṃ karissāmīti yojanā.

    ๘๔๑. นิทานํ นาม ราชคหาทิสิกฺขาปทปญฺญตฺติฎฺฐานภูตานิ สตฺต นครานิ, ตํ ปุเพฺพ ทสฺสิตนฺติ อวสิฎฺฐานิ ทเสฺสตุมาห ‘‘ปุคฺคโล’’ติอาทิฯ ปุคฺคโล นาม กตโม? ยํ ยํ ภิกฺขุนิํ, ภิกฺขุญฺจ อารพฺภ สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ, อยํ ภิกฺขุนี จ ภิกฺขุ จ สิกฺขาปทปญฺญตฺติยา อาทิกมฺมิโก ปุคฺคโลติ วุจฺจตีติ โยชนาฯ

    841. Nidānaṃ nāma rājagahādisikkhāpadapaññattiṭṭhānabhūtāni satta nagarāni, taṃ pubbe dassitanti avasiṭṭhāni dassetumāha ‘‘puggalo’’tiādi. Puggalo nāma katamo? Yaṃ yaṃ bhikkhuniṃ, bhikkhuñca ārabbha sikkhāpadaṃ paññattaṃ, ayaṃ bhikkhunī ca bhikkhu ca sikkhāpadapaññattiyā ādikammiko puggaloti vuccatīti yojanā.

    ๘๔๒. ธนิยาทโยติ อาทิ-สเทฺทน สมฺพหุลา ภิกฺขู, วคฺคุมุทาตีริยา ภิกฺขู, เสยฺยสโก, อุทายี, อาฬวกา ภิกฺขู, ฉโนฺน, เมตฺติยภูมชกา, เทวทโตฺต, อสฺสชิปุนพฺพสุกา ภิกฺขู, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขู, อุปนโนฺท สกฺยปุโตฺต, อญฺญตโร ภิกฺขุ, หตฺถโก สกฺยปุโตฺต, อนุรุโทฺธ, สตฺตรสวคฺคิยา ภิกฺขู, จูฬปนฺถโก, เพลฎฺฐสีโส, อายสฺมา อานโนฺท, สาคตเตฺถโร, อริโฎฺฐ ภิกฺขุ, อายสฺมา อานโนฺทติ อิเม เอกวีสติ สงฺคหิตาฯ

    842.Dhaniyādayoti ādi-saddena sambahulā bhikkhū, vaggumudātīriyā bhikkhū, seyyasako, udāyī, āḷavakā bhikkhū, channo, mettiyabhūmajakā, devadatto, assajipunabbasukā bhikkhū, chabbaggiyā bhikkhū, upanando sakyaputto, aññataro bhikkhu, hatthako sakyaputto, anuruddho, sattarasavaggiyā bhikkhū, cūḷapanthako, belaṭṭhasīso, āyasmā ānando, sāgatatthero, ariṭṭho bhikkhu, āyasmā ānandoti ime ekavīsati saṅgahitā.

    ๘๔๓. ถุลฺลนนฺทาทโยติ อาทิ-สเทฺทน สุนฺทรีนนฺทา, ฉพฺพคฺคิยา ภิกฺขุนิโย, อญฺญตรา ภิกฺขุนี, จณฺฑกาฬี, สมฺพหุลา ภิกฺขุนิโย, เทฺว ภิกฺขุนิโยติ ฉยิเม สงฺคหิตาฯ สเพฺพติ อุภยปาติโมเกฺข อาทิกมฺมิกา สเพฺพ ปุคฺคลาฯ

    843.Thullanandādayoti ādi-saddena sundarīnandā, chabbaggiyā bhikkhuniyo, aññatarā bhikkhunī, caṇḍakāḷī, sambahulā bhikkhuniyo, dve bhikkhuniyoti chayime saṅgahitā. Sabbeti ubhayapātimokkhe ādikammikā sabbe puggalā.

    ๘๔๔. วตฺถูติ วตฺถุ นาม สุทินฺนาทิโน ตสฺส ตเสฺสว ปุคฺคลสฺส เมถุนาทิกสฺส จ วตฺถุโน สพฺพปฺปกาเรน อชฺฌาจาโร วีติกฺกโม ปวุจฺจตีติ โยชนาฯ

    844.Vatthūti vatthu nāma sudinnādino tassa tasseva puggalassa methunādikassa ca vatthuno sabbappakārena ajjhācāro vītikkamo pavuccatīti yojanā.

    ๘๔๕-๖. เกวลา มูลภูตา ปญฺญตฺติฯ อนุ จ อนุปฺปโนฺน จ สพฺพตฺถ จ ปเทโส จ อนฺวนุปฺปนฺนสพฺพตฺถปเทสา, เตเยว ปทานิ อนฺวนุปฺปนฺนสพฺพตฺถปเทสปทานิ, ตานิ ปุพฺพกานิ ยาสํ ปญฺญตฺตีนํ ตา อนฺวนุปฺปนฺนสพฺพตฺถปเทสปทปุพฺพิกาฯ ตเถว สา ปญฺญตฺตีติ โยชนาฯ อนุปญฺญตฺติ อนุปฺปนฺนปญฺญตฺติ สพฺพตฺถปญฺญตฺติ ปเทสปญฺญตฺติ โหติฯ เอกโต อุภโต ปุพฺพา กเถว สา ปญฺญตฺตีติ โยชนาฯ เอกโตปทํ อุภโตปทญฺจ ปุพฺพมสฺสาติ เอกโตอุภโตปุพฺพา, เอกโตปญฺญตฺติ อุภโตปญฺญตฺตีติ วุตฺตํ โหติฯ

    845-6. Kevalā mūlabhūtā paññatti. Anu ca anuppanno ca sabbattha ca padeso ca anvanuppannasabbatthapadesā, teyeva padāni anvanuppannasabbatthapadesapadāni, tāni pubbakāni yāsaṃ paññattīnaṃ tā anvanuppannasabbatthapadesapadapubbikā. Tatheva sā paññattīti yojanā. Anupaññatti anuppannapaññatti sabbatthapaññatti padesapaññatti hoti. Ekato ubhato pubbā katheva sā paññattīti yojanā. Ekatopadaṃ ubhatopadañca pubbamassāti ekatoubhatopubbā, ekatopaññatti ubhatopaññattīti vuttaṃ hoti.

    ๘๔๗. ตตฺถ นวธาสุ ปญฺญตฺตีสุฯ ปญฺญตฺติ นาม กตมาติ อาห ‘‘โย เมถุน’’นฺติอาทิฯ ‘‘โย ภิกฺขุ เมถุนํ ธมฺมํ ปฎิเสเวยฺยา’’ติ จ ‘‘โย ภิกฺขุ อทินฺนํ อาทิเยยฺยา’’ติ จ เอวมาทิกา สิกฺขาปทสฺส มูลภูตา ปญฺญตฺติ โหตีติ โยชนาฯ

    847.Tattha navadhāsu paññattīsu. Paññatti nāma katamāti āha ‘‘yo methuna’’ntiādi. ‘‘Yo bhikkhu methunaṃ dhammaṃ paṭiseveyyā’’ti ca ‘‘yo bhikkhu adinnaṃ ādiyeyyā’’ti ca evamādikā sikkhāpadassa mūlabhūtā paññatti hotīti yojanā.

    ๘๔๘. อิเจฺจวมาทิกาติ อาทิ-สเทฺทน ‘‘สิกฺขํ อปจฺจกฺขาย ทุพฺพลฺยํ อนาวิกตฺวา’’ติ จ ‘‘คามา วา อรญฺญา วา’’ติ จ เอวมาทีนํ สงฺคโหฯ

    848.Iccevamādikāti ādi-saddena ‘‘sikkhaṃ apaccakkhāya dubbalyaṃ anāvikatvā’’ti ca ‘‘gāmā vā araññā vā’’ti ca evamādīnaṃ saṅgaho.

    ๘๔๙. วชฺชเก อนุปฺปเนฺนเยว ปญฺญตฺตา อนุปฺปนฺนปญฺญตฺติ, สา อนุปฺปนฺนปญฺญตฺติฯ

    849. Vajjake anuppanneyeva paññattā anuppannapaññatti, anuppannapaññatti.

    ๘๕๐-๑. คุณงฺคุณุปาหนสิกฺขาปเทน สห จมฺมตฺถรณสิกฺขาปทญฺจ ธุวนฺหานํ ธุวนหานสิกฺขาปทํ, ปญฺจวเคฺคน อุปสมฺปาทนสิกฺขาปทญฺจาติ เอสา จตุพฺพิธา ปญฺญตฺติ ปเทสปญฺญตฺติ นามาติ วุตฺตาติ โยชนาฯ มชฺฌิมเทสสฺมิํเยว โหตีติ มชฺฌิมเทสสฺมิํเยว อาปตฺติกรา โหติฯ น อญฺญโตติ น อญฺญตฺร ปจฺจนฺติเมสุ ชนปเทสุ เทสนฺตเร ฐาเนฯ

    850-1. Guṇaṅguṇupāhanasikkhāpadena saha cammattharaṇasikkhāpadañca dhuvanhānaṃ dhuvanahānasikkhāpadaṃ, pañcavaggena upasampādanasikkhāpadañcāti esā catubbidhā paññatti padesapaññatti nāmāti vuttāti yojanā. Majjhimadesasmiṃyeva hotīti majjhimadesasmiṃyeva āpattikarā hoti. Na aññatoti na aññatra paccantimesu janapadesu desantare ṭhāne.

    ๘๕๒. อิโตติ จตุพฺพิธปเทสปญฺญตฺติโตฯ เอตฺถาติ อิมสฺมิํ ปญฺญตฺติเภเทฯ สาธารณทุกาทิกนฺติ สาธารณปญฺญตฺติ อสาธารณปญฺญตฺติ, เอกโตปญฺญตฺติ อุภโตปญฺญตฺตีติ ทุกทฺวยํฯ อตฺถโต เอกเมวาติ อตฺถโต อญฺญมญฺญสมานเมวฯ วิปตฺตาปตฺตานาปตฺติวินิจฺฉโย วิตฺถาริโตติ อิธ น ทสฺสิโตฯ อยํ ปเนตฺถ สเงฺขโป – วิปตฺตีติ สีลอาจารทิฎฺฐิอาชีววิปตฺตีนํ อญฺญตราฯ อาปตฺตีติ ปุพฺพปโยคาทิวเสน อาปตฺติเภโทฯ อนาปตฺตีติ อชานนาทิวเสน อนาปตฺติฯ

    852.Itoti catubbidhapadesapaññattito. Etthāti imasmiṃ paññattibhede. Sādhāraṇadukādikanti sādhāraṇapaññatti asādhāraṇapaññatti, ekatopaññatti ubhatopaññattīti dukadvayaṃ. Atthato ekamevāti atthato aññamaññasamānameva. Vipattāpattānāpattivinicchayo vitthāritoti idha na dassito. Ayaṃ panettha saṅkhepo – vipattīti sīlaācāradiṭṭhiājīvavipattīnaṃ aññatarā. Āpattīti pubbapayogādivasena āpattibhedo. Anāpattīti ajānanādivasena anāpatti.

    ๘๕๓. อาปตฺติ ปน สาณตฺติกาปิ โหติ, อนาณตฺติกาปิ โหตีติ โยชนาฯ ‘‘อาณตฺตีติ จ นาเมสา อาณาปนา’’ติ อิมินา อาณตฺติ-สทฺทสฺส สภาวสาธารณตฺตาติ อิธาหฯ

    853. Āpatti pana sāṇattikāpi hoti, anāṇattikāpi hotīti yojanā. ‘‘Āṇattīti ca nāmesā āṇāpanā’’ti iminā āṇatti-saddassa sabhāvasādhāraṇattāti idhāha.

    ๘๕๔. สพฺพสิกฺขาปเทสุปิ สพฺพาสํ อาปตฺตีนํ สโพฺพ ปน องฺคเภโทปิ วิภาวินา ญาตโพฺพติ โยชนาฯ

    854. Sabbasikkhāpadesupi sabbāsaṃ āpattīnaṃ sabbo pana aṅgabhedopi vibhāvinā ñātabboti yojanā.

    ๘๕๖. ‘‘สา จ อกฺริยสมุฎฺฐานา’’ติ ปทเจฺฉโทฯ กาเยน, วาจาย วา ทสาหพฺภนฺตเร อติเรกจีวรสฺส อนธิฎฺฐาเนน นิสฺสคฺคิยปาจิตฺติยํ โหตีติ ‘‘ปฐเม กถิเน วิยา’’ติ อุทาหรณํ กตํฯ

    856. ‘‘Sā ca akriyasamuṭṭhānā’’ti padacchedo. Kāyena, vācāya vā dasāhabbhantare atirekacīvarassa anadhiṭṭhānena nissaggiyapācittiyaṃ hotīti ‘‘paṭhame kathine viyā’’ti udāharaṇaṃ kataṃ.

    ๘๕๗. กฺริยากฺริยโต โหตีติ กิริยโต จ อกิริยโต จ โหติฯ ตตฺถ อุทาหรณมาห ‘‘จีวรคฺคหเณ วิยา’’ติฯ อญฺญาติกาย ภิกฺขุนิยา หตฺถโต จีวรคฺคหณํ กฺริยา, ปาริวตฺตกสฺส อทานํ อกฺริยาติ เอวํ กิริยาย เจว อกิริยาย จ อิมํ อาปชฺชติฯ

    857.Kriyākriyato hotīti kiriyato ca akiriyato ca hoti. Tattha udāharaṇamāha ‘‘cīvaraggahaṇeviyā’’ti. Aññātikāya bhikkhuniyā hatthato cīvaraggahaṇaṃ kriyā, pārivattakassa adānaṃ akriyāti evaṃ kiriyāya ceva akiriyāya ca imaṃ āpajjati.

    ๘๕๘. สิยา ปน กโรนฺตสฺส อกโรนฺตสฺสาติ ยา ปน อาปตฺติ สิยา กโรนฺตสฺส, สิยา อกโรนฺตสฺส โหติ, อยํ สิยา กิริยโต, สิยา อกิริยโต สมุฎฺฐาติฯ สิยาติ จ กทาจิ-สทฺทเตฺถ นิปาโตฯ อโตฺรทาหรณมาห ‘‘รูปิโยคฺคหเณ วิยา’’ติฯ รูปิยสฺส อุคฺคหเณ, อุคฺคณฺหาปเน สิยา กทาจิ กิริยโต สมุฎฺฐาติ, อุปนิกฺขิตฺตสฺส สาทิยเน กายวาจาหิ กาตพฺพสฺส อกรเณน กทาจิ อกโรนฺตสฺส โหตีติฯ

    858.Siyā pana karontassa akarontassāti yā pana āpatti siyā karontassa, siyā akarontassa hoti, ayaṃ siyā kiriyato, siyā akiriyato samuṭṭhāti. Siyāti ca kadāci-saddatthe nipāto. Atrodāharaṇamāha ‘‘rūpiyoggahaṇe viyā’’ti. Rūpiyassa uggahaṇe, uggaṇhāpane siyā kadāci kiriyato samuṭṭhāti, upanikkhittassa sādiyane kāyavācāhi kātabbassa akaraṇena kadāci akarontassa hotīti.

    ๘๕๙. ยา กโรโต อกุพฺพโต, กทาจิ กโรนฺตสฺส จ โหติ, สา อาปตฺติ สิยา กิริยากิริยโต, สิยา กิริยโตปิ จ โหตีติ โยชนาฯ ‘‘กุฎิการาปตฺติ วิยา’’ติ วตฺตพฺพํฯ สา หิ วตฺถุํ เทสาเปตฺวา ปมาณาติกฺกนฺตํ กโรโต กิริยโต สมุฎฺฐาติ, อเทสาเปตฺวา ปมาณาติกฺกนฺตํ, ปมาณยุตฺตํ วา กโรโต กิริยากิริยโต สมุฎฺฐาติฯ

    859. Yā karoto akubbato, kadāci karontassa ca hoti, sā āpatti siyā kiriyākiriyato, siyā kiriyatopi ca hotīti yojanā. ‘‘Kuṭikārāpatti viyā’’ti vattabbaṃ. Sā hi vatthuṃ desāpetvā pamāṇātikkantaṃ karoto kiriyato samuṭṭhāti, adesāpetvā pamāṇātikkantaṃ, pamāṇayuttaṃ vā karoto kiriyākiriyato samuṭṭhāti.

    ๘๖๑. ยโต อาปตฺติโตฯ อยํ อาปตฺติฯ สญฺญาย กรณภูตาย วิโมโกฺข เอตายาติ สญฺญาวิโมกฺขาฯ เอตฺถ จ วีติกฺกมสญฺญา อวิชฺชมานาปิ อาปตฺติยา วิมุจฺจนสฺส สาธกตมเฎฺฐน คหิตาฯ ยถา วุฎฺฐิยา อภาเวน ชาตํ ทุพฺภิกฺขํ ‘‘วุฎฺฐิกต’’นฺติ วุจฺจติ, เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ อยํ สจิตฺตกาปตฺติฯ

    861.Yato āpattito. Ayaṃ āpatti. Saññāya karaṇabhūtāya vimokkho etāyāti saññāvimokkhā. Ettha ca vītikkamasaññā avijjamānāpi āpattiyā vimuccanassa sādhakatamaṭṭhena gahitā. Yathā vuṭṭhiyā abhāvena jātaṃ dubbhikkhaṃ ‘‘vuṭṭhikata’’nti vuccati, evaṃsampadamidaṃ veditabbaṃ. Ayaṃ sacittakāpatti.

    ๘๖๒-๔. อิตรา ปน อจิตฺตกาปตฺติฯ วีติกฺกมสญฺญาย อภาเวน นตฺถิ วิโมโกฺข เอตายาติ โนสญฺญาวิโมกฺขาสุจิเตฺตน สวาสนกิเลสปฺปหาเนน, สกลโลกิยโลกุตฺตรกุสลสมฺปโยเคน จ สุนฺทรจิเตฺตน ภควตา ปกาสิตา สพฺพาว อาปตฺติ จิตฺตสฺส วเสน ทุวิธา สิยุนฺติ โยชนาฯ สจิตฺตกสมุฎฺฐานวเสน ปนาติ สจิตฺตกสมุฎฺฐานวเสเนวฯ สจิตฺตกมิสฺสกวิวชฺชนตฺถาย ปน-สโทฺท เอวการโตฺถ วุโตฺตฯ

    862-4.Itarā pana acittakāpatti. Vītikkamasaññāya abhāvena natthi vimokkho etāyāti nosaññāvimokkhā. Sucittena savāsanakilesappahānena, sakalalokiyalokuttarakusalasampayogena ca sundaracittena bhagavatā pakāsitā sabbāva āpatti cittassa vasena duvidhā siyunti yojanā. Sacittakasamuṭṭhānavasena panāti sacittakasamuṭṭhānavaseneva. Sacittakamissakavivajjanatthāya pana-saddo evakārattho vutto.

    ยา สจิตฺตเกหิ วา อจิตฺตกมิสฺสกสมุฎฺฐานวเสน วา สมุฎฺฐาติ, อยํ อจิตฺตกาฯ

    Yā sacittakehi vā acittakamissakasamuṭṭhānavasena vā samuṭṭhāti, ayaṃ acittakā.

    ๘๖๕. สุวิเชฺชนาติ โสภมานาหิ ตีหิ วิชฺชาหิ วา อฎฺฐหิ วา วิชฺชาหิ สมนฺนาคตตฺตา สุวิเชฺชนฯ อนวเชฺชนาติ สวาสนกิเลสาวชฺชรหิตตฺตา อนวเชฺชน ภควตา ฯ โลกปณฺณตฺติวชฺชโต โลกปณฺณตฺติวชฺชวเสน สพฺพาว อาปตฺติโย วชฺชวเสน ทุวิธา ทุกา วุตฺตาติ โยชนาฯ

    865.Suvijjenāti sobhamānāhi tīhi vijjāhi vā aṭṭhahi vā vijjāhi samannāgatattā suvijjena. Anavajjenāti savāsanakilesāvajjarahitattā anavajjena bhagavatā . Lokapaṇṇattivajjato lokapaṇṇattivajjavasena sabbāva āpattiyo vajjavasena duvidhā dukā vuttāti yojanā.

    ๘๖๖. ยสฺสา สจิตฺตเก ปเกฺข, จิตฺตํ อกุสลํ สิยาติ ยสฺสา สจิตฺตกาจิตฺตกสมุฎฺฐานาย อจิตฺตกาย สุราปานาทิอาปตฺติยา สจิตฺตกสมุฎฺฐานปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, อยํ โลกวชฺชา นามาติ อโตฺถฯ ยสฺสา ปน สจิตฺตกสมุฎฺฐานาย ปฐมปาราชิกาทิอาปตฺติยา จิตฺตํ อกุสลเมว โหติ, ตสฺสา โลกวชฺชตาย วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ อจิตฺตกาปิ วา อาปตฺติ สจิตฺตกปเกฺข กุสลจิเตฺต สติ โลกวชฺชตาย สิทฺธาย อจิตฺตกปเกฺขปิ โลกวโชฺช โหติ, กิมงฺคํ ปน อกุสลจิเตฺตเนว อาปชฺชิตพฺพาย อาปตฺติยา โลกวชฺชตาติ สา วิสุํ น วุตฺตาฯ

    866.Yassā sacittake pakkhe, cittaṃ akusalaṃ siyāti yassā sacittakācittakasamuṭṭhānāya acittakāya surāpānādiāpattiyā sacittakasamuṭṭhānapakkhe cittaṃ akusalameva hoti, ayaṃ lokavajjā nāmāti attho. Yassā pana sacittakasamuṭṭhānāya paṭhamapārājikādiāpattiyā cittaṃ akusalameva hoti, tassā lokavajjatāya vattabbameva natthi. Acittakāpi vā āpatti sacittakapakkhe kusalacitte sati lokavajjatāya siddhāya acittakapakkhepi lokavajjo hoti, kimaṅgaṃ pana akusalacitteneva āpajjitabbāya āpattiyā lokavajjatāti sā visuṃ na vuttā.

    ยสฺมา ปน ปณฺณตฺติวชฺชาย วตฺถุวีติกฺกมวชฺชา สิยา กุสลํ, สิยา อพฺยากตํ, ตสฺมา ตสฺสา สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ กุสลเมวาติ อยํ นิยโม นตฺถีติ อาห ‘‘เสสา ปณฺณตฺติวชฺชกา’’ติฯ ‘‘ปณฺณตฺติวชฺชกา’’ติ อิมินา จ ลกฺขเณน วตฺถุวิชานนจิเตฺตน สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ สิยา กุสลํ, สิยา อกุสลํ, สิยา อพฺยากตํ, ตสฺมา ตสฺสา สจิตฺตกปเกฺข จิตฺตํ อกุสลเมวาติ อยํ นิยโม นตฺถีติ อาหฯ

    Yasmā pana paṇṇattivajjāya vatthuvītikkamavajjā siyā kusalaṃ, siyā abyākataṃ, tasmā tassā sacittakapakkhe cittaṃ kusalamevāti ayaṃ niyamo natthīti āha ‘‘sesā paṇṇattivajjakā’’ti. ‘‘Paṇṇattivajjakā’’ti iminā ca lakkhaṇena vatthuvijānanacittena sacittakapakkhe cittaṃ siyā kusalaṃ, siyā akusalaṃ, siyā abyākataṃ, tasmā tassā sacittakapakkhe cittaṃ akusalamevāti ayaṃ niyamo natthīti āha.

    ๘๖๗. กายทฺวาเรน อาปชฺชิตพฺพา กายกมฺมํฯ อุภยตฺถ อาปชฺชิตพฺพา ตทุภยํ กายกมฺมํ วจีกมฺมํฯ มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถีติ มโนกมฺมํ น วุตฺตํฯ ‘‘มโนทฺวาเร อาปตฺติ นาม นตฺถีติ จ อิทํ เยภุยฺยวเสน วุตฺตํ อุปนิกฺขิตฺตสาทิยนาทีสุ มโนทฺวาเรปิ อาปตฺติสมฺภวโต’’ติ อาจริยาฯ

    867. Kāyadvārena āpajjitabbā kāyakammaṃ. Ubhayattha āpajjitabbā tadubhayaṃ kāyakammaṃ vacīkammaṃ. Manodvāre āpatti nāma natthīti manokammaṃ na vuttaṃ. ‘‘Manodvāre āpatti nāma natthīti ca idaṃ yebhuyyavasena vuttaṃ upanikkhittasādiyanādīsu manodvārepi āpattisambhavato’’ti ācariyā.

    ๘๖๘-๙. กุสลาทิติกทฺวยนฺติ กุสลตฺติกเญฺจว เวทนาตฺติกญฺจฯ อาปตฺติํ อาปชฺชโนฺต กุสลากุสลจิโตฺต, ตถา อพฺยากตจิโตฺต วา หุตฺวา อาปชฺชตีติ โยชนาฯ

    868-9.Kusalāditikadvayanti kusalattikañceva vedanāttikañca. Āpattiṃ āpajjanto kusalākusalacitto, tathā abyākatacitto vā hutvā āpajjatīti yojanā.

    ทุกฺขาทิสํยุโตติ อาทิ-สเทฺทน อุเปกฺขาเวทนาสมงฺคิโน สงฺคโหฯ เอวํ สเนฺตปิ สพฺพสิกฺขาปเทสุ อกุสลจิตฺตวเสน เอกํ จิตฺตํ, กุสลาพฺยากตวเสน เทฺว จิตฺตานิ, สเพฺพสํ วเสน ตีณิ จิตฺตานิฯ ทุกฺขเวทนาวเสน เอกา เวทนา, สุขอุเปกฺขาวเสน เทฺว, สพฺพาสํ วเสน ติโสฺส เวทนาติ อยเมว เภโท ลพฺภติ, น อโญฺญ เภโทฯ

    Dukkhādisaṃyutoti ādi-saddena upekkhāvedanāsamaṅgino saṅgaho. Evaṃ santepi sabbasikkhāpadesu akusalacittavasena ekaṃ cittaṃ, kusalābyākatavasena dve cittāni, sabbesaṃ vasena tīṇi cittāni. Dukkhavedanāvasena ekā vedanā, sukhaupekkhāvasena dve, sabbāsaṃ vasena tisso vedanāti ayameva bhedo labbhati, na añño bhedo.

    กุสลตฺติกํ สเจปิ คหิตํ, น ปน สเพฺพสเมว จิตฺตานํ วเสน ลพฺภติ, อถ โข อาปตฺติสมุฎฺฐาปกานํ พาตฺติํสจิตฺตานเมว วเสน ลพฺภติฯ พาตฺติํเสว หิ จิตฺตานิ อาปตฺติสมุฎฺฐาปกานิฯ ทฺวาทส อกุสลานิ, อฎฺฐ กามาวจรกุสลานิ, ทส กามาวจรกิริยจิตฺตานิ, กุสลโต, กิริยโต จ เทฺว อภิญฺญาจิตฺตานิ จาติ เอวํ พาตฺติํสจิเตฺตหิ สมุฎฺฐิตาปิ อาปตฺติ อกุสลา วา โหติ อพฺยากตา วา, นตฺถิ อาปตฺติ กุสลํฯ ยถาห สมถกฺขนฺธเก ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ (จูฬว. ๒๒๒; ปริ. ๓๐๓)ฯ อยํ ปน ปาโฐ ปณฺณตฺติวชฺชํเยว สนฺธาย วุโตฺต, น โลกวชฺชํฯ ยสฺมิญฺหิ ปถวิขณนภูตคามปาตพฺยตาทิเก อาปตฺตาธิกรเณ กุสลจิตฺตํ องฺคํ โหติ, ตสฺมิญฺจ สติ น สกฺกา วตฺตุํ ‘‘นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติฯ ตสฺมา นยิทํ องฺคปโหนกจิตฺตํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ยํ ตาว อาปตฺตาธิกรณํ โลกวชฺชํ, ตํ เอกนฺตโต อกุสลเมวฯ ตตฺถ ‘‘สิยา อกุสล’’นฺติ วิกโปฺป นตฺถิฯ ยํ ปน ปณฺณตฺติวชฺชํ, ตํ ยสฺมา สญฺจิจฺจ ‘‘อิมํ อาปตฺติํ วีติกฺกมามี’’ติ วีติกฺกมนฺตเสฺสว อกุสลํ โหติ, อสญฺจิจฺจ ปน กิญฺจิ อชานนฺตสฺส สหเสยฺยาทิวเสน อาปชฺชนโต อพฺยากตํ โหติ, ตสฺมา ตตฺถ สญฺจิจฺจาสญฺจิจฺจวเสน อิมํ วิกปฺปภาวํ สนฺธาย อิทํ วุตฺตํ ‘‘อาปตฺตาธิกรณํ สิยา อกุสลํ สิยา อพฺยากตํ, นตฺถิ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติฯ สเจ ปน ‘‘ยํ กุสลจิโตฺต อาปชฺชติ, อิทํ วุจฺจติ อาปตฺตาธิกรณํ กุสล’’นฺติ วเทยฺย, อจิตฺตกานํ เอฬกโลมปทโสธมฺมาทิสมุฎฺฐานานมฺปิ กุสลจิตฺตํ อาปเชฺชยฺย, น จ ตตฺถ วิชฺชมานมฺปิ กุสลจิตฺตํ อาปตฺติยา องฺคํ, กายวจีวิญฺญตฺติวเสน ปน จลิตปวตฺตานํ กายวาจานํ อญฺญตรเมว องฺคํ, ตญฺจ รูปกฺขนฺธปริยาปนฺนตฺตา อพฺยากตนฺติฯ

    Kusalattikaṃ sacepi gahitaṃ, na pana sabbesameva cittānaṃ vasena labbhati, atha kho āpattisamuṭṭhāpakānaṃ bāttiṃsacittānameva vasena labbhati. Bāttiṃseva hi cittāni āpattisamuṭṭhāpakāni. Dvādasa akusalāni, aṭṭha kāmāvacarakusalāni, dasa kāmāvacarakiriyacittāni, kusalato, kiriyato ca dve abhiññācittāni cāti evaṃ bāttiṃsacittehi samuṭṭhitāpi āpatti akusalā vā hoti abyākatā vā, natthi āpatti kusalaṃ. Yathāha samathakkhandhake ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ siyā abyākataṃ, natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti (cūḷava. 222; pari. 303). Ayaṃ pana pāṭho paṇṇattivajjaṃyeva sandhāya vutto, na lokavajjaṃ. Yasmiñhi pathavikhaṇanabhūtagāmapātabyatādike āpattādhikaraṇe kusalacittaṃ aṅgaṃ hoti, tasmiñca sati na sakkā vattuṃ ‘‘natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti. Tasmā nayidaṃ aṅgapahonakacittaṃ sandhāya vuttaṃ. Yaṃ tāva āpattādhikaraṇaṃ lokavajjaṃ, taṃ ekantato akusalameva. Tattha ‘‘siyā akusala’’nti vikappo natthi. Yaṃ pana paṇṇattivajjaṃ, taṃ yasmā sañcicca ‘‘imaṃ āpattiṃ vītikkamāmī’’ti vītikkamantasseva akusalaṃ hoti, asañcicca pana kiñci ajānantassa sahaseyyādivasena āpajjanato abyākataṃ hoti, tasmā tattha sañciccāsañciccavasena imaṃ vikappabhāvaṃ sandhāya idaṃ vuttaṃ ‘‘āpattādhikaraṇaṃ siyā akusalaṃ siyā abyākataṃ, natthi āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti. Sace pana ‘‘yaṃ kusalacitto āpajjati, idaṃ vuccati āpattādhikaraṇaṃ kusala’’nti vadeyya, acittakānaṃ eḷakalomapadasodhammādisamuṭṭhānānampi kusalacittaṃ āpajjeyya, na ca tattha vijjamānampi kusalacittaṃ āpattiyā aṅgaṃ, kāyavacīviññattivasena pana calitapavattānaṃ kāyavācānaṃ aññatarameva aṅgaṃ, tañca rūpakkhandhapariyāpannattā abyākatanti.

    ๘๗๐. อิทํ ตุ ลกฺขณนฺติ อิทํ นิทานาทิสาธารณวินิจฺฉยลกฺขณํฯ

    870.Idaṃ tu lakkhaṇanti idaṃ nidānādisādhāraṇavinicchayalakkhaṇaṃ.

    ๘๗๑. ‘‘ตรุ’’นฺติอาทิคาถา ปุเพฺพ วุตฺตตฺถาวฯ อยํ ปน วิเสโส – ตตฺถ ‘‘ทฺวยงฺกุร’’นฺติ วุตฺตํ, อิธ ‘‘จตุสฺสิข’’นฺติฯ ตตฺถ ‘‘ทฺวยงฺกุร’’นฺติ โลกวชฺชปณฺณตฺติวชฺชานํ คหณํ , อิธ จตุสฺสิขนฺติ จตุนฺนํ วิปตฺตีนํฯ จตฺตาโร สีขา องฺกุรา เอตสฺสาติ วิคฺคโหฯ ตตฺถ วิปตฺติ ‘‘สตฺตผล’’นฺติ สตฺตผเลสุ อโนฺตคธา, อิธ วิปตฺติฎฺฐาเน วชฺชํ คเหตฺวา สตฺตผลานิฯ

    871.‘‘Taru’’ntiādigāthā pubbe vuttatthāva. Ayaṃ pana viseso – tattha ‘‘dvayaṅkura’’nti vuttaṃ, idha ‘‘catussikha’’nti. Tattha ‘‘dvayaṅkura’’nti lokavajjapaṇṇattivajjānaṃ gahaṇaṃ , idha catussikhanti catunnaṃ vipattīnaṃ. Cattāro sīkhā aṅkurā etassāti viggaho. Tattha vipatti ‘‘sattaphala’’nti sattaphalesu antogadhā, idha vipattiṭṭhāne vajjaṃ gahetvā sattaphalāni.

    ๘๗๒. อนุตฺตรตํ คตํ อตฺตนา อุตฺตรสฺส อุตฺตมสฺส กสฺสจิ อวิชฺชมานตฺตา อิมํ อุตฺตรํ อุตฺตรํ นาม ปกรณํ โย เถรนวมชฺฌิเมสุ อญฺญตโร ปริยาปุณาติ ปาฐสฺส ปคุณวาจุคฺคตกรเณน อธียติ, ปริปุจฺฉติ อตฺถญฺจ อตฺถวณฺณนํ สุตฺวา สกฺกจฺจํ อุคฺคเหตฺวา มนสา เปกฺขิตฺวา ปญฺญาย สุปฺปฎิวิชฺฌิตฺวา ธาเรติ, โส จ ภิกฺขุ -สเทฺทน เอวเมว วินยวินิจฺฉเย โย ภิกฺขุ ยุโตฺต, โส จ กายวาจวินเย กายวาจาวีติกฺกมานํ วินยเน สํวรเณ วินเย วินยปิฎเก อนุตฺตรตํ อุปยาติ อตฺตโน อุตฺตริตรสฺส อวิชฺชมานตํ อุปคจฺฉติฯ เอตฺถ การณมาห ‘‘อุตฺตรโต’’ติ, ปคุณวาจุคฺคตกรเณน อธีเตน อตฺถวณฺณนํ สุตฺวา ธารเณน สุฎฺฐุ ธาริเตน อิมินา อุตฺตรปกรเณน เหตุภูเตนาติ อโตฺถฯ

    872.Anuttarataṃ gataṃ attanā uttarassa uttamassa kassaci avijjamānattā imaṃ uttaraṃ uttaraṃ nāma pakaraṇaṃ yo theranavamajjhimesu aññataro pariyāpuṇāti pāṭhassa paguṇavācuggatakaraṇena adhīyati, paripucchati atthañca atthavaṇṇanaṃ sutvā sakkaccaṃ uggahetvā manasā pekkhitvā paññāya suppaṭivijjhitvā dhāreti, so ca bhikkhu ca-saddena evameva vinayavinicchaye yo bhikkhu yutto, so ca kāyavācavinaye kāyavācāvītikkamānaṃ vinayane saṃvaraṇe vinaye vinayapiṭake anuttarataṃ upayāti attano uttaritarassa avijjamānataṃ upagacchati. Ettha kāraṇamāha ‘‘uttarato’’ti, paguṇavācuggatakaraṇena adhītena atthavaṇṇanaṃ sutvā dhāraṇena suṭṭhu dhāritena iminā uttarapakaraṇena hetubhūtenāti attho.

    อิติ อุตฺตเร ลีนตฺถปกาสนิยา

    Iti uttare līnatthapakāsaniyā

    ลกฺขณกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Lakkhaṇakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact