Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๒. ลกุณฺฑกภทฺทิยเตฺถรคาถาวณฺณนา
2. Lakuṇḍakabhaddiyattheragāthāvaṇṇanā
ปเร อมฺพาฎการาเมติอาทิกา อายสฺมโต ลกุณฺฑกภทฺทิยเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยํ กิร ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร มหาโภเค กุเล นิพฺพตฺติตฺวา, วยปฺปโตฺต สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุณโนฺต นิสิโนฺน ตสฺมิํ ขเณ สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ มญฺชุสฺสรานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา, สยมฺปิ ตํ ฐานํ ปเตฺถโนฺต พุทฺธปฺปมุขสฺส ภิกฺขุสงฺฆสฺส มหาทานํ ทตฺวา, ‘‘อโห วตาหมฺปิ อนาคเต อยํ ภิกฺขุ วิย เอกสฺส พุทฺธสฺส สาสเน มญฺชุสฺสรานํ อโคฺค ภเวยฺย’’นฺติ ปณิธานํ อกาสิฯ ภควา จ ตสฺส อนนฺตรายตํ ทิสฺวา พฺยากริตฺวา ปกฺกามิฯ
Pare ambāṭakārāmetiādikā āyasmato lakuṇḍakabhaddiyattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayaṃ kira padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare mahābhoge kule nibbattitvā, vayappatto satthu santike dhammaṃ suṇanto nisinno tasmiṃ khaṇe satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ mañjussarānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā, sayampi taṃ ṭhānaṃ patthento buddhappamukhassa bhikkhusaṅghassa mahādānaṃ datvā, ‘‘aho vatāhampi anāgate ayaṃ bhikkhu viya ekassa buddhassa sāsane mañjussarānaṃ aggo bhaveyya’’nti paṇidhānaṃ akāsi. Bhagavā ca tassa anantarāyataṃ disvā byākaritvā pakkāmi.
โส ตตฺถ ยาวชีวํ ปุญฺญานิ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต ผุสฺสสฺส ภควโต กาเล จิตฺตปตฺตโกกิโล หุตฺวา ราชุยฺยานโต มธุรํ อมฺพผลํ ตุเณฺฑนาทาย คจฺฉโนฺต สตฺถารํ ทิสฺวา ปสนฺนมานโส ‘‘ทสฺสามี’’ติ จิตฺตํ อุปฺปาเทสิฯ สตฺถา ตสฺส จิตฺตํ ญตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา นิสีทิฯ โกกิโล ทสพลสฺส ปเตฺต อมฺพปกฺกํ ปติฎฺฐาเปสิฯ สตฺถา ตํ ปริภุญฺชิฯ โส โกกิโล ปสนฺนมานโส เตเนว ปีติสุเขน สตฺตาหํ วีตินาเมสิฯ เตน จ ปุญฺญกเมฺมน มญฺชุสฺสโร อโหสิฯ กสฺสปสมฺมาสมฺพุทฺธกาเล ปน เจติเย อารเทฺธ กิํ ปมาณํ กโรม? สตฺตโยชนปฺปมาณํฯ อติมหนฺตเมตํฯ ฉโยชนปฺปมาณํฯ เอตมฺปิ อติมหนฺตํฯ ปญฺจโยชนํ, จตุโยชนํ, ติโยชนํ, ทฺวิโยชนนฺติ วุเตฺต อยํ ตทา เชฎฺฐวฑฺฒกี หุตฺวา ‘‘เอถ, โภ, อนาคเต สุขปฎิชคฺคิยํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วตฺวา รชฺชุยา ปริกฺขิปโนฺต คาวุตมตฺตเก ฐตฺวา ‘‘เอเกกํ มุขํ คาวุตํ คาวุตํ โหตุ, เจติยํ เอกโยชนาวฎฺฎํ โยชนุเพฺพธํ ภวิสฺสตี’’ติ อาหฯ เต ตสฺส วจเน อฎฺฐํสุฯ อิติ อปฺปมาณสฺส พุทฺธสฺส ปมาณํ อกาสีติฯ เตน ปน กเมฺมน นิพฺพตฺตนิพฺพตฺตฎฺฐาเน อเญฺญหิ นีจตรปฺปมาโณ โหติฯ
So tattha yāvajīvaṃ puññāni katvā devamanussesu saṃsaranto phussassa bhagavato kāle cittapattakokilo hutvā rājuyyānato madhuraṃ ambaphalaṃ tuṇḍenādāya gacchanto satthāraṃ disvā pasannamānaso ‘‘dassāmī’’ti cittaṃ uppādesi. Satthā tassa cittaṃ ñatvā pattaṃ gahetvā nisīdi. Kokilo dasabalassa patte ambapakkaṃ patiṭṭhāpesi. Satthā taṃ paribhuñji. So kokilo pasannamānaso teneva pītisukhena sattāhaṃ vītināmesi. Tena ca puññakammena mañjussaro ahosi. Kassapasammāsambuddhakāle pana cetiye āraddhe kiṃ pamāṇaṃ karoma? Sattayojanappamāṇaṃ. Atimahantametaṃ. Chayojanappamāṇaṃ. Etampi atimahantaṃ. Pañcayojanaṃ, catuyojanaṃ, tiyojanaṃ, dviyojananti vutte ayaṃ tadā jeṭṭhavaḍḍhakī hutvā ‘‘etha, bho, anāgate sukhapaṭijaggiyaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti vatvā rajjuyā parikkhipanto gāvutamattake ṭhatvā ‘‘ekekaṃ mukhaṃ gāvutaṃ gāvutaṃ hotu, cetiyaṃ ekayojanāvaṭṭaṃ yojanubbedhaṃ bhavissatī’’ti āha. Te tassa vacane aṭṭhaṃsu. Iti appamāṇassa buddhassa pamāṇaṃ akāsīti. Tena pana kammena nibbattanibbattaṭṭhāne aññehi nīcatarappamāṇo hoti.
โส อมฺหากํ สตฺถุ กาเล สาวตฺถิยํ มหาโภคกุเล นิพฺพตฺติ, ภทฺทิโยติสฺส นามํ อโหสิฯ อติรสฺสตาย ปน ลกุณฺฑกภทฺทิโยติ ปญฺญายิตฺถฯ โส สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา, ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา, พหุสฺสุโต ธมฺมกถิโก หุตฺวา มธุเรน สเรน ปเรสํ ธมฺมํ กเถสิฯ อเถกสฺมิํ อุสฺสวทิวเส เอเกน พฺราหฺมเณน สทฺธิํ รเถน คจฺฉนฺตี อญฺญตรา คณิกา เถรํ ทิสฺวา ทนฺตวิทํสกํ หสิฯ เถโร ตสฺสา ทนฺตฎฺฐิเก นิมิตฺตํ คเหตฺวา ฌานํ อุปฺปาเทตฺวา, ตํ ปาทกํ กตฺวา, วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา, อนาคามี อโหสิฯ โส อภิณฺหํ กายคตาย สติยา วิหรโนฺต เอกทิวสํ อายสฺมตา ธมฺมเสนาปตินา โอวทิยมาโน อรหเตฺต ปติฎฺฐหิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๒.๕๕.๑-๓๓) –
So amhākaṃ satthu kāle sāvatthiyaṃ mahābhogakule nibbatti, bhaddiyotissa nāmaṃ ahosi. Atirassatāya pana lakuṇḍakabhaddiyoti paññāyittha. So satthu santike dhammaṃ sutvā, paṭiladdhasaddho pabbajitvā, bahussuto dhammakathiko hutvā madhurena sarena paresaṃ dhammaṃ kathesi. Athekasmiṃ ussavadivase ekena brāhmaṇena saddhiṃ rathena gacchantī aññatarā gaṇikā theraṃ disvā dantavidaṃsakaṃ hasi. Thero tassā dantaṭṭhike nimittaṃ gahetvā jhānaṃ uppādetvā, taṃ pādakaṃ katvā, vipassanaṃ paṭṭhapetvā, anāgāmī ahosi. So abhiṇhaṃ kāyagatāya satiyā viharanto ekadivasaṃ āyasmatā dhammasenāpatinā ovadiyamāno arahatte patiṭṭhahi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 2.55.1-33) –
‘‘ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน, สพฺพธเมฺมสุ จกฺขุมา;
‘‘Padumuttaro nāma jino, sabbadhammesu cakkhumā;
อิโต สตสหสฺสมฺหิ, กเปฺป อุปฺปชฺชิ นายโกฯ
Ito satasahassamhi, kappe uppajji nāyako.
‘‘ตทาหํ หํสวติยํ เสฎฺฐิปุโตฺต มหทฺธโน;
‘‘Tadāhaṃ haṃsavatiyaṃ seṭṭhiputto mahaddhano;
ชงฺฆาวิหารํ วิจรํ, สงฺฆารามํ อคจฺฉหํฯ
Jaṅghāvihāraṃ vicaraṃ, saṅghārāmaṃ agacchahaṃ.
‘‘ตทา โส โลกปโชฺชโต, ธมฺมํ เทเสสิ นายโก;
‘‘Tadā so lokapajjoto, dhammaṃ desesi nāyako;
มญฺชุสฺสรานํ ปวรํ, สาวกํ อภิกิตฺตยิฯ
Mañjussarānaṃ pavaraṃ, sāvakaṃ abhikittayi.
‘‘ตํ สุตฺวา มุทิโต หุตฺวา, การํ กตฺวา มเหสิโน;
‘‘Taṃ sutvā mudito hutvā, kāraṃ katvā mahesino;
วนฺทิตฺวา สตฺถุโน ปาเท, ตํ ฐานมภิปตฺถยิํฯ
Vanditvā satthuno pāde, taṃ ṭhānamabhipatthayiṃ.
‘‘ตทา พุโทฺธ วิยากาสิ, สงฺฆมเชฺฌ วินายโก;
‘‘Tadā buddho viyākāsi, saṅghamajjhe vināyako;
อนาคตมฺหิ อทฺธาเน, ลจฺฉเส ตํ มโนรถํฯ
Anāgatamhi addhāne, lacchase taṃ manorathaṃ.
‘‘สตสหสฺสิโต กเปฺป, โอกฺกากกุลสมฺภโว;
‘‘Satasahassito kappe, okkākakulasambhavo;
โคตโม นาม โคเตฺตน, สตฺถา โลเก ภวิสฺสติฯ
Gotamo nāma gottena, satthā loke bhavissati.
‘‘ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาโท, โอรโส ธมฺมนิมฺมิโต;
‘‘Tassa dhammesu dāyādo, oraso dhammanimmito;
ภทฺทิโย นาม นาเมน, เหสฺสติ สตฺถุ สาวโกฯ
Bhaddiyo nāma nāmena, hessati satthu sāvako.
‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ
Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.
‘‘เทฺวนวุเต อิโต กเปฺป, ผุโสฺส อุปฺปชฺชิ นายโก;
‘‘Dvenavute ito kappe, phusso uppajji nāyako;
ทุราสโท ทุปฺปสโห, สพฺพโลกุตฺตโม ชิโนฯ
Durāsado duppasaho, sabbalokuttamo jino.
‘‘จรเณน จ สมฺปโนฺน, พฺรหา อุชุ ปตาปวา;
‘‘Caraṇena ca sampanno, brahā uju patāpavā;
หิเตสี สพฺพสตฺตานํ, พหุํ โมเจสิ พนฺธนาฯ
Hitesī sabbasattānaṃ, bahuṃ mocesi bandhanā.
‘‘นนฺทารามวเน ตสฺส, อโหสิํ ผุสฺสโกกิโล;
‘‘Nandārāmavane tassa, ahosiṃ phussakokilo;
คนฺธกุฎิสมาสเนฺน, อมฺพรุเกฺข วสามหํฯ
Gandhakuṭisamāsanne, ambarukkhe vasāmahaṃ.
‘‘ตทา ปิณฺฑาย คจฺฉนฺตํ, ทกฺขิเณยฺยํ ชินุตฺตมํ;
‘‘Tadā piṇḍāya gacchantaṃ, dakkhiṇeyyaṃ jinuttamaṃ;
ทิสฺวา จิตฺตํ ปสาเทตฺวา, มญฺชุนาภินิกูชหํฯ
Disvā cittaṃ pasādetvā, mañjunābhinikūjahaṃ.
‘‘ราชุยฺยานํ ตทา คนฺตฺวา, สุปกฺกํ กนกตฺตจํ;
‘‘Rājuyyānaṃ tadā gantvā, supakkaṃ kanakattacaṃ;
อมฺพปิณฺฑํ คเหตฺวาน, สมฺพุทฺธโสฺสปนามยิํฯ
Ambapiṇḍaṃ gahetvāna, sambuddhassopanāmayiṃ.
‘‘ตทา เม จิตฺตมญฺญาย, มหาการุณิโก ชิโน;
‘‘Tadā me cittamaññāya, mahākāruṇiko jino;
อุปฎฺฐากสฺส หตฺถโต, ปตฺตํ ปคฺคณฺหิ นายโกฯ
Upaṭṭhākassa hatthato, pattaṃ paggaṇhi nāyako.
‘‘อทาสิํ หฎฺฐจิโตฺตหํ, อมฺพปิณฺฑํ มหามุเน;
‘‘Adāsiṃ haṭṭhacittohaṃ, ambapiṇḍaṃ mahāmune;
ปเตฺต ปกฺขิปฺป ปเกฺขหิ, ปญฺชลิํ กตฺวาน มญฺชุนาฯ
Patte pakkhippa pakkhehi, pañjaliṃ katvāna mañjunā.
‘‘สเรน รชนีเยน, สวนีเยน วคฺคุนา;
‘‘Sarena rajanīyena, savanīyena vaggunā;
วสฺสโนฺต พุทฺธปูชตฺถํ, นีฬํ คนฺตฺวา นิปชฺชหํฯ
Vassanto buddhapūjatthaṃ, nīḷaṃ gantvā nipajjahaṃ.
‘‘ตทา มุทิตจิตฺตํ มํ, พุทฺธเปมคตาสยํ;
‘‘Tadā muditacittaṃ maṃ, buddhapemagatāsayaṃ;
สกุณคฺฆิ อุปาคนฺตฺวา, ฆาตยี ทุฎฺฐมานโสฯ
Sakuṇagghi upāgantvā, ghātayī duṭṭhamānaso.
‘‘ตโต จุโตหํ ตุสิเต, อนุโภตฺวา มหาสุขํ;
‘‘Tato cutohaṃ tusite, anubhotvā mahāsukhaṃ;
มนุสฺสโยนิมาคจฺฉิํ, ตสฺส กมฺมสฺส วาหสาฯ
Manussayonimāgacchiṃ, tassa kammassa vāhasā.
‘‘อิมมฺหิ ภทฺทเก กเปฺป, พฺรหฺมพนฺธุ มหายโส;
‘‘Imamhi bhaddake kappe, brahmabandhu mahāyaso;
กสฺสโป นาม โคเตฺตน, อุปฺปชฺชิ วทตํ วโรฯ
Kassapo nāma gottena, uppajji vadataṃ varo.
‘‘สาสนํ โชตยิตฺวา โส, อภิภุยฺย กุติตฺถิเย;
‘‘Sāsanaṃ jotayitvā so, abhibhuyya kutitthiye;
วินยิตฺวาน เวเนเยฺย, นิพฺพุโต โส สสาวโกฯ
Vinayitvāna veneyye, nibbuto so sasāvako.
‘‘นิพฺพุเต ตมฺหิ โลกเคฺค, ปสนฺนา ชนตา พหู;
‘‘Nibbute tamhi lokagge, pasannā janatā bahū;
ปูชนตฺถาย พุทฺธสฺส, ถูปํ กุพฺพนฺติ สตฺถุโนฯ
Pūjanatthāya buddhassa, thūpaṃ kubbanti satthuno.
‘‘สตฺตโยชนิกํ ถูปํ, สตฺตรตนภูสิตํ;
‘‘Sattayojanikaṃ thūpaṃ, sattaratanabhūsitaṃ;
กริสฺสาม มเหสิสฺส, อิเจฺจวํ มนฺตยนฺติ เตฯ
Karissāma mahesissa, iccevaṃ mantayanti te.
‘‘กิกิโน กาสิราชสฺส, ตทา เสนาย นายโก;
‘‘Kikino kāsirājassa, tadā senāya nāyako;
หุตฺวาหํ อปฺปมาณสฺส, ปมาณํ เจติเย วทิํฯ
Hutvāhaṃ appamāṇassa, pamāṇaṃ cetiye vadiṃ.
‘‘ตทา เต มม วาเกฺยน, เจติยํ โยชนุคฺคตํ;
‘‘Tadā te mama vākyena, cetiyaṃ yojanuggataṃ;
อกํสุ นรวีรสฺส, นานารตนภูสิตํฯ
Akaṃsu naravīrassa, nānāratanabhūsitaṃ.
‘‘เตน กเมฺมน สุกเตน, เจตนาปณิธีหิ จ;
‘‘Tena kammena sukatena, cetanāpaṇidhīhi ca;
ชหิตฺวา มานุสํ เทหํ, ตาวติํสมคจฺฉหํฯ
Jahitvā mānusaṃ dehaṃ, tāvatiṃsamagacchahaṃ.
‘‘ปจฺฉิเม จ ภเว ทานิ, ชาโต เสฎฺฐิกุเล อหํ;
‘‘Pacchime ca bhave dāni, jāto seṭṭhikule ahaṃ;
สาวตฺถิยํ ปุรวเร, อิเทฺธ ผีเต มหทฺธเนฯ
Sāvatthiyaṃ puravare, iddhe phīte mahaddhane.
‘‘ปุรปฺปเวเส สุคตํ, ทิสฺวา วิมฺหิตมานโส;
‘‘Purappavese sugataṃ, disvā vimhitamānaso;
ปพฺพชิตฺวาน น จิรํ, อรหตฺตมปาปุณิํฯ
Pabbajitvāna na ciraṃ, arahattamapāpuṇiṃ.
‘‘เจติยสฺส ปมาณํ ยํ, อกริํ เตน กมฺมุนา;
‘‘Cetiyassa pamāṇaṃ yaṃ, akariṃ tena kammunā;
ลกุณฺฑกสรีโรหํ, ชาโต ปริภวารโหฯ
Lakuṇḍakasarīrohaṃ, jāto paribhavāraho.
‘‘สเรน มธุเรนาหํ, ปูชิตฺวา อิสิสตฺตมํ;
‘‘Sarena madhurenāhaṃ, pūjitvā isisattamaṃ;
มญฺชุสฺสรานํ ภิกฺขูนํ, อคฺคตฺตมนุปาปุณิํฯ
Mañjussarānaṃ bhikkhūnaṃ, aggattamanupāpuṇiṃ.
‘‘ผลทาเนน พุทฺธสฺส, คุณานุสฺสรเณน จ;
‘‘Phaladānena buddhassa, guṇānussaraṇena ca;
สามญฺญผลสมฺปโนฺน, วิหรามิ อนาสโวฯ
Sāmaññaphalasampanno, viharāmi anāsavo.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อปรภาเค อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –
Aparabhāge aññaṃ byākaronto –
๔๖๖.
466.
‘‘ปเร อมฺพาฎการาเม, วนสณฺฑมฺหิ ภทฺทิโย;
‘‘Pare ambāṭakārāme, vanasaṇḍamhi bhaddiyo;
สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺห, ตตฺถ ภโทฺทว ฌายติฯ
Samūlaṃ taṇhamabbuyha, tattha bhaddova jhāyati.
๔๖๗.
467.
‘‘รมเนฺตเก มุทิเงฺคหิ, วีณาหิ ปณเวหิ จ;
‘‘Ramanteke mudiṅgehi, vīṇāhi paṇavehi ca;
อหญฺจ รุกฺขมูลสฺมิํ, รโต พุทฺธสฺส สาสเนฯ
Ahañca rukkhamūlasmiṃ, rato buddhassa sāsane.
๔๖๘.
468.
‘‘พุโทฺธ เจ เม วรํ ทชฺชา, โส จ ลเพฺภถ เม วโร;
‘‘Buddho ce me varaṃ dajjā, so ca labbhetha me varo;
คเณฺหหํ สพฺพโลกสฺส, นิจฺจํ กายคตํ สติ’’นฺติฯ –
Gaṇhehaṃ sabbalokassa, niccaṃ kāyagataṃ sati’’nti. –
อิมา ติโสฺส คาถา อภาสิฯ
Imā tisso gāthā abhāsi.
ตตฺถ ปเรติ เสเฎฺฐ อธิเก, วิสิเฎฺฐติ อโตฺถฯ อธิกวาจี หิ อยํ ปรสโทฺท ‘‘ปรํ วิย มตฺตายา’’ติอาทีสุ วิยฯ อมฺพาฎการาเมติ เอวํนามเก อาราเมฯ โส กิร ฉายูทกสมฺปโนฺน วนสณฺฑมณฺฑิโต รมณีโย โหติ เตน ‘‘ปเร’’ติ วิเสเสตฺวา วุโตฺตฯ ‘‘อมฺพาฎกวเน อมฺพาฎเกหิ อภิลกฺขิตวเน’’ติ จ วทนฺติฯ วนสณฺฑมฺหีติ วนคหเน, ฆนนิจิตรุกฺขคจฺฉลตาสมูเห วเนติ อโตฺถฯ ภทฺทิโยติ เอวํนามโก, อตฺตานเมว เถโร อญฺญํ วิย วทติฯ สมูลํ ตณฺหมพฺพุยฺหาติ ตณฺหาย มูลํ นาม อวิชฺชาฯ ตสฺมา สาวิชฺชํ ตณฺหํ อคฺคมเคฺคน สมุคฺฆาเฎตฺวาติ อโตฺถฯ ตตฺถ ภโทฺทว ฌายตีติ โลกุตฺตเรหิ สีลาทีหิ ภโทฺท สุนฺทโร ตสฺมิํเยว วนสเณฺฑ กตกิจฺจตาย ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหารวเสน อคฺคผลฌาเนน ฌายติฯ
Tattha pareti seṭṭhe adhike, visiṭṭheti attho. Adhikavācī hi ayaṃ parasaddo ‘‘paraṃ viya mattāyā’’tiādīsu viya. Ambāṭakārāmeti evaṃnāmake ārāme. So kira chāyūdakasampanno vanasaṇḍamaṇḍito ramaṇīyo hoti tena ‘‘pare’’ti visesetvā vutto. ‘‘Ambāṭakavane ambāṭakehi abhilakkhitavane’’ti ca vadanti. Vanasaṇḍamhīti vanagahane, ghananicitarukkhagacchalatāsamūhe vaneti attho. Bhaddiyoti evaṃnāmako, attānameva thero aññaṃ viya vadati. Samūlaṃ taṇhamabbuyhāti taṇhāya mūlaṃ nāma avijjā. Tasmā sāvijjaṃ taṇhaṃ aggamaggena samugghāṭetvāti attho. Tattha bhaddova jhāyatīti lokuttarehi sīlādīhi bhaddo sundaro tasmiṃyeva vanasaṇḍe katakiccatāya diṭṭhadhammasukhavihāravasena aggaphalajhānena jhāyati.
ผลสุเขน จ ฌานสมาปตฺตีหิ จ วีตินาเมตีติ อตฺตโน วิเวกรติํ ทเสฺสตฺวา ‘‘รมเนฺตเก’’ติ คาถายปิ พฺยติเรกมุเขน ตเมวตฺถํ ทเสฺสติฯ ตตฺถ มุทิเงฺคหีติ องฺคิกาทีหิ มุรเชหิฯ วีณาหีติ นนฺทินีอาทีหิ วีณาหิฯ ปณเวหีติ ตุริเยหิ รมนฺติ เอเก กามโภคิโน, สา ปน เตสํ รติ อนริยา อนตฺถสํหิตาฯ อหญฺจา ติ อหํ ปน, เอกโก พุทฺธสฺส ภควโต สาสเน รโต, ตโต เอว รุกฺขมูลสฺมิํ รโต อภิรโต วิหรามีติ อโตฺถฯ
Phalasukhena ca jhānasamāpattīhi ca vītināmetīti attano vivekaratiṃ dassetvā ‘‘ramanteke’’ti gāthāyapi byatirekamukhena tamevatthaṃ dasseti. Tattha mudiṅgehīti aṅgikādīhi murajehi. Vīṇāhīti nandinīādīhi vīṇāhi. Paṇavehīti turiyehi ramanti eke kāmabhogino, sā pana tesaṃ rati anariyā anatthasaṃhitā. Ahañcā ti ahaṃ pana, ekako buddhassa bhagavato sāsane rato, tato eva rukkhamūlasmiṃ rato abhirato viharāmīti attho.
เอวํ อตฺตโน วิเวกาภิรติํ กิเตฺตตฺวา อิทานิ ยํ กายคตาสติกมฺมฎฺฐานํ ภาเวตฺวา อรหตฺตํ ปโตฺต, ตสฺส ปสํสนตฺถํ ‘‘พุโทฺธ เจ เม’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – สเจ พุโทฺธ ภควา ‘‘เอกาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ วรํ ยาจามี’’ติ มยา ยาจิโต ‘‘อติกฺกนฺตวรา โข, ภิกฺขุ, ตถาคตา’’ติ อปฎิกฺขิปิตฺวา มยฺหํ ยถายาจิตํ วรํ ทเทยฺย, โส จ วโร มมาธิปฺปายปูรโก ลเพฺภถ มยฺหํ มโนรถํ มตฺถกํ ปาเปยฺยาติ เถโร ปริกปฺปวเสน วทติฯ ‘‘ภเนฺต, สโพฺพ โลโก สพฺพกาลํ กายคตาสติกมฺมฎฺฐานํ ภาเวตู’’ติ ‘‘สพฺพโลกสฺส นิจฺจํ กายคตาสติ ภาเวตพฺพา’’ติ กตฺวา วรํ คเณฺห อหนฺติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘คเณฺหหํ สพฺพโลกสฺส, นิจฺจํ กายคตํ สติ’’นฺติฯ อิทานิ อปริกฺขณครหามุเขน ปริกฺขณํ ปสํสโนฺต –
Evaṃ attano vivekābhiratiṃ kittetvā idāni yaṃ kāyagatāsatikammaṭṭhānaṃ bhāvetvā arahattaṃ patto, tassa pasaṃsanatthaṃ ‘‘buddho ce me’’ti gāthamāha. Tassattho – sace buddho bhagavā ‘‘ekāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ varaṃ yācāmī’’ti mayā yācito ‘‘atikkantavarā kho, bhikkhu, tathāgatā’’ti apaṭikkhipitvā mayhaṃ yathāyācitaṃ varaṃ dadeyya, so ca varo mamādhippāyapūrako labbhetha mayhaṃ manorathaṃ matthakaṃ pāpeyyāti thero parikappavasena vadati. ‘‘Bhante, sabbo loko sabbakālaṃ kāyagatāsatikammaṭṭhānaṃ bhāvetū’’ti ‘‘sabbalokassa niccaṃ kāyagatāsati bhāvetabbā’’ti katvā varaṃ gaṇhe ahanti dassento āha ‘‘gaṇhehaṃ sabbalokassa, niccaṃ kāyagataṃ sati’’nti. Idāni aparikkhaṇagarahāmukhena parikkhaṇaṃ pasaṃsanto –
๔๖๙.
469.
‘‘เย มํ รูเปน ปามิํสุ, เย จ โฆเสน อนฺวคู;
‘‘Ye maṃ rūpena pāmiṃsu, ye ca ghosena anvagū;
ฉนฺทราควสูเปตา, น มํ ชานนฺติ เต ชนาฯ
Chandarāgavasūpetā, na maṃ jānanti te janā.
๔๗๐.
470.
‘‘อชฺฌตฺตญฺจ น ชานาติ, พหิทฺธา จ น ปสฺสติ;
‘‘Ajjhattañca na jānāti, bahiddhā ca na passati;
สมนฺตาวรโณ พาโล, ส เว โฆเสน วุยฺหติฯ
Samantāvaraṇo bālo, sa ve ghosena vuyhati.
๔๗๑.
471.
‘‘อชฺฌตฺตญฺจ น ชานาติ, พหิทฺธา จ วิปสฺสติ;
‘‘Ajjhattañca na jānāti, bahiddhā ca vipassati;
พหิทฺธา ผลทสฺสาวี, โสปิ โฆเสน วุยฺหติฯ
Bahiddhā phaladassāvī, sopi ghosena vuyhati.
๔๗๒.
472.
‘‘อชฺฌตฺตญฺจ ปชานาติ, พหิทฺธา จ วิปสฺสติ;
‘‘Ajjhattañca pajānāti, bahiddhā ca vipassati;
อนาวรณทสฺสาวี, น โส โฆเสน วุยฺหตี’’ติฯ –
Anāvaraṇadassāvī, na so ghosena vuyhatī’’ti. –
อิมา จตโสฺส คาถา อภาสิฯ
Imā catasso gāthā abhāsi.
ตตฺถ เย มํ รูเปน ปามิํสูติ เย ชนา อวิทฺทสู มม รูเปน อปสาทิเกน นิหีเนน ‘‘อาการสทิสี ปญฺญา’’ติ, ธมฺมสรีเรน จ มํ นิหีนํ ปามิํสุ, ‘‘โอรโก อย’’นฺติ หีเฬนฺตา ปริจฺฉินฺทนวเสน มญฺญิํสูติ อโตฺถฯ เย จ โฆเสน อนฺวคูติ เย จ สตฺตา โฆเสน มญฺชุนา มํ สมฺภาวนาวเสน อนุคตา พหุ มญฺญิํสุ, ตํ เตสํ มิจฺฉา, น หิ อหํ รูปมเตฺตน อวมนฺตโพฺพ, โฆสมเตฺตน วา น พหุํ มนฺตโพฺพ, ตสฺมา ฉนฺทราควสูเปตา, น มํ ชานนฺติ เต ชนาติ เต ทุวิธาปิ ชนา ฉนฺทราคสฺส วสํ อุเปตา อปฺปหีนฉนฺทราคา สพฺพโส ปหีนฉนฺทราคํ มํ น ชานนฺติฯ
Tattha ye maṃ rūpena pāmiṃsūti ye janā aviddasū mama rūpena apasādikena nihīnena ‘‘ākārasadisī paññā’’ti, dhammasarīrena ca maṃ nihīnaṃ pāmiṃsu, ‘‘orako aya’’nti hīḷentā paricchindanavasena maññiṃsūti attho. Ye ca ghosena anvagūti ye ca sattā ghosena mañjunā maṃ sambhāvanāvasena anugatā bahu maññiṃsu, taṃ tesaṃ micchā, na hi ahaṃ rūpamattena avamantabbo, ghosamattena vā na bahuṃ mantabbo, tasmā chandarāgavasūpetā, na maṃ jānanti te janāti te duvidhāpi janā chandarāgassa vasaṃ upetā appahīnachandarāgā sabbaso pahīnachandarāgaṃ maṃ na jānanti.
อวิสโย เตสํ มาทิโส อชฺฌตฺตํ พหิทฺธา จ อปริญฺญาตวตฺถุตายาติ ทเสฺสตุํ ‘‘อชฺฌตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ อชฺฌตฺตนฺติ อตฺตโน สนฺตาเน ขนฺธายตนาทิธมฺมํฯ พหิทฺธาติ ปรสนฺตาเนฯ อถ วา อชฺฌตฺตนฺติ, มม อพฺภนฺตเร อเสกฺขสีลกฺขนฺธาทิํฯ พหิทฺธาติ, มเมว อากปฺปสมฺปตฺติยาทิยุตฺตํ พหิทฺธา รูปธมฺมปฺปวตฺติํ จกฺขุวิญฺญาณาทิปฺปวตฺติญฺจฯ สมนฺตาวรโณติ เอวํ อชฺฌตฺตญฺจ พหิทฺธา จ อชานเนน สมนฺตโต อาวรณยุโตฺต อาวฎญาณคติโกฯ ส เว โฆเสน วุยฺหตีติ โส ปรเนยฺยพุทฺธิโก พาโล โฆเสน ปเรสํ วจเนน วุยฺหติ นิยฺยติ อากฑฺฒียติฯ
Avisayo tesaṃ mādiso ajjhattaṃ bahiddhā ca apariññātavatthutāyāti dassetuṃ ‘‘ajjhatta’’ntiādi vuttaṃ. Ajjhattanti attano santāne khandhāyatanādidhammaṃ. Bahiddhāti parasantāne. Atha vā ajjhattanti, mama abbhantare asekkhasīlakkhandhādiṃ. Bahiddhāti, mameva ākappasampattiyādiyuttaṃ bahiddhā rūpadhammappavattiṃ cakkhuviññāṇādippavattiñca. Samantāvaraṇoti evaṃ ajjhattañca bahiddhā ca ajānanena samantato āvaraṇayutto āvaṭañāṇagatiko. Sa ve ghosena vuyhatīti so paraneyyabuddhiko bālo ghosena paresaṃ vacanena vuyhati niyyati ākaḍḍhīyati.
พหิทฺธา จ วิปสฺสตีติ โย จ วุตฺตนเยน อชฺฌตฺตํ น ชานาติ, พหิทฺธา ปน สุตานุสาเรน อากปฺปสมฺปตฺติอาทิอุปธารเณน วา วิเสสโต ปสฺสติฯ ‘‘คุณวิเสสยุโตฺต สิยา’’ติ มญฺญติ, โสปิ พหิทฺธา ผลทสฺสาวี นยคฺคาเหน ผลมตฺตํ คณฺหโนฺต วุตฺตนเยน โฆเสน วุยฺหติ, โสปิ มาทิเส น ชานาตีติ อโตฺถฯ
Bahiddhā ca vipassatīti yo ca vuttanayena ajjhattaṃ na jānāti, bahiddhā pana sutānusārena ākappasampattiādiupadhāraṇena vā visesato passati. ‘‘Guṇavisesayutto siyā’’ti maññati, sopi bahiddhā phaladassāvī nayaggāhena phalamattaṃ gaṇhanto vuttanayena ghosena vuyhati, sopi mādise na jānātīti attho.
โย ปน อชฺฌตฺตญฺจ ขีณาสวสฺส อพฺภนฺตเร อเสกฺขสีลกฺขนฺธาทิคุณํ ชานาติ, พหิทฺธา จสฺส ปฎิปตฺติสลฺลกฺขเณน วิเสสโต คุณวิเสสโยคํ ปสฺสติฯ อนาวรณทสฺสาวี เกนจิ อนาวโฎ หุตฺวา อริยานํ คุเณ ทฎฺฐุํ ญาตุํ สมโตฺถ, น โส โฆสมเตฺตน วุยฺหติ ยาถาวโต ทสฺสนโตติฯ
Yo pana ajjhattañca khīṇāsavassa abbhantare asekkhasīlakkhandhādiguṇaṃ jānāti, bahiddhā cassa paṭipattisallakkhaṇena visesato guṇavisesayogaṃ passati. Anāvaraṇadassāvī kenaci anāvaṭo hutvā ariyānaṃ guṇe daṭṭhuṃ ñātuṃ samattho, na so ghosamattena vuyhati yāthāvato dassanatoti.
ลกุณฺฑกภทฺทิยเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Lakuṇḍakabhaddiyattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๒. ลกุณฺฑกภทฺทิยเตฺถรคาถา • 2. Lakuṇḍakabhaddiyattheragāthā