Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā)

    ๗. ลกฺขณสุตฺตวณฺณนา

    7. Lakkhaṇasuttavaṇṇanā

    ทฺวตฺติํสมหาปุริสลกฺขณวณฺณนา

    Dvattiṃsamahāpurisalakkhaṇavaṇṇanā

    ๑๙๙. อภินีหาราทิคุณมหเตฺตน มหโนฺต ปุริโสติ มหาปุริโส, โส ลกฺขียติ เอเตหีติ มหาปุริสลกฺขณานิฯ ตํ มหาปุริสํ พฺยญฺชยนฺติ ปกาเสนฺตีติ มหาปุริสพฺยญฺชนานิฯ มหาปุริโส นิมียติ อนุมียติ เอเตหีติ มหาปุริสนิมิตฺตานิฯ เตนาห ‘‘อยํ…เป.… การณานี’’ติฯ

    199. Abhinīhārādiguṇamahattena mahanto purisoti mahāpuriso, so lakkhīyati etehīti mahāpurisalakkhaṇāni. Taṃ mahāpurisaṃ byañjayanti pakāsentīti mahāpurisabyañjanāni. Mahāpuriso nimīyati anumīyati etehīti mahāpurisanimittāni. Tenāha ‘‘ayaṃ…pe… kāraṇānī’’ti.

    ๒๐๐. ธาเรนฺตีติ ลกฺขณปาฐํ ธาเรนฺติ, เตน ลกฺขณานิ เต สรูปโต ชานนฺติ, น ปน สมุฎฺฐานโตติ ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘โน จ โข’’ติอาทิ, เตน อนญฺญสาธารณเมตํ, ยทิทํ มหาปุริสลกฺขณานํ การณวิภาวนนฺติ ทเสฺสติฯ กสฺมา อาหาติ ยถาวุตฺตสฺส สุตฺตสฺส สมุฎฺฐานการณํ ปุจฺฉติ, อาจริโย ‘‘อฎฺฐุปฺปตฺติยา อนุรูปตฺตา’’ติ วตฺวา ตเมวสฺส อฎฺฐุปฺปตฺติํ วิตฺถารโต ทเสฺสตุํ ‘‘สา ปนา’’ติอาทิมาหฯ สพฺพปาลิผุโลฺลติ สพฺพโส สมนฺตโต วิกสิตปุโปฺผฯ วิกสนเมว หิ ปุปฺผสฺส นิปฺผตฺติฯ ปาริจฺฉตฺตโก วิยาติ อนุสฺสวลทฺธมตฺตํ คเหตฺวา วทนฺติฯ อุปฺปชฺชตีติ ลพฺภติ, นิพฺพตฺตตีติ อโตฺถฯ

    200.Dhārentīti lakkhaṇapāṭhaṃ dhārenti, tena lakkhaṇāni te sarūpato jānanti, na pana samuṭṭhānatoti dasseti. Tenāha ‘‘no ca kho’’tiādi, tena anaññasādhāraṇametaṃ, yadidaṃ mahāpurisalakkhaṇānaṃ kāraṇavibhāvananti dasseti. Kasmā āhāti yathāvuttassa suttassa samuṭṭhānakāraṇaṃ pucchati, ācariyo ‘‘aṭṭhuppattiyā anurūpattā’’ti vatvā tamevassa aṭṭhuppattiṃ vitthārato dassetuṃ ‘‘sā panā’’tiādimāha. Sabbapāliphulloti sabbaso samantato vikasitapuppho. Vikasanameva hi pupphassa nipphatti. Pāricchattako viyāti anussavaladdhamattaṃ gahetvā vadanti. Uppajjatīti labbhati, nibbattatīti attho.

    เยน กเมฺมนาติ เยน กุสลกมฺมุนาฯ ยํ นิพฺพตฺตนฺติ ยํ ยํ ลกฺขณํ นิพฺพตฺตํฯ ทสฺสนตฺถนฺติ ตสฺส ตสฺส กุสลกมฺมสฺส สรูปโต, กิจฺจโต, ปวตฺติอาการวิเสสโต, ปจฺจยโต, ผลวิเสสโต จ ทสฺสนตฺถํ, เอเตเนว ปฎิปาฎิยา อุทฺทิฎฺฐานํ ลกฺขณานํ อสมุเทฺทสการณวิภาวนาย การณํ ทีปิตํ โหติ สมานการณานํ ลกฺขณานํ เอกชฺฌํ การณทสฺสนวเสนสฺส ปวตฺตตฺตาฯ เอวมาหาติ ‘‘พาหิรกาปิ อิสโย ธาเรนฺตี’’ติอาทินา อิมินา อิมินา ปกาเรน อาหฯ

    Yena kammenāti yena kusalakammunā. Yaṃ nibbattanti yaṃ yaṃ lakkhaṇaṃ nibbattaṃ. Dassanatthanti tassa tassa kusalakammassa sarūpato, kiccato, pavattiākāravisesato, paccayato, phalavisesato ca dassanatthaṃ, eteneva paṭipāṭiyā uddiṭṭhānaṃ lakkhaṇānaṃ asamuddesakāraṇavibhāvanāya kāraṇaṃ dīpitaṃ hoti samānakāraṇānaṃ lakkhaṇānaṃ ekajjhaṃ kāraṇadassanavasenassa pavattattā. Evamāhāti ‘‘bāhirakāpi isayo dhārentī’’tiādinā iminā iminā pakārena āha.

    สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาลกฺขณวณฺณนา

    Suppatiṭṭhitapādatālakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๐๑. ‘‘ปุริมํ ชาตินฺติ ปุริมายํ ชาติยํ, ภุมฺมเตฺถ เอตํ อุปโยควจน’’นฺติ วทนฺติฯ ‘‘ปุเพฺพ นิวุตฺถกฺขนฺธสนฺตาเน ฐิโต’’ติ วจนโต อจฺจนฺตสํโยเค วา อุปโยควจนํฯ ยตฺถ ยตฺถ หิ ชาติยํ มหาสโตฺต ปุญฺญกมฺมํ กาตุํ อารภติ, อารภโต ปฎฺฐาย อจฺจนฺตเมว ตตฺถ ปุญฺญกมฺมปฺปสุโต โหติฯ เตนาห ‘‘ทฬฺหสมาทาโน’’ติอาทิฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ นิวุตฺถกฺขนฺธา ‘‘ชาตี’’ติ วุตฺตา ขนฺธวินิมุตฺตาย ชาติยา อภาวโต, นิพฺพตฺติลกฺขณสฺส จ วิการสฺส อิธ อนุปยุชฺชนโตฯ ชาตวเสนาติ ชายนวเสนฯ ‘‘ตถา’’ติ อิมินา ‘‘ปุเพฺพ นิวุตฺถกฺขนฺธา’’ติ อิมํ ปทํ อุปสํหรติฯ ภวนวเสนาติ ปจฺจยโต นิพฺพตฺตนวเสนฯ นิวุตฺถวเสนาติ นิวุสิตตาวเสนฯ อาลยเฎฺฐนาติ อาวสิตภาเวนฯ นิวาสโตฺถ หิ นิเกตโตฺถฯ

    201.‘‘Purimaṃjātinti purimāyaṃ jātiyaṃ, bhummatthe etaṃ upayogavacana’’nti vadanti. ‘‘Pubbe nivutthakkhandhasantāne ṭhito’’ti vacanato accantasaṃyoge vā upayogavacanaṃ. Yattha yattha hi jātiyaṃ mahāsatto puññakammaṃ kātuṃ ārabhati, ārabhato paṭṭhāya accantameva tattha puññakammappasuto hoti. Tenāha ‘‘daḷhasamādāno’’tiādi. Sesapadadvayepi eseva nayo. Nivutthakkhandhā ‘‘jātī’’ti vuttā khandhavinimuttāya jātiyā abhāvato, nibbattilakkhaṇassa ca vikārassa idha anupayujjanato. Jātavasenāti jāyanavasena. ‘‘Tathā’’ti iminā ‘‘pubbe nivutthakkhandhā’’ti imaṃ padaṃ upasaṃharati. Bhavanavasenāti paccayato nibbattanavasena. Nivutthavasenāti nivusitatāvasena. Ālayaṭṭhenāti āvasitabhāvena. Nivāsattho hi niketattho.

    ตตฺถาติ เทวโลกาทิมฺหิฯ อาทิ-สเทฺทน เอกจฺจํ ติรจฺฉานโยนิํ สงฺคณฺหาติฯ น สุกรนฺติ เทวคติยา เอกนฺตสุขตาย, ทุคฺคติยา เอกนฺตทุกฺขตาย, ทุกฺขพหุลตาย จ ปุญฺญกิริยาย โอกาโส น สุลภรูโป ปจฺจยสมวายสฺส ทุลฺลภภาวโต, อุปฺปชฺชมานา จ สา อุฬารา, วิปุลา จ น โหตีติ คติวเสนาปิ เขตฺตวิเสสตา อิจฺฉิตพฺพา ‘‘ติรจฺฉานคเต ทานํ ทตฺวา สตคุณา ทกฺขิณา ปาฎิกงฺขิตพฺพา, ปุถุชฺชนทุสฺสีเล ทานํ ทตฺวา สหสฺสคุณา ทกฺขิณา ปาฎิกงฺขิตพฺพา’’ติ (ม. นิ. ๓.๓๗๙) วจนโต ฯ มนุสฺสคติยา ปน สุขพหุลตาย ปุญฺญกิริยาย โอกาโส สุลภรูโป ปจฺจยสมวายสฺส จ เยภุเยฺยน สุลภภาวโตฯ ยญฺจ ตตฺถ ทุกฺขํ อุปฺปชฺชติ, ตมฺปิ วิเสสโต ปุญฺญกิริยาย อุปนิสฺสโย โหติ, ทุกฺขูปนิสา สทฺธาติฯ ยถา หิ อโยฆเนน สตฺถเก นิปฺผาทิยมาเน ตสฺส เอกนฺตโต อคฺคิมฺหิ ตาปนํ, อุทเกน วา เตมนํ เฉทนกิริยาสมตฺถตาย น วิเสสปจฺจโย, ตาเปตฺวา ปน สมานโยคโต อุทกเตมนํ ตสฺสา วิเสสปจฺจโย, เอวเมว สตฺตสนฺตานสฺส เอกนฺตทุกฺขสมงฺคิตา ทุกฺขพหุลตา เอกนฺตสุขสมงฺคิตา สุขพหุลตา จ ปุญฺญกิริยาสมตฺถตาย น วิเสสปจฺจโย, สติ ปน สมานโยคโต ทุกฺขสนฺตาปเน, สุขุมพฺรูหเน จ ลทฺธูปนิสฺสยา ปุญฺญกิริยา สมตฺถตาย สมฺภวติ, ตถา สติ อุปฺปชฺชมานา ปุญฺญกิริยา มหาชุติกา มหาวิปฺผารา ปฎิปกฺขเจฺฉทนสมตฺถา โหติฯ ตสฺมา มนุสฺสภาโว ปุญฺญกิริยาย วิเสสปจฺจโยฯ เตน วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ น สุกรํ, มนุสฺสภูตเสฺสว สุกร’’นฺติฯ

    Tatthāti devalokādimhi. Ādi-saddena ekaccaṃ tiracchānayoniṃ saṅgaṇhāti. Na sukaranti devagatiyā ekantasukhatāya, duggatiyā ekantadukkhatāya, dukkhabahulatāya ca puññakiriyāya okāso na sulabharūpo paccayasamavāyassa dullabhabhāvato, uppajjamānā ca sā uḷārā, vipulā ca na hotīti gativasenāpi khettavisesatā icchitabbā ‘‘tiracchānagate dānaṃ datvā sataguṇā dakkhiṇā pāṭikaṅkhitabbā, puthujjanadussīle dānaṃ datvā sahassaguṇā dakkhiṇā pāṭikaṅkhitabbā’’ti (ma. ni. 3.379) vacanato . Manussagatiyā pana sukhabahulatāya puññakiriyāya okāso sulabharūpo paccayasamavāyassa ca yebhuyyena sulabhabhāvato. Yañca tattha dukkhaṃ uppajjati, tampi visesato puññakiriyāya upanissayo hoti, dukkhūpanisā saddhāti. Yathā hi ayoghanena satthake nipphādiyamāne tassa ekantato aggimhi tāpanaṃ, udakena vā temanaṃ chedanakiriyāsamatthatāya na visesapaccayo, tāpetvā pana samānayogato udakatemanaṃ tassā visesapaccayo, evameva sattasantānassa ekantadukkhasamaṅgitā dukkhabahulatā ekantasukhasamaṅgitā sukhabahulatā ca puññakiriyāsamatthatāya na visesapaccayo, sati pana samānayogato dukkhasantāpane, sukhumabrūhane ca laddhūpanissayā puññakiriyā samatthatāya sambhavati, tathā sati uppajjamānā puññakiriyā mahājutikā mahāvipphārā paṭipakkhacchedanasamatthā hoti. Tasmā manussabhāvo puññakiriyāya visesapaccayo. Tena vuttaṃ ‘‘tattha na sukaraṃ, manussabhūtasseva sukara’’nti.

    อถ ‘‘มนุสฺสภูตสฺสา’’ติ เอตฺถ โก วจนโตฺถ? ‘‘มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสาติ, สูรภาวสติมนฺตตาพฺรหฺมจริยโยคฺยตาทิคุณวเสน อุปจิตมนกา อุกฺกฎฺฐคุณจิตฺตาติ อโตฺถฯ เก ปน เต? ชมฺพุทีปวาสิโน สตฺตวิเสสาฯ เตนาห ภควา –

    Atha ‘‘manussabhūtassā’’ti ettha ko vacanattho? ‘‘Manassa ussannatāya manussāti, sūrabhāvasatimantatābrahmacariyayogyatādiguṇavasena upacitamanakā ukkaṭṭhaguṇacittāti attho. Ke pana te? Jambudīpavāsino sattavisesā. Tenāha bhagavā –

    ‘ตีหิ, ภิกฺขเว, ฐาเนหิ ชมฺพุทีปกา มนุสฺสา อุตฺตรกุรุเก จ มนุเสฺส อธิคฺคณฺหนฺติ เทเว จ ตาวติํเสฯ กตเมหิ ตีหิ? สูรา สติมโนฺต อิธ พฺรหฺมจริยวาโส’ติ (อ. นิ. ๙.๒๑; กถา. ๒๗๑)ฯ

    ‘Tīhi, bhikkhave, ṭhānehi jambudīpakā manussā uttarakuruke ca manusse adhiggaṇhanti deve ca tāvatiṃse. Katamehi tīhi? Sūrā satimanto idha brahmacariyavāso’ti (a. ni. 9.21; kathā. 271).

    ตถา หิ พุทฺธา ภควโนฺต, ปเจฺจกพุทฺธา, อคฺคสาวกา , มหาสาวกา, จกฺกวตฺติโน, อเญฺญ จ มหานุภาวา สตฺตา ตเตฺถว อุปฺปชฺชนฺติฯ เต หิ สมานรูปาทิตาย ปน สทฺธิํ ปริตฺตทีปวาสีหิ อิตรมหาทีปวาสิโนปิ มนุสฺสา เตฺวว ปญฺญายิํสู’’ติ เกจิฯ อปเร ปน ภณนฺติ ‘‘โลภาทีหิ, อโลภาทีหิ จ สหิตสฺส มนสฺส อุสฺสนฺนตาย มนุสฺสาฯ เย หิ สตฺตา มนุสฺสชาติกา, เตสุ วิเสสโต โลภาทโย, อโลภาทโย จ อุสฺสนฺนา, เต โลภาทิอุสฺสนฺนตาย อปายมคฺคํ, อโลภาทิอุสฺสนฺนตาย สุคติมคฺคํ, นิพฺพานคามิมคฺคญฺจ ปริปูเรนฺติ, ตสฺมา โลภาทีหิ, อโลภาทีหิ จ สหิตสฺส มนสฺส อุสฺสนฺนตาย ปริตฺตทีปวาสีหิ สทฺธิํ จตุทีปวาสิโน สตฺตวิเสสา มนุสฺสาติ วุจฺจนฺตี’’ติฯ โลกิยา ปน ‘‘มนุโน อปจฺจภาเวน มนุสฺสา’’ติ วทนฺติฯ มนุ นาม ปฐมกปฺปิโก โลกมริยาทาย อาทิภูโต สตฺตานํ หิตาหิตวิธายโก กตฺตพฺพากตฺตพฺพตาสุ นิโยชนตาวเสน ปิตุฎฺฐานิโย, โย สาสเน ‘‘มหาสมฺมโต’’ติ วุจฺจติ อมฺหากํ มหาโพธิสโตฺต, ปจฺจกฺขโต, ปรมฺปรา จ ตสฺส โอวาทานุสาสนิยํ ฐิตา สตฺตา ปุตฺตสทิสตาย ‘‘มนุสฺสา, มานุสา’’ติ จ วุจฺจนฺติฯ ตโต เอว หิ เต ‘‘มานวา, มนุชา’’ติ จ โวหรียนฺติฯ มนุสฺสภูตสฺสาติ มนุเสฺสสุ ภูตสฺส ชาตสฺส, มนุสฺสภาวํ วา ปตฺตสฺสาติ อโตฺถฯ อยญฺจ นโย โลกิยมหาชนสฺส วเสน วุโตฺตฯ มหาโพธิสตฺตานํ ปน สนฺตานสฺส มหาภินีหารโต ปฎฺฐาย กุสลธมฺมปฎิปตฺติยํ สมฺมเทว อภิสงฺขตตฺตา เตสํ สุคติยํ, อตฺตโน อุปฺปชฺชนทุคฺคติยญฺจ นิพฺพตฺตานํ กุสลกมฺมํ ครุตรเมวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อการณํ วา เอต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ

    Tathā hi buddhā bhagavanto, paccekabuddhā, aggasāvakā , mahāsāvakā, cakkavattino, aññe ca mahānubhāvā sattā tattheva uppajjanti. Te hi samānarūpāditāya pana saddhiṃ parittadīpavāsīhi itaramahādīpavāsinopi manussā tveva paññāyiṃsū’’ti keci. Apare pana bhaṇanti ‘‘lobhādīhi, alobhādīhi ca sahitassa manassa ussannatāya manussā. Ye hi sattā manussajātikā, tesu visesato lobhādayo, alobhādayo ca ussannā, te lobhādiussannatāya apāyamaggaṃ, alobhādiussannatāya sugatimaggaṃ, nibbānagāmimaggañca paripūrenti, tasmā lobhādīhi, alobhādīhi ca sahitassa manassa ussannatāya parittadīpavāsīhi saddhiṃ catudīpavāsino sattavisesā manussāti vuccantī’’ti. Lokiyā pana ‘‘manuno apaccabhāvena manussā’’ti vadanti. Manu nāma paṭhamakappiko lokamariyādāya ādibhūto sattānaṃ hitāhitavidhāyako kattabbākattabbatāsu niyojanatāvasena pituṭṭhāniyo, yo sāsane ‘‘mahāsammato’’ti vuccati amhākaṃ mahābodhisatto, paccakkhato, paramparā ca tassa ovādānusāsaniyaṃ ṭhitā sattā puttasadisatāya ‘‘manussā, mānusā’’ti ca vuccanti. Tato eva hi te ‘‘mānavā, manujā’’ti ca voharīyanti. Manussabhūtassāti manussesu bhūtassa jātassa, manussabhāvaṃ vā pattassāti attho. Ayañca nayo lokiyamahājanassa vasena vutto. Mahābodhisattānaṃ pana santānassa mahābhinīhārato paṭṭhāya kusaladhammapaṭipattiyaṃ sammadeva abhisaṅkhatattā tesaṃ sugatiyaṃ, attano uppajjanaduggatiyañca nibbattānaṃ kusalakammaṃ garutaramevāti dassetuṃ ‘‘akāraṇaṃ vā eta’’ntiādi vuttaṃ.

    เอวรูเป อตฺตภาเวติ หตฺถิอาทิอตฺตภาเวฯ ฐิเตน กตกมฺมํ น สกฺกา สุเขน ทีเปตุํ โลเก อปฺปญฺญาตรูปตฺตาฯ สุเขน ทีเปตุํ ‘‘อสุกสฺมิํ เทเส อสุกสฺมิํ นคเร อสุโก นาม ราชา, พฺราหฺมโณ หุตฺวา อิมํ กุสลกมฺมํ อกาสี’’ติ เอวํ สุวิญฺญาปยภาวโตฯ ถิรคฺคหโณติ อสิถิลคฺคาหี ถามปฺปตฺตคฺคหโณฯ นิจฺจลคฺคหโณติ อจญฺจลคฺคาหี ตตฺถ เกนจิปิ อสํหาริโย ฯ ปฎิกุฎตีติ สํกุฎติ, ชิคุจฺฉนวเสน วิวฎฺฎติ วาฯ ปสาริยตีติ วิตฺถตํ โหติ เวปุลฺลํ ปาปุณาติฯ

    Evarūpeattabhāveti hatthiādiattabhāve. Ṭhitena katakammaṃ na sakkā sukhena dīpetuṃ loke appaññātarūpattā. Sukhena dīpetuṃ ‘‘asukasmiṃ dese asukasmiṃ nagare asuko nāma rājā, brāhmaṇo hutvā imaṃ kusalakammaṃ akāsī’’ti evaṃ suviññāpayabhāvato. Thiraggahaṇoti asithilaggāhī thāmappattaggahaṇo. Niccalaggahaṇoti acañcalaggāhī tattha kenacipi asaṃhāriyo . Paṭikuṭatīti saṃkuṭati, jigucchanavasena vivaṭṭati vā. Pasāriyatīti vitthataṃ hoti vepullaṃ pāpuṇāti.

    ตเวโส มหาสมุทฺทสทิโสติ เอโส อุทโกโฆ เตว มหาสมุทฺทสทิโสฯ

    Taveso mahāsamuddasadisoti eso udakogho teva mahāsamuddasadiso.

    ทียติ เอเตนาติ ทานํ, ปริจฺจาคเจตนาฯ ทิยฺยนวเสนาติ เทยฺยธมฺมสฺส ปริยตฺตํ กตฺวา ปริจฺจชนวเสน ทานํฯ สํวิภาคกรณวเสนาติ ตเสฺสว อตฺตนา สทฺธิํ ปรสฺส สํวิภชนวเสน สํวิภาโค, ตถาปวตฺตา เจตนาฯ สีลสมาทาเนติ สีลสฺส สมฺมเทว อาทาเน, คหเณ ปวตฺตเนติ อโตฺถฯ ตํ ปวตฺติกาเลน ทเสฺสโนฺต ‘‘ปูรณกาเล’’ติ อาหฯ มาตุ หิโต มเตฺตโยฺย, ยสฺส ปน ธมฺมสฺส วเสน โส ‘‘มเตฺตโยฺย’’ติ วุจฺจติ, โส มเตฺตยฺยตาติ อาห ‘‘มาตุ กาตพฺพวเตฺต’’ติฯ เอเสว นโย ‘‘เปเตฺตยฺยตายา’’ติอาทีสุฯ อญฺญตรญฺญตเรสูติ อญฺญมญฺญวิสิเฎฺฐสุ อเญฺญสุ, เต ปน กุสลภาเวน วุตฺตา กุสลาติ อาห ‘‘เอวรูเปสู’’ติฯ อธิกุสเลสูติ อภิวิสิเฎฺฐสุ กุสเลสุ, สา ปน อภิวิสิฎฺฐตา อุปาทายุปาทาย โหติฯ ยํ ปเนตฺถ อุกฺกํสคตํ อธิกุสลํ, ตทุกฺกํสนเยน อิธาธิเปฺปตนฺติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘อตฺถิ กุสลา, อตฺถิ อธิกุสลา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ นนุ ปญฺญาปารมิสงฺคหญาณสมฺภารภูตา กุสลา ธมฺมา นิปฺปริยาเยน สพฺพญฺญุตญฺญาณปฎิลาภปจฺจยา กุสลา นาม, อิเม ปน มหาปุริสลกฺขณนิพฺพตฺตกา ปุญฺญสมฺภารภูตา กสฺมา ตถา วุตฺตาติ? สเพฺพสมฺปิ มหาโพธิสตฺตสนฺตานคตานํ ปารมิธมฺมานํ สพฺพญฺญุตญฺญาณปฎิลาภปจฺจยภาวโตฯ มหาภินีหารโต ปฎฺฐาย หิ มหาปุริโส ยํ กิญฺจิ ปุญฺญํ กโรติ, สพฺพํ ตํ สมฺมาสโมฺพธิสมธิคมาเยว ปริณาเมติฯ ตถา หิ สสมฺภาราพฺยาโส, ทีฆกาลาพฺยาโส, นิรนฺตราพฺยาโส, สกฺกจฺจาพฺยาโสติ จตฺตาโร อพฺยาสา จตุรธิฎฺฐานปริปูริตสมฺพนฺธา อนุปุเพฺพน มหาโพธิฎฺฐานา สมฺปชฺชนฺติฯ

    Dīyati etenāti dānaṃ, pariccāgacetanā. Diyyanavasenāti deyyadhammassa pariyattaṃ katvā pariccajanavasena dānaṃ. Saṃvibhāgakaraṇavasenāti tasseva attanā saddhiṃ parassa saṃvibhajanavasena saṃvibhāgo, tathāpavattā cetanā. Sīlasamādāneti sīlassa sammadeva ādāne, gahaṇe pavattaneti attho. Taṃ pavattikālena dassento ‘‘pūraṇakāle’’ti āha. Mātu hito matteyyo, yassa pana dhammassa vasena so ‘‘matteyyo’’ti vuccati, so matteyyatāti āha ‘‘mātu kātabbavatte’’ti. Eseva nayo ‘‘petteyyatāyā’’tiādīsu. Aññataraññataresūti aññamaññavisiṭṭhesu aññesu, te pana kusalabhāvena vuttā kusalāti āha ‘‘evarūpesū’’ti. Adhikusalesūti abhivisiṭṭhesu kusalesu, sā pana abhivisiṭṭhatā upādāyupādāya hoti. Yaṃ panettha ukkaṃsagataṃ adhikusalaṃ, tadukkaṃsanayena idhādhippetanti taṃ dassetuṃ ‘‘atthi kusalā, atthi adhikusalā’’tiādi vuttaṃ. Nanu paññāpāramisaṅgahañāṇasambhārabhūtā kusalā dhammā nippariyāyena sabbaññutaññāṇapaṭilābhapaccayā kusalā nāma, ime pana mahāpurisalakkhaṇanibbattakā puññasambhārabhūtā kasmā tathā vuttāti? Sabbesampi mahābodhisattasantānagatānaṃ pāramidhammānaṃ sabbaññutaññāṇapaṭilābhapaccayabhāvato. Mahābhinīhārato paṭṭhāya hi mahāpuriso yaṃ kiñci puññaṃ karoti, sabbaṃ taṃ sammāsambodhisamadhigamāyeva pariṇāmeti. Tathā hi sasambhārābyāso, dīghakālābyāso, nirantarābyāso, sakkaccābyāsoti cattāro abyāsā caturadhiṭṭhānaparipūritasambandhā anupubbena mahābodhiṭṭhānā sampajjanti.

    สกิมฺปีติ ปิ-สเทฺทน อเนกวารมฺปิ กตํ วิชาติเยน อนฺตริตํ สงฺคณฺหาติฯ อภิณฺหกรเณนาติ พหุลีกาเรนฯ อุปจิตนฺติ อุปรูปริ วฑฺฒิตํฯ ปิณฺฑีกตนฺติ ปิณฺฑโส กตํฯ ราสีกตนฺติ ราสิภาเวน กตํฯ อเนกกฺขตฺตุญฺหิ ปวตฺติยมานํ กุสลกมฺมํ สนฺตาเน ตถาลทฺธปริภาวนํ ปิณฺฑีภูตํ วิย, ราสีภูตํ วิย จ โหติฯ วิปากํ ปติ สํหจฺจการิภาวตฺตา จกฺกวาฬํ อติสมฺพาธํ ภวคฺคํ อตินีจํ, สเจ ปเน ตํ รูปํ สิยาติ อธิปฺปาโยฯ วิปุลตฺตาติ มหนฺตตฺตาฯ ยสฺมา ปน ตํ กมฺมํ เมตฺตากรุณาสติสมฺปชญฺญาหิ ปริคฺคหิตตาย ทุรสมุสฺสาริตํ ปมาณกรณธมฺมนฺติ ปมาณรหิตตาย ‘‘อปฺปมาณ’’นฺติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, ตสฺมา ‘‘อปฺปมาณตฺตา’’ติ วุตฺตํฯ

    Sakimpīti pi-saddena anekavārampi kataṃ vijātiyena antaritaṃ saṅgaṇhāti. Abhiṇhakaraṇenāti bahulīkārena. Upacitanti uparūpari vaḍḍhitaṃ. Piṇḍīkatanti piṇḍaso kataṃ. Rāsīkatanti rāsibhāvena kataṃ. Anekakkhattuñhi pavattiyamānaṃ kusalakammaṃ santāne tathāladdhaparibhāvanaṃ piṇḍībhūtaṃ viya, rāsībhūtaṃ viya ca hoti. Vipākaṃ pati saṃhaccakāribhāvattā cakkavāḷaṃ atisambādhaṃ bhavaggaṃ atinīcaṃ, sace pane taṃ rūpaṃ siyāti adhippāyo. Vipulattāti mahantattā. Yasmā pana taṃ kammaṃ mettākaruṇāsatisampajaññāhi pariggahitatāya durasamussāritaṃ pamāṇakaraṇadhammanti pamāṇarahitatāya ‘‘appamāṇa’’nti vattabbataṃ arahati, tasmā ‘‘appamāṇattā’’ti vuttaṃ.

    อธิภวตีติ ผลสฺส อุฬารภาเวน อภิภุยฺย ติฎฺฐติฯ อตฺถโต ปณีตปณีตานํ โภคานํ ปฎิลาโภ เอวาติ อาห ‘‘อติเรกํ ลภตี’’ติฯ อธิคจฺฉตีติ วินฺทติ, นิพฺพตฺตมาโนว เตน สมนฺนาคโต โหตีติ อโตฺถฯ เอกเทเสน อผุสิตฺวา สพฺพปฺปเทเสหิ ผุสนโต สพฺพปฺปเทเสหิ ผุสนฺติโย เอเตสํ ปาทตลานํ สนฺตีติ ‘‘สพฺพาวเนฺตหิ ปาทตเลหี’’ติ วุตฺตํฯ ยถา นิกฺขิปเน สเพฺพ ปาทตลปฺปเทสา สํหจฺจการิโน อนินฺนตาย สมภาวโต, เอวํ อุทฺธรเณปีติ วุตฺตํ ‘‘สมํ ผุสติ, สมํ อุทฺธรตี’’ติฯ อิทานิ อิมสฺส มหาปุริสลกฺขณสฺส สมธิคเมน ลทฺธพฺพนิสฺสนฺทผลวิภาวนมุเขน อานุภาวํ วิภาเวตุํ ‘‘สเจปิ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ นรกนฺติ อาวาฎํฯ อโนฺต ปวิสติ สมภาวาปตฺติยาฯ ‘‘จกฺกลกฺขเณน ปติฎฺฐาตพฺพฎฺฐาน’’นฺติ อิทํ ยํ ภูมิปฺปเทสํ ปาทตลํ ผุสติ, ตตฺถ จกฺกลกฺขณมฺปิ ผุสนวเสน ปติฎฺฐาตีติ กตฺวา วุตฺตํฯ ตสฺส ปน ตถา ปติฎฺฐานํ สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาย เอวาติ สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาย อานุภาวกิตฺตเน ‘‘ลกฺขณนฺตรานยนํ กิมตฺถิย’’นฺติ น จิเนฺตตพฺพํฯ สีลเตเชนาติ สีลปฺปภาเวนฯ ปุญฺญเตเชนาติ กุสลปฺปภาเวนฯ ธมฺมเตเชนาติ ญาณปฺปภาเวนฯ ตีหิปิ ปเทหิ ภควโต พุทฺธภูตสฺส ธมฺมา คหิตา, ‘‘ทสนฺนํ ปารมีน’’นฺติ อิมินา พุทฺธกรธมฺมา คหิตาฯ

    Adhibhavatīti phalassa uḷārabhāvena abhibhuyya tiṭṭhati. Atthato paṇītapaṇītānaṃ bhogānaṃ paṭilābho evāti āha ‘‘atirekaṃ labhatī’’ti. Adhigacchatīti vindati, nibbattamānova tena samannāgato hotīti attho. Ekadesena aphusitvā sabbappadesehi phusanato sabbappadesehi phusantiyo etesaṃ pādatalānaṃ santīti ‘‘sabbāvantehi pādatalehī’’ti vuttaṃ. Yathā nikkhipane sabbe pādatalappadesā saṃhaccakārino aninnatāya samabhāvato, evaṃ uddharaṇepīti vuttaṃ ‘‘samaṃ phusati, samaṃ uddharatī’’ti. Idāni imassa mahāpurisalakkhaṇassa samadhigamena laddhabbanissandaphalavibhāvanamukhena ānubhāvaṃ vibhāvetuṃ ‘‘sacepi hī’’tiādi vuttaṃ. Tattha narakanti āvāṭaṃ. Anto pavisati samabhāvāpattiyā. ‘‘Cakkalakkhaṇenapatiṭṭhātabbaṭṭhāna’’nti idaṃ yaṃ bhūmippadesaṃ pādatalaṃ phusati, tattha cakkalakkhaṇampi phusanavasena patiṭṭhātīti katvā vuttaṃ. Tassa pana tathā patiṭṭhānaṃ suppatiṭṭhitapādatāya evāti suppatiṭṭhitapādatāya ānubhāvakittane ‘‘lakkhaṇantarānayanaṃ kimatthiya’’nti na cintetabbaṃ. Sīlatejenāti sīlappabhāvena. Puññatejenāti kusalappabhāvena. Dhammatejenāti ñāṇappabhāvena. Tīhipi padehi bhagavato buddhabhūtassa dhammā gahitā, ‘‘dasannaṃ pāramīna’’nti iminā buddhakaradhammā gahitā.

    ๒๐๒. มหาสมุโทฺทว สีมา สพฺพภูมิสฺสรภาวโตฯ ‘‘อขิลมนิมิตฺตมกณฺฎก’’นฺติ ตีหิปิ ปเทหิ เถยฺยาภาโวว วุโตฺตติ อาห ‘‘นิโจฺจร’’นฺติอาทิ ฯ ขรสมฺผสฺสเฎฺฐนาติ ฆฎฺฎเนน ทุกฺขสมฺผสฺสภาเวน ขิลาติฯ อุปทฺทวปจฺจยเฎฺฐนาติ อนตฺถเหตุตาย นิมิตฺตาติฯ ‘‘อขิล’’นฺติอาทินา เอกจารีหิ โจราภาโว วุโตฺต, ‘‘นิรพฺพุท’’นฺติ อิมินา ปน คณพนฺธวเสน วิจรณโจราภาโว วุโตฺตติ ทเสฺสตุํ ‘‘คุมฺพํ คุมฺพํ หุตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อวิกฺขมฺภนีโยติ น วิพนฺธนีโย เกนจิ อปฺปฎิพาหนีโย ฐานโต อนิกฺกฑฺฒนีโยฯ ปฎิปกฺขํ อนิฎฺฐํ อเตฺถตีติ ปจฺจตฺถิโก, เอเตน ปากฎภาเวน วิโรธํ อกโรโนฺต เวริปุคฺคโล วุโตฺตฯ ปฎิวิรุโทฺธ อมิโตฺต ปจฺจามิโตฺต, เอเตน ปากฎภาเวน วิโรธํ กโรโนฺต เวริปุคฺคโล วุโตฺตฯ วิกฺขเมฺภตุํ นาสกฺขิํสุ, อญฺญทตฺถุ สยเมว วิฆาตพฺยสนํ ปาปุณิํสุ เจว สาวกตฺตญฺจ ปเวเทสุํฯ

    202.Mahāsamuddova sīmā sabbabhūmissarabhāvato. ‘‘Akhilamanimittamakaṇṭaka’’nti tīhipi padehi theyyābhāvova vuttoti āha ‘‘niccora’’ntiādi . Kharasamphassaṭṭhenāti ghaṭṭanena dukkhasamphassabhāvena khilāti. Upaddavapaccayaṭṭhenāti anatthahetutāya nimittāti. ‘‘Akhila’’ntiādinā ekacārīhi corābhāvo vutto, ‘‘nirabbuda’’nti iminā pana gaṇabandhavasena vicaraṇacorābhāvo vuttoti dassetuṃ ‘‘gumbaṃ gumbaṃ hutvā’’tiādi vuttaṃ. Avikkhambhanīyoti na vibandhanīyo kenaci appaṭibāhanīyo ṭhānato anikkaḍḍhanīyo. Paṭipakkhaṃ aniṭṭhaṃ atthetīti paccatthiko, etena pākaṭabhāvena virodhaṃ akaronto veripuggalo vutto. Paṭiviruddho amitto paccāmitto, etena pākaṭabhāvena virodhaṃ karonto veripuggalo vutto. Vikkhambhetuṃ nāsakkhiṃsu, aññadatthu sayameva vighātabyasanaṃ pāpuṇiṃsu ceva sāvakattañca pavedesuṃ.

    ‘‘กมฺม’’นฺติอาทีสุ กมฺมํ นาม พุทฺธภาวํ อุทฺทิสฺส กตูปจิโต ลกฺขณสํวตฺตนิโย ปุญฺญสมฺภาโรฯ เตนาห ‘‘สตสหสฺสกปฺปาธิกานี’’ติอาทิฯ กมฺมสริกฺขกํ นาม ตเสฺสว ปุญฺญสมฺภารสฺส กรณกาเล เกนจิ อกมฺปนียสฺส ทฬฺหาวตฺถิตภาวสฺส อนุจฺฉวิโก สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาสงฺขาตสฺส ลกฺขณสฺส ปเรหิ อวิกฺขมฺภนียตาย ญาปกนิมิตฺตภาโว, สฺวายํ นิมิตฺตภาโว ตเสฺสว ลกฺขณสฺสาติ อฎฺฐกถายํ ‘‘กมฺมสริกฺขกํ นาม…เป.… มหาปุริสลกฺขณ’’นฺติ วุตฺตํฯ ฐานคมเนสุ ปาทานํ ทฬฺหาวตฺถิตภาโว ลกฺขณํ นามฯ ปาทานํ ภูมิยํ สมํ นิกฺขิปนํ, ปาทตลานํ สพฺพภาเคหิ ผุสนํ, สมเมว อุทฺธรณํ, ตสฺมา สุฎฺฐุ สมํ สพฺพภาเคหิ ปติฎฺฐิตา ปาทา เอตสฺสาติ สุปฺปติฎฺฐิตปาโท, ตสฺส ภาโว สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาติ วุจฺจติ ลกฺขณํฯ สุฎฺฐุ สมํ ภูมิยา ผุสเนเนว หิ เนสํ ตตฺถ ทฬฺหาวตฺถิตภาโว สิโทฺธ, ยํ ‘‘กมฺมสริกฺขก’’นฺติ วุตฺตํฯ ลกฺขณานิสํโสติ ลกฺขณปฎิลาภสฺส อุทฺรโย, ลกฺขณสํวตฺตนิยสฺส กมฺมสฺส อานิสํสผลนฺติ อโตฺถฯ นิสฺสนฺทผลํ ปน เหฎฺฐา ภาวิตเมวฯ

    ‘‘Kamma’’ntiādīsu kammaṃ nāma buddhabhāvaṃ uddissa katūpacito lakkhaṇasaṃvattaniyo puññasambhāro. Tenāha ‘‘satasahassakappādhikānī’’tiādi. Kammasarikkhakaṃ nāma tasseva puññasambhārassa karaṇakāle kenaci akampanīyassa daḷhāvatthitabhāvassa anucchaviko suppatiṭṭhitapādatāsaṅkhātassa lakkhaṇassa parehi avikkhambhanīyatāya ñāpakanimittabhāvo, svāyaṃ nimittabhāvo tasseva lakkhaṇassāti aṭṭhakathāyaṃ ‘‘kammasarikkhakaṃ nāma…pe… mahāpurisalakkhaṇa’’nti vuttaṃ. Ṭhānagamanesu pādānaṃ daḷhāvatthitabhāvo lakkhaṇaṃ nāma. Pādānaṃ bhūmiyaṃ samaṃ nikkhipanaṃ, pādatalānaṃ sabbabhāgehi phusanaṃ, samameva uddharaṇaṃ, tasmā suṭṭhu samaṃ sabbabhāgehi patiṭṭhitā pādā etassāti suppatiṭṭhitapādo, tassa bhāvo suppatiṭṭhitapādatāti vuccati lakkhaṇaṃ. Suṭṭhu samaṃ bhūmiyā phusaneneva hi nesaṃ tattha daḷhāvatthitabhāvo siddho, yaṃ ‘‘kammasarikkhaka’’nti vuttaṃ. Lakkhaṇānisaṃsoti lakkhaṇapaṭilābhassa udrayo, lakkhaṇasaṃvattaniyassa kammassa ānisaṃsaphalanti attho. Nissandaphalaṃ pana heṭṭhā bhāvitameva.

    ๒๐๓. กมฺมาทิเภเทติ กมฺมกมฺมสริกฺขกลกฺขณ ลกฺขณานิสํสวิสญฺญิเต วิภาเคฯ คาถาพนฺธํ สนฺธาย วุตฺตํ, อโตฺถ ปน อปุพฺพํ นตฺถีติ อธิปฺปาโยฯ โปราณกเตฺถราติ อฎฺฐกถาจริยาฯ วณฺณนาคาถาติ โถมนาคาถา วุตฺตเมวตฺถํ คเหตฺวา โถมนาวเสน ปวตฺตตฺตาฯ อปรภาเค เถรา นาม ปาฬิํ, อฎฺฐกถญฺจ โปตฺถกาโรปนวเสน สมาคตา มหาเถรา, เย สาฎฺฐกถํ ปิฎกตฺตยํ โปตฺถการุฬฺหํ กตฺวา สทฺธมฺมํ อทฺธนิยจิรฎฺฐิติกํ อกํสุฯ เอกปทิโกติ ‘‘ทฬฺหสมาทาโน อโหสี’’ติอาทิปาเฐ เอเกกปทคาหีฯ อตฺถุทฺธาโรติ ตทตฺถสฺส สุขคฺคหณตฺถํ คาถาพนฺธวเสน อุทฺธรณโต อตฺถุทฺธารภูโต, ตยิทํ ปาฬิยํ อาคตปทานิ คเหตฺวา คาถาพนฺธวเสน ตทตฺถวิจารณภาวทสฺสนํ, น ปน ธมฺมภณฺฑาคาริเกน ฐปิตภาวปฎิกฺขิปนนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    203.Kammādibhedeti kammakammasarikkhakalakkhaṇa lakkhaṇānisaṃsavisaññite vibhāge. Gāthābandhaṃ sandhāya vuttaṃ, attho pana apubbaṃ natthīti adhippāyo. Porāṇakattherāti aṭṭhakathācariyā. Vaṇṇanāgāthāti thomanāgāthā vuttamevatthaṃ gahetvā thomanāvasena pavattattā. Aparabhāgetherā nāma pāḷiṃ, aṭṭhakathañca potthakāropanavasena samāgatā mahātherā, ye sāṭṭhakathaṃ piṭakattayaṃ potthakāruḷhaṃ katvā saddhammaṃ addhaniyaciraṭṭhitikaṃ akaṃsu. Ekapadikoti ‘‘daḷhasamādāno ahosī’’tiādipāṭhe ekekapadagāhī. Atthuddhāroti tadatthassa sukhaggahaṇatthaṃ gāthābandhavasena uddharaṇato atthuddhārabhūto, tayidaṃ pāḷiyaṃ āgatapadāni gahetvā gāthābandhavasena tadatthavicāraṇabhāvadassanaṃ, na pana dhammabhaṇḍāgārikena ṭhapitabhāvapaṭikkhipananti daṭṭhabbaṃ.

    กุสลธมฺมานํ วจีสจฺจสฺส พหุการตํ, ตปฺปฎิปกฺขสฺส จ มุสาวาทสฺส มหาสาวชฺชตํ ทเสฺสตุํ อนนฺตรเมว กุสลกมฺมปถธเมฺม วทโนฺตปิ ตโต วจีสจฺจํ นีหริตฺวา กเถติ สเจฺจติ วา สนฺนิธาเนว ‘‘ธเมฺม’’ติ วุจฺจมานา กุสลกมฺมปถธมฺมา เอว ยุตฺตาติ วุตฺตํ ‘‘ธเมฺมติ ทสกุสลกมฺมปถธเมฺม’’ติฯ โคพลีพทฺทญาเยน วา เอตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อินฺทฺริยทมเนติ อินฺทฺริยสํวเรฯ กุสลกมฺมปถคฺคฺหเณนสฺส วาริตฺตสีลเมว คหิตนฺติ อิตรมฺปิ สงฺคเหตฺวา ทเสฺสตุํ สํยมเสฺสว คหณํ กตนฺติ ‘‘สํยเมติ สีลสํยเม’’ติ วุตฺตํฯ สุจิ วุจฺจติ ปุคฺคโล ยสฺส ธมฺมสฺส วเสน, ตํ โสเจยฺยํ, กายสุจริตาทิฯ เอตเสฺสว หิ วิภาคสฺส ทสฺสนตฺถํ วุตฺตมฺปิ เจตํ ปุน วุตฺตํ, มโนโสเจยฺยคฺคหเณน วา ฌานาทิอุตฺตริมนุสฺสธมฺมานมฺปิ สงฺคณฺหนตฺถํ โสเจยฺยคฺคหณํฯ อาลยภูตนฺติ สมถวิปสฺสนานํ อธิฎฺฐานภูตํฯ อุโปสถกมฺมนฺติ อุโปสถทิวเส สมาทิยิตฺวา สมาจริตพฺพํ ปุญฺญกมฺมํ อุโปสโถ สหจรณญาเยนฯ ‘‘อวิหิํสายาติ สตฺตานํ อวิเหฐนายา’’ติ วทนฺติ, ตํ ปน สีลคฺคหเณเนว คหิตํฯ ตสฺมา อวิหิํสายาติ กรุณายาติ อโตฺถฯ อวิหิํสาคฺคหเณเนว เจตฺถ อปฺปมญฺญาสามเญฺญน จตฺตาโรปิ พฺรหฺมวิหารา อุปจาราวตฺถา คหิตา ลกฺขณหารนเยนฯ สกลนฺติ อนวเสสํ ปริปุณฺณํฯ เอวเมตฺถ กามาวจรตฺตภาวปริยาปนฺนตฺตา ลกฺขณสฺส ตํสํวตฺตนิกกามาวจรกุสลธมฺมา เอว ปารมิตาสงฺคหปุญฺญสมฺภารภูตกายสุจริตาทีหิ ทฺวาทสธา วิภตฺตา เอวฯ คาถายํ ‘‘สเจฺจ’’ติอาทินา ทสธา สงฺคยฺห ทสฺสิตาฯ เอส นโย เสสลกฺขเณปิฯ

    Kusaladhammānaṃ vacīsaccassa bahukārataṃ, tappaṭipakkhassa ca musāvādassa mahāsāvajjataṃ dassetuṃ anantarameva kusalakammapathadhamme vadantopi tato vacīsaccaṃ nīharitvā katheti sacceti vā sannidhāneva ‘‘dhamme’’ti vuccamānā kusalakammapathadhammā eva yuttāti vuttaṃ ‘‘dhammeti dasakusalakammapathadhamme’’ti. Gobalībaddañāyena vā ettha attho veditabbo. Indriyadamaneti indriyasaṃvare. Kusalakammapathagghaṇenassa vārittasīlameva gahitanti itarampi saṅgahetvā dassetuṃ saṃyamasseva gahaṇaṃ katanti ‘‘saṃyameti sīlasaṃyame’’ti vuttaṃ. Suci vuccati puggalo yassa dhammassa vasena, taṃ soceyyaṃ, kāyasucaritādi. Etasseva hi vibhāgassa dassanatthaṃ vuttampi cetaṃ puna vuttaṃ, manosoceyyaggahaṇena vā jhānādiuttarimanussadhammānampi saṅgaṇhanatthaṃ soceyyaggahaṇaṃ. Ālayabhūtanti samathavipassanānaṃ adhiṭṭhānabhūtaṃ. Uposathakammanti uposathadivase samādiyitvā samācaritabbaṃ puññakammaṃ uposatho sahacaraṇañāyena. ‘‘Avihiṃsāyāti sattānaṃ aviheṭhanāyā’’ti vadanti, taṃ pana sīlaggahaṇeneva gahitaṃ. Tasmā avihiṃsāyāti karuṇāyāti attho. Avihiṃsāggahaṇeneva cettha appamaññāsāmaññena cattāropi brahmavihārā upacārāvatthā gahitā lakkhaṇahāranayena. Sakalanti anavasesaṃ paripuṇṇaṃ. Evamettha kāmāvacarattabhāvapariyāpannattā lakkhaṇassa taṃsaṃvattanikakāmāvacarakusaladhammā eva pāramitāsaṅgahapuññasambhārabhūtakāyasucaritādīhi dvādasadhā vibhattā eva. Gāthāyaṃ ‘‘sacce’’tiādinā dasadhā saṅgayha dassitā. Esa nayo sesalakkhaṇepi.

    อํนุภีติ คาถาสุขตฺถํ อการํ สานุนาสิกํ กตฺวา วุตฺตํฯ พฺยญฺชนานิ ลกฺขณานิ อาจิกฺขนฺตีติ เวยญฺชนิกาฯ วิกฺขเมฺภตพฺพนฺติ ปฎิพาหิตพฺพํ ตสฺสาติ มหาปุริสสฺส, ตสฺส วา มหาปุริสลกฺขณสฺสฯ ลกฺขณสีเสน เจตฺถ ตํสํวตฺตนิกปุญฺญสมฺภาโร วุจฺจติฯ

    Aṃnubhīti gāthāsukhatthaṃ akāraṃ sānunāsikaṃ katvā vuttaṃ. Byañjanāni lakkhaṇāni ācikkhantīti veyañjanikā.Vikkhambhetabbanti paṭibāhitabbaṃ tassāti mahāpurisassa, tassa vā mahāpurisalakkhaṇassa. Lakkhaṇasīsena cettha taṃsaṃvattanikapuññasambhāro vuccati.

    ปาทตลจกฺกลกฺขณวณฺณนา

    Pādatalacakkalakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๐๔. ภยํ นาม ภีติ, ตํ ปน อุพฺพิชฺชนากาเรน, อุตฺตสนากาเรน จ ปวตฺติยา ทุวิธนฺติ อาห ‘‘อุเพฺพคภยเญฺจว อุตฺตาสภยญฺจา’’ติฯ ตทุภยมฺปิ ภยํ วิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อปนูทิตาติ ยถา โจราทโย วิลุปฺปนพนฺธนาทีนิ ปรสฺส น กโรนฺติ, กตญฺจ ปจฺจาหรณาทินา ปฎิปากติกํ โหติ, เอวํ ยถา จ จณฺฑหตฺถิอาทโย ทูรโต ปริวชฺชิตา โหนฺติ, อปริวชฺชิเต ตสฺส ยถา ฐาเน ฐิเตหิ อภิภโว น โหติ, เอวํ อปนูทิตาฯ อติวาเหตีติ อติกฺกาเมติฯ ตํ ฐานนฺติ ตํ สาสงฺกฎฺฐานํฯ อสโกฺกนฺตานนฺติ อุปโยคเตฺถ สามิวจนํ, อสโกฺกเนฺตติ อโตฺถฯ อสโกฺกนฺตานนฺติ วา อนาทเร สามิวจนํฯ สห ปริวาเรนาติ สปริวารํฯ ตตฺถ กิญฺจิ เทยฺยธมฺมํ เทโนฺต ยทา ตสฺส ปริวารภาเวน อญฺญมฺปิ เทยฺยธมฺมํ เทติ, เอวํ ตสฺส ตํ ทานมยํ ปุญฺญํ สปริวารํ นาม โหติฯ

    204.Bhayaṃ nāma bhīti, taṃ pana ubbijjanākārena, uttasanākārena ca pavattiyā duvidhanti āha ‘‘ubbegabhayañceva uttāsabhayañcā’’ti. Tadubhayampi bhayaṃ vibhāgena dassetuṃ ‘‘tatthā’’tiādi vuttaṃ. Apanūditāti yathā corādayo viluppanabandhanādīni parassa na karonti, katañca paccāharaṇādinā paṭipākatikaṃ hoti, evaṃ yathā ca caṇḍahatthiādayo dūrato parivajjitā honti, aparivajjite tassa yathā ṭhāne ṭhitehi abhibhavo na hoti, evaṃ apanūditā. Ativāhetīti atikkāmeti. Taṃ ṭhānanti taṃ sāsaṅkaṭṭhānaṃ. Asakkontānanti upayogatthe sāmivacanaṃ, asakkonteti attho. Asakkontānanti vā anādare sāmivacanaṃ. Saha parivārenāti saparivāraṃ. Tattha kiñci deyyadhammaṃ dento yadā tassa parivārabhāvena aññampi deyyadhammaṃ deti, evaṃ tassa taṃ dānamayaṃ puññaṃ saparivāraṃ nāma hoti.

    ตมตฺถํ วิตฺถาเรน ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ อนฺน’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ยถา เทยฺยธมฺมํ ตสฺส อนฺนทานสฺส ปริวาโร, เอวํ ตสฺส สกฺกจฺจกรณํ ปีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘อถ โข’’ติอาทิมาหฯ ยาคุภตฺตํ ทตฺวาว อทาสีติ โยชนาฯ เอส นโย อิโต ปรโตปิฯ สุตฺตํ วเฎฺฎตีติ จีวรสฺส สิพฺพนสุตฺตกํ ทุวฎฺฎติวฎฺฎาทิวเสน วฎฺฎิตํ อกาสิฯ รชนนฺติ อลฺลิอาทิรชนวตฺถุํฯ ปณฺฑุปลาสนฺติ รชนุปคเมว ปณฺฑุวณฺณํ ปลาสํฯ

    Tamatthaṃ vitthārena dassetuṃ ‘‘tattha anna’’ntiādi vuttaṃ. Tattha yathā deyyadhammaṃ tassa annadānassa parivāro, evaṃ tassa sakkaccakaraṇaṃ pīti dassento ‘‘atha kho’’tiādimāha. Yāgubhattaṃ datvāva adāsīti yojanā. Esa nayo ito paratopi. Suttaṃ vaṭṭetīti cīvarassa sibbanasuttakaṃ duvaṭṭativaṭṭādivasena vaṭṭitaṃ akāsi. Rajananti alliādirajanavatthuṃ. Paṇḍupalāsanti rajanupagameva paṇḍuvaṇṇaṃ palāsaṃ.

    เหฎฺฐิมานีติ อนฺนาทีนิ จตฺตาริฯ นิสทคฺคหเณเนว นิสทโปโตปิ คหิโตฯ จีนปิฎฺฐํ สินฺธุรกจุณฺณํฯ โกชวนฺติ อุทฺทโลมิเอกนฺตโลมิอาทิโกชวตฺถรณฯ สุวิภตฺตอนฺตรานีติ สุฎฺฐุ วิภตฺตอนฺตรานิ, เอเตน จกฺกาวยวฎฺฐานานํ สุปริจฺฉินฺนตํ ทเสฺสติฯ

    Heṭṭhimānīti annādīni cattāri. Nisadaggahaṇeneva nisadapotopi gahito. Cīnapiṭṭhaṃ sindhurakacuṇṇaṃ. Kojavanti uddalomiekantalomiādikojavattharaṇa. Suvibhattaantarānīti suṭṭhu vibhattaantarāni, etena cakkāvayavaṭṭhānānaṃ suparicchinnataṃ dasseti.

    ลทฺธาภิเสกา ขตฺติยา อตฺตโน วิชิเต วิสวิตาย พฺราหฺมณาทิเก จตูหิ สงฺคหวตฺถูหิ รเญฺชตุํ สโกฺกนฺติ, น อิตราติ อาห ‘‘ราชาโนติ อภิสิตฺตา’’ติฯ ราชโต ยถาลทฺธคามนิคมาทิํ อิสฺสรวตาย ภุญฺชนฺตีติ โภชกา, ตาทิโส โภโค เอเตสํ อตฺถิ , ตตฺถ วา นิยุตฺตาติ โภคิกา, เต เอว ‘‘โภคิยา’’ติ วุตฺตาฯ สปริวารํ ทานนฺติ วุตฺตนเยน สปริวารทานํฯ ชานาตูติ ‘‘สเทวโก โลโก ชานาตู’’ติ อิมินา วิย อธิปฺปาเยน นิพฺพตฺตํ จกฺกลกฺขณนฺติ ลกฺขณเสฺสว กมฺมสริกฺขตา ทสฺสิตาฯ เอวํ สติ ติกเมว สิยา, น จตุกฺกํ, ตสฺมา จกฺกลกฺขณสฺส มหาปริวารตาย ญาปกนิมิตฺตภาโว กมฺมสริกฺขกํ นามฯ เตเนวาห ‘‘สปริวารํ…เป.… ชานาตูติ นิพฺพตฺต’’นฺติฯ ‘‘ทีฆายุกตาย ตํ นิมิตฺต’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๒๐๗) จ วกฺขติ, ตถา ‘‘ตํ ลกฺขณํ ภวติ ตทตฺถโชตก’’นฺติ (ที. นิ. ๓.๒๒๑) จฯ นิสฺสนฺทผลํ ปน ปฎิปกฺขาภิภโว ทฎฺฐโพฺพฯ เตเนวาห คาถายํ ‘‘สตฺตุมทฺทโน’’ติฯ

    Laddhābhisekā khattiyā attano vijite visavitāya brāhmaṇādike catūhi saṅgahavatthūhi rañjetuṃ sakkonti, na itarāti āha ‘‘rājānoti abhisittā’’ti. Rājato yathāladdhagāmanigamādiṃ issaravatāya bhuñjantīti bhojakā, tādiso bhogo etesaṃ atthi , tattha vā niyuttāti bhogikā, te eva ‘‘bhogiyā’’ti vuttā. Saparivāraṃ dānanti vuttanayena saparivāradānaṃ. Jānātūti ‘‘sadevako loko jānātū’’ti iminā viya adhippāyena nibbattaṃ cakkalakkhaṇanti lakkhaṇasseva kammasarikkhatā dassitā. Evaṃ sati tikameva siyā, na catukkaṃ, tasmā cakkalakkhaṇassa mahāparivāratāya ñāpakanimittabhāvo kammasarikkhakaṃ nāma. Tenevāha ‘‘saparivāraṃ…pe… jānātūti nibbatta’’nti. ‘‘Dīghāyukatāya taṃ nimitta’’nti (dī. ni. 3.207) ca vakkhati, tathā ‘‘taṃ lakkhaṇaṃ bhavati tadatthajotaka’’nti (dī. ni. 3.221) ca. Nissandaphalaṃ pana paṭipakkhābhibhavo daṭṭhabbo. Tenevāha gāthāyaṃ ‘‘sattumaddano’’ti.

    ๒๐๕. เอตนฺติ เอตํ คาถาพนฺธภูตํ วจนํ, ตํ ปนตฺถโต คาถา เอวาติ อาห ‘‘อิมา ตทตฺถปริทีปนา คาถา วุจฺจนฺตี’’ติฯ

    205.Etanti etaṃ gāthābandhabhūtaṃ vacanaṃ, taṃ panatthato gāthā evāti āha ‘‘imā tadatthaparidīpanā gāthā vuccantī’’ti.

    ปุรตฺถาติ วา ‘‘ปุเร’’ติ วุตฺตโตปิ ปุเพฺพฯ ยสฺมา มหาปุริโส น อตีตาย เอกชาติยํ, นาปิ กติปยชาตีสุ, อถ โข ปุริมปุริมตราสุ ตถาว ปฎิปโนฺน, ตสฺมา ตตฺถ ปฎิปตฺติํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปุเร ปุรตฺถา’’ติ วุตฺตํฯ อิมิสฺสาปิ ชาติยํ อตีตกาลวเสน ‘‘ปุเรปุรตฺถา’’ติ วตฺตุํ ลพฺภาติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘ปุริมาสุ ชาตีสู’’ติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘อิมิสฺสา’’ติอาทิฯ เกจิ ‘‘อิมิสฺสา ชาติยา ปุเพฺพ ตุสิตเทวโลเก กตกมฺมปฎิเกฺขปวจน’’นฺติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ ตตฺถ ตาทิสสฺส กตกมฺมสฺส อภาวโตฯ อปนูทโนติ อปเนตาฯ อธิมุโตฺตติ ยุตฺตปยุโตฺตฯ

    Puratthāti vā ‘‘pure’’ti vuttatopi pubbe. Yasmā mahāpuriso na atītāya ekajātiyaṃ, nāpi katipayajātīsu, atha kho purimapurimatarāsu tathāva paṭipanno, tasmā tattha paṭipattiṃ dassetuṃ ‘‘pure puratthā’’ti vuttaṃ. Imissāpi jātiyaṃ atītakālavasena ‘‘purepuratthā’’ti vattuṃ labbhāti tato visesanatthaṃ ‘‘purimāsu jātīsū’’ti vuttanti āha ‘‘imissā’’tiādi. Keci ‘‘imissā jātiyā pubbe tusitadevaloke katakammapaṭikkhepavacana’’nti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ tattha tādisassa katakammassa abhāvato. Apanūdanoti apanetā. Adhimuttoti yuttapayutto.

    ปุญฺญกเมฺมนาติ ทานาทิปุญฺญกเมฺมนฯ เอวํ สเนฺตติ สตมเตฺตน ปุญฺญกเมฺมน เอเกกํ ลกฺขณํ นิพฺพเตฺตยฺย, เอวํ สติฯ น โรจยิํสูติ เกวลํ สตมเตฺตน ปุญฺญกเมฺมน ลกฺขณนิพฺพตฺติํ น โรจยิํสุ อฎฺฐกถาจริยาฯ กถํ ปน โรจยิํสูติ อาห ‘‘อนเนฺตสุ ปนา’’ติอาทิฯ เอเกกํ กมฺมนฺติ เอเกกํ ทานาทิปุพฺพกมฺมํฯ เอเกกํ สตคุณํ กตฺวาติ อนนฺตาสุ โลกธาตูสุ ยตฺตกา สตฺตา, เตหิ สเพฺพหิ ปเจฺจกํ สตกฺขตฺตุํ กตานิ ทานาทิปุญฺญกมฺมานิ ยตฺตกานิ, ตโต เอเกกํ ปุญฺญกมฺมํ มหาสเตฺตน สตคุณํ กตํ ‘‘สต’’นฺติ อธิเปฺปตํ, ตสฺมา อิธ สต-สโทฺท พหุภาวปริยาโย, น สงฺขฺยาวจโนติ ทเสฺสติ ‘‘สตคฺฆิ สตํ เทวมนุสฺสา’’ติอาทีสุ วิยฯ เตนาห ‘‘ตสฺมา สตปุญฺญลกฺขโณติ อิมมตฺถํ โรจยิํสู’’ติฯ

    Puññakammenāti dānādipuññakammena. Evaṃ santeti satamattena puññakammena ekekaṃ lakkhaṇaṃ nibbatteyya, evaṃ sati. Na rocayiṃsūti kevalaṃ satamattena puññakammena lakkhaṇanibbattiṃ na rocayiṃsu aṭṭhakathācariyā. Kathaṃ pana rocayiṃsūti āha ‘‘anantesu panā’’tiādi. Ekekaṃ kammanti ekekaṃ dānādipubbakammaṃ. Ekekaṃ sataguṇaṃ katvāti anantāsu lokadhātūsu yattakā sattā, tehi sabbehi paccekaṃ satakkhattuṃ katāni dānādipuññakammāni yattakāni, tato ekekaṃ puññakammaṃ mahāsattena sataguṇaṃ kataṃ ‘‘sata’’nti adhippetaṃ, tasmā idha sata-saddo bahubhāvapariyāyo, na saṅkhyāvacanoti dasseti ‘‘satagghi sataṃ devamanussā’’tiādīsu viya. Tenāha ‘‘tasmā satapuññalakkhaṇoti imamatthaṃ rocayiṃsū’’ti.

    อายตปณฺหิตาทิติลกฺขณวณฺณนา

    Āyatapaṇhitāditilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๐๖. สรสจุติ นาม ชาตสฺส สตฺตสฺส ยาวชีวํ ชีวิตฺวา ปกติยา มรณํฯ อากฑฺฒชิยสฺส ธนุทณฺฑสฺส วิย ปาทานํ อโนฺตมุขํ กุฎิลตาย อโนฺตวงฺกปาทตาฯ พหิมุขํ กุฎิลตาย พหิวงฺกปาทตาฯ ปาทตลสฺส มเชฺฌ อูนตาย อุกฺกุฎิกปาทตาฯ อคฺคปาเทน ขญฺชนกา อคฺคโกณฺฑาฯ ปณฺหิปฺปเทเสน ขญฺชนกา ปณฺหิโกณฺฑาฯ อุนฺนตกาเยนาติ อโนนตภาเวน สมุสฺสิตสรีเรน ฯ มุฎฺฐิกตหตฺถาติ อาวุธาทีนํ คหณตฺถํ กตมุฎฺฐิหตฺถาฯ ผณหตฺถกาติ อญฺญมญฺญํ สํสฎฺฐงฺคุลิหตฺถาฯ อิทเมตฺถ กมฺมสริกฺขกนฺติ อิทํ อิเมสํ ติณฺณมฺปิ ลกฺขณานํ ตถาคตสฺส ทีฆายุกตาย ญาปกนิมิตฺตภาโว เอตฺถ อายตปณฺหิตา, ทีฆงฺคุลิตา พฺรหฺมุชุคตฺตตาติ เอตสฺมิํ ลกฺขณตฺตเย กมฺมสริกฺขกตฺตํฯ นิสฺสนฺทผลํ ปน อนนฺตรายตาทิ ทฎฺฐพฺพํฯ

    206.Sarasacuti nāma jātassa sattassa yāvajīvaṃ jīvitvā pakatiyā maraṇaṃ. Ākaḍḍhajiyassa dhanudaṇḍassa viya pādānaṃ antomukhaṃ kuṭilatāya antovaṅkapādatā. Bahimukhaṃ kuṭilatāya bahivaṅkapādatā. Pādatalassa majjhe ūnatāya ukkuṭikapādatā. Aggapādena khañjanakā aggakoṇḍā. Paṇhippadesena khañjanakā paṇhikoṇḍā. Unnatakāyenāti anonatabhāvena samussitasarīrena . Muṭṭhikatahatthāti āvudhādīnaṃ gahaṇatthaṃ katamuṭṭhihatthā. Phaṇahatthakāti aññamaññaṃ saṃsaṭṭhaṅgulihatthā. Idamettha kammasarikkhakanti idaṃ imesaṃ tiṇṇampi lakkhaṇānaṃ tathāgatassa dīghāyukatāya ñāpakanimittabhāvo ettha āyatapaṇhitā, dīghaṅgulitā brahmujugattatāti etasmiṃ lakkhaṇattaye kammasarikkhakattaṃ. Nissandaphalaṃ pana anantarāyatādi daṭṭhabbaṃ.

    ๒๐๗. ภายิตพฺพวตฺถุนิมิตฺตํ อุปฺปชฺชมานมฺปิ ภยํ อตฺตสิเนหเหตุกํ ปหีนสิเนหสฺส ตทภาวโตติ อาห ‘‘ยถา มยฺหํ มรณโต ภยํ มม ชีวิตํ ปิย’’นฺติฯ สุจิเณฺณนาติ สุฎฺฐุ กตูปจิเตน สุจริตกมฺมุนาฯ

    207. Bhāyitabbavatthunimittaṃ uppajjamānampi bhayaṃ attasinehahetukaṃ pahīnasinehassa tadabhāvatoti āha ‘‘yathā mayhaṃ maraṇato bhayaṃ mama jīvitaṃ piya’’nti. Suciṇṇenāti suṭṭhu katūpacitena sucaritakammunā.

    จวิตฺวาติ สคฺคโต จวิตฺวาฯ ‘‘สุชาตคโตฺต สุภุโช’’ติ อาทโย สรีราวยวคุณา อิเมหิ ลกฺขเณหิ อวินาภาวิโนติ ทเสฺสตุํ วุตฺตาฯ จิรยปนายาติ อตฺตภาวสฺส จิรกาลํ ปวตฺตนายฯ เตนาห ‘‘ทีฆายุกภาวายา’’ติฯ ตโตติ จกฺกวตฺตี หุตฺวา ยาปนโตฯ วสิปฺปโตฺตติ ฌานาทีสุ วสีภาวเญฺจว เจโตวสิภาวญฺจ ปโตฺต หุตฺวา, กถํ อิทฺธิภาวนาย อิทฺธิปาทภาวนายาติ อโตฺถฯ ยาเปติ จิรตรนฺติ โยชนาฯ

    Cavitvāti saggato cavitvā. ‘‘Sujātagatto subhujo’’ti ādayo sarīrāvayavaguṇā imehi lakkhaṇehi avinābhāvinoti dassetuṃ vuttā. Cirayapanāyāti attabhāvassa cirakālaṃ pavattanāya. Tenāha ‘‘dīghāyukabhāvāyā’’ti. Tatoti cakkavattī hutvā yāpanato. Vasippattoti jhānādīsu vasībhāvañceva cetovasibhāvañca patto hutvā, kathaṃ iddhibhāvanāya iddhipādabhāvanāyāti attho. Yāpeti cirataranti yojanā.

    สตฺตุสฺสทตาลกฺขณวณฺณนา

    Sattussadatālakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๐๘. รโส ชาโต เอเตสนฺติ รสิตานิ, มหารสานิฯ เตนาห ‘‘รสสมฺปนฺนาน’’นฺติฯ ปิฎฺฐขชฺชกาทีนีติ ปูปสกฺขลิโมทกาทีนิฯ อาทิ-สเทฺทน ปน กทลิผลาทิํ สงฺคณฺหาติฯ ปิฎฺฐํ ปกฺขิปิตฺวา ปจิตพฺพปายสํ ปิฎฺฐปายสํฯ อาทิ-สเทฺทน ตถารูปโภชฺชยาคุอาทิํ สงฺคณฺหาติฯ

    208. Raso jāto etesanti rasitāni, mahārasāni. Tenāha ‘‘rasasampannāna’’nti. Piṭṭhakhajjakādīnīti pūpasakkhalimodakādīni. Ādi-saddena pana kadaliphalādiṃ saṅgaṇhāti. Piṭṭhaṃ pakkhipitvā pacitabbapāyasaṃ piṭṭhapāyasaṃ. Ādi-saddena tathārūpabhojjayāguādiṃ saṅgaṇhāti.

    อิธ กมฺมสริกฺขกํ นาม สตฺตุสฺสทตาลกฺขณสฺส ปณีตลาภิตาย ญาปกนิมิตฺตภาโวฯ อิมินา นเยน ตตฺถ ตตฺถ ลกฺขเณ กมฺมสริกฺขกํ นิทฺธาเรตฺวา โยเชตพฺพํฯ

    Idha kammasarikkhakaṃ nāma sattussadatālakkhaṇassa paṇītalābhitāya ñāpakanimittabhāvo. Iminā nayena tattha tattha lakkhaṇe kammasarikkhakaṃ niddhāretvā yojetabbaṃ.

    ๒๐๙. อุตฺตโม อคฺครสทายโกติ สพฺพสตฺตานํ อุตฺตโม โลกนาโถ อคฺคานํ ปณีตานํ รสานํ ทายโกฯ อุตฺตมานํ อคฺครสานนฺติ ปณีเตสุปิ ปณีตรสานํฯ ขชฺชโภชฺชาทิโชตกนฺติ ขชฺชโภชฺชาทิลาภโชตกํฯ ลาภสํวตฺตนิกสฺส กมฺมสฺส ผลํ ‘‘ลาภสํวตฺตนิก’’นฺติ การณูปจาเรน วทติฯ ตทตฺถโชตกนฺติ วา ตสฺส ปณีตโภชนทายกตฺตสงฺขาตสฺส อตฺถสฺส โชตกํฯ ตทาธิคจฺฉตีติ เอตฺถ อา-กาโร นิปาตมตฺตนฺติ อาห ‘‘ตํ อธิคจฺฉตี’’ติฯ ลาภิรุตฺตมนฺติ ร-กาโร ปทสนฺธิกโรฯ

    209.Uttamo aggarasadāyakoti sabbasattānaṃ uttamo lokanātho aggānaṃ paṇītānaṃ rasānaṃ dāyako. Uttamānaṃ aggarasānanti paṇītesupi paṇītarasānaṃ. Khajjabhojjādijotakanti khajjabhojjādilābhajotakaṃ. Lābhasaṃvattanikassa kammassa phalaṃ ‘‘lābhasaṃvattanika’’nti kāraṇūpacārena vadati. Tadatthajotakanti vā tassa paṇītabhojanadāyakattasaṅkhātassa atthassa jotakaṃ. Tadādhigacchatīti ettha ā-kāro nipātamattanti āha ‘‘taṃ adhigacchatī’’ti. Lābhiruttamanti ra-kāro padasandhikaro.

    กรจรณาทิลกฺขณวณฺณนา

    Karacaraṇādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๑๐. ปพฺพชิตปริกฺขารํ ปตฺตจีวราทิํ คิหิปริกฺขารํ วตฺถาวุธยานสยนาทิํฯ

    210.Pabbajitaparikkhāraṃ pattacīvarādiṃ gihiparikkhāraṃ vatthāvudhayānasayanādiṃ.

    สพฺพนฺติ สพฺพํ อุปการํฯ มเกฺขตฺวา นาเสติ มกฺขิภาเว ฐตฺวาฯ เตเลน วิย มเกฺขตีติ สตโธตเตเลน มเกฺขติ วิยฯ อตฺถสํวฑฺฒนกถายาติ หิตาวหกถายฯ กถาคหณเญฺจตฺถ นิทสฺสนมตฺตํฯ ปเรสํ หิตาวโห กายปโยโคปิ อตฺถจริยาฯ อฎฺฐกถายํ ปน วจีปโยควเสเนว อตฺถจริยา วุตฺตาฯ

    Sabbanti sabbaṃ upakāraṃ. Makkhetvā nāseti makkhibhāve ṭhatvā. Telena viya makkhetīti satadhotatelena makkheti viya. Atthasaṃvaḍḍhanakathāyāti hitāvahakathāya. Kathāgahaṇañcettha nidassanamattaṃ. Paresaṃ hitāvaho kāyapayogopi atthacariyā. Aṭṭhakathāyaṃ pana vacīpayogavaseneva atthacariyā vuttā.

    สมานตฺตตายาติ สทิสภาเว สมานฎฺฐาเน ฐปเนน, ตํ ปนสฺส สมานฎฺฐาเน ฐปนํ อตฺตสทิสตากรณํ, สุเขน เอกสโมฺภคตา, อตฺตโน สุขุปฺปตฺติยํ; ตสฺส จ ทุกฺขุปฺปตฺติยํ เตน อตฺตโน เอกสโมฺภคตาติ อาห ‘‘สมานสุขทุกฺขภาเวนา’’ติฯ สา จ สมานสุขทุกฺขตา เอกโต นิสชฺชาทินา ปากฎา โหตีติ ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอกาสเน’’ติอาทิมาหฯ น หิ สกฺกา เอกปริโภโค กาตุํ ชาติยา หีนตฺตาฯ ตถา อกริยมาเน จ โส กุชฺฌติ โภเคน อธิกตฺตา, ตสฺมา ทุสฺสงฺคโหฯ น หิ โส เอกปริโภคํ อิจฺฉติ ชาติยา หีนภาวโตฯ น อกริยมาเน จ กุชฺฌติ โภเคน หีนภาวโตฯ อุโภหีติ ชาติโภเคหิฯ สทิโสปิ สุสงฺคโห เอกสทิสภาเวเนว อิตเรน สห เอกปริโภคสฺส ปจฺจาสีสาย, อกรเณ จ ตสฺส กุชฺฌนสฺสาภาวโตฯ อทียมาเนปิ กิสฺมิญฺจิ อามิเส อกริยมาเนปิ สงฺคเหฯ น ปาปเกน จิเตฺตน ปสฺสติ เปสลภาวโตฯ ตโต เอว ปริโภโคปิ…เป.… โหติฯ เอวรูปนฺติ คิหี เจ, อุโภหิ สทิสํ; ปพฺพชิโต เจ, สีลวนฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    Samānattatāyāti sadisabhāve samānaṭṭhāne ṭhapanena, taṃ panassa samānaṭṭhāne ṭhapanaṃ attasadisatākaraṇaṃ, sukhena ekasambhogatā, attano sukhuppattiyaṃ; tassa ca dukkhuppattiyaṃ tena attano ekasambhogatāti āha ‘‘samānasukhadukkhabhāvenā’’ti. Sā ca samānasukhadukkhatā ekato nisajjādinā pākaṭā hotīti taṃ dassento ‘‘ekāsane’’tiādimāha. Na hi sakkā ekaparibhogo kātuṃ jātiyā hīnattā. Tathā akariyamāneca so kujjhati bhogena adhikattā, tasmā dussaṅgaho. Na hi so ekaparibhogaṃ icchati jātiyā hīnabhāvato. Na akariyamāne ca kujjhati bhogena hīnabhāvato. Ubhohīti jātibhogehi. Sadisopi susaṅgaho ekasadisabhāveneva itarena saha ekaparibhogassa paccāsīsāya, akaraṇe ca tassa kujjhanassābhāvato. Adīyamānepi kismiñci āmise akariyamānepi saṅgahe. Na pāpakena cittena passati pesalabhāvato. Tato eva paribhogopi…pe… hoti.Evarūpanti gihī ce, ubhohi sadisaṃ; pabbajito ce, sīlavantanti adhippāyo.

    สุสงฺคหิตาว โหนฺตีติ สุฎฺฐุ สงฺคหิตา เอว โหนฺติ ทฬฺหภตฺติภาวโตฯ เตนาห ‘‘น ภิชฺชนฺตี’’ติฯ

    Susaṅgahitāvahontīti suṭṭhu saṅgahitā eva honti daḷhabhattibhāvato. Tenāha ‘‘na bhijjantī’’ti.

    ทานาทิสงฺคหกมฺมนฺติ ทานาทิเภทํ ปรสงฺคณฺหนวเสน ปวตฺตํ กุสลกมฺมํฯ

    Dānādisaṅgahakammanti dānādibhedaṃ parasaṅgaṇhanavasena pavattaṃ kusalakammaṃ.

    ๒๑๑. อนวญฺญาเตน อปริภูเตน สมฺภาวิเตนฯ ปโมโท วุจฺจติ หาโส, น อปฺปโมเทนาติ เอตฺถ ปฎิเสธทฺวเยน โส เอว วุโตฺตฯ โส จ โอทคฺยสภาวตฺตา น ทีโน ธมฺมูปสญฺหิตตฺตา น คพฺภยุโตฺตติ อาห ‘‘น ทีเนน น คพฺภิเตนาติ อโตฺถ’’ติฯ สตฺตานํ อคณฺหนคุเณนาติ โยชนาฯ

    211.Anavaññātena aparibhūtena sambhāvitena. Pamodo vuccati hāso, na appamodenāti ettha paṭisedhadvayena so eva vutto. So ca odagyasabhāvattā na dīno dhammūpasañhitattā na gabbhayuttoti āha ‘‘na dīnena na gabbhitenāti attho’’ti. Sattānaṃ agaṇhanaguṇenāti yojanā.

    อติรุจิรนฺติ อติวิย รุจิรกตํ, ตํ ปน ปสฺสนฺตานํ ปสาทาวหนฺติ อาห ‘‘สุปาสาทิก’’นฺติฯ สุฎฺฐุ เฉกนฺติ อติวิย สุนฺทรํฯ วิธาตโพฺพติ วิธาตุํ สนฺทิสิตุํ สกฺกุเณโยฺยฯ ปิยํ วทตีติ ปิยวทู ยถา ‘‘สพฺพวิทู’’ติฯ สุขเมว สุขตา, ตํ สุขตํฯ ธมฺมญฺจ อนุธมฺมญฺจาติ โลกุตฺตรธมฺมเญฺจว ตสฺส อนุรูปปุพฺพภาคธมฺมญฺจฯ

    Atiruciranti ativiya rucirakataṃ, taṃ pana passantānaṃ pasādāvahanti āha ‘‘supāsādika’’nti. Suṭṭhu chekanti ativiya sundaraṃ. Vidhātabboti vidhātuṃ sandisituṃ sakkuṇeyyo. Piyaṃ vadatīti piyavadū yathā ‘‘sabbavidū’’ti. Sukhameva sukhatā, taṃ sukhataṃ. Dhammañcaanudhammañcāti lokuttaradhammañceva tassa anurūpapubbabhāgadhammañca.

    อุสฺสงฺขปาทาทิลกฺขณวณฺณนา

    Ussaṅkhapādādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๑๒. ‘‘อตฺถูปสํหิต’’นฺติ อิมินา วฎฺฎนิสฺสิตา ธมฺมกถา วุตฺตาติ อาห ‘‘อิธโลกปรโลกตฺถนิสฺสิต’’นฺติฯ ‘‘ธมฺมูปสํหิต’’นฺติ อิมินา วิวฎฺฎนิสฺสิตา, ตสฺมา ทสกุสลกมฺมปถา วิวฎฺฎสนฺนิสฺสยา เวทิตพฺพาฯ นิทํเสสีติ สนฺทเสฺสสิ เต ธเมฺม ปจฺจเกฺข กตฺวา ปกาเสสิฯ นิทํสนกถนฺติ ปากฎกรณกถํฯ เชฎฺฐเฎฺฐน อโคฺค, ปาสํสเฎฺฐน เสโฎฺฐ, ปมุขเฎฺฐน ปาโมโกฺข, ปธานเฎฺฐน อุตฺตโม, หิตสุขตฺถิเกหิ ปการโต วรณียโต รชนียโต ปวโรติ เอวํ อตฺถวิเสสวาจีนมฺปิ ‘‘อโคฺค’’ติอาทีนํ ปทานํ ภาวตฺถสฺส เภทาภาวโต ‘‘สพฺพานิ อญฺญมญฺญเววจนานี’’ติ อาหฯ

    212.‘‘Atthūpasaṃhita’’nti iminā vaṭṭanissitā dhammakathā vuttāti āha ‘‘idhalokaparalokatthanissita’’nti. ‘‘Dhammūpasaṃhita’’nti iminā vivaṭṭanissitā, tasmā dasakusalakammapathā vivaṭṭasannissayā veditabbā. Nidaṃsesīti sandassesi te dhamme paccakkhe katvā pakāsesi. Nidaṃsanakathanti pākaṭakaraṇakathaṃ. Jeṭṭhaṭṭhena aggo, pāsaṃsaṭṭhena seṭṭho, pamukhaṭṭhena pāmokkho, padhānaṭṭhena uttamo, hitasukhatthikehi pakārato varaṇīyato rajanīyato pavaroti evaṃ atthavisesavācīnampi ‘‘aggo’’tiādīnaṃ padānaṃ bhāvatthassa bhedābhāvato ‘‘sabbāni aññamaññavevacanānī’’ti āha.

    อุทฺธงฺคมนียาติ สุณนฺตานํ อุปรูปริ วิเสสํ คเมนฺตีติ อุทฺธงฺคมนียาฯ สงฺขาย อโธ ปิฎฺฐิปาทสมีเป เอว ปติฎฺฐิตตฺตา อโธสงฺขา ปาทา เอตสฺสาติ อโธสงฺขปาโทฯ สงฺขาติ จ โคปฺผกานมิทํ นามํฯ

    Uddhaṅgamanīyāti suṇantānaṃ uparūpari visesaṃ gamentīti uddhaṅgamanīyā. Saṅkhāya adho piṭṭhipādasamīpe eva patiṭṭhitattā adhosaṅkhā pādā etassāti adhosaṅkhapādo. Saṅkhāti ca gopphakānamidaṃ nāmaṃ.

    ๒๑๓. ธมฺมทานยญฺญนฺติ ธมฺมทานสงฺขาตํ ยญฺญํฯ

    213.Dhammadānayaññanti dhammadānasaṅkhātaṃ yaññaṃ.

    สุฎฺฐุ สณฺฐิตาติ สมฺมเทว สณฺฐิตาฯ ปิฎฺฐิปาทสฺส อุปริ ปกติองฺคุเลน จตุรงฺคุเล ชงฺฆาปเทเส นิคูฬฺหา อปญฺญายมานรูปา หุตฺวา ฐิตาติ อโตฺถฯ

    Suṭṭhusaṇṭhitāti sammadeva saṇṭhitā. Piṭṭhipādassa upari pakatiaṅgulena caturaṅgule jaṅghāpadese nigūḷhā apaññāyamānarūpā hutvā ṭhitāti attho.

    เอณิชงฺฆลกฺขณวณฺณนา

    Eṇijaṅghalakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๑๔. สิปฺปนฺติ สิกฺขิตพฺพเฎฺฐน ‘‘สิปฺป’’นฺติ ลทฺธนามํ สตฺตานํ ชีวิกาเหตุภูตํ อาชีววิธิํฯ ชีวิกตฺถํ, สตฺตานํ อุปการตฺถญฺจ เวทิตพฺพเฎฺฐน วิชฺชา, มนฺตสตฺถาทิฯ จรนฺติ เตน สุคติํ, สุขญฺจ คจฺฉนฺตีติ จรณํฯ กมฺมสฺสกตาญาณํ อุตฺตรปทโลเปน ‘‘กมฺม’’นฺติ วุตฺตนฺติ อาห ‘‘กมฺมนฺติ กมฺมสฺสกตาชานนปญฺญา’’ติฯ ตานิ เจวาติ ปุเพฺพ วุตฺตหตฺถิอาทีนิ เจวฯ สตฺต รตนานีติ มุตฺตาทีนิ สตฺต รตนานิฯ -สเทฺทน รโญฺญ อุปโภคภูตานํ วตฺถเสยฺยาทีนํ สงฺคโหฯ รโญฺญ อนุจฺฉวิกานีติ รโญฺญ ปริภุญฺชนโยคฺยานิฯ สเพฺพสนฺติ ‘‘ราชารหานี’’ติอาทินา วุตฺตานํ สเพฺพสํเยว เอกชฺฌํ คหณํฯ พุทฺธานํ ปริสา นาม โอธิโส อโนธิโส จ สมิตปาปา, ตถตฺถาย ปฎิปนฺนา จ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘สมณานํ โกฎฺฐาสภูตา จตโสฺส ปริสา’’ติฯ

    214.Sippanti sikkhitabbaṭṭhena ‘‘sippa’’nti laddhanāmaṃ sattānaṃ jīvikāhetubhūtaṃ ājīvavidhiṃ. Jīvikatthaṃ, sattānaṃ upakāratthañca veditabbaṭṭhena vijjā, mantasatthādi. Caranti tena sugatiṃ, sukhañca gacchantīti caraṇaṃ. Kammassakatāñāṇaṃ uttarapadalopena ‘‘kamma’’nti vuttanti āha ‘‘kammanti kammassakatājānanapaññā’’ti. Tāni cevāti pubbe vuttahatthiādīni ceva. Satta ratanānīti muttādīni satta ratanāni. Ca-saddena rañño upabhogabhūtānaṃ vatthaseyyādīnaṃ saṅgaho. Rañño anucchavikānīti rañño paribhuñjanayogyāni. Sabbesanti ‘‘rājārahānī’’tiādinā vuttānaṃ sabbesaṃyeva ekajjhaṃ gahaṇaṃ. Buddhānaṃ parisā nāma odhiso anodhiso ca samitapāpā, tathatthāya paṭipannā ca hotīti vuttaṃ ‘‘samaṇānaṃ koṭṭhāsabhūtā catasso parisā’’ti.

    สิปฺปาทิวาจนนฺติ สิปฺปานํ สิกฺขาปนํฯ ปาฬิยมฺปิ หิ ‘‘วาเจตา’’ติ วาจนสีเสน สิกฺขาปนํ ทสฺสิตํฯ อุกฺกุฎิกาสนนฺติ ตํตํเวยฺยาวจฺจกรเณน อุกฺกุฎิกสฺส นิสชฺชาฯ ปโยชนวเสน เคหโต เคหํ คามโต คามํ ชงฺฆาโย กิลเมตฺวา เปสนํ ชงฺฆเปสนิกาฯ ลิขิตฺวา ปาติตํ วิย โหติ อปริปุณฺณภาวโตฯ อนุปุพฺพอุคฺคตวฎฺฎิตนฺติ โคปฺผกฎฺฐานโต ปฎฺฐาย ยาว ชาณุปฺปเทสา มํสูปจยสฺส อนุกฺกเมน สมนฺตโต วฑฺฒิตตฺตา อนุปุเพฺพน อุคฺคตํ หุตฺวา สุวฎฺฎิตํฯ เอณิชงฺฆลกฺขณนฺติ สณฺฐานมเตฺตน เอณิมิคชงฺฆาสทิสชงฺฆลกฺขณํฯ

    Sippādivācananti sippānaṃ sikkhāpanaṃ. Pāḷiyampi hi ‘‘vācetā’’ti vācanasīsena sikkhāpanaṃ dassitaṃ. Ukkuṭikāsananti taṃtaṃveyyāvaccakaraṇena ukkuṭikassa nisajjā. Payojanavasena gehato gehaṃ gāmato gāmaṃ jaṅghāyo kilametvā pesanaṃ jaṅghapesanikā. Likhitvā pātitaṃ viya hoti aparipuṇṇabhāvato. Anupubbauggatavaṭṭitanti gopphakaṭṭhānato paṭṭhāya yāva jāṇuppadesā maṃsūpacayassa anukkamena samantato vaḍḍhitattā anupubbena uggataṃ hutvā suvaṭṭitaṃ. Eṇijaṅghalakkhaṇanti saṇṭhānamattena eṇimigajaṅghāsadisajaṅghalakkhaṇaṃ.

    ๒๑๕. ‘‘ยตุปฆาตายา’’ติ เอตฺถ -กาโร ปทสนฺธิกโร, อนุนาสิกโลเปน นิเทฺทโสติ อาห ‘‘ย’’นฺติอาทิฯ ‘‘อุทฺธคฺคโลมา สุขุมตฺตโจตฺถตา’’ติ วุตฺตตฺตา โจทเกน ‘‘กิํ ปน อเญฺญน กเมฺมน อญฺญํ ลกฺขณํ นิพฺพตฺตตี’’ติ โจทิโต, อาจริโย ‘‘น นิพฺพตฺตตี’’ติ วตฺวา ‘‘ยทิ เอวํ อิธ กสฺมา ลกฺขณนฺตรํ กถิต’’นฺติ อโนฺตลีนเมว โจทนํ ปริหรโนฺต ‘‘ยํ ปน นิพฺพตฺตตีติ…เป.… อิธ วุตฺต’’นฺติ อาหฯ ตตฺถ ยํ ปน นิพฺพตฺตตีติ ยํ ลกฺขณํ วุจฺจมานลกฺขณนิพฺพตฺตเกน กมฺมุนา นิพฺพตฺตติฯ ตํ อนุพฺยญฺชนํ โหตีติ ตํ ลกฺขณํ วุจฺจมานสฺส ลกฺขณสฺส อนุกูลลกฺขณํ นาม โหติฯ ตสฺมา เตน การเณน อิธ เอณิชงฺฆลกฺขณกถเน ‘‘อุทฺธคฺคโลมา สุขุมตฺตโจตฺถตา’’ติ ลกฺขณนฺตรํ วุตฺตํฯ

    215.‘‘Yatupaghātāyā’’ti ettha ta-kāro padasandhikaro, anunāsikalopena niddesoti āha ‘‘ya’’ntiādi. ‘‘Uddhaggalomā sukhumattacotthatā’’ti vuttattā codakena ‘‘kiṃ pana aññena kammena aññaṃ lakkhaṇaṃ nibbattatī’’ti codito, ācariyo ‘‘na nibbattatī’’ti vatvā ‘‘yadi evaṃ idha kasmā lakkhaṇantaraṃ kathita’’nti antolīnameva codanaṃ pariharanto ‘‘yaṃ pana nibbattatīti…pe… idha vutta’’nti āha. Tattha yaṃ pana nibbattatīti yaṃ lakkhaṇaṃ vuccamānalakkhaṇanibbattakena kammunā nibbattati. Taṃ anubyañjanaṃ hotīti taṃ lakkhaṇaṃ vuccamānassa lakkhaṇassa anukūlalakkhaṇaṃ nāma hoti. Tasmā tena kāraṇena idha eṇijaṅghalakkhaṇakathane ‘‘uddhaggalomā sukhumattacotthatā’’ti lakkhaṇantaraṃ vuttaṃ.

    สุขุมจฺฉวิลกฺขณวณฺณนา

    Sukhumacchavilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๑๖. สมิตปาปเฎฺฐน สมณํ, น ปพฺพชฺชามเตฺตนฯ พาหิตปาปเฎฺฐน พฺราหฺมณํ, น ชาติมเตฺตนฯ

    216.Samitapāpaṭṭhenasamaṇaṃ, na pabbajjāmattena. Bāhitapāpaṭṭhena brāhmaṇaṃ, na jātimattena.

    มหนฺตานํ อตฺถานํ ปริคฺคณฺหนโต มหตี ปญฺญา เอตสฺสาติ มหาปโญฺญฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยติ อาห ‘‘มหาปญฺญาทีหิ สมนฺนาคโตติ อโตฺถ’’ติฯ นานตฺตนฺติ ยาหิ มหาปญฺญาทีหิ สมนฺนาคตตฺตา ภควา ‘‘มหาปโญฺญ’’ติอาทินา กิตฺตียติ, ตาสํ มหาปญฺญาทีนํ อิทํ นานตฺตํ อยํ เวมตฺตตาฯ

    Mahantānaṃ atthānaṃ pariggaṇhanato mahatī paññā etassāti mahāpañño. Sesapadesupi eseva nayoti āha ‘‘mahāpaññādīhi samannāgatoti attho’’ti. Nānattanti yāhi mahāpaññādīhi samannāgatattā bhagavā ‘‘mahāpañño’’tiādinā kittīyati, tāsaṃ mahāpaññādīnaṃ idaṃ nānattaṃ ayaṃ vemattatā.

    ยสฺส กสฺสจิ วิเสสโต อรูปธมฺมสฺส มหตฺตํ นาม กิจฺจสิทฺธิยา เวทิตพฺพนฺติ ตทสฺสา กิจฺจสิทฺธิยา ทเสฺสโนฺต ‘‘มหเนฺต สีลกฺขเนฺธ ปริคฺคณฺหาตีติ มหาปญฺญา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เหตุมหนฺตตาย, ปจฺจยมหนฺตตาย, นิสฺสยมหนฺตตาย, ปเภทมหนฺตตาย, กิจฺจมหนฺตตาย, ผลมหนฺตตาย, อานิสํสมหนฺตตาย จ สีลกฺขนฺธสฺส มหนฺตภาโว เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ เหตุ อโลภาทโยฯ ปจฺจโย หิโรตฺตปฺปสทฺธาสติวีริยาทโยฯ นิสฺสโย สาวกโพธิปเจฺจกโพธิสมฺมาสโมฺพธินิยตตา, ตํสมงฺคิโน จ ปุริสวิเสสาฯ ปเภโท จาริตฺตวาริตฺตาทิวิภาโคฯ กิจฺจํ ตทงฺคาทิวเสน ปฎิปกฺขวิธมนํฯ อานิสํโส ปิยมนาปตาทิฯ อยเมตฺถ สเงฺขโป, วิตฺถาโร ปน วิสุทฺธิมเคฺค, (วิสุทฺธิ. ๑.๖) อากเงฺขยฺยสุตฺตาทีสุ (ม. นิ. ๑.๖๕) จ อาคตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ อิมินา นเยน สมาธิกฺขนฺธาทีนมฺปิ มหนฺตตา ยถารหํ วิตฺถาเรตฺวา เวทิตพฺพาฯ ฐานาฐานานํ ปน มหาวิสยตาย, สา พหุธาตุกสุเตฺต อาคตนเยน เวทิตพฺพาฯ วิหารสมาปตฺติโย สมาธิกฺขนฺธนิทฺธารณนเยน เวทิตพฺพาฯ อริยสจฺจานํ สกลสาสนสงฺคหโต, โส สจฺจวิภงฺค- (วิภ. ๑๘๙) ตํสํวณฺณนาสุ (วิภ. อฎฺฐ. ๑๘๙) อาคตนเยน, สติปฎฺฐานา ทีนํ สติปฎฺฐานวิภงฺคาทีสุ, (วิภ. ๓๕๕) ตํสํวณฺณนาสุ (วิภ. อฎฺฐ. ๓๕๕) จ อาคตนเยน, สามญฺญผลานํ มหโต หิตสฺส, มหโต สุขสฺส, มหโต อตฺถสฺส, มหโต โยคเกฺขมสฺส นิพฺพตฺติภาวโต, สนฺตปณีตนิปุณอตกฺกาวจรปณฺฑิตเวทนียภาวโต จ; อภิญฺญานํ มหาสมฺภารโต, มหาวิสยโต, มหากิจฺจโต, มหานุภาวโต, มหานิพฺพตฺติโต จ, นิพฺพานสฺส มทนิมฺมทนาทิมหตฺตสิทฺธิโต มหนฺตตา เวทิตพฺพาฯ

    Yassa kassaci visesato arūpadhammassa mahattaṃ nāma kiccasiddhiyā veditabbanti tadassā kiccasiddhiyā dassento ‘‘mahante sīlakkhandhe pariggaṇhātīti mahāpaññā’’tiādimāha. Tattha hetumahantatāya, paccayamahantatāya, nissayamahantatāya, pabhedamahantatāya, kiccamahantatāya, phalamahantatāya, ānisaṃsamahantatāya ca sīlakkhandhassa mahantabhāvo veditabbo. Tattha hetu alobhādayo. Paccayo hirottappasaddhāsativīriyādayo. Nissayo sāvakabodhipaccekabodhisammāsambodhiniyatatā, taṃsamaṅgino ca purisavisesā. Pabhedo cārittavārittādivibhāgo. Kiccaṃ tadaṅgādivasena paṭipakkhavidhamanaṃ. Ānisaṃso piyamanāpatādi. Ayamettha saṅkhepo, vitthāro pana visuddhimagge, (visuddhi. 1.6) ākaṅkheyyasuttādīsu (ma. ni. 1.65) ca āgatanayeneva veditabbo. Iminā nayena samādhikkhandhādīnampi mahantatā yathārahaṃ vitthāretvā veditabbā. Ṭhānāṭhānānaṃ pana mahāvisayatāya, sā bahudhātukasutte āgatanayena veditabbā. Vihārasamāpattiyo samādhikkhandhaniddhāraṇanayena veditabbā. Ariyasaccānaṃ sakalasāsanasaṅgahato, so saccavibhaṅga- (vibha. 189) taṃsaṃvaṇṇanāsu (vibha. aṭṭha. 189) āgatanayena, satipaṭṭhānā dīnaṃ satipaṭṭhānavibhaṅgādīsu, (vibha. 355) taṃsaṃvaṇṇanāsu (vibha. aṭṭha. 355) ca āgatanayena, sāmaññaphalānaṃ mahato hitassa, mahato sukhassa, mahato atthassa, mahato yogakkhemassa nibbattibhāvato, santapaṇītanipuṇaatakkāvacarapaṇḍitavedanīyabhāvato ca; abhiññānaṃ mahāsambhārato, mahāvisayato, mahākiccato, mahānubhāvato, mahānibbattito ca, nibbānassa madanimmadanādimahattasiddhito mahantatā veditabbā.

    ปุถุปญฺญาติ เอตฺถาปิ วุตฺตนยานุสาเรน อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ อยํ ปน วิเสโส – นานาขเนฺธสุ ญาณํ ปวตฺตตีติ ‘‘อยํ รูปกฺขโนฺธ นาม…เป.… อยํ วิญฺญาณกฺขโนฺธ นามา’’ติ เอวํ ปญฺจนฺนํ ขนฺธานํ นานากรณํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ เตสุปิ ‘‘เอกวิเธน รูปกฺขโนฺธ, เอกาทสวิเธน รูปกฺขโนฺธฯ เอกวิเธน เวทนากฺขโนฺธ, พหุวิเธน เวทนากฺขโนฺธฯ เอกวิเธน สญฺญากฺขโนฺธฯ เอกวิเธน สงฺขารกฺขโนฺธฯ เอกวิเธน วิญฺญาณกฺขโนฺธ, พหุวิเธน วิญฺญาณกฺขโนฺธ’’ติ เอวํ เอเกกสฺส ขนฺธสฺส อตีตาทิเภทวเสนาปิ นานากรณํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ ตถา ‘‘อิทํ จกฺขายตนํ นาม…เป...อิทํ ธมฺมายตนํ นามฯ ตตฺถ ทสายตนา กามาวจรา, เทฺว จตุภูมกา’’ติ เอวํ อายตนานํ นานตฺตํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ นานาธาตูสูติ ‘‘อยํ จกฺขุธาตุ นาม…เป.… อยํ มโนวิญฺญาณธาตุ นามฯ ตตฺถ โสฬส ธาตุโย กามาวจรา, เทฺว ธาตุโย จตุภูมิกา’’ติ เอวํ นานาธาตูสุ ญาณํ ปวตฺตติ, ตยิทํ อุปาทินฺนกธาตุวเสน วุตฺตํฯ ปเจฺจกพุทฺธานมฺปิ หิ ทฺวินฺนญฺจ อคฺคสาวกานํ อุปาทินฺนกธาตูสุ เอวํ นานากรณํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติ, ตญฺจ โข เอกเทสโตว, น นิปฺปเทสโตฯ อนุปาทินฺนกธาตูนํ ปน ลกฺขณาทิมตฺตเมว ชานนฺติ, น นานากรณํฯ สพฺพญฺญุพุทฺธานเมว ปน ‘‘อิมาย นามธาตุยา อุสฺสนฺนตฺตา อิมสฺส รุกฺขสฺส ขโนฺธ เสโต, อิมสฺส กาโฬ, อิมสฺส มโฎฺฐ, อิมสฺส พหลตฺตโจ , อิมสฺส ตนุตโจฯ อิมสฺส ปตฺตํ วณฺณสณฺฐานาทิวเสน เอวรูปํฯ อิมสฺส ปุปฺผํ นีลํ, อิมสฺส ปีตกํ, โลหิตกํ, โอทาตํ, สุคนฺธํ, ทุคฺคนฺธํฯ ผลํ ขุทฺทกํ, มหนฺตํ, ทีฆํ, วฎฺฎํ, สุสณฺฐานํ, ทุสฺสณฺฐานํ, มฎฺฐํ, ผรุสํ, สุคนฺธํ, ทุคฺคนฺธํ, มธุรํ, ติตฺตกํ, อมฺพิลํ, กฎุกํ, กสาวํฯ กณฺฎโก ติขิโณ, อติขิโณ, อุชุโก, กุฎิโล, กโณฺห, นีโล, โอทาโต โหตี’’ติ ธาตุนานตฺตํ ปฎิจฺจ ญาณํ ปวตฺตติฯ

    Puthupaññāti etthāpi vuttanayānusārena attho veditabbo. Ayaṃ pana viseso – nānākhandhesu ñāṇaṃ pavattatīti ‘‘ayaṃ rūpakkhandho nāma…pe… ayaṃ viññāṇakkhandho nāmā’’ti evaṃ pañcannaṃ khandhānaṃ nānākaraṇaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati. Tesupi ‘‘ekavidhena rūpakkhandho, ekādasavidhena rūpakkhandho. Ekavidhena vedanākkhandho, bahuvidhena vedanākkhandho. Ekavidhena saññākkhandho. Ekavidhena saṅkhārakkhandho. Ekavidhena viññāṇakkhandho, bahuvidhena viññāṇakkhandho’’ti evaṃ ekekassa khandhassa atītādibhedavasenāpi nānākaraṇaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati. Tathā ‘‘idaṃ cakkhāyatanaṃ nāma…pe...idaṃ dhammāyatanaṃ nāma. Tattha dasāyatanā kāmāvacarā, dve catubhūmakā’’ti evaṃ āyatanānaṃ nānattaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati. Nānādhātūsūti ‘‘ayaṃ cakkhudhātu nāma…pe… ayaṃ manoviññāṇadhātu nāma. Tattha soḷasa dhātuyo kāmāvacarā, dve dhātuyo catubhūmikā’’ti evaṃ nānādhātūsu ñāṇaṃ pavattati, tayidaṃ upādinnakadhātuvasena vuttaṃ. Paccekabuddhānampi hi dvinnañca aggasāvakānaṃ upādinnakadhātūsu evaṃ nānākaraṇaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati, tañca kho ekadesatova, na nippadesato. Anupādinnakadhātūnaṃ pana lakkhaṇādimattameva jānanti, na nānākaraṇaṃ. Sabbaññubuddhānameva pana ‘‘imāya nāmadhātuyā ussannattā imassa rukkhassa khandho seto, imassa kāḷo, imassa maṭṭho, imassa bahalattaco , imassa tanutaco. Imassa pattaṃ vaṇṇasaṇṭhānādivasena evarūpaṃ. Imassa pupphaṃ nīlaṃ, imassa pītakaṃ, lohitakaṃ, odātaṃ, sugandhaṃ, duggandhaṃ. Phalaṃ khuddakaṃ, mahantaṃ, dīghaṃ, vaṭṭaṃ, susaṇṭhānaṃ, dussaṇṭhānaṃ, maṭṭhaṃ, pharusaṃ, sugandhaṃ, duggandhaṃ, madhuraṃ, tittakaṃ, ambilaṃ, kaṭukaṃ, kasāvaṃ. Kaṇṭako tikhiṇo, atikhiṇo, ujuko, kuṭilo, kaṇho, nīlo, odāto hotī’’ti dhātunānattaṃ paṭicca ñāṇaṃ pavattati.

    นานาปฎิจฺจสมุปฺปาเทสูติ อชฺฌตฺตพหิทฺธาเภทโต จ นานาปเภเทสุ ปฎิจฺจสมุปฺปาทเงฺคสุฯ อวิชฺชาทิองฺคานิ หิ ปเจฺจกํ ปฎิจฺจสมุปฺปาทสญฺญิตานิฯ เตนาห สงฺขารปิฎเก ‘‘ทฺวาทส ปจฺจยา ทฺวาทส ปฎิจฺจสมุปฺปาทา’’ติฯ นานาสุญฺญตมนุปลเพฺภสูติ นานาสภาเวสุ นิจฺจสาราทิวิรหิเตสุ สุญฺญตภาเวสุ ตโต เอว อิตฺถิปุริสอตฺตตฺตนิยาทิวเสน อนุปลพฺภนสภาเวสุ ปกาเรสุฯ -กาโร เหตฺถ ปทสนฺธิกโรฯ นานาอเตฺถสูติ อตฺถปฎิสมฺภิทาย วิสยภูเตสุ ปจฺจยุปฺปนฺนาทิวเสน นานาวิเธสุ อเตฺถสุฯ ธเมฺมสูติ ธมฺมปฎิสมฺภิทาย วิสยภูเตสุ ปจฺจยาทิวเสน นานาวิเธสุ ธเมฺมสุฯ นิรุตฺตีสูติ เตสํเยว อตฺถธมฺมานํ นิทฺธารณวจนสงฺขาเตสุ นานานิรุตฺตีสุฯ ปฎิภาเนสูติ อตฺถปฎิสมฺภิทาทีสุ วิสยภูเตสุ ‘‘อิมานิ ญาณานิ อิทมตฺถโชตกานี’’ติ (วิภ. ๗๒๖, ๗๒๙, ๗๓๑, ๗๓๒, ๗๓๔, ๗๓๖, ๗๓๙) ตถา ตถา ปฎิภานโต อุปติฎฺฐนโต ‘‘ปฎิภานานี’’ติ ลทฺธนาเมสุ นานาญาเณสุฯ ‘‘ปุถุนานาสีลกฺขเนฺธสู’’ติอาทีสุ สีลสฺส ปุถุตฺตํ วุตฺตเมว, อิตเรสํ ปน วุตฺตนยานุสาเรน สุวิเญฺญยฺยตฺตา ปากฎเมวฯ ยํ ปน อภินฺนํ เอกเมว นิพฺพานํ, ตตฺถ อุปจารวเสน ปุถุตฺตํ คเหตพฺพนฺติ อาห ‘‘ปุถุชฺชนสาธารเณ ธเมฺม สมติกฺกมฺมา’’ติ, เตนสฺส มทนิมฺมทนาทิปริยาเยน ปุถุตฺตํ ปริทีปิตํ โหติฯ

    Nānāpaṭiccasamuppādesūti ajjhattabahiddhābhedato ca nānāpabhedesu paṭiccasamuppādaṅgesu. Avijjādiaṅgāni hi paccekaṃ paṭiccasamuppādasaññitāni. Tenāha saṅkhārapiṭake ‘‘dvādasa paccayā dvādasa paṭiccasamuppādā’’ti. Nānāsuññatamanupalabbhesūti nānāsabhāvesu niccasārādivirahitesu suññatabhāvesu tato eva itthipurisaattattaniyādivasena anupalabbhanasabhāvesu pakāresu. Ma-kāro hettha padasandhikaro. Nānāatthesūti atthapaṭisambhidāya visayabhūtesu paccayuppannādivasena nānāvidhesu atthesu. Dhammesūti dhammapaṭisambhidāya visayabhūtesu paccayādivasena nānāvidhesu dhammesu. Niruttīsūti tesaṃyeva atthadhammānaṃ niddhāraṇavacanasaṅkhātesu nānāniruttīsu. Paṭibhānesūti atthapaṭisambhidādīsu visayabhūtesu ‘‘imāni ñāṇāni idamatthajotakānī’’ti (vibha. 726, 729, 731, 732, 734, 736, 739) tathā tathā paṭibhānato upatiṭṭhanato ‘‘paṭibhānānī’’ti laddhanāmesu nānāñāṇesu. ‘‘Puthunānāsīlakkhandhesū’’tiādīsu sīlassa puthuttaṃ vuttameva, itaresaṃ pana vuttanayānusārena suviññeyyattā pākaṭameva. Yaṃ pana abhinnaṃ ekameva nibbānaṃ, tattha upacāravasena puthuttaṃ gahetabbanti āha ‘‘puthujjanasādhāraṇe dhamme samatikkammā’’ti, tenassa madanimmadanādipariyāyena puthuttaṃ paridīpitaṃ hoti.

    เอวํ วิสยวเสน ปญฺญาย มหตฺตํ, ปุถุตฺตํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สมฺปยุตฺตธมฺมวเสน หาสภาวํ, ปวตฺติอาการวเสน ชวนภาวํ, กิจฺจวเสน ติกฺขาทิภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘กตมา หาสปญฺญา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ หาสพหุโลติ ปีติพหุโลฯ เสสปทานิ ตเสฺสว เววจนานิฯ สีลํ ปริปูเรตีติ หฎฺฐปหโฎฺฐ อุทคฺคุทโคฺค หุตฺวา ฐเปตฺวา อินฺทฺริยสํวรํ ตสฺส วิสุํ วุตฺตตฺตา อนวเสสสีลํ ปริปูเรติฯ ปีติโสมนสฺสสหคตา หิ ปญฺญา อภิรติวเสน อารมฺมเณ ผุลฺลิตวิกสิตา วิย ปวตฺตติ, น เอวํ อุเปกฺขาสหคตาฯ ปุน สีลกฺขนฺธนฺติ อริยสีลกฺขนฺธมาหฯ ‘‘สมาธิกฺขนฺธ’’นฺติอาทีสุปิ เอเสว นโยฯ

    Evaṃ visayavasena paññāya mahattaṃ, puthuttaṃ dassetvā idāni sampayuttadhammavasena hāsabhāvaṃ, pavattiākāravasena javanabhāvaṃ, kiccavasena tikkhādibhāvaṃ dassetuṃ ‘‘katamā hāsapaññā’’tiādi vuttaṃ. Tattha hāsabahuloti pītibahulo. Sesapadāni tasseva vevacanāni. Sīlaṃ paripūretīti haṭṭhapahaṭṭho udaggudaggo hutvā ṭhapetvā indriyasaṃvaraṃ tassa visuṃ vuttattā anavasesasīlaṃ paripūreti. Pītisomanassasahagatā hi paññā abhirativasena ārammaṇe phullitavikasitā viya pavattati, na evaṃ upekkhāsahagatā. Puna sīlakkhandhanti ariyasīlakkhandhamāha. ‘‘Samādhikkhandha’’ntiādīsupi eseva nayo.

    สพฺพํ ตํ รูปํ อนิจฺจโต ขิปฺปํ ชวตีติ ยา รูปธเมฺม ‘‘อนิจฺจา’’ติ สีฆเวเคน ปวตฺตติ, ปฎิปกฺขทูรภาเวน ปุพฺพาภิสงฺขารสฺส สาติสยตฺตา อิเนฺทน วิสฺสฎฺฐวชิรํ วิย ลกฺขณํ อวิรชฺฌนฺตี อทนฺธายนฺตี รูปกฺขเนฺธ อนิจฺจลกฺขณํ เวคสา ปฎิวิชฺฌติ, สา ชวนปญฺญา นามาติ อโตฺถฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ ลกฺขณารมฺมณิกวิปสฺสนาวเสน ชวนปญฺญํ ทเสฺสตฺวา พลววิปสฺสนาวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ขยเฎฺฐนาติ ยตฺถ ยตฺถ อุปฺปชฺชติ, ตตฺถ ตเตฺถว ภิชฺชนโต ขยสภาวตฺตาฯ ภยเฎฺฐนาติ ภยานกภาวโตฯ อสารกเฎฺฐนาติ อสารกภาวโต อตฺตสารวิรหโต, นิจฺจสาราทิวิรหโต จฯ ตุลยิตฺวาติ ตุลนภูตาย วิปสฺสนาปญฺญาย ตุเลตฺวาฯ ตีรยิตฺวาติ ตาย เอว ตีรณภูตาย ตีรยิตฺวาฯ วิภาวยิตฺวาติ ยาถาวโต ปกาเสตฺวา ปจฺจกฺขํ กตฺวาฯ วิภูตํ กตฺวาติ ปากฎํ กตฺวาฯ รูปนิโรเธติ รูปกฺขนฺธนิโรธเหตุภูเต นิพฺพาเน นินฺนโปณปพฺภารภาเวนฯ อิทานิ สิขาปฺปตฺตวิปสฺสนาวเสน ชวนปญฺญํ ทเสฺสตุํ ปุน ‘‘รูป’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘วุฎฺฐานคามินิวิปสฺสนาวเสนา’’ติ เกจิฯ

    Sabbaṃ taṃ rūpaṃ aniccato khippaṃ javatīti yā rūpadhamme ‘‘aniccā’’ti sīghavegena pavattati, paṭipakkhadūrabhāvena pubbābhisaṅkhārassa sātisayattā indena vissaṭṭhavajiraṃ viya lakkhaṇaṃ avirajjhantī adandhāyantī rūpakkhandhe aniccalakkhaṇaṃ vegasā paṭivijjhati, sā javanapaññā nāmāti attho. Sesapadesupi eseva nayo. Evaṃ lakkhaṇārammaṇikavipassanāvasena javanapaññaṃ dassetvā balavavipassanāvasena dassetuṃ ‘‘rūpa’’ntiādi vuttaṃ. Tattha khayaṭṭhenāti yattha yattha uppajjati, tattha tattheva bhijjanato khayasabhāvattā. Bhayaṭṭhenāti bhayānakabhāvato. Asārakaṭṭhenāti asārakabhāvato attasāravirahato, niccasārādivirahato ca. Tulayitvāti tulanabhūtāya vipassanāpaññāya tuletvā. Tīrayitvāti tāya eva tīraṇabhūtāya tīrayitvā. Vibhāvayitvāti yāthāvato pakāsetvā paccakkhaṃ katvā. Vibhūtaṃ katvāti pākaṭaṃ katvā. Rūpanirodheti rūpakkhandhanirodhahetubhūte nibbāne ninnapoṇapabbhārabhāvena. Idāni sikhāppattavipassanāvasena javanapaññaṃ dassetuṃ puna ‘‘rūpa’’ntiādi vuttaṃ. ‘‘Vuṭṭhānagāminivipassanāvasenā’’ti keci.

    ญาณสฺส ติกฺขภาโว นาม สวิเสสํ ปฎิปกฺขปหาเนน เวทิตโพฺพติฯ ‘‘ขิปฺปํ กิเลเส ฉินฺทตีติ ติกฺขปญฺญา’’ติ วตฺวา เต ปน กิเลเส วิภาเคน ทเสฺสโนฺต ‘‘อุปฺปนฺนํ กามวิตกฺก’’นฺติอาทิมาหฯ ติกฺขปโญฺญ ขิปฺปาภิโญฺญ โหติ, ปฎิปทา จสฺส น จลตีติ อาห ‘‘เอกสฺมิํ อาสเน จตฺตาโร อริยมคฺคา…เป.… อธิคตา โหนฺตี’’ติอาทิฯ

    Ñāṇassa tikkhabhāvo nāma savisesaṃ paṭipakkhapahānena veditabboti. ‘‘Khippaṃ kilese chindatīti tikkhapaññā’’ti vatvā te pana kilese vibhāgena dassento ‘‘uppannaṃ kāmavitakka’’ntiādimāha. Tikkhapañño khippābhiñño hoti, paṭipadā cassa na calatīti āha ‘‘ekasmiṃ āsane cattāro ariyamaggā…pe… adhigatā hontī’’tiādi.

    ‘‘สเพฺพ สงฺขารา อนิจฺจา ทุกฺขา วิปริณามธมฺมา, สงฺขตา ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนา ขยธมฺมา วยธมฺมา วิราคธมฺมา นิโรธธมฺมา’’ติ ยาถาวโต ทสฺสเนน สจฺจปฺปฎิเวโธ อิชฺฌติ, น อญฺญถาติ การณมุเขน นิเพฺพธิกปญฺญํ ทเสฺสตุํ ‘‘สพฺพสงฺขาเรสุ อุเพฺพคพหุโล โหตี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อุเพฺพคพหุโลติ วุตฺตนเยน สพฺพสงฺขาเรสุ อภิณฺหปวตฺตสํเวโคฯ อุตฺตาสพหุโลติ ญาณุตฺตาสวเสน สพฺพสงฺขาเรสุ พหุโส อุตฺราสมานโส , เอเตน อาทีนวานุปสฺสนมาหฯ ‘‘อุกฺกณฺฐนพหุโล’’ติ ปน อิมินา นิพฺพิทานุปสฺสนมาห , ‘‘อรติพหุโล’’ติอาทินา ตสฺสา เอว อปราปรุปฺปตฺติํฯ พหิมุโขติ สพฺพสงฺขารโต พหิภูตํ นิพฺพานํ อุทฺทิสฺส ปวตฺตญาณมุโข, ตถา วา ปวตฺติตวิโมกฺขมุโขฯ นิพฺพิชฺฌนํ นิเพฺพโธ, โส เอติสฺสา อตฺถิ, นิพฺพิชฺฌตีติ วา นิเพฺพธิกา, สา เอว ปญฺญา นิเพฺพธิกปญฺญาฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต อวิภตฺตํ, ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา, อุตฺตานตฺถตฺตา จ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    ‘‘Sabbe saṅkhārā aniccā dukkhā vipariṇāmadhammā, saṅkhatā paṭiccasamuppannā khayadhammā vayadhammā virāgadhammā nirodhadhammā’’ti yāthāvato dassanena saccappaṭivedho ijjhati, na aññathāti kāraṇamukhena nibbedhikapaññaṃ dassetuṃ ‘‘sabbasaṅkhāresu ubbegabahulo hotī’’tiādi vuttaṃ. Tattha ubbegabahuloti vuttanayena sabbasaṅkhāresu abhiṇhapavattasaṃvego. Uttāsabahuloti ñāṇuttāsavasena sabbasaṅkhāresu bahuso utrāsamānaso , etena ādīnavānupassanamāha. ‘‘Ukkaṇṭhanabahulo’’ti pana iminā nibbidānupassanamāha , ‘‘aratibahulo’’tiādinā tassā eva aparāparuppattiṃ. Bahimukhoti sabbasaṅkhārato bahibhūtaṃ nibbānaṃ uddissa pavattañāṇamukho, tathā vā pavattitavimokkhamukho. Nibbijjhanaṃ nibbedho, so etissā atthi, nibbijjhatīti vā nibbedhikā, sā eva paññā nibbedhikapaññā. Yaṃ panettha atthato avibhattaṃ, taṃ heṭṭhā vuttanayattā, uttānatthattā ca suviññeyyameva.

    ๒๑๗. ปพฺพชิตํ อุปาสิตาติ เอตฺถ ยาทิสํ ปพฺพชิตํ อุปาสโต ปญฺญาปฎิลาโภ โหติ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปณฺฑิตํ ปพฺพชิต’’นฺติ วุตฺตํฯ อุปาสนเญฺจตฺถ อุปฎฺฐานวเสน อิจฺฉิตํ, น อุปนิสีทนมเตฺตนาติ อาห ‘‘ปยิรุปาสิตา’’ติฯ อตฺถนฺติ หิตํฯ อพฺภนฺตรํ กริตฺวาติ อพฺภนฺตรคตํ กตฺวาฯ เตนาห ‘‘อตฺถยุตฺต’’นฺติฯ ภาวนปุํสกนิเทฺทโส จายํ, หิตูปสญฺหิตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ อนฺตร-สโทฺท วา จิตฺตปริยาโย ‘‘ยสฺสนฺตรโต น สนฺติ โกปา’’ติอาทีสุ (อุทา. ๒๐) วิยฯ ตสฺมา อตฺถนฺตโรติ หิตชฺฌาสโยติ อโตฺถฯ

    217.Pabbajitaṃ upāsitāti ettha yādisaṃ pabbajitaṃ upāsato paññāpaṭilābho hoti, taṃ dassetuṃ ‘‘paṇḍitaṃ pabbajita’’nti vuttaṃ. Upāsanañcettha upaṭṭhānavasena icchitaṃ, na upanisīdanamattenāti āha ‘‘payirupāsitā’’ti. Atthanti hitaṃ. Abbhantaraṃ karitvāti abbhantaragataṃ katvā. Tenāha ‘‘atthayutta’’nti. Bhāvanapuṃsakaniddeso cāyaṃ, hitūpasañhitaṃ katvāti attho. Antara-saddo vā cittapariyāyo ‘‘yassantarato na santi kopā’’tiādīsu (udā. 20) viya. Tasmā atthantaroti hitajjhāsayoti attho.

    ปฎิลาภตฺถาย คเตนาติ ปฎิลาภตฺถาย ปวเตฺตน, ปฎิลาภสํวตฺตนิเยนาติ อโตฺถฯ อุปฺปาเท จ นิมิเตฺต จ เฉกาติ อุปฺปาทวิธิมฺหิ เจว นิมิตฺตวิธิมฺหิ จ กุสลาฯ อุปฺปาทนิมิตฺตโกวิทตาสีเสน เจตฺถ ลกฺขณโกสลฺลเมว ทเสฺสติฯ อถ วา เสสลกฺขณานํ นิพฺพตฺติยา พุทฺธานํ, จกฺกวตฺตีนญฺจ อุปฺปาโท อนุมียติ, ยานิ เตหิ ลทฺธพฺพอานิสํสานิ นิมิตฺตานิ , ตสฺมิํ อุปฺปาเท จ นิมิเตฺต จ อนุมินนาทิวเสน เฉกา นิปุณาติ อโตฺถฯ ญตฺวา ปสฺสิสฺสตีติ ญาเณน ชานิตฺวา ปสฺสิสฺสติ, น จกฺขุวิญฺญาเณนาติ อธิปฺปาโยฯ

    Paṭilābhatthāya gatenāti paṭilābhatthāya pavattena, paṭilābhasaṃvattaniyenāti attho. Uppāde ca nimitte ca chekāti uppādavidhimhi ceva nimittavidhimhi ca kusalā. Uppādanimittakovidatāsīsena cettha lakkhaṇakosallameva dasseti. Atha vā sesalakkhaṇānaṃ nibbattiyā buddhānaṃ, cakkavattīnañca uppādo anumīyati, yāni tehi laddhabbaānisaṃsāni nimittāni , tasmiṃ uppāde ca nimitte ca anuminanādivasena chekā nipuṇāti attho. Ñatvā passissatīti ñāṇena jānitvā passissati, na cakkhuviññāṇenāti adhippāyo.

    อตฺถานุสาสนีสูติ อตฺถานํ หิตานํ อนุสาสนีสุฯ ยสฺมา อนตฺถปฎิวชฺชนปุพฺพิกา สตฺตานํ อตฺถปฎิปตฺติ, ตสฺมา อนโตฺถปิ ปริจฺฉิชฺช คเหตโพฺพ, ชานิตโพฺพ จาติ วุตฺตํ ‘‘อตฺถานตฺถํ ปริคฺคาหกานิ ญาณานี’’ติ, ยโต ‘‘อายุปายโกสลฺลํ วิย อปายโกสลฺลมฺปิ อิจฺฉิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Atthānusāsanīsūti atthānaṃ hitānaṃ anusāsanīsu. Yasmā anatthapaṭivajjanapubbikā sattānaṃ atthapaṭipatti, tasmā anatthopi paricchijja gahetabbo, jānitabbo cāti vuttaṃ ‘‘atthānatthaṃ pariggāhakāni ñāṇānī’’ti, yato ‘‘āyupāyakosallaṃ viya apāyakosallampi icchitabba’’nti vuttaṃ.

    สุวณฺณวณฺณลกฺขณวณฺณนา

    Suvaṇṇavaṇṇalakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๑๘. ปฎิสงฺขานพเลน โกธวินเยน อโกฺกธโน, น ภาวนาพเลนาติ ทเสฺสตุํ ‘‘น อนาคามิมเคฺคนา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เอวํ อโกฺกธวสิกตฺตาติ เอวํ มฆมาณโว วิย น โกธวสํ คตตฺตาฯ นาภิสชฺชีติ กุชฺฌนวเสเนว น อภิสชฺชิฯ ยญฺหิ โกธสฺส อุปฺปตฺติฎฺฐานภูเต อารมฺมเณ อุปนาหสฺส ปจฺจยภูตํ กุชฺฌนวเสน อภิสชฺชนํ, ตํ อิธาธิเปฺปตํ, น ลุพฺภนวเสนฯ เตนาห ‘‘กุฎิลกณฺฎโก วิยา’’ติอาทิฯ โส หิ ยตฺถ ลคฺคติ, ตํ โขเภโนฺต เอว ลคฺคติฯ ตตฺถ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ มมฺมฎฺฐาเนฯ มมฺมนฺติ ผุฎฺฐมเตฺตปิ รุชฺชนฎฺฐานํฯ ปุพฺพุปฺปตฺติโกติ ปฐมุปฺปโนฺนฯ ตโต พลวตโร พฺยาปาโท ลทฺธาเสวนตาย จิตฺตสฺส พฺยาปชฺชนโตฯ ตโต พลวตรา ปติตฺถิยนาติ สาติสยํ ลทฺธาเสวนตาย ตโต พฺยาปาทาวตฺถายปิ พลวตรา ปติตฺถิยนา ปจฺจตฺถิกภาเวน ถามปฺปตฺติโตฯ

    218. Paṭisaṅkhānabalena kodhavinayena akkodhano, na bhāvanābalenāti dassetuṃ ‘‘na anāgāmimaggenā’’tiādi vuttaṃ. Evaṃ akkodhavasikattāti evaṃ maghamāṇavo viya na kodhavasaṃ gatattā. Nābhisajjīti kujjhanavaseneva na abhisajji. Yañhi kodhassa uppattiṭṭhānabhūte ārammaṇe upanāhassa paccayabhūtaṃ kujjhanavasena abhisajjanaṃ, taṃ idhādhippetaṃ, na lubbhanavasena. Tenāha ‘‘kuṭilakaṇṭako viyā’’tiādi. So hi yattha laggati, taṃ khobhento eva laggati. Tattha tatthāti tasmiṃ tasmiṃ mammaṭṭhāne. Mammanti phuṭṭhamattepi rujjanaṭṭhānaṃ. Pubbuppattikoti paṭhamuppanno. Tato balavataro byāpādo laddhāsevanatāya cittassa byāpajjanato. Tato balavatarāpatitthiyanāti sātisayaṃ laddhāsevanatāya tato byāpādāvatthāyapi balavatarā patitthiyanā paccatthikabhāvena thāmappattito.

    สุขุมตฺถรณาทีติ อาทิ-สเทฺทน ปณีตโภชนียาทีนมฺปิ สงฺคโห ทฎฺฐโพฺพ โภชนทานสฺสปิ วณฺณสมฺปทานิมิตฺตภาวโตฯ เตนาห ภควา ‘‘โภชนํ ภิกฺขเว ททมาโน ทายโก ปฎิคฺคาหกานํ…เป.… อายุํ เทติ, วณฺณํ เทตี’’ติ (อ. นิ. ๕.๓๗) ตถา จ วกฺขติ ‘‘อามิสทาเนน วา’’ติฯ

    Sukhumattharaṇādīti ādi-saddena paṇītabhojanīyādīnampi saṅgaho daṭṭhabbo bhojanadānassapi vaṇṇasampadānimittabhāvato. Tenāha bhagavā ‘‘bhojanaṃ bhikkhave dadamāno dāyako paṭiggāhakānaṃ…pe… āyuṃ deti, vaṇṇaṃ detī’’ti (a. ni. 5.37) tathā ca vakkhati ‘‘āmisadānena vā’’ti.

    ๒๑๙. ติ อทาสิฯ เทโวติ เมโฆ, ปชฺชุโนฺน เอว วาฯ วรตโรติ อุตฺตมตโรฯ ปพฺพชฺชาย วิสทิสาวตฺถาทิ ภาวโต น ปพฺพชฺชาติ อปพฺพชฺชา, คิหิภาโวฯ อจฺฉาเทนฺติ โกปีนํ ปฎิจฺฉาเทนฺติ เอเตหีติ อจฺฉาทนานิ, นิวาสนานิ, เตสํ อจฺฉาทนานเญฺจว เสส วตฺถานญฺจ โกชวาทิ อุตฺตมปาวุรณานญฺจฯ วินาโสติ กตสฺส กมฺมสฺส อวิปจฺจิตฺวา วินาโสฯ

    219. Ti adāsi. Devoti megho, pajjunno eva vā. Varataroti uttamataro. Pabbajjāya visadisāvatthādi bhāvato na pabbajjāti apabbajjā, gihibhāvo. Acchādenti kopīnaṃ paṭicchādenti etehīti acchādanāni, nivāsanāni, tesaṃ acchādanānañceva sesa vatthānañca kojavādi uttamapāvuraṇānañca. Vināsoti katassa kammassa avipaccitvā vināso.

    โกโสหิตวตฺถคุยฺหลกฺขณวณฺณนา

    Kosohitavatthaguyhalakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๒๐. สมาเนตาติ สมฺมเทว อาเนตา สมาคเมตาฯ รเชฺช ปติฎฺฐิเตน สกฺกา กาตุํ พหุภติกเสฺสว อิชฺฌนโตฯ กตฺตา นาม นตฺถีติ วชฺชํ ปฎิจฺฉาเทนฺตีติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธ, กโรนฺติ วชฺชปฎิจฺฉาทนกมฺมนฺติ วาฯ นนุ วชฺชปฎิจฺฉาทนกมฺมํ นาม สาวชฺชนฺติ? สจฺจํ สาวชฺชํ สํกิลิฎฺฐจิเตฺตน ปฎิจฺฉาเทนฺตสฺส, อิทํ ปน อสํกิลิฎฺฐจิเตฺตน ปรสฺส อุปฺปชฺชนกอนตฺถํ ปริหรณวเสน ปวตฺตํ อธิเปฺปตํฯ ‘‘ญาติสงฺคหํ กโรเนฺตนา’’ติ เอเตน ญาตตฺถจริยาวเสน ตํ กมฺมํ ปวตฺตตีติ ทเสฺสติฯ

    220.Samānetāti sammadeva ānetā samāgametā. Rajje patiṭṭhitena sakkā kātuṃ bahubhatikasseva ijjhanato. Kattā nāma natthīti vajjaṃ paṭicchādentīti ānetvā sambandho, karonti vajjapaṭicchādanakammanti vā. Nanu vajjapaṭicchādanakammaṃ nāma sāvajjanti? Saccaṃ sāvajjaṃ saṃkiliṭṭhacittena paṭicchādentassa, idaṃ pana asaṃkiliṭṭhacittena parassa uppajjanakaanatthaṃ pariharaṇavasena pavattaṃ adhippetaṃ. ‘‘Ñātisaṅgahaṃ karontenā’’ti etena ñātatthacariyāvasena taṃ kammaṃ pavattatīti dasseti.

    ๒๒๑. อมิตฺตตาปนาติ อมิตฺตานํ ตปนสีลา, อมิตฺตตาปนํ โหตุ วา มา วา เอวํสภาวาติ อโตฺถฯ น หิ จกฺกวตฺติโน ปุตฺตานํ อมิตฺตา นาม เกจิ โหนฺติ, เย เต ภเวยฺยุํ, จกฺกานุภาเวเนว สเพฺพปิ ขตฺติยาทโย อนุวตฺตกา เตสํ ภวนฺติฯ

    221.Amittatāpanāti amittānaṃ tapanasīlā, amittatāpanaṃ hotu vā mā vā evaṃsabhāvāti attho. Na hi cakkavattino puttānaṃ amittā nāma keci honti, ye te bhaveyyuṃ, cakkānubhāveneva sabbepi khattiyādayo anuvattakā tesaṃ bhavanti.

    ปฐมภาณวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Paṭhamabhāṇavāravaṇṇanā niṭṭhitā.

    ปริมณฺฑลาทิลกฺขณวณฺณนา

    Parimaṇḍalādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๒๒. สมนฺติ สมานํฯ เตน เตน โลเก วิญฺญาตคุเณน สมํ สมานํ ชานาติ, ยโต ตตฺถ ปฎิปชฺชนวิธินาว อิตรสฺมิํ ปฎิปชฺชติฯ สยํ ชานาตีติ อปรเนโยฺย หุตฺวา สยเมว ชานาติฯ ปุริสํ ชานาตีติ วา ‘‘อยํ เสโฎฺฐ, อยํ มชฺฌิโม, อยํ นิหีโน’’ติ ตํ ตํ ปุริสํ ยาถาวโต ชานาติฯ ปุริสวิเสสํ ชานาตีติ ตสฺมิํ ตสฺมิํ ปุริเส วิชฺชมานํ วิเสสํ ชานาติ, ยโต ตตฺถ ตตฺถ อนุรูปทานปทานาทิปฎิปตฺติยา ยุตฺตปตฺตการี โหติฯ เตนาห ‘‘อยมิทมรหตี’’ติอาทิฯ

    222.Samanti samānaṃ. Tena tena loke viññātaguṇena samaṃ samānaṃ jānāti, yato tattha paṭipajjanavidhināva itarasmiṃ paṭipajjati. Sayaṃ jānātīti aparaneyyo hutvā sayameva jānāti. Purisaṃ jānātīti vā ‘‘ayaṃ seṭṭho, ayaṃ majjhimo, ayaṃ nihīno’’ti taṃ taṃ purisaṃ yāthāvato jānāti. Purisavisesaṃ jānātīti tasmiṃ tasmiṃ purise vijjamānaṃ visesaṃ jānāti, yato tattha tattha anurūpadānapadānādipaṭipattiyā yuttapattakārī hoti. Tenāha ‘‘ayamidamarahatī’’tiādi.

    สมฺปตฺติปฎิลาภเฎฺฐนาติ ทิฎฺฐธมฺมิกาทิสมฺปตฺตีนํ ปฎิลาภาปนเฎฺฐนฯ สมสงฺคหกมฺมนฺติ สมํ ชานิตฺวา ตทนุรูปํ ตสฺส ตสฺส สงฺคณฺหนกมฺมํฯ

    Sampattipaṭilābhaṭṭhenāti diṭṭhadhammikādisampattīnaṃ paṭilābhāpanaṭṭhena. Samasaṅgahakammanti samaṃ jānitvā tadanurūpaṃ tassa tassa saṅgaṇhanakammaṃ.

    ๒๒๓. ตุลยิตฺวาติ ตีรยิตฺวาฯ ปฎิวิจินิตฺวาติ วีมํสิตฺวาฯ นิปุณโยคโต นิปุณา, อติวิย นิปุณา อตินิปุณา, สา ปน เตสํ นิปุณตา สณฺหสุขุมา ปญฺญาติ อาห ‘‘สุขุมปญฺญา’’ติฯ

    223.Tulayitvāti tīrayitvā. Paṭivicinitvāti vīmaṃsitvā. Nipuṇayogato nipuṇā, ativiya nipuṇā atinipuṇā, sā pana tesaṃ nipuṇatā saṇhasukhumā paññāti āha ‘‘sukhumapaññā’’ti.

    สีหปุพฺพทฺธกายาทิลกฺขณวณฺณนา

    Sīhapubbaddhakāyādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๒๔. เขมกาโมติ อนุปทฺทวกาโมฯ กมฺมสฺสกตาญาณํ สตฺตานํ วฑฺฒิอาวหํ สพฺพสมฺปตฺติวิธายกนฺติ อาห ‘‘ปญฺญายาติ กมฺมสฺสกตาปญฺญายา’’ติฯ

    224.Khemakāmoti anupaddavakāmo. Kammassakatāñāṇaṃ sattānaṃ vaḍḍhiāvahaṃ sabbasampattividhāyakanti āha ‘‘paññāyāti kammassakatāpaññāyā’’ti.

    สมนฺตปริปูรานีติ สมนฺตโต สพฺพภาเคหิ ปริปุณฺณานิฯ ตโต เอว อหีนานิ อนูนานิฯ ธนาทีหีติ ธนธญฺญาทีหิฯ

    Samantaparipūrānīti samantato sabbabhāgehi paripuṇṇāni. Tato eva ahīnāni anūnāni. Dhanādīhīti dhanadhaññādīhi.

    ๒๒๕. โอกปฺปนสทฺธา สเทฺธยฺยวตฺถุํ โอกฺกนฺทิตฺวา ปกฺขนฺทิตฺวา สทฺทหนสทฺธาฯ สา เอว ปสาทนียวตฺถุสฺมิมฺปิ อภิปฺปสีทนวเสน ปวตฺติยา ปสาทสทฺธาฯ ปริยตฺติสวเนนาติ สตฺตานํ หิตสุขาวหาย ปริยตฺติยา สวเนนฯ ธารณปริจยาทีนํ ตํมูลกตฺตา ตถา วุตฺตํฯ เอเตสนฺติ สทฺธาทีนํฯ สห หานธเมฺมนาติ สหานธโมฺม, น สหานธโมฺมติ อสหานธโมฺม, ตสฺส ภาโว อสหานธมฺมตา, ตํ อสหานธมฺมตํ, อปริหานิยสภาวนฺติ อโตฺถฯ

    225.Okappanasaddhā saddheyyavatthuṃ okkanditvā pakkhanditvā saddahanasaddhā. Sā eva pasādanīyavatthusmimpi abhippasīdanavasena pavattiyā pasādasaddhā.Pariyattisavanenāti sattānaṃ hitasukhāvahāya pariyattiyā savanena. Dhāraṇaparicayādīnaṃ taṃmūlakattā tathā vuttaṃ. Etesanti saddhādīnaṃ. Saha hānadhammenāti sahānadhammo, na sahānadhammoti asahānadhammo, tassa bhāvo asahānadhammatā, taṃ asahānadhammataṃ, aparihāniyasabhāvanti attho.

    รสคฺคสคฺคิตาลกฺขณวณฺณนา

    Rasaggasaggitālakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๒๖. ติลผลมตฺตมฺปิ โภชนํฯ สพฺพตฺถ ผรตีติ สพฺพา รสาหรณิโย อนุสฺสรนฺตํ สภาเวน สพฺพสฺมิํ กาเย ผรติฯ สมา หุตฺวา วหนฺตีติ อวิสมา อุชุกา หุตฺวา ปวตฺตนฺติฯ

    226.Tilaphalamattampi bhojanaṃ. Sabbattha pharatīti sabbā rasāharaṇiyo anussarantaṃ sabhāvena sabbasmiṃ kāye pharati. Samā hutvā vahantīti avisamā ujukā hutvā pavattanti.

    อาโรคฺยกรณกมฺมนฺติ อโรคภาวกรํ สตฺตานํ อวิเหฐนกมฺมํฯ มธุราทิเภทํ รสํ คสติ หรติ เอเตหิ, สยเมว วา ตํ คสนฺติ คิลนฺติ อโนฺต ปเวเสนฺตีติ รสคฺคสา, รสคฺคสานํ อคฺคา รสคฺคสคฺคา, เต เอตฺถ สนฺตีติ รสคฺคสคฺคี, ตเทว ลกฺขณํฯ ภวติ หิ อภิเนฺนปิ วตฺถุสฺมิํ ตคฺคตวิเสสาวโพธนตฺถํ ภินฺนํ วิย กตฺวา โวหาโร ยถา ‘‘สิลาปุตฺตกสฺส สรีร’’นฺติ ฯ รสคฺคสคฺคิตาสงฺขาตํ วา ลกฺขณํ รสคฺคสคฺคิลกฺขณํฯ

    Ārogyakaraṇakammanti arogabhāvakaraṃ sattānaṃ aviheṭhanakammaṃ. Madhurādibhedaṃ rasaṃ gasati harati etehi, sayameva vā taṃ gasanti gilanti anto pavesentīti rasaggasā, rasaggasānaṃ aggā rasaggasaggā, te ettha santīti rasaggasaggī, tadeva lakkhaṇaṃ. Bhavati hi abhinnepi vatthusmiṃ taggatavisesāvabodhanatthaṃ bhinnaṃ viya katvā vohāro yathā ‘‘silāputtakassa sarīra’’nti . Rasaggasaggitāsaṅkhātaṃ vā lakkhaṇaṃ rasaggasaggilakkhaṇaṃ.

    ๒๒๗. วธ-สโทฺท ‘‘อตฺตานํ วธิตฺวา วธิตฺวา โรทตี’’ติอาทีสุ (ปาจิ. ๘๗๙) พาธนโตฺถปิ โหตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘มารณวเธนา’’ติ วุตฺตํ, มารณสงฺขาเตน วเธนาติ อโตฺถฯ พาธนโตฺถ เอว วา วธ-สโทฺท, มารเณน, พาธเนน จาติ อโตฺถฯ อุพฺพาธนายาติ พนฺธนาคาเร ปกฺขิปิตฺวา อุทฺธํ อุทฺธํ พาธเนนฯ เตนาห ‘‘พนฺธนาคารปฺปเวสเนนา’’ติฯ

    227.Vadha-saddo ‘‘attānaṃ vadhitvā vadhitvā rodatī’’tiādīsu (pāci. 879) bādhanatthopi hotīti tato visesanatthaṃ ‘‘māraṇavadhenā’’ti vuttaṃ, māraṇasaṅkhātena vadhenāti attho. Bādhanattho eva vā vadha-saddo, māraṇena, bādhanena cāti attho. Ubbādhanāyāti bandhanāgāre pakkhipitvā uddhaṃ uddhaṃ bādhanena. Tenāha ‘‘bandhanāgārappavesanenā’’ti.

    อภินีลเนตฺตาทิลกฺขณวณฺณนา

    Abhinīlanettādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๒๘. วิสฎนฺติ กุชฺฌนวเสน วินิสฎํ กตฺวาฯ เตนาห ‘‘กกฺกฎโก วิยา’’ติอาทิฯ วิสาจีติ วิรูปํ สาจิตกํ, วิชิมฺหนฺติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘วงฺกกฺขิโกฎิยา’’ติ , กุฎิลอกฺขิโกฎิปาเตนาติ อโตฺถฯ วิเจยฺย เปกฺขิตาติ อุชุกํ อโนโลเกตฺวา ทิฎฺฐิปาตํ วิจาเรตฺวา โอโลเกตฺวาฯ เตนาห ‘‘โย กุชฺฌิตฺวา’’ติอาทิฯ ปโรติ กุชฺฌิโตฯ น โอโลเกติ ตํ สมฺมุขา คจฺฉนฺตํ กุชฺฌิตฺวา น โอโลเกติ, ปรมฺมุขาฯ วิเตยฺยาติ วิรูปํ ติริยํ, วิญฺญูนํ โอโลกนกฺกมํ วีติกฺกมิตฺวาติ อโตฺถฯ ชิมฺหํ อโนโลเกตฺวา อุชุกํ โอโลกนํ นาม กุฎิลภาวกรานํ ปาปธมฺมานํ อภาชนอุชุกตจิตฺตตเสฺสว โหตีติ อาห ‘‘อุชุมโน หุตฺวา อุชุํ เปกฺขิตา’’ติฯ ยถา จ อุชุํ เปกฺขิตา โหตีติ อาเนตฺวา สมฺพโนฺธฯ ปสฎนฺติ อุมฺมีลนวเสน สมฺมเทว ปตฺถฎํฯ วิปุลํ วิตฺถตนฺติ ตเสฺสว เววจนํฯ ปิยํ ปิยายิตพฺพํ ทสฺสนํ โอโลกนํ เอตสฺสาติ ปิยทสฺสโนฯ

    228.Visaṭanti kujjhanavasena vinisaṭaṃ katvā. Tenāha ‘‘kakkaṭako viyā’’tiādi. Visācīti virūpaṃ sācitakaṃ, vijimhanti attho. Tenāha ‘‘vaṅkakkhikoṭiyā’’ti , kuṭilaakkhikoṭipātenāti attho. Viceyya pekkhitāti ujukaṃ anoloketvā diṭṭhipātaṃ vicāretvā oloketvā. Tenāha ‘‘yo kujjhitvā’’tiādi. Paroti kujjhito. Na oloketi taṃ sammukhā gacchantaṃ kujjhitvā na oloketi, parammukhā. Viteyyāti virūpaṃ tiriyaṃ, viññūnaṃ olokanakkamaṃ vītikkamitvāti attho. Jimhaṃ anoloketvā ujukaṃ olokanaṃ nāma kuṭilabhāvakarānaṃ pāpadhammānaṃ abhājanaujukatacittatasseva hotīti āha ‘‘ujumano hutvā ujuṃ pekkhitā’’ti. Yathā ca ujuṃ pekkhitā hotīti ānetvā sambandho. Pasaṭanti ummīlanavasena sammadeva patthaṭaṃ. Vipulaṃ vitthatanti tasseva vevacanaṃ. Piyaṃ piyāyitabbaṃ dassanaṃ olokanaṃ etassāti piyadassano.

    กาโณติ อกฺขีนิ นิมฺมีเลตฺวา เปกฺขนโกฯ กากกฺขีติ เกกรโกฺขฯ วงฺกกฺขีติ ชิมฺหเปกฺขนโกฯ อาวิลกฺขีติ อากุลทิฎฺฐิปาโตฯ นีลปีตโลหิตเสตกาฬวณฺณานํ วเสน ปญฺจวโณฺณฯ ตตฺถ ปีตโลหิตวณฺณา เสตมณฺฑลคตราชิวเสน, นีลเสตกาฬวณฺณา ปน ตํตํมณฺฑลวเสเนว เวทิตพฺพาฯ ‘‘ปสาโทติ ปน เตสํ วณฺณานํ ปสนฺนาการํ สนฺธาย วุตฺต’’นฺติ เกจิฯ ปญฺจวโณฺณ ปสาโทติ ปน ยถาวุตฺตปญฺจวณฺณปริวาโร, เตหิ วา ปฎิมณฺฑิโต ปสาโทติ อโตฺถฯ เนตฺตสมฺปตฺติกรานีติ ‘‘ปญฺจวณฺณปสาทตา ติโรหิตวิทูรคตทสฺสนสมตฺถตา’’ติ เอวมาทิ จกฺขุสมฺปทาย การณานิฯ ลกฺขณสเตฺถ ยุตฺตาติ ลกฺขณสเตฺถ อายุตฺตา สุกุสลาฯ

    Kāṇoti akkhīni nimmīletvā pekkhanako. Kākakkhīti kekarakkho. Vaṅkakkhīti jimhapekkhanako. Āvilakkhīti ākuladiṭṭhipāto. Nīlapītalohitasetakāḷavaṇṇānaṃ vasena pañcavaṇṇo. Tattha pītalohitavaṇṇā setamaṇḍalagatarājivasena, nīlasetakāḷavaṇṇā pana taṃtaṃmaṇḍalavaseneva veditabbā. ‘‘Pasādoti pana tesaṃ vaṇṇānaṃ pasannākāraṃ sandhāya vutta’’nti keci. Pañcavaṇṇo pasādoti pana yathāvuttapañcavaṇṇaparivāro, tehi vā paṭimaṇḍito pasādoti attho. Nettasampattikarānīti ‘‘pañcavaṇṇapasādatā tirohitavidūragatadassanasamatthatā’’ti evamādi cakkhusampadāya kāraṇāni. Lakkhaṇasatthe yuttāti lakkhaṇasatthe āyuttā sukusalā.

    อุณฺหีสสีสลกฺขณวณฺณนา

    Uṇhīsasīsalakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๓๐. ปุพฺพงฺคโมติ เอตฺถ ปุพฺพงฺคมตา นาม ปมุขตา, เชฎฺฐเสฎฺฐกภาโว พหุชนสฺส อนุวตฺตนียตาติ อาห ‘‘คณเชฎฺฐโก’’ติอาทิฯ

    230.Pubbaṅgamoti ettha pubbaṅgamatā nāma pamukhatā, jeṭṭhaseṭṭhakabhāvo bahujanassa anuvattanīyatāti āha ‘‘gaṇajeṭṭhako’’tiādi.

    ปุพฺพงฺคมตาติ ปุพฺพงฺคมสฺส กมฺมํฯ ยสฺส หิ กายสุจริตาทิกมฺมสฺส วเสน มหาปุริโส พหุชนสฺส ปุพฺพงฺคโม อโหสิ, ตทสฺส กมฺมํ ‘‘ปุพฺพงฺคมตา’’ติ อธิเปฺปตํ, น ปุพฺพงฺคมภาโวฯ เตนาห ‘‘อิธ กมฺมํ นาม ปุพฺพงฺคมตา’’ติฯ ปีติปาโมเชฺชน ปริปุณฺณสีโสติ ปีติยา, ปาโมเชฺชน จ สมฺปุณฺณปญฺญาสีโส พหุลํ โสมนสฺสสหคตญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตสมงฺคี เอว หุตฺวา วิจรติฯ มหาปุริโสติ มหาปุริสชาติโกฯ

    Pubbaṅgamatāti pubbaṅgamassa kammaṃ. Yassa hi kāyasucaritādikammassa vasena mahāpuriso bahujanassa pubbaṅgamo ahosi, tadassa kammaṃ ‘‘pubbaṅgamatā’’ti adhippetaṃ, na pubbaṅgamabhāvo. Tenāha ‘‘idha kammaṃ nāma pubbaṅgamatā’’ti. Pītipāmojjenaparipuṇṇasīsoti pītiyā, pāmojjena ca sampuṇṇapaññāsīso bahulaṃ somanassasahagatañāṇasampayuttacittasamaṅgī eva hutvā vicarati. Mahāpurisoti mahāpurisajātiko.

    ๒๓๑. พหุชนนฺติ สามิอเตฺถ อุปโยควจนนฺติ อาห ‘‘พหุชนสฺสา’’ติฯ ปริภุญฺชนเฎฺฐน ปฎิโภโค, อุปโยควตฺถุ ปฎิโภโค, ตสฺส หิตาติ ปฎิโภคิยาฯ เทสกาลํ ญตฺวา ตทุปกรณูปฎฺฐานาทิ เวยฺยาวจฺจกรา สตฺตาฯ อภิหรนฺตีติ พฺยาหรนฺติฯ ตสฺส ตสฺส เวยฺยาวจฺจสฺส ปฎิหรณโต ปวตฺตนกรณโต ปฎิหาโร, เวยฺยาวจฺจกโร, ตสฺส ภาโว ปฎิหารกนฺติ อาห ‘‘เวยฺยาวจฺจกรภาว’’นฺติฯ วิสวนํ วิสโว, กามกาโร วสิตา, โส เอตสฺส อตฺถีติ วิสวีติ อาห ‘‘จิณฺณวสี’’ติฯ

    231.Bahujananti sāmiatthe upayogavacananti āha ‘‘bahujanassā’’ti. Paribhuñjanaṭṭhena paṭibhogo, upayogavatthu paṭibhogo, tassa hitāti paṭibhogiyā. Desakālaṃ ñatvā tadupakaraṇūpaṭṭhānādi veyyāvaccakarā sattā. Abhiharantīti byāharanti. Tassa tassa veyyāvaccassa paṭiharaṇato pavattanakaraṇato paṭihāro, veyyāvaccakaro, tassa bhāvo paṭihārakanti āha ‘‘veyyāvaccakarabhāva’’nti. Visavanaṃ visavo, kāmakāro vasitā, so etassa atthīti visavīti āha ‘‘ciṇṇavasī’’ti.

    เอเกกโลมตาทิลกฺขณวณฺณนา

    Ekekalomatādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๓๒. อุปวตฺตตีติ อนุกูลภาวํ อุเปจฺจ วตฺตติฯ เตนาห ‘‘อชฺฌาสยํ อนุวตฺตตี’’ติฯ

    232.Upavattatīti anukūlabhāvaṃ upecca vattati. Tenāha ‘‘ajjhāsayaṃ anuvattatī’’ti.

    เอเกกโลมลกฺขณนฺติ เอเกกสฺมิํ โลมกูเป เอเกกโลมตาลกฺขณํฯ เอเกเกหิ โลเมหีติ อเญฺญสํ สรีเร เอเกกสฺมิมฺปิ โลมกูเป อเนกานิปิ โลมานิ อุฎฺฐหนฺติ, น ตถาคตสฺสฯ เตหิ ปุน ปเจฺจกํ โลมกูเปสุ เอเกเกเหว อุปฺปเนฺนหิ กุณฺฑลาวเตฺตหิ ปทกฺขิณาวตฺตกชาเตหิ นิจิตํ วิย สรีรํ โหตีติ วุตฺตํ ‘‘เอเกกโลมูปจิตงฺควา’’ติฯ

    Ekekalomalakkhaṇanti ekekasmiṃ lomakūpe ekekalomatālakkhaṇaṃ. Ekekehi lomehīti aññesaṃ sarīre ekekasmimpi lomakūpe anekānipi lomāni uṭṭhahanti, na tathāgatassa. Tehi puna paccekaṃ lomakūpesu ekekeheva uppannehi kuṇḍalāvattehi padakkhiṇāvattakajātehi nicitaṃ viya sarīraṃ hotīti vuttaṃ ‘‘ekekalomūpacitaṅgavā’’ti.

    จตฺตาลีสาทิลกฺขณวณฺณนา

    Cattālīsādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๓๔. อภินฺทิตพฺพปริโสติ ปเรหิ เกนจิ สงฺคเหน สงฺคเหตฺวา, ยุตฺติการณํ ทเสฺสตฺวา วา น ภินฺทิตพฺพปริโสฯ

    234.Abhinditabbaparisoti parehi kenaci saṅgahena saṅgahetvā, yuttikāraṇaṃ dassetvā vā na bhinditabbapariso.

    อปิสุณวาจายาติ อุปโยคเตฺถ สามิวจนํ, เปสุญฺญสฺส ปฎิปกฺขภูตํ กุสลกมฺมํฯ ปิสุณา วาจา เอตสฺสาติ ปิสุณวาโจ, ตสฺส ปิสุณวาจสฺส ปุคฺคลสฺสฯ อปริปุณฺณาติ จตฺตารีสโต อูนภาเวน น ปริปุณฺณาฯ วิรฬาติ สวิวราฯ

    Apisuṇavācāyāti upayogatthe sāmivacanaṃ, pesuññassa paṭipakkhabhūtaṃ kusalakammaṃ. Pisuṇā vācā etassāti pisuṇavāco, tassa pisuṇavācassa puggalassa. Aparipuṇṇāti cattārīsato ūnabhāvena na paripuṇṇā. Viraḷāti savivarā.

    ปหูตชิวฺหาทิลกฺขณวณฺณนา

    Pahūtajivhādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๓๖. อาเทยฺยวาโจติ อาทรคารววเสน อาทาตพฺพวจโนฯ ‘‘เอวเมต’’นฺติ คเหตพฺพวจโน สิรสา สมฺปฎิจฺฉิตสาสโนฯ

    236.Ādeyyavācoti ādaragāravavasena ādātabbavacano. ‘‘Evameta’’nti gahetabbavacano sirasā sampaṭicchitasāsano.

    พทฺธชิวฺหาติ ยถา สุเขน ปริวตฺตติ, เอวํ สิราทีหิ ปลิพุทฺธชิวฺหาฯ คูฬฺหชิวฺหาติ รสพหลตาย คูฬฺหคณฺฑสทิสชิวฺหาฯ ทฺวิชิวฺหาติ อเคฺค กปฺปภาเวน ทฺวิธาภูตชิวฺหาฯ มมฺมนาติ อปฺปริปฺปุฎตลาปาฯ ขรผรุสกกฺกสาทิวเสน สโทฺท ภิชฺชติ ภินฺนกาโร โหติฯ วิจฺฉินฺทิตฺวา ปวตฺตสฺสรตาย ฉินฺนสฺสรา วาฯ อเนกาการตาย ภินฺนสฺสรา วาฯ กากสฺส วิย อมนุญฺญสฺสรตาย กากสฺสรา วาฯ มธุโรติ อิเฎฺฐ, กมฺมผเลน วตฺถุโน สุวิสุทฺธตฺตาฯ เปมนีโยติ ปีติสญฺชนโน, ปิยายิตโพฺพ วาฯ

    Baddhajivhāti yathā sukhena parivattati, evaṃ sirādīhi palibuddhajivhā. Gūḷhajivhāti rasabahalatāya gūḷhagaṇḍasadisajivhā. Dvijivhāti agge kappabhāvena dvidhābhūtajivhā. Mammanāti apparippuṭatalāpā. Kharapharusakakkasādivasena saddo bhijjati bhinnakāro hoti. Vicchinditvā pavattassaratāya chinnassarā vā. Anekākāratāya bhinnassarā vā. Kākassa viya amanuññassaratāya kākassarā vā. Madhuroti iṭṭhe, kammaphalena vatthuno suvisuddhattā. Pemanīyoti pītisañjanano, piyāyitabbo vā.

    ๒๓๗. อโกฺกสยุตฺตตฺตาติ อโกฺกสุปสญฺหิตตฺตา อโกฺกสวตฺถุสหิตตฺตาฯ อาพาธกรินฺติ ฆฎฺฎนวเสน ปเรสํ ปีฬาวหํฯ พหุโน ชนสฺส อวมทฺทนโต, ปมทฺทาภาวกรณโต วา พหุชนปฺปมทฺทนํฯ อพาฬฺหนฺติ วา เอตฺถ -กาโร วุทฺธิอโตฺถ ‘‘อเสกฺขา ธมฺมา’’ติอาทีสุ (ธ. ส. ติกมาติกา ๑๑) วิย, ตสฺมา อติวิย พาฬฺหํ ผรุสํ คิรนฺติ เอวเมตฺถ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ น ภณีติ เจตฺถ ‘‘น อภณิ น ภณี’’ติ สรโลเปน นิเทฺทโสฯ สุสํหิตนฺติ สุฎฺฐุ สํหิตํฯ เกน ปน สุฎฺฐุ สํหิตํ? ‘‘มธุร’’นฺติ อนนฺตรเมว วุตฺตตฺตา มธุรตายาติ วิญฺญายติ, กา ปนสฺส มธุรตาติ อาห ‘‘สุฎฺฐุ เปมสํหิต’’นฺติฯ อุปโยคปุถุตฺตวิสโย ยํ วาจา-สโทฺทติ อาห ‘‘วาจาโย’’ติ, สา จสฺสา อุปโยคปุถุตฺตวิสยตา ‘‘หทยคามินิโย’’ติ ปเทน สมานาธิกรณตาย ทฎฺฐพฺพาฯ ‘‘กณฺณสุข’’นฺติ ปาเฐ ภาวนปุํสกนิเทฺทโสยนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘ยถา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เวทยถาติ กาลวิปลฺลาเสนายํ นิเทฺทโสติ อาห ‘‘เวทยิตฺถา’’ติฯ พฺรหฺมสฺสรตนฺติ เสฎฺฐสฺสรตํ, พฺรหฺมุโน สรสทิสสฺสรตํ วาฯ พหูนํ พหุนฺติ พหูนํ ชนานํ พหุํ สุภณิตนฺติ โยชนาฯ

    237.Akkosayuttattāti akkosupasañhitattā akkosavatthusahitattā. Ābādhakarinti ghaṭṭanavasena paresaṃ pīḷāvahaṃ. Bahuno janassa avamaddanato, pamaddābhāvakaraṇato vā bahujanappamaddanaṃ. Abāḷhanti vā ettha a-kāro vuddhiattho ‘‘asekkhā dhammā’’tiādīsu (dha. sa. tikamātikā 11) viya, tasmā ativiya bāḷhaṃ pharusaṃ giranti evamettha attho veditabbo. Na bhaṇīti cettha ‘‘na abhaṇi na bhaṇī’’ti saralopena niddeso. Susaṃhitanti suṭṭhu saṃhitaṃ. Kena pana suṭṭhu saṃhitaṃ? ‘‘Madhura’’nti anantarameva vuttattā madhuratāyāti viññāyati, kā panassa madhuratāti āha ‘‘suṭṭhu pemasaṃhita’’nti. Upayogaputhuttavisayo yaṃ vācā-saddoti āha ‘‘vācāyo’’ti, sā cassā upayogaputhuttavisayatā ‘‘hadayagāminiyo’’ti padena samānādhikaraṇatāya daṭṭhabbā. ‘‘Kaṇṇasukha’’nti pāṭhe bhāvanapuṃsakaniddesoyanti dassetuṃ ‘‘yathā’’tiādi vuttaṃ. Vedayathāti kālavipallāsenāyaṃ niddesoti āha ‘‘vedayitthā’’ti. Brahmassaratanti seṭṭhassarataṃ, brahmuno sarasadisassarataṃ vā. Bahūnaṃ bahunti bahūnaṃ janānaṃ bahuṃ subhaṇitanti yojanā.

    สีหหนุลกฺขณวณฺณนา

    Sīhahanulakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๓๘. อปฺปธํสิโกติ อปฺปธํสิโยฯ -การสฺส หิ -การํ กตฺวา อยํ นิเทฺทโส ยถา ‘‘นิยฺยานิกา ธมฺมา’’ติ (ธ. ส. ทุกมาติกา ๙๗) คุณโตติ อตฺตนา อธิคตคุณโตฯ ฐานโตติ ยถาฐิตฎฺฐานนฺตรโตฯ

    238.Appadhaṃsikoti appadhaṃsiyo. Ya-kārassa hi ka-kāraṃ katvā ayaṃ niddeso yathā ‘‘niyyānikā dhammā’’ti (dha. sa. dukamātikā 97) guṇatoti attanā adhigataguṇato. Ṭhānatoti yathāṭhitaṭṭhānantarato.

    ปลาปกถายาติ สมฺผปฺปลาปกถายฯ อโนฺตปวิฎฺฐหนุกา เอกโต, อุภโต วา สํกุจิตวิสุกาฯ วงฺกหนุกา เอกปเสฺสน กุฎิลวิสุกาฯ ปพฺภารหนุกา ปุรโต โอลมฺพมานวิสุกาฯ

    Palāpakathāyāti samphappalāpakathāya. Antopaviṭṭhahanukā ekato, ubhato vā saṃkucitavisukā. Vaṅkahanukā ekapassena kuṭilavisukā. Pabbhārahanukā purato olambamānavisukā.

    ๒๓๙. วิกิณฺณวจนา นาม สมฺผปฺปลาปิโน, ตปฺปฎิเกฺขเปน อวิกิณฺณวจนา มหาโพธิสตฺตาฯ วาจา เอว ตทตฺถาธิคมุปายตาย ‘‘พฺยาปฺปโถ’’ติ วุตฺตาติ อาห ‘‘อวิกิณฺณ…เป.… วจนปโถ อสฺสา’’ติฯ ‘‘ทฺวีหิ ทฺวีหี’’ติ นยิทํ อาเมฑิตวจนํ อสมานาธิกรณโต, อถ โข ทฺวีหิ ทิคุณตาทสฺสนนฺติ อาห ‘‘ทฺวีหิ ทฺวีหีติ จตูหี’’ติฯ ตสฺมา ‘‘ทฺวิทุคมา’’ติ จตุคมา วุตฺตาติ อาห ‘‘จตุปฺปทาน’’นฺติฯ ตถาสภาโวติ ยถาสฺส วุตฺตนเยน เกนจิ อปฺปธํสิยตา โหติ คุเณหิ, ตถาสภาโวฯ

    239.Vikiṇṇavacanā nāma samphappalāpino, tappaṭikkhepena avikiṇṇavacanā mahābodhisattā. Vācā eva tadatthādhigamupāyatāya ‘‘byāppatho’’ti vuttāti āha ‘‘avikiṇṇa…pe… vacanapatho assā’’ti. ‘‘Dvīhi dvīhī’’ti nayidaṃ āmeḍitavacanaṃ asamānādhikaraṇato, atha kho dvīhi diguṇatādassananti āha ‘‘dvīhi dvīhīti catūhī’’ti. Tasmā ‘‘dvidugamā’’ti catugamā vuttāti āha ‘‘catuppadāna’’nti. Tathāsabhāvoti yathāssa vuttanayena kenaci appadhaṃsiyatā hoti guṇehi, tathāsabhāvo.

    สมทนฺตาทิลกฺขณวณฺณนา

    Samadantādilakkhaṇavaṇṇanā

    ๒๔๐. วิสุทฺธสีลาจารตาย ปริสุทฺธา สมนฺตโต สพฺพถา วา สุทฺธา ปุคฺคลา ปริวารา เอตสฺสาติ ปริสุทฺธปริวาโรฯ

    240. Visuddhasīlācāratāya parisuddhā samantato sabbathā vā suddhā puggalā parivārā etassāti parisuddhaparivāro.

    ๒๔๑. ปหาสีติ ตทงฺควเสน, วิกฺขมฺภนวเสน จ ปริจฺจชิฯ ติทิวํ ตาวติํสภวนํ ปุรํ นครํ เอเตสนฺติ ติทิวปุรา, ตาวติํสเทวา, เตสํ วโร ติทิวปุรวโร, อิโนฺทฯ เตน ติทิวปุรวเรนฯ เตนาห ‘‘สเกฺกนา’’ติฯ ลปนฺติ กเถนฺติ เอเตนาติ ลปนํ, มุขนฺติ อาห ‘‘ลปนชนฺติ มุขช’’นฺติฯ สุฎฺฐุ ธวลตาย สุกฺกา, อีสกมฺปิ อสํกิลิฎฺฐตาย สุจิฯ สุนฺทรสณฺฐานตาย สุฎฺฐุ ภาวนโต, วิปสฺสนโต จ โสภนาฯ กามํ ชนานํ มนุสฺสานํ นิวาสนฎฺฐานาทิภาเวน ปติฎฺฐาภูโต เทสวิเสโส ‘‘ชนปโท’’ติ วุจฺจติ, อิธ ปน สปริวารจตุมหาทีปสญฺญิโต สโพฺพ ปเทโส ตถา วุโตฺตติ อาห ‘‘จกฺกวาฬปริจฺฉิโนฺน ชนปโท’’ติฯ นนุ จ ยถาวุโตฺต ปเทโส สมุทฺทปริจฺฉิโนฺน, น จกฺกวาฬปพฺพตปริจฺฉิโนฺนติ? โส ปเทโส จกฺกวาฬปริจฺฉิโนฺนปิ โหตีติ ตถา วุตฺตํ ฯ เย วา สมุทฺทนิสฺสิตา, จกฺกวาฬปาทนิสฺสิตา จ สตฺตา, เตสํ เต เต ปเทสา ปติฎฺฐาติ เตปิ สงฺคณฺหโนฺต ‘‘จกฺกวาฬปริจฺฉิโนฺน’’ติ อโวจฯ จกฺกวาฬปริจฺฉิโนฺนติ จ จกฺกวาเฬน ปริจฺฉิโนฺนติ เอวเมตฺถ อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ ตสฺสาติ ตสฺส จกฺกวตฺติโนฯ ปุน ตสฺสาติ ตสฺส ชนปทสฺสฯ พหุชน สุขนฺติ เอตฺถ ปจฺจตฺตพหุวจนโลเปน พหุชนคฺคหณนฺติ อาห ‘‘พหุชนา’’ติฯ ยถา ปน เต หิตสุขํ จรนฺติ, ตํ วิธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘สมานสุขทุกฺขา หุตฺวา’’ติ วุตฺตํฯ วิคตปาโปติ สพฺพโส สมุจฺฉินฺทเนน วินิทฺธุตปาปธโมฺมฯ ทรโถ วุจฺจติ กายิโก, เจตสิโก จ ปริฬาโหฯ ตตฺถ เจตสิกปริฬาโห ‘‘วิคตปาโป’’ติ อิมินาว วุโตฺตติ อาห ‘‘วิคตกายิกทรถกิลมโถ’’ติฯ ราคาทโย ยสฺมิํ สนฺตาเน อุปฺปนฺนา, ตสฺส มลีนภาวกรเณน มลาฯ กจวรภาเวน ขิลาฯ สตฺตานํ มหานตฺถกรตฺตา วิเสสโต โทโส กลีติ วุตฺตํ ‘‘โทสกลีนญฺจา’’ติฯ ปนูเทหีติ สมุจฺฉินฺทนวเสน สสนฺตานโต นีหารเกหิ, ปชหนเกหีติ อโตฺถฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ

    241.Pahāsīti tadaṅgavasena, vikkhambhanavasena ca pariccaji. Tidivaṃ tāvatiṃsabhavanaṃ puraṃ nagaraṃ etesanti tidivapurā, tāvatiṃsadevā, tesaṃ varo tidivapuravaro, indo. Tena tidivapuravarena. Tenāha ‘‘sakkenā’’ti. Lapanti kathenti etenāti lapanaṃ, mukhanti āha ‘‘lapanajanti mukhaja’’nti. Suṭṭhu dhavalatāya sukkā, īsakampi asaṃkiliṭṭhatāya suci. Sundarasaṇṭhānatāya suṭṭhu bhāvanato, vipassanato ca sobhanā. Kāmaṃ janānaṃ manussānaṃ nivāsanaṭṭhānādibhāvena patiṭṭhābhūto desaviseso ‘‘janapado’’ti vuccati, idha pana saparivāracatumahādīpasaññito sabbo padeso tathā vuttoti āha ‘‘cakkavāḷaparicchinno janapado’’ti. Nanu ca yathāvutto padeso samuddaparicchinno, na cakkavāḷapabbataparicchinnoti? So padeso cakkavāḷaparicchinnopi hotīti tathā vuttaṃ . Ye vā samuddanissitā, cakkavāḷapādanissitā ca sattā, tesaṃ te te padesā patiṭṭhāti tepi saṅgaṇhanto ‘‘cakkavāḷaparicchinno’’ti avoca. Cakkavāḷaparicchinnoti ca cakkavāḷena paricchinnoti evamettha attho daṭṭhabbo. Tassāti tassa cakkavattino. Puna tassāti tassa janapadassa. Bahujana sukhanti ettha paccattabahuvacanalopena bahujanaggahaṇanti āha ‘‘bahujanā’’ti. Yathā pana te hitasukhaṃ caranti, taṃ vidhiṃ dassetuṃ ‘‘samānasukhadukkhā hutvā’’ti vuttaṃ. Vigatapāpoti sabbaso samucchindanena viniddhutapāpadhammo. Daratho vuccati kāyiko, cetasiko ca pariḷāho. Tattha cetasikapariḷāho ‘‘vigatapāpo’’ti imināva vuttoti āha ‘‘vigatakāyikadarathakilamatho’’ti. Rāgādayo yasmiṃ santāne uppannā, tassa malīnabhāvakaraṇena malā. Kacavarabhāvena khilā. Sattānaṃ mahānatthakarattā visesato doso kalīti vuttaṃ ‘‘dosakalīnañcā’’ti. Panūdehīti samucchindanavasena sasantānato nīhārakehi, pajahanakehīti attho. Sesaṃ suviññeyyameva.

    เอตฺถ จ ยสฺมา สเพฺพสมฺปิ ลกฺขณานํ มหาปุริสสนฺตานคตปุญฺญสมฺภารเหตุกภาเวน สพฺพํเยว ตํ ปุญฺญกมฺมํ สพฺพสฺส ลกฺขณสฺส การณํ วิสิฎฺฐรูปตฺตา ผลสฺสฯ น หิ อภินฺนรูปการณํ ภินฺนสภาวสฺส ผลสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ สโกฺกติ, ตสฺมา ยสฺส ยสฺส ลกฺขณสฺส ยํ ยํ ปุญฺญกมฺมํ วิเสสการณํ, ตํ ตํ วิภาเคน ทเสฺสนฺตี อยํ เทสนา ปวตฺตาฯ ตตฺถ ยถา ยาทิสํ กายสุจริตาทิปุญฺญกมฺมํ สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาย การณํ วุตฺตํ, ตาทิสเมว ‘‘อุณฺหีสสีสตาย’’ การณนฺติ น สกฺกา วตฺตุํ ทฬฺหสมาทานตาวิสิฎฺฐสฺส ตสฺส สุปฺปติฎฺฐิตปาทตาย การณภาเวน วุตฺตตฺตา, อิตรสฺส จ ปุพฺพงฺคมตาวิสิฎฺฐสฺส วุตฺตตฺตา, เอวํ ยาทิสํ อายตปณฺหิตาย การณํ, น ตาทิสเมว ทีฆงฺคุลิตาย, พฺรหฺมุชุคตฺตตาย จ การณํ วิสิฎฺฐรูปตฺตา ผลสฺสฯ น หิ อภินฺนรูปการณํ ภินฺนสภาวสฺส ผลสฺส ปจฺจโย ภวิตุํ สโกฺกติฯ ตตฺถ ยถา เอเกเนว กมฺมุนา จกฺขาทินานินฺทฺริยุปฺปตฺติยํ อวตฺถาเภทโต, สามตฺถิยเภทโต วา กมฺมเภโท อิจฺฉิตโพฺพฯ น หิ ยทวตฺถํ กมฺมํ จกฺขุสฺส การณํ, ตทวตฺถเมว โสตาทีนํ การณํ โหติ อภินฺนสามตฺถิยํ วา, ตสฺมา ปญฺจายตนิกตฺตภาวปตฺถนาภูตา ปุริมนิปฺผนฺนา กามตณฺหา ปจฺจยวเสน วิสิฎฺฐสภาวา กมฺมสฺส วิสิฎฺฐสภาวผลนิพฺพตฺตนสมตฺถตาสาธนวเสน ปจฺจโย โหตีติ เอกมฺปิ อเนกวิธผลนิพฺพตฺตนสมตฺถตาวเสน อเนกรูปตํ อาปนฺนํ วิย โหติ, เอวมิธาปิ ‘‘เอกมฺปิ ปาณาติปาตา เวรมณิวเสน ปวตฺตํ กุสลกมฺมํ อายตปณฺหิตาทีนํ ติณฺณมฺปิ ลกฺขณานํ นิพฺพตฺตกํ โหตี’’ติ วุจฺจมาเนปิ น โกจิ วิโรโธฯ เตน วุตฺตํ ‘‘โส ตสฺส กมฺมสฺส กตตฺตา…เป.… อิมานิ ตีณิ มหาปุริสลกฺขณานิ ปฎิลภตี’’ติ นานากมฺมุนา ปน เตสํ นิพฺพตฺติยํ วตฺตพฺพเมว นตฺถิ, ปาฬิยํ ปน ‘‘ตสฺส กมฺมสฺสา’’ติ เอกวจนนิเทฺทโส สามญฺญวเสนาติ ทฎฺฐโพฺพฯ เอวญฺจ กตฺวา สตปุญฺญลกฺขณวจนํ สมตฺถิตํ โหติฯ ‘‘อิมานิ เทฺว มหาปุริสลกฺขณานิ ปฎิลภตี’’ติอาทีสุปิ เอเสว นโยติฯ

    Ettha ca yasmā sabbesampi lakkhaṇānaṃ mahāpurisasantānagatapuññasambhārahetukabhāvena sabbaṃyeva taṃ puññakammaṃ sabbassa lakkhaṇassa kāraṇaṃ visiṭṭharūpattā phalassa. Na hi abhinnarūpakāraṇaṃ bhinnasabhāvassa phalassa paccayo bhavituṃ sakkoti, tasmā yassa yassa lakkhaṇassa yaṃ yaṃ puññakammaṃ visesakāraṇaṃ, taṃ taṃ vibhāgena dassentī ayaṃ desanā pavattā. Tattha yathā yādisaṃ kāyasucaritādipuññakammaṃ suppatiṭṭhitapādatāya kāraṇaṃ vuttaṃ, tādisameva ‘‘uṇhīsasīsatāya’’ kāraṇanti na sakkā vattuṃ daḷhasamādānatāvisiṭṭhassa tassa suppatiṭṭhitapādatāya kāraṇabhāvena vuttattā, itarassa ca pubbaṅgamatāvisiṭṭhassa vuttattā, evaṃ yādisaṃ āyatapaṇhitāya kāraṇaṃ, na tādisameva dīghaṅgulitāya, brahmujugattatāya ca kāraṇaṃ visiṭṭharūpattā phalassa. Na hi abhinnarūpakāraṇaṃ bhinnasabhāvassa phalassa paccayo bhavituṃ sakkoti. Tattha yathā ekeneva kammunā cakkhādinānindriyuppattiyaṃ avatthābhedato, sāmatthiyabhedato vā kammabhedo icchitabbo. Na hi yadavatthaṃ kammaṃ cakkhussa kāraṇaṃ, tadavatthameva sotādīnaṃ kāraṇaṃ hoti abhinnasāmatthiyaṃ vā, tasmā pañcāyatanikattabhāvapatthanābhūtā purimanipphannā kāmataṇhā paccayavasena visiṭṭhasabhāvā kammassa visiṭṭhasabhāvaphalanibbattanasamatthatāsādhanavasena paccayo hotīti ekampi anekavidhaphalanibbattanasamatthatāvasena anekarūpataṃ āpannaṃ viya hoti, evamidhāpi ‘‘ekampi pāṇātipātā veramaṇivasena pavattaṃ kusalakammaṃ āyatapaṇhitādīnaṃ tiṇṇampi lakkhaṇānaṃ nibbattakaṃ hotī’’ti vuccamānepi na koci virodho. Tena vuttaṃ ‘‘so tassa kammassa katattā…pe… imāni tīṇi mahāpurisalakkhaṇāni paṭilabhatī’’ti nānākammunā pana tesaṃ nibbattiyaṃ vattabbameva natthi, pāḷiyaṃ pana ‘‘tassa kammassā’’ti ekavacananiddeso sāmaññavasenāti daṭṭhabbo. Evañca katvā satapuññalakkhaṇavacanaṃ samatthitaṃ hoti. ‘‘Imāni dve mahāpurisalakkhaṇāni paṭilabhatī’’tiādīsupi eseva nayoti.

    ลกฺขณสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ

    Lakkhaṇasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๗. ลกฺขณสุตฺตํ • 7. Lakkhaṇasuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๗. ลกฺขณสุตฺตวณฺณนา • 7. Lakkhaṇasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact