Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā)

    ๗. ลกฺขณสุตฺตวณฺณนา

    7. Lakkhaṇasuttavaṇṇanā

    ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณวณฺณนา

    Dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇavaṇṇanā

    ๑๙๙. เอวํ เม สุตนฺติ ลกฺขณสุตฺตํฯ ตตฺรายมนุตฺตานปทวณฺณนาฯ ทฺวตฺติํสิมานีติ ทฺวตฺติํส อิมานิฯ มหาปุริสลกฺขณานีติ มหาปุริสพฺยญฺชนานิ มหาปุริสนิมิตฺตานิ ‘‘อยํ มหาปุริโส’’ติ สญฺชานนการณานิฯ ‘‘เยหิ สมนฺนาคตสฺส มหาปุริสสฺสา’’ติอาทิ มหาปทาเน วิตฺถาริตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    199.Evaṃme sutanti lakkhaṇasuttaṃ. Tatrāyamanuttānapadavaṇṇanā. Dvattiṃsimānīti dvattiṃsa imāni. Mahāpurisalakkhaṇānīti mahāpurisabyañjanāni mahāpurisanimittāni ‘‘ayaṃ mahāpuriso’’ti sañjānanakāraṇāni. ‘‘Yehi samannāgatassa mahāpurisassā’’tiādi mahāpadāne vitthāritanayeneva veditabbaṃ.

    ‘‘พาหิรกาปิ อิสโย ธาเรนฺติ, โน จ โข ชานนฺติ ‘อิมสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา อิมํ ลกฺขณํ ปฎิลภตี’ติ’’ กสฺมา อาห? อฎฺฐุปฺปตฺติยา อนุรูปตฺตาฯ อิทญฺหิ สุตฺตํ สอฎฺฐุปฺปตฺติกํฯ สา ปนสฺส อฎฺฐุปฺปตฺติ กตฺถ สมุฎฺฐิตา? อโนฺตคาเม มนุสฺสานํ อนฺตเรฯ ตทา กิร สาวตฺถิวาสิโน อตฺตโน อตฺตโน เคเหสุ จ เคหทฺวาเรสุ จ สนฺถาคาราทีสุ จ นิสีทิตฺวา กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘ภควโต อสีติอนุพฺยญฺชนานิ พฺยามปฺปภา ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณานิ, เยหิ จ ภควโต กาโย, สพฺพผาลิผุโลฺล วิย ปาริจฺฉตฺตโก, วิกสิตมิว กมลวนํ, นานารตนวิจิตฺตํ วิย สุวณฺณโตรณํ, ตารามริจิวิโรจมิว คคนตลํ, อิโต จิโต จ วิธาวมานา วิปฺผนฺทมานา ฉพฺพณฺณรสฺมิโย มุญฺจโนฺต อติวิย โสภติฯ ภควโต จ อิมินา นาม กเมฺมน อิทํ ลกฺขณํ นิพฺพตฺตนฺติ กถิตํ นตฺถิ, ยาคุอุฬุงฺกมตฺตมฺปิ ปน กฎจฺฉุภตฺตมตฺตํ วา ปุเพฺพ ทินฺนปจฺจยา เอวํ อุปฺปชฺชตีติ ภควตา วุตฺตํฯ กิํ นุ โข สตฺถา กมฺมํ อกาสิ, เยนสฺส อิมานิ ลกฺขณานิ นิพฺพตฺตนฺตี’’ติฯ

    ‘‘Bāhirakāpi isayo dhārenti, no ca kho jānanti ‘imassa kammassa katattā imaṃ lakkhaṇaṃ paṭilabhatī’ti’’ kasmā āha? Aṭṭhuppattiyā anurūpattā. Idañhi suttaṃ saaṭṭhuppattikaṃ. Sā panassa aṭṭhuppatti kattha samuṭṭhitā? Antogāme manussānaṃ antare. Tadā kira sāvatthivāsino attano attano gehesu ca gehadvāresu ca santhāgārādīsu ca nisīditvā kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘bhagavato asītianubyañjanāni byāmappabhā dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇāni, yehi ca bhagavato kāyo, sabbaphāliphullo viya pāricchattako, vikasitamiva kamalavanaṃ, nānāratanavicittaṃ viya suvaṇṇatoraṇaṃ, tārāmaricivirocamiva gaganatalaṃ, ito cito ca vidhāvamānā vipphandamānā chabbaṇṇarasmiyo muñcanto ativiya sobhati. Bhagavato ca iminā nāma kammena idaṃ lakkhaṇaṃ nibbattanti kathitaṃ natthi, yāguuḷuṅkamattampi pana kaṭacchubhattamattaṃ vā pubbe dinnapaccayā evaṃ uppajjatīti bhagavatā vuttaṃ. Kiṃ nu kho satthā kammaṃ akāsi, yenassa imāni lakkhaṇāni nibbattantī’’ti.

    อถายสฺมา อานโนฺท อโนฺตคาเม จรโนฺต อิมํ กถาสลฺลาปํ สุตฺวา กตภตฺตกิโจฺจ วิหารํ อาคนฺตฺวา สตฺถุ วตฺตํ กตฺวา วนฺทิตฺวา ฐิโต ‘‘มยา, ภเนฺต, อโนฺตคาเม เอกา กถา สุตา’’ติ อาหฯ ตโต ภควตา ‘‘กิํ เต, อานนฺท, สุต’’นฺติ วุเตฺต สพฺพํ อาโรเจสิฯ สตฺถา เถรสฺส วจนํ สุตฺวา ปริวาเรตฺวา นิสิเนฺน ภิกฺขู อามเนฺตตฺวา ‘‘ทฺวตฺติํสิมานิ, ภิกฺขเว, มหาปุริสสฺส มหาปุริสลกฺขณานี’’ติ ปฎิปาฎิยา ลกฺขณานิ ทเสฺสตฺวา เยน กเมฺมน ยํ นิพฺพตฺตํ, ตสฺส ทสฺสนตฺถํ เอวมาหฯ

    Athāyasmā ānando antogāme caranto imaṃ kathāsallāpaṃ sutvā katabhattakicco vihāraṃ āgantvā satthu vattaṃ katvā vanditvā ṭhito ‘‘mayā, bhante, antogāme ekā kathā sutā’’ti āha. Tato bhagavatā ‘‘kiṃ te, ānanda, suta’’nti vutte sabbaṃ ārocesi. Satthā therassa vacanaṃ sutvā parivāretvā nisinne bhikkhū āmantetvā ‘‘dvattiṃsimāni, bhikkhave, mahāpurisassa mahāpurisalakkhaṇānī’’ti paṭipāṭiyā lakkhaṇāni dassetvā yena kammena yaṃ nibbattaṃ, tassa dassanatthaṃ evamāha.

    สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาลกฺขณวณฺณนา

    Suppatiṭṭhitapādatālakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๐๑. ปุริมํ ชาตินฺติอาทีสุ ปุเพฺพ นิวุตฺถกฺขนฺธา ชาตวเสน ‘‘ชาตี’’ติ วุตฺตาฯ ตถา ภวนวเสน ‘‘ภโว’’ติ, นิวุตฺถวเสน อาลยเฎฺฐน วา ‘‘นิเกโต’’ติฯ ติณฺณมฺปิ ปทานํ ปุเพฺพ นิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตาเน ฐิโตติ อโตฺถฯ อิทานิ ยสฺมา ตํ ขนฺธสนฺตานํ เทวโลกาทีสุปิ วตฺตติฯ ลกฺขณนิพฺพตฺตนสมตฺถํ ปน กุสลกมฺมํ ตตฺถ น สุกรํ, มนุสฺสภูตเสฺสว สุกรํฯ ตสฺมา ยถาภูเตน ยํ กมฺมํ กตํ, ตํ ทเสฺสโนฺต ปุเพฺพ มนุสฺสภูโต สมาโนติ อาหฯ อการณํ วา เอตํฯ หตฺถิอสฺสมิคมหิํสวานราทิภูโตปิ มหาปุริโส ปารมิโย ปูเรติเยวฯ ยสฺมา ปน เอวรูเป อตฺตภาเว ฐิเตน กตกมฺมํ น สกฺกา สุเขน ทีเปตุํ, มนุสฺสภาเว ฐิเตน กตกมฺมํ ปน สกฺกา สุเขน ทีเปตุํฯ ตสฺมา ‘‘ปุเพฺพ มนุสฺสภูโต สมาโน’’ติ อาหฯ

    201.Purimaṃjātintiādīsu pubbe nivutthakkhandhā jātavasena ‘‘jātī’’ti vuttā. Tathā bhavanavasena ‘‘bhavo’’ti, nivutthavasena ālayaṭṭhena vā ‘‘niketo’’ti. Tiṇṇampi padānaṃ pubbe nivutthakkhandhasantāne ṭhitoti attho. Idāni yasmā taṃ khandhasantānaṃ devalokādīsupi vattati. Lakkhaṇanibbattanasamatthaṃ pana kusalakammaṃ tattha na sukaraṃ, manussabhūtasseva sukaraṃ. Tasmā yathābhūtena yaṃ kammaṃ kataṃ, taṃ dassento pubbe manussabhūto samānoti āha. Akāraṇaṃ vā etaṃ. Hatthiassamigamahiṃsavānarādibhūtopi mahāpuriso pāramiyo pūretiyeva. Yasmā pana evarūpe attabhāve ṭhitena katakammaṃ na sakkā sukhena dīpetuṃ, manussabhāve ṭhitena katakammaṃ pana sakkā sukhena dīpetuṃ. Tasmā ‘‘pubbe manussabhūto samāno’’ti āha.

    ทฬฺหสมาทาโนติ ถิรคหโณฯ กุสเลสุ ธเมฺมสูติ ทสกุสลกมฺมปเถสุฯ อวตฺถิตสมาทาโนติ นิจฺจลคหโณ อนิวตฺติตคหโณฯ มหาสตฺตสฺส หิ อกุสลกมฺมโต อคฺคิํ ปตฺวา กุกฺกุฎปตฺตํ วิย จิตฺตํ ปฎิกุฎติ, กุสลํ ปตฺวา วิตานํ วิย ปสาริยติฯ ตสฺมา ทฬฺหสมาทาโน โหติ อวตฺถิตสมาทาโนฯ น สกฺกา เกนจิ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา กุสลสมาทานํ วิสฺสชฺชาเปตุํฯ

    Daḷhasamādānoti thiragahaṇo. Kusalesu dhammesūti dasakusalakammapathesu. Avatthitasamādānoti niccalagahaṇo anivattitagahaṇo. Mahāsattassa hi akusalakammato aggiṃ patvā kukkuṭapattaṃ viya cittaṃ paṭikuṭati, kusalaṃ patvā vitānaṃ viya pasāriyati. Tasmā daḷhasamādāno hoti avatthitasamādāno. Na sakkā kenaci samaṇena vā brāhmaṇena vā devena vā mārena vā brahmunā vā kusalasamādānaṃ vissajjāpetuṃ.

    ตตฺริมานิ วตฺถูนิ – ปุเพฺพ กิร มหาปุริโส กลนฺทกโยนิยํ นิพฺพตฺติฯ อถ เทเว วุเฎฺฐ โอโฆ อาคนฺตฺวา กุลาวกํ คเหตฺวา สมุทฺทเมว ปเวเสสิฯ มหาปุริโส ‘‘ปุตฺตเก นีหริสฺสามี’’ติ นงฺคุฎฺฐํ เตเมตฺวา เตเมตฺวา สมุทฺทโต อุทกํ พหิ ขิปิฯ สตฺตเม ทิวเส สโกฺก อาวชฺชิตฺวา ตตฺถ อาคมฺม ‘‘กิํ กโรสี’’ติ ปุจฺฉิ? โส ตสฺส อาโรเจสิฯ สโกฺก มหาสมุทฺทโต อุทกสฺส ทุนฺนีหรณียภาวํ กเถสิฯ โพธิสโตฺต ตาทิเสน กุสีเตน สทฺธิํ กเถตุมฺปิ น วฎฺฎติฯ ‘‘มา อิธ ติฎฺฐา’’ติ อปสาเรสิฯ สโกฺก ‘‘อโนมปุริเสน คหิตคหณํ น สกฺกา วิสฺสชฺชาเปตุ’’นฺติ ตุโฎฺฐ ตสฺส ปุตฺตเก อาเนตฺวา อทาสิฯ มหาชนกกาเลปิ มหาสมุทฺทํ ตรมาโน ‘‘กสฺมา มหาสมุทฺทํ ตรสี’’ติ เทวตาย ปุโฎฺฐ ‘‘ปารํ คนฺตฺวา กุลสนฺตเก รเฎฺฐ รชฺชํ คเหตฺวา ทานํ ทาตุํ ตรามี’’ติ อาหฯ ตโต เทวตาย – ‘‘อยํ มหาสมุโทฺท คมฺภีโร เจว ปุถุโล จ, กทา นํ ตริสฺสตี’’ติ วุเตฺต โส อาห ‘‘ตเวโส มหาสมุทฺทสทิโส, มยฺหํ ปน อชฺฌาสยํ อาคมฺม ขุทฺทกมาติกา วิย ขายติฯ ตฺวํเยว มํ ทกฺขิสฺสสิ สมุทฺทํ ตริตฺวา สมุทฺทปารโต ธนํ อาหริตฺวา กุลสนฺตกํ รชฺชํ คเหตฺวา ทานํ ททมาน’’นฺติฯ เทวตา ‘‘อโนมปุริเสน คหิตคหณํ น สกฺกา วิสฺสชฺชาเปตุ’’นฺติ โพธิสตฺตํ อาลิเงฺคตฺวา หริตฺวา อุยฺยาเน นิปชฺชาเปสิฯ โส ฉตฺตํ อุสฺสาเปตฺวา ทิวเส ทิวเส ปญฺจสตสหสฺสปริจฺจาคํ กตฺวา อปรภาเค นิกฺขมฺม ปพฺพชิโตฯ เอวํ มหาสโตฺต น สกฺกา เกนจิ สมเณน วา…เป.… พฺรหฺมุนา วา กุสลสมาทานํ วิสฺสชฺชาเปตุํฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ทฬฺหสมาทาโน อโหสิ กุสเลสุ ธเมฺมสุ อวตฺถิตสมาทาโน’’ติฯ

    Tatrimāni vatthūni – pubbe kira mahāpuriso kalandakayoniyaṃ nibbatti. Atha deve vuṭṭhe ogho āgantvā kulāvakaṃ gahetvā samuddameva pavesesi. Mahāpuriso ‘‘puttake nīharissāmī’’ti naṅguṭṭhaṃ temetvā temetvā samuddato udakaṃ bahi khipi. Sattame divase sakko āvajjitvā tattha āgamma ‘‘kiṃ karosī’’ti pucchi? So tassa ārocesi. Sakko mahāsamuddato udakassa dunnīharaṇīyabhāvaṃ kathesi. Bodhisatto tādisena kusītena saddhiṃ kathetumpi na vaṭṭati. ‘‘Mā idha tiṭṭhā’’ti apasāresi. Sakko ‘‘anomapurisena gahitagahaṇaṃ na sakkā vissajjāpetu’’nti tuṭṭho tassa puttake ānetvā adāsi. Mahājanakakālepi mahāsamuddaṃ taramāno ‘‘kasmā mahāsamuddaṃ tarasī’’ti devatāya puṭṭho ‘‘pāraṃ gantvā kulasantake raṭṭhe rajjaṃ gahetvā dānaṃ dātuṃ tarāmī’’ti āha. Tato devatāya – ‘‘ayaṃ mahāsamuddo gambhīro ceva puthulo ca, kadā naṃ tarissatī’’ti vutte so āha ‘‘taveso mahāsamuddasadiso, mayhaṃ pana ajjhāsayaṃ āgamma khuddakamātikā viya khāyati. Tvaṃyeva maṃ dakkhissasi samuddaṃ taritvā samuddapārato dhanaṃ āharitvā kulasantakaṃ rajjaṃ gahetvā dānaṃ dadamāna’’nti. Devatā ‘‘anomapurisena gahitagahaṇaṃ na sakkā vissajjāpetu’’nti bodhisattaṃ āliṅgetvā haritvā uyyāne nipajjāpesi. So chattaṃ ussāpetvā divase divase pañcasatasahassapariccāgaṃ katvā aparabhāge nikkhamma pabbajito. Evaṃ mahāsatto na sakkā kenaci samaṇena vā…pe… brahmunā vā kusalasamādānaṃ vissajjāpetuṃ. Tena vuttaṃ – ‘‘daḷhasamādāno ahosi kusalesu dhammesu avatthitasamādāno’’ti.

    อิทานิ เยสุ กุสเลสุ ธเมฺมสุ อวตฺถิตสมาทาโน อโหสิ, เต ทเสฺสตุํ กายสุจริเตติอาทิมาหฯ ทานสํวิภาเคติ เอตฺถ จ ทานเมว ทิยฺยนวเสน ทานํ, สํวิภาคกรณวเสน สํวิภาโคฯ สีลสมาทาเนติ ปญฺจสีลทสสีลจตุปาริสุทฺธิสีลปูรณกาเลฯ อุโปสถูปวาเสติ จาตุทฺทสิกาทิเภทสฺส อุโปสถสฺส อุปวสนกาเลฯ มเตฺตยฺยตายาติ มาตุกาตพฺพวเตฺตฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ อญฺญตรญฺญตเรสุ จาติ อเญฺญสุ จ เอวรูเปสุฯ อธิกุสเลสูติ เอตฺถ อตฺถิ กุสลา, อตฺถิ อธิกุสลาฯ สเพฺพปิ กามาวจรา กุสลา กุสลา นาม, รูปาวจรา อธิกุสลาฯ อุโภปิ เต กุสลา นาม, อรูปาวจรา อธิกุสลาฯ สเพฺพปิ เต กุสลา นาม, สาวกปารมีปฎิลาภปจฺจยา กุสลา อธิกุสลา นามฯ เตปิ กุสลา นาม, ปเจฺจกโพธิปฎิลาภปจฺจยา กุสลา อธิกุสลาฯ เตปิ กุสลา นาม, สพฺพญฺญุตญฺญาณปฺปฎิลาภปจฺจยา ปน กุสลา อิธ ‘‘อธิกุสลา’’ติ อธิเปฺปตาฯ เตสุ อธิกุสเลสุ ธเมฺมสุ ทฬฺหสมาทาโน อโหสิ อวตฺถิตสมาทาโนฯ

    Idāni yesu kusalesu dhammesu avatthitasamādāno ahosi, te dassetuṃ kāyasucaritetiādimāha. Dānasaṃvibhāgeti ettha ca dānameva diyyanavasena dānaṃ, saṃvibhāgakaraṇavasena saṃvibhāgo. Sīlasamādāneti pañcasīladasasīlacatupārisuddhisīlapūraṇakāle. Uposathūpavāseti cātuddasikādibhedassa uposathassa upavasanakāle. Matteyyatāyāti mātukātabbavatte. Sesapadesupi eseva nayo. Aññataraññataresu cāti aññesu ca evarūpesu. Adhikusalesūti ettha atthi kusalā, atthi adhikusalā. Sabbepi kāmāvacarā kusalā kusalā nāma, rūpāvacarā adhikusalā. Ubhopi te kusalā nāma, arūpāvacarā adhikusalā. Sabbepi te kusalā nāma, sāvakapāramīpaṭilābhapaccayā kusalā adhikusalā nāma. Tepi kusalā nāma, paccekabodhipaṭilābhapaccayā kusalā adhikusalā. Tepi kusalā nāma, sabbaññutaññāṇappaṭilābhapaccayā pana kusalā idha ‘‘adhikusalā’’ti adhippetā. Tesu adhikusalesu dhammesu daḷhasamādāno ahosi avatthitasamādāno.

    กฎตฺตา อุปจิตตฺตาติ เอตฺถ สกิมฺปิ กตํ กตเมว, อภิณฺหกรเณน ปน อุปจิตํ โหติฯ อุสฺสนฺนตฺตาติ ปิณฺฑีกตํ ราสีกตํ กมฺมํ อุสฺสนฺนนฺติ วุจฺจติฯ ตสฺมา ‘‘อุสฺสนฺนตฺตา’’ติ วทโนฺต มยา กตกมฺมสฺส จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ, ภวคฺคํ อตินีจํ, เอวํ เม อุสฺสนฺนํ กมฺมนฺติ ทเสฺสติฯ วิปุลตฺตาติ อปฺปมาณตฺตาฯ อิมินา ‘‘อนนฺตํ อปริมาณํ มยา กตํ กมฺม’’นฺติ ทเสฺสติฯ อธิคฺคณฺหาตีติ อธิภวติ, อเญฺญหิ เทเวหิ อติเรกํ ลภตีติ อโตฺถฯ ปฎิลภตีติ อธิคจฺฉติฯ

    Kaṭattā upacitattāti ettha sakimpi kataṃ katameva, abhiṇhakaraṇena pana upacitaṃ hoti. Ussannattāti piṇḍīkataṃ rāsīkataṃ kammaṃ ussannanti vuccati. Tasmā ‘‘ussannattā’’ti vadanto mayā katakammassa cakkavāḷaṃ atisambādhaṃ, bhavaggaṃ atinīcaṃ, evaṃ me ussannaṃ kammanti dasseti. Vipulattāti appamāṇattā. Iminā ‘‘anantaṃ aparimāṇaṃ mayā kataṃ kamma’’nti dasseti. Adhiggaṇhātīti adhibhavati, aññehi devehi atirekaṃ labhatīti attho. Paṭilabhatīti adhigacchati.

    สพฺพาวเนฺตหิ ปาทตเลหีติ อิทํ ‘‘สมํ ปาทํ ภูมิยํ นิกฺขิปตี’’ติ เอตสฺส วิตฺถารวจนํฯ ตตฺถ สพฺพาวเนฺตหีติ สพฺพปเทสวเนฺตหิ, น เอเกน ปเทเสน ปฐมํ ผุสติ, น เอเกน ปจฺฉา, สเพฺพเหว ปาทตเลหิ สมํ ผุสติ, สมํ อุทฺธรติฯ สเจปิ หิ ตถาคโต ‘‘อเนกสตโปริสํ นรกํ อกฺกมิสฺสามี’’ติ ปาทํ อภินีหรติฯ ตาวเทว นินฺนฎฺฐานํ วาตปูริตา วิย กมฺมารภสฺตา อุนฺนมิตฺวา ปถวิสมํ โหติฯ อุนฺนตฎฺฐานมฺปิ อโนฺต ปวิสติฯ ‘‘ทูเร อกฺกมิสฺสามี’’ติ อภินีหรนฺตสฺส สิเนรุปฺปมาโณปิ ปพฺพโต สุเสทิตเวตฺตงฺกุโร วิย โอนมิตฺวา ปาทสมีปํ อาคจฺฉติฯ ตถา หิสฺส ยมกปาฎิหาริยํ กตฺวา ‘‘ยุคนฺธรปพฺพตํ อกฺกมิสฺสามี’’ติ ปาเท อภินีหเฎ ปพฺพโต โอนมิตฺวา ปาทสมีปํ อาคโตฯ โสปิ ตํ อกฺกมิตฺวา ทุติยปาเทน ตาวติํสภวนํ อกฺกมิฯ น หิ จกฺกลกฺขเณน ปติฎฺฐาตพฺพฎฺฐานํ วิสมํ ภวิตุํ สโกฺกติฯ ขาณุ วา กณฺฎโก วา สกฺขรา วา กถลา วา อุจฺจารปสฺสาวเขฬสิงฺฆาณิกาทีนิ วา ปุริมตรํ วา อปคจฺฉนฺติ, ตตฺถ ตเตฺถว วา ปถวิํ ปวิสนฺติฯ ตถาคตสฺส หิ สีลเตเชน ปุญฺญเตเชน ธมฺมเตเชน ทสนฺนํ ปารมีนํ อานุภาเวน อยํ มหาปถวี สมฺมา มุทุปุปฺผาภิกิณฺณา โหติฯ

    Sabbāvantehi pādatalehīti idaṃ ‘‘samaṃ pādaṃ bhūmiyaṃ nikkhipatī’’ti etassa vitthāravacanaṃ. Tattha sabbāvantehīti sabbapadesavantehi, na ekena padesena paṭhamaṃ phusati, na ekena pacchā, sabbeheva pādatalehi samaṃ phusati, samaṃ uddharati. Sacepi hi tathāgato ‘‘anekasataporisaṃ narakaṃ akkamissāmī’’ti pādaṃ abhinīharati. Tāvadeva ninnaṭṭhānaṃ vātapūritā viya kammārabhastā unnamitvā pathavisamaṃ hoti. Unnataṭṭhānampi anto pavisati. ‘‘Dūre akkamissāmī’’ti abhinīharantassa sineruppamāṇopi pabbato suseditavettaṅkuro viya onamitvā pādasamīpaṃ āgacchati. Tathā hissa yamakapāṭihāriyaṃ katvā ‘‘yugandharapabbataṃ akkamissāmī’’ti pāde abhinīhaṭe pabbato onamitvā pādasamīpaṃ āgato. Sopi taṃ akkamitvā dutiyapādena tāvatiṃsabhavanaṃ akkami. Na hi cakkalakkhaṇena patiṭṭhātabbaṭṭhānaṃ visamaṃ bhavituṃ sakkoti. Khāṇu vā kaṇṭako vā sakkharā vā kathalā vā uccārapassāvakheḷasiṅghāṇikādīni vā purimataraṃ vā apagacchanti, tattha tattheva vā pathaviṃ pavisanti. Tathāgatassa hi sīlatejena puññatejena dhammatejena dasannaṃ pāramīnaṃ ānubhāvena ayaṃ mahāpathavī sammā mudupupphābhikiṇṇā hoti.

    ๒๐๒. สาครปริยนฺตนฺติ สาครสีมํฯ น หิ ตสฺส รชฺชํ กโรนฺตสฺส อนฺตรา รุโกฺข วา ปพฺพโต วา นที วา สีมา โหติ มหาสมุโทฺทว สีมาฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สาครปริยนฺต’’นฺติฯ อขิลมนิมิตฺตมกณฺฎกนฺติ นิโจฺจรํฯ โจรา หิ ขรสมฺผสฺสเฎฺฐน ขิลา, อุปทฺทวปจฺจยเฎฺฐน นิมิตฺตา, วิชฺฌนเฎฺฐน กณฺฎกาติ วุจฺจนฺติฯ อิทฺธนฺติ สมิทฺธํฯ ผีตนฺติ สพฺพสมฺปตฺติผาลิผุลฺลํฯ เขมนฺติ นิพฺภยํฯ สิวนฺติ นิรุปทฺทวํฯ นิรพฺพุทนฺติ อพฺพุทวิรหิตํ, คุมฺพํ คุมฺพํ หุตฺวา จรเนฺตหิ โจเรหิ วิรหิตนฺติ อโตฺถฯ อกฺขมฺภิโยติ อวิกฺขมฺภนีโยฯ น นํ โกจิ ฐานโต จาเลตุํ สโกฺกติฯ ปจฺจตฺถิเกนาติ ปฎิปกฺขํ อิจฺฉเนฺตนฯ ปจฺจามิเตฺตนาติ ปฎิวิรุเทฺธน อมิเตฺตนฯ อุภยเมฺปตํ สปตฺตเววจนํฯ อพฺภนฺตเรหีติ อโนฺต อุฎฺฐิเตหิ ราคาทีหิฯ

    202.Sāgarapariyantanti sāgarasīmaṃ. Na hi tassa rajjaṃ karontassa antarā rukkho vā pabbato vā nadī vā sīmā hoti mahāsamuddova sīmā. Tena vuttaṃ ‘‘sāgarapariyanta’’nti. Akhilamanimittamakaṇṭakanti niccoraṃ. Corā hi kharasamphassaṭṭhena khilā, upaddavapaccayaṭṭhena nimittā, vijjhanaṭṭhena kaṇṭakāti vuccanti. Iddhanti samiddhaṃ. Phītanti sabbasampattiphāliphullaṃ. Khemanti nibbhayaṃ. Sivanti nirupaddavaṃ. Nirabbudanti abbudavirahitaṃ, gumbaṃ gumbaṃ hutvā carantehi corehi virahitanti attho. Akkhambhiyoti avikkhambhanīyo. Na naṃ koci ṭhānato cāletuṃ sakkoti. Paccatthikenāti paṭipakkhaṃ icchantena. Paccāmittenāti paṭiviruddhena amittena. Ubhayampetaṃ sapattavevacanaṃ. Abbhantarehīti anto uṭṭhitehi rāgādīhi.

    พาหิเรหีติ สมณาทีหิฯ ตถา หิ นํ พาหิรา เทวทตฺตโกกาลิกาทโย สมณาปิ โสณทณฺฑกูฎทณฺฑาทโย พฺราหฺมณาปิ สกฺกสทิสา เทวตาปิ สตฺต วสฺสานิ อนุพนฺธมาโน มาโรปิ พกาทโย พฺรหฺมาโนปิ วิกฺขเมฺภตุํ นาสกฺขิํสุฯ

    Bāhirehīti samaṇādīhi. Tathā hi naṃ bāhirā devadattakokālikādayo samaṇāpi soṇadaṇḍakūṭadaṇḍādayo brāhmaṇāpi sakkasadisā devatāpi satta vassāni anubandhamāno māropi bakādayo brahmānopi vikkhambhetuṃ nāsakkhiṃsu.

    เอตฺตาวตา ภควตา กมฺมญฺจ กมฺมสริกฺขกญฺจ ลกฺขณญฺจ ลกฺขณานิสํโส จ วุโตฺต โหติฯ กมฺมํ นาม สตสหสฺสกปฺปาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ ทฬฺหวีริเยน หุตฺวา กตํ กมฺมํฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม ทเฬฺหน หุตฺวา กตภาวํ สเทวโก โลโก ชานาตูติ สุปฺปติฎฺฐิตปาทมหาปุริสลกฺขณํฯ ลกฺขณํ นาม สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาฯ ลกฺขณานิสํโส นาม ปจฺจตฺถิเกหิ อวิกฺขมฺภนียตาฯ

    Ettāvatā bhagavatā kammañca kammasarikkhakañca lakkhaṇañca lakkhaṇānisaṃso ca vutto hoti. Kammaṃ nāma satasahassakappādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni daḷhavīriyena hutvā kataṃ kammaṃ. Kammasarikkhakaṃ nāma daḷhena hutvā katabhāvaṃ sadevako loko jānātūti suppatiṭṭhitapādamahāpurisalakkhaṇaṃ. Lakkhaṇaṃ nāma suppatiṭṭhitapādatā. Lakkhaṇānisaṃso nāma paccatthikehi avikkhambhanīyatā.

    ๒๐๓. ตเตฺถตํ วุจฺจตีติ ตตฺถ วุเตฺต กมฺมาทิเภเท อปรมฺปิ อิทํ วุจฺจติ, คาถาพนฺธํ สนฺธาย วุตฺตํฯ เอตา ปน คาถา โปราณกเตฺถรา ‘‘อานนฺทเตฺถเรน ฐปิตา วณฺณนาคาถา’’ติ วตฺวา คตาฯ อปรภาเค เถรา ‘‘เอกปทิโก อตฺถุทฺธาโร’’ติ อาหํสุฯ

    203.Tatthetaṃvuccatīti tattha vutte kammādibhede aparampi idaṃ vuccati, gāthābandhaṃ sandhāya vuttaṃ. Etā pana gāthā porāṇakattherā ‘‘ānandattherena ṭhapitā vaṇṇanāgāthā’’ti vatvā gatā. Aparabhāge therā ‘‘ekapadiko atthuddhāro’’ti āhaṃsu.

    ตตฺถ สเจฺจติ วจีสเจฺจฯ ธเมฺมติ ทสกุสลกมฺมปถธเมฺมฯ ทเมติ อินฺทฺริยทมเนฯ สํยเมติ สีลสํยเมฯ ‘‘โสเจยฺยสีลาลยุโปสเถสุ จา’’ติ เอตฺถ กายโสเจยฺยาทิ ติวิธํ โสเจยฺยํฯ อาลยภูตํ สีลเมว สีลาลโยฯ อุโปสถกมฺมํ อุโปสโถฯ อหิํสายาติ อวิหิํสายฯ สมตฺตมาจรีติ สกลํ อจริฯ

    Tattha sacceti vacīsacce. Dhammeti dasakusalakammapathadhamme. Dameti indriyadamane. Saṃyameti sīlasaṃyame. ‘‘Soceyyasīlālayuposathesu cā’’ti ettha kāyasoceyyādi tividhaṃ soceyyaṃ. Ālayabhūtaṃ sīlameva sīlālayo. Uposathakammaṃ uposatho. Ahiṃsāyāti avihiṃsāya. Samattamācarīti sakalaṃ acari.

    อนฺวภีติ อนุภวิฯ เวยฺยญฺชนิกาติ ลกฺขณปาฐกาฯ ปราภิภูติ ปเร อภิภวนสมโตฺถฯ สตฺตุภีติ สปเตฺตหิ อกฺขมฺภิโย โหติฯ

    Anvabhīti anubhavi. Veyyañjanikāti lakkhaṇapāṭhakā. Parābhibhūti pare abhibhavanasamattho. Sattubhīti sapattehi akkhambhiyo hoti.

    น โส คจฺฉติ ชาตุ ขมฺภนนฺติ โส เอกํเสเนว อคฺคปุคฺคโล วิกฺขเมฺภตพฺพตํ น คจฺฉติฯ เอสา หิ ตสฺส ธมฺมตาติ ตสฺส หิ เอสา ธมฺมตา อยํ สภาโวฯ

    Na so gacchati jātu khambhananti so ekaṃseneva aggapuggalo vikkhambhetabbataṃ na gacchati. Esā hi tassa dhammatāti tassa hi esā dhammatā ayaṃ sabhāvo.

    ปาทตลจกฺกลกฺขณวณฺณนา

    Pādatalacakkalakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๐๔. อุเพฺพคอุตฺตาสภยนฺติ อุเพฺพคภยเญฺจว อุตฺตาสภยญฺจฯ ตตฺถ โจรโต วา ราชโต วา ปจฺจตฺถิกโต วา วิโลปนพนฺธนาทินิสฺสยํ ภยํ อุเพฺพโค นาม, ตํมุหุตฺติกํ จณฺฑหตฺถิอสฺสาทีนิ วา อหิยกฺขาทโย วา ปฎิจฺจ โลมหํสนกรํ ภยํ อุตฺตาสภยํ นามฯ ตํ สพฺพํ อปนุทิตา วูปสเมตาฯ สํวิธาตาติ สํวิทหิตาฯ กถํ สํวิทหติ? อฎวิยํ สาสงฺกฎฺฐาเนสุ ทานสาลํ กาเรตฺวา ตตฺถ อาคเต โภเชตฺวา มนุเสฺส ทตฺวา อติวาเหติ, ตํ ฐานํ ปวิสิตุํ อสโกฺกนฺตานํ มนุเสฺส เปเสตฺวา ปเวเสติฯ นคราทีสุปิ เตสุ เตสุ ฐาเนสุ อารกฺขํ ฐเปติ, เอวํ สํวิทหติฯ สปริวารญฺจ ทานํ อทาสีติ อนฺนํ ปานนฺติ ทสวิธํ ทานวตฺถุํฯ

    204.Ubbegauttāsabhayanti ubbegabhayañceva uttāsabhayañca. Tattha corato vā rājato vā paccatthikato vā vilopanabandhanādinissayaṃ bhayaṃ ubbego nāma, taṃmuhuttikaṃ caṇḍahatthiassādīni vā ahiyakkhādayo vā paṭicca lomahaṃsanakaraṃ bhayaṃ uttāsabhayaṃ nāma. Taṃ sabbaṃ apanuditā vūpasametā. Saṃvidhātāti saṃvidahitā. Kathaṃ saṃvidahati? Aṭaviyaṃ sāsaṅkaṭṭhānesu dānasālaṃ kāretvā tattha āgate bhojetvā manusse datvā ativāheti, taṃ ṭhānaṃ pavisituṃ asakkontānaṃ manusse pesetvā paveseti. Nagarādīsupi tesu tesu ṭhānesu ārakkhaṃ ṭhapeti, evaṃ saṃvidahati. Saparivārañca dānaṃ adāsīti annaṃ pānanti dasavidhaṃ dānavatthuṃ.

    ตตฺถ อนฺนนฺติ ยาคุภตฺตํฯ ตํ ททโนฺต น ทฺวาเร ฐเปตฺวา อทาสิ, อถ โข อโนฺตนิเวสเน หริตุปลิตฺตฎฺฐาเน ลาชา เจว ปุปฺผานิ จ วิกิริตฺวา อาสนํ ปญฺญเปตฺวา วิตานํ พนฺธิตฺวา คนฺธธูมาทีหิ สกฺการํ กตฺวา ภิกฺขุสงฺฆํ นิสีทาเปตฺวา ยาคุํ อทาสิฯ ยาคุํ เทโนฺต จ สพฺยญฺชนํ อทาสิฯ ยาคุปานาวสาเน ปาเท โธวิตฺวา เตเลน มเกฺขตฺวา นานปฺปการกํ อนนฺตํ ขชฺชกํ ทตฺวา ปริโยสาเน อเนกสูปํ อเนกพฺยญฺชนํ ปณีตโภชนํ อทาสิ ฯ ปานํ เทโนฺต อมฺพปานาทิอฎฺฐวิธํ ปานํ อทาสิ, ตมฺปิ ยาคุภตฺตํ ทตฺวาฯ วตฺถํ เทโนฺต น สุทฺธวตฺถเมว อทาสิ, เอกปฎฺฎทุปฎฺฎาทิปโหนกํ ปน ทตฺวา สุจิมฺปิ อทาสิ, สุตฺตมฺปิ อทาสิ, สุตฺตํ วเฎฺฎสิ, สูจิกมฺมกรณฎฺฐาเน ภิกฺขูนํ อาสนานิ, ยาคุภตฺตํ, ปาทมกฺขนํ, ปิฎฺฐิมกฺขนํ, รชนํ, ปณฺฑุปลาสํ, รชนโทณิกํ, อนฺตมโส จีวรรชนกํ กปฺปิยการกมฺปิ อทาสิฯ

    Tattha annanti yāgubhattaṃ. Taṃ dadanto na dvāre ṭhapetvā adāsi, atha kho antonivesane haritupalittaṭṭhāne lājā ceva pupphāni ca vikiritvā āsanaṃ paññapetvā vitānaṃ bandhitvā gandhadhūmādīhi sakkāraṃ katvā bhikkhusaṅghaṃ nisīdāpetvā yāguṃ adāsi. Yāguṃ dento ca sabyañjanaṃ adāsi. Yāgupānāvasāne pāde dhovitvā telena makkhetvā nānappakārakaṃ anantaṃ khajjakaṃ datvā pariyosāne anekasūpaṃ anekabyañjanaṃ paṇītabhojanaṃ adāsi . Pānaṃ dento ambapānādiaṭṭhavidhaṃ pānaṃ adāsi, tampi yāgubhattaṃ datvā. Vatthaṃ dento na suddhavatthameva adāsi, ekapaṭṭadupaṭṭādipahonakaṃ pana datvā sucimpi adāsi, suttampi adāsi, suttaṃ vaṭṭesi, sūcikammakaraṇaṭṭhāne bhikkhūnaṃ āsanāni, yāgubhattaṃ, pādamakkhanaṃ, piṭṭhimakkhanaṃ, rajanaṃ, paṇḍupalāsaṃ, rajanadoṇikaṃ, antamaso cīvararajanakaṃ kappiyakārakampi adāsi.

    ยานนฺติ อุปาหนํฯ ตํ ททโนฺตปิ อุปาหนตฺถวิกํ อุปาหนทณฺฑกํ มกฺขนเตลํ เหฎฺฐา วุตฺตานิ จ อนฺนาทีนิ ตเสฺสว ปริวารํ กตฺวา อทาสิฯ มาลํ เทโนฺตปิ น สุทฺธมาลเมว อทาสิ, อถ โข นํ คเนฺธหิ มิเสฺสตฺวา เหฎฺฐิมานิ จตฺตาริ ตเสฺสว ปริวารํ กตฺวา อทาสิฯ โพธิเจติยอาสนโปตฺถกาทิปูชนตฺถาย เจว เจติยฆรธูปนตฺถาย จ คนฺธํ เทโนฺตปิ น สุทฺธคนฺธเมว อทาสิ, คนฺธปิสนกนิสทาย เจว ปกฺขิปนกภาชเนน จ สทฺธิํ เหฎฺฐิมานิ ปญฺจ ตสฺส ปริวารํ กตฺวา อทาสิฯ เจติยปูชาทีนํ อตฺถาย หริตาลมโนสิลาจีนปิฎฺฐาทิวิเลปนํ เทโนฺตปิ น สุทฺธวิเลปนเมว อทาสิ, วิเลปนภาชเนน สทฺธิํ เหฎฺฐิมานิ ฉ ตสฺส ปริวารํ กตฺวา อทาสิฯ เสยฺยาติ มญฺจปีฐํฯ ตํ เทโนฺตปิ น สุทฺธกเมว อทาสิ, โกชวกมฺพลปจฺจตฺถรณมญฺจปฺปฎิปาทเกหิ สทฺธิํ อนฺตมโส มงฺคุลโสธนทณฺฑกํ เหฎฺฐิมานิ จ สตฺต ตสฺส ปริวารํ กตฺวา อทาสิฯ อาวสถํ เทโนฺตปิ น เคหมตฺตเมว อทาสิ, อถ โข นํ มาลากมฺมลตากมฺมปฎิมณฺฑิตํ สุปญฺญตฺตํ มญฺจปีฐํ กาเรตฺวา เหฎฺฐิมานิ อฎฺฐ ตสฺส ปริวารํ กตฺวา อทาสิฯ ปทีเปยฺยนฺติ ปทีปเตลํฯ ตํ เทโนฺต เจติยงฺคเณ โพธิยงฺคเณ ธมฺมสฺสวนเคฺค วสนเคเห โปตฺถกวาจนฎฺฐาเน อิมินา ทีปํ ชาลาเปถาติ น สุทฺธเตลเมว อทาสิ, วฎฺฎิ กปลฺลกเตลภาชนาทีหิ สทฺธิํ เหฎฺฐิมานิ นว ตสฺส ปริวารํ กตฺวา อทาสิฯ สุวิภตฺตนฺตรานีติ สุวิภตฺตอนฺตรานิฯ

    Yānanti upāhanaṃ. Taṃ dadantopi upāhanatthavikaṃ upāhanadaṇḍakaṃ makkhanatelaṃ heṭṭhā vuttāni ca annādīni tasseva parivāraṃ katvā adāsi. Mālaṃ dentopi na suddhamālameva adāsi, atha kho naṃ gandhehi missetvā heṭṭhimāni cattāri tasseva parivāraṃ katvā adāsi. Bodhicetiyaāsanapotthakādipūjanatthāya ceva cetiyagharadhūpanatthāya ca gandhaṃ dentopi na suddhagandhameva adāsi, gandhapisanakanisadāya ceva pakkhipanakabhājanena ca saddhiṃ heṭṭhimāni pañca tassa parivāraṃ katvā adāsi. Cetiyapūjādīnaṃ atthāya haritālamanosilācīnapiṭṭhādivilepanaṃ dentopi na suddhavilepanameva adāsi, vilepanabhājanena saddhiṃ heṭṭhimāni cha tassa parivāraṃ katvā adāsi. Seyyāti mañcapīṭhaṃ. Taṃ dentopi na suddhakameva adāsi, kojavakambalapaccattharaṇamañcappaṭipādakehi saddhiṃ antamaso maṅgulasodhanadaṇḍakaṃ heṭṭhimāni ca satta tassa parivāraṃ katvā adāsi. Āvasathaṃ dentopi na gehamattameva adāsi, atha kho naṃ mālākammalatākammapaṭimaṇḍitaṃ supaññattaṃ mañcapīṭhaṃ kāretvā heṭṭhimāni aṭṭha tassa parivāraṃ katvā adāsi. Padīpeyyanti padīpatelaṃ. Taṃ dento cetiyaṅgaṇe bodhiyaṅgaṇe dhammassavanagge vasanagehe potthakavācanaṭṭhāne iminā dīpaṃ jālāpethāti na suddhatelameva adāsi, vaṭṭi kapallakatelabhājanādīhi saddhiṃ heṭṭhimāni nava tassa parivāraṃ katvā adāsi. Suvibhattantarānīti suvibhattaantarāni.

    ราชาโนติ อภิสิตฺตาฯ โภคิยาติ โภชกา กุมาราติ ราชกุมาราฯ อิธ กมฺมํ นาม สปริวารํ ทานํฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม สปริวารํ กตฺวา ทานํ อทาสีติ อิมินา การเณน สเทวโก โลโก ชานาตูติ นิพฺพตฺตํ จกฺกลกฺขณํฯ ลกฺขณํ นาม ตเทว จกฺกลกฺขณํฯ อานิสํโส มหาปริวารตาฯ

    Rājānoti abhisittā. Bhogiyāti bhojakā kumārāti rājakumārā. Idha kammaṃ nāma saparivāraṃ dānaṃ. Kammasarikkhakaṃ nāma saparivāraṃ katvā dānaṃ adāsīti iminā kāraṇena sadevako loko jānātūti nibbattaṃ cakkalakkhaṇaṃ. Lakkhaṇaṃ nāma tadeva cakkalakkhaṇaṃ. Ānisaṃso mahāparivāratā.

    ๒๐๕. ตเตฺถตํ วุจฺจตีติ อิมา ตทตฺถปริทีปนา คาถา วุจฺจนฺติฯ ทุวิธา หิ คาถา โหนฺติ – ตทตฺถปริทีปนา จ วิเสสตฺถปริทีปนา จฯ ตตฺถ ปาฬิอาคตเมว อตฺถํ ปริทีปนา ตทตฺถปริทีปนา นามฯ ปาฬิยํ อนาคตํ ปริทีปนา วิเสสตฺถปริทีปนา นามฯ อิมา ปน ตทตฺถปริทีปนาฯ ตตฺถ ปุเรติ ปุเพฺพฯ ปุรตฺถาติ ตเสฺสว เววจนํฯ ปุริมาสุ ชาตีสูติ อิมิสฺสา ชาติยา ปุเพฺพกตกมฺมปฎิเกฺขปทีปนํฯ อุเพฺพคอุตฺตาสภยาปนูทโนติ อุเพฺพคภยสฺส จ อุตฺตาสภยสฺส จ อปนูทโนฯ อุสฺสุโกติ อธิมุโตฺตฯ

    205.Tatthetaṃ vuccatīti imā tadatthaparidīpanā gāthā vuccanti. Duvidhā hi gāthā honti – tadatthaparidīpanā ca visesatthaparidīpanā ca. Tattha pāḷiāgatameva atthaṃ paridīpanā tadatthaparidīpanā nāma. Pāḷiyaṃ anāgataṃ paridīpanā visesatthaparidīpanā nāma. Imā pana tadatthaparidīpanā. Tattha pureti pubbe. Puratthāti tasseva vevacanaṃ. Purimāsu jātīsūti imissā jātiyā pubbekatakammapaṭikkhepadīpanaṃ. Ubbegauttāsabhayāpanūdanoti ubbegabhayassa ca uttāsabhayassa ca apanūdano. Ussukoti adhimutto.

    สตปุญฺญลกฺขณนฺติ สเตน สเตน ปุญฺญกเมฺมน นิพฺพตฺตํ เอเกกํ ลกฺขณํฯ เอวํ สเนฺต โย โกจิ พุโทฺธ ภเวยฺยาติ น โรจยิํสุ, อนเนฺตสุ ปน จกฺกวาเฬสุ สเพฺพ สตฺตา เอเกกํ กมฺมํ สตกฺขตฺตุํ กเรยฺยุํ, เอตฺตเกหิ ชเนหิ กตํ กมฺมํ โพธิสโตฺต เอโกว เอเกกํ สตคุณํ กตฺวา นิพฺพโตฺตฯ ตสฺมา ‘‘สตปุญฺญลกฺขโณ’’ติ อิมมตฺถํ โรจยิํสุฯ มนุสฺสาสุรสกฺกรกฺขสาติ มนุสฺสา จ อสุรา จ สกฺกา จ รกฺขสา จฯ

    Satapuññalakkhaṇanti satena satena puññakammena nibbattaṃ ekekaṃ lakkhaṇaṃ. Evaṃ sante yo koci buddho bhaveyyāti na rocayiṃsu, anantesu pana cakkavāḷesu sabbe sattā ekekaṃ kammaṃ satakkhattuṃ kareyyuṃ, ettakehi janehi kataṃ kammaṃ bodhisatto ekova ekekaṃ sataguṇaṃ katvā nibbatto. Tasmā ‘‘satapuññalakkhaṇo’’ti imamatthaṃ rocayiṃsu. Manussāsurasakkarakkhasāti manussā ca asurā ca sakkā ca rakkhasā ca.

    อายตปณฺหิตาทิติลกฺขณวณฺณนา

    Āyatapaṇhitāditilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๐๖. อนฺตราติ ปฎิสนฺธิโต สรสจุติยา อนฺตเรฯ อิธ กมฺมํ นาม ปาณาติปาตา วิรติฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม ปาณาติปาตํ กโรโนฺต ปทสทฺทสวนภยา อคฺคคฺคปาเทหิ อกฺกมนฺตา คนฺตฺวา ปรํ ปาเตนฺติฯ อถ เต อิมินา การเณน เตสํ ตํ กมฺมํ ชโน ชานาตูติ อโนฺตวงฺกปาทา วา พหิวงฺกปาทา วา อุกฺกุฎิกปาทา วา อคฺคโกณฺฑา วา ปณฺหิโกณฺฑา วา ภวนฺติฯ อคฺคปาเทหิ คนฺตฺวา ปรสฺส อมาริตภาวํ ปน ตถาคตสฺส สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ อายตปณฺหิ มหาปุริสลกฺขณํ นิพฺพตฺตติ ฯ ตถา ปรํ ฆาเตนฺตา อุนฺนตกาเยน คจฺฉนฺตา อเญฺญ ปสฺสิสฺสนฺตีติ โอนตา คนฺตฺวา ปรํ ฆาเตนฺติฯ อถ เต เอวมิเม คนฺตฺวา ปรํ ฆาตยิํสูติ เนสํ ตํ กมฺมํ อิมินา การเณน ปโร ชานาตูติ ขุชฺชา วา วามนา วา ปีฐสปฺปิ วา ภวนฺติฯ ตถาคตสฺส ปน เอวํ คนฺตฺวา ปเรสํ อฆาติตภาวํ อิมินา การเณน สเทวโก โลโก ชานาตูติ พฺรหฺมุชุคตฺตมหาปุริสลกฺขณํ นิพฺพตฺตติฯ ตถา ปรํ ฆาเตนฺตา อาวุธํ วา มุคฺครํ วา คณฺหิตฺวา มุฎฺฐิกตหตฺถา ปรํ ฆาเตนฺติฯ เต เอวํ เตสํ ปรสฺส ฆาติตภาวํ อิมินา การเณน ชโน ชานาตูติ รสฺสงฺคุลี วา รสฺสหตฺถา วา วงฺกงฺคุลี วา ผณหตฺถกา วา ภวนฺติฯ ตถาคตสฺส ปน เอวํ ปเรสํ อฆาติตภาวํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ ทีฆงฺคุลิมหาปุริสลกฺขณํ นิพฺพตฺตติฯ อิทเมตฺถ กมฺมสริกฺขกํฯ อิทเมว ปน ลกฺขณตฺตยํ ลกฺขณํ นามฯ ทีฆายุกภาโว ลกฺขณานิสํโสฯ

    206.Antarāti paṭisandhito sarasacutiyā antare. Idha kammaṃ nāma pāṇātipātā virati. Kammasarikkhakaṃ nāma pāṇātipātaṃ karonto padasaddasavanabhayā aggaggapādehi akkamantā gantvā paraṃ pātenti. Atha te iminā kāraṇena tesaṃ taṃ kammaṃ jano jānātūti antovaṅkapādā vā bahivaṅkapādā vā ukkuṭikapādā vā aggakoṇḍā vā paṇhikoṇḍā vā bhavanti. Aggapādehi gantvā parassa amāritabhāvaṃ pana tathāgatassa sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti āyatapaṇhi mahāpurisalakkhaṇaṃ nibbattati . Tathā paraṃ ghātentā unnatakāyena gacchantā aññe passissantīti onatā gantvā paraṃ ghātenti. Atha te evamime gantvā paraṃ ghātayiṃsūti nesaṃ taṃ kammaṃ iminā kāraṇena paro jānātūti khujjā vā vāmanā vā pīṭhasappi vā bhavanti. Tathāgatassa pana evaṃ gantvā paresaṃ aghātitabhāvaṃ iminā kāraṇena sadevako loko jānātūti brahmujugattamahāpurisalakkhaṇaṃ nibbattati. Tathā paraṃ ghātentā āvudhaṃ vā muggaraṃ vā gaṇhitvā muṭṭhikatahatthā paraṃ ghātenti. Te evaṃ tesaṃ parassa ghātitabhāvaṃ iminā kāraṇena jano jānātūti rassaṅgulī vā rassahatthā vā vaṅkaṅgulī vā phaṇahatthakā vā bhavanti. Tathāgatassa pana evaṃ paresaṃ aghātitabhāvaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti dīghaṅgulimahāpurisalakkhaṇaṃ nibbattati. Idamettha kammasarikkhakaṃ. Idameva pana lakkhaṇattayaṃ lakkhaṇaṃ nāma. Dīghāyukabhāvo lakkhaṇānisaṃso.

    ๒๐๗. มรณวธภยตฺตโนติ เอตฺถ มรณสงฺขาโต วโธ มรณวโธ, มรณวธโต ภยํ มรณวธภยํ, ตํ อตฺตโน ชานิตฺวาฯ ปฎิวิรโต ปรํมารณายาติ ยถา มยฺหํ มรณโต ภยํ มม ชีวิตํ ปิยํ, เอวํ ปเรสมฺปีติ ญตฺวา ปรํ มารณโต ปฎิวิรโต อโหสิฯ สุจริเตนาติ สุจิเณฺณนฯ สคฺคมคมาติ สคฺคํ คโตฯ

    207.Maraṇavadhabhayattanoti ettha maraṇasaṅkhāto vadho maraṇavadho, maraṇavadhato bhayaṃ maraṇavadhabhayaṃ, taṃ attano jānitvā. Paṭivirato paraṃmāraṇāyāti yathā mayhaṃ maraṇato bhayaṃ mama jīvitaṃ piyaṃ, evaṃ paresampīti ñatvā paraṃ māraṇato paṭivirato ahosi. Sucaritenāti suciṇṇena. Saggamagamāti saggaṃ gato.

    จวิย ปุนริธาคโตติ จวิตฺวา ปุน อิธาคโตฯ ทีฆปาสณฺหิโกติ ทีฆปณฺหิโกฯ พฺรหฺมาว สุชูติ พฺรหฺมา วิย สุฎฺฐุ อุชุฯ

    Caviya punaridhāgatoti cavitvā puna idhāgato. Dīghapāsaṇhikoti dīghapaṇhiko. Brahmāva sujūti brahmā viya suṭṭhu uju.

    สุภุโชติ สุนฺทรภุโชฯ สุสูติ มหลฺลกกาเลปิ ตรุณรูโปฯ สุสณฺฐิโตติ สุสณฺฐานสมฺปโนฺนฯ มุทุตลุนงฺคุลิยสฺสาติ มุทู จ ตลุนา จ องฺคุลิโย อสฺสฯ ตีภีติ ตีหิฯ ปุริสวรคฺคลกฺขเณหีติ ปุริสวรสฺส อคฺคลกฺขเณหิฯ จิรยปนายาติ จิรํ ยาปนาย, ทีฆายุกภาวายฯ

    Subhujoti sundarabhujo. Susūti mahallakakālepi taruṇarūpo. Susaṇṭhitoti susaṇṭhānasampanno. Mudutalunaṅguliyassāti mudū ca talunā ca aṅguliyo assa. Tībhīti tīhi. Purisavaraggalakkhaṇehīti purisavarassa aggalakkhaṇehi. Cirayapanāyāti ciraṃ yāpanāya, dīghāyukabhāvāya.

    จิรํ ยเปตีติ จิรํ ยาเปติฯ จิรตรํ ปพฺพชติ ยทิ ตโตติ ตโต จิรตรํ ยาเปติ, ยทิ ปพฺพชตีติ อโตฺถฯ ยาปยติ จ วสิทฺธิภาวนายาติ วสิปฺปโตฺต หุตฺวา อิทฺธิภาวนาย ยาเปติฯ

    Ciraṃ yapetīti ciraṃ yāpeti. Cirataraṃ pabbajati yadi tatoti tato cirataraṃ yāpeti, yadi pabbajatīti attho. Yāpayatica vasiddhibhāvanāyāti vasippatto hutvā iddhibhāvanāya yāpeti.

    สตฺตุสฺสทตาลกฺขณวณฺณนา

    Sattussadatālakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๐๘. รสิตานนฺติ รสสมฺปนฺนานํฯ ‘‘ขาทนียาน’’นฺติอาทีสุ ขาทนียานิ นาม ปิฎฺฐขชฺชกาทีนิฯ โภชนียานีติ ปญฺจ โภชนานิฯ สายนียานีติ สายิตพฺพานิ สปฺปินวนีตาทีนิฯ เลหนียานีติ นิเลฺลหิตพฺพานิ ปิฎฺฐปายาสาทีนิฯ ปานานีติ อฎฺฐ ปานกานิฯ

    208.Rasitānanti rasasampannānaṃ. ‘‘Khādanīyāna’’ntiādīsu khādanīyāni nāma piṭṭhakhajjakādīni. Bhojanīyānīti pañca bhojanāni. Sāyanīyānīti sāyitabbāni sappinavanītādīni. Lehanīyānīti nillehitabbāni piṭṭhapāyāsādīni. Pānānīti aṭṭha pānakāni.

    อิธ กมฺมํ นาม กปฺปสตสหสฺสาธิกานิ จตฺตาริ อสเงฺขฺยยฺยานิ ทินฺนํ อิทํ ปณีตโภชนทานํฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม ลูขโภชเน กุจฺฉิคเต โลหิตํ สุสฺสติ, มํสํ มิลายติฯ ตสฺมา ลูขทายกา สตฺตา อิมินา การเณน เนสํ ลูขโภชนสฺส ทินฺนภาวํ ชโน ชานาตูติ อปฺปมํสา อปฺปโลหิตา มนุสฺสเปตา วิย ทุลฺลภนฺนปานา ภวนฺติฯ ปณีตโภชเน ปน กุจฺฉิคเต มํสโลหิตํ วฑฺฒติ, ปริปุณฺณกายา ปาสาทิกา อภิรูปทสฺสนา โหนฺติฯ ตสฺมา ตถาคตสฺส ทีฆรตฺตํ ปณีตโภชนทายกตฺตํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ สตฺตุสฺสทมหาปุริสลกฺขณํ นิพฺพตฺตติฯ ลกฺขณํ นาม สตฺตุสฺสทลกฺขณเมวฯ ปณีตลาภิตา อานิสํโสฯ

    Idha kammaṃ nāma kappasatasahassādhikāni cattāri asaṅkhyeyyāni dinnaṃ idaṃ paṇītabhojanadānaṃ. Kammasarikkhakaṃ nāma lūkhabhojane kucchigate lohitaṃ sussati, maṃsaṃ milāyati. Tasmā lūkhadāyakā sattā iminā kāraṇena nesaṃ lūkhabhojanassa dinnabhāvaṃ jano jānātūti appamaṃsā appalohitā manussapetā viya dullabhannapānā bhavanti. Paṇītabhojane pana kucchigate maṃsalohitaṃ vaḍḍhati, paripuṇṇakāyā pāsādikā abhirūpadassanā honti. Tasmā tathāgatassa dīgharattaṃ paṇītabhojanadāyakattaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti sattussadamahāpurisalakkhaṇaṃ nibbattati. Lakkhaṇaṃ nāma sattussadalakkhaṇameva. Paṇītalābhitā ānisaṃso.

    ๒๐๙. ขชฺชโภชฺชมถเลยฺยสายิตนฺติ ขชฺชกญฺจ โภชนญฺจ เลหนียญฺจ สายนียญฺจฯ อุตฺตมคฺครสทายโกติ อุตฺตโม อคฺครสทายโก, อุตฺตมานํ วา อคฺครสานํ ทายโกฯ

    209.Khajjabhojjamathaleyyasāyitanti khajjakañca bhojanañca lehanīyañca sāyanīyañca. Uttamaggarasadāyakoti uttamo aggarasadāyako, uttamānaṃ vā aggarasānaṃ dāyako.

    สตฺต จุสฺสเทติ สตฺต จ อุสฺสเทฯ ตทตฺถโชตกนฺติ ขชฺชโภชฺชาทิโชตกํ, เตสํ ลาภสํวตฺตนิกนฺติ อโตฺถฯ ปพฺพชมฺปิ จาติ ปพฺพชมาโนปิ จฯ ตทาธิคจฺฉตีติ ตํ อธิคจฺฉติฯ ลาภิรุตฺตมนฺติ ลาภิ อุตฺตมํฯ

    Satta cussadeti satta ca ussade. Tadatthajotakanti khajjabhojjādijotakaṃ, tesaṃ lābhasaṃvattanikanti attho. Pabbajampi cāti pabbajamānopi ca. Tadādhigacchatīti taṃ adhigacchati. Lābhiruttamanti lābhi uttamaṃ.

    กรจรณาทิลกฺขณวณฺณนา

    Karacaraṇādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๑๐. ทาเนนาติอาทีสุ เอกโจฺจ ทาเนเนว สงฺคณฺหิตโพฺพ โหติ, ตํ ทาเนน สงฺคเหสิฯ ปพฺพชิตานํ ปพฺพชิตปริกฺขารํ, คิหีนํ คิหิปริกฺขารํ อทาสิฯ

    210.Dānenātiādīsu ekacco dāneneva saṅgaṇhitabbo hoti, taṃ dānena saṅgahesi. Pabbajitānaṃ pabbajitaparikkhāraṃ, gihīnaṃ gihiparikkhāraṃ adāsi.

    เปยฺยวเชฺชนาติ เอกโจฺจ หิ ‘‘อยํ ทาตพฺพํ นาม เทติ, เอเกน ปน วจเนน สพฺพํ มเกฺขตฺวา นาเสติ, กิํ เอตสฺส ทาน’’นฺติ วตฺตา โหติฯ เอกโจฺจ ‘‘อยํ กิญฺจาปิ ทานํ น เทติ, กเถโนฺต ปน เตเลน วิย มเกฺขติฯ เอโส เทตุ วา มา วา, วจนเมว ตสฺส สหสฺสํ อคฺฆตี’’ติ วตฺตา โหติฯ เอวรูโป ปุคฺคโล ทานํ น ปจฺจาสีสติ, ปิยวจนเมว ปจฺจาสีสติฯ ตํ ปิยวจเนน สงฺคเหสิฯ

    Peyyavajjenāti ekacco hi ‘‘ayaṃ dātabbaṃ nāma deti, ekena pana vacanena sabbaṃ makkhetvā nāseti, kiṃ etassa dāna’’nti vattā hoti. Ekacco ‘‘ayaṃ kiñcāpi dānaṃ na deti, kathento pana telena viya makkheti. Eso detu vā mā vā, vacanameva tassa sahassaṃ agghatī’’ti vattā hoti. Evarūpo puggalo dānaṃ na paccāsīsati, piyavacanameva paccāsīsati. Taṃ piyavacanena saṅgahesi.

    อตฺถจริยายาติ อตฺถสํวฑฺฒนกถายฯ เอกโจฺจ หิ เนว ทานํ, น ปิยวจนํ ปจฺจาสีสติฯ อตฺตโน หิตกถํ วฑฺฒิตกถเมว ปจฺจาสีสติฯ เอวรูปํ ปุคฺคลํ ‘‘อิทํ เต กาตพฺพํ, อิทํ เต น กาตพฺพํฯ เอวรูโป ปุคฺคโล เสวิตโพฺพ, เอวรูโป ปุคฺคโล น เสวิตโพฺพ’’ติ เอวํ อตฺถจริยาย สงฺคเหสิฯ

    Atthacariyāyāti atthasaṃvaḍḍhanakathāya. Ekacco hi neva dānaṃ, na piyavacanaṃ paccāsīsati. Attano hitakathaṃ vaḍḍhitakathameva paccāsīsati. Evarūpaṃ puggalaṃ ‘‘idaṃ te kātabbaṃ, idaṃ te na kātabbaṃ. Evarūpo puggalo sevitabbo, evarūpo puggalo na sevitabbo’’ti evaṃ atthacariyāya saṅgahesi.

    สมานตฺตตายาติ สมานสุขทุกฺขภาเวนฯ เอกโจฺจ หิ ทานาทีสุ เอกมฺปิ น ปจฺจาสีสติ, เอกาสเน นิสชฺชํ, เอกปลฺลเงฺก สยนํ, เอกโต โภชนนฺติ เอวํ สมานสุขทุกฺขตํ ปจฺจาสีสติฯ ตตฺถ ชาติยา หีโน โภเคน อธิโก ทุสฺสงฺคโห โหติฯ น หิ สกฺกา เตน สทฺธิํ เอกปริโภโค กาตุํ, ตถา อกริยมาเน จ โส กุชฺฌติฯ โภเคน หีโน ชาติยา อธิโกปิ ทุสฺสงฺคโห โหติฯ โส หิ ‘‘อหํ ชาติมา’’ติ โภคสมฺปเนฺนน สทฺธิํ เอกปริโภคํ น อิจฺฉติ, ตสฺมิํ อกริยมาเน กุชฺฌติฯ อุโภหิปิ หีโน ปน สุสงฺคโห โหติฯ น หิ โส อิตเรน สทฺธิํ เอกปริโภคํ อิจฺฉติ, น อกริยมาเน จ กุชฺฌติฯ อุโภหิ สทิโสปิ สุสงฺคโหเยวฯ ภิกฺขูสุ ทุสฺสีโล ทุสฺสงฺคโห โหติฯ น หิ สกฺกา เตน สทฺธิํ เอกปริโภโค กาตุํ, ตถา อกริยมาเน จ กุชฺฌติฯ สีลวา สุสงฺคโห โหติฯ สีลวา หิ อทียมาเนปิ อกริยมาเนปิ น กุชฺฌติฯ อญฺญํ อตฺตนา สทฺธิํ ปริโภคํ อกโรนฺตมฺปิ น ปาปเกน จิเตฺตน ปสฺสติฯ ปริโภโคปิ เตน สทฺธิํ สุกโร โหติฯ ตสฺมา เอวรูปํ ปุคฺคลํ เอวํ สมานตฺตตาย สงฺคเหสิฯ

    Samānattatāyāti samānasukhadukkhabhāvena. Ekacco hi dānādīsu ekampi na paccāsīsati, ekāsane nisajjaṃ, ekapallaṅke sayanaṃ, ekato bhojananti evaṃ samānasukhadukkhataṃ paccāsīsati. Tattha jātiyā hīno bhogena adhiko dussaṅgaho hoti. Na hi sakkā tena saddhiṃ ekaparibhogo kātuṃ, tathā akariyamāne ca so kujjhati. Bhogena hīno jātiyā adhikopi dussaṅgaho hoti. So hi ‘‘ahaṃ jātimā’’ti bhogasampannena saddhiṃ ekaparibhogaṃ na icchati, tasmiṃ akariyamāne kujjhati. Ubhohipi hīno pana susaṅgaho hoti. Na hi so itarena saddhiṃ ekaparibhogaṃ icchati, na akariyamāne ca kujjhati. Ubhohi sadisopi susaṅgahoyeva. Bhikkhūsu dussīlo dussaṅgaho hoti. Na hi sakkā tena saddhiṃ ekaparibhogo kātuṃ, tathā akariyamāne ca kujjhati. Sīlavā susaṅgaho hoti. Sīlavā hi adīyamānepi akariyamānepi na kujjhati. Aññaṃ attanā saddhiṃ paribhogaṃ akarontampi na pāpakena cittena passati. Paribhogopi tena saddhiṃ sukaro hoti. Tasmā evarūpaṃ puggalaṃ evaṃ samānattatāya saṅgahesi.

    สุสงฺคหิตาสฺส โหนฺตีติ สุสงฺคหิตา อสฺส โหนฺติฯ เทตุ วา มา วา เทตุ, กโรตุ วา มา วา กโรตุ, สุสงฺคหิตาว โหนฺติ, น ภิชฺชนฺติฯ ‘‘ยทาสฺส ทาตพฺพํ โหติ, ตทา เทติฯ อิทานิ มเญฺญ นตฺถิ, เตน น เทติฯ กิํ มยํ ททมานเมว อุปฎฺฐหาม? อเทนฺตํ อกโรนฺตํ น อุปฎฺฐหามา’’ติ เอวํ จิเนฺตนฺติฯ

    Susaṅgahitāssa hontīti susaṅgahitā assa honti. Detu vā mā vā detu, karotu vā mā vā karotu, susaṅgahitāva honti, na bhijjanti. ‘‘Yadāssa dātabbaṃ hoti, tadā deti. Idāni maññe natthi, tena na deti. Kiṃ mayaṃ dadamānameva upaṭṭhahāma? Adentaṃ akarontaṃ na upaṭṭhahāmā’’ti evaṃ cintenti.

    อิธ กมฺมํ นาม ทีฆรตฺตํ กตํ ทานาทิสงฺคหกมฺมํฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม โย เอวํ อสงฺคาหโก โหติ, โส อิมินา การเณนสฺส อสงฺคาหกภาวํ ชโน ชานาตูติ ถทฺธหตฺถปาโท เจว โหติ, วิสมฎฺฐิตาวยวลกฺขโณ จฯ ตถาคตสฺส ปน ทีฆรตฺตํ สงฺคาหกภาวํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ อิมานิ เทฺว ลกฺขณานิ นิพฺพตฺตนฺติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณทฺวยํฯ สุสงฺคหิตปริชนตา อานิสํโสฯ

    Idha kammaṃ nāma dīgharattaṃ kataṃ dānādisaṅgahakammaṃ. Kammasarikkhakaṃ nāma yo evaṃ asaṅgāhako hoti, so iminā kāraṇenassa asaṅgāhakabhāvaṃ jano jānātūti thaddhahatthapādo ceva hoti, visamaṭṭhitāvayavalakkhaṇo ca. Tathāgatassa pana dīgharattaṃ saṅgāhakabhāvaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti imāni dve lakkhaṇāni nibbattanti. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇadvayaṃ. Susaṅgahitaparijanatā ānisaṃso.

    ๒๑๑. กริยาติ กริตฺวาฯ จริยาติ จริตฺวาฯ อนวมเตนาติ อนวญฺญาเตนฯ ‘‘อนปโมเทนา’’ติปิ ปาโฐ, น อปฺปโมเทน, น ทีเนน น คพฺภิเตนาติ อโตฺถฯ

    211.Kariyāti karitvā. Cariyāti caritvā. Anavamatenāti anavaññātena. ‘‘Anapamodenā’’tipi pāṭho, na appamodena, na dīnena na gabbhitenāti attho.

    จวิยาติ จวิตฺวาฯ อติรุจิร สุวคฺคุ ทสฺสเนยฺยนฺติ อติรุจิรญฺจ สุปาสาทิกํ สุวคฺคุ จ สุฎฺฐุ เฉกํ ทสฺสเนยฺยญฺจ ทฎฺฐพฺพยุตฺตํฯ สุสุ กุมาโรติ สุฎฺฐุ สุกุมาโรฯ

    Caviyāti cavitvā. Atirucira suvaggu dassaneyyanti atirucirañca supāsādikaṃ suvaggu ca suṭṭhu chekaṃ dassaneyyañca daṭṭhabbayuttaṃ. Susu kumāroti suṭṭhu sukumāro.

    ปริชนสฺสโวติ ปริชโน อสฺสโว วจนกโรฯ วิเธโยฺยติ กตฺตพฺพากตฺตเพฺพสุ ยถารุจิ วิธาตโพฺพฯ มหิมนฺติ มหิํ อิมํฯ ปิยวทู หิตสุขตํ ชิคีสมาโนติ ปิยวโท หุตฺวา หิตญฺจ สุขญฺจ ปริเยสมาโนฯ วจนปฎิกรสฺสา ภิปฺปสนฺนาติ วจนปฎิกรา อสฺส อภิปฺปสนฺนาฯ ธมฺมานุธมฺมนฺติ ธมฺมญฺจ อนุธมฺมญฺจฯ

    Parijanassavoti parijano assavo vacanakaro. Vidheyyoti kattabbākattabbesu yathāruci vidhātabbo. Mahimanti mahiṃ imaṃ. Piyavadū hitasukhataṃ jigīsamānoti piyavado hutvā hitañca sukhañca pariyesamāno. Vacanapaṭikarassā bhippasannāti vacanapaṭikarā assa abhippasannā. Dhammānudhammanti dhammañca anudhammañca.

    อุสฺสงฺขปาทาทิลกฺขณวณฺณนา

    Ussaṅkhapādādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๑๒. อตฺถูปสํหิตนฺติ อิธโลกปรโลกตฺถนิสฺสิตํฯ ธมฺมูปสํหิตนฺติ ทสกุสลกมฺมปถนิสฺสิตํฯ พหุชนํ นิทํเสสีติ พหุชนสฺส นิทํสนกถํ กเถสิฯ ปาณีนนฺติ สตฺตานํฯ ‘‘อโคฺค’’ติอาทีนิ สพฺพานิ อญฺญมญฺญเววจนานิฯ อิธ กมฺมํ นาม ทีฆรตฺตํ ภาสิตา อุทฺธงฺคมนียา อตฺถูปสํหิตา วาจาฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม โย เอวรูปํ อุคฺคตวาจํ น ภาสติ, โส อิมินา การเณน อุคฺคตวาจาย อภาสนํ ชโน ชานาตูติ อโธสงฺขปาโท จ โหติ อโธนตโลโม จฯ ตถาคตสฺส ปน ทีฆรตฺตํ เอวรูปาย อุคฺคตวาจาย ภาสิตภาวํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ อุสฺสงฺขปาทลกฺขณญฺจ อุทฺธคฺคโลมลกฺขณญฺจ นิพฺพตฺตติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณทฺวยํฯ อุตฺตมภาโว อานิสํโสฯ

    212.Atthūpasaṃhitanti idhalokaparalokatthanissitaṃ. Dhammūpasaṃhitanti dasakusalakammapathanissitaṃ. Bahujanaṃ nidaṃsesīti bahujanassa nidaṃsanakathaṃ kathesi. Pāṇīnanti sattānaṃ. ‘‘Aggo’’tiādīni sabbāni aññamaññavevacanāni. Idha kammaṃ nāma dīgharattaṃ bhāsitā uddhaṅgamanīyā atthūpasaṃhitā vācā. Kammasarikkhakaṃ nāma yo evarūpaṃ uggatavācaṃ na bhāsati, so iminā kāraṇena uggatavācāya abhāsanaṃ jano jānātūti adhosaṅkhapādo ca hoti adhonatalomo ca. Tathāgatassa pana dīgharattaṃ evarūpāya uggatavācāya bhāsitabhāvaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti ussaṅkhapādalakkhaṇañca uddhaggalomalakkhaṇañca nibbattati. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇadvayaṃ. Uttamabhāvo ānisaṃso.

    ๒๑๓. เอรยนฺติ ภณโนฺตฯ พหุชนํ นิทํสยีติ พหุชนสฺส หิตํ ทเสฺสติฯ ธมฺมยาคนฺติ ธมฺมทานยญฺญํฯ

    213.Erayanti bhaṇanto. Bahujanaṃ nidaṃsayīti bahujanassa hitaṃ dasseti. Dhammayāganti dhammadānayaññaṃ.

    อุพฺภมุปฺปติตโลมวา สโสติ โส เอส อุทฺธคฺคตโลมวา โหติฯ ปาทคณฺฐิรหูติ ปาทโคปฺผกา อเหสุํฯ สาธุสณฺฐิตาติ สุฎฺฐุ สณฺฐิตาฯ มํสโลหิตาจิตาติ มํเสน จ โลหิเตน จ อาจิตาฯ ตโจตฺถตาติ ตเจน ปริโยนทฺธา นิคุฬฺหาฯ วชตีติ คจฺฉติฯ อโนมนิกฺกโมติ อโนมวิหารี เสฎฺฐวิหารีฯ

    Ubbhamuppatitalomavā sasoti so esa uddhaggatalomavā hoti. Pādagaṇṭhirahūti pādagopphakā ahesuṃ. Sādhusaṇṭhitāti suṭṭhu saṇṭhitā. Maṃsalohitācitāti maṃsena ca lohitena ca ācitā. Tacotthatāti tacena pariyonaddhā niguḷhā. Vajatīti gacchati. Anomanikkamoti anomavihārī seṭṭhavihārī.

    เอณิชงฺฆลกฺขณวณฺณนา

    Eṇijaṅghalakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๑๔. สิปฺปํ วาติอาทีสุ สิปฺปํ นาม เทฺว สิปฺปานิ – หีนญฺจ สิปฺปํ, อุกฺกฎฺฐญฺจ สิปฺปํฯ หีนํ นาม สิปฺปํ นฬการสิปฺปํ, กุมฺภการสิปฺปํ เปสการสิปฺปํ นหาปิตสิปฺปํฯ อุกฺกฎฺฐํ นาม สิปฺปํ เลขา มุทฺทา คณนาฯ วิชฺชาติ อหิวิชฺชาทิอเนกวิธาฯ จรณนฺติ ปญฺจสีลํ ทสสีลํ ปาติโมกฺขสํวรสีลํฯ กมฺมนฺติ กมฺมสฺสกตาชานนปญฺญาฯ กิลิเสฺสยฺยุนฺติ กิลเมยฺยุํฯ อเนฺตวาสิกวตฺตํ นาม ทุกฺขํ, ตํ เนสํ มา จิรมโหสีติ จิเนฺตสิฯ

    214.Sippaṃ vātiādīsu sippaṃ nāma dve sippāni – hīnañca sippaṃ, ukkaṭṭhañca sippaṃ. Hīnaṃ nāma sippaṃ naḷakārasippaṃ, kumbhakārasippaṃ pesakārasippaṃ nahāpitasippaṃ. Ukkaṭṭhaṃ nāma sippaṃ lekhā muddā gaṇanā. Vijjāti ahivijjādianekavidhā. Caraṇanti pañcasīlaṃ dasasīlaṃ pātimokkhasaṃvarasīlaṃ. Kammanti kammassakatājānanapaññā. Kilisseyyunti kilameyyuṃ. Antevāsikavattaṃ nāma dukkhaṃ, taṃ nesaṃ mā ciramahosīti cintesi.

    ราชารหานีติ รโญฺญ อนุรูปานิ หตฺถิอสฺสาทีนิ, ตานิเยว รโญฺญ เสนาย องฺคภูตตฺตา ราชงฺคานีติ วุจฺจนฺติฯ ราชูปโภคานีติ รโญฺญ อุปโภคปริโภคภณฺฑานิ, ตานิ เจว สตฺตรตนานิ จฯ ราชานุจฺฉวิกานีติ รโญฺญ อนุจฺฉวิกานิฯ เตสํเยว สเพฺพสํ อิทํ คหณํฯ สมณารหานีติ สมณานํ อนุรูปานิ จีวราทีนิฯ สมณงฺคานีติ สมณานํ โกฎฺฐาสภูตา จตโสฺส ปริสาฯ สมณูปโภคานีติ สมณานํ อุปโภคปริกฺขาราฯ สมณานุจฺฉวิกานีติ เตสํเยว อธิวจนํฯ

    Rājārahānīti rañño anurūpāni hatthiassādīni, tāniyeva rañño senāya aṅgabhūtattā rājaṅgānīti vuccanti. Rājūpabhogānīti rañño upabhogaparibhogabhaṇḍāni, tāni ceva sattaratanāni ca. Rājānucchavikānīti rañño anucchavikāni. Tesaṃyeva sabbesaṃ idaṃ gahaṇaṃ. Samaṇārahānīti samaṇānaṃ anurūpāni cīvarādīni. Samaṇaṅgānīti samaṇānaṃ koṭṭhāsabhūtā catasso parisā. Samaṇūpabhogānīti samaṇānaṃ upabhogaparikkhārā. Samaṇānucchavikānīti tesaṃyeva adhivacanaṃ.

    อิธ ปน กมฺมํ นาม ทีฆรตฺตํ สกฺกจฺจํ สิปฺปาทิวาจนํฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม โย เอวํ สกฺกจฺจํ สิปฺปํ อวาเจโนฺต อเนฺตวาสิเก อุกฺกุฎิกาสนชงฺฆเปสนิกาทีหิ กิลเมติ, ตสฺส ชงฺฆมํสํ ลิขิตฺวา ปาติตํ วิย โหติฯ ตถาคตสฺส ปน สกฺกจฺจํ วาจิตภาวํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ อนุปุพฺพอุคฺคตวฎฺฎิตํ เอณิชงฺฆลกฺขณํ นิพฺพตฺตติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณํฯ อนุจฺฉวิกลาภิตา อานิสํโสฯ

    Idha pana kammaṃ nāma dīgharattaṃ sakkaccaṃ sippādivācanaṃ. Kammasarikkhakaṃ nāma yo evaṃ sakkaccaṃ sippaṃ avācento antevāsike ukkuṭikāsanajaṅghapesanikādīhi kilameti, tassa jaṅghamaṃsaṃ likhitvā pātitaṃ viya hoti. Tathāgatassa pana sakkaccaṃ vācitabhāvaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti anupubbauggatavaṭṭitaṃ eṇijaṅghalakkhaṇaṃ nibbattati. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇaṃ. Anucchavikalābhitā ānisaṃso.

    ๒๑๕. ยทูปฆาตายาติ ยํ สิปฺปํ กสฺสจิ อุปฆาตาย น โหติฯ กิลิสฺสตีติ กิลมิสฺสติฯ สุขุมตฺตโจตฺถตาติ สุขุมตฺตเจน ปริโยนทฺธาฯ กิํ ปน อเญฺญน กเมฺมน อญฺญํ ลกฺขณํ นิพฺพตฺตตีติ? น นิพฺพตฺตติฯ ยํ ปน นิพฺพตฺตติ, ตํ อนุพฺยญฺชนํ โหติ, ตสฺมา อิธ วุตฺตํฯ

    215.Yadūpaghātāyāti yaṃ sippaṃ kassaci upaghātāya na hoti. Kilissatīti kilamissati. Sukhumattacotthatāti sukhumattacena pariyonaddhā. Kiṃ pana aññena kammena aññaṃ lakkhaṇaṃ nibbattatīti? Na nibbattati. Yaṃ pana nibbattati, taṃ anubyañjanaṃ hoti, tasmā idha vuttaṃ.

    สุขุมจฺฉวิลกฺขณวณฺณนา

    Sukhumacchavilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๑๖. สมณํ วาติ สมิตปาปเฎฺฐน สมณํฯ พฺราหฺมณํ วาติ พาหิตปาปเฎฺฐน พฺราหฺมณํฯ

    216.Samaṇaṃ vāti samitapāpaṭṭhena samaṇaṃ. Brāhmaṇaṃ vāti bāhitapāpaṭṭhena brāhmaṇaṃ.

    มหาปโญฺญติอาทีสุ มหาปญฺญาทีหิ สมนฺนาคโต โหตีติ อโตฺถฯ ตตฺริทํ มหาปญฺญาทีนํ นานตฺตํฯ

    Mahāpaññotiādīsu mahāpaññādīhi samannāgato hotīti attho. Tatridaṃ mahāpaññādīnaṃ nānattaṃ.

    ตตฺถ กตมา มหาปญฺญา? มหเนฺต สีลกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา, มหเนฺต สมาธิกฺขเนฺธ ปญฺญากฺขเนฺธ วิมุตฺติกฺขเนฺธ วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญาฯ มหนฺตานิ ฐานาฐานานิ มหนฺตา วิหารสมาปตฺติโย มหนฺตานิ อริยสจฺจานิ มหเนฺต สติปฎฺฐาเน สมฺมปฺปธาเน อิทฺธิปาเท มหนฺตานิ อินฺทฺริยานิ พลานิ มหเนฺต โพชฺฌเงฺค มหเนฺต อริยมเคฺค มหนฺตานิ สามญฺญผลานิ มหนฺตา อภิญฺญาโย มหนฺตํ ปรมตฺถํ นิพฺพานํ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญาฯ

    Tattha katamā mahāpaññā? Mahante sīlakkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā, mahante samādhikkhandhe paññākkhandhe vimuttikkhandhe vimuttiñāṇadassanakkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā. Mahantāni ṭhānāṭhānāni mahantā vihārasamāpattiyo mahantāni ariyasaccāni mahante satipaṭṭhāne sammappadhāne iddhipāde mahantāni indriyāni balāni mahante bojjhaṅge mahante ariyamagge mahantāni sāmaññaphalāni mahantā abhiññāyo mahantaṃ paramatthaṃ nibbānaṃ pariggaṇhātīti mahāpaññā.

    กตมา ปุถุปญฺญา? ปุถุนานาขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญาฯ ปุถุนานาธาตูสุ ปุถุนานาอายตเนสุ ปุถุนานาปฎิจฺจสมุปฺปาเทสุ ปุถุนานาสุญฺญตมนุปลเพฺภสุ ปุถุนานาอเตฺถสุ ธเมฺมสุ นิรุตฺตีสุ ปฎิภาเนสุฯ ปุถุนานาสีลกฺขเนฺธสุ ปุถุนานาสมาธิปญฺญาวิมุตฺติวิมุตฺติญาทสฺสนกฺขเนฺธสุ ปุถุนานาฐานาฐาเนสุ ปุถุนานาวิหารสมาปตฺตีสุ ปุถุนานาอริยสเจฺจสุ ปุถุนานาสติปฎฺฐาเนสุ สมฺมปฺปธาเนสุ อิทฺธิปาเทสุ อินฺทฺริเยสุ พเลสุ โพชฺฌเงฺคสุ ปุถุนานาอริยมเคฺคสุ สามญฺญผเลสุ อภิญฺญาสุ ปุถุชฺชนสาธารเณ ธเมฺม สมติกฺกมฺม ปรมเตฺถ นิพฺพาเน ญาณํ ปวตฺตตีติ ปุถุปญฺญาฯ

    Katamā puthupaññā? Puthunānākhandhesu ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā. Puthunānādhātūsu puthunānāāyatanesu puthunānāpaṭiccasamuppādesu puthunānāsuññatamanupalabbhesu puthunānāatthesu dhammesu niruttīsu paṭibhānesu. Puthunānāsīlakkhandhesu puthunānāsamādhipaññāvimuttivimuttiñādassanakkhandhesu puthunānāṭhānāṭhānesu puthunānāvihārasamāpattīsu puthunānāariyasaccesu puthunānāsatipaṭṭhānesu sammappadhānesu iddhipādesu indriyesu balesu bojjhaṅgesu puthunānāariyamaggesu sāmaññaphalesu abhiññāsu puthujjanasādhāraṇe dhamme samatikkamma paramatthe nibbāne ñāṇaṃ pavattatīti puthupaññā.

    กตมา หาสปญฺญา? อิเธกโจฺจ หาสพหุโล เวทพหุโล ตุฎฺฐิพหุโล ปาโมชฺชพหุโล สีลํ ปริปูเรติ อินฺทฺริยสํวรํ ปริปูเรติ โภชเน มตฺตญฺญุตํ ชาคริยานุโยคํ สีลกฺขนฺธํ สมาธิกฺขนฺธํ ปญฺญากฺขนฺธํ วิมุตฺติกฺขนฺธํ วิมุตฺติญาณทสฺสนกฺขนฺธํ ปริปูเรตีติ หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล…เป.… ปาโมชฺชพหุโล ฐานาฐานํ ปฎิวิชฺฌตีติ หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล วิหารสมาปตฺติโย ปริปูเรตีติ หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล อริยสจฺจานิ ปฎิวิชฺฌตีติ หาสปญฺญาฯ สติปฎฺฐาเน สมฺมปฺปธาเน อิทฺธิปาเท อินฺทฺริยานิ พลานิ โพชฺฌเงฺค อริยมคฺคํ ภาเวตีติ หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล สามญฺญผลานิ สจฺฉิกโรตีติ หาสปญฺญาฯ อภิญฺญาโย ปฎิวิชฺฌตีติ หาสปญฺญาฯ หาสพหุโล เวทตุฎฺฐิปาโมชฺชพหุโล ปรมตฺถํ นิพฺพานํ สจฺฉิกโรตีติ หาสปญฺญาฯ

    Katamā hāsapaññā? Idhekacco hāsabahulo vedabahulo tuṭṭhibahulo pāmojjabahulo sīlaṃ paripūreti indriyasaṃvaraṃ paripūreti bhojane mattaññutaṃ jāgariyānuyogaṃ sīlakkhandhaṃ samādhikkhandhaṃ paññākkhandhaṃ vimuttikkhandhaṃ vimuttiñāṇadassanakkhandhaṃ paripūretīti hāsapaññā. Hāsabahulo…pe… pāmojjabahulo ṭhānāṭhānaṃ paṭivijjhatīti hāsapaññā. Hāsabahulo vihārasamāpattiyo paripūretīti hāsapaññā. Hāsabahulo ariyasaccāni paṭivijjhatīti hāsapaññā. Satipaṭṭhāne sammappadhāne iddhipāde indriyāni balāni bojjhaṅge ariyamaggaṃ bhāvetīti hāsapaññā. Hāsabahulo sāmaññaphalāni sacchikarotīti hāsapaññā. Abhiññāyo paṭivijjhatīti hāsapaññā. Hāsabahulo vedatuṭṭhipāmojjabahulo paramatthaṃ nibbānaṃ sacchikarotīti hāsapaññā.

    กตมา ชวนปญฺญา? ยํกิญฺจิ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ ยํ ทูเร สนฺติเก วา, สพฺพํ ตํ รูปํ อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ ทุกฺขโต ขิปฺปํ อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ ยา กาจิ เวทนา…เป.… ยํกิญฺจิ วิญฺญาณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ, สพฺพํ ตํ วิญฺญาณํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ จกฺขุ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจโต ทุกฺขโต อนตฺตโต ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยเฎฺฐน ทุกฺขํ ภยเฎฺฐน อนตฺตา อสารกเฎฺฐนาติ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา รูปนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ เวทนา สญฺญา สงฺขารา วิญฺญาณํ จกฺขุ…เป.… ชรามรณํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ อนิจฺจํ ขยเฎฺฐน…เป.… วิภูตํ กตฺวา ชรามรณนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ รูปํ อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺนํ ฯ จกฺขุํ…เป.… ชรามรณํ อนิจฺจํ สงฺขตํ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนํ ขยธมฺมํ วยธมฺมํ วิราคธมฺมํ นิโรธธมฺมนฺติ ตุลยิตฺวา ตีรยิตฺวา วิภาวยิตฺวา วิภูตํ กตฺวา ชรามรณนิโรเธ นิพฺพาเน ขิปฺปํ ชวตีติ ชวนปญฺญาฯ

    Katamā javanapaññā? Yaṃkiñci rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ yaṃ dūre santike vā, sabbaṃ taṃ rūpaṃ aniccato khippaṃ javatīti javanapaññā. Dukkhato khippaṃ anattato khippaṃ javatīti javanapaññā. Yā kāci vedanā…pe… yaṃkiñci viññāṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ, sabbaṃ taṃ viññāṇaṃ aniccato dukkhato anattato khippaṃ javatīti javanapaññā. Cakkhu…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccato dukkhato anattato khippaṃ javatīti javanapaññā. Rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ khayaṭṭhena dukkhaṃ bhayaṭṭhena anattā asārakaṭṭhenāti tulayitvā tīrayitvā vibhāvayitvā vibhūtaṃ katvā rūpanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā. Vedanā saññā saṅkhārā viññāṇaṃ cakkhu…pe… jarāmaraṇaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ aniccaṃ khayaṭṭhena…pe… vibhūtaṃ katvā jarāmaraṇanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā. Rūpaṃ atītānāgatapaccuppannaṃ . Cakkhuṃ…pe… jarāmaraṇaṃ aniccaṃ saṅkhataṃ paṭiccasamuppannaṃ khayadhammaṃ vayadhammaṃ virāgadhammaṃ nirodhadhammanti tulayitvā tīrayitvā vibhāvayitvā vibhūtaṃ katvā jarāmaraṇanirodhe nibbāne khippaṃ javatīti javanapaññā.

    กตมา ติกฺขปญฺญา? ขิปฺปํ กิเลเส ฉินฺทตีติ ติกฺขปญฺญาฯ อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺกํ นาธิวาเสติ, อุปฺปนฺนํ พฺยาปาทวิตกฺกํ, อุปฺปนฺนํ วิหิํสาวิตกฺกํ, อุปฺปนฺนุปฺปเนฺน ปาปเก อกุสเล ธเมฺม อุปฺปนฺนํ ราคํ โทสํ โมหํ โกธํ อุปนาหํ มกฺขํ ปฬาสํ อิสฺสํ มจฺฉริยํ มายํ สาเฐยฺยํ ถมฺภํ สารมฺภํ มานํ อติมานํ มทํ ปมาทํ สเพฺพ กิเลเส สเพฺพ ทุจฺจริเต สเพฺพ อภิสงฺขาเร สเพฺพ ภวคามิกเมฺม นาธิวาเสติ ปชหติ วิโนเทติ พฺยนฺตี กโรติ อนภาวํ คเมตีติ ติกฺขปญฺญาฯ เอกสฺมิํ อาสเน จตฺตาโร อริยมคฺคา จตฺตาริ สามญฺญผลานิ จตโสฺส ปฎิสมฺภิทาโย ฉ อภิญฺญาโย อธิคตา โหนฺติ สจฺฉิกตา ผสฺสิตา ปญฺญายาติ ติกฺขปญฺญาฯ

    Katamā tikkhapaññā? Khippaṃ kilese chindatīti tikkhapaññā. Uppannaṃ kāmavitakkaṃ nādhivāseti, uppannaṃ byāpādavitakkaṃ, uppannaṃ vihiṃsāvitakkaṃ, uppannuppanne pāpake akusale dhamme uppannaṃ rāgaṃ dosaṃ mohaṃ kodhaṃ upanāhaṃ makkhaṃ paḷāsaṃ issaṃ macchariyaṃ māyaṃ sāṭheyyaṃ thambhaṃ sārambhaṃ mānaṃ atimānaṃ madaṃ pamādaṃ sabbe kilese sabbe duccarite sabbe abhisaṅkhāre sabbe bhavagāmikamme nādhivāseti pajahati vinodeti byantī karoti anabhāvaṃ gametīti tikkhapaññā. Ekasmiṃ āsane cattāro ariyamaggā cattāri sāmaññaphalāni catasso paṭisambhidāyo cha abhiññāyo adhigatā honti sacchikatā phassitā paññāyāti tikkhapaññā.

    กตมา นิเพฺพธิกปญฺญา? อิเธกโจฺจ สพฺพสงฺขาเรสุ อุเพฺพคพหุโล โหติ อุตฺตาสพหุโล อุกฺกณฺฐนพหุโล อรติพหุโล อนภิรติพหุโล พหิมุโข น รมติ สพฺพสงฺขาเรสุ, อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โลภกฺขนฺธํ นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกปญฺญาฯ อนิพฺพิทฺธปุพฺพํ อปทาลิตปุพฺพํ โทสกฺขนฺธํ โมหกฺขนฺธํ โกธํ อุปนาหํ…เป.… สเพฺพ ภวคามิกเมฺม นิพฺพิชฺฌติ ปทาเลตีติ นิเพฺพธิกปญฺญาติ (ปฎิ. ม. ๓.๓)ฯ

    Katamā nibbedhikapaññā? Idhekacco sabbasaṅkhāresu ubbegabahulo hoti uttāsabahulo ukkaṇṭhanabahulo aratibahulo anabhiratibahulo bahimukho na ramati sabbasaṅkhāresu, anibbiddhapubbaṃ apadālitapubbaṃ lobhakkhandhaṃ nibbijjhati padāletīti nibbedhikapaññā. Anibbiddhapubbaṃ apadālitapubbaṃ dosakkhandhaṃ mohakkhandhaṃ kodhaṃ upanāhaṃ…pe… sabbe bhavagāmikamme nibbijjhati padāletīti nibbedhikapaññāti (paṭi. ma. 3.3).

    ๒๑๗. ปพฺพชิตํ อุปาสิตาติ ปณฺฑิตํ ปพฺพชิตํ อุปสงฺกมิตฺวา ปยิรุปาสิตาฯ อตฺถนฺตโรติ ยถา เอเก รนฺธคเวสิโน อุปารมฺภจิตฺตตาย โทสํ อพฺภนฺตรํ กริตฺวา นิสามยนฺติ, เอวํ อนิสาเมตฺวา อตฺถํ อพฺภนฺตรํ กตฺวา อตฺถยุตฺตํ กถํ นิสามยิ อุปธารยิฯ

    217.Pabbajitaṃ upāsitāti paṇḍitaṃ pabbajitaṃ upasaṅkamitvā payirupāsitā. Atthantaroti yathā eke randhagavesino upārambhacittatāya dosaṃ abbhantaraṃ karitvā nisāmayanti, evaṃ anisāmetvā atthaṃ abbhantaraṃ katvā atthayuttaṃ kathaṃ nisāmayi upadhārayi.

    ปฎิลาภคเตนาติ ปฎิลาภตฺถาย คเตนฯ อุปฺปาทนิมิตฺตโกวิทาติ อุปฺปาเท จ นิมิเตฺต จ เฉกาฯ อเวจฺจ ทกฺขิตีติ ญตฺวา ปสฺสิสฺสติฯ

    Paṭilābhagatenāti paṭilābhatthāya gatena. Uppādanimittakovidāti uppāde ca nimitte ca chekā. Avecca dakkhitīti ñatvā passissati.

    อตฺถานุสิฎฺฐีสุ ปริคฺคเหสุ จาติ เย อตฺถานุสาสเนสุ ปริคฺคหา อตฺถานตฺถํ ปริคฺคาหกานิ ญาณานิ, เตสูติ อโตฺถฯ

    Atthānusiṭṭhīsu pariggahesu cāti ye atthānusāsanesu pariggahā atthānatthaṃ pariggāhakāni ñāṇāni, tesūti attho.

    สุวณฺณวณฺณลกฺขณวณฺณนา

    Suvaṇṇavaṇṇalakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๑๘. อโกฺกธโนติ น อนาคามิมเคฺคน โกธสฺส ปหีนตฺตา, อถ โข สเจปิ เม โกโธ อุปฺปเชฺชยฺย, ขิปฺปเมว นํ ปฎิวิโนเทยฺยนฺติ เอวํ อโกฺกธวสิกตฺตาฯ นาภิสชฺชีติ กุฎิลกณฺฎโก วิย ตตฺถ ตตฺถ มมฺมํ ตุทโนฺต วิย น ลคฺคิฯ น กุปฺปิ น พฺยาปชฺชีติอาทีสุ ปุพฺพุปฺปตฺติโก โกโปฯ ตโต พลวตโร พฺยาปาโทฯ ตโต พลวตรา ปติตฺถิยนาฯ ตํ สพฺพํ อกโรโนฺต น กุปฺปิ น พฺยาปชฺชิ น ปติตฺถิยิฯ อปฺปจฺจยนฺติ โทมนสฺสํฯ น ปาตฺวากาสีติ น กายวิกาเรน วา วจีวิกาเรน วา ปากฎมกาสิฯ

    218.Akkodhanoti na anāgāmimaggena kodhassa pahīnattā, atha kho sacepi me kodho uppajjeyya, khippameva naṃ paṭivinodeyyanti evaṃ akkodhavasikattā. Nābhisajjīti kuṭilakaṇṭako viya tattha tattha mammaṃ tudanto viya na laggi. Na kuppi na byāpajjītiādīsu pubbuppattiko kopo. Tato balavataro byāpādo. Tato balavatarā patitthiyanā. Taṃ sabbaṃ akaronto na kuppi na byāpajji na patitthiyi. Appaccayanti domanassaṃ. Na pātvākāsīti na kāyavikārena vā vacīvikārena vā pākaṭamakāsi.

    อิธ กมฺมํ นาม ทีฆรตฺตํ อโกฺกธนตา เจว สุขุมตฺถรณาทิทานญฺจฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม โกธนสฺส ฉวิวโณฺณ อาวิโล โหติ มุขํ ทุทฺทสิยํ วตฺถจฺฉาทนสทิสญฺจ มณฺฑนํ นาม นตฺถิฯ ตสฺมา โย โกธโน เจว วตฺถจฺฉาทนานญฺจ อทาตา, โส อิมินา การเณนสฺส ชโน โกธนาทิภาวํ ชานาตูติ ทุพฺพโณฺณ โหติ ทุสฺสณฺฐาโนฯ อโกฺกธนสฺส ปน มุขํ วิโรจติ, ฉวิวโณฺณ วิปฺปสีทติฯ สตฺตา หิ จตูหิ การเณหิ ปาสาทิกา โหนฺติ อามิสทาเนน วา วตฺถทาเนน วา สมฺมชฺชเนน วา อโกฺกธนตาย วาฯ อิมานิ จตฺตาริปิ การณานิ ทีฆรตฺตํ ตถาคเตน กตาเนวฯ เตนสฺส อิเมสํ กตภาวํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ สุวณฺณวณฺณํ มหาปุริสลกฺขณํ นิพฺพตฺตติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณํฯ สุขุมตฺถรณาทิลาภิตา อานิสํโสฯ

    Idha kammaṃ nāma dīgharattaṃ akkodhanatā ceva sukhumattharaṇādidānañca. Kammasarikkhakaṃ nāma kodhanassa chavivaṇṇo āvilo hoti mukhaṃ duddasiyaṃ vatthacchādanasadisañca maṇḍanaṃ nāma natthi. Tasmā yo kodhano ceva vatthacchādanānañca adātā, so iminā kāraṇenassa jano kodhanādibhāvaṃ jānātūti dubbaṇṇo hoti dussaṇṭhāno. Akkodhanassa pana mukhaṃ virocati, chavivaṇṇo vippasīdati. Sattā hi catūhi kāraṇehi pāsādikā honti āmisadānena vā vatthadānena vā sammajjanena vā akkodhanatāya vā. Imāni cattāripi kāraṇāni dīgharattaṃ tathāgatena katāneva. Tenassa imesaṃ katabhāvaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti suvaṇṇavaṇṇaṃ mahāpurisalakkhaṇaṃ nibbattati. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇaṃ. Sukhumattharaṇādilābhitā ānisaṃso.

    ๒๑๙. อภิวิสฺสชีติ อภิวิสฺสเชฺชสิฯ มหิมิว สุโร อภิวสฺสนฺติ สุโร วุจฺจติ เทโว, มหาปถวิํ อภิวสฺสโนฺต เทโว วิยฯ

    219.Abhivissajīti abhivissajjesi. Mahimiva suro abhivassanti suro vuccati devo, mahāpathaviṃ abhivassanto devo viya.

    สุรวรตโรริว อิโนฺทติ สุรานํ วรตโร อิโนฺท วิยฯ

    Suravarataroriva indoti surānaṃ varataro indo viya.

    อปพฺพชฺชมิจฺฉนฺติ อปพฺพชฺชํ คิหิภาวํ อิจฺฉโนฺตฯ มหติมหินฺติ มหนฺติํ ปถวิํฯ

    Apabbajjamicchanti apabbajjaṃ gihibhāvaṃ icchanto. Mahatimahinti mahantiṃ pathaviṃ.

    อจฺฉาทนวตฺถโมกฺขปาวุรณานนฺติ อจฺฉาทนานเญฺจว วตฺถานญฺจ อุตฺตมปาวุรณานญฺจฯ ปนาโสติ วินาโสฯ

    Acchādanavatthamokkhapāvuraṇānanti acchādanānañceva vatthānañca uttamapāvuraṇānañca. Panāsoti vināso.

    โกโสหิตวตฺถคุยฺหลกฺขณวณฺณนา

    Kosohitavatthaguyhalakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๒๐. มาตรมฺปิ ปุเตฺตน สมาเนตา อโหสีติ อิมํ กมฺมํ รเชฺช ปติฎฺฐิเตน สกฺกา กาตุํฯ ตสฺมา โพธิสโตฺตปิ รชฺชํ การยมาโน อโนฺตนคเร จตุกฺกาทีสุ จตูสุ นครทฺวาเรสุ พหินคเร จตูสุ ทิสาสุ อิมํ กมฺมํ กโรถาติ มนุเสฺส ฐเปสิฯ เต มาตรํ กุหิํ เม ปุโตฺต ปุตฺตํ น ปสฺสามีติ วิลปนฺติํ ปริเยสมานํ ทิสฺวา เอหิ, อมฺม, ปุตฺตํ ทกฺขสีติ ตํ อาทาย คนฺตฺวา นหาเปตฺวา โภเชตฺวา ปุตฺตมสฺสา ปริเยสิตฺวา ทเสฺสนฺติฯ เอส นโย สพฺพตฺถฯ

    220.Mātarampiputtena samānetā ahosīti imaṃ kammaṃ rajje patiṭṭhitena sakkā kātuṃ. Tasmā bodhisattopi rajjaṃ kārayamāno antonagare catukkādīsu catūsu nagaradvāresu bahinagare catūsu disāsu imaṃ kammaṃ karothāti manusse ṭhapesi. Te mātaraṃ kuhiṃ me putto puttaṃ na passāmīti vilapantiṃ pariyesamānaṃ disvā ehi, amma, puttaṃ dakkhasīti taṃ ādāya gantvā nahāpetvā bhojetvā puttamassā pariyesitvā dassenti. Esa nayo sabbattha.

    อิธ กมฺมํ นาม ทีฆรตฺตํ ญาตีนํ สมงฺคิภาวกรณํฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม ญาตโย หิ สมงฺคีภูตา อญฺญมญฺญสฺส วชฺชํ ปฎิจฺฉาเทนฺติฯ กิญฺจาปิ หิ เต กลหกาเล กลหํ กโรนฺติ, เอกสฺส ปน โทเส อุปฺปเนฺน อญฺญํ ชานาเปตุํ น อิจฺฉนฺติฯ อยํ นาม เอตสฺส โทโสติ วุเตฺต สเพฺพ อุฎฺฐหิตฺวา เกน ทิฎฺฐํ เกน สุตํ, อมฺหากํ ญาตีสุ เอวรูปํ กตฺตา นาม นตฺถีติฯ ตถาคเตน จ ตํ ญาติสงฺคหํ กโรเนฺตน ทีฆรตฺตํ อิทํ วชฺชปฺปฎิจฺฉาทนกมฺมํ นาม กตํ โหติฯ อถสฺส สเทวโก โลโก อิมินา การเณน เอวรูปสฺส กมฺมสฺส กตภาวํ ชานาตูติ โกโสหิตวตฺถคุยฺหลกฺขณํ นิพฺพตฺตติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณํฯ ปหูตปุตฺตตา อานิสํโสฯ

    Idha kammaṃ nāma dīgharattaṃ ñātīnaṃ samaṅgibhāvakaraṇaṃ. Kammasarikkhakaṃ nāma ñātayo hi samaṅgībhūtā aññamaññassa vajjaṃ paṭicchādenti. Kiñcāpi hi te kalahakāle kalahaṃ karonti, ekassa pana dose uppanne aññaṃ jānāpetuṃ na icchanti. Ayaṃ nāma etassa dosoti vutte sabbe uṭṭhahitvā kena diṭṭhaṃ kena sutaṃ, amhākaṃ ñātīsu evarūpaṃ kattā nāma natthīti. Tathāgatena ca taṃ ñātisaṅgahaṃ karontena dīgharattaṃ idaṃ vajjappaṭicchādanakammaṃ nāma kataṃ hoti. Athassa sadevako loko iminā kāraṇena evarūpassa kammassa katabhāvaṃ jānātūti kosohitavatthaguyhalakkhaṇaṃ nibbattati. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇaṃ. Pahūtaputtatā ānisaṃso.

    ๒๒๑. วตฺถฉาทิยนฺติ วเตฺถน ฉาเทตพฺพํ วตฺถคุยฺหํฯ

    221.Vatthachādiyanti vatthena chādetabbaṃ vatthaguyhaṃ.

    อมิตฺตตาปนาติ อมิตฺตานํ ปตาปนาฯ คิหิสฺส ปีติํ ชนนาติ คิหิภูตสฺส สโต ปีติชนนาฯ

    Amittatāpanāti amittānaṃ patāpanā. Gihissa pītiṃ jananāti gihibhūtassa sato pītijananā.

    ปริมณฺฑลาทิลกฺขณวณฺณนา

    Parimaṇḍalādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๒๒. สมํ ชานาตีติ ‘‘อยํ ตารุกฺขสโม อยํ โปกฺขรสาติสโม’’ติ เอวํ เตน เตน สมํ ชานาติฯ สามํ ชานาตีติ สยํ ชานาติฯ ปุริสํ ชานาตีติ ‘‘อยํ เสฎฺฐสมฺมโต’’ติ ปุริสํ ชานาติฯ ปุริสวิเสสํ ชานาตีติ มุคฺคํ มาเสน สมํ อกตฺวา คุณวิสิฎฺฐสฺส วิเสสํ ชานาติฯ อยมิทมรหตีติ อยํ ปุริโส อิทํ นาม ทานสกฺการํ อรหติ ฯ ปุริสวิเสสกโร อโหสีติ ปุริสวิเสสํ ญตฺวา การโก อโหสิฯ โย ยํ อรหติ, ตเสฺสว ตํ อทาสิฯ โย หิ กหาปณารหสฺส อฑฺฒํ เทติ, โส ปรสฺส อฑฺฒํ นาเสติฯ โย เทฺว กหาปเณ เทติ, โส อตฺตโน กหาปณํ นาเสติฯ ตสฺมา อิทํ อุภยมฺปิ อกตฺวา โย ยํ อรหติ, ตสฺส ตเทว อทาสิฯ สทฺธาธนนฺติอาทีสุ สมฺปตฺติปฎิลาภเฎฺฐน สทฺธาทีนํ ธนภาโว เวทิตโพฺพฯ

    222.Samaṃ jānātīti ‘‘ayaṃ tārukkhasamo ayaṃ pokkharasātisamo’’ti evaṃ tena tena samaṃ jānāti. Sāmaṃ jānātīti sayaṃ jānāti. Purisaṃ jānātīti ‘‘ayaṃ seṭṭhasammato’’ti purisaṃ jānāti. Purisavisesaṃ jānātīti muggaṃ māsena samaṃ akatvā guṇavisiṭṭhassa visesaṃ jānāti. Ayamidamarahatīti ayaṃ puriso idaṃ nāma dānasakkāraṃ arahati . Purisavisesakaro ahosīti purisavisesaṃ ñatvā kārako ahosi. Yo yaṃ arahati, tasseva taṃ adāsi. Yo hi kahāpaṇārahassa aḍḍhaṃ deti, so parassa aḍḍhaṃ nāseti. Yo dve kahāpaṇe deti, so attano kahāpaṇaṃ nāseti. Tasmā idaṃ ubhayampi akatvā yo yaṃ arahati, tassa tadeva adāsi. Saddhādhanantiādīsu sampattipaṭilābhaṭṭhena saddhādīnaṃ dhanabhāvo veditabbo.

    อิธ กมฺมํ นาม ทีฆรตฺตํ ปุริสวิเสสํ ญตฺวา กตํ สมสงฺคหกมฺมํฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม ตทสฺส กมฺมํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ อิมานิ เทฺว ลกฺขณานิ นิพฺพตฺตนฺติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณทฺวยํฯ ธนสมฺปตฺติ อานิสํโสฯ

    Idha kammaṃ nāma dīgharattaṃ purisavisesaṃ ñatvā kataṃ samasaṅgahakammaṃ. Kammasarikkhakaṃ nāma tadassa kammaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti imāni dve lakkhaṇāni nibbattanti. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇadvayaṃ. Dhanasampatti ānisaṃso.

    ๒๒๓. ตุลิยาติ ตุลยิตฺวาฯ ปฎิวิจยาติ ปฎิวิจินิตฺวาฯ มหาชนสงฺคาหกนฺติ มหาชนสงฺคหณํฯ สเมกฺขมาโนติ สมํ เปกฺขมาโนฯ อตินิปุณา มนุชาติ อตินิปุณา สุขุมปญฺญา ลกฺขณปาฐกมนุสฺสาฯ พหุวิวิธา คิหีนํ อรหานีติ พหู วิวิธานิ คิหีนํ อนุจฺฉวิกานิ ปฎิลภติฯ ทหโร สุสุ กุมาโร ‘‘อยํ ทหโร กุมาโร ปฎิลภิสฺสตี’’ติ พฺยากํสุ มหีปติสฺสาติ รโญฺญฯ

    223.Tuliyāti tulayitvā. Paṭivicayāti paṭivicinitvā. Mahājanasaṅgāhakanti mahājanasaṅgahaṇaṃ. Samekkhamānoti samaṃ pekkhamāno. Atinipuṇāmanujāti atinipuṇā sukhumapaññā lakkhaṇapāṭhakamanussā. Bahuvividhā gihīnaṃ arahānīti bahū vividhāni gihīnaṃ anucchavikāni paṭilabhati. Daharo susu kumāro ‘‘ayaṃ daharo kumāro paṭilabhissatī’’ti byākaṃsu mahīpatissāti rañño.

    สีหปุพฺพทฺธกายาทิลกฺขณวณฺณนา

    Sīhapubbaddhakāyādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๒๔. โยคเกฺขมกาโมติ โยคโต เขมกาโมฯ ปญฺญายาติ กมฺมสฺสกตปญฺญายฯ อิธ กมฺมํ นาม มหาชนสฺส อตฺถกามตาฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม ตํ มหาชนสฺส อตฺถกามตาย วฑฺฒิเมว ปจฺจาสีสิตภาวํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ อิมานิ สมนฺตปริปูรานิ อปริหีนานิ ตีณิ ลกฺขณานิ นิพฺพตฺตนฺติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณตฺตยํฯ ธนาทีหิ เจว สทฺธาทีหิ จ อปริหานิ อานิสํโสฯ

    224.Yogakkhemakāmoti yogato khemakāmo. Paññāyāti kammassakatapaññāya. Idha kammaṃ nāma mahājanassa atthakāmatā. Kammasarikkhakaṃ nāma taṃ mahājanassa atthakāmatāya vaḍḍhimeva paccāsīsitabhāvaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti imāni samantaparipūrāni aparihīnāni tīṇi lakkhaṇāni nibbattanti. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇattayaṃ. Dhanādīhi ceva saddhādīhi ca aparihāni ānisaṃso.

    ๒๒๕. สทฺธายาติ โอกปฺปนสทฺธาย ปสาทสทฺธายฯ สีเลนาติ ปญฺจสีเลน ทสสีเลนฯ สุเตนาติ ปริยตฺติสวเนนฯ พุทฺธิยาติ เอเตสํ พุทฺธิยา , ‘‘กินฺติ เอเตหิ วเฑฺฒยฺยุ’’นฺติ เอวํ จิเนฺตสีติ อโตฺถฯ ธเมฺมนาติ โลกิยธเมฺมนฯ พหูหิ สาธูหีติ อเญฺญหิปิ พหูหิ อุตฺตมคุเณหิฯ อสหานธมฺมตนฺติ อปริหีนธมฺมํฯ

    225.Saddhāyāti okappanasaddhāya pasādasaddhāya. Sīlenāti pañcasīlena dasasīlena. Sutenāti pariyattisavanena. Buddhiyāti etesaṃ buddhiyā , ‘‘kinti etehi vaḍḍheyyu’’nti evaṃ cintesīti attho. Dhammenāti lokiyadhammena. Bahūhi sādhūhīti aññehipi bahūhi uttamaguṇehi. Asahānadhammatanti aparihīnadhammaṃ.

    รสคฺคสคฺคิตาลกฺขณวณฺณนา

    Rasaggasaggitālakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๒๖. สมาภิวาหินิโยติ ยถา ติลผลมตฺตมฺปิ ชิวฺหเคฺค ฐปิตํ สพฺพตฺถ ผรติ, เอวํ สมา หุตฺวา วหนฺติฯ อิธ กมฺมํ นาม อวิเหฐนกมฺมํฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม ปาณิอาทีหิ ปหารํ ลทฺธสฺส ตตฺถ ตตฺถ โลหิตํ สณฺฐาติ, คณฺฐิ คณฺฐิ หุตฺวา อโนฺตว ปุพฺพํ คณฺหาติ, อโนฺตว ภิชฺชติ, เอวํ โส พหุโรโค โหติฯ ตถาคเตน ปน ทีฆรตฺตํ อิมํ อาโรคฺยกรณกมฺมํ กตํฯ ตทสฺส สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ อาโรคฺยกรํ รสคฺคสคฺคิลกฺขณํ นิพฺพตฺตติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณํฯ อปฺปาพาธตา อานิสํโสฯ

    226.Samābhivāhiniyoti yathā tilaphalamattampi jivhagge ṭhapitaṃ sabbattha pharati, evaṃ samā hutvā vahanti. Idha kammaṃ nāma aviheṭhanakammaṃ. Kammasarikkhakaṃ nāma pāṇiādīhi pahāraṃ laddhassa tattha tattha lohitaṃ saṇṭhāti, gaṇṭhi gaṇṭhi hutvā antova pubbaṃ gaṇhāti, antova bhijjati, evaṃ so bahurogo hoti. Tathāgatena pana dīgharattaṃ imaṃ ārogyakaraṇakammaṃ kataṃ. Tadassa sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti ārogyakaraṃ rasaggasaggilakkhaṇaṃ nibbattati. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇaṃ. Appābādhatā ānisaṃso.

    ๒๒๗. มรณวเธนาติ ‘‘เอตํ มาเรถ เอตํ ฆาเตถา’’ติ เอวํ อาณเตฺตน มรณวเธนฯ อุพฺพาธนายาติ พนฺธนาคารปฺปเวสเนนฯ

    227.Maraṇavadhenāti ‘‘etaṃ māretha etaṃ ghātethā’’ti evaṃ āṇattena maraṇavadhena. Ubbādhanāyāti bandhanāgārappavesanena.

    อภินีลเนตฺตาทิลกฺขณวณฺณนา

    Abhinīlanettādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๒๘. น จ วิสฎนฺติ กกฺกฎโก วิย อกฺขีนิ นีหริตฺวา น โกธวเสน เปกฺขิตา อโหสิฯ น จ วิสาจีติ วงฺกกฺขิโกฎิยา เปกฺขิตาปิ นาโหสิฯ น จ ปน วิเจยฺย เปกฺขิตาติ วิเจยฺย เปกฺขิตา นาม โย กุชฺฌิตฺวา ยทา นํ ปโร โอโลเกติ, ตทา นิมฺมีเลติ น โอโลเกติ, ปุน คจฺฉนฺตํ กุชฺฌิตฺวา โอโลเกติ, เอวรูโป นาโหสิฯ ‘‘วิเนยฺยเปกฺขิตา’’ติปิ ปาโฐ, อยเมวโตฺถฯ อุชุํ ตถา ปสฎมุชุมโนติ อุชุมโน หุตฺวา อุชุ เปกฺขิตา โหติ, ยถา จ อุชุํ, ตถา ปสฎํ วิปุลํ วิตฺถตํ เปกฺขิตา โหติฯ ปิยทสฺสโนติ ปิยายมาเนหิ ปสฺสิตโพฺพฯ

    228.Na ca visaṭanti kakkaṭako viya akkhīni nīharitvā na kodhavasena pekkhitā ahosi. Na ca visācīti vaṅkakkhikoṭiyā pekkhitāpi nāhosi. Na ca pana viceyya pekkhitāti viceyya pekkhitā nāma yo kujjhitvā yadā naṃ paro oloketi, tadā nimmīleti na oloketi, puna gacchantaṃ kujjhitvā oloketi, evarūpo nāhosi. ‘‘Vineyyapekkhitā’’tipi pāṭho, ayamevattho. Ujuṃ tathā pasaṭamujumanoti ujumano hutvā uju pekkhitā hoti, yathā ca ujuṃ, tathā pasaṭaṃ vipulaṃ vitthataṃ pekkhitā hoti. Piyadassanoti piyāyamānehi passitabbo.

    อิธ กมฺมํ นาม ทีฆรตฺตํ มหาชนสฺส ปิยจกฺขุนา โอโลกนกมฺมํฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม กุชฺฌิตฺวา โอโลเกโนฺต กาโณ วิย กากกฺขิ วิย โหติ, วงฺกกฺขิ ปน อาวิลกฺขิ จ โหติเยวฯ ปสนฺนจิตฺตสฺส ปน โอโลกยโต อกฺขีนํ ปญฺจวโณฺณ ปสาโท ปญฺญายติฯ ตถาคโต จ ตถา โอโลเกสิฯ อถสฺส ตํ ทีฆรตฺตํ ปิยจกฺขุนา โอโลกิตภาวํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ อิมานิ เนตฺตสมฺปตฺติกรานิ เทฺว มหาปุริสลกฺขณานิ นิพฺพตฺตนฺติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณทฺวยํฯ ปิยทสฺสนตา อานิสํโสฯ อภิโยคิโนติ ลกฺขณสเตฺถ ยุตฺตาฯ

    Idha kammaṃ nāma dīgharattaṃ mahājanassa piyacakkhunā olokanakammaṃ. Kammasarikkhakaṃ nāma kujjhitvā olokento kāṇo viya kākakkhi viya hoti, vaṅkakkhi pana āvilakkhi ca hotiyeva. Pasannacittassa pana olokayato akkhīnaṃ pañcavaṇṇo pasādo paññāyati. Tathāgato ca tathā olokesi. Athassa taṃ dīgharattaṃ piyacakkhunā olokitabhāvaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti imāni nettasampattikarāni dve mahāpurisalakkhaṇāni nibbattanti. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇadvayaṃ. Piyadassanatā ānisaṃso. Abhiyoginoti lakkhaṇasatthe yuttā.

    อุณฺหีสสีสลกฺขณวณฺณนา

    Uṇhīsasīsalakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๓๐. พหุชนปุพฺพงฺคโม อโหสีติ พหุชนสฺส ปุพฺพงฺคโม อโหสิ คณเชฎฺฐโกฯ ตสฺส ทิฎฺฐานุคติํ อเญฺญ อาปชฺชิํสุฯ อิธ กมฺมํ นาม ปุพฺพงฺคมตาฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม โย ปุพฺพงฺคโม หุตฺวา ทานาทีนิ กุสลกมฺมานิ กโรติ, โส อมงฺกุภูโต สีสํ อุกฺขิปิตฺวา ปีติปาโมเชฺชน ปริปุณฺณสีโส วิจรติ, มหาปุริโส จ โหติฯ ตถาคโต จ ตถา อกาสิฯ อถสฺส สเทวโก โลโก อิมินา การเณน อิทํ ปุพฺพงฺคมกมฺมํ ชานาตูติ อุณฺหีสสีสลกฺขณํ นิพฺพตฺตติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณํฯ มหาชนานุวตฺตนตา อานิสํโสฯ

    230.Bahujanapubbaṅgamo ahosīti bahujanassa pubbaṅgamo ahosi gaṇajeṭṭhako. Tassa diṭṭhānugatiṃ aññe āpajjiṃsu. Idha kammaṃ nāma pubbaṅgamatā. Kammasarikkhakaṃ nāma yo pubbaṅgamo hutvā dānādīni kusalakammāni karoti, so amaṅkubhūto sīsaṃ ukkhipitvā pītipāmojjena paripuṇṇasīso vicarati, mahāpuriso ca hoti. Tathāgato ca tathā akāsi. Athassa sadevako loko iminā kāraṇena idaṃ pubbaṅgamakammaṃ jānātūti uṇhīsasīsalakkhaṇaṃ nibbattati. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇaṃ. Mahājanānuvattanatā ānisaṃso.

    ๒๓๑. พหุชนํ เหสฺสตีติ พหุชนสฺส ภวิสฺสติฯ ปฎิโภคิยาติ เวยฺยาวจฺจกรา, เอตสฺส พหู เวยฺยาวจฺจกรา ภวิสฺสนฺตีติ อโตฺถฯ อภิหรนฺติ ตทาติ ทหรกาเลเยว ตทา เอวํ พฺยากโรนฺติฯ ปฎิหารกนฺติ เวยฺยาวจฺจกรภาวํฯ วิสวีติ จิณฺณวสีฯ

    231.Bahujanaṃhessatīti bahujanassa bhavissati. Paṭibhogiyāti veyyāvaccakarā, etassa bahū veyyāvaccakarā bhavissantīti attho. Abhiharanti tadāti daharakāleyeva tadā evaṃ byākaronti. Paṭihārakanti veyyāvaccakarabhāvaṃ. Visavīti ciṇṇavasī.

    เอเกกโลมตาทิลกฺขณวณฺณนา

    Ekekalomatādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๓๒. อุปวตฺตตีติ อชฺฌาสยํ อนุวตฺตติ, อิธ กมฺมํ นาม ทีฆรตฺตํ สจฺจกถนํฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม ทีฆรตฺตํ อเทฺวชฺฌกถาย ปริสุทฺธกถาย กถิตภาวมสฺส สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ เอเกกโลมลกฺขณญฺจ อุณฺณาลกฺขณญฺจ นิพฺพตฺตติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณทฺวยํฯ มหาชนสฺส อชฺฌาสยานุกูเลน อนุวตฺตนตา อานิสํโสฯ เอเกกโลมูปจิตงฺควาติ เอเกเกหิ โลเมหิ อุปจิตสรีโรฯ

    232.Upavattatīti ajjhāsayaṃ anuvattati, idha kammaṃ nāma dīgharattaṃ saccakathanaṃ. Kammasarikkhakaṃ nāma dīgharattaṃ advejjhakathāya parisuddhakathāya kathitabhāvamassa sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti ekekalomalakkhaṇañca uṇṇālakkhaṇañca nibbattati. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇadvayaṃ. Mahājanassa ajjhāsayānukūlena anuvattanatā ānisaṃso. Ekekalomūpacitaṅgavāti ekekehi lomehi upacitasarīro.

    จตฺตาลีสาทิลกฺขณวณฺณนา

    Cattālīsādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๓๔. อเภชฺชปริโสติ อภินฺทิตพฺพปริโสฯ อิธ กมฺมํ นาม ทีฆรตฺตํ อปิสุณวาจาย กถนํฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม ปิสุณวาจสฺส กิร สมคฺคภาวํ ภินฺทนโต ทนฺตา อปริปุณฺณา เจว โหนฺติ วิรฬา จฯ ตถาคตสฺส ปน ทีฆรตฺตํ อปิสุณวาจตํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ อิทํ ลกฺขณทฺวยํ นิพฺพตฺตติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณทฺวยํฯ อเภชฺชปริสตา อานิสํโสฯ จตุโร ทสาติ จตฺตาโร ทส จตฺตาลีสํฯ

    234.Abhejjaparisoti abhinditabbapariso. Idha kammaṃ nāma dīgharattaṃ apisuṇavācāya kathanaṃ. Kammasarikkhakaṃ nāma pisuṇavācassa kira samaggabhāvaṃ bhindanato dantā aparipuṇṇā ceva honti viraḷā ca. Tathāgatassa pana dīgharattaṃ apisuṇavācataṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti idaṃ lakkhaṇadvayaṃ nibbattati. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇadvayaṃ. Abhejjaparisatā ānisaṃso. Caturo dasāti cattāro dasa cattālīsaṃ.

    ปหูตชิวฺหาทิลกฺขณวณฺณนา

    Pahūtajivhādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๓๖. อาเทยฺยวาโจ โหตีติ คเหตพฺพวจโน โหติฯ อิธ กมฺมํ นาม ทีฆรตฺตํ อผรุสวาทิตาฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม เย ผรุสวาจา โหนฺติ, เต อิมินา การเณน เนสํ ชิวฺหํ ปริวเตฺตตฺวา ปริวเตฺตตฺวา ผรุสวาจาย กถิตภาวํ ชโน ชานาตูติ พทฺธชิวฺหา วา โหนฺติ, คูฬฺหชิวฺหา วา ทฺวิชิวฺหา วา มมฺมนา วาฯ เย ปน ชิวฺหํ ปริวเตฺตตฺวา ปริวเตฺตตฺวา ผรุสวาจํ น วทนฺติ, เต พทฺธชิวฺหา คูฬฺหชิวฺหา ทฺวิชิวฺหา น โหนฺติฯ มุทุ เนสํ ชิวฺหา โหติ รตฺตกมฺพลวณฺณาฯ ตสฺมา ตถาคตสฺส ทีฆรตฺตํ ชิวฺหํ ปริวเตฺตตฺวา ผรุสาย วาจาย อกถิตภาวํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ ปหูตชิวฺหาลกฺขณํ นิพฺพตฺตติฯ ผรุสวาจํ กเถนฺตานญฺจ สโทฺท ภิชฺชติฯ เต สทฺทเภทํ กตฺวา ผรุสวาจาย กถิตภาวํ ชโน ชานาตูติ ฉินฺนสฺสรา วา โหนฺติ ภินฺนสฺสรา วา กากสฺสรา วาฯ เย ปน สรเภทกรํ ผรุสวาจํ น กเถนฺติ, เตสํ สโทฺท มธุโร จ โหติ เปมนีโยฯ ตสฺมา ตถาคตสฺส ทีฆรตฺตํ สรเภทกราย ผรุสวาจาย อกถิตภาวํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ พฺรหฺมสฺสรลกฺขณํ นิพฺพตฺตติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณทฺวยํฯ อาเทยฺยวจนตา อานิสํโสฯ

    236.Ādeyyavāco hotīti gahetabbavacano hoti. Idha kammaṃ nāma dīgharattaṃ apharusavāditā. Kammasarikkhakaṃ nāma ye pharusavācā honti, te iminā kāraṇena nesaṃ jivhaṃ parivattetvā parivattetvā pharusavācāya kathitabhāvaṃ jano jānātūti baddhajivhā vā honti, gūḷhajivhā vā dvijivhā vā mammanā vā. Ye pana jivhaṃ parivattetvā parivattetvā pharusavācaṃ na vadanti, te baddhajivhā gūḷhajivhā dvijivhā na honti. Mudu nesaṃ jivhā hoti rattakambalavaṇṇā. Tasmā tathāgatassa dīgharattaṃ jivhaṃ parivattetvā pharusāya vācāya akathitabhāvaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti pahūtajivhālakkhaṇaṃ nibbattati. Pharusavācaṃ kathentānañca saddo bhijjati. Te saddabhedaṃ katvā pharusavācāya kathitabhāvaṃ jano jānātūti chinnassarā vā honti bhinnassarā vā kākassarā vā. Ye pana sarabhedakaraṃ pharusavācaṃ na kathenti, tesaṃ saddo madhuro ca hoti pemanīyo. Tasmā tathāgatassa dīgharattaṃ sarabhedakarāya pharusavācāya akathitabhāvaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti brahmassaralakkhaṇaṃ nibbattati. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇadvayaṃ. Ādeyyavacanatā ānisaṃso.

    ๒๓๗. อุพฺพาธิกนฺติ อโกฺกสยุตฺตตฺตา อาพาธกริํ พหุชนปฺปมทฺทนนฺติ พหุชนานํ ปมทฺทนิํ อพาฬฺหํ คิรํ โส น ภณิ ผรุสนฺติ เอตฺถ อกาโร ปรโต ภณิสเทฺทน โยเชตโพฺพฯ พาฬฺหนฺติ พลวํ อติผรุสํฯ พาฬฺหํ คิรํ โส น อภณีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ สุสํหิตนฺติ สุฎฺฐุ เปมสญฺหิตํฯ สขิลนฺติ มุทุกํฯ วาจาติ วาจาโยฯ กณฺณสุขาติ กณฺณสุขาโยฯ ‘‘กณฺณสุข’’นฺติปิ ปาโฐ, ยถา กณฺณานํ สุขํ โหติ, เอวํ เอรยตีติ อโตฺถฯ เวทยถาติ เวทยิตฺถฯ พฺรหฺมสฺสรตฺตนฺติ พฺรหฺมสฺสรตํฯ พหุโน พหุนฺติ พหุชนสฺส พหุํฯ ‘‘พหูนํ พหุนฺติ’’ปิ ปาโฐ, พหุชนานํ พหุนฺติ อโตฺถฯ

    237.Ubbādhikanti akkosayuttattā ābādhakariṃ bahujanappamaddananti bahujanānaṃ pamaddaniṃ abāḷhaṃ giraṃ so na bhaṇi pharusanti ettha akāro parato bhaṇisaddena yojetabbo. Bāḷhanti balavaṃ atipharusaṃ. Bāḷhaṃ giraṃ so na abhaṇīti ayamettha attho. Susaṃhitanti suṭṭhu pemasañhitaṃ. Sakhilanti mudukaṃ. Vācāti vācāyo. Kaṇṇasukhāti kaṇṇasukhāyo. ‘‘Kaṇṇasukha’’ntipi pāṭho, yathā kaṇṇānaṃ sukhaṃ hoti, evaṃ erayatīti attho. Vedayathāti vedayittha. Brahmassarattanti brahmassarataṃ. Bahuno bahunti bahujanassa bahuṃ. ‘‘Bahūnaṃ bahunti’’pi pāṭho, bahujanānaṃ bahunti attho.

    สีหหนุลกฺขณวณฺณนา

    Sīhahanulakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๓๘. อปฺปธํสิโก โหตีติ คุณโต วา ฐานโต วา ปธํเสตุํ จาเวตุํ อสกฺกุเณโยฺยฯ อิธ กมฺมํ นาม ปลาปกถาย อกถนํฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม เย ตํ กเถนฺติ, เต อิมินา การเณน เนสํ หนุกํ จาเลตฺวา จาเลตฺวา ปลาปกถาย กถิตภาวํ ชโน ชานาตูติ อโนฺตปวิฎฺฐหนุกา วา วงฺกหนุกา วา ปพฺภารหนุกา วา โหนฺติฯ ตถาคโต ปน ตถา น กเถสิฯ เตนสฺส หนุกํ จาเลตฺวา จาเลตฺวา ทีฆรตฺตํ ปลาปกถาย อกถิตภาวํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ สีหหนุลกฺขณํ นิพฺพตฺตติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณํฯ อปฺปธํสิกตา อานิสํโสฯ

    238.Appadhaṃsiko hotīti guṇato vā ṭhānato vā padhaṃsetuṃ cāvetuṃ asakkuṇeyyo. Idha kammaṃ nāma palāpakathāya akathanaṃ. Kammasarikkhakaṃ nāma ye taṃ kathenti, te iminā kāraṇena nesaṃ hanukaṃ cāletvā cāletvā palāpakathāya kathitabhāvaṃ jano jānātūti antopaviṭṭhahanukā vā vaṅkahanukā vā pabbhārahanukā vā honti. Tathāgato pana tathā na kathesi. Tenassa hanukaṃ cāletvā cāletvā dīgharattaṃ palāpakathāya akathitabhāvaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti sīhahanulakkhaṇaṃ nibbattati. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇaṃ. Appadhaṃsikatā ānisaṃso.

    ๒๓๙. อวิกิณฺณวจนพฺยปฺปโถ จาติ อวิกิณฺณวจนานํ วิย ปุริมโพธิสตฺตานํ วจนปโถ อสฺสาติ อวิกิณฺณวจนพฺยปฺปโถฯ ทฺวิทุคมวรตรหนุตฺตมลตฺถาติ ทฺวีหิ ทฺวีหิ คจฺฉตีติ ทฺวิทุคโม, ทฺวีหิ ทฺวีหีติ จตูหิ, จตุปฺปทานํ วรตรสฺส สีหเสฺสว หนุภาวํ อลตฺถาติ อโตฺถฯ มนุชาธิปตีติ มนุชานํ อธิปติฯ ตถโตฺตติ ตถสภาโวฯ

    239.Avikiṇṇavacanabyappatho cāti avikiṇṇavacanānaṃ viya purimabodhisattānaṃ vacanapatho assāti avikiṇṇavacanabyappatho. Dvidugamavaratarahanuttamalatthāti dvīhi dvīhi gacchatīti dvidugamo, dvīhi dvīhīti catūhi, catuppadānaṃ varatarassa sīhasseva hanubhāvaṃ alatthāti attho. Manujādhipatīti manujānaṃ adhipati. Tathattoti tathasabhāvo.

    สมทนฺตาทิลกฺขณวณฺณนา

    Samadantādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๔๐. สุจิปริวาโรติ ปริสุทฺธปริวาโรฯ อิธ กมฺมํ นาม สมฺมาชีวตาฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม โย วิสเมน สํกิลิฎฺฐาชีเวน ชีวิตํ กเปฺปติ, ตสฺส ทนฺตาปิ วิสมา โหนฺติ ทาฐาปิ กิลิฎฺฐาฯ ตถาคตสฺส ปน สเมน สุทฺธาชีเวน ชีวิตํ กปฺปิตภาวํ สเทวโก โลโก อิมินา การเณน ชานาตูติ สมทนฺตลกฺขณญฺจ สุสุกฺกทาฐาลกฺขณญฺจ นิพฺพตฺตติฯ ลกฺขณํ นาม อิทเมว ลกฺขณทฺวยํฯ สุจิปริวารตา อานิสํโสฯ

    240.Suciparivāroti parisuddhaparivāro. Idha kammaṃ nāma sammājīvatā. Kammasarikkhakaṃ nāma yo visamena saṃkiliṭṭhājīvena jīvitaṃ kappeti, tassa dantāpi visamā honti dāṭhāpi kiliṭṭhā. Tathāgatassa pana samena suddhājīvena jīvitaṃ kappitabhāvaṃ sadevako loko iminā kāraṇena jānātūti samadantalakkhaṇañca susukkadāṭhālakkhaṇañca nibbattati. Lakkhaṇaṃ nāma idameva lakkhaṇadvayaṃ. Suciparivāratā ānisaṃso.

    ๒๔๑. อวสฺสชีติ ปหาสิ ติทิวปุรวรสโมติ ติทิวปุรวเรน สเกฺกน สโมฯ ลปนชนฺติ มุขชํ, ทนฺตนฺติ อโตฺถฯ ทิชสมสุกฺกสุจิโสภนทโนฺตติ เทฺว วาเร ชาตตฺตา ทิชนามกา สุกฺกา สุจิ โสภนา จ ทนฺตา อสฺสาติ ทิชสมสุกฺกสุจิโสภนทโนฺตฯ น จ ชนปทตุทนนฺติ โย ตสฺส จกฺกวาฬปริจฺฉิโนฺน ชนปโท, ตสฺส อเญฺญน ตุทนํ ปีฬา วา อาพาโธ วา นตฺถิฯ หิตมปิ จ พหุชน สุขญฺจ จรนฺตีติ พหุชนา สมานสุขทุกฺขา หุตฺวา ตสฺมิํ ชนปเท อญฺญมญฺญสฺส หิตเญฺจว สุขญฺจ จรนฺติฯ วิปาโปติ วิคตปาโปฯ วิคตทรถกิลมโถติ วิคตกายิกทรถกิลมโถฯ มลขิลกลิกิเลเส ปนุเทหีติ ราคาทิมลานเญฺจว ราคาทิขิลานญฺจ โทสกลีนญฺจ สพฺพกิเลสานญฺจ อปนุเทหิฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานตฺถเมวาติฯ

    241.Avassajīti pahāsi tidivapuravarasamoti tidivapuravarena sakkena samo. Lapanajanti mukhajaṃ, dantanti attho. Dijasamasukkasucisobhanadantoti dve vāre jātattā dijanāmakā sukkā suci sobhanā ca dantā assāti dijasamasukkasucisobhanadanto. Na ca janapadatudananti yo tassa cakkavāḷaparicchinno janapado, tassa aññena tudanaṃ pīḷā vā ābādho vā natthi. Hitamapi ca bahujana sukhañca carantīti bahujanā samānasukhadukkhā hutvā tasmiṃ janapade aññamaññassa hitañceva sukhañca caranti. Vipāpoti vigatapāpo. Vigatadarathakilamathoti vigatakāyikadarathakilamatho. Malakhilakalikilese panudehīti rāgādimalānañceva rāgādikhilānañca dosakalīnañca sabbakilesānañca apanudehi. Sesaṃ sabbattha uttānatthamevāti.

    สุมงฺคลวิลาสินิยา ทีฆนิกายฎฺฐกถาย

    Sumaṅgalavilāsiniyā dīghanikāyaṭṭhakathāya

    ลกฺขณสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Lakkhaṇasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๗. ลกฺขณสุตฺตํ • 7. Lakkhaṇasuttaṃ

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๗. ลกฺขณสุตฺตวณฺณนา • 7. Lakkhaṇasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact